ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket,knb] Love is the honey (Akashixoc)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.2K
      321
      9 มี.ค. 65

     

    Chapter 2

     

    You know what? Life doesn't always work out the way you want it to. : Mother! (2017)

    บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราปราถนา

     

     

     

     

    หลังผ่านสัปดาห์แห่งการสอบกลางภาคไปอย่างราบรื่นชมรมต่างๆจึงเริ่มฝึกฝนนักกีฬาของต้นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันระดับประเทศของชั้นมัธยมต้น และชมรมบาสอันเป็นหน้าตาของโรงเรียนเทย์โคก็เริ่มเข้าสู้การฝึกฝนโปรแกรมเข้มข้นเช่นกัน

     

    สำหรับการฝึกครั้งนี้เฮ้ดโค้ชคุโรกาเนะจะมาควบคุมกำกับเองทั้งหมดโดยมีสึบากิคอยเฝ้าสังเกตุและติดตามความสามารถในการพัฒนาตนเองของพวกตัวจริงซึ่งมีโมโมอิ ซัทสึกิ ผู้จัดการทีมคอยช่วยเหลือในการรวบรวมข้อมูลและประเมินผลในทุกวันหลังจากจบการฝึกซ้อมสึบากิและโมโมอิจะต้องประมวลผลข้อมูลเพื่อเขียนรายงานส่งให้เฮ้ดโค้ท

     

    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ทั้ง2คนมานั่งสรุปข้อมูลด้วยกันที่ห้องประชุมชั้น2ของโรงยิม1โดยวันนี้มีนิจิมุระกัปตันทีมและอาคาชิรองกัปตันนั่งทำเอกสารเพื่อเตรียมสำหรับเข้าค่ายฤดูร้อนอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การทำงานผ่านไปได้อย่างราบรื่นและเสร็จเร็วกว่าที่นิจิมุระคาดการไว้ ต้องขอบคุณความสามารถของอาคาชิมาช่วยแบ่งเบาภาระเขาไปได้มากเลยทีเดียว

     

    ''ฉันจะเลี้ยงน้ำเองมีใครเอาไหม'' นิจิมุระวางเอกสารแผ่นสุดท้ายที่ต้องเซ็นเรียบร้อยเอ่ยถามรุ่นน้องทั้ง3

     

    ''ชามะนาว''

     

    ''น้ำผลไม้ค่ะ''

     

    ''ขอเป็นชาเขียวแล้วกันครับ''

     

    ''สึบากิช่วงนี้เธอดื่มชามะนาวเยอะไปแล้วนะ'' นิจิมุระส่ายหน้าอย่างอ่อนใจเขามองที่ข้างโน๊คบุ้ตมีกระป๋องชามะนาวยี่ห้อโปรดของรุ่นน้องวางเรียงอยู่3กระป๋อง ซึ่งวันนี้เขาจะไม่ยอมให้สึบากิดื่มอีกแล้วเพราะเป็นห่วงสุขภาพเจ้าตัวแสบ

     

    ''ต้องชามะนาวเท่านั้น'' สึบากิเงยหน้าจากโน๊ตบุ้ค นิ้วยังคงพิมพ์สัมผัสด้วยความเร็วคงที่ เวลาเธอทำงานพวกนี้สมองจะทำงานหนักมากการเติมน้ำตาลเข้ากระแสเลือดจึงช่วยให้สดชื่นได้

     

    ส่วนตัวสึบากิเกลียดการดื่มกาแฟแม้จะเคยพยายามลองแล้วแต่ผลที่ได้กาแฟทำให้ท้องไส้เธอปั่นป่วนจนสุดท้ายเธอจึงไม่แตะกาแฟอีกเลย

     

    ''เอ่องั้นสึบากิจังเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้เหมือนกันกับฉันไหมคะ'' โมโมอิที่เห็นบรรยากาศมาคุรีบเข้ามาแก้สถานะการณ์ เธอเองก็เห็นด้วยกับนิจิมุระซังเรื่องที่สึบากิเสพติดชามะนาวมากเกินไปจนอดเป็นห่วงสุขภาพเพื่อนสาวไม่ได้

     

    เมื่อทั้งโมโมอิและนิจิมุระไม่สนับสนุนเหลือคนสุดท้ายสึบากิจึงหันไปส่งสายตาลูกแมวน้อยอ้อนวอนอาคาชิเป็นเชิงขอร้องให้เขาช่วยพูด

     

    ''ผมเห็นด้วยสึบากิซังวันนี้คุณดื่มมากเกินไปและมันไม่ดีต่อสุขภาพ'' อาคาชิหลบสายตาอ้อนวอนของอีกฝ่ายที่ส่งมาให้ทำให้ครั้งนี้น้องแมวน้อยใช้ไม่ได้ผลกับอาคาชิเพราะเขาไหวตัวทันหลังจากที่พลาดท่าให้กับลูกไม้นี้เมื่อวันก่อน

     

    ''สรุปเป็นน้ำผลไม้2และชาเขียว1สินะหึ'' นิจิมุระกลั้นขำท่าทางแมวซึมของสึบากิจนไหล่สั่น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ดูเหมือนว่าจะมีคนกำราบสึบากิจอมดื้อดึงได้อยู่หมัดซะแล้ว

     

    ครั้งนี้มติเป็นเอกฉันท์สึบากิได้แต่ก้มหน้ายอมรับ อันที่จริงเธอก็พอจะเข้าใจว่าทุกคนเป็นห่วงสุขภาพและการดื่มอะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีต่อร่างกายขอเธอเอง แต่มันก็อดไม่ได้นี่น่า ฮึก

     

    ''งั้นฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ'' ร่างบางหยุดมือจากการพิมพ์รายงานเดินออกจากห้องประชุมไปโดยไม่รีรอให้ใครตอบรับทิ้งให้โมโมอิอยู่กับอาคาชิกำลังจัดเก็บเอกสารใส่แฟ้มให้เข้าที่อย่างสบายใจ

     

    ''อาคาชิคุงไม่ตามไปดูหน่อยหรอคะ'' เป็นฝ่ายโมโมอิที่ลุกลี้ลุกลนแทน

     

    ''ไม่จำเป็น'' อาคาชิยังคงนั่งจัดเอกสารอย่างไม่รีบร้อน เขาตรวจนับจำนวนชุดเอกสารอีกครั้งก่อนนำไปเก็บใส่แฟ้มเตรียมพร้อมสำหรับใช้ประชุมในวันพรุ่งนี้

     

    โมโมอิเห็นท่าทีของรองกัปตันได้แต่อ่อนใจ จากที่เธอทำงานร่วมกับสึบากิมานานก็พอจับสัญญาณอะไรบางอย่างระหว่างอาคาชิและเพื่อนสาวได้ เป็นความสัมพันธ์ที่คลุมเครือไปหมด จะว่าเป็นเพื่อนก็ไม่ใช่เป็นแฟนก็ไม่ใช่อีกเพราะเท่าที่สังเหตุทั้งสองคนยังไม่ได้ตกลงคบกัน รึว่านี้จะอยู่ในช่วงของการจีบ?

     

    แต่การปฏิบัติของอาคาชิคุงต่อสึบากิมันดูพิเศษกว่าการเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นหรือเพื่อนร่วมชมรมแน่ๆ และเท่าที่เธอสอบถามจากไดจังมาเห็นว่าสึบากิจังเองก็บอกชอบอาคาชิคุงไปแล้วถึงจะบอกว่าชอบทั้งบุราซากิบาระคุงด้วยแต่ในเซนต์ผู้หญิงของเธอมันบอกว่าคำว่าชอบของสองคนนี้มันมีความแตกต่างกันอยู่

     

    เสียงประตูปิดลงโมโมอิได้สติกลับมากวาดตามองไม่เห็นใครอยู่ในห้องแล้ว เธออดที่จะอมยิ้มและหัวเราะไม่ได้

     

    ไหนว่าไม่จำเป็นไงคะอาคาชิคุง

     

     

    ''ฮ้า~ค่อยสดชื่นขึ้นหน่อย'' สึบากิหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับหยดน้ำตามใบหน้าตัวเอง แล้วสำรวจความเรียบร้อยหน้ากระจก มือบางจัดผมหน้าม้าที่เปียกชื้นให้เข้าที่ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำตรงไปยังชั้นล่างหน้าประตูโรงยิมเพื่อรอใครบางคนที่ดูจากเวลาน่าจะมากลับมาถึงแล้ว

     

    ''เอ้าน้ำผลไม้ที่สั่งได้แล้วคุณผู้หญิง'' สึบากิรับกระป๋องน้ำที่อีกฝ่ายโยนมา ริมฝีปากตึงเป็นเส้นตรงเมื่อเห็นว่ากระป๋องน้ำเขียนอักษรตัวใหญ่ว่าน้ำผลไม้ ไม่ใช่น้ำชามะนาวที่บางครั้งนิจิมุระใจอ่อนแล้วแอบซื้อมาให้เหมือนทุกที

     

    นิจิมุระก้มมองรุ่นน้องสาวที่สูงแค่ช่วงอก เขาหัวเราะในลำคอ ใช้นำ้เสียงเกียจคร้านเหมือนรำคาญความเสพติดชามะนาวของสึบากิไปว่า ''คุณผู้หญิงวันนี้งดดื่มชามะนาวนะครับ''

     

    สึบากิเงยหน้าขึ้นดวงตาสีฟ้าเข้มเปล่งประกายแวววาวแฝงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    นิจิมุระสังหรณ์ใจไม่ดี ก้าวเท้าถอยหลังเว้นระยะจากร่างบางที่ก้าวเท้าเข้าหาเขา มือใหญ่กุมถุงผ้าไว้แน่นแต่ช้าไปแล้ว วินาทีต่อมามือเรียวเล็กคว้าถุงผ้าในมือเขาไป เธอมองหากระป๋องเครื่องดื่มยี่ห้อที่เธอคุ้นเคย

     

    ''แหมรุ่นพี่นี้รู้ใจฉันจริงๆเลยนะคะ'' เธอยกมุมปากออกมาเมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ แล้วเอากระป๋องน้ำผลไม้ยัดใส่ถุงส่งคืนนิจิมุระ

     

    อันที่จริงสึบากิเธอพอจะคาดเดาได้ว่านิจิมุระจะต้องซื้อชามะนาวมาเพื่อดื่มเยาะเย้ยเธอแน่นนอน จากนิสัยของรุ่นพี่หนุ่มที่เธอคลุกคลีรู้จักมาตั้งแต่สมัยประถม

     

    มิจิมุระโดนคนรู้ทันจับได้มีสีหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเห็นสึบากิเปิดกระป๋องดื่มชามะนาว สูดดมกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์และความสำเร็จที่ได้ดื่มชามะนาวตรงหน้า แต่ยังไม่ทันได้ลิ้มรสความหวานอมเปรี้ยวที่โหยหามีเสียงจากทางด้านหลังปลุกให้เธอตื่นจากฝันหวาน

     

    ''รุ่นพี่คุณตามใจสึบากิซังมากเกินไปแล้ว'' อาคาชิใช้เสียงเนิบนาบตำหนิรุ่นพี่ที่มักจะใจอ่อนกับสึบากิประจำ ใช่ว่าเขาไม่รู้นิจิมุระซื้อชามะนาวมาดื่มเองแต่จริงๆแล้วซื้อมาเพื่อเอามาให้สึบากิลับหลังเขาต่างหาก ขายาวก้าวลงจากบันไดอย่างมั่นคงไม่รีบร้อนแต่ให้ความรู้สึกถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมา

     

    ''อันที่จริงฉันซื้อมาดื่มเองหน่ะแต่ยัยนี้ดันมาแย่งไปแฮะๆ'' นิจิมุระที่โดนรุ่นน้องอีกคนจับไต๋ได้รีบแก้ต่าง ส่วนสึบากิที่เห็นอาคาชิเดินมาทางนี้รีบหลบข้างหลังนิจิมุระ ทำให้รุ่นพี่หนุ่มกำลังจะหาทางชิ่งหนีไปไหนไม่ได้ พลางส่งสายตาสื่อสารกับรุ่นน้องสาว

     

    'ปล่อยฉันนะยัยตัวแสบอย่าเอาฉันมาเป็นโล่กำบังแบบนี้'

     

    'นิจิมุระซังเรามาตายด้วยกันเถอะคะ'

     

    สึบากิใช้มือข้างที่ว่างกอดเอวรุ่นพี่หนุ่มไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วนนิจิมุระก็พยายามแกะแขนที่เหมือนตุ๊กแกของรุ่นน้องออกจากเอวตัวเองอย่างไม่ยอมแพ้

     

    ไม่นานด้วยขนาดตัวและพละกำลังที่ต่างกันสึบากิกำลังพ่ายแพ้ ชั่วครู่เธอก็นึกขึ้นได้อย่างน้อยขอดื่มซักหน่อยก็ยังดี เธอจึงปล่อยมือจากเอวนิจิมุระแล้วยกกระป๋องน้ำที่ถืออยู่มาดื่ม

     

    ทว่าสายไปแล้วอาคาชิเข้ามาประชิดตัวเธอแล้วจับที่ข้อมือแย่งกระป๋องน้ำในมือส่งให้นิจิมุระ คนได้รับรีบยกดื่มเครื่องดื่มเจ้าปัญหาอย่างรวดเร็วจนหมดเกลี้ยง ท่ามกลางสายตาผิดหวังอย่างรุนแรงของรุ่นน้อง ซึ่งเขาเองก็รู้สึกผิดแต่เพื่อสุขภาพของสึบากิจำต้องใจแข็ง ก่อนจะรีบเดินหนีขึ้นชั้น2ไปหาโมโมอิ

     

    สึบากิมองแผ่นหลังของรุ่นพี่หนุ่มที่ชิ่งหนีไปชั้น2 ก่อนจะก้มมองมืออาคาชิที่ยังเกาะกุมข้อมือของเธอเอาไว้ เธอรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองลงมา เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามไรผมเธอไม่กล้าเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายเพราะมีความผิดอยู่

     

    อันที่จริงเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเพื่อนร่วมชั้นและชมรมแค่นั้นการที่เธอจะดื่มอะไรทำให้เสียสุขภาพตัวเองหรือไหมอาคาชิไม่จำเป็นจะต้องมาใส่ใจด้วยซ้ำไป เทียบกับเป็นนิจิมุระที่สนิทสนมกันมานานควรจะเป็นเขามากว่าที่ต้องคอยมาตำหนิและเป็นห่วงเธอถึงจะไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไหร่ก็เถอะนะ

     

    ''มันไม่ดีต่อสุขภาพนะสึบากิซัง'' อาคาชิหรี่ตาลงมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าหนีเขาอยู่เหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จับได้ว่าแอบไปทำความผิดมา

     

    สึบากิขานรับหนึ่งคำ แต่สายตายังคงจ้องมือข้อมือตัวเอาที่ถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้

     

    ''เงยหน้าขึ้น'' นำ้เสียงทุ่มแกมออกคำสั่งไม่ได้ทำให้สึบากิทำตามแต่อย่างใด อาคาชิหัวเราะในลำคอกับความดื้อรั้นมือเรียวเชยคางของเธอ เขาออกแรงเล็กน้อยบังคับเธออย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากเบาๆ สัมผัสแผ่วเบาแต่กลับแนบชิดเป็นเวลานาน ดวงตา2สีจ้องไปมาราวกับดึงดูดกันและกันให้จมลึกในความมืดที่ไม่มีสิ้นสุด

     

    เวลาผ่านไปสักพักอาคาชิถอนริมฝีปากเว้นระยะออกมาแต่ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกันก่อนจะกลับไปแนบชิดกันอีกครั้งและคราวนี้มันลึกล้ำเข้าไปอีกโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัวยืนแข็งทื่อ สติหลุดหายไปกับอากาศเรียบร้อยแล้วท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น แสงอาทิตย์ตกกระทบสองร่างที่แนบชิด อุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้นจากเมื่อตอนเปิดเทอมเป็นสัญญาณถึงฤดูร้อนที่ใกล้เข้ามาแล้ว

     

     

    บรรยากาศเย็นสบายยามเช้า แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านหน้าต่างใบใหญ่ เสียงนกร้องยังคงขับขานช่างเป็นเช้าที่ดี สึบากิลงจากเตียงขนาดคิงไซส์ด้วยอาการงัวเงียก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันก็เปลี่ยนไปสวมชุดนักเรียนที่เมื่อคืนเธอเตรียมไว้ แล้วเดินหาวออกจากห้องนอนลงบรรไดไปโดยไม่ลืมหยิบกระเป๋านักเรียนและตุ๊กตาผ้าห่มลูกเจี๊ยบสีม่วงแทนตัวสีรุ้งก่อนหน้านี้ถูกส่งให้แม่บ้านซักทำความสะอาด

     

    มือเรียวเล็กวาดมือไปตามราวบรรไดที่ทำด้วยหินอ่อนราคาแพงนิ้วชี้เคาะไปตามจังหวะผมยาวสีดำสนิทพริ้วไหวตามจังหวะการก้าวลง เธอครุ่นคิดถึงความฝันอันเลอะเทอะเมื่อคืนนี้ ฝันที่ไม่ได้มีเค้าโครงใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลยซักนิดแต่จะมีเรื่องจริงอยู่ไม่กี่อย่างละนะอย่างเรื่องที่เธอมาจากอีกโลกหนึ่ง ส่วนตัวละครในฝันอย่างนานะจังเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบอาคาชิกลับกันอีกฝ่ายดูจะไม่ชอบขี้หน้าอาคาชิซะมากกว่าที่สำคัญนานะจังเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยประถมของเธอและฮารุจังอีกด้วย

     

    และยิ่งเป็นไปไม่ได้มากที่สุดคือความสัมพันธ์แปลกประหลาดระหว่างเธอกับอาคาชิ ไหนจะตอนบอกชอบผู้ชาย2คนพร้อมกันท่ามกลางผู้คนนั้นอีก และที่ตอนจบของในฝันดันมันหักมุมเข้าฉากโรแมนติกถึงพริงถึงขิงเพียงเพราะชามะนาวกระป๋องเดียวไปได้ยังไง? 

     

    เธอส่ายหัวให้กับความฟุ้งซ่านของตัวเองในใจ

     

    รึเพราะช่วงนี้เธอโดนเพื่อนสาวทั้งสองคอยเอาแต่กรอกหูเกี่ยวกับโชโจมังงะเรื่องดังที่เป็นกะแสพูดถึงของนักเรียนหญิงค่อนประเทศในขณะนี้กันเลยเก็บเอามาฝันถึงฉากไคลแม็คของเรื่องแต่เปลี่ยนตัวแสดงเป็นเธอและอาคาชิเท่านั้น

     

    เอาเถอะมันก็เป็นเพียงฝันไร้สาระเธอไม่ควรเก็บมาใส่ใจ อีกอย่างระหว่างเธอกับอาคาชิไม่เคยมีเรื่องอะไรทำนองนั้นเกิดขึ้นมาเลยตลอดระยะเวลา1ภาคการศึกษาที่ผ่านมานับตั้งแต่รู้จักกัน พวกเราเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมห้องกันเท่านั้น เขาสอบได้ที่1ของชั้นปีร่วมกันกับเธอ พวกเราเจอกันครั้งแรกในวันเปิดการศึกษาเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ เธอและเขาเป็นกรรมการนักเรียน ส่วนในชมรมบาสเขาเป็นรองกัปตันเธอเป็นผู้ช่วยโค้ท

     

    นอกจากเรื่องงานแล้วเขาและเธอแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนอกจากการทักทายตามมารยาทเท่านั้น ในบรรดาคนอื่นๆเธอสนิทสนมมากกว่าโดยเฉพาะมุราซากิบาระที่มักจะมาขอขนมที่เธอคิดค้นสูตรใหม่ๆไปกินช่วงพักเที่ยงเป็นประจำ หรือไม่ก็ชวนเธอมานั่งทำขนมเนรูเนรูเนรูเน่ให้เขากิน

     

    ส่วนมิโดริมะนั้นบังเอิญเห็นเธอพกตุ๊กตาลูกเจี๊ยบสีรุ้งน่าจะเป็นลักกี้ไอเท็มที่เจ้าตัวตามหาจึงขอยืมไปใช้หนึ่งวัน จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้พูดคุยกันซึ่งหัวข้อส่วนใหญ่ไม่เรื่องเรียนก็เรื่องตามหาลักกี้ไอเท็มละนะ

     

    ''อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ฮิคารุ พี่คาโอรุ'' ร่างสูงที่มีใบหน้าเหมือนกันราวกับกระจกสะท้อน หันไปมองผู้มาใหม่เดินเข้ามานั่งประจำที่ตรงกลางระหว่างพวกเรา2คน

     

    ''อรุณสวัสดิ์นะตัวเล็ก'' คาโอรุหันไปทักน้องสาวคนเล็กของบ้าน ดวงตาสีฟ้าภายในยกยิ้มเขามีเส้นผมสีดำสนิทเหมือนกับน้องสาวใบหน้าหล่อเหลายามส่งยิ้มเหมือนมีประกายออร่าแสบตาเปล่งรัศมีออกมาทำเอาสึบากิตาลายไปช่วงขณะ

     

    ทำยังไงเธอก็ยังไม่ชินกับความเจิดจ้าของพี่ชายสุดหล่อไม่ได้ซะที

     

    ส่วนฮิคารุกำลังเช็คเมล์ลในมือถือขานรับหนึ่งคำ ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนกับคาโอรุแต่บุคลิกช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจน ฮbคารุที่สดใสร่าเริมเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า คาโอรุที่เงียบขรึมและชอบสร้างระยะห่าง ก็คือพระจันทร์ที่เปล่งประกายลึกลับหยอกล้อหมู่ดาวยามคำคืน

     

    สึบากิเหลือมองนาฬิกาข้อมือเข็มยาวชี้เวลาใกล้จะสายแล้วและเธอที่มีประวัติอันดีงามตลอด1ปีการศึกษาไม่ต้องการสูญเสียมันไปจึงยกมือให้แม่บ้านเริ่มหน้าที่ได้

     

    แม่บ้านที่ยืนรอจึงเริ่มเสิร์ฟอาหารเช้าให้ทั้ง3คน ที่เวลานี้ในบ้านตระกูลชิรายูกิมีเจ้านายเหลืออยู่ 3 คนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆออกไปทำงานแต่เช้ามืดแล้ว เหลือเพียงเธอและพี่ชายอีก2คน ที่ตอนนี้พวกเขาเรียนอยู่ชั้นมหาลัยปี3 ด้วยมหาลัยมีความยืดหยุ่นในการเข้าเรียนพี่ชายทั้ง 2 จึงไม่ได้รีบร้อนออกจากบ้านหลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ

     

    พวกเขาเดินมาส่งน้องสาวคนเดียวหน้าบ้านโดยไม่ลืมหอมแก้มคนละข้างก่อนจะปล่อยให้สึบากิเดินไปโรงเรียนพร้อมกับฮารุและนานะมายืนรออยู่หน้าบ้านเป็นกิจวัตรไปแล้ว

     

    ''ฉันอยากมีพี่ชายสุดหล่อแบบนี้บ้างจังเลยน้า~'' เดินออกจากบ้านมาซักพัก ฮารุยิ้มล้อเลียนเพื่อนสาวที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีพี่ชายยังมาคอยหอมแก้มก่อนออกจากบ้านมาโรงเรียนตั้งแต่สมัยประถมจนตอนนี้ขึ้นชั้นมัธยมปี1เทอมปลายแล้ว

     

    ''เห้~ไม่ใช่ว่าฮารุจังมีพี่ชายข้างบ้านสุดหล่ออยู่แล้วหรอคะ'' สึบากิโต้กลับจุดอ่อนของเพื่อนสาวผมสีบรอนเงียบหนีไปแล้วได้อยู่หมัด ใบหน้าเรียบเฉยหลังตาพริ้มรับลมเย็นที่พัดผ่านยกยิ้มมุมปาก มือขวาตุ๊กตาผ้าห่มในอ้อมแขนในกระชับขึ้น

     

    ''สึบากิจังละก็แกล้งฮารุจังแบบนี้ไม่ดีเลยนะคิก'' นานะที่เดินรั้งท้ายกลั้นขำอาการหน้าแดงเป็นมะเขือเทศของฮารุไม่ไหว จนต้องปรามเพื่อนสาวให้หยุดแซวถึงตอนแรกฮารุจะเริ่มก่อนก็เถอะ

     

    ''ว่าแต่วันนี้สึบากิจังต้องเข้าแวะเข้าชมรมก่อนสินะคะ'' นานะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงตั้งแต่เข้าเรียนชั้นมัธยมต้นมาเพื่อนสาวคนนี้มักจะยุ่งตลอดเวลาเพราะเจ้าตัวเป็นทั้งกรรมการนักเรียน ไหนจะเป็นผู้ช่วยโค้ทคุโรกาเนะซึ่งเป็นพี่ชายของคุณแม่ของสึบากิจังและยังเป็นคุณพ่อของฮารุจังอีกด้วย

     

    ''อาวันนี้ต้องส่งรายงานความก้าวหน้าของการฝึกซ้อมหน่ะแล้วฉันต้องแวะส่งเอกสารให้ประธานนักเรียนที่ห้องสภานักเรียนด้วย'' มือเรียวเล็กป้องปากหาวขณะเดินถึงหน้าประตูโรงเรียนพอดี ก่อนจะโบกมือแยกย้ายกับเพื่อนสนิททั้ง2 มายังโรงยิม1

     

    ขาเรียวก้าวเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดเพื่อไปชั้น2ดวงตาสวยกวาดมองระเบียงทางเดินก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องที่มีป้ายชือ่เขียนว่าคุโรกาเนะ มือยืนจะเคาะประตูแต่ยังไม่ทันได้สัมผัสคนที่อยู่ในห้องเปิดประตูมาก่อน และเป็นที่เธอไม่คิดว่าจะเจอในยามเช้านี้ คนที่เมื่อคืนเธอฝันถึงแถมในฝันมีฉากเลิฟซีนด้วยกันอะนะ…แฮะๆ

     

    ''อรุณสวัสดิ์สึบากิซัง'' น้ำเสียงเนิบนาบกล่าวทักทายเธอเหมือนทุกๆวันที่เจอกัน

     

    ''อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะอาคาชิคุง'' สึบากิตอบกลับอีกฝ่ายตามมารยาท มือที่ค้างกลางอากาศลดลงมาแนบลำตัวแทน เธอก้าวถอยหลังเพื่อเว้นระยะให้เขาเดินออกมาจากห้องก่อน แต่ดูเหมือนอาคาชิจะแปลกไปเขาเดินออกมาและปิดประตูห้องเรียบร้อยแต่ไม่หลีกทางให้เธอเดินเข้าไป

     

    ดวงตาสีแดงจ้องมองเธออย่างสำรวจอยู่ซักพักใหญ่ สึบากิเองก็หรี่ตาลงอย่างุงงงวันนี้อาคาชิคุงมาแปลก เพราะปกติเมื่อทักทายตามมารยาทแล้วเจ้าตัวมักจะขอตัวแยกไปทำธุระต่อทันทีมีบ้างที่แวะคุย2-3ประโยค แล้วแยกย้ายไป แต่วันนี้ไม่ใช่เหมือนทุกที

     

    ''คุณมาหาโค้ชคุโรกาเนะสินะ''

     

    สึบากิขานรับในลำคอ พร้อมส่งสายตาว่าถ้ารู้แล้วช่วยหลีกทางด้วยฉันกำลังรีบ อาคาชิที่เข้าใจความนัยจึงหลีกทางให้ ร่างบางเดินเข้าห้องไปด้วยความรีบร้อนเจ้าตุ๊กตาผ้าห่มตกลงที่พื้นโดยที่เธอไม่รู้ตัวเพราะสนใจแต่จะรีบส่งรายงาน

     

    อาคาชิหยิบตุ๊กตาผ้าห่มขึ้นมาดูที่วันนี้เปลี่ยนเป็นลูกเจี๊ยบสีม่วงหน้าตาของมันคล้ายเพื่อนร่วมทีมของเขาที่มีแววตาง่วงนอนตลอดเวลาจากเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นลูกเจี๊ยบสีรุ้งที่หน้าตาคล้ายกับกัปตันนิจิมุระอยู่เหมือนกัน

     

    จริงๆแล้วเท่าที่เขาจำได้สึบากิจะมีตุ๊กตาลูกเจี๊ยบหลากสีมีช่องซิปสามารถเก็บผ้าห่มผืนเล็กไว้และเจ้าตัวมักพามันมาฝากไว้ที่ชมรมโดยให้เหตุผลว่าบางครั้งอยากงี้หลับจะไปเอาหนุนนอนแทนหมอนรึเอาผ้าห่มที่ซ้อนไว้มาคลุมขา เขาค่อนข้างสนใจไอเดียนี้มากกับการให้หมอนกับผ้าห่มอยู่รวมกันในตุ๊กตาตัวเดียว

     

    ''อาคาชิคุงช่วยส่งมุคุงคืนมาด้วยค่ะ''

     

    ''มุคุง?'' อาคาชิมองตุ๊กตาลูกเจี๊ยบสีม่วง สลับกับเจ้าของที่ยืนกอดอกพยักหน้าเพื่อคลายความสงสัย มุคุงที่ว่าคือชื่อเจ้าตุ๊กตาลูกเจี๊ยบตัวนี้ที่อยู่ในมือเขา อาคาชิหัวเราะในลำคอ ใช้เสียงเนิบนาบแหย่สึบากิไปว่า

     

    ''แล้วเจ้าลูกเจี๊ยบสีแดงเมื่อ2อาทิตย์ก่อนชื่ออะไร''

     

    ''อ้อถ้าตัวนั้นชื่อว่าเซจังไงคะตอนนี้น่านอนอาบแดดพร้อมชินคุงและชูคุงอยู่ที่ระเบียงบ้าน'' สึบากิเท้าคางครุ่นคิดพร้อมมองนาฬิกาที่ตอนนี้คุณแม่บ้านน่าจะนำเจ้าลูกเจี๊ยบทั้งหลายของเธอตากแดดแล้ว

     

    ''……'' อาคาชิที่ได้รับคำตอบที่ผิดคาดนิ่งเงียบไปชั่วขณะ

     

    ''เซคุง เรียกตัวสีแดงว่าเซคุงน่าจะดีกว่า'' หืม? ร่างบางเอียงคอสงสัยชื่อเซจังก็น่ารักนี่หน่ามันไม่ดีตรงไหนกันนะ

     

    ''เขาเป็นตัวผู้เรียกเซจังคงไม่เหมาะเท่าไหร่'' อาคาชิกระแอมไอก่อนจะยืนตุ๊กตาลูกเจี๊ยบกลับคืนเจ้าของมันที่ก้มหน้าครุ่นคิดคล้อยตามกับข้อเสนอของเขาในการเรียกชื่อตุ๊กตา ก่อนจะแยกเดินออกไป

     

    ''เซคุงสินะแต่ชอบเรียกเซย์จังมากกว่า'' เสียงใสแว่วผ่านตามทางเดินเงียบสงบไม่มีใครทำให้เขาได้ยินอย่างชัดเจน ราวกับมีขนนกเบาๆสัมผัสโดนส่วนอ่อนไหว อาคาชิที่กำลังหันเดินไปอีกทางชะงักก่อนจะก้าวขาเดินลงบันได มุมปากยกยิ้มด้วยความพอใจ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×