ข้อแตกต่างระหว่างการส่งของทางอากาศ (air freight) และการส่งขอ
คำแนะนำคร่าวๆในการพิจารณาการบริการเมื่อถึงเวลาที่คุณจำเป็นที่จะต้องส่งของกลับไทย
ผู้เข้าชมรวม
207
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
การส่งของไปเมืองไทยจากต่างประเทศมักใช้วิธีขนส่ง 2 ประเภทนี้ เนื่องจากถ้าส่งไปทางถนน (Road freight) คงจะไม่คุ้ม
การส่งทางอากาศโดยส่วนมากเป็นของประเภทเอกสารที่ผู้ส่งหรือผู้รับต้องการใช้งานโดยด่วน ส่วนการส่งทางเรือนั้นจะใช้ระยะเวลานานกว่าโดยเฉลี่ยประมาณ 2-3 เดือนขึ้นอยู่กับระยะทางจากประเทศต้นทางและความถี่ของการให้บริการของสายเรือดังนั้นผู้ใช้บริการแบบนี้มักจะไม่รีบใช้ของ
การส่งของทางอากาศจะมีอัตราค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการส่งของทางเรือเนื่องจากระยะเวลาขนส่งที่สั้นกว่า และอัตราค่าบริการมักจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักของสินค้าหรือน้ำหนักตามปริมาตร(ขนาด)ของของแต่ละชิ้นที่จะส่ง เช่น หากกล่องของคุณมีขนาดที่สามารถจุน้ำหนักได้ถึง 10 กก. แต่น้ำหนักจริงของกล่องแค่ 5กก. บริษัทขนส่งมักจะคิดอัตราค่าส่งตาม 10กก. เนื่องจากเนื้อที่ของกล่อง อีกทั้งการขนส่งทางอากาศโดยส่วนมากจะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสินค้าหรือของที่สามารถส่งหรือแพ็คลงกล่องได้ เช่น บางบริษัทไม่อนุญาตให้แพ็คน้ำหอม ถ่านไฟฉาย หรือของเหลวอื่นๆ ตามข้อจำกัดทางความปลอดภัยที่ทางสายการบินได้กำหนดขึ้นมา
ส่วนการขนส่งทางเรือนั้นจะมีข้อจำกัดในการแพ็คของน้อยกว่าการส่งของทางอากาศโดยส่วนมากจะส่งได้เกือบทั้งหมดยกเว้นของที่เป็นของต้องห้ามที่ไม่อนุญาตให้ส่งได้ ค่าใช้จ่ายในการส่งของทางเรือนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการส่งของทางอากาศจะถูกกว่ากันมากและเปรียบเทียบกับปริมาณของที่ส่งคุณได้จะมากกว่ากันเป็นอย่างมาก
ค่าขนส่งทางเรือนั้นจะขึ้นอยู่กับ (1) ปริมาณ/จำนวนของที่คุณส่ง ว่าคุณส่งไปได้แบบเหมาเต็มตู้ 20ฟุต หรือ 40ฟุต (FCL = Full Container Load) หรือ ไม่เต็มตู้ (LCL = Less than Container Load) (2) บริการที่คุณเลือกเมื่อของไปถึงไทย เลือกให้ส่งถึงที่อยู่ปลายทาง หรือเลือกไปรับเองจากท่าเรือและออกของด้วยตนเอง
ดังนั้นก่อนตัดสินใจที่จะใช้บริการใดๆคุณควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนว่า ค่าใช้จ่ายและของที่คุณจะส่งเหมาะสมกับบริการที่คุณเลือกหรือไม่
ผลงานอื่นๆ ของ SevenSeasWorldwide ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ SevenSeasWorldwide
ความคิดเห็น