คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : กลับเมือง
หนวดเส้นบาง
ๆ บนแก้มของซวงหลานเหอกระดิกเล็กน้อย
หางสีดำแซมขาวก็แกว่งไปมาเมื่อได้ยินที่ยี่ฟงกล่าว
“นอกจากจะเก่งกล้าแล้วท่านยังฉลาดล้ำเลิศอีกด้วย!”
ซวงหลานเหอเดินเข้าใกล้พร้อมเอ่ยชื่นชมยี่ฟง
หยกราตรีจ้องเด็กสาวตาเป็นประกาย ส่วนเหนือฟ้ากวาดมองไปทั่วก่อนหยุดลงที่ลู่เหวินพลางถามขึ้น
“ชาวบ้านไม่ใช่มนุษย์หรอกหรือ แล้วเป็นอะไรกัน!?”
“พวกข้าคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีเชื้อสายปีศาจขอรับ”
ลู่เหวินตอบ
“เผ่าแมวหรือวะ”
มังกรเฒ่าเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“จะเรียกเช่นนั้นก็ไม่ผิดนัก แต่แท้จริงแล้วพวกข้าคือเผ่าปีศาจเก้าเงามรณะ”
ลู่เหวินเงยหน้าตอบแววตาสะท้อนประกายแสงดูลี้ลับ
“รูปลักษณ์ของพวกเอ็งดูไม่โหดเหมือนชื่อเผ่าเลยจริง
ๆ”
มังกรเฒ่ากล่าวพลางส่ายศีรษะ
ทว่าสำหรับยี่ฟงแล้วความน่ารักเพลินตาเหล่านี้หากมีอันตรายซ่อนเร้นอยู่ล่ะก็ มันจะน่ากลัวมากเสียยิ่งกว่าอื่นใด
“ท่านยี่ฟงโปรดวางใจ ยามนี้เผ่าพันธุ์ข้าอ่อนแอไร้ซึ่งเขี้ยวเล็บ กระทั่งโจรป่าโจรเขายังไม่อาจเอาชนะ”
ลู่เหวินเอ่ยอย่างรู้ทัน เมื่อทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาแล้วจึงอธิบายต่อว่า
“ในอดีตเผ่าปีศาจเก้าเงามรณะเคยอาศัยอยู่ ณ วิหารบรรพชนเทพมังกร มีศักดิ์เป็นข้ารับใช้ ทูต และนักรบถวายแด่ท่านจ้าววิหารมาเนิ่นนาน จวบกระทั่งพวกข้าไม่เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไป สุดท้ายถูกขับไล่ออกจากวิหารบรรพชนเทพมังกรและมาสิ้นสุดลงที่ป่ากลืนวิญญาณแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่พ้นต้องเผชิญพบกับกลุ่มคนปริศนารุกรานทำลายผู้ปกปักรักษาวิหคเทวะเรา ยอดนักรบที่หลงเหลือสละชีวิตไปในสงครามครานั้น…พวกข้ามีแต่จะยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย
ๆ”
ยี่ฟงพยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามอย่างสงสัยว่า
“เหตุใดพวกเจ้าจะต้องปกปิดร่างแท้จริงเอาไว้หรือ”
“เพราะศัตรูของเผ่าพันธุ์ข้ามีมากมาย อดีตเมื่อครั้งที่ยังดำรงอยู่ใต้ฐานะอันทรงเกียรติภายในวิหาร
ฯ เผ่าพันธุ์อื่นต่างริษยาโดยไม่อาจทำอย่างไรได้ แต่ยามนี้พวกข้าไม่มีอำนาจใดคอยปกป้องย่อมเสี่ยงเผชิญพบอันตรายได้ทุกเมื่อ”
“จ้าววิหารที่ว่านั่นช่างเห็นแก่ตัวนัก!”
หยกราตรีเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ
“พวกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร จนป่านนี้เผ่าปีศาจเก้าเงามรณะสมควรถูกลืมเลือนไปแล้ว”
ลู่เหวินกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว
การสนทนาดำเนินต่ออีกสักพักก็หยุดลง เหล่าชาวบ้านปกปิดตัวตนแท้จริงเอาไว้อีกครั้งและพากันล่ำลากลุ่มยี่ฟงกระทั่งลับสายตาไป
ยี่ฟงและเพื่อน
ๆ ยังมีซวงหลานเหอกับมารดาร่วมทางมาด้วย พวกเขามุ่งหน้าออกจากป่าตรงกลับไปที่เมืองจงหยางในทันที เนื่องจากเกมนี้ไม่มีใบวาร์ปหรือจุดเทเลพอร์ตอย่างเกมอื่น การเดินทางแต่ละครั้งเหล่าเพลเยอร์จึงต้องคำนวณเสบียงอาหารและเวลาเอาไว้คร่าว
ๆ เพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดฝัน อาทิ อาหารหมดกลางทาง น้ำยาเพิ่มเลือดไม่พอ
“เหนือฟ้า
นายคิดว่าคนพวกนั้นจะดักรอเราอยู่ที่เมืองหรือเปล่า”
มุกทิวากังวลจนต้องเอ่ยปากถามขึ้น
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
เหนือฟ้าตอบตามตรง จนเป็นยี่ฟงซึ่งกล่าวแทรกขึ้นว่า
“พวกมันไม่กล้าแสดงตัวหรอก ทุกคนอาจยังไม่รู้แต่ไอ้หอกหักน่ะมันวางแผนและลงมือโดยไม่ได้แจ้งคนระดับสูงในกิลด์ ถ้ามันยังมีสมองอยู่ล่ะก็ คงไม่มีทางย้อนกลับมาวุ่นวายกับพวกเราในเร็ว ๆ
นี้แน่”
“ใครสนไอ้พวกเลวนั่นกัน ว่าแต่นายเถอะ
เป็นถึงยอดฝีมือได้ไงกันทั้งที่ยังใส่แค่ชุดเริ่มต้นอยู่แบบนี้!?”
หยกราตรีโพล่งขึ้นมาพร้อมเดินเข้าไปจี้ถามใกล้
ๆ ชายหนุ่ม
“ลืมเรื่องที่ฉันเผลอไปนอนกอดเธอแล้วหรือจ๊ะถึงได้กล้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้”
ยี่ฟงเบี่ยงประเด็นออกไปอย่างรวดเร็วเพราะเขาไม่ต้องการอธิบายที่มาของตัวเองมากนัก
“ไอ้บ้า!”
หยกราตรีอุทานและผลักยี่ฟงออกห่าง “เหนือฟ้า!
นายดูสิ อีตานี่ไม่ได้มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย”
“ฮ่า ฮ่า
ฉันก็แค่หยอกเธอเล่น ๆ
ขอโทษแล้วกัน”
ยี่ฟงกล่าวขึ้นยิ้ม
ๆ
“นายไม่ต้องมาพูดกับฉัน!”
หยกราตรีถอยลงไปเดินกับมุกทิวาและเหนือฟ้าตามเดิม ส่วนยี่ฟงเพียงขานรับสั้น ๆ โดยไม่คิดจะแย้งให้เป็นเรื่อง
‘ไอ้ตัวแสบ
ดูเหมือนมันจะมีความลับ’
มังกรเฒ่าคิดในใจเพราะจำได้ว่ายี่ฟงมักจะเบี่ยงประเด็นทุกครั้งที่ถูกถามเรื่องนี้ ชายแก่ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับเข้าไปจี้ถามบ้าง
“นี่ไอ้ตัวแสบ
สรุปเอ็งเก็บเลเวลไปจนถึงคลาสยอดฝีมือได้ยังไงวะ”
“ไม่เห็นยากอะไรนี่ลุง แค่อดทนเล่นไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึงเอง”
ยี่ฟงเลิกคิ้วตอบกลับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ถ้ามันง่ายแบบนั้นคนอื่นเขาจะแปลกใจกันหรือวะ เป็นเพราะมันยากและแทบเป็นไปไม่ได้เลยต่างหากล่ะโว้ย!”
มังกรเฒ่าเนียนโวยวายเพื่อดึงความสนใจเพื่อนร่วมทางทุกคน
‘หือ
ดูเหมือนลุงจะไม่ได้เคี้ยวง่าย ๆ ซะแล้ว’
ยี่ฟงลอบคิดในใจ คนอื่น ๆ เองก็รอเงี่ยหูฟังกันแล้ว
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่ามันง่ายสักหน่อยลุง ที่ฉันไม่เปลี่ยนเป็นชุดอื่นก็เพราะชุดเริ่มต้นมันซ่อมแซมตัวเองได้
สะดวกดี”
ยี่ฟงตัดสินใจอธิบายตามที่เขาคิดจริง
ๆ
“เออว่ะ!
ชุดเริ่มต้นเวลาขาดหรือเสียหายมันก็จะซ่อมแซมได้เอง ต่างจากชุดอื่นที่ต้องเสียเงินเพื่อใช้ซ่อม”
มังกรเฒ่าเหมือนเพิ่งนึกออกซึ่งเข้าทางยี่ฟงพอดี
“เพราะงั้นแหละลุง ไอ้ฉันมันคนจนพเนจรยากไร้ ไม่มีปัญญาสละเงินเพื่อไปซ่อมชุดที่ใส่อยู่หรอก”
“อย่าเวอร์ ๆ
ไม่มีเพลเยอร์ใหม่คนไหนเขาย่ำแย่อย่างที่เอ็งว่าหรอกไอ้ตัวแสบ”
มังกรเฒ่าหลงประเด็นตามที่ยี่ฟงหวังในที่สุด จากนั้นชายหนุ่มก็ลากซวงหลานเหอที่มัวแต่ชมทิวทัศน์เข้ามาร่วมวง การสนทนาจึงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ตลอดการเดินทางพวกเขาได้ปะทะกับมอนสเตอร์ถี่ยิบ
ดูเหมือนว่าดอกไม้หมาป่าราตรีจะไม่แสดงผลนอกพื้นที่ป่ากลืนวิญญาณ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเกมแนวนี้ ยี่ฟงจึงปล่อยให้คนอื่นฟาร์มกันไปโดยไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปช่วยหากไม่จำเป็น
กระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดกลุ่มของยี่ฟงก็ย้อนกลับมาจนถึงทางแยก
“พวกเราจะพักกันที่นี่ก่อนไหม หรือจะเดินทางรวดเดียวไปจนถึงเมืองจงหยางเลยดี!?”
เหนือฟ้าเอ่ยปากถามความคิดเห็น
“ข้าว่าพวกเราเดินทางต่อเถอะ เมืองก็อยู่ไม่ไกลแล้วดีกว่ามาเสี่ยงอยู่ที่นี่ซึ่งไม่รู้ว่าจะถูกกลุ่มไหนลอบโจมตีอีกหรือเปล่า”
มังกรเฒ่าแนะนำ
“ฉันก็เห็นด้วยกับลุง ว่าแต่อีกทางจะนำเราไปไหนหรือ”
ยี่ฟงสนับสนุนและถามถึงเส้นทางแยกอีกสาย
“เมืองเจี้ยนหลงหรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าเมืองดาบมังกรไง นี่เอ็งไม่รู้เรื่องจริงหรือวะ”
มังกรเฒ่าตอบและไม่พลาดที่จะแซะถามกลับไป
“จริง ๆ นอกจากเมืองดาบมังกรแล้วยังมีเมืองจิตมังกร
และเมืองเศียรมังกรอยู่ด้วยนะ
ทั้งสามเมืองนี้ต่างก็มีเส้นทางสัญจรหลักเชื่อมต่อกันอยู่ มันเป็นเขตแดนยอดฝีมือซึ่งอันตรายกว่าเขตจงหยางอยู่มากทีเดียว”
เหนือฟ้าอธิบายเพิ่มเติม
“พวกเราเดินไปคุยไปเถอะ อยู่ตรงนี้นาน ๆ เดี๋ยวจะถูกมอนสเตอร์ล้อมโจมตีเอา”
มังกรเฒ่ากล่าวเตือนขึ้น
เมื่อไม่มีใครคัดค้าน คนทั้งหมดจึงออกเดินทางต่อเนื่อง ระหว่างทางยี่ฟงก็ถามเก็บข้อมูลอยู่เป็นระยะ ๆ
จนมั่นใจแล้วว่าตนจะเริ่มต้นที่ไหนอย่างไรต่อจากนี้ดี
เกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ยี่ฟงและกลุ่มเพื่อนก็กลับมาถึงเมืองจงหยางได้อย่างปลอดภัย ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดมิดซึ่งถูกแต้มด้วยแสงดาว
“พวกนายแยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาหลานเหอกับแม่ของนางไปส่งยังที่หนึ่งก่อน”
ยี่ฟงกล่าวกับเหนือฟ้า
“คนอื่นจะเอาไงก็ช่างแต่ข้าจะไปกับเอ็งด้วย”
มังกรเฒ่าตัดสินใจเสียงเข้ม
ความจริงแล้วเพลเยอร์สามารถตรงไปส่งมอบภารกิจที่อาคารนักผจญภัยได้ทันที ไม่จำเป็นต้องแยกไปรายงานกับเจ้าของภารกิจให้เสียเวลาแต่อย่างใด
“งั้นค่อยเจอกันอีกทีพรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะ”
เหนือฟ้านัดแนะก่อนจะพาเพื่อนสาวทั้งสองตรงไปยังอาคารนักผจญภัยเป็นลำดับแรก
“ลุงแก่แล้วจะลำบากไปกับฉันทำไมกัน”
ยี่ฟงหันกลับมาถามชายแก่ยิ้ม
ๆ
“อย่าตลกให้มาก
นอกเกมข้าก็ยังแข็งแรงมากพอจะไล่เตะเอ็งได้แล้วกัน”
มังกรเฒ่าสวนกลับพลางถอนหายใจคล้ายเหนื่อยอ่อน
ยี่ฟงได้แต่อมยิ้มส่ายศีรษะ ก่อนจะจูงมือซวงหลานเหอก้าวนำตรงไปยังที่หนึ่ง
“ว่าแต่เอ็งจะพาสองแม่ลูกไปพบหลันอี้ทำไมวะ”
มังกรเฒ่าที่ตามมาเอ่ยถาม
เพียงเห็นเส้นทางที่มุ่งไปเขาก็ทราบจุดหมายได้ทันที
“ลุงลองสังเกตสร้อยคอของหลานเหอดี ๆ สิ”
ยี่ฟงกล่าวเป็นปริศนา ชายแก่จึงกวาดมองลงไปยังลำคอของเด็กสาว ในขณะที่มารดาของซวงหลานเหอกล่าวแทรกขึ้นมาว่า
“ท่านเองก็ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับสร้อยเส้นนี้ด้วยหรือ”
“ข้ายังไม่ทราบความเป็นมาอะไรหรอก เพียงแต่ข้าเคยเห็นอีกครึ่งหนึ่งของลูกกุญแจที่ห้อยอยู่กับสร้อยเส้นนี้”
ยี่ฟงตอบอย่างสบาย
ๆ แต่คนอื่นเขาไม่สบายไปด้วย
สร้อยที่ซวงหลานเหอสวมใส่อยู่นั้นมันห้อยโลหะขนาดเล็กที่ดูไม่สมบูรณ์เอาไว้ หากสังเกตดี ๆ
จะทราบว่ามันมีลักษณะคล้ายลูกกุญแจ
“ไอ้ตัวแสบ! ข้า…ข้าเคยเห็นมันมาก่อน”
มังกรเฒ่าเพิ่งนึกออกจึงอุทานออกมา สองแม่ลูกเองก็กำลังมีสีหน้าตื่นตะลึงอย่างไม่อาจปกปิด
“ท…ท่านกำลังหมายถึงอีกครึ่งหนึ่งของมรดกที่สาบสูญไปแล้วจริง
ๆ หรือ”
มารดาของเด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหว
“ไม่รู้หรอกนะว่ามรดกที่ว่าคืออะไร แต่ข้าจะพาพวกเจ้าไปเห็นด้วยตาตัวเองเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ยี่ฟงกล่าวตัดบทพลางก้าวเท้าเร็วขึ้น
ความคิดเห็น