ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket,knb] Love is the honey (Akashixoc)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.85K
      253
      9 มี.ค. 65

     

    Chapter 3

     

    You cannot live in your life to please others. The choice must be yours. : Alice in Wonderland (2010)

    คุณไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อทำให้คนอื่นพอใจ คุณต้องเลือกทางของคุณเอง

     

     

     

     

    โรงยิม2

     

    เสียงเสียดสีของรองเท้ากีฬาและเสียงลูกบอลกระทบพื้นสนามบาส ร่างสูงเพียวรับลูกส่งจากเพื่อนในทีมแล้วเลี้ยงลูกบาสหลบทีมฝ่ายตรงข้าม ด้วยความไวเข้ามาที่ใต้แป้นจากนั้นหมุนตัว ก่อนจะกระโดดดังค์ลูกเพื่อทำแต้มอย่างสวยงาม

     

    ปรี้ดดด เสียงนกหวีดเป็นสัญญาณหมดเวลา ผู้เล่นในสนามต่างทยอยเดินออกมารับผ้าขนหนูและน้ำดื่ม บางส่วนเดินแยกเพื่อออกไปล้างหน้าล้างตา และอีกส่วนนั่งพักที่ม้านั่งขอบสนาม วันนี้ช่วงเช้าเป็นคิวของอาโอมิเนะเข้ามาเล่นกับทีมB เพื่อประเมินศักยภาพ ส่วนอาคาชิและมิโดริมะได้ประเมินไปเมื่อวานแล้ว รอบเย็นของวันนี้จึงเหลือแค่มุราซากิบาระ

     

    ''วันนี้อาโอมิเนะคุงฟอร์มดีมากเลยนะคะว่าไหมคะนิจิมุระซัง'' สึบากิใช้ปากสีแดงให้คะแนนเต็มสำหรับการประเมินพัฒนาการร่างกาย และการเล่นเป็นทีมที่ช่วงหลังมานี้เล่นได้เข้าจังหวะกับเพื่อนร่วมทีมได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    ไม่มีเสียงตอบรับจากคู่สนทนาอยู่นานจน เธอใช้ด้ามปากกาสะกิดเรียกอีกฝ่ายที่กำลังเหม่อลอยอยู่ด้านข้าง

     

    ''อา'' นิจิมุระได้สติขานรับ ใบหน้ารุ่นพี่หนุ่มมีเรื่องกังวลภายในจนไม่มีสมาธิในการทำหน้าที่กัปตันเท่าไหร่นัก ซึ่งเธอเองก็พอจะรู้สาเหตุมาบ้างแล้ว เรื่องอาการป่วยของคุณพ่อของรุ่นพี่หนุ่มคนนี้ ถึงในมังงะจะไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก เพียงแค่บอกว่าอาการของท่านทรุดและต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อต้นปี หลังจากนั้นจนถึงช่วงมัธยมปลายก็ไม่ได้บอกถึงข่าวร้ายเพียงแค่ทางครอบครัวย้ายไปอยู่ที่LA

     

    แต่รุ่นพี่หนุ่มนั้นเป็นตัวละครไม่รู้เรื่องราวในอนาคต แบบเธอถ้าหากสลับตัวกัน เธอเองก็คงกังวลไม่ได้เช่นกัน การที่เขาอดทนทำหน้าที่กัปตันของชมรมบาสได้อย่างดีจนอาคาชิคุงเข้ารับหน้าที่ต่อนั้นนับได้ว่าเก่งมากแล้ว

     

    ''คุณลุงจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ'' มือเล็กเกาะกุมมือใหญ่แน่น นี้คงเป็นสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้เพราะต่อให้เธอเหล่าความจริงทั้งหมดที่รู้ แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าโลกใบนี้ที่เธอเข้ามาจะเหมือนในมังงะทุกอย่าง หากบอกไปแบบนั้นแต่ผลลัพธ์ไม่ตรงตาม ที่เธอจำได้ขึ้นมามันจะยิ่งแย่มากกว่าจะช่วยให้ดีขึ้น

     

    ''ขอบใจนะสึบากิ'' มิจิมุระกระชับมือเล็ก ราวกับมีเวทมนตร์ที่ส่งผ่านความรู้สึกมายังเขาและบอกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เขาเองก็จะเชื่อแบบนั้น

     

    ''แหมหวานแหววกันไม่เกรงใจคนในนี้เลยน้ากัปตัน~'' น้ำเสียงยียวนไม่ดังและไม่เบามากจากด้านหลัง ไฮซากิส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มองไปทางสึบากิที่ยังคงกุมมือนิจิมุระไว้ ดวงตาสีเทาเข้มกวาดตาขึ้นลงสำรวจรูปร่างของสึบากิราวกับมองทะลุเสื้อผ้า ซึ่งวันนี้ร่างบางเปลี่ยนมาสวมชุดลำลองสีดำ และกางเกงขายาวสีเทาแทนชุดนักเรียนที่มักใส่ประจำ

     

    ''ไฮซากิพูดเรื่องไร้สาระอะไร'' นิจิมุระที่เห็นรุ่นน้องสาวโดนลวนลามทางสายตาเขาปล่อยมือเล็กและก้าวมายืนบังร่างบางเอาไว้ ดวงตาสีดำหรี่ลงแฝงด้วยอันตรายเป็นการเตือน

     

    ''หวงอะไรขนาดนี้แต่ก็พอเข้าใจละนะยัยนี้ก็ดูจะมี…เยอะพอตัวแถมลีลาคงจะ…อั้ก!ตุบ!'' ไฮซากิยังไม่หยุดยั่วโมโห พลางเดินมาตบไหล่กระซิบให้ยินท้ายประโยคแค่2คน

     

    แต่ไม่ทันได้พูดจบประโยคเขาถูกอะไรบางอย่างจู่โจม จนล้มลงไปคุกเข่ากับพื้นและโดนของแข็งบางอย่างฟาดเต็มแรงที่ศีรษะจนเห็นดาวเล็กๆ เขาหันไปมองคนที่กล้าลอบกัดลับหลังเขา เห็นสึบากิยืนถือแฟ้มค้างกลางอากาศ น่าจะเป็นอาวุธที่ทำร้ายศีรษะของเขา มืออีกข้างหมุนลูกเหล็กขนาดเล็กหลายลูกเล่นไปมา

     

    ''ไฮซากิซังวันนี้จะปล่อยไปก่อนอย่าให้มีครั้งหน้าอีกนะคะ'' สึบากิกล่าวด้วยเสียงเย็นเยือก ใบหน้าเฉยเมยแต่ดวงตาสวยวาวโรชน์ด้วยโทสะ มือบางเก็บลูกเหล็กเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะรีบเดินออกจากโรงยิมไป โดยไม่สนเสียงเรียกของนิจิมุระที่แว่วตามหลังมา

     

    ขาเรียวก้าวไปตามทางเดินมุ่งหน้าไปยังโรงยิม1 ในหัวตอนนี้กำลังเดือดดาลสาเหตุจากเจ้าไฮซากิซึ่งปกติเธอเข้าใจว่าไฮซากิเป็นพวกนิสัยเสียปากดีเฉยๆเลยไม่ได้สนใจ แต่มาวันนี้เธอคงต้องคิดใหม่ว่าตัวอันตราย ที่ขนาดมีนิจิมุระซังคอยคุมก็อาจจะคุมไม่ได้ตลอด และที่น่ารำคาญเพราะคนประเภทนี้ เธอไม่สามารถกำจัดทิ้งด้วยตัวเองได้ เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องหลัก

     

    แต่เจ้านั้นดันทำสิ่งที่เธอเกลียดที่สุด ก็คือใช้สายตาโลมเลียสำรวจร่างกายของเธอมันทำให้นึกถึงความน่ารังเกียจในโลกเก่าของเธอ ที่พวกผู้ชายพยายามจะเข้ามาเพราะรูปร่างหน้าตา และการมีเซ็กซ์เท่านั้น มันน่าหงุดหงิดจนอยากจะควักลูกตาพวกมันให้หมด

     

    ''สึบาจิน~ขอลูกอมหน่อย'' สึบากิที่กำลังจมลึกเข้าสู่ด้านมืด ถูกใครบางคนรวบกอดจากด้านหลังไว้พร้อมเอาจมูกมาถูไถที่เส้นผมเธออย่างออดอ้อน เธอพ่นลมหายใจก่อนหันหลังกลับไปเมื่อคนตัวสูงคลายแขนออก แต่เปลี่ยนมาใช้มือมาลูบผมสีดำยาวของเธอเล่นแทน อารมณ์ร้อนเมื่อครู่ ถูกอ้อมแขนของไททันม่วงดับลงอย่างรวดเร็ว

     

    ''ขอบคุณนะอัตสึชิคุง'' สึบากิส่งรอยยิ้มขอบคุณไปให้มุราซากิบาระ

     

    ''เอ๋?'' มุราซากิบาระเอียงคอไม่เข้าใจว่า ทำไมสึบากิมาขอบคุณเขาด้วยทั้งที่เขาแว้ปหนีอาคาจินมาขอขนมร่างบางแค่นั้น ช่างมันเถอะตอนนี้เขาสนใจผมของสึบาจินมากกว่าแล้ว มันทั้งนุ่มลื่นมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ เหมือนเส้นสายไหม ตัวสึบาจินก็หอมนุ่มนิ่มเหมือนมาสเมล์โล่ไม่มีผิด น่ากินชะมัด

     

    สึบากิหัวเราะเบาๆพลางเทเม็ดลูกอมจากกล่องเหล็ก หยิบป้อนใส่ปากมุราซากิบาระตั้งท่ารออยู่แล้ว แต่เจ้าตัวจะปิดปากรวดเร็วนิ้วชี้เธอเลยโดนปากเขาขบโดนอย่างจัง ''โอ้ะ!'' สึบากิที่โดนขบนิ้วเข้าไปสะดุ้ง มุราซากิบาระจึงอ้าปากเมื่อรู้ตัวว่า เขาดันกินนิ้วร่างบางไปซะแล้วถึงจะไม่ได้แรงอะไรมาก แต่ก็ทำให้ปลายนิ้วอีกฝ่ายมีรอยแดงจาง

     

    ''สึบาจินขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจ'' เขากล่าวอย่างสำนึกผิดที่ทำให้ร่างบางเจ็บตัวเพราะความตะกละของตัวเอง มือใหญ่จับนิ้วชี้ที่มีร่อยรอยสีแดงจางๆ เขาก้มลงมาใช้ริมฝีปากจูบที่รอย ก่อนจะปล่อยมือ

     

    ''แบบนี้ก็ไม่เจ็บแล้วนะสึบาจิน'' บุราซากิบาระก้มส่งยิ้มใสซื่อ?ให้ร่างบางแววตามีประกายบางอย่าง โดยที่สึบากิไม่ทันสังเกตเพราะสติหลุดลอยออกไปไกลแล้ว ตั้งแต่โดนจูบที่นิ้ว จนกระทั่งโดนอีกฝ่ายกุมมือลากให้เดินตามกลับไปยังโรงยิม1ถึงได้สติกลับมา

     

     

     

    โรงยิม1

     

     

     

    ''ไงชิรายูกิการประเมินวันนี้เรียบร้อยแล้วหรอ'' สึบากิหันไปมองมิโดริมะที่ชู้ตลูกลงห่วงอย่าสวยงาม วันนี้ที่โรงยิม1มีคนอยู่ประปราย เพราะทุกคนไปดูการประเมินที่โรงยิม2กันหมด ส่วนเธอที่โดดหนีหน้าที่มาหลบอยู่โรงยิม1เพราะเจอไฮซากิเข้ามายั่วโมโห

     

    ส่วนมุราซากิบาระลากเธอมาทิ้งไว้โรงยิม1 และถูกโมโมอิจังผู้จัดการทีมขอให้ไปช่วยขนของจากห้องเก็บของ ส่วนอาคาชิคุงถูกโค้ชชิโรงาเนะเรียกให้ขึ้นไปคุยที่ชั้น2เมื่อ10นาทีก่อน และกัปตันนิจิมุระที่เธอโยนงานให้ติดอยู่โรงยิม2 ทำให้ตอนนี้ในบรรดาตัวจริงเหลือเพียงแค่มิโดริมะคุงที่ฝึกซ้อมชู้ต3แต้มอยู่คนเดียว

     

    สึบากิมองลูกชู้ตองศาสูงลงห่วงแววตาชื่นชม ในบรรดารุ่นปาฏิหารมิโดริมะความสามารถของมิโดริมะนอกจากพรสรรค์ แล้วครึ่งหนึ่งมาจากการฝึกฝนและเคี่ยวกรำตัวเองอย่างสม่ำเสมอในทุกๆวัน เรียกได้ว่ามิโดริมะ ชินทาโร่คนนี้คือผลผลิตมากจากความอุสาหะก็ได้ แม้สุดท้ายตัวเขายังไม่อาจก้าวข้ามอาคาชิคุงไปได้ สึบากิเผลอกอดตุ๊กตาลูกเจี๊ยบแน่นวันนี้เป็นคิวของชินคุง(สีเขียว)ที่เธอพามาโรงเรียนด้วย

     

    ''วันนี้เธอดูแปลกไปนะเกิดอะไรขึ้นกันแน่'' มิโดริมะนั่งลงม้านั่งถัดจากเธอไปเล็กน้อย เขาถอดแว่นตาออกมาเช็ดคราบเหงื่อ ก่อนจะสวมเข้าไปตามเดิม ดวงตาสีเขียวสำรวจมองร่างบางในวันนี้ มีท่าทีแปลกไปหลังจากมุราซากิบาระพามาส่งที่โรงยิม

     

    ''เจอคนทำให้อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อยน่ะแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว'' สึบากิถอนหายใจ เธอก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง ร่างบางสั่นน้อยเมื่อนึกถึงสายตาหยาบโลนคู่นั้น ความรู้สึกขยะแขยงก็แล่นผ่านไปทั่วร่าง อย่างควบคุมไม่ได้ มันทำให้นึกถึงอดีตในโลกเก่าที่เลวร้าย อดีตที่เธออยากลืมแต่มันสลักลึกลงเข้าถึงจิตใจดวงนี้ไปหมดแล้ว

     

    'มันอยู่ที่ไหนบอกฉันมา' น้ำเสียงน่าขยะแขยงนั้น มันทำให้ฉันหวาดกลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น เสียงข้าวของแตกกระจายเต็มพื้นในบ้าน พร้อมกับเสียงกรีดร้องของคุณแม่ คุณแม่พาฉันซ่อนที่ช่องลับที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากรูเล็กๆลอดผ่าน ให้มองเห็นเหตุการณ์ภายนอกเท่านั้น

     

    'ปะปล่อยฉันกับลูกไปเถอะขอร้องละฮือๆ' เสียงอ้อนวอนของคุณแม่ ที่ร่างกายมีรอยช้ำสีม่วงน่ากลัวหลายจุด ใบหน้าสวยมีคราบเลือด และรอยข่วนจากการโดนทำร้ายร่างกายจนไม่เหลือเค้าเดิม

     

    'อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยมันไปมันอยู่ไหนตอบ!' ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของฉันคำรามลั่นบ้านเหมือนปีศาจร้ายเข้าสิง เวลาที่เขาดื่มเหล้ามันจะกลับมาตบตีทำร้ายร่างกายทั้งคุณแม่และฉันเป็นประจำ จนพวกเราทนไม่ไหวหนีออกมาจากบ้าน แต่สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็ตามมาเจอเราสองแม่ลูกจนได้

     

    'คุณคะปล่อยสึบากิไปเด็กคนนั้นไม่รู้เรื่องด้วยฮือๆ' คุณแม่กอดขาขอร้องกับปีศาจร้ายแต่มันไม่ได้ผลเขาเตะเข้าที่ชายโครงของคุณแม่ แล้วเดินค้นไปทั่วบ้าน เมื่อเขาขึ้นไปชั้น2 ฉันจึงออกมาจากที่ซ่อนตรงไปดูคุณแม่ที่นอนนิ่งไปนาน

     

    'คุณแม่ฮึกคุณแม่ระเรารีบหนีกันเถอะคะ' ฉันพยายามดึงร่างของคุณแม่ให้ลุกขึ้น แต่ร่างนั้นก็ไม่ขยับ ฉันยื่นมือไปอังจมูกผู้เป็นมารดา ก่อนจะทรุดลงกับพื้นเมื่อพบว่ามารดาเพียงคนเดียวของฉันหยุดหายใจไปแล้ว

     

    'ฮึกฮือๆคุณแม่อย่าทิ้งสึบากิไปฮือๆ' ความสูญเสียที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วจิตใจของฉันแตกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี มันเป็นเพราะไอ้ปีศาจร้ายนั้นที่พรากคุณแม่ของฉันไป

     

    'เจอตัวแล้วสึบากิจัง~' น้ำเสียงน่าขยะแขยงดังก้องอยู่ข้างหู ไม่ทันที่ฉันจะวิ่งหนี แรงกระชากผมทำให้ร่างกายของฉันล้มหงายหลัง ร่างของไอ้ปีศาจทาบทับลง ฉันพยายามดิ้นลนแต่แรงของเด็กอายุ13รึจะสู้ผู้ใหญ่ได้

     

    มือหยาบลูบไล้ไปทั่วร่างกายฉัน สายตาหยาบโลนที่มองร่างกายฉันทำได้เพียงสั่นกลัว ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินเข้าในจิตใจฉันไปทุกที

     

    'ลูกเนี้ยเหมือนแม่สมัยยังสาวจริงๆเลยนะ งดงาม อ่อนโยน และแพศยา'

     

    เคว้ก เสียงเสื้อผ้าถูกฉีดขาด ขณะที่สติสุดท้ายของฉันก็จมหายไปกับความมืดมิดที่มองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง และสิ่งสุดท้ายที่จำได้มีเพียงเสียงกรีดร้องขอชีวิตของเจ้าปีศาจร้ายเท่านั้น…

     

    ''ชิรายูกิ ชิรายูกิ สึบากิ!'' เฮือก! สึบากิตื่นจากภวังค์ ดวงตาสีฟ้าเข้มเงยหน้ามองคนที่เขย่าตัวเธอไปมาด้วยความเป็นห่วง มิโดริมะโล่งอกที่ร่างบางนั่งเงียบไปสักพักเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบได้สติกลับมาแล้วซะที

     

    ''อะ ขอโทษนะคะมิโดริมะคุงฉันผะ เผลอคิดถึงเรื่องมะ ไม่ดี…''เสียงใสสั่นเครือผิดปกติ ถึงสีหน้าจะไม่แสดงออกอะไร แต่ร่างกายกลับสั่นไหวรุนแรงยามเมื่อพูดถึงเหตุการณ์นั้น แม้มันจะผ่านมานานแล้วแต่เหมือนทุกครั้งที่นึกถึงเธอก็อดที่จะหวาดกลัวไม่ได้

     

    ราวกับว่าเป็นโซ่ตรวนที่เธอไม่อาจหลุดพ้นแม้จะเข้ามาอยู่โลกใบใหม่นี้แล้วแต่ความจริงและความทรงจำอันเลวร้ายจากโลกเก่า ก็ยังคงตามหลอกหลอนเธอมาตลอดเมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ของทุกปี

     

    พรึบ!

     

    ''ไม่เป็นไรแล้วนะทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว'' มิโดริมะหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาคลุมหัวร่างบางไว้บังสายตาคนในโรงยิม เขาเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเบามือปลอบใจคนตรงหน้ามีอาการเหมือนแก้วที่เต็มไปด้วยรอยร้าว แตกต่างจากสึบากิยามปกติที่ทั้งเข้มแข็งและไม่แยแสอะไรทั้งนั้น

     

    วันนี้ร่างสูงกลับได้เห็นด้านอ่อนแอของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจทำอะไรไปได้นอกจากนั่งอยู่เป็นเพื่อนข้างๆและปลอบใจเพียงเท่านั้น และการถามซอกแซกก็ไม่ใช่นิสัยของเขาด้วยถึงแม้อยากจะรู้สาเหตุว่าทำไมร่างบางถึงมีอาการเช่นนี้ ความสงสัยตอนนี้ต้องพับเก็บไว้ก่อนเพราะสิ่งสำคัญตอนนี้คือความรู้สึกของร่างบางต่างหาก

     

    ''มิโดริมะคุณขอบคุณนะคะ'' เสียงอู้ออื้อจากร่างบางกล่าวขอบคุณ

     

    ''มันเป็นหน้าที่ของผู้ชายอยู่แล้ว''

     

    ''………''

     

    "………"

     

    ''มิโดริมะคุงคุณไปอ่านหนังสือแปลกๆมาอีกแล้วใช่ไหมคะ'' สึบากิหัวเราะเบาๆ พลางพูดแหย่ด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

     

    ''มะไม่ใช่สะหน่อยฉันแค่จำมาจากละครที่เปิดดูเมื่อคืนเท่านั้น!อ้ะ!'' มิโดริมะขยับแว่นไปมาแก้อาการเขินที่ดันปล่อยไก่ออกมาหมดเล้าไปซะแล้ว

     

    ''แต่ฉันชอบมันนะคะประโยคเมื่อกี้นี้หน่ะ'' ดวงตาสีฟ้าแวววาวด้วยรอยยิ้มผิดจากเมื่อครู่ที่หม่นหมอง จ้องดวงตาสีเขียวจนคนโดนจ้องต้องหันหน้าหลบ

     

    มิโดริมะกระแอมไอก่อนจะหันไปขานรับในลำคอ''อือ'' ราวกับมีบรรยากาศอบอุ่นพาดผ่านทั้ง2คนที่ดูเหมือนจะเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้นไปอีกขั้น

     

     

     

    หลังจบการแข่งขันระดับประเทศผลลัพธ์ที่สึบากิทราบอยู่แล้ว บาสชายเทย์โคคว้าชัยชนะได้อย่างสวยงามแต่เธอก็อดตื่นเต้นกับนัดรอบชิงชนะเลิศไม่ได้ แม้จะทราบอยู่แล้วว่ายังไงซะชัยชนะต้องเป็นของทางนี้ แต่การได้นั่งดูการแข่งขันด้วยตาคู่นี้อย่างใกล้ชิด มันให้ความรู้สึกแตกต่างโดยสิ้นเชิง

     

    แม้ความสามารถของพวกเขายังไม่ผลิบาน แต่ศักยภาพที่พัฒนาตัวเองได้รวดเร็วก็เป็นของขวัญจากพระเจ้าประทานพรมาให้อย่างไม่ต้องสงสัย และมันก็น่าเป็นห่วงด้วยเช่นกันเพราะยังไงซะร่างกายของพวกเขา ยังเป็นเพียงเด็กม.ต้นที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ แต่พรสรรค์ดันเริ่มพัฒนานำหน้าร่างกายไปแล้ว

     

    โดยเฉพาะอาโอมิเนะ ไดกิ เอซของทีม

     

    ''ถอนหายใจมากไม่ดีนะคะสึบากิจัง'' โมโมอิมองร่างบางนั่งเท้าคางอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเกียจคร้าน ปกติเธอคนนี้มีหน้าที่คอยจับตามองการฝึกของผู้เล่นทีมAเป็นประจำแต่วันนี้ดันหนีมาขลุกอยู่ที่ห้องซักผ้ากับเธอและสวัสดิการอีก2คน

     

    และมีช่วงก่อนหน้านี้ที่เจ้าตัวก็เข้ามา คอยช่วยเธอและสวัสดิการที่ห้องซักผ้าอยู่2อาทิตย์ก่อนจะโดนกัปตันนิจิมุระลากกลับไปทำหน้าที่ตัวเอง โมโมอิเคยสอบถามว่าทำไมเจ้าตัวถึงมาอยู่ที่นี้ คำตอบที่ได้จากน้ำเสียงเกียจคร้านว่า

     

    'ดูแต่ผู้ชายมันชักจะเริ่มน่าเบื่อแล้วละคะ' เป็นคำตอบที่ดูไม่น่าเชื่อสุดๆสำหรับโมโมอิเมื่อได้ฟัง

     

    จนสุดท้ายเธอพอจะจับเค้าเหตุ ที่ว่าทำไมผู้ช่วยโค้ชสาวต้องหลบหน้าหนีหน้าที่ โดยจากคำบอกเล่าของเพื่อนชายตัวจริงทั้ง3คน เห็นอาการแปลกๆในวันที่เกิดเหตุของสึบากิ และต้นเหตุน่าจะมาจากไฮซากิผู้เล่นตัวจริงอีกคนซึ่งมักจะก่อปัญหาอยู่เป็นประจำ

     

    ''ช่วงนี้ฉันมีเรื่องให้ต้องคิดมากซักหน่อย'' สีหน้าเรียบเฉยแต่ท่าทางกลุ้มอกกลุ้มใจมันช่างขัดแย้งกัน ทำเอาโมโมอิและสวัสดิการทั้ง2คนอดหัวเราะเบาๆไม่ได้

     

    ในตอนแรกพวกเธอคิดว่าสึบากิเป็นพวกหยิ่งยโสไม่ค่อยคุยกับใครจนเจ้าตัวมาหนีมาคลุกคลีอยู่ด้วยบ่อยๆก็พบว่าสึบากิเธอมีหน้าตาปลาตายเท่านั้น หากมองดีๆนิสัยออกจะน่ารักน่าเอ็นดูด้วยซ้ำไป จากตอนแรกพวกสวัสดิการตั้งแง่ไม่ดี พอได้สัมผัสและทำงานด้วยแล้วกลับกลายเป็นว่า เพื่อนสาวคนนี้ได้รับความนิยมไม่น้อยในชมรม

     

    ''เน้~ฉันกลุ้มใจอยู่นะคะทำไมทุกคนถึงหัวเราะกัน'' น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจแต่หน้าตาปลาตายนี้มันไม่เข้ากันเลย ซักนิดยิ่งทำเอาคนทั้ง3หัวเราะเสียงดัง

     

    ''ก็หน้าตากับน้ำเสียงของสึบากิจังมันขัดแย้งมากเลยนะคะคิกๆเนอะฮิคาริ'' มินามิปาดน้ำตาที่ไหลเพราะหัวเราะมากเกินไป

     

    ''ฉันเห็นด้วยคิกสึบากิจังนี้สมกับที่เขาล่ำลือกันจริงๆคิกๆ'' ฮิคาริที่นั่งหยิบผ้าที่เพิ่มซักเสร็จใส่ตะกร้าเตรียมไปตากเอามือป้องปากกลั้นหัวเราะ พลางนึกถึงฉายาที่มีใครไม่รู้แอบตั้งให้เพื่อนสาวคนนี้ว่าเจ้าหญิงหิมะ

     

    ''ล่ำลือ?'' สึบากิเอียงคอสงสัยตัวเธอที่สนใจ แต่คอยเฝ้าดูเหล่าหัวหลากสีทำไมกลายว่ามีข่าวลือขึ้นมาได้ล่ะ?

     

    ''สึบากิจังไม่รู้หรอว่าโรงเรียนเรามีจัดอันดับนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นและฉายาด้วยนะ'' โมโมอิกล่าวเสริม ดวงตาสีชมพูมองเพื่อนสาวที่หน้าสวยโดดเด่นตั้งแต่วันแรกที่เปิดภาคการศึกษา แถมยังเก่งถึงขั้นที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งคู่กับอาคาชิคุงอีกด้วย

     

    ''มีของแบบนั้นด้วยหรอคะ'' สึบากิยักไหล่ไม่สนใจ แต่เหมือนจะไปจุดประกายไฟให้เพื่อนสาวในชมรมเข้าอย่างจัง ทั้ง3หยุดเก็บผ้าใส่ตะกร้าแล้วเดินมาล้อมคนหน้าปลาตายที่ตั้งท่าจะงีบหลับ ดวงตา6คู่วาววับจนคนโดนล้อมรู้สึกคล้ายกับตอนโดนบรรดาพี่ชายฝาแฝดเล่นจับแต่งตัวเมื่อตอนเด็กไม่มีผิด

     

    ''ละแล้วฉันจัดอยู่อันดับไหนละคะ''สึบากิตั้งสติรีบเบี่ยงเบนประเด็นส่วนฉายาเธอขอไม่รับรู้จะดีกว่า พวกผู้หญิงเวลาโกรธน่ากลัวกันจังเลยนะคะ

     

    ''แน่นอนว่าสึบากิจังของพวกเราต้องได้อันดับหนึ่งคู่กับอาคาชิซามะอยู่แล้ว'' มินามิกล่าวด้วยน้ำเสียงเคลิ้มฝัน ทำให้สึบากินึกถึงท่าทางแบบนี้ยามเพื่อนสาวคนสนิทนานะและฮารุยามพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องราวพรหมลิขิตในโชโจมังงะไม่มีผิด

     

    ''จะว่าไปสึบากิจังกับอาคาชิคุงเองก็เหมาะสมกันดีนะคะ'' ฮิคาริลากเข้าสู่ประเด็นสำคัญที่พวกเธอต้องการจะสื่อด้วยสีหน้าจริงจัง บรรยากาศที่ฟุ้งเฟ้อด้วยทุ่งดอกไม้เข้าสู่โหมดจริงจัง

     

    ''เหมาะสม?แฮะๆ'' สึบากิหัวเราะแห้งๆพลางคิดในใจถ้าพวกเธอเห็นอาคาชิคุงโหมดจูบิเนียวขึ้นมา นี้คงไม่กล้าเอามาจิ้นกับเธอแน่นอน แต่จากผลโหวตตัวละครล่าสุดที่เธอจำได้ดูเหมือนสาวๆจะชื่นชอบและโหวตให้ท่านชายอาคาชิขึ้นเป็นอันดับ1อย่างล้นหลามซะงั้น…

     

    ''ก็ทั้งหน้าตา ฐานะ การศึกษา และความสามารถของทั้ง2คน ไม่แปลกที่จะมีคนจับคู่ละนะ'' โมโมอิอธิบายเพิ่มเติม มินามิและฮิคาริพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย มันก็จริงอยู่ถ้าวัดจากอะไรพวกนั้น แต่ใช่ว่าจะมีแค่เธอที่เหมาะสมไม่ใช่หรอ จุดสำคัญถึงเธอจะชอบตัวละครอาคาชิแต่นั้นมันตอนที่เขาอยู่ในมังงะ ส่วนชีวิตจริงนั้นมันต่างออกไป สึบากิแอบคิดในใจ

     

    ''แต่ว่าสึบากิจังห้ามประมาทโดยเด็ดขาด!'' ฮิคาริปกติสุภาพนุ่มนวลประกาศเสียงแข็ง

     

    …เธอจะดูถูกเพื่อนสาวในชมรมไปไม่ได้สินะดูท่าแล้วจะไม่มีใครธรรมดาเลยซักคน สึบากิคิดในใจ

     

    ''ใช่ๆตอนนี้คู่แข่งที่น่ากลัวสุดๆปรากฎตัว หวังมาแย่ง(ตำแหน่งคู่กับ)อาคาชิซามะจากสึบากิจังแล้ว!'' มินามิพูดด้วยสีหน้าคับแค้นใจ เธออุตสาห์แอบจิ้น2คนนี้มานานดันมีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ปรากฏตัวจ้องจะแย่งชิง(ตำแหน่งคู่กับ)อาคาชิซามะจากเพื่อนสาวของเธอ

     

    ''อา…มีเรื่องแบบนี้ด้วยสินะ'' สึบากิหรี่ตาลงในใจแอบขบขัน ท่าทางคับข้องใจบรรดาเพื่อนสาวในชมรมที่รู้จักกันไม่กี่อาทิตย์ ความเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องของเธอเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง ถึงเนื้อหาจะมาจากเรื่องที่ไร้สาระในความคิดเธอก็เถอะนะ แต่มันให้ความรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด

     

    ''สึบากิจังจะมัวใจเย็นไม่ได้นะคะเราต้องตอบโต้บ้าง'' โมโมอิที่เงียบไปนานยกโน้ตบุ้คที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้ทุกคนดู สึบากิมองกล่องสีเหลี่ยมในหน้าจอ ที่เธอเดาว่าน่าจะเป็นเว็ปบอร์ดของโรงเรียน ส่วนเนื้อหาที่เขียนตัวใหญ่ พร้อมเครื่องหมายตกใจดึงดูดสายตาคนอ่านเขียนไว้ว่า

     

    'คู่แข่งปรากฎตัวเจ้าหญิงหิมะลำบากซะแล้ว!!'

     

    ''ฉายาสุดเชยนี้มันอะไรกันคะ'' สึบากิส่ายหัวกับฉายาแค่ดูก็รู้ว่าเป็นของใครถ้าไม่ใช่เธอ

     

    ''มันใช่ประเด็นที่ต้องสนใจไหมคะตรงนี้ต่างหาก'' มินามิชี้ไปที่หัวข้อย่อยที่มีการเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างเธอกับคนที่เพื่อนสาวบอกว่าเป็นคู่แข่ง? โดยจัดเทียบกันแบบเป็นตารางมีคำว่าvsสร้างความน่าสนใจ ในบทความขึ้นไปอีกเรียกได้ว่าเอาคุณสมบัติมาวัดกันแบบหมัดต่อหมัดเลยทีเดียว

     

    ''ร้ายกาจมากคนๆนี้จุดอ่อนแทบไม่มีเหมือนสึบากิจังเลย''โมโมอิเจ้าแม่ข้อมูลกวาดตามองอย่างรวดเร็ว เธอไม่คิดว่าจะเจอผู้หญิงที่เพียบพร้อมเหมือนสึบากิจังอีกคนที่โรงเรียนนี้

     

    ''ไม่หรอกสึบากิจังยังเหนือกว่าเจ้าหล่อนที่ตรงนี้ไงหล่ะ'' ฮิคาริชี้นิ้วไปที่ข้อมูลส่วนตัวในหมวดสัดส่วนร่างกาย ตัวอักษรเขียนชัดเจนว่า

     

    'ขนาดหน้าอก'

     

    ''ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาคุกคามทางเพศนะคะสาวๆ'' สึบากิรีบเอามือมาปิดบริเวณหน้าอก สายตาหรี่มองของบรรดาเพื่อนสาวทั้ง3 ที่ส่งสัญญาณกันไปมา เพื่อประเมินอะไรอยู่ จากลางสังหรณ์ไม่น่าจะใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เธอต้องรีบหนีคิดได้ดังนั้นร่างบางจึงค่อยๆขยับตัวออกมาจากวงล้อมอย่างช้าๆ แต่ทว่า…

     

    ''อะไรกันพวกฉันแค่อยากจะรู้ว่ามันจริงตามนี้รึเปล่า'' มินามิที่ไวกว่าเดินไปขวางหน้าประตูห้องพร้อมล็อคห้องเรียบร้อย

     

    ''ที่นี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวไม่ต้องกังวลไปนะสึบากิจัง'' ฮิคาริล็อคหน้าต่างและปิดผ้าม่านอย่างรู้งาน

     

    ''มะ…โมโมอิจัง'' สึบากิหันไปหาเพื่อนสาวอีกคน อย่างขอความช่วยเหลือแต่กลับพบว่า อีกฝ่ายกำลังค้นหาของบางอย่างอยู่

     

    ''อ้ะ!เจอแล้วขอโทษที่ให้รอนานนะคะสึบากิจัง'' โมโมอิถือสายวัดเดินตรงมาหาสึบากิด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

     

    สึบากิถูกสามสาวล้อมไว้หมดแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความยากลำบากพลางคิดในใจว่า

     

    'ทั้งผู้จัดการและสวัสดิการชมรมนี้น่ากลัวเกินไปแล้วนะคะ!!'

     

     

     

    สองร่างเดินทอดน่องตามทางเดินเพื่อไปยังโรงยังอาคารเรียน สร้างจุดสนใจแต่คนที่เดินผ่านทางได้ไม่ยาก หลังจากการคว้าชัยชนะระดับประเทศมาแล้ว คนที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์และความสามารถก็ยิ่งเปล่งออร่าขึ้นไปอีก ผู้ชายมองด้วยความนับถือผู้หญิงมองด้วยความเขินอายยามเมื่อพวกเขาเดินผ่านไป

     

    มิโดริมะที่วันนี้มือซ้ายถือไฟฉายเป็นลักกี้ไอเทมของวัน ถอนหายใจด้วยความอึดอัดกับสายตาจากผู้คนเวลาที่เขาเดินไปไหมมาไหนกับเพื่อนร่วมทีม โดยอีกฝ่ายพ่วงตำแหน่งรองกัปตันชมรมบาสอีกด้วย จริงๆเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักแต่บางครั้ง มันให้ความรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ไม่รู้ว่า อาคาชิทนอยู่ท่ามกลางสายตาแบบนี้ไปได้ยังไง

     

    ''ฉันหล่ะตลกหน้าตาสึบากิจังตอนนั้นจังคิกๆ'' มินามิกอดตะกร้าที่มีผ้าขนหนูสำหรับแจกนักกีฬาหัวเราะกับฮิคาริและโมโมอิเพื่อนร่วมขบวนการ จับเจ้าหญิงหิมะวัดขนาด'หน้าอก' กองผ้าด้านบนไหลลงมาด้านข้างก่อนจะร่วงลง มีมือใครบางคนช่วยประคองไว้ได้ทันพอดี ท่ามกลางความตกตะลึงของ3สาว

     

    ''ขะ…ขอบคุณคะ'' มินามิเอ่ยเสียงสั่นแก้มสองข้างแดงระเรื่อเมื่อเห็นหน้าของคนที่ช่วยเธอไว้

     

    ''ระวังหน่อยนะแล้วก็ขอบคุณ ที่ช่วยสนันสนุนชมรมบาสของพวกเรามาตลอด''น้ำเสียงทุ่มเอ่ย ก่อนเขาจะขอตัวเดินผ่านไปโดยมีมิโดริมะเดินตามหลัง

     

    ''อาคาชิซามะนี้ดีจังเลยนะทำไมสึบากิจังไม่สนใจบ้าง'' มินามิตอนนี้เคลิ้มไปไกล ขมวดคิ้วอย่างคนขัดใจกับความเฉื่อยชา ต่อเพศตรงข้ามของสึบากิที่มีโอกาสใกล้ชิดกับอาคาชิที่สุดแสนจะเฟอร์เฟ็คขนาดนั้น

     

    ''ทั้งสุภาพทั้งเก่งแถมยัง ได้เป็นรองกัปตันตั้งแต่อยู่ปี1อีกด้วยเฮ้อ~'' ฮาคาริกล่าวเสริม เธอส่ายหน้ากับความซื่อบื้อของสึบากิก็เข้าใจอยู่หรอกนอกจากเรื่องบาสและการนอนกับการทำขนมแล้ว เจ้าตัวไม่ได้สนใจเรื่องความรักซักเท่าไหร่ นี้มันน่าเป็นห่วงช่วงชีวิตของม.ต้นของเพื่อนสาวจริงๆ

     

    ''นั้นสินะถ้าสึบากิจังและอาคาชิคุงคบกันก็คงดีละนะ'' โมโมอิหัวเราะในลำคอ ดวงตาสีชมพูแวววับ

     

    เมื่อเดินเข้ามาในตัวอาคารซักพัก มิโดริมะที่สังเกตท่าทีเพื่อนร่วมทีมเอ่ยถาม ''พักนี้นายดูจะมีเรื่องคิดมากนะอาคาชิ''

     

    อาคาชิขานรับหนึ่งคำ

     

    ''เรื่องการแข่งที่ผ่านมางั้นหรอ?''

     

    ''พวกเราชนะเลิศก็จริงแต่มันยังมีจุดที่อันตราย พอคิดถึงปีหน้าหรือปีถัดไปมันมีอะไรที่ต้องแก้อีกเยอะ'' อาคาชิตอบ

     

    ''แค่ให้พวกเราพัฒนาฝีมือขึ้นมันไม่พอหรอ'' มิโดริมะมองคนด้านข้างที่จมกับความคิดบางอย่าง ในความคิดของเขาแค่การพัฒนาฝีมือ ก็น่าจะเพียงพอเพื่อชันชนะในปีถัดแล้วแต่เหมือนเพื่อนร่วมทีมของเขาจะยังไม่พอใจ

     

    ''เรื่องความสามารถมันไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ แต่ว่าทุกอย่างมันเป็นเส้นตรงเกินไปฉันอยากได้อะไรที่มันพลิกแพลง…ตัวอย่างเช่นผู้เล่นคนที่หกที่ลงมาแล้ว เปลี่ยนกระแสของเกมได้ฉันอยากได้คนแบบนั้น'' อาคาชิหรี่ตาลงอย่างใช่ความคิด ผู้เล่นคนที่หกที่เขาต้องการ…พอจะมีใครที่เป็นไปได้บ้างไหมนะ

     

     

     

     

    ''อ้ากกกกกกผีหลอกกก!!''

     

    คุโรโกะเดินมาดูตามเสียงร้อง ขณะที่เขาฝึกซ้อมรอบค่ำของวันนี้อยู่ ร่างสูงผิวสองสีนั่งยองหันหลังพูดพึมพำแว่วๆเหมือนจะเป็นบทสวดอะไรซักอย่าง ก่อนเจ้าตัวจะหันหน้ามามองเขา

     

    ''…อาโอมิเนะคุง?'' คุโรโกเอียงคอทักอีกฝ่ายพลางยื่นมือเพื่อดึงร่างสูงในยืนขึ้น อาโอมิเนะถอนหายใจโล่งอก เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาเจอคือคนไม่ใช่ผี

     

    ''ขอบคุณนะแล้วก็เมื่อกี้นี้ขอโทษด้วย เห็นเขาลือกันว่ามีผีอยู่ที่โรงยิมเลยนึกว่าโดนหลอกเข้าซะแล้ว'' อาโอมิเนะส่ายหัวให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองดันหลงเชื่อข่าวลือพวกนั้น

     

    ''ผมแค่อยู่ซ้อมช่วงค่ำแค่นั้นเองครับ'' คุโรโกะตอบกลับอย่างสุภาพ ดวงตาสีฟ้าสำรวจเพื่อนที่อยู่ชั้นปีเดียวกัน แต่ความสามารถกีฬาบาสกลับแตกต่างจากเขาไปไกล

     

    ''แต่ว่ายอดไปเลยนะนายเนี้ยขนาดพวกทีมAยังไม่อยู่ซ้อมกันเลย'' อาโอมิเนะเลี้ยงลูกเป็นจังหวะก่อนจะชู้ตลงห่วงได้สวยงาม

     

    ''……'' คุโรโกะมองเพื่อนใหม่เล่นตำแหน่งตัวจริงอย่างที่เขาใฝ่ฝั่นหาด้วยสายตาอิจฉา แต่ก็ยอมรับใน ความสามารถของอีกฝ่ายอย่างจำนน

     

    ''เอาหล่ะตัดสินใจแล้วฉันจะอยู่ซ้อมรอบค่ำกับนายทุกวัน แล้วซักวันหนึ่งมายืนอยู่บนสนามด้วยกันนะ''

     

    ''จะดีหรอครับ'' ดวงตาสีฟ้าสบเข้ากับร่างสูง

     

    ''อะไรกันได้เล่นบาสด้วยกันมันต้องดีอยู่แล้วสิ'' อาโอมิเนะยื่นหมัดให้คนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม

     

    ''อือ…ผมคุโรโกะ เท็ตสึยะ'' คุโรโกะยืนหมัดชนเป็นการตอบรับมิตรภาพของพวกเขา

     

     

    วันเวลาผ่านไปพวกเขาอยู่ซ้อมรอบค่ำเป็นประจำคุโรโกะสังเกตว่านอกจากเขาและอาโอมิเนะคุงแล้วบางครั้ง จะมีผู้หญิงคนหนึ่งตามอาโอมิเนะมาดูการซ้อมบาสอยู่ด้วยเสมอ ภายหลังเขาทราบว่าเธอชื่อ ชิรายูกิ สึบากิ ผู้ช่วยโค้ชทีมA ที่คนในชมรมต่างล่ำลือ ถึงความสามารถในการช่างสังเกตและโปรแกรมการฝึกร่างกายที่โหดหินของทีมAก็มาจากเธอคนนี้

     

    ''วันนี้กลับช้าเหมือนเดิมนะคะพี่คาโอรุ'' สึบากิฟังเสียงปลายตอบรับพร้อมมีเสียงโวยวายแทรกของอีกคนที่อยู่ด้วย มาเป็นระยะด้วยความเหนื่อยใจกับอาการติดน้องสาวของฮิคารุ

     

    ''อืมดูแลตัวเองดีๆนะตัวเล็ก'' คาโอรุที่ดูใจเย็นกว่าตอบรับก่อนจะวางสายไป สึบากิถอนหายใจอย่างโล่งอก วันนี้เป็นสำคัญจากการคาดเดาของเธอละนะอีเว้นต์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นของคืนนี้ในเนื้อเรื่อง เธอจะไม่ยอมให้มีอะไรขัดขวางการรับชมเด็ดขาด

     

    ร่างบางเดินไปยังโรงยิมเป้าหมายที่ช่วงค่ำนี้ มักจะไปดูการซ้อมของสองหนุ่มแสงและเงาเป็นประจำอย่างอารมณ์ดีที่ในที่สุดจะเริ่มเข้าสู้เนื้อหาตามมังงะซะที

     

    ''ไงสึบากิวันนี้มาช้าจังนะ'' อาโอมิเนะที่เพิ่มวอร์มอัพร่างกายเสร็จหันมาทักทาย

     

    ''มีงานของกรรมการนักเรียนต้องรีบทำส่งด่วนน่ะค่ะ'' สึบากิเดินขึ้นบันไดไปที่ระเบียงชั้นสอง ประจำตำแหน่งเดิมเหมือนทุกครั้งเวลา แวะมาดูการฝึกซ้องของคุโรโกะและอาโอมิเนะ

     

    ''ว่าแต่เธอหน่ะทำไมถึงไม่ยอมให้คำแนะนำอะไรหมอนั้นเลยทั้งที่ถ้าเธอช่วยเล็กน้อยมันน่าจะดีขึ้นกว่านี้เยอะ''

     

    ''หืม?นั้นมันไม่ใช่หน้าที่ของฉันซะหน่อยนิคะ'' สึบากิตอบด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน คนฟังที่ตั้งท่าจะชู้ตลูกชะงักหันมาโวยวายผู้ช่วยโค้ชสาว ที่ไม่ยอมช่วยเหลือเพื่อนของเขาแถมนำ้เสียงไม่แยแสนั้นอีก

     

    ''อาโอมิเนะคุงผมมีเรื่องจะบอกครับ'' อาโอมิเนะหันหลังกลับไปมองคุโรโกะที่เดินเข้ามาภายในโรงยิม ก่อนจะเหลือบไปมองสึบากิที่ยืนเท้าคางมองลงมายังพวกเขาด้วยความขัดใจ

     

    ''คือว่าผมน่ะจะเลิกเล่นบาสแล้ว ถึงผมจะชอบบาสเก็ตบอลแต่ว่าผมคงทำประโยชน์อะไรให้ทีมไม่ได้เลยครับ''

     

    ''มันไม่มีนักกีฬาที่ไม่จำเป็นต่อทีมหรอกนะ ถึงนายจะไม่ได้ลงแข่งแต่คนที่อยู่ซ้อมค่ำมืดทุกวันน่ะไม่มีทางเป็นคนไร้ประโยชน์ไปได้หรอกนะ''

     

    ''……''

     

    ''ฉันจะไม่พูดว่าขอแค่พยายามแล้วทุกอย่างทุกจะดีขึ้นแต่ถ้ายอมแพ้ซะมันจะไม่เหลืออะไรเลย''

     

    ''อาโอมิเนะ'' อาคาชิเดินเข้ามาในโรงยิมด้านหลังเขา มีมิโดริมะและบุราซากิบาระเดินตามเข้ามา

     

    ''อาคาชิ?''

     

    ''ถึงว่าช่วงนี้ทั้งนายและสึบากิซังไม่ค่อยเจอตัวเลยมาอยู่ที่นี้กันเองสินะ'' ดวงสีแดงเหลือบมองคนยืนหาว อยู่บนระเบียงชั้นสองอย่างเกียจคร้าน มุมปากเขายกยิ้มกับท่าทางของร่างบางก่อนจะหันไปเจอกับร่างของอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ไม่ไกล

     

    ''โรงยิมฝั่งนู้นคนเยอะเกินไปพวกเราเลยมาซ้อมที่นี้ประจำ'' อาโอมิเนะตอบกลับเมื่อเห็นอาคาชิหันไปจ้องเพื่อนผมฟ้าของเขาอยู่นาน

     

    ''ฉันรู้สึกสนใจเขานิดหน่อย โทษทีนะนายช่วยซ้อมให้ฉันดูหน่อย'' มิโดริมะหันมองอาคาชิด้วยใบหน้าแปลกใจ รึว่านี้จะเป็นผู้เล่นคนที่หกที่อาคาชิหมายตาไว้ ก่อนเขาจะเงยหน้ามองสึบากิยังคงยืนเงียบทำตัวเป็นผู้รับชมเหตุการณ์ด้านล่าง

     

    แม้แต่ชิรายูกิเองก็สนใจในตัวคนคนนี้สินะ มิโดริมะคิดในใจ

     

    15นาทีผ่านไป ลูกบาสลูกสุดท้ายกระดอนออกจากห่วงตามคาดไว้สึบากิมองคุโรโกะที่เดินไปเก็บลูกบาสก่อนจะเดินกลับมาหาอาคาชิ ในตอนนี้เหลือเพียงเขา อาคาชิคุงและชิรายูกิซังในโรงยิมเท่านั้น

     

    ''นี้เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นคนที่ทุ่มเทให้กับบาสเก็ตบอลแต่ผลรับกลับตรงกันข้าม''

     

    ''ขอโทษนะครับแต่ตอนนี้สภาพจิตใจของผมรับคำพูดแบบนั้นไม่ไหว'' คุโรโกะที่โดนคำพูดแทงใจกล่าว

     

    ''ขอโทษทีนะฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น''

     

    ''ทักษะทางกีฬาไม่ถึงกับแย่ระยะเวลาในการฝึกซ้อมแล้วก็เทียบได้ว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ แต่ว่าพอมองนายแล้วฉันกลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย'' อาคาชิกวาดตาไปมาทั่วร่างของคุโรโกะอย่างประเมิน

     

    ''นายเป็นคนที่พิเศษในกีฬาทุกประเภท มันจะมีออร่าจากนักกีฬาที่มากประสบการณ์อยู่ตลอดเวลาซึ่งมันไม่สามารถปิดบังได้''

     

    "อย่างงั้นหรอครับ"

     

    ''แต่ว่าตัวนายไม่มีออร่าแถมยังจืดจางจนไม่ทันสังเกต นั้นก็ไม่ใช่ข้อเสียหรอกนะมันอาจจะเป็นข้อดีของนายก็ได้หากนำมาใช้ให้ถูกจุดมันจะกลายเป็นอาวุธลับให้กับทีมของเราได้อย่างแน่นอน''

     

    สึบากิซู้ดปากในใจกับทักษะการพูดอันยอดเยี่ยมของอาคาชิ เป็นไม่กี่ฉากที่เธอค่อนข้างประทับใจบทพูดของตัวละครจนต้องกลับมาเปิดอ่านซ้ำๆ แต่การได้มาเห็นในชีวิตจริงแบบนี้ให้อารมณ์แตกต่างจริงๆ

     

    ''ใช้ความจืดจางให้เป็นประโยชน์…แบบนั้นทำได้ด้วยหรอครับ'' คุโรโกะที่เหมือนได้รับความหวังเงยหน้าถามอาคาชิ

     

    ''ขอโทษทีนะฉันคงจะพูดได้แค่นี้ ถ้าได้คำตอบแล้วก็มาหาฉันละกันแล้วก็สึบากิซังคุณจะกลับบ้านพร้อมกับพวกเราเลยไหม'' อาคาชิทิ้งท้ายก่อนจะชวนร่างบางที่เดินมาลงมาจากชั้นสอง หยุดอยู่หน้าประตูทางออกพอดี สึบากิพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามหลังเขาออกไป ทิ้งให้คุโรโกะจมลึกอยู่ในห้วงความคิด

     

    ''นั้นคือผู้เล่นคนที่หกที่นายพูดถึงหรออาคาชิ'' มิโดริมะที่ดักรออยู่ข้างนอกเอ่ยขึ้น

     

    ''แอบฟังแบบนี้นิสัยไม่ดีเลยนะคะมิโดริมะคุง'' สึบากิแกล้งแหย่มิโดริมะ ดวงตาสีฟ้าเข้มหรี่เหมือนแมวจ้องจับผิด

     

    ''คิดว่าคนแบบนั้นจะลอกคราบออกมาได้งั้นหรอ'' มิโดริมะยังไม่ยอมแพ้เขาทำทีไม่สนใจเสียงเย้าแหย่ของสึบากิ ขายาวเดินตามอาคาชิที่เดินนำหน้าไปไกลแล้ว สึบากิยู่ปากตามหลังด้วยความขัดใจ เมื่อโดนร่างสูงเมินก่อนจะรีบสาวเท้าตาม2หนุ่มไป

     

    ''ไม่รู้สิก็มีความเป็นไปได้ แต่เขาก็เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่มเจอไม่ใช่เพื่อนที่รู้จักกันคงไปชี้นิ้วสั่งให้ทำตามไม่ได้หรอกนะ ฉันก็แค่หย่อนเชือกลงไปให้ส่วนเรื่องที่ เขาจะสามารถปืนขึ้นมาได้ไหมมันอยู่ที่ตัวเขาเอง''

     

    ''คุโรโกะคุงต้องปืนขึ้นมาได้อยู่แล้วค่ะ'' เสียงใสขัดบทสนทนาเป่าบรรยากาศเย็นๆให้หายไป

     

    ''อะไรทำให้เธอมั่นใจแบบนั้นชิรายูกิ'' มิโดริมะแม้จะไม่อยากขัดคอร่างบาง แต่ถ้าพูดถึงความเป็นจริงทักษะของคุโรโกะ มันไม่มีอะไรพอจะช่วยทีมได้เลยในความคิดของเขา

     

    ''ของแบบนี้ต้องรอดูกันต่อไปนะคะถึงจะสนุก'' สึบากิหัวเราะในลำคอ ดวงตาสวยฉายแววเจ้าเล่ห์

     

    ''หึก็คงต้องเป็นแบบนั้น'' อาคาชิตัดบทก่อนที่เขาและสึบากิจะแยกไปทางซ้ายส่วนมิโดริมะแยกไปทางขวาซึ่งเป็นทางกลับบ้าน

     

    ''ดูท่าสึบากิซังจะสนใจเขาเป็นพิเศษ'' สึบากิเลิกคิ้วที่อยู่ๆอาคาชิยิงคำถามมาไม่ได้ตั้งตัว

     

    ''ทักษะของเขาค่อนข้างหน้าสนใจ แต่ต้องขัดเกลาอีกซักหน่อยคงต้องจับตาดูไปอีกซักพัก'' สึบากิหลับตารับลมที่พัดมากลิ่นหอมเย็นที่คุ้นเคยเข้าสู่โสตประสาท ดวงตาสีฟ้าเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะกลับมาราบเรียบอย่างรวดเร็ว โชคดีเธอเดินตามหลัง อีกฝ่ายเลยไม่เห็นกิริยาแปลกๆ

    กลิ่นแบบนี้มัน……ชวนให้นึกถึง……

     

     

    ''อืม…ได้รับความสนใจจากสึบากิซังมาก แบบนี้ฉันเริ่มชักจะอิจฉาเขาแล้วนะ'' น้ำเสียงเนิบนาบกล่าวก่อนจะโบกมือลาเมื่อมาถึงหน้าบ้านของสึบากิแล้ว ส่วนร่างบางโบกมือลาเช่นกันด้วยใบหน้าปลาตายแต่เอียงคอสงสัยถึงประโยคเมื่อครู่

     

    ''………?''

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×