พญานาคี - นิยาย พญานาคี : Dek-D.com - Writer
×

    พญานาคี

    บทนำ คุณเพตรา สตรีผู้เลอโฉมที่ปรากฎตัวอย่างเป็นปริศนา เธอมาพร้อมกับพลังวิเศษบางอย่างที่น่าสะพรึง และน่าค้นหายิ่ง แต่ในบางอารมณ์นั้นสีหน้าของนางก็แฝงไปด้วยความเศร้าโศกอย่างเหลือคนานับ เธอคือใครกันแน่

    ผู้เข้าชมรวม

    1,652

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.65K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    12
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  31 พ.ค. 51 / 15:12 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่1

     

                ช่วงยามบ่าย ของวันอาทิตย์ที่แสงแดดสาดแสงจ้าร้อนแรงทุกหนแห่งทั่วกรุงเทพมหานครนั้น ในมุมหนึ่งของเมืองที่หรูหรามีครบทุกสิ่งอย่างที่จะสรรหาได้ ได้มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ดูท่าทางจะเป็นหนุ่มเจ้าสังคมเอาเสียมากๆ เพราะดูจากรูปร่างหน้าตาที่ดูแล้วว่าเป็นคนที่ดูแลตัวเองพอตัวเลยทีเดียว ผิวที่ขาวอมเหลืองเหมือนคนเอเชีย มีใบหน้าที่คมสัน ตาสองชั้นคิ้วเข้มปากสีชมพูที่สวยได้รูป ในตอนนี้ดูว่าเขานั้นจะไม่สนใจกับความหรูหราใดๆในเมืองกรุงนี้เสียเลย แต่กลับมีความสุขกับการอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดที่ปลอดโปรงมีแสงส่องผ่าน เขานั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหนังเสือไซบีเรียจากประเทศรัสเซีย ที่แสนหนุ่มละมุ่นเก้าอี้นวมตัวนี้สร้างมาโดยเฉพาะให้กับโครงสร้างกระดูกสันหลังของมนุษย์เอเชียโดยเฉพาะจึงทำให้พ่อหนุ่มน้อยคนนั้นไม่มีอาการเมื่อยล้าจากการอ่านหนังสือเป็นเวลานานเสียเลย เขาดูมีความสุขกับการอ่านหนังสือจนลืมทุกสิ่งรอบตัวเขาไปหมดแม้กระทั้งเวลา จนกระทั่งมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ดูท่าทางจะเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อหนุ่มที่อ่านหนังสืออยู่นั่นเอง พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนหน้าตาดีพอสมควร ตากลมโต มีดั่งจมูกเป็นสันรับกับรูปคางที่คม มีผมสีดำขลับมีผิวสีออกค่อนข้างแทนนิดเหมือนจะเป็นลูกครึ่งคนไทยกับคนแขกเสียด้วย ได้เขามารบกวนการอ่านหนังสือของหนุ่มน้อยคนนั้น

    เฮ้ย! เลิกอ่านหนังสือได้แล้วโว้ย ไอ้เฑียร! ไปแต่งตัวได้แล้วเดี๋ยวจะต้องไปรวมงานเปิดตัวอัญมณีคืนนี้ไม่ใช่หรอ

    เด็กหนุ่มที่อ่านหนังสือนั้นก็สะดุ้งตกใจและหันหลังมาหาชายหนุ่มที่ร้องทักว่า

    เออ! ไม่เอาอะข้าไม่ไปหรอไอ้ แจ็ค! ข้าไม่อยากไปงานสังคมสูงศักดิ์อะไรอย่างงั้นน่ะ ข้าทำตัวไม่ถูกว่ะ

             แม้ไอ้เฑียรพูดเหมือนกับเองเป็นคนงานกระจอกๆงั้นแหละ เอ็งอย่าลืมน่ะว่าเอ็งเป็นถึง

    นายมณฑียร  ศิรวัฒน์ ลูกชาย ของนายศักดาและ มรว.ภาราวดี ศิรวัฒน์ เจ้าของธุรกิจพันล้านเชียวน่ะโว้ย ไม่รู้แหละอย่างไงเอ็งก็ต้องไปงานวันนี้กับข้าเพราะพ่อกับแม่เอ็งสั่งมาให้ข้าพาตัวเอ็งไปเปิดหูเปิดตาและหัดเข้าสังคมซะบ้างเพราะกลัวว่าเอ็งจะกลายเป็นกบในกะลาซะก่อนน่ะซิ ไป..ไป....รีบไปแต่งตัวเดี๋ยวข้าจะไปรอข้างนอกรีบเข้าน่ะโว้ยเดี๋ยวเข้างานไม่ทันพ่อกับแม่เอ็งเอาข้าตายแน่เลย

                โถ้! ไอ้แจ็คเอ็งก็รู้ว่าข้าไม่ชอบงานอะไรพวกนี้ให้ข้าไปงานหนังสือดิขาจะรีบไปให้ทันก่อน12ชม.ก่อนที่งานจะเริ่มเลย  ฮ่าๆๆๆ.

                ออเหรอ!แล้วไงล่ะ จะไปไม่ไปแจ็คถามด้วยอาการกวน

             ไม่ไปเฑียรก็ตอบด้วยอาการที่ยียวนกวนประสาทยิ่งกว่า

                งั้นก็ดี เพราะว่างานนี้ได้ข่าวว่า คุณหนูอลิศราผู้หญิงในดวงใจแกก็จะมาด้วยน่ะจะบอกให้รู้ และดูท่าว่าเขาจะเป็นที่สนใจของเหล่าหนุ่มๆในงานเสียด้วยน่ะจะบอกให้ ก็ดีเอ็งไม่ไป อลิศจะได้ไม่มีคนคุมเขาจะได้มีคนมาจีบไง ข้าไปน่ะ

    ทันทีที่แจ็คพูดจบเฑียรก็รีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเสือด้วยความรวดเร็วและออกมาภายในเวลาไม่กี่นาทีและคนทั้งสองก็ได้ไปที่งานอัญมณี

                ณ งานเปิดตัวอัญมณีที่จัดขึ้นนี้ มันเป็นงานที่หรูหรามากทุกสิ่งอย่างถูกจัดด้วยความวิจิตรบรรจง  แจกันแก้วลายมังกรได้ถูกจัดวางไว้ทั่วงานอย่างสวยงามรวมกับดอกไม้หลากหลายสีสรรที่มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วงาน โคมไฟระย้าทองคำที่เป็นถูกสั่งทำให้เป็นลายพญานาคเก้าเศียรแผพังพานพ้นน้ำที่ตัดกับสีดำของเพดานยิ่งทำให้งานนี้ยิ่งดูงดงามและมีมนต์ขลังมากขึ้น แต่ก็ไม่งดงามกว่าเวทีของงานนี้ที่จัดทำเป็นมหาราชปราสาทของพญานาคในชั้นบาดาลที่งดงามเทียบได้กับแดนสุขาวดีบนภพสวรรค์เลยที่เดียว ส่วนคนในงานนี้ก็แต่งตัวด้วยเสือผ้าอาภรณ์โทนสีฟ้าหรือสีท้องทะเลเสียส่วนใหญ่ ที่บริเวณหน้างานมีสตรีสูงวัยคนหนึ่งยืนอยู่เธออยู่ในชุดราตรีสีฟ้าท้องทะเล เสือทำทรงยกคอสูงเปิดไหล่กว้างทำให้เธอดูสวยสง่า เธอคอยตอนรับแขกที่มาในงานนี้ด้วยความเป็นมิตร เธอก็คือมรว.ภาราวดี ศิรวัฒน์ แม่ของมณฑียร  ศิรวัฒน์นั่นเอง ถึงเธอจะต้อนรับแขกที่มางานด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสนั่นแต่ก็ออกว่าเธอกำลังกังวลอะไรบางอย่างอยู่ แต่สีหน้าที่ดูกังวลใจนั้นได้หายไปเมื่อลูกชายกับเพื่อนของลูกชายมาถึง

                สวัสดีครับคุณแม่ ผมเอาเจ้าเฑียรลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาส่งให้ถึงหน้างานแล้วน่ะครับ

                ขอบใจมากน่ะจ๊ะ  ลูกแจ็คเชิญไปทานอาหารข้างในก่อนสิลูกไม่ต้องเกรงใจคนกันเองน่ะ

                ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวเข้าไปในงานก่อนน่ะครับ ส่วนเอ็งไอ้เฑียร อยู่ช่วยแม่เขาต้อนรับแขกอยู่นี่แหละน่ะ ข้าไปละ

                แม้พอบอกเรื่องอาหารเนี่ยทิ้งเพื่อนเลยนะเอ็ง มันน่านัก มณเฑียรที่อยู่ในเสือสูทสีฟ้าแบบทัคสิโด้นั้นก็พูดตอบด้วยความเคืองนิดๆแต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะคนที่เขาพูดด้วยนั้นได้เดินเข้าไปในงานไกลกว่าที่จะได้ยินเสียงของเขาเสียแล้ว

             สวัสดีค่ะคุณแม่ เสียงสวัสดีที่เล็กและไพเราะเหมือนเสียงกระดิ่งที่คุ้นหูนี้ทำให้นายมณเฑียรหันกลับมาอย่างรวดเร็วและเขาก็ต้องตกตะลึงกับร่างผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างจัง 

                เธอเป็นผู้หญิงที่สูงโปร่ง ผิวขาวและมีใบหน้าที่งดงามดวงดากลมโตและรอยกรีดอายลายเนอร์ก็ทำให้เธอมีดวงตาที่คมขึ้น ใบหน้ารูปไข่ที่อวบอิ่ม ปากที่แดงสวยงามได้รูปเหมือนกระจับ เธออยู่ในชุดผ่าหลังสีฟ้าอ่อนที่พริ้วไหวเหมือนเมฆที่อยู่บนฟ้ายามต้องลม ท่าทางที่เธอเดินอรชรสวยงามเหมือนกับหงส์ขาวอันแสนบริสุทธิ์

    เธอมาทักคุณหญิงด้วยความสนิทสนม

                สวัสดีค่ะคุณแม่ สบายดีไหมค่ะ ไม่เจอกันตั้งนานน่ะค่ะ

                แม่ ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ หนูอลิศขอบคุณที่เป็นห่วงน่ะลูก แต่คนที่หนูควรห่วงน่ะคือตาคนนั้นต่างหากจ๊ะและคุณหญิงก็ได้ชี้ไปที่มณเฑียรที่กำลังตะลึงในความงามของอลิศเพื่อนเรียนตอนสมัยเด็กๆของเขา เมื่ออลิศเห็นว่ามณเฑียรหน้าแดงเธอก็แอบยิ้มเล็กน้อยก่อนเข้าไปทัก

                สวัสดีจ๊ะ! มณฑียรไม่เจอกันตั้งนานเธอหล่อขึ้นตั้งเยอะน่ะ

                เธอก็สวยขึ้นมากเหมือนกันแหละ อลิศมณเฑียรตอบด้วยอาการอายอย่างที่สุดและได้ขอตัวเข้าไปในงานก่อน

                เอ้า! พอคนนี้นิจริงๆเลยน่ะ แม่ต้องขอโทษด้วยน่ะหนูอลิศ พ่อเฑียรเวลาเขาอายน่ะเขาก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าถือสาเลยน่ะจ๊ะแม่ขอน่ะ คุณหญิงพูดกันท่าก่อนที่อลิศจะโกรธ

                ไม่หรอกค่ะคุณแม่นิสัยเฑียรน่ะหนูเข้าใจดีค่ะ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะหนูไม่โกรธอะไรเขาหรอกค่ะ ดีใจด้วยซ้ำที่ได้มาพบเพื่อนอีกครั้งน่ะค่ะ เออ..นิแขกมาครบกันหรือยังล่ะค่ะเราเข้างานกันเลยไหมค่ะ.

                ไม่ได้หรอกหนูอลิศ แขกคนสำคัญยังไม่มาเลย ลูกเขาไปก่อนก็ได้น่ะลูกเดี๋ยวแม่ยืนอยู่รอรับแขกเสียก่อนเดี๋ยวเขามาแล้วแม่จะตามเข้าไปน่ะจ๊ะ

             งั้นก็ได้ค่ะ หนูขอเข้างานไปก่อนน่ะค่ะพอพูดจบเธอก็เดินเข้างานไปหานายเฑียรและแจ็คเพื่อนสนิทของเธอที่กำลังทานอาหารกันอยู่พอดี

                กินเยอะน่ะระวังอ้วนน่ะแจ็คเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนน่ะ

                เฮ้ย อลิศ ไปไงมาไงว่ะเนี่ย ฮู้! ไม่เจอกันแค่4ปีสวยขึ้นเป็นกองเลยน่ะเนี่ยแทบจำไม่ได้เลย แจ็คทักเพื่อนด้วยความดีใจอย่างยิ่งจนเผลอไปกอดอลิศด้วยความเคยชินจนนายเฑียรต้องกระแอมเสียงดังเพื่อขู่แจ็ค

                ไมว่ะเฑียรหึงไงเพื่อน แจ็คถามดักคอ

                เปล่า! ไม่ได้หึงแต่ไม่เหมาะสมต่างหากโว้ย เดี๋ยวผู้หญิงเขาจะเสียหาย ส่วนแกน่ะก็จะถูกตำหนิได้น่ะ

    เฑียรตอบแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปเรื่อยโดยที่เพื่อนทั้งสองของเขารู้ทันอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะอลิศที่แอบชอบเฑียรอยู่เหมือนกัน

                ไม่เป็นไรหรอกเฑียร  เราไม่ถือหรอก แจ็คเขาก็เป็นเพื่อนเราคนหนึ่งไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี่เอง

    อลิศถามยั่วเฑียร

             ถึงอลิศไม่ถือแต่ผมถือ ที่นี่ประเทศไทยน่ะไม่ใช่อเมกาน่ะที่จะมากอดกันปาวๆในที่ถารกำนัลแบบนี้เฑียรตอบด้วยความหวงและโกรธมากจนอลิศกับแจ็คหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะรู้ว่าแผนที่คิดแกล้งเฑียรทำสำเร็จ แต่ก็มีคนเขามาทักจึงทำให้แผนแกล้งเฑียรจบลงเท่านั้น คนที่เขามาทักนั้นเป็นผู้ชายที่อายุน่าจะประมาณ50ใบหน้าน่ากลัวอยู่ลึกๆ แต่งตัวด้วยชุดหม้อฮ่อมสีน้ำเงินมีขลิบสีแดงดำคล้ายกับพวกพ่อมดหมอผีมีเครื่องประดับเป็นลูกประคำสีดำคล้องคอมากมาย มีแหวนเป็นรูปนกอินทรีย์ทำจากทองคำแท้ เขาเข้ามาทักทายพวกเฑียร

                สวัสดีครับ คุณมณเฑียร คุณแจ็ค และสตรีผู้งดงามคุณอลิศ

                สวัสดีครับ คุณ.............. แจ็คเอ่ยทัก

                ผมชื่อว่า คาวี อัคคีเดชา ครับ

                ครับสวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณคาวีแจ็คเอ่ยทักอีกครั้ง

             คุณรู้จักพวกผมด้วยเหรอครับเฑียรถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเฑียรมั่นใจว่าพวกเขาไม่เคยรู้จักผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้แน่นอน

                ผมน่ะรู้จักพวกคุณครับแต่พวกคุณไม่รู้จักผมหรอก แต่ไม่สำคัญหรอกแต่ผมจะมาเตือนพวกคุณว่าคุณกำลังจะมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากเข้ามาในชีวิตของคุณอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ  คุณจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้...

                ให้อะไรค่ะอลิศถามด้วยความสงสัย

             ให้ใครสักคนบรรลุเจตจำนงค์ในอดีตกาลอันยาวนานกว่า7000ได้ซะที คาวีพูด

             อะไรเรื่องอะไรของคุณเราไม่รู้เรื่องเลย  มันหมายความว่าอะไรกันแน่เหรอ แจ็คถามด้วยงงอย่างที่สุด

             คุณยังไม่ต้องรู้หรอก อีกไม่นานพวกคุณก็จะเข้าใจเอง ผมขอตัวก่อนน่ะครับ โอกาศหน้าคงได้เจอกันอีก สวัสดีคับ แล้วคาวีก็ได้เดินจากไปโดยทำให้พวกของเฑียรฉงนในสิ่งที่คาวีพูดไว้เท่านั้น

                อะไรของเขาว่ะมาพูดๆๆ และก็เดินหนีไปซะงั้นน่ะ สงสัยจะเมาเชมเปญมั้งเนี่ย เฑียรพูดกับเพื่อนของเขา

                ก็น่าจะเป็นยังงั้นน่ะ แต่แปลกน่ะ

                แปลกอะไรเหรอค่ะ อลิศถามแจ็คด้วยความสงสัย

                ก็ถ้าเกิดเมาจริงก็ต้องทีกลิ่นเหล้าบ้างสิแต่นี่ไม่มีกลิ่นเหล้าเลยแถมยังเดินตรงดีซะด้วย และเขาจะเมาได้ไงว่ะ แจ็คพูดออกมาด้วยความฉงนใจ

                เอะ! หรือว่าเข้าจะเป็นคนสติไม่ข่อยเต็มค่ะอลิศถามออกมา ทำให้แจ็คกับเฑียรหัวเราะออกมาด้วยเพราะไม่คิดว่าเด็กที่จบจากต่างประเทศจะตอบเสียงเพี้ยนอะไรแบบนี้ได้

                แต่พวกเขาต้องเงียบลงทันใดเมื่อคนในงานต่างมองกันเป็นตาเดียวไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในงานกับมรว.ภาราวดี ศิรวัฒน์  เธอเป็นสตรีที่สง่างามมาก ใบหน้าที่เรียวรูปไข่ ดวงตาสีดำอมน้ำเงินเข้มโตเรียวคม จมูกเป็นสันได้รูป ริมฝีปากเรียวเล็กรับกับใบหน้าของเธอเป็นย่างดี ผิวขาวเนียนเป็นประกายโดยไม่ต้องแต่งหน้าใดๆ รูปร่างสูงระหงเธอมาในชุดราตรียาวรัดรูปสีดำขลับเหมือนท้องฟ้ายามมืดมิดที่ไร้ดวงดาว มีผ้าคลุมบ่าเป็นผ้าไหมโบราญสีดำดิ้นทองเป็นประกายรับกับสร้อยคอเพชร50กะรัตที่มีลวดลายพญานาคคาบแก้ว และแหวนนพเก้าที่สวมอยู่ที่นิ้วก้อยข้างขวา เวลาเธอเดินนั้นช่างดูอรชรอ่อนช้อยงดงามมาก เธอเดินเคียงคู่มากับมรว.ภาราวดี ศิรวัฒน์แต่เหมือนเธอเดินมาโดยลำพังเพราะเธอดูโดเด่นมากจนแถบไม่เห็นว่ามีใครอยู่ข้างเธอเลย  เธอเดินมานั่งที่เก้าอี้โซฟาสีฟ้าที่หน้างานสำหรับแขกวีไอพีที่มรว.ภาราวดี ศิรวัฒน์ จัดเตรียมไว้ให้เธอโดยเฉพาะ เมื่อเธอนั่งลงนั้นทุกคนในงานก็นั่งลงเพราะรู้กันป็นนัยว่างานในค่ำคืนนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว  พิธีกรในงานก็กล่าวเปิดงานและเปิดแฟชั่นโชว์ ชุดสวรรค์มหานที ซึ่งเป็นโชว์ชุดพิเศษและในฟินาเล่ก็เป็นอัญมณีที่งดงามที่สุดในงานนี้คือเพชรสีฟ้าซึ่งพิธีกรในงานก็ได้บรรยายว่า อัญมณีแห่งมหานทีนี้เชื่อกันว่าเป็นอัญมณีของพญานาคที่รังสรรค์ไว้ให้แด่มนุษย์ที่ศรัทธาใมตัวแห่งพญานาคและ ยังเชื่อกันว่าอัญมณีชิ้นนี้มีอิทธิฤทธิ์เดชเดชามกมายขนาดสามารถชุบชีวิตผู้ที่ตายไปแล้วให้ฝื้นขึ้นได้พอพิธีกรพูดจบแขกในงานต่างพากันพูดถึงเรื่องของเพชรสีฟ้านี้อย่างหนาหูรวมถึง

    มรว.ภาราวดี ศิรวัฒน์ ด้วยเช่นกัน

                คุณเพตรา ค่ะคุณคิดว่ายังไงค่ะ

                คิดเรื่องอะไรกันค่ะคุณหญิง เพตราถามด้วยหน้าตาที่วางเฉย

                ก็เรื่องที่ว่าอัญมณีชิ้นนี้มีฤทธิ์ในการคืนชีพคนตายน่ะค่ะ คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมค่ะ

                เรื่องนี้เองเหรอค่ะ! ดิฉันอยากเรียนคุณหญิงว่าเรื่องนี้นะเป็นเรื่องปร่ำปราโบราณนานมากแล้วน่ะค่ะ แต่ถ้าถามว่าฤทธิ์เดชนั่นก็อาจมีจริงค่ะแต่อาจจะไม่มากขนาดที่สามารถชุบชีวิตคนได้หรอกค่ะ เพราะฤทธิ์เดชนั้นมันมากเกินกว่าที่พญานาคจะทำได้ค่ะแต่ถ้ามีฤทธิ์ช่วยสมานแผลหรือรักษาแผลให้หายเร็วกว่าปกตินี่ก็อาจเป็นได้น่ะค่ะ

             คุณเพตรารู้เรื่องราวของพญานาคด้วยเหรอค่ะมรว.ภาราวดี ศิรวัฒน์  เอ่ยถามด้วยความสงสัย

             ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ ไม่มากมายเท่าไหร่หรอกค่ะคุณหญิงก็รู้เหมือนกับที่คนอื่นเขารู้กันน่ะค่ะ ที่นาคคือพญางูยักษ์ที่อาศัยอยู่ในน้ำตามที่คนเราเข้าใจไงค่ะและมีฤทธิเดชเดชามากมายมหาศาลไงล่ะค่ะนางตอบด้วยคำพูดที่พูดเหมือนเชิงเศร้าใจปะปนอยู่จนมรว.ภาราวดี ศิรวัฒน์  คิดสงสัย

                แล้วที่เขาว่าพญานาคแพ้พญาครุฑล่ะค่ะมันเป็นความจริงรึเปล่า

                เป็นจริงค่ะแต่ไม่ทั้งหมดหรอกน่ะค่ะ เพราะพญานาคมีมากมายหลากหลายชนิด ครุฑสามารถทำร้ายได้เพียงแต่นาคชั้นล่างหรือนาคแรกเกิดเท่านั้นและครุฑนั้นก็ไม่มาสามารถสังหารนาคที่มีการเกิดที่วิจิตรบรรจงกว่าครุฑได้หรอกค่ะ ว่าแต่คุณหญิงเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรอค่ะ เพตราเอ่ยถามอย่างมีภูมิ

                เปล่าหรอกค่ะแต่ดิฉันก็อยากรู้ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆนาคจะสามารถเอาชนะครุฑได้อย่างไรเพราะว่าครุฑนั้นมีพละกำลังมหาศาลและมีจงอยปากและกรงเล็บที่แข็งแรงอย่างนั้น

                พิษของนาคยังไงล่ะค่ะ ถึงว่านาคจะไม่มีกรงล็บ ไม่มีจงอยปากที่แข็งแรงไม่มีพละกำลังอันมหาศาลเหมือนพญาครุฑแต่นาคนั้นมีพิษที่ร้ายแรงเกินกว่าที่พญาครุฑาจะต้านทานได้ดังนั้นนาคกับครุฑ อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นศัตรูอะไรที่ร้ายกาจนักหรอกค่ะ แต่สัตว์ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของนาคน่ะ คือ.......... เพตราหยุดพูดสักครู่พร้อมกับสีหน้าที่ดูเหมือนโกรธแค้นอยู่ภายในแต่สีหน้านั้นได้จางหายไปอย่างรวดเร็วจนมรว.ภาราวดีไม่สังเกตุเห็น

                ตัวอะไรหรอค่ะคุณเพตรา มรว.ภาราวดีเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

                เออ! ขอโทษค่ะคุณหญิง ดิฉันลืมชื่อของมันไปแล้วล่ะค่ะอย่าเอาเรื่องไร้สาระไปใส่ใจเลยน่ะค่ะ เรามาดูงานประมูลเพชรสีฟ้าที่จะเกิดขึ้นต่อไปเลยดีกว่าน่ะค่ะ เพตราตอบกลบเกลื่อนคุณหญิง

                เสียงดนตรีอันแสนไพเราะได้ดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนาของคุณเพตรากับคุณหญิง เสียงดนตรีที่ดังขึ้นนั้นได้ถูกบรรเลงโดย คุณสโรชา วรกาญภักดี นักดนตรีแนวคลาสสิครวมสมัยที่โด่งดังในยุคนี้ เธอได้บรรเลงดนตรีโดยการสีไวโอลินเป็นเพลงที่ให้อารมณ์เหมือนกับอยู่ในท้องทะเลอันลึกลับเมื่อเพลงนั้นบรรเลงจบ  พิธีกรของงานก็เดินขึ้นมาพร้อมกับการเริ่มการประมูลอัญมณีชิ้นต่างๆตามรายการทั้ง30ชิ้น อาทิเช่น ไข่มุกสีดำจาก มิกิ โมโต้,สร้อยคอเพชรสีชมพู90กะรัต,เพชรตาแมวจากเปอร์เซีย เป็นต้น  งานประมูลได้เริ่มต้นอย่างคึกคักและมีสีสันดำเนินมาถึงอัญมณีชิ้นสุดท้าย นั้นก็คือเพชรสีฟ้าอัญมณีแห่งมหานที

                และงานในค่ำคืนนี้ก็เดินมาจนถึงโค้งสุดท้ายแล้วน่ะค่ะ นี้คือสินค้าประมูลชิ้นสุดท้ายแล้วน่ะค่ะ นั่นก็คือเพชรสีฟ้าอัญมณีแห่งมหานทีค่ะ เราจะเริ่มต้นจากราคา 10ล้านบาทค่ะพิธีกรพูดเพื่อเริ่มการประมูลอัญมณีชิ้นสุดท้าย

    แขกในงานได้สู้ราคากันอย่างไม่ลดละจนราคาอัญมณีชิ้นนี้สูงถึง50ล้านบาทโดยผู้ประมูลคือ นายคาวี อัคคีเดช

                มีใครจะสู้ราคาของคุณคาวีอีกไหมค่ะ มีใครจะให้ราคาสูงกว่า50ล้านบาทอีกไหมค่ะ นับ1...นับ2...นับ

             100ล้านบาทค่ะ เสียงอันไพเราะและทรงพลังดังขึ้นมาจากโชฟาสีฟ้าหน้างาน เสียงนั่นเป็นเสียงของสตรีที่งดงามที่สุดในงานนั่นคือคุณเพตรา เลียงนั่นทำให้คนในงานต่างฮือฮาถึงราคาที่สูงเกินคาดจนพิธีกรแทบไม่อยากเชื่อ

                โอโห้! ดิฉันเป็นพิธีกรงานประมูลมามากมายหลายงานแล้วน่ะค่ะแต่ดิฉันไม่เคยเห็นงานไหนที่จะมีสินค้าประมูลราคาสูงถึง100ล้านบาทเลยน่ะค่ะ เอาล่ะค่ะมีใครจะสู้ราคา100ล้านบาทของคุณเพตราบ้างไหมค่ะ ราคา100ล้านนับ1...ราคา100ล้านนับ2...ราคา100ล้านนับ.....3ค่ะ อัญมณีเพชรสีฟ้าอัญมณีแห่งมหานทีนี้เป็นของคุณเพตรา ฤทธินฤเดช ณบัดนี้แล้วค่ะ

                เมื่อเสียงปิดการประมูลจบ แขกในงานต่างตบมือในความใจป้ำของคุณเพตราอย่างล้นหลาม จนทำให้เพตราต้องลุกขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณแขกในงานและได้เดินขึ้นไปรับอัญมณีบนเวที  ในช่วงเวลาที่เธอเดินขึ้นเวทีนั้นเธอช่างดูสง่าผ่าเผยอย่างที่สุดรูปร่างสูงโปร่ง จึงทำให้เธอดูงดงามมากขึ้นเมื่อยืนอยู่บนเวที  เมื่อเธอรับอัญมณีจากมือพิธีกรนั้น ก็เกิดปากฎการณ์พิศดารขึ้นเมื่อ แสงไฟในงานนั้นได้วูบวามๆขึ้นและสปริงเคิ้ลบนเพดานที่ไว้กันอัคคีภัยนั้นก็ได้ปล่อยน้ำออกมาจนทำให้แขกในงานชุ่มช่ำกันทั้งงาน  และภายนอกของอาคารนั้นก็เกิดฝนฟ้าคะนองตกหนักมากจนแขกในงานไม่สามารถไปไหนได้จึงต้องอยู่ในงานกันก่อน

     

               

     

     

     

    <span lang="TH" style="font-size: 14pt; font-family: "Angsana New"; mso-ascii-font-family: 'Times New Roman'; mso-hansi-font-family:

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น