ความรักที่ขั้นกะได - ความรักที่ขั้นกะได นิยาย ความรักที่ขั้นกะได : Dek-D.com - Writer

    ความรักที่ขั้นกะได

    ความทรงจำในเรื่องราววัยเด็ก ความรักของพี่ชายกับสาวข้างบ้าน สานไยหวานละมุนท่ามกลางบรรยาศชนบทริมคลอง ทีวีขาวดำ และขั้นกะไดเก่าๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    628

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    628

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ค. 47 / 23:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ความรักที่ขั้นกะได
      อันโตนิโอ

          แต่ก่อนที่บ้านมีโทรทัศน์ขาวดำ รูปร่างของมันดูอลังการองอาจผึ่งผาย จอสีเทาขนาดสิบสี่นิ้วมีลำโพงด้านซ้าย ลูกบิดสำหรับเปลี่ยนช่องกับปุ่มปรับเสียงอยู่ทางด้านขวา ตัวเครื่องหุ้มด้วยไม้สีน้ำตาล มีขากลมยาวเรียวเล็กตรงปลายสี่ขา ดูราวกับสัตว์อะไรสักอย่างที่สงบเสงี่ยมในยามกลางวันและตื่นฟื้นมีชีวิตชีวาในยามค่ำคืน สมัยนั้นไม่มีรีโมทคอนโทรล จะเปลี่ยนช่องทีต้องลุกไปบิดลูกบิดดังแกรกๆ ลุงกับป้าติดละครมาก ช่วงนั้น แม้มีโฆษณาก็ห้ามลุกไปบิดเปลี่ยนดูช่องอื่นเด็ดขาด

          สองฝั่งคลองเมื่ออาทิตย์ลับฟ้า ความมืดโรยตัวราวม่านสีดำ แสงสว่างจากเสาไฟมีเป็นระยะๆห่างกันลิบ ความสว่างของมันแลเห็นผิวน้ำด้านล่างที่เป็นระลอกริ้ว กอผักตบชวาคืบคลานผ่านไปกอแล้วกอเล่า บางปีมีข่าวจระเข้หลุดมา ชาวบ้านครึกครื้นกันเป็นพิเศษ คนขี้ตกใจเห็นเพียงขอนไม้ลอยน้ำมาก็เอาไปลือเสียลั่นจนโจษจันกันทั่วตลาดในวันรุ่งขึ้น แสงไฟตามบ้านมีให้เห็นห่างๆ ชาวบ้านที่ยากจนไม่มีไฟฟ้าใช้กัน ที่มีทรัพย์หน่อยก็ติดเฉพาะดวงไฟหลอดเล็กๆสีเหลืองวับแวม ดึกหน่อยก็ดับเสียแล้วเป็นการประหยัด บ้านของลุงอยู่ในฐานะปานกลาง ไม่รวยแต่ก็ไม่ถึงกับจน เรามีไฟฟ้าใช้ในห้องใหญ่ ตามไฟไว้อีกดวงที่ท่าน้ำ กลางวัน ลุงมักเปิดวิทยุไปทำงานไป เพลงลูกทุ่งลอยฟุ้งเป็นกลิ่นหอมบริสุทธิ์ที่ผมได้สูดดมมาตั้งแต่เกิด พอค่ำหน่อย เสียงโฆษกอ่านข่าวก็จะย้ายไปดังในห้องโถงใหญ่ มีภาพขาวดำวูบๆไหวๆจนเกิดแสงระยิบบนผิวน้ำหากยืนมองจากอีกฟากหนึ่งของคลอง

          พี่ดำเป็นหนุ่มกระทง ผิวกร้านแดดไม่แพ้ลุงผู้เป็นพ่อ ถึงกระนั้น ผมก็รู้สึกว่าพี่ดำหล่อไม่ใช่เล่น เวลาเราพายเรือล่องยอปลาหรือวางเบ็ด สาวที่ท่าชม้ายตามองแกแทบทั้งนั้น เมื่อเทียบกันแล้ว ผมสูงเพียงหน้าอกพี่ดำ กล้ามเนื้อของแกเป็นมัดๆ เรี่ยวแรงมหาศาลมากกว่าผมนับสิบเท่า ครั้งหนึ่ง ปลาขึ้นดีนัก ผมคว้าคันยอที่ท่าเพื่อกระดกให้ส่วนปลายที่เป็นผืนตาข่ายขนาดใหญ่โผล่พ้นน้ำ ปลาที่อยู่บริเวณนั้นจะถูกตาข่ายอุ้มขึ้นมาให้เราใช้สวิงด้ามยาวเลือกตักเอาตามใจชอบ ลมพัดจัด แรงเด็กอย่างผมแค่กดคันยอให้กระดกก็ลำบากพอแล้ว ตาข่ายยักษ์ถูกลมผลักพาจนหมุนคว้าง ปลายอีกด้านที่ผมกดอยู่ถูกเหวี่ยงพ้นกระดานท่าน้ำ ผมดิ้นกระแด่วสองแขนกอดคันยอแน่น พี่ดำมาจากไหนไม่รู้ คว้าจับขอบกางเกงผมดึงกลับเข้าไปด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างใช้กดยอให้นิ่งไม่เหวี่ยงไปตามแรงลม ผมหายตกใจเมื่อแกเรียกหาสวิงด้ามยาว วันนั้นเราได้ปลาสลิดลายตัวโตสองสามตัวกับปลาตะเพียนสีเงินอีกหลายตัว เอามาทอดกรอบจิ้มน้ำปลาพริก กินได้ทั้งก้างทั้งเครื่องใน อร่อยอย่าบอกใคร

          ยามว่างหลังกลับจากโรงเรียน พี่ดำชอบเหลาไม้ไผ่ทำเบ็ดธง การทำไม่ยากเลย แต่ต้องอาศัยความใจเย็นและอดทน เมื่อได้ลำไผ่มาแล้วเราต้องตัดเป็นท่อน ยาวประมาณเมตรเศษๆ ผ่าเป็นซีกๆเรียวๆ เหลาให้กลมกลึง โดยเฉพาะส่วนปลายต้องเล็กเรียว บากที่หัวไว้นิดหน่อยเพื่อใช้ผูกสาย สายจะได้ไม่ลื่นหลุดออกจากคัน ตรงโคนต้องเหลาให้แหลม แต่ไม่ต้องถึงขนาดแหลมอย่างดินสอ เอาแค่พอปักดินแข็งๆอยู่ ช่วงเวลาธงเบ็ดเป็นความลึกลับอย่างหนึ่งที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้น บางครั้งไม่เห็นว่าเบ็ดโค้งงอ คิดว่าปลาไม่กินหรือไม่เหยื่อก็หลุดจากตัวเบ็ดไปแล้ว พอยกขึ้นดูเพื่อเปลี่ยนเหยื่อใหม่ ที่ไหนได้ ปลาช่อนตัวโตเท่าน่องสะบัดดิ้นวูบๆจนเรือลำเล็กของเราโยกเกือบล่ม

          บางทีเราก็ทำว่าวเล่นกัน แต่ไม่บ่อยนักเพราะการเล่นว่าวต้องข้ามฝั่งไปเล่นแถวศาลเจ้า เด็กฝั่งคลองขาดลานกว้างๆไว้วิ่งหรือเล่นอย่างเด็กฝั่งตลาด แต่หากพี่ดำลงมือเหลาโครงว่าวแล้ว บ่ายวันนั้นเป็นอันรอได้เลย ว่าต้องได้ข้ามไปเล่นแน่ๆ

          ผมดูโทรทัศน์ช่วงเย็นๆ มีการ์ตูนสนุกๆ ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน มดเอ็กซ์ กันก้าร์ เกร็นไดเซอร์ เกรทมาซินต้า หนังจีนกำลังภายในก็เป็นอะไรที่เด็กๆอย่างเราติดกันงอมแงม ร้านค้าฝั่งตลาดมักมีมีดดาบของเล่นที่ทำจากไม้บ้างพลาสติกบ้าง ขายกันดาษดื่น เด็กๆซื้อเอามาเล่นจอมยุทธกันสนุกสนาน พี่ดำไม่ชอบดูการ์ตูน แต่จอมยุทธกับละครจักรๆวงศ์ๆแกไม่เคยพลาด บางทีป้าตะโกนเรียกใช้ ครั้งไหนๆแกขานรับแล้ววิ่งปรู๊ดไปหา แต่ถ้าลงอยู่หน้าจอขาวดำแล้วเป็นไม่ได้ยินเสียงใครอื่นทั้งนั้น จนป้าต้องมาเขกกบาลเสียทีถึงรู้ตัว

          บ้านติดคลองที่อยู่ถัดไปไม่มีโทรทัศน์ มักมาอาศัยดูของที่บ้านเราเสมอ แต่จะอยู่ไม่ดึก พอละครจบก็ลงเรือพายกลับไป ตำแหน่งที่คนมาอาศัยดูโทรทัศน์ที่ชอบนั่งกันนักคือขั้นกะได ไม่ค่อยมีใครกล้าขึ้นมานั่งหน้าจอคงเพราะเกรงใจ ทั้งที่ลุงกับป้าออกปากเชื้อเชิญ แต่ทุกคนก็ยังอาสานั่งที่ขั้นกะไดนั่นล่ะ สบายดี เขาว่างั้น

          วันหนึ่งมีสาวสวยอายุน้อยกว่าพี่ดำหน่อยเดียว ตามพ่อแม่มานั่งดูโทรทัศน์ช่วงหัวค่ำ ผู้ใหญ่ก็คุยกันไปดูข่าวกันไป ผมไม่ชอบข่าวก็หาอะไรทำเรื่อยเปื่อยรอดูละคร ชำเลืองเห็นพี่ดำ สายตาของแกคอยจับจ้องที่สาวผมยาวจนไม่สนใจอย่างอื่น สาวเจ้าเองก็เหมือนรู้ตัว ยิ้มเอียงอายแก้มแดงระเรื่อเป็นสีชมพู ผมหันกลับไปกลับมา ดูหนุ่มสาวส่งภาษาประหลาดเงียบๆด้วยความสนใจ

          ตั้งแต่วันนั้นพี่ดำเป็นโรคเดี๋ยวซึมเดี๋ยวร่าเริงอย่างไรพิกล เหลาเบ็ดก็บาดมือตัวเอง ทำว่าวก็เอียงกะเท่เร่ ซ้ำยังพายเรือหลงเลยบ้านไปเสียตั้งหลายครั้ง ผมมารู้ตอนโตหน่อยว่าพี่ดำพายเลยไปดูท่าน้ำบ้านข้างๆเพื่อมองหาสาวคนนั้นต่างหาก ตกหัวค่ำหน่อยจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่ถ้ายังไม่เห็นหญิงสาวก็จะออกอาการหงุดหงิดขัดใจ บางทีเห็นพ่อแม่เขามาก็ยิ้มแก้มปริ พอชะเง้อมองหาไม่เห็นลูกสาว ยิ้มก็หุบหายไปเสียเฉยๆ

          ราวสองเดือนที่ความรักก่อกำเนิด พี่ดำย้ายไปนั่งดูโทรทัศน์เสียที่ขั้นกะไดเคียงคู่สาวน้อยแสนงามคุยกันกะหนุงกะหนิง ผู้ใหญ่ก็ไม่ว่าอะไร ได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มๆ ผมเองถ้าช่วงที่มีเกร็นไดเซอร์หรือเกรทมาซินต้าก็ไม่สนใจคนคู่นี้เหมือนกัน

          แล้ววันที่เธอจากไปก็มาถึง พี่ดำนั่งรอเก้อที่ขั้นกะไดหน้าบ้านตัวเองมาสี่ห้าวันถึงได้รู้จากปากป้าว่าเธอคนนั้นกลับไปเรียนต่อที่ชลบุรีแล้ว ผมไม่เคยเห็นใครบ่นพร่ำเพ้ออยู่คนเดียวมาก่อนเลย มาได้เห็นก็พี่ดำนี้ล่ะเป็นคนแรก เวลาลงเรือไปธงเบ็ดก็จะพูดไม่หยุดเรื่องความรักที่หญิงสาวเริ่มมีให้แก วันหนึ่งแกขออนุญาตป้าไปเที่ยวเมืองชล ตะล่อมจนรู้ว่าลูกสาวบ้านข้างๆเรียนอยู่ที่ไหน จดใส่กระดาษไว้มั่นคงกันลืม

          พอกลับมาหน้าตาหม่นหมอง บางวันไม่พูดไม่จากับใคร เอาแต่กอดเข่าทำตาแดง บางทีก็นั่งที่ขั้นกะไดพึมพำกับตัวเองจนลุงกับป้าชักเป็นห่วง ผมได้รู้จากปากลุงว่าพี่ดำเกิดไปพบหญิงสาวเดินจับมือกับแฟนเข้าพอดี แถมเธอคนนั้นกลับทำเหมือนไม่รู้จักพี่ดำ แกยืนเป็นบ้าอยู่พักใหญ่ก่อนกระโดดขึ้นรถเมล์แดงกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นพี่ดำก็ไม่พูดถึงหญิงสาวคนนั้นอีกเลย บ้านข้างๆก็ไม่มาแล้วเพราะเขาซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่ เป็นแบบมีสีทันสมัย เปลี่ยนช่องแบบกดปุ่มไม่ต้องบิดแกรกๆอย่างที่บ้านผม

          พี่ดำสอบติดนายร้อย ต้องย้ายไปอยู่ที่โรงเรียน ที่บ้านเงียบเหงาไปถนัด เวลาแกกลับมาทีแทบจะแตกตื่นกันทั้งตลาดเพราะชุดนักเรียนนายร้อยที่แกสวมอยู่มันช่างเท่สง่าเหลือหลาย ผมพายเรือไปรับที่ท่าน้ำฝั่งตรงข้าม พี่ดำก็ยังยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น จนกลับถึงบ้านเปลี่ยนชุดแล้วนั่นล่ะ ถึงได้กลับมาเป็นพี่ดำคนเดิม

          ครั้งหนึ่งที่แกกลับมาบ้าน ลุงตะโกนบอกให้ผมพายเรือไปรับ ผมข้ามไปถึงในสิบนาที พี่ดำยืนตรงแหน่ว ทักทายผมเล็กน้อยก่อนก้าวลงเรืออย่างระมัดระวัง เสียงเรียกเบาๆทำให้เราสองคนหันกลับไปมองพร้อมกัน หญิงสาวคนนั้นเอง เธออยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย รูปร่างสูงโปร่งดูงดงามเหมือนนางเอกหนังจีน พี่ดำอ้าปากค้างหวอ กระโดดกลับไปบนท่าลืมสภาพนักเรียนนายร้อยทันที เธอขออาศัยเรือไปลงที่บ้านด้วย ผมเป็นคนพายยังไม่ทันพูดอะไรพี่ดำก็รับปากอย่างเต็มอกเต็มใจเสร็จสรรพ แถมยังให้ผมพายไปส่งที่บ้านหญิงสาวก่อนเสียด้วย

          หลายวันที่แกกลับมาบ้านคราวนั้น พอหัวค่ำหน่อยพี่ดำก็หายไปเสียแล้ว ผมได้ตามไปด้วยในวันสุดท้าย แกพาผมพายเรือไปบ้านข้างๆ ผูกเรือไว้กับเสาท่าน้ำ เดินขึ้นเรือนไปทักทายเจ้าของบ้านแล้วนั่งลงที่ขั้นกะได โทรทัศน์สีช่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ภาพที่ผมปลื้มปีติกว่ากลับเป็นภาพของหญิงสาวที่ผลิรอยยิ้มเบิกบาน เดินมานั่งเคียงข้างพี่ดำแล้วคุยกันกะหนุงกะหนิงจนลืมดูโทรทัศน์ไปเลย

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×