ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket,knb] Love is the honey (Akashixoc)

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.09K
      379
      9 มี.ค. 65

     

    Chapter 1

     

    The best things happen by chance Because that's life: finding Dory (2016)

    สิ่งดีๆล้วนเกิดขึ้นโดยบังเอิญ เพราะนั่นคือชีวิต

     

     

     

     

    ดวงตาสีฟ้าเข้มปรายตามองความวุ่นวายตรงหน้าประตูโรงเรียน ที่มีบรรดารุ่นพี่แต่ละชมรมส่งเสียงชักชวนนักเรียนชั้นปี1ที่เดินผ่านไปมาสมัครเข้าชมรมของตนเองกันอย่างคึกคัก

     

    วันนี้เป็นวันเปิดภาคการศึกษาแรกของโรงเรียนมัธยมต้นเทย์โคว หญิงสาวตรวจความเรียบร้อยชุดเครื่องแบบนักเรียนที่สวมใส่อีกครั้ง ก่อนจะเดินมุ่งหน้าเข้าไปด้านในแต่ขาเรียวต้องหยุดชะงักเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นสีแดงทางด้านขวามือ

     

     

    เจ้าของร่างโปร่งที่ไม่สูงแต่ก็ไม่จัดว่าเตี้ยกำลังยืนคุยกับชายวัยกลางคน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนขับรถ ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองทางเข้าโรงเรียนและก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป แม้เธอจะไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน แต่ก็พอจะคาดเดาได้จากความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว

     

    ใช่มันนานมาแล้วเมื่อครั้งยามที่ เธอยังคงเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่ชื่นชอบการอ่านมังงะกีฬา โดนเฉพาะอย่างยิ่งมังงะเรื่องที่เธอโปรดปรานที่สุดที่ไม่ว่า เนื้อหาจะจบไปนานหลายปีแล้วเธอยังคงกลับมา นั่งอ่านตั้งแต่เล่มหนึ่งจนถึงเล่มพิเศษ รวมทั้งนิยายที่เขียนออกมาขายเพิ่มเติม

     

    ตัวเธอเองที่หลงใหลเหล่าตัวเอกในเนื้อเรื่อง บางครั้งถึงขั้นมีความคิดที่อยากจะเขามาอยู่ในโลกของพวกเขาคอยเฝ้าดูด้วยตาของตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่อ่านจากมังงะเช่นเคย แต่มันเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อเจ้อในช่วงวัยรุ่น

     

    เมื่อเข้าสู่วัยทำงานที่มีความแข่งขันสูงตัวเธอก็ได้หลงลืมพวกเขาเหล่านั้นไปบ้าง แต่ก็เหมือนทุกครั้งมีความรู้สึกบางอย่างที่คอยย้ำเตือน ถึงความเพ้อเจ้อในวัยเด็กนั้นให้เธอต้อง กลับมาอ่านเรื่องราวเดิมๆที่ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบ ก็ยังคงสนุกสนานไปกับพวกเขาอยู่เรื่อยไป

     

     

    ถึงแม้สมองคอยบอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ก็ไม่อาจห้ามความปรารถนาในใจลึกๆได้เลยว่าเธออยากเจอพวกเขาเหล่านั้น อยากเฝ้าดูเรื่องราวที่ดำเนินไปเรื่อย ๆไม่อยากให้เรื่องราวนี้จบลงเพียงแค่หน้าสุดท้ายของมังงะ

    หากจะถามว่าเธอชื่นชอบตัวละครไหนมากที่สุดในบรรดาเหล่าตัวเอก เธอก็ขอตอบได้อย่างไม่ต้องคิดมากเลยนั้นก็คือ เจ้าไททันสีม่วง

     

     

    มุราซากิบาระ อัตสึชิ ผู้ชื่นชอบขนมหวานโดยเฉพาะ เนรูเนรูเนรูเน แคนดี้ และเกลียดแครอทเหมือนกับเธอ

     

    แต่ถ้าถามว่าใครคือตัวละครที่เธอรู้สึกพิเศษละก็ อาคาชิ เซย์จูโร่ จักพรรดิสีแดง คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ส่วนคำว่าพิเศษก็คือพิเศษจนไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนนัก แค่รู้สึกว่าบุคลิกและตัวตนของเขาน่าสนใจจนละสายตาไม่ได้

     

    เอาเถอะสิ่งสำคัญในตอนนี้คือโลกที่เธอเข้ามาอยู่นี้น่าจะเป็นโลกเดียวกับมังงะเรื่องโปรดของเธออย่างแน่นอน และหลักฐานยืนยันที่นอกจากตัวของเธอเองที่อายุเพิ่งเข้าสู่ชั้นมัธยมต้นปี1 เหล่าบรรดาตัวเอกหัวหลากสีที่ทยอยเดินเข้าสู่โรงเรียนเทย์โคแห่งนี้ ตามเนื้อเรื่องในมังงะไม่ผิดเพี้ยน แต่ที่ผิดปกติก็คือมีตัวเธอที่เข้ามาอยู่ในโลกนี้ และมีความทรงจำทุกอย่างครบถ้วน

    เธอตื่นขึ้นมาบนโลกนี้ในวัยเจ็ดขวบ สถานที่คือโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง มันช่างสร้างความสับสนเป็นอย่างมาก เพราะก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมาจำได้เพียงว่าตัวเองเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงอำลาหัวหน้าแผนกวิจัยคนเก่า

    แม้จะดื่มค่อนข้างเยอะพอสมควร เธอก็ยังเดินทางกลับมาที่พักอย่างปลอดภัย โดยเพื่อนร่วมแผนกอาสามาส่งถึงห้อง ก่อนจะล้มตัวลงบนที่นอนและหลับไปเมื่อตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ในร่างเด็กคนนี้แล้ว

     

     

    ชิรายูกิ สึบากิ คือชื่อของเด็กคนนี้ที่น่าแปลกคือมันเป็นชื่อเดียวกับโลกเก่าที่จากมา

     

    บนโลกใบนี้ สึบากิ มีครอบครัวประกอบไปด้วยคุณพ่อ คุณแม่ และพี่น้องรวมเธอด้วยทั้งหมด 4 คน มีพี่ชายฝาแฝดพี่ชายคนรองที่เป็นฝาแฝดชาย2คน คือ ฮิคารุ และ คาโอรุ สุดท้าย คือพี่ชายคนโตชื่อ ฮิซาชิ

    สถานะครอบครัวของเธอค่อนข้างจะมีอันจะกินพอตัว ด้วยความที่เป็นตระกูลนักรบที่สร้างผลงานมาหลายรุ่น จนช่วงหลังสงครามได้เริ่มผันตัวมาทำการค้าขายถึงปัจจุบัน แม้เมื่อเทียบสถานะกับตระกูลอาคาชิซึ่งนำห่างกันอยู่1ขั้น แต่นับได้ว่าตระกูลชิรายูกิ เป็นตระกูลที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้

     

    ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่การเลี้ยงดูภายในตระกูลที่มีชื่อ กลับใกล้เคียงกับคนทั่วไปอย่างที่คนภายนอกคงคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยให้ตัวเธอเองและพี่ชายทั้งสี่มีอิสรเสรีที่จะทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ได้คำว่าตระกูลใหญ่มาคอยครอบหัวไว้ แต่ก็ไม่ได้ละเลยธรรมเนียมและมารยาทที่พึงมีในตระกูลแต่อย่างใด รวมไปถึงการเลือกคู่ครองเองที่ไม่ถูกผูกมัดเพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ของตระกูลซึ่งเป็นกฎเหล็กนับตั้งแต่ผู้นำตระกูลรุ่นแรกก่อตั้งขึ้นมาผิดจากตระกูลอื่น ๆ

     

    ไม่ว่าที่มาจะเป็นแบบไหนตัวเธอก็ล้วนชื่นชอบทั้งนั้น เพราะหากจะให้ใช้ชีวิตใหม่นี้อยู่ภายใต้การตีกรอบกุลสตรีในตระกูลใหญ่สึบากิที่อีกโลกอยู่ในช่วงวัยยี่สิบแปดซึ่งมีอิสรเสรีและการก้าวข้ามขอบเขตระหว่างชายหญิงบางอย่างพอตัว คงไม่อาจจะทนได้เกินสามวัน หากจะให้เธอมานั่งเป็นคุณหนูผู้บอกบาง หรือแสดงท่าทางอ่อนช้อยงดงามตามแบบกุลสตรี แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ใช่ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแข็งกระด้าง มีกิริยาที่ดูไม่เรียบร้อยเพียงแค่อาจจะไม่ได้อ่อนหวานแบบที่ลูกคุณหนูคนอื่น ๆเป็นกัน

     

    ''สึจางงง~'' ดวงตาสีฟ้าเข้มหันหลังตามทิศทางของเสียง ก่อนที่จะอ้าแขนรับร่างน้อยที่จงใจกระโดดใส่เจ้าตัวอย่างพอดี พลางหมุนตัวตามแรงเวี่ยงและจับร่างของคนที่เป็นทั้งเพื่อนสาวและญาติผู้พี่ให้ทรงตัวกับพื้นดินได้อย่างสวยงาม

     

    "ฮารุจังบอกกี่ครั้งแล้วคะว่าอย่างทำแบบนี้มันอันตราย" ใบหน้าที่เฉยชาก้มหน้าดุเพื่อนสาวตัวเล็ก ที่มักจะโดดเข้าหาเธอจากทางด้านหลังเป็นประจำเมื่อพบกัน โดยมือเปลี่ยนจากการโอบรอบเอวของร่างเล็ก หันมาจัดผมยุ่งสีบรอนซ์ที่ถูกซอยสั้นสูงเหนือบ่ามา1คืบเล็กน้อย

     

    "แหมก็มันอดไม่ได้จริงๆนี้หน่าขอโทษน้าสึจัง" ส่วนคนโดนดุยกมือประกบสองข้างขอโทษด้วยใบหน้าเศร้า แต่ติดที่น้ำเสียงดูจะไม่สำนึกซักเท่าไหร่ สร้างความอ่อนอกอ่อนใจให้คนตัวสูงกว่า

     

    "หวังว่าครั้งหน้าจะไม่ทำอีกนะคะ"

     

    "จ้า จ้า"

     

    ร่างบางถอนใจก่อนจะหันหน้าไปทางหอประชุม ซึ่งเป็นจุดหมายหลักของนักเรียนปี1ทุกคนที่จะต้องเข้าพิธีเปิดภาคการศึกษาเทอมแรก ขณะที่เดินผ่านบริเวณต้นซากุระสายลมพัดผ่านร่างบางจนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้น กันสายตาเรือนผมสีดำสนิทที่ยาวถึงเอวปลิวไสว เกิดภาพสาวงามที่มีใบหน้าเฉยชาท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรย

     

    เจ้าตัวหาได้สนใจไม่เพราะในหัวคิดถึง แค่ว่าต้องรีบไปถึงหอประชุมตามเวลานัดหมายให้ทันก่อนเริ่มพิธีการ ขาเรียวยาวก้าวเดินตรงไปข้างหน้าอย่ามั่งคงติดจะเร่งรีบ ทิ้งภาพงามที่ตราตรึงใจบรรดานักเรียนทั้งชายหญิงที่อยู่บริเวณนั้นไว้ ส่วนคนที่เดินตามหลังที่สังเกตเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้แต่อมยิ้มและรีบเดินตามเพื่อนสาวไป

     

    ถ้าร่างเล็กหันหลังกลับมาอีกครั้งอาจจะได้ทันเห็นสายตาของใครบางคนที่จ้องมองญาติสาว มาตั้งแต่เจ้าตัวเดินเข้ามาภายในโรงเรียนตั้งแต่แรก ก่อนที่ร่างโปร่งที่สวมเครื่องแบบนักเรียนชายเทย์โคจะมุ่งหน้าไปที่หอประชุมเพื่อเข้าร่วมพิธีการในยามเช้าเช่นเดียวกัน

     

    ห้องเรียนA-1

     

    "สึจังดีจังเลยน้าาได้อยู่ห้องเดียวกันด้วย!"

     

    "นั้นสินะคะฉันเองหวังว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกับฮารุจังไปไปตลอดสามปีนี้เลยฮื้ม~"

     

    คนที่แอบงีบหลับอยู่กับโต๊ะของตัวเองปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะพยายามงึมงำตอบกลับพร้อมกับยืดแขนเพื่อบิดขี้เกียจ เหมือนยามที่แมวขี้เซาถูกปลุกให้ตื่นจากฝันหวาน ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูไม่น้อย

     

    อาคาชิที่กำลังคุยทักทายกับมิโดริมะ ชินทาโร่เพื่อนที่นั่งข้างกับเขารู้สึกถึงใครบางคนสะกิดที่หลังจึงหันไปดู เจ้าของมือที่มาโดนหลังเขานั่งเท้าคางใบหน้าเรียวเล็กได้รูปผิวพันธ์เนียนนวลที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี คิ้วทรงธรรมชาติรับเข้ากับดวงตาสีฟ้าเข้มกลมโตที่ยังลืมตาให้เห็นเพียงครึ่งเดียว 

    ริมผีปากบางได้รูปสวยอมชมพู ผมหน้าม้าสีดำเส้นเล็กเข้ากับใบหน้าที่เรียกได้ว่าน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง ไหนจะท่าทางยามงัวเงียนั้นอีกให้ความรู้สึกแมวตัวน้อยที่ถูกรบกวนการนอนกลางวันจนเขาอดยกยิ้มที่มุมปากไม่ได้

     

    "เมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอหรอครับ"

     

    หงึก หงึก หญิงสาวไม่ตอบได้แต่เพียงพยักหาแทน

     

    "ไม่น่าเชื่อว่ายัยนี่จะสอบได้อันดับที่1ร่วมกับนายได้นะอาคาชิ"

     

    มิโดริมะหนุ่มแว่นผู้สอบได้ลำดับที่2ของชั้นปีกล่าวน้ำเสียงห้วน คนร่างเล็กได้ฟังแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ที่อีกฝ่ายสบประมาทเพื่อนรัก เธอจึงตอบโต้กลับไปว่า

     

    "หึนายก็แค่อิจฉาสึจังของฉันละสิไม่ว่า"

     

    "วะ ว่าไงนะนี้เธอ!"

     

    "หึว่าไงมิโดริมะ ชินทาโร่ ลำดับที่2คิก"

     

    "ยัยตัวแสบ"

     

    บนสนทนาชวนทะเลาะระหว่างชายหญิงด้านข้างดูจะรุนแรงขึ้นทุกขณะแต่เหมือนจะไม่มีผลกระทบกับชายหญิงอีกคู่ที่ตอนนี้น่าจะเอ่อ เล่นเกมจ้องตากันอยู่ใครหลบตาก่อนคือผู้แพ้ละมั้ง

     

    "ฉันอาคาชิเซย์จูโร่ ยินดีที่ได้รู้จัก ชิรายูกิซัง"

     

    หงึก หงึก

     

    อาคาชิเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อนอีกครั้งิ แต่ดวงตาสีแดงคู่สวยยังไม่เลิกจ้องมองดวงตาสีฟ้าเข้มของหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่หลบสายตาเขา แต่พยักหน้าตอบกลับเช่นเคยนี้มันจะกลายเป็นเกมจ้องตาจริงๆไปซะแล้ว

     

    "สึบากิเรียกฉันว่าสึบากิก็ได้ยินดีที่ได้รู้จักอาคาชิคุง"

     

    ไม่นานหญิงสาวก็หลบตาและเอ่ยประโยคสั้น ๆกลับ เพื่อไม่ให้เสียมารยาทไปมากกว่านี้ด้วยไปหน้าที่ติดจะง่วงนอนไม่หาย ประกอบกับเสียงทะเลาะที่เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆจนทำให้เจ้าตัวไม่สามารถงีบพักต่อได้อีกต่อไป ดวงตาสวยโปรยตามองความวุ่นวานด้านข้าง ที่เกิดจากญาติผู้พี่และชายหนุ่มที่เธอจำได้ดี คือหนึ่งในตัวเองของมังงะเรื่องโปรด มิโดริมะ ชินทาโร่ ชู้ตติ้งการ์ดผู้มีนิสัยคลั่งการดูดวง จัดได้ว่าเป็นสายมูที่แท้ทรูก็ว่าได้

     

    "สึบากิซังต้องรักษาสุภาพด้วยนะนอนดึกบ่อยไม่ดีต่อสุขภาพได้"

     

    อาคาชิหันประโยคที่ดูเหมือนจะตำหนิในที ก่อนจะหยิบสมุดสำหรับจดบันทึกเพื่อเตรียมพร้อมการเรียนคาบแรกในปีการศึกษานี่ โดยไม่รอคำตอบรับจากสึบากิ แต่คงจะคาดเดาได้ว่าหญิงสาวไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก ที่ถูกปฏิบัติเหมือนเด็กน้อยโดนพ่อแม่ตำหนิเมื่อแอบเล่นเกมจนดึกดื่น ถึงความเป็นจริงสึบากิเล่นเกมจนถึงเช้าก็ตาม

     

    "หึแล้วมันยังไงเจ้าหัวสาหร่าย"

     

    "หน่อยยัยผู้หญิงผมไม้กวาด"

     

    เสียงทะเลาะยังคงดังต่อเนื่อง จนไม่มีทีท่าว่าต่างฝ่ายจะยอมลงส่วนอาคาชิที่นั่งเงียบมองสึบากิที่ยังคงไม่ทำอะไร ด้วยดวงตาสีแดงสื่อความหมายให้เธอตัวต้นเหตุเป็นคนยุติเหตุการณ์ในครั้งนี้ซะ ก่อนที่อาจารย์ประจำชั้นจะเข้ามา คนถูกโยนภาระถอนใจแล้วจึงหันไปพูดเพื่อยุติสงครามน้ำลาย ที่เพื่อนในชั้นเรียนนั่งรับชมการทะเลาะกันมาซักพักใหญ่ได้

     

    "โอเน่ซังจะได้เวลาเรียนแล้วนะ"

     

    ฮารุที่ได้ยินเพื่อนสาวเตือนเธอจึงเลิกสนใจที่จะทะเลาะกับมิโดริมะแล้วหันมาหยิบอุปกรณ์เพื่อเตรียมตัวสำหรับคาบแรกแต่ไม่วายหันไปแยกเขี้ยวใส่หนุ่มแว่นด้านหน้าเธอส่งท้าย ส่วนคนที่โดนกวนอารมณ์ ตั้งท่าจะเริ่มเปิดสงครามใหม่อีกครั้งแต่ไม่ทันไร อาจารย์ประจำชั้นเปิดประตูเข้าห้องมาทำให้ความวุ่นวายในห้องเรียนกลับมาสุขสงบอีกครั้ง?
     

     

    ห้องประชุม

     

    "การคัดเลือกปีนี้มีเด็กน่าสนใจเยอะเลยนะครับโค้ช" นิจิมุระ ชูโซ มองบอร์ดชาร์ทที่รวมคะแนนการทดสอบร่างกายของเด็กชั้นปี1ที่เข้ารับการคัดเลือกเข้าชมรมบาสเทย์โคปีนี้ เขาใช้ปากกาไฮไลท์ขีดทับชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกสี่คน และวงกลมอีกหนึ่งชื่อ

    ซึ่งโดยส่วนตัวเองเขาค่อนข้างจะสนใจความสามารถของทั้งสี่คนจากที่ไปเฝ้าดูการทดสอบที่เพิ่งจบลงเมื่อช่วงบ่ายนี้ แม้จะติดใจกับชื่ออีกบุคคลที่เด็กสาวที่นั่งตรงข้ามเขาเสนอชื่อนี้มาแต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร

     

     

    "ทั้งสี่คนนี้ที่เธอเสนอมาฉันไม่มีข้อโต้แย้งแต่กับอีกคนหนึ่ง" โค้ชซานาดะที่นั่งถัดด้านขวาเอ่ยแย้ง นิ้วเรียวขยับกรอบแว่นให้เข้าที่ พลางเปิดอ่านผลคะแนนทดสอบของบุคคลที่ห้า ที่ระดับอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยอย่างไม่เข้าใจนักกับคำแนะนำของเด็กสาวเช่นกัน

     

    "สึบากิ สำหรับคนที่ห้านี้ลุงคงต้องให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมมากกว่านี้" เฮ้ดโค้ชชิโรงาเนะที่ยืนอยู่ตำแหน่งประธาน หันมองออกไปทางหน้าต่างด้านหลังโต๊ะประชุม จากมุมนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวของผู้คนภายในโรงยิมอย่างชัดเจน ซึ่งในวันนี้มีการทดสอบร่างกายผู้เข้ารับการทดสอบที่เพิ่งจบลงไปต่างพากันรับน้ำดื่ม บางก็นั่งพักอยู่บริเวณม้านั่งริมสนาม บ้างก็นั่งจับกลุ่มคุยกันระหว่ารอการประกาศผล

     

    "เมล็ดพันธุ์บางชนิดต้องใช้เวลามากกว่าปกติซักหน่อยในการผลิบานละมั้งคะ" สึบากิควงปากกาในมือเล่นไปมาอย่างสบายอารมณ์ "ในตอนนี้เขาคนนั้นยังใช้ไม่ได้ค่ะคงจะเริ่มน่าสนใจช่วงอีกซัก1ปีต่อจากนี้"

    แววตาเรียบเฉยสบตาเข้ากับนิจิมุระและโค้ชซานาดะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องประชุมไป โดยไม่สนใจรอฟังผลการพิจารณาที่เธอเสนอชื่อบุคคลที่5แต่อย่างใดเพราะถึงจะรอยังไงเธอก็ทราบผลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

     

     

    "หึหึน่าสนใจดีฉันอนุมัติคอยจับตาดูเด็กคนนั้นเอาไว้ส่วนที่เหลือจัดการตามความเหมาะสม"เฮ้ดโค้ชชิโรงาเนะสรุปการประชุม ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมตามหลานสาวไปทิ้งงานที่เหลือในโค้ชทีมAกับนิจิมุระ จัดการเรื่องการประกาศผลทดสอบร่างกาย

     

    "ยังไงซะเด็กคนนั้นตอนนี้ยังไม่จำเป็นสำหรับทีมบาสตามที่สึบากิบอกผมเองก็เห็นด้วยที่น่าสนใจตอนนี้คือเด็กใหม่ทั้งสี่คนนี้มากกว่านะครับโค้ช" นิจิมุระถือบอร์ดชาร์ทเตรียมตัวออกจากห้องประชุม ชายหนุ่มหันไปคุยกับซานาดะ ที่ยังคงข้องใจกับการที่เด็กสาวให้ความสนใจผู้เล่นระดับธรรมดาคนนั้นอย่างมาก ตัวนิจิมุระเองเขาไม่ได้สงสัยความสามารถในการมองคนได้อย่างยอดเยี่ยมของเด็กสาวแต่ครั้งนี้อีกฝ่ายค่อนข้าง ดูธรรมดาไปหน่อยละมั้ง ไม่แปลกใจที่โค้ชจะมีท่าทีแบบนี้

     

    "ช่างเถอะตอนนี้ได้เวลาประกาศผลแล้วยังมีเอกสารอื่น ๆต้องจัดการให้เรียบร้อยภายในวันนี้นะกัปตันนิจิมุระ" โค้ชซานาดะถอนใจ ก่อนจะหยิบเอกสารที่ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการทดสอบทั้งสามทีม ทิ้งให้กัปตันทีมมีอาการกลืนยาขมเมื่อได้ยินคำว่าเอกสารซึ่งเป็นงานที่เจ้าตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่มันเป็นหน้าที่ของกัปตันต้องทำ

     

    มือเรียวเสยผมดำยุ่งอีกมือดึงกลอนประตูปิดห้องประชุม หลังตรวจสอบความเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงสวมชุดลำลองสำหรับฝึกซ้อม เขาเดินไปตามทางเดินของชั้นสองภายในโรงยิม1 จนมาถึงทางแยกหากเดินไปทางขวา จะพบห้องน้ำสำหรับพวกโค้ชใช้ส่วนทางซ้ายจะมีบันไดเพื่อลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจะเห็นเด็กปีหนึ่งเดินไปเข้าแถวเพื่อฟังประกาศผล

     

    "ชูโซซังไม่ลงไปหรอคะ" ร่างสูงกระตุกปฏิกิริยานั้น ทำให้เจ้าของเสียงอดหัวเราะเบาๆไม่ได้ ดวงตาสีดำกวาดตาไปทางเสียงเรียกให้ตายสิเด็กคนนี้ชอบโผ่ลมาไม่ให้ทุกครั้งที่เจอ แต่ที่น่าเจ็บใจนั้นก็คือเขาที่ไม่เคยชินซะทีนี้สิ

     

    "ปฏิกิริยายังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะคะอะ โอ้ยๆเจ็บๆๆชูโซซังปล่อยหัวฉันจะระเบิดแล้ว" สึบากิร้องออกมาด้วยความเจ็บ จากการถูกมือเรียวบีบเข้าที่ขมับอย่างแรงแม้จะพยายามดิ้นให้หลุดจากการทรมานดูเหมือนจะไม่เป็นผล จนหน้าตาเรียบเฉยตอนแรกแดงก่ำเป็นสีแดงอีกฝ่ายถึงจะยอมปล่อยมือพร้อมเสียงหัวเราะเยาะ

     

    "เจ้าสายรุ้งซาดิสม์" คนโดนลงโทษแสดงอาการไม่พอใจ ด้วยการพองแก้มที่แดงก่ำพร้อมขมวดคิ้วปากเล็กบ่นขมุบขมิบเสียงค่อย เพราะกลัวจะโดนนิจิมุระลงโทษแบบเมื่อกี้อีก

     

    "ให้ตายสิเธอเนี้ยเลิกเล่นเป็นเด็กน้อยได้แล้วนะสึบากิ" นิจิมุระยิ้มอ่อนใจพลางเอามือสางผมที่นุ่มลื่นของอีกฝ่าย จากที่ยุ่งเพราะฝีมือของเขาให้กลับมาเรียบร้อยเหมือนตอนแรก ส่วนคนที่โดนรอยยิ้มทำลายล้างสมองไปเรียบร้อยแล้ว ได้แต่ยืนนิ่งใบหน้าที่แดงก่ำเมื่อครู่หายไปเหลือแต่ใบหน้าที่ตกตะลึงกับความหล่อ?ของรุ่นพี่หนุ่มปกติจะเห็นแต่ใบหน้าดุตลอดเวลา

     

    หรือว่านี้คือรอยยิ้มนารีพิฆาตที่พวกรุ่นพี่ปีสองเขาพูดกันเกี่ยวกับกัปตันทีมบาสเทย์โคว?

     

    "ชูโซซังวันนี้ลืมทางข้าวเช้ามารึเปล่าคะ?" หลังฟื้นฟูสมองที่โดนรอยยิ้มพิฆาตมาเรียบร้อยแล้วสึบากิยังไม่หยุดที่จะกวนใจนิจิมุระแม้ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้จะโดนลงโทษไปแล้ว พลางกวาดตามองด้านหลัง ที่เห็นผู้คนเริ่มทยอยเดินออกจากโรงยิม ไปเข้าโรงยิมอื่น ๆตามระดับที่ได้รับการประเมิน เหลือเพียงแต่สี่คนที่ถูกคัดเลือกให้เข้าทีมAตั้งแต่ครั้งแรกในการประเมินที่ยังคงอยู่รอ เพื่อแนะนำตัวเองกับพวกรุ่นพี่ในทีมA

     

    "โอ้ะประกาศรายชื่อเรียบร้อยแล้วสินะ"นิจิมุระหันไปมองตามรุ่นน้อง ก่อนจะจับแขนเรียวเล็กลากรุ่นน้องสาวให้เดินตามลงไปกับเขา โดยที่สึบากิไม่ได้ทันตั้งตัว มารู้ตัวตัวอีกทีเธอถูกรุ่นพี่หนุ่มจับโยนให้มายืนอยู่ทามกลางเด็กหนุ่มสี่คน โดยมีนิจิมุระยืนอยู่ด้านหลัง กลายมาเป็นว่าตอนนี้สึบากิโดนผู้ชายหัวหลากสีล้อมเป็นวงกลมไปแล้ว

     

    "ชิรายูกิ สึบากิยินดีที่ได้รู้จักผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าทีมAทุกคน" น้ำเสียงที่ดูติดจะแข็งๆต่างจากยามเช้าเอ่ยขึ้น แน่ละสิโดนคนจ้องมองแล้วยืนล้อมรอบแบบนี้สึบากิถึงแม้เคยชินกับการถูกจับตามองตลอดเวลา แต่ถ้าโดนจ้องมองแล้วยืนล้อมรอบแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกอึดอัดแปลกๆ

     

    "เจอกันอีกแล้วนะสึบากิซัง"อาคาชิที่สังเกตเห็นอาการแปลกๆ ของเพื่อนร่วมห้องจึงเดินหน้ายื่นมือ ทักทายเด็กสาวอีกครั้งส่วนทั้ง3คนที่เหลือเพียงทำตาม

     

    "อาโอมิเนะ ไดกิ'' อาโอมิเนะ ไดกิ ที่ไม่สนใจมากเท่าไหร่เขาเพียงทำตามตามมารยาทเท่านั้น

     

    "ยินดีที่ได้รู้จักชิรายูกิ" มิโดริมะ ชินทาโร่ ที่มือซ้ายถือสมุดหน้าเหลืองยืนมือขวาทักทาย ก่อนจะ รีบถอยออกห่างจากเด็กสาวที่ดูจะทิ้งระยะพอสมควร

     

    สึบากิมองท่าทางแปลกของมิโดริมะ ก่อนจะเลิกสนใจเพราะที่เธอสนใจมากที่สุดคือร่างสูงเกือบสองเมตรนี้ต่างหาก

     

    "มุราซากิบาระ อัตสึชิ ฮ้าว~"สึบากิรีบยื่นมือมาจับอย่างรวดเร็ว ขนาดหาวยังน่ารักเลยน้า~ดวงตาสีฟ้าเข้มดูจะเป็นประกายเล็ก เมื่อได้เจอไททันม่วงตัวละครโปรดที่ชอบท่าทางที่เหมือนเจอของที่ชื่นชอบมากๆ จนไม่ยอมปล่อยมืออีกฝ่ายซักทีรุ่นพี่หนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เหมือนว่าจะมีคนมาแย่งชิงความสนใจจากรุ่นน้องสาวมาแทนที่เขาซะแล้ว

     

    "ส่วนฉัน นิจิมุระ ชูโซ กัปตันทีม ขอต้อนรับเข้าสู้ทีมAของชมรมบาสเทย์โค" สึบากิหันไปชักสีหน้าใส่นิจิมุระที่เข้ามาขัดขวางความสุขของเธอ ส่วนนิจิมุระเขาทำท่าบีบขมับข่มขู่กลับไปรุ่นน้องที่เห็นท่าไม่ดีเลยต้อง ยอมปล่อยมือใหญ่ของไททันม่วงอย่างเสียดาย

     

    ฝากไว้ก่อนเถอะชูโซซังอย่าให้ถึงตาฉันบ้าง

     

    เหมือนจะมีประกายแสงไฟที่ปะทะกันระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งท่ามกลาง เด็กหนุ่มทั้งสี่ที่ตอนนี้กลายเป็นตัวประกอบไปซะแล้ว อาคาชิมองการปะทะทางสายตาของทั้งสองได้แต่ยิ้มมุมปาก มิโดริมะที่หันหน้าหนีพร้อมกับก้มหน้าขยับแว่นตาสังเกตดีๆ จะพบว่าหัวไหล่กว้างสั่นเล็กน้อย ส่วนของอาโอมิเนะที่ยืนดูอย่างงงๆ

     

    "เด็กผู้หญิงนี้มือนุ่มเหมือนมาสเมโล่เลยน้า"สุดท้ายมุราซากิบาระยังคงก้มมองมือตัวเองที่เพิ่มจับมือสึบากิพร้อมพึงพำเบาๆ

     

     

     

    ห้องล็อคเกอร์ทีมA

     

    "ว่าแต่สึบาจินนี้เป็นผู้จัดการทีมชมรมบาสหรอ" ในห้องล็อคเกอร์ทีมAซึ่งในตอนนี้เหลือเพียงแค่เด็กปีหนึ่งสี่คน มุราซากิบาระจึงเปิดประเด็นน่าสงสัย พลางใช้ผ้าขุนหนูผืนเล็กมาเช็ดเหงื่อตามใบหน้าและท่อนแขนที่เปียกชุ่ม ตั้งแต่พวกเขาเข้าชมรมมาก็ผ่านไปได้สองสัปดาห์แล้ว

     

    "เจ้าบ้าชมรมจะมีผู้จัดการทีมบาส2คนได้ยังไงกัน" อาโอมิเนะที่กำลังสวมกางเกงนักเรียนตอบกลับ "อีกอย่างซัทสึกิก็เป็นผู้จัดการทีมเรียบร้อยแล้วด้วย"

     

    "เพราะแบบนั้นหน้าที่ของชิรายูกิยิ่งน่าสงสัยยังไงละในเมื่อไม่ได้เป็นผู้จัดการทีมส่วนถ้าเป็นสวัสดิการก็ไม่เห็นเจ้าตัวจะวิ่งทำหน้าที่อะไร นอกจากยืนดูพวกตัวจริงฝึกซ้อม นายคิดว่ายังไงอาคาชิ'' มิโดริมะเปิดล็อคเกอร์เพื่อหยิบเนคไทมาผูก หันไปถามอาคาชิที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ

     

    "นั้นสินะหน้าที่ของสึบากิซังคือจับตาดูทีมAซ้อมเพียงแค่นั้น ถ้าให้ฉันเดามีอยู่สองนั้นก็คือเธอเป็นโค้ชหรือไม่ก็ที่ปรึกษา''อาคาชิเดินมาหยิบผ้าขนหนูที่อยู่ในล็อคเกอร์ ผมสีแดงเปียกชื้นถูกเช็ดจนหมาดแล้วจึงเปลี่ยนมาเช็ดตามลำตัว ก่อนจะสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

     

    "เป็นแฟนนิจิมุระซังละมั้ง ไม่เห็นต้องคิดอะไรเลยสองคนนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นแฟนกัน'' อาโอมิเนะที่กำลังยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าที่ดูจะลำบากมาซักพักเอ่ยขึ้น โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดของตัวเอง ได้ทิ้งความไม่พอใจไว้ให้ใครบางคน

     

    "ไร้สาระถึงจะเป็นแฟนกัปตัน แต่ไม่มีสิทธิจะมาเดินป้วนเปี้ยนในชมรมโดนที่โค้ชไม่ว่าอะไรแบบนี้ได้รึไง" มิโดริมะที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ปิดล็อคเกอร์ก่อนจะนั่งลงบนม้านั่งเพื่อสวมรองเท้าด้านข้างมีสมุดหน้าเหลืองลักกี้ไอเท็มประจำวันนี้วางอยู่ไม่ไกลตัว

     

    "แต่ท่าทางที่นิจิมุระซังไม่พอใจที่สึบาจินมาจับมือฉันมันก็ยังไงอยู่นะ รึว่ากัปตันจะแอบชอบสึบาจิน อาคาจินหล่ะคิดว่ายังไง'' บุราซากิบาระหยิบถุงขนมมันฝรั่งทอดมาฉีกและหยิบกิน

     

    เสียงปิดล็อคเกอร์ที่ดูดังกว่าปกติ ทำเอาทั้ง3คนสะดุ้งต้นเหตุคือชายหนุ่มผมสีแดงที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วพลางหยิบกระเป๋าสะพายที่ไหล่

     

    ''เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และพวกเราไม่จำเป็นจะต้องไปรู้ด้วย" น้ำเสียงติดเย็นชากล่าวก่อนเจ้าตัวจะเดินไปเปิดประตู ออกจากห้องล็อคเกอร์ไปทิ้งให้3คนที่เหลือรีบจัดการตัวเองแล้วเดินตามออกไป

     

    "อาคาชินเองก็ชอบสึบาจินสินะ'' ไททันม่วงผู้เปิดประเด็นอีกครั้งสายตามองไปยังแผ่นหลังของคนผมแดงที่เดินนำหน้าคู่กับมิโดริมะทั้ง2กำลังพูดคุยถึงหัวข้อวิชาเรียนของสัปดาห์นี้

     

    "อย่างงั้นหรอคะ?''เสียงใสดังขึ้นด้านหลังอาโอมิเนะ ตุบ เสียงกระเป๋าตกพื้น ''อ้ากก!!นี้เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ห้ะ!'' อาโอมิเนะโวยวายใส่ร่างบางเสียงดัง จนสึบากิต้องเอามือมาปิดหู ส่วนมุราซากิบาระเปิดตากว้างเล็กน้อย มองดูสึบากิที่เจ้าตัวโผ่ลมาจากทางด้านหลัง โดยที่เขาและอาโอมิเนะไม่ทันได้สังเกตด้วยแววตาชื่นชอบ

     

    ''เกิดอะไรขึ้น''อาคาชิเดินกลับมาดูเพื่อนร่วมทีมที่ส่งเสียร้องเมื่อครู่ โดยมีมิโดริมะเข้ามาสมทบ ดวงตาสีแดงกวาดตาไปมองแล้วพบร่างบางที่เป็นหัวข้อสนทนาในห้องล็อคเกอร์ เธอทำปากยู่ใส่ท่าทางตกใจโอเว่อร์ของอาโอมิเนะขัดกับแววตาที่เรียบเฉยถ้าสังเกตดีๆจะเห็นแววตาของเจ้าตัวมีประกายวิบวับ ก่อนจะที่ดวงตาสีฟ้าเข้มนั้นจะหันมาเห็นอาคาชิ สึบากิจึงเลิกสนใจอาโอมิเนะและเดินไปหาอาคาชิแทน

     

    ''อาคาชิคุงชอบฉันหรอคะ?'' ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องมองดวงตาสีแดงอยู่ซักพัก แต่คนถูกถามก็นิ่งเงียบไม่ยอมตอบคำถามใดๆ จนเธอยอมแพ้เกมจ้องตารอบที่สอง ก่อนจะเดินผ่านอาคาชิและมิโดริมะไปไม่กี่ก้าว แล้วหันหลังกลับมามองบรรดาหัวหลากสีอีกครั้ง จึงพูดประโยคต่อมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า

     

    ''ฉันชอบบุราซากิบาระคุงแต่ก็สนใจอาคาชิคุงนิดหน่อยละมั้งคะ"

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×