ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 : ว่าด้วยเรื่องกล้ามและซิกแพค (141218)

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 59



    Chapter 11

    ว่าด้วยเรื่องกล้ามและซิกแพค

     


    ไอ้แทมันมีอะไรให้โชว์ด้วยเหรอ – จีมินนี่

    ก็ให้ไอ้กุกโชว์แทนไง – ชูก้า

    ห๊ะ =[]= - จองกุก

    ไหนว่าจะไปเดทไง ทำไมกลับมาหื่นอีกแล้ว? – วีผู้น่าสงสาร


     ………………………………………… 



    หลังจากวันนั้นที่ผมขุดความแมนทั้งหมดที่มีในตัวตั้งแต่ตาตุ่มยันเซลล์รากผมเพื่อชวนจองกุกไปเดทก็ผ่านมาสองวันแล้ว ทั้งๆที่เราควรใช้เวลาอยู่ด้วยกันหวานๆเพื่อให้ผมโชว์ความแมนออกมา แต่เปล่า!ผมกับมันกลับไม่มีเวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกันเลยสักครั้ง!



    อย่าเพิ่งมโนว่าไอ้กุกมันดราม่าหรือพวกผมมีปัญหาอะไรกัน  





    คนที่มีปัญหาจริงๆคือไอ้จีมินกับเฮียชูก้าต่างหาก พวกนางเถียงกันแล้วสุดท้ายไอ้หมูก็หลบหน้าด้วยการเข้ามาหมกตัวอยู่กับผม คือจริงๆผมก็ชอบอยู่กับมันนะเราเป็นเพื่อนรักกันไง แต่นี่มันเล่นมาเกาะติดผมทั้งวันทั้งคืนแล้วผมจะเอาเวลาไหนไปเดทกับจองกุก? วันหยุดยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ด้วย



    เริ่มเข้าใจความรู้สึกมันตอนโดนผมเข้าไปเกาะแกะแล้วอ่ะ น่ารำคาญมากบอกเลย ผมนี่ทั้งโดนลากให้ไปนอนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ร้องเพลงด้วยกัน อาบน้ำด้วยกัน ตามไปทุกที่ตามไปยันห้องส้วม ขนาดผมขี้อยู่มันยังตามเข้ามาดมเลย =[]=



    “นี่เมิงจะตามกุอีกนานมะ”



    ผมที่เริ่มทนไม่ไหวด่ามันไปในเช้าวันหนึ่ง หลังจากมันกอดเอวผมตอนที่ผมกำลังเทซีเรียลใส่ชาม โคตรจะมินวี ล่าสุดที่เช็คนี่มันกุกวีป่ะ



    แต่ ณ ตอนนี้ จอนจองกุก…เด็กปีศาจกำลังนอนอยู่ ไม่มาสนใจไยดีผมที่กำลังโดนไอ้หมูลวนลามเลยสักนิด เดี๋ยวก็ลดบทเป็นตัวประกอบซะเลย



    “ทำไมแทแทใจร้ายจัง ไม่รักจีมินนี่แล้วเหรอ”



    มันออดอ้อนด้วยบทพูดเดียวกับที่ผมเคยพูดเป๊ะ แถมยังเอาหน้ามาถูกับแผ่นหลังจนผมขนลุก อี๋ คิดว่าน่ารักมากรึไง ตาเล็กแบบนี้แทไม่ปลื้มนะ -_-



    “ไม่ต้องมาอ้อน ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องผลักกุไปหาไอ้กุกเลยเหอะ -_- ทีตอนนั้นอยากให้ช่วยก็ไม่ช่วย ตอนนี้กุอยากอยู่กะมันแล้ว เมิงก็ยังตามมาเป็นก้างกุกับมันอีก แล้วจะเกาะอีกนานมั้ย เดี๋ยวก็วีมินซะเลย -_-“



    ผมขู่มัน มือก็เทนมใส่จนท่วมซีเรียล ใจจริงก็อยากทอดไข่กินแต่คือกลัวครัวระเบิดไง ตอนแรกกะจะไปอ้อนจองกุกให้ทำให้กิน แต่ติดที่ไอ้หมูเนี่ยแหละพอผมตื่นมันก็ตื่นด้วย (เพราะมันบังคับให้นอนเตียงเดียวกัน) 



    เมื่อไหร่จะปล่อยน้องแทไป อยากไปหาจองกุกแล้วนะ -_-



    “แทแท นี่เห็นผู้ชายสำคัญกว่าเพื่อนเหรอ”



    ไอ้หมูจีปล่อยมือจากเอวผม ผมหันหลังก็เจอมันทำหน้าเศร้าใส่แล้วพองลมไว้ที่แก้มจนมันป่องมากกว่าเดิม แม่งเคะกว่าน้องวีอีก



    “เมิงก็เห็นจองกุกสำคัญกว่ากุเหมือนกัน เข้าข้างกันจัง -_-“



    “กุไม่ได้เข้าข้างเหอะ ที่ทำอยู่ก็เพื่อเมิงทั้งนั้น”



    อยู่ดีๆจีมินก็ยักคิ้ว สีหน้ามันนี่บอกชัดเลยว่า รู้แล้วใช่มั้ย รู้แล้วก็สำนึกบุญคุณของท่านจีมินซะ วะฮ่าฮ่าฮ่า น่าหมั่นไส้มาก



    “อะไรของเมิง ไม่เห็นเข้าใจ”



    ผมทำหน้างงงวยใส่มัน มันทำอะไรเพื่อผมตอนไหน จำไม่เห็นได้ นี่มันมโนหรือคิมวีโง่



    “เอ้า ก็เกมส์ซังนัมจาไง นี่อย่าบอกนะว่าไม่รู้?”



    ไม่รู้? ไม่รู้อะไรวะ? เกมส์ก็เกมส์ไง ต้องรู้อะไรอีก สีหน้างงๆของผมทำให้รอยยิ้มน่าหมั่นไส้หายไปจากใบหน้าที่โคตรจะไม่หล่อของไอ้จีมินทันที ตามมาด้วยแววตาที่แสดงความสังเวชใจของมัน แม่งมองเหมือนน้องวีน่าสงสารมาก



    “ก็เรื่องเมิงกับจองกุก….”



    “ทำไมอ่ะ กุกับมันก็ปกติ”



    พูดจบไอ้จีมินก็อ้าปากค้าง มองหน้าผมด้วยความสงสารมากกว่าเดิม นี่มันกวนตีนหรืออะไร ทำไมรู้สึกเหมือนผมไม่เข้าใจอยู่คนเดียวอ่ะ 



    “กุว่ากุเริ่มจะสงสารไอ้กุกแล้วหว่ะ”



    “สงสารอะไรผมเหรอครับ”



    “เฮ้ย!!!!!!”



    เสียงทุ้มที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้ผมกับจีมินตกใจกระโดดกอดกันกลม จองกุกเลิกคิ้วมองผมกับจีมินด้วยใบหน้าสงสัย ด้านหลังคือชูก้าฮยองที่เอาแต่จ้องไอ้จีมิน จนไอ้หมูกอดผมแน่นมากกว่าเดิม



    เอ่อ…สายตาของเฮียทำให้ผมเริ่มกลัวหน่อยๆ ส่วนจองกุก…ข้ามมันไป ตัวประกอบ (ซะงั้น)



    “เอ่อ…จีมิน แกปล่อยก่อนดีมั้ย”



    พอเห็นสายตาของเฮียก้า ผมก็พยายามแกะแขนไอ้จีมินที่รัดผมแน่นยังกับปลาหมึกยักษ์พันปี กล้ามแขนของมันทำให้ผมอยากร้อง น้องวีไม่มีกล้ามจะไปสู้แรงมันได้ไง สายตาเฮียก้าน่ากลัวมาก มองซะผมกับไอ้หมูแทบพรุนไปทั้งตัวอ่ะ



    “เฮ้อ”



    จองกุกถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามากระชาก ใช่ครับ อ่านไม่ผิด กระชาก! มันเดินเข้ามากระชากผมออกจากอ้อมกอดของไอ้จีมินด้วยการดึงแรงๆแค่ครั้งเดียว จนผมเซถลาเข้าไปซุกอยู่กับอ้อมอกของมัน จองกุกกอดกระชับเอวผมแน่นขึ้น ผมพยายามแกะมือมันออก แต่ก็ไม่ขยับ



    บางทีคนที่ควรได้ฉายาปลาหมึกพันปีน่าจะเป็นไอ้เด็กนี่  -_-



    สุดท้ายก็หันหลังให้ แต่มันก็ยังตามมากอดจากด้านหลังอีกจนได้ แถมยังเอาคางมาเกยไหล่ จะมีสักตอนมั้ยที่ผมจะสะบัดจองกุกออกได้ ผมก็ผู้ชายเหมือนกันนะ ฮึ้ย!!



    “แทแท…”



    จีมินร้องครวญคราง พยายามขยับเข้ามาหาผมอีกรอบ แต่เจอจองกุกส่งสายตาน่ากลัวใส่จนไม่กล้าเข้ามา ฝั่งนี้ก็จองกุก อีกฝั่งก็ยุนกิฮยองคู่กรณี สงสารไอ้หมูมาก ณ จุดนี้ 



    “มานี่ มาเคลียร์กันเดี๋ยวนี้”




    เสียงทุ้มของชูก้าฮยองดังขึ้น แล้วแขนผอมบางก็คว้าหมับเข้าที่แขนไอ้หมูจี ทั้งดึงทั้งกระชากให้ออกไปจากห้องครัวด้วยกันทิ้งเราสองคนเอาไว้



    เอาอีกแล้ว…ผมอยู่กับมันแค่สองคนอีกแล้ว เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที (ไหนเมื่อกี๊บอกอยากอยู่กับจองกุกไง?)



    “ปล่อย” 



    ผมอ้อมแอ้มออกมา เพิ่งรู้ตัวว่าเราสองคนใกล้กันมากซะจนแก้มแนบแก้ม



    “ทำไมต้องปล่อย”



    มันกวนตีนกลับ แถมยังเอาจมูกมาซุกไซร้แก้มผมซะงั้น ไอ้เด็กนี่มันเป็นอะไรกับแก้มผมมากมั้ย แล้วน้องวีจะเขินทำไมเนี่ย



    “ก…ก็ นายตัวเหม็น”



    ผมโกหกพร้อมกับพยายามเอียงแก้มหนี แต่จองกุกก็ไม่ยอมปล่อยไป ตรงกันข้าม เขากลับหอมแก้มผมแรงๆอีกหลายที



    “แต่พี่วีตัวหอม ผมก็เลยต้องกอด ความหอมของพี่จะได้ติดมาที่ผม ^^”



    มันตอบผมกลับมาด้วยความหน้าด้าน ความหอมบ้าอะไรติดกันได้ เพิ่งเคยได้ยินวันนี้เนี่ยแหละ -_-



    “แต่พี่จะกินซีเรียล” ผมหน้าบึ้งพร้อมกับลูบท้องตัวเองไปมา 



    “กินแค่นั้นจะอิ่มเหรอ ผมทำกับข้าวให้กินเอามั้ย”



    จองกุกเสนอตัวด้วยน้ำเสียงหวานๆจนผมหันไปจ้องหน้ามัน ไอ้เด็กนี่เนี่ยนะทำกับข้าวให้ผมกิน ปกติผมต่างหากที่แทบจะคุกเข่าขอร้องกราบกรานให้มันทำ ทำเป็นหวังดีแบบนี้คิดอะไรชั่วๆแหงเลย (รู้สึกน้องวีจะฉลาดขึ้น)



    “ทำแบบนี้อยากได้อะไรบอกมา”



    “ครับ จุ๊บก่อนหนึ่งทีเดี๋ยวผมทำให้กิน ^^”



    ว่าแล้วไง ไอ้เด็กเวร!



    ถ้าถามว่าผมยอมมั้ย บอกได้เลยว่า ยอมมมมมมมมม ปากท้องสำคัญกว่าศักดิ์ศรีเคยได้ยินป่ะ



    ตอนแรกผมก็ไม่ยอมหรอก จนกระทั่งจองกุกร่ายยาวสารพัดเมนูที่จะทำให้กิน จนผมเผลอจินตนาการถึงอาหารตามมัน เท่านั้นแหละ หมดกันศักดิ์ศรี จะว่าไปเราก็จูบกันบ่อย แค่จุ๊บนิดเดียวเองไม่เป็นไรมั้ง



    “เร็วสิพี่วี ผมต้องการกำลังใจในการทำอาหารนะ”



    จองกุกที่กำลังเตรียมพวกวัตถุดิบหันมาทวงจูบจากผม 



    “เออน่า ทำไปก่อน จูบทีหลัง”



    ผมพยายามต่อรองยืดเวลา ในใจก็คิดว่ารอให้มันทำเสร็จ ผมก็จะหยิบจานแล้ววิ่งหนีไป ได้ทั้งอาหารแถมยังไม่ต้องจูบ คิมแทฮยองฉลาดเว่อ



    “ไม่ครับ” จองกุกขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทำก่อนพี่ก็เบี้ยวผมดิ พี่วีต้องจูบตอนนี้แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย”



    จองกุกยิ้มหวานกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา หน้ายิ้มแต่น้ำเสียงข่มขู่คืออัลไล T^T ปีศาจชัดๆรู้ทันผมไปซะทุกเรื่อง ฮือๆๆ 



    ผมเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหา นี่คิมแทฮยองต้องยอมแลกจูบกับอาหารจริงๆใช่ป่ะ ทำไมดูน่าสงสารมาก หรือว่าหลังจากนี้ผมควรฝึกทำกับข้าวแบบจริงจังดีจะได้ไม่ต้องง้อมัน



    “คิดอะไรอยู่น่ะ”



    อยู่ดีๆจองกุกก็ถามขึ้นมา มือใหญ่จับแขนผมให้คล้องคอมัน ส่วนมือมันก็เลื้อยมาโอบเอวผม เนียนจริง -_-



    “อยากรู้ทำไม เดาไม่ได้แล้วเหรอ เห็นฉลาดนัก”



    ผมแอบจิกกัดมัน รู้สึกดีใจเล็กๆที่จองกุกไม่รู้ว่าผมคิดอะไร (ภูมิใจมากน้องไม่รู้ว่ากำลังคิดฝึกทำกับข้าว) มักเน่ส่ายหัวเบาๆ



    “ผมไม่ได้ฉลาดหรอก ถ้าผมฉลาดผมก็คงรู้…ว่าจริงๆแล้วพี่คิดยังไง ถ้าผมบอกว่าผมไม่รู้ พี่จะเชื่อผมมั้ย”



    คิดยังไง? คิดทำกับข้าวอ่ะนะ? (กลุ้มกับน้องวี)



    “ไม่เชื่อหรอก ปกตินายก็รู้ทันพี่อยู่แล้วนี่ จะมาบอกได้ไงว่าไม่รู้ว่าพี่คิดยังไง ทำไมถึงอยากรู้ความคิดของพี่มากขนาดนั้นห๊ะ ให้มันน้อยๆหน่อยมักเน่”



    ผมเอื้อมมือไปดีดหน้าผากจองกุกเบาๆ เด็กนี่จะอยากรู้อะไรมากมายเนี่ย ผมไม่เห็นอยากรู้ความคิดเขาเลย ในหัวสมองคงมีแต่เรื่องหื่นๆอ่ะ ใครจะไปอยากรู้



    “ผมเป็นเด็กนะ เด็กช่างสงสัยไง ^^”



    “แต่การกระทำนายมันไม่เด็ก”



    “การกระทำ? ผมทำแบบไหน?”



    “ก็แบบนี้….”



    แบบที่รั้งตัวผมเข้าไปแนบชิด แบบที่กำลังเชยคางผมให้มองสบตาด้วยแววตาที่แทบจะกลืนกินผมเข้าไปทั้งตัว



    “พี่วี ผมยังรอจูบจากพี่อยู่นะ”



    พูดจบก็หลับตาลงยังกับเจ้าหญิงที่รอรับจูบ แต่ติดตรงที่ว่าเจ้าหญิงที่ว่ากล้ามใหญ่กว่าเจ้าชายอย่างผมมาก น่ากลัวจัง (ไร้สาระอีกแล้ว)



    ผมไล่มองไปตามโครงหน้าหล่อเหลาของจองกุกที่กำลังหลับตาพริ้ม อ่า…ขนตายาวจัง จมูกก็สวยมากด้วย แล้วก็ริมฝีปาก



    อึก…เผลอกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก ใจเย็นไว้ แมนๆหน่อยสิคิมวี คิดซะว่าจูบกระต่ายอยู่ก็ได้ 



    ผมหลับตากลั้นใจก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนปากมักเน่แผ่วเบาแต่ยาวนานโดยไม่มีการรุกล้ำ ซึมซับความอ่อนโยนของรอยจูบ ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้ก็แต่หัวใจของตัวเองที่เต้นแรงจนแทบระเบิดกับความสุขที่เอ่อล้นเข้ามาจนท้องปั่นป่วนไปหมด



    เป็นความรู้สึกที่รุนแรงกว่าจูบไหนๆระหว่างผมกับมัน มือของผมที่ทาบอยู่บนแผ่นอกกว้างรับรู้ถึงจังหวะหัวใจของจองกุกที่เต้นถี่แรงเป็นจังหวะเดียวกัน



    จองกุกเป็นฝ่ายละริมฝีปากออกมาก่อนจะจูบเบาๆที่หน้าผากของผม



    “ไปนั่งรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวผมทำข้าวผัดกิมจิให้กิน ^^”



    จูบของคิมวีแลกกับข้าวผัดกิมจิ คุ้มมั้ยเนี่ย?

    …………………………………………




    “พี่วี ก่อนหน้านี้ที่พี่จีมินบอกว่าผมน่าสงสาร……..”



    หลังจากกินเสร็จเด็กจอนก็เริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นมา ผมกับมันกำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่ในห้องนั่งเล่นเพราะจีมินกับเจ๊กำลังคุยอะไรกันก็ไม่รู้อยู่ในห้องนอน 



    “หา เอ่อ ไม่รู้ดิ มันสงสารเพราะนายกล้ามเล็กกว่ามันมั้ง”



    ผมพูดออกไปมั่วๆ สายตายังไม่ละไปจากการ์ตูนติงต๊องตรงหน้า



    “หือ? พี่วีคิดอย่างนั้นเหรอ งั้นวันอาทิตย์นี้ตอนเช้าเราไปฟิตเนตกันมั้ยครับ”



    “อือ จะไปไหนก็ไป”



    ฟิตเนตอะไรเนี่ย ขัดจังหวะคนดูการ์ตูนจริงๆ ผมพยักหน้าตอบรับออกไปส่งๆ จากนั้นจองกุกก็ขยับตัวมาพิงไหล่ คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าคืนนั้นผมนอนเตียงใคร

    …………………………………………



    “พี่วี นี่พี่จะนอนไปถึงไหนกัน”



    น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นอย่างไม่พอใจ มือใหญ่พยายามดึงผ้าห่มออกจากตัวผมที่ม้วนพันอยู่ในผ้าจนเหมือนกับหนอนยักษ์บนเตียงนอนเพราะจองกุกลุกขึ้นไปล้างหน้าพร้อมกับหาอะไรกินเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ทิ้งผมไว้กับเตียงนอนอันหนาวเหน็บ



    คนมันหนาวเข้าใจบ้างมั้ย T^T ตัวเองลุกออกไปแท้ๆยังมีหน้ามาดึงผ้าห่มอีก



    “ไม่เอา จะนอน หนาว”



    ผมครางงึมงำพร้อมกับหันหลังให้มัน ตัวก็ซุกผ้าห่มมากขึ้น ได้ยินไอ้เด็กจอนถอนหายใจเบาๆ ดี! ยอมแพ้แล้วใช่ป่ะ 



    พรึ่บบบ



    อยู่ดีๆผ้าห่มก็โดนกระชากออกไปอย่างแรงจนผมที่พันอยู่ในนั้นกลิ้งออกมาจนแทบตกเตียง ถ้าไม่ใช่เพราะหัวไปชนกับหน้าท้องแข็งๆของมันซะก่อน



    โอ๊ย! เจ็บหัว =[]= หน้าท้องหรือคอนกรีต สมองจะเสื่อมมั้ยยิ่งไม่ค่อยมี(?)



    “เอาผ้าห่มคืนมา” 



    ผมงึมงำทั้งที่ตายังไม่เปิด รับรู้ว่าจองกุกกำลังคุกเข่าปลุกผมอยู่ข้างเตียง (เพราะหัวผมไปชนท้องมัน) ผมคว้ามือสะเปะสะปะจนเจอเอวของเขา จากนั้นก็กอดรัดเอาไว้แน่น



    “ทำอะไรน่ะพี่วี”



    เสียงจองกุกเข้มขึ้นมาทันทีที่ผมดื้อด้านไม่ยอมตื่นนอนแถมยังไปกอดเขาอีก ผมพยายามดึงมักเน่ให้ลงมานอนแต่มันก็ยังนิ่งไม่ขยับเลยสักเซ็นเดียว -_-



    “หนาวจะตายอยู่แล้ว ช่วยทำตัวว่าง่ายแล้วลงมานอนดีๆไม่ได้รึไง จะตื่นเช้าไปไหน กลัวพระอาทิตย์หายเหรอ”



    ผมว่าแล้วพยายามออกแรงมากกว่าเดิมพร้อมกับเอาหัวไปซุกไซร้หน้าท้องของเขา



    จองกุกถอนหายใจอีกครั้ง มือใหญ่แกะมือของผมออกจากเอว ผมเกือบจะโวยวายอยู่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะจองกุกดันตัวผมให้เข้าไปข้างในพร้อมกับล้มตัวนอนบนเตียง 



    ส่วนผมก็ขยับเข้าไปเบียดหาความอบอุ่นจากเขาด้วยการกอดแน่นๆ นอนหนุนแขนล่ำแทบจะทันที ซุกหน้าลงกับแผ่นอกของมักเน่ที่กำลังลูบหัวผมเบาๆ



    “ให้นอนอีกชั่วโมงนึงนะ ถ้าช้าเดี๋ยวคนเยอะ”



    ได้ยินเขาพูดแค่นั้นผมก็หลับตาลง



    หือ นี่กี่โมงแล้ว



    ขยี้ตาตัวเองเบาๆเพราะแสงสว่างที่ส่องจ้าเข้ามาในห้องนอน ผมยังคงนอนซบอยู่กับอกของจองกุกที่ตอนนี้นอนนิ่งสนิท มีเพียงแค่แผ่นอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ 



    ทำมาเป็นบอกให้ผมตื่น ตัวเองนี่หลับลึกเชียวนะ ท่าทางว่าจะไม่ใช่แค่ชั่วโมงเดียวด้วย



    ผมดันตัวออกจากอกของมักเน่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนอนมองหน้ามัน พิจารณาโครงหน้าเรียวได้รูป แพขนตาหนา จมูกที่โด่งรับกันดีกับริมฝีปากสีชมพู 



    อืม…ก็หล่อดี แต่ผมหล่อกว่า อิอิอิ



    “จองกุก ตื่น”



    ผมเรียกเขา เมื่อรู้สึกตัวว่าชักจะจ้องหน้าน้องมันนานเกินไปจนดูยังกับสาวน้อยคลั่งรัก ชวนให้มีความรู้สึกเคะๆชอบกลจนต้องเขย่าแขนมักเน่ให้ตื่น 



    จองกุกครางงึมงำก่อนจะปัดแขนผมออกไป ผมเลยเปลี่ยนเป็นทุบอกมันแรงๆหลายครั้งจนจองกุกต้องขมวดคิ้วแล้วคว้ามือผมทั้งที่ตายังไม่เปิด



    “มือหนักขนาดนี้ ทุบสามีตายได้เลยนะเนี่ย” เสียงทุ้มงึมงำกวนประสาทผม



                   “ก่อนที่สามีพี่จะตาย นายเนี่ยแหละจะตายก่อน จะออกไปข้างนอกไม่ใช่รึไง ถ้าจะนอนขนาดนี้นายจะปลุกพี่ทำไมตั้งแต่เช้าห๊ะ”



                ผมยันตัวออกจากอ้อมกอดมันขึ้นนั่งแล้วพยายามจัดแต่งผมที่ชี้ไปมาของตัวเอง จองกุกยังคงกอดเอวผมไว้แน่น ไอ้เด็กนี่…..



                   “พี่นี่นับวันยิ่งขี้บ่นเหมือนภรรยาแก่ๆของผมเข้าไปทุกที”



                   “จอนจองกุก!!!”



                   เพี๊ยะ!!


    …………………………………………               


    “นี่ หายงอนได้แล้วน้า”



                   ผมเกาะแขนมักเน่แน่นพลางเอาหัวเข้าไปถูไถเป็นเชิงออดอ้อนจองกุกที่กำลังทำหน้าบึ้ง มือใหญ่กุมแก้มขาวๆของตัวเองที่เป็นสีแดงรูปรอยมืออย่างชัดเจน สมน้ำหน้า ใครใช้ให้มันว่าผมแก่กันล่ะ (จริงๆผมก็โกรธที่มันหาว่าผมเป็นเมียมัน แต่โกรธที่โดนว่าว่าแก่มากกว่า)



                   ตอนนี้เราสองคนกำลังเดินออกจากหอพักของบังทันเพื่อไปฟิตเนตแถวบ้านที่จีมินกับจองกุกชอบไปเพราะเงียบและมีความเป็นส่วนตัวจนสนิทกับเจ้าของที่นั่นอีก ส่วนผม…แทบจะไม่เคยไปเหยียบเลยครับ ก็คิมวีเกลียดการออกกำลังกายจะตาย

         


              “ไม่หาย ทำไมพี่วีต้องตบผมด้วยอ่ะ”



    จองกุกมองผมด้วยหางตาพร้อมกับสะบัดหน้าหนี อื้อหือ เคะแตกมาก ฮูเร่ไชโยคัมปายให้น้องวี จองกุกมันเคะแล้ว! (แน่ใจ?)



    “ก็นายว่าพี่แก่ พี่ไม่แก่ซะหน่อย ใช่ซิ คิมแทฮยองคนนี้ไม่หล่อเร้าใจแล้วใช่ป่ะ” ผมทำปากคว่ำใส่มัน จองกุกแอบเหลือบมองหน้าผมเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่หันมามอง



    “พี่ก็ไม่เคยหล่ออยู่แล้ว แต่เร้าใจมั้ยไม่รู้…ไม่เคยลอง”



    “นี่!!”



    จะมีสักตอนมั้ยห๊ะที่มันจะไม่ติดเรท โยงไปเรื่องหื่นๆได้ตลอดเวจนผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลมทุกครั้งที่อยู่กับไอ้เด็กนี่ อยากให้พวกบังทันที่เหลือได้ยินความคิดชั่วๆของมันจัง จะได้เลิกคิดว่ามันใสซื่อซะที -_-



    “สรุปว่านายหายงอนพี่แล้วใช่ป่ะ ถ้ายังไม่หายพี่ต้องซื้อดอกไม้มาง้อนายมั้ยหรือว่าซื้อไอติมดี”



    ผมถามมันตอนที่เรามาถึงฟิตเนตแล้ว และกำลังอยู่ในห้องล็อกเกอร์เตรียมจะเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดออกกำลังกาย



    “ไม่เอา ผมเจ็บแก้มนะ จะเอาดอกไม้กับไอติมมาทำอะไร”



    จองกุกพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆ เอ๊ะ เด็กนี่งอนแล้วง้อยากจัง เกิดอยากจะทำตัวเคะอะไรขึ้นมาวันนี้เนี่ยน้องวีคิดไม่ออกนะ เคยง้อใครที่ไหน



    “แล้วนายจะให้พี่ทำไงอ่า ซื้อพลาสเตอร์มาแปะให้เอามั้ยหรือเอาน้ำแข็งประคบแอลกอฮอล์ราดดี” กว่าจะถึงตอนนั้นมันคงตายคามือผมไปก่อน 



    “พี่วีไม่ต้องซื้ออะไรให้ผมทั้งนั้นแหละ” มันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานๆ แต่สายตาของมันกลับไม่หวานไปด้วย 



            “เพราะแม่ผมบอกว่าใครทำให้เจ็บก็ต้องให้คนนั้นจุ๊บ เพระมันเป็นวิธีรักษาแผลที่เร็วที่สุด ^^”



    พูดจบมันก็มองหน้าผมแล้วชี้ไปที่แก้มของตัวเอง ห๊ะ =[]= จุ๊บ? แม่มันบอกอย่างนั้นจริงเหรอเนี่ย ถ้างั้นตอนเด็กๆโดนเพื่อนต่อยถ้าอยากหายเร็วๆต้องให้เพื่อนกลับมาจุ๊บแก้มด้วยใช่มั้ย (ทำไมคิดแล้วขนลุก)



    “จองกุก พี่ว่าที่แม่นายสอนมันแปลกๆ……”



    “ไม่รู้ ไม่สน พี่วีจะทำมั้ย ไม่ทำผมจะกลับบ้านแล้วนะ”



    พูดจบมันก็ลุกขึ้นยืนทันทีด้วยท่าทางสะบัดสะบิ้งสุดๆ จนผมต้องรั้งแขนมันเอาไว้แทบไม่ทัน มันเป็นคนหาว่าผมเป็นเมียแก่ๆของมันไม่ใช่เหรอวะ แล้วทำไมคนง้อถึงต้องกลายเป็นน้องวีด้วยเนี่ย แค่มันทำท่าเคะนิดๆทำไมต้องใจอ่อน



    สงสัยความเมะจะเข้าครอบงำผมแล้วมั้ง?



    หลับตาลงก่อนจะหอมแก้มมันไปหนึ่งครั้งตรงจุดที่แดงเป็นรอยมือ ทำแบบนี้แล้วจะหายเจ็บจริงๆใช่มั้ยเนี่ย ไม่ใช่ว่าต้องทำอีกครั้งนะ?



    “ครั้งเดียวมันไม่พอหรอกครับ ^^”



    ว่าแล้วไง!



    .



    .



    .



    “จองกุก พี่หอมแก้มนายจนจะช้ำหมดแล้วนะ เลิกทำดีกว่ามั้ย”



    ผมทักท้วงขึ้นมาเมื่อมันบอกให้ผมหอมแก้มมันเป็นรอบที่ 5 แทนที่จะหายผมว่ามันจะยิ่งแดงกว่าเดิมมั้ย ถึงแก้มมันจะหอมมากแถมยังนิ่มสุดๆและผมก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมก็ยังเป็นห่วงสวัสดิภาพของแก้มมักเน่ที่ดูจะแดงขึ้นทุกครั้งที่ผมกดจมูกลงไป หรือจองกุกมันจะซาดิสม์ชอบให้ตัวเองโดนทำร้าย? 



    จองกุกทำหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะยิ้มกว้างออกมา



    “เลิกก็ได้ งั้นเรามาเปลี่ยนชุดออกกำลังกายดีกว่าเนอะพี่วี”



    “ชุดออกกำลังกาย? ชุดออกกำลังกายอะไร?”



    ผมเอียงคอมองหน้ามักเน่ด้วยความงุนงง



    “เปลี่ยนชุดไงครับ ใจคอพี่จะเล่นฟิตเนตทั้งกางเกงนี้รึไง”



    มันกวาดตามองผมที่ใส่เสื้อยืดกางเกงขาย้วยธรรมดาแต่ก็ยังดูหล่อ (ไม่ค่อยจะหลงตัวเอง) พร้อมกับส่ายหัวเบาๆ



    “แล้วใครบอกล่ะว่าพี่จะเล่น?” 



    “อ้าว แล้วพี่คิดว่าผมชวนพี่มาฟิตเนตทำไม มาแล้วก็ต้องออกกำลังกายสิ เวิร์คเอ้าน่ะ เพิ่มกล้ามเพิ่มซิกแพค”



    “หา ที่เป็นอยู่นี่กล้ามนายก็ใหญ่อยู่แล้วนะ” ผมเกาหัวแกรกๆด้วยความงง “นายจะเพิ่มอีกทำไมเนี่ย จะเอาไปลอบฆ่ารัดคอไอ้หมูจีเหรอ”



    พูดถึงจีมิน ผมก็แอบขนลุกกับกล้ามที่ใหญ่จนแทบจะรัดคอคนตายได้ของมัน จะบ้ากล้ามไปถึงไหนก็ไม่รู้จนจองกุกไปติดนิสัยมันมาด้วยอีกคนแล้วเนี่ย



    “ถ้างั้นพี่วีจะมาฟิตเนตทำไม……”



    “จริงๆแล้ว……”



    Jungkook’s POV



    ผมล่ะไม่อยากเชื่อพี่ชายเอเลี่ยนคนนี้เลยครับ



    ได้แต่นั่งมองร่างบางที่กำลังตักพัดบิงซูหรือน้ำแข็งใสรสถั่วแดงกินคนเดียวอย่างสนุกสนาน 



    ก็ว่าอยู่ว่ามันแปลกๆที่คนอย่างคิมแทฮยองตกลงมาฟิตเนตกับผมโดยไม่มีการโอดครวญว่าเหนื่อยหรือเหงื่อออกเยอะอย่างงั้นอย่างงี้ ตอนแรกผมนึกว่าพี่เขายอมมาเพราะผมลงทุนแกล้งทำเป็นงอน พี่วีจะได้สนใจจนยอมตามใจ แต่เปล่าครับ!



    คิมแทฮยองมาเพราะคาเฟ่น้ำแข็งใสที่ขายอยู่ในตึกฟิตเนตนี่ต่างหาก!



    ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กไปรู้มาได้ยังไงว่ามีร้านน้ำแข็งใสมาเปิดอยู่ที่นี่ทั้งที่ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แค่เผลอไปถามแค่ประโยคเดียว ประโยคเดียวเท่านั้นก็โดนลากมากินน้ำแข็งใสเฉยเลย จะขัดขืนก็ไม่ได้ ถ้าเป็นเรื่องกินขืนไปขัดมีหวังได้โดนงอนอีกแน่ๆ




    “พี่วี กินน้ำแข็งใสมันอ้วนนะ” 



    ผมท้วงคิมแทฮยองอย่างอ่อนใจ ปากก็อ้ารับน้ำแข็งใสที่พี่วีป้อนให้เข้าปากไปด้วย ก็ดูสิครับ กินคนเดียวผมจะไม่ว่าแต่นี่มาบังคับให้ผมกินด้วย จองกุกมาเพิ่มกล้ามนะไม่ได้มาเพิ่มน้ำหนัก ขอร้องไห้แปป



    “กินๆเข้าไปเหอะน่า อร่อยนะ วันหลังเรามากินกันบ่อยๆดีกว่า”



    อย่าเลยมั้ย ขืนพี่วีมาด้วยผมไม่ได้ออกกำลังกายพอดี



    “แต่ว่าผมต้องออกกำลังกาย”



    “เอ๊ะ จองกุก นายนี่ห่วงสวยยังกับสาวน้อยที่กำลังไดเอทเลยนะ หรือว่านายจะสาวขึ้นแล้ว อิอิอิ” สาวน้อยไดเอท? นี่พี่วีถึงขั้นว่าผมเป็นสาวน้อยไดเอท?



    จอนจองกุกแดกจุดครับ ณ จุดนี้ จากผู้ชายเล่นกล้ามกลายเป็นสาวไดเอทในสายตาคนตัวเล็กไปซะได้ อ่อนใจจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ได้แต่มองพี่วีกินกินแล้วก็กิน ป้อนผม แล้วก็กิน จนผมทนไม่ไหวต้องขัดขึ้นมา



    “พี่วี พี่จะกินอีกเยอะมั้ย ถ้วยที่สามแล้วนะ”



    แล้วสองถ้วยรสเมล่อนกับมะม่วงก่อนหน้านั้นก็ไม่ใช่เล็กๆเลยด้วย



    “ทำไมอ่า นายไม่ชอบน้ำแข็งใสเหรอ” 



    ร่างโปร่งบางมองผมด้วยดวงตากลมโตใสซื่อ ปากก็เคี้ยวถั่วแดงไปด้วย ภาพที่เห็นมันก็น่ารักอยู่หรอกนะแต่มันจะผิดประเด็นไปมั้ย แล้วไอ้ร้านน้ำแข็งใสนี่ทำไมต้องมาเปิดที่ตึกฟิตเนตนี่ด้วย จองกุกไม่เข้าใจ 



    “ผมชอบครับ แต่ว่าเราไม่ควรกินเยอะขนาดนี้ มันหวานเกินไปไม่ดีกับสุขภาพ”



    ผมสั่งสอนเบาๆแต่คนตัวเล็กกลับเบ้ปากใส่ผม อีกมือก็จ้วงตักน้ำแข็งใสจนพูนช้อนบ่งบอกมากว่าเชื่อฟัง



    “อะไรอ่า นายกลัวกล้ามหายเหรอ ถามจริงจะเอากล้ามไปทำไมเยอะแยะ เอาไปยั่วใครรึไง”



    ว่าแล้วก็ป้อนให้ผมกินอีกรอบจนต้องเอาเข้าปากอย่างช่วยไม่ได้ ก็ไม่อยากจะขัดใจคุณคิมแทฮยองอ่ะครับ เดี๋ยวยาว ไม่ใช่เพราะผมอยากกินนะ เอ่อ จริงๆผมก็อยากกินหน่อยๆ



    “ใช่ครับ” ผมพยักหน้ารับจนพี่วีมองแบบงงๆ “กล้ามของผมก็เอาไว้ยั่วพี่น่ะแหละ”



    พอผมพูดจบประโยคปุ๊ป แก้มใสๆของพี่วีก็ขึ้นสีแดงก่ำทันทีจนดูน่ารัก เพราะผมไม่ใช่แค่พูดแต่ยังจับมือคนตัวเล็กให้มาลูบไล้เบาๆที่หน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกแพค พี่วีคาบช้อนไว้ในปากพร้อมกับก้มลงมองพื้น



    “อ๊ะเอ่อ เข้าใจแล้ว เอามือออกไปได้แล้ว” 



    ร่างบางงึมงำไม่กล้าสบตาผม ท่าทางเขินอายที่ทำให้ผมอยากจะหัวเราะแล้วให้รางวัลด้วยการจูบแรงๆที่ริมฝีปากนิ่ม เพียงแค่คิดถึงรสจูบหวานก็เผลอขยับตัวเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัวพร้อมกับมองริมฝีปากอิ่มที่กลายเป็นสีแดงสดเพราะความเย็นจากน้ำแข็ง



    น้ำแข็งใสหวานๆกับริมฝีปากของพี่วีมันจะหวานขึ้นมากขนาดไหนนะ ผมขยับตัวเข้าไปใกล้จนปลายจมูกชนกัน แต่พี่วีกลับยื่นมือมาดันอกผมเอาไว้



    “อย่าจองกุก เราอยู่นอกบ้านนะ”



    “แต่ว่าที่นี่ไม่มีใคร….”



    เพราะว่ายังเช้าอยู่และคนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อไปฟิตเนตทั้งร้านจึงมีแค่ผมกับพี่วี และเด็กเสิร์ฟที่เดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมขยับเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมจนริมฝีปากแทบจะแตะกัน แต่พี่วีกลับเบือนหน้าหนี



    “อย่าเลย เดี๋ยวมีคนเห็นมันจะไม่ดี”



    ร่างบางที่กัดริมฝีปากอย่างเป็นกังวลทำให้ผมยอมถอยออกไปในที่สุด รู้สึกเสียดายนิดๆที่เราไม่ได้อยู่ที่บ้าน ถึงที่นี่จะไม่มีใครแต่ผมก็ไม่อยากบังคับใจพี่เขา 



    “นี่ วันเสาร์นี้เป็นวันหยุด”



    อยู่ดีๆคนตัวเล็กก็พูดออกมา มือก็เริ่มขยับไปตักน้ำแข็งใสอีกครั้ง (ขนาดเมื่อกี๊จะโดนจูบยังมีอารมณ์กินได้อีก เชื่อเขาเลย) ผมพยักหน้ารับ รู้ดีว่าพี่เขาจะพูดว่าอะไร



             สมองผมรู้แต่บางทีใจผมอาจจะไม่อยากให้พี่เขาพูดคำนั้น ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่ด้วย แต่ว่าผมยังไม่พร้อม….



    ผมคิดว่าผมยังไม่พร้อม



            “ไปเดทกันนะ”



      ผมอยากจะปฏิเสธมือเรียวบางที่เลื่อนมากุมมือของผมเอาไว้ใต้โต๊ะ ผมอยากจะปฏิเสธน้ำเสียงหวานๆอ่อนโยนที่ทำให้ผมใจสั่น ผมอยากจะปฏิเสธดวงตากลมโตคู่สวยเป็นประกายอย่างมีความหวัง



    แต่คิมแทฮยองทำให้ทุกคำปฏิเสธที่คิดเอาไว้พังทลายลง เพียงแค่สบตาหัวใจผมก็โอนอ่อนตามทุกการกระทำ



    แม้จะรู้ว่าไม่ควรเข้าใกล้มากไปกว่านี้



    แม้จะรู้ว่าที่ทำอยู่มันเป็นแค่เกมส์ แต่ผมก็…..



    “ครับ ตามใจพี่วีเลย ^^”



    ถ้ายอมตามใจแล้วใบหน้าน่ารักจะเผยรอยยิ้มหวานตาปิดจนปากเป็นรูปสี่เหลี่ยม ผมก็คงยอมพี่วีตลอดไป ก็เพราะพี่เขาเป็นพี่ชายคนโปรดของจองกุก 



    ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น 



    #กุกวีซังนัมจา

         เม้าเกี่ยวกับกุกวีได้ที่ทวิต @seulkinii นะจ๊ะ


    รู้สึกว่าตอนนี้ยาวมาก ไม่รู้ทำไมพอกุกบรรยายทีไรมันเกือบจะดราม่าทุกที 55555 คิดยังไงกับน้องกุก ไม่เข้าใจใช่มั้ย? เด็กมันอินดี้ 5555 


    ว่าแต่ อยากแชร์ฟิคเรื่องนี้ในทวิตนะ แต่ทำไม่เป็น แค่รีทวิตได้นี่ก็บุญและ 5555 อ่อนด๋อยมากเรื่องโซเชียล เพราะฉะนั้นใครชอบช่วยแชร์หน่อยนะจ๊ะ หรือไม่ก็สอนไรท์ทีว่าทำยังไง 


    ขนาดเพลงในหน้าฟิคก็.....เอาตรงๆเลยนะ ใส่ไม่เป็น 5555  บางทีเห็นไรท์คนอื่นแบบว่าทำ photoshop แต่งฟรุ้งฟริ้งก็อิจฉาสกิล แอพแต่งภาพนี่ความรู้เยอะสุดคือ ใส่ filter ใน instragram ให้ภาพมันเปลี่ยนสี เศร้าโพด camera 360 ไรท์ยังไม่มีเลยคิดดูดิ (ใช้ไม่เป็น)


    เพราะฉะนั้นหน้าฟิคเอาแบบเบสิคไปนะจ๊ะ ไม่สามารถจริงๆ T^T 


    จบการบ่นแต่เพียงเท่านี้


    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×