ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A Tranquilizer for your Christmas Eve : ยากล่อมใจในคืนฝัน

    ลำดับตอนที่ #37 : จิตติกับทัตตวา, บนรถไฟฟ้าสถานีปลายทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 576
      4
      25 ต.ค. 54

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินไปทั่วห้าง เข้าร้านโน้นออกร้านนี้โดยไม่ซื้ออะไร และไม่แสดงความสนใจในสิ่งใดเป็นพิเศษ

    สถานีรถไฟฟ้าพลุกพล่านมากขึ้นในตอนบ่าย เหล่านักเรียนต่างพากันออกมาจากโรงเรียนกวดวิชา ส่วนมากมาเป็นกลุ่มๆ ถือสมุดเล่มบางและแฟ้มใส ดูเหมือนว่าทัตตวาไม่ได้ไปเรียนพิเศษ เธออาจจะไม่อยากไปเรียนพิเศษเลยเพราะเธอก็เรียนได้ดีพอแล้ว และโรงเรียนกวดวิชาก็ไม่ใช่สถานที่ปลีกวิเวกสันโดษที่ดีนัก(น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญกว่า) จิตติเองนั้นก็เคยไปเรียนพิเศษเหมือนนักเรียนทั่วไป ในสมัยของเขา การเรียนพิเศษเป็นกระแสนิยมหนึ่ง นักเรียนส่วนใหญ่ในห้องของเขาไปเรียนพิเศษแค่เพราะว่าทุกคนไปกัน เก็บเกี่ยวเอาความรู้ใส่หัวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะไม่ได้ใช้และพากันโยนมันทิ้งไปจนหมดทันทีที่สอบเสร็จ

    ยายของทัตตวาบอกจิตติมาก่อนว่า นางจะส่งคนรถมารับทัตตวาที่สถานีรถไฟฟ้าตอนห้าโมงเย็น ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว แต่เขายังไม่เห็นใครที่ดูเหมือนว่าจะมารับเธอ

    เมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาเดินถึงเลขห้า ก็ยังไม่มีวี่แววของคนรถจะมาถึง สิบนาที ยี่สิบนาที ผ่านไป ก็ยังเหมือนเดิม รถติดเป็นเรื่องธรรมดา และถ้าฝนตกจนน้ำนองถนนรถก็ยิ่งติดเข้าไปใหญ่ แต่ทัตตวายืนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ เธอแหงนหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่กับเพดานสถานีครั้งแล้วครั้งเล่า และเข็มยาวก็เดินไปนาทีต่อนาที จิตติย้ำว่ายายของเธอกำลังมา และเธอไม่ต้องเป็นกังวล

    โทรศัพท์ดังขึ้นในเวลาห้าโมงครึ่ง โทรศัพท์มือถือของเธอเป็นประเภทที่มีแป้นตัวอักษรไว้พิมพ์ข้อความ จิตติคิดว่า อย่างน้อยยายของเธอก็เลือกอะไรที่เหมาะสมให้ ทัตตวารับโทรศัพท์ ยกหูฟังอยู่สองสามนาที และเบ้ปากไม่พอใจ

    “เกิดอะไรขึ้น ให้หมอคุยหน่อยได้มั้ย”

    ทัตตวาเม้มปากและยื่นโทรศัพท์ให้จิตติช้าๆ เขารับมาและกล่าวสวัสดี ยายของทัตตวาอยู่ในสายและเสียงของนางก็ดูตกใจ

    “สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันต้องขอโทษด้วยมากๆ”

    “ครับ เกิดอะไรขึ้นหรือ”

    “รถเสียบนทางด่วนน่ะค่ะ ดิฉันพยายามโบกแท็กซี่แล้วแต่รถมันก็ติดเหลือเกิน”

    “ครับ”

    “ดิฉันคงต้องรบกวนคุณหมอให้พาทัตตวาขึ้นรถไฟฟ้ามาได้ไหมคะ สถานีปลายทางเลย”

    “ไม่ลำบากอะไรเลยครับ”

    “ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันขอโทษจริงๆ วันหยุดของคุณหมอแท้ๆ”

    “เป็นวันหยุดที่ดีสำหรับผมแล้วครับ อีกสี่สิบนาทีค่อยเจอกันนะครับ”

    จิตติวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ทัตตวา เขาเดินไปที่ตู้ออกบัตรใกล้ๆ แล้วซื้อบัตรโดยสารสองใบ เล่าความจำเป็นให้ทัตตวาฟังและบอกว่าเธอจะกลับถึงบ้านในไม่ช้า อีกทั้งต้องอธิบายวิธีสอดบัตรเข้าเครื่องตรวจตั๋วเหมือนรปภ. บอกกับนักเรียนประถม เด็กสาวปิดตาแน่น เหมือนกลัวว่าประตูเครื่องตรวจตั๋วจะงับเอา แล้ววิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    รถไฟฟ้าแน่นด้วยผู้คน แต่ทั้งสองก็หาที่นั่งได้หลังจากผ่านไปสองสถานี จิตติถูกจิกสายตามองจากสาวออฟฟิศที่ยืนตรงหน้า การเป็นผู้ชายที่ไม่ลุกขึ้นให้ผู้หญิงซึ่งยังสาวและสุขภาพแข็งแรงนั่งนั้นเป็นอาชญากรรมหรือ ผิดที่ผู้ชายผู้เชื่อว่ามนุษย์ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ดีควรเท่าเทียมกันโดยไม่แบ่งเพศ หรือผิดที่ผู้หญิงผู้เชื่อว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและผู้ชายต้องให้ที่นั่งกับเจ้าหล่อน สำหรับจิตติแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องสตรีนิยมอะไรทั้งนั้น

    เจ้าชายน้อยเพลิดเพลินกับการมองออกไปข้างนอกผ่านกระจกหน้าต่างรถไฟฟ้า ชบวนรถไม่ได้เคลื่อนที่ไปเร็วจนทำให้ภาพทิวทัศน์เลือน หมู่ตึกระฟ้า ป้ายโฆษณาขนาดมหึมา หาบแร่แผงลอยริมถนน เป็นเหมือนภาพวาดขนาดยักษ์ที่มีหน้าต่างรถไฟฟ้าเป็นกรอบรูป ทำให้จิตติรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา  เขาพยายามหลับตา การอดนอนเมื่อคืนกำลังส่งผลต่อเขาแต่ก็หลับไม่ลง เสียงโฆษณาจากจอภาพในตู้รถและเสียงพูดคุยของผู้คนนั้นดังเกินไป เขาลองฮัมเพลงในหัวแทนการเปิดเครื่องเล่นเพลงแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เขาจงหยิบหนังสือที่ซื้อมาออกจากถุงและพลิกหน้ากระดาษอ่านผ่านๆ เขาอ่านประวัติผู้เขียนและคำนำผู้แปลก่อนที่จะหมดสมาธิและวางหนังสือไว้บนตัก

    เขาไม่คาดฝันว่าบางอย่างกำลังเกิดขึ้น น้ำหนักเบาๆ กดลงมาที่ไหล่ของเขาข้างหนึ่ง ทัตตวาเอนลงมาซบไหล่ของเขา เธอหลับสนิท ผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มและไออุ่นจากลมหายใจเงียบกริบสัมผัสต้นคอของเขาแผ่วเบา จิตติมองใบหน้าของเธอ ดูสงบและไร้เดียงสา แววของความกลัวและหวาดระแวงซึ่งเคยมีอยู่เต็มดวงหน้าอันตรธานสิ้นไป

    ถ้าเขายกมือขึ้นมาลูบหัวเธอสักนิด จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้น หรือจะทำให้เธอตกใจแบบลูกแมวที่กำลังหลับอยู่กัน เขาไม่อยากทดลองและเอาไม่อาจลงมือทำอย่างนั้น เขาเริ่มอ่านหนังสือต่อ ปล่อยความคิดให้ผ่านเลยไปสู่จิตใต้สำนึกและดิ่งลงสู่ความรู้สึกที่ไร้ความหมาย

    ทุกคนมองมาที่พวกเขา เป็นที่แน่นอนว่าเด็กชายฝรั่งที่เอนซบไหล่ชายหนุ่มลูกครึ่งจีนบนรถไฟฟ้าใจกลางเมืองเป็นเรื่องแปลก แต่เขาไม่ใส่ใจมันหรอก ทัตตวาดูเป็นมนุษย์ยิ่งกว่าใครในวันนี้ แม้กระทั่งจะเทียบกับตัวเขาเอง เธอพยายามอย่างหนัก ใช้พลังงานทุกหยดหยาดที่คั้นออกจากร่างบางนั้น เพื่อเดินทางท่องไปในดวงดาวที่ไม่รู้จักมาก่อน เธอสมควรได้รับการพักผ่อนที่ไร้สิ่งรบกวน หลับฝันดีถ้าเธอมีความฝันในยามหลับใหล

    รถไฟฟ้าถึงสถานีปลายทาง ผู้โดยสารออกจากตู้ขบวนและนายตรวจก็เข้ามาตรวจความเรียบร้อย รอรถเคลื่อนกลับไปในเส้นทางเดิม เขายังไม่อยากกลับ เขาอยากหลบหนีจากความจริง กลืนลงสู่โลกของหนังสือโดยที่ทัตตวายังหลับใหลในห้วงฝันอยู่ข้างกายจนกว่าเธอจะตื่นอีกครั้ง

    ไม่ได้ ยายของเธอรออยู่ และไม่ใช่แค่ยายเท่านั้น ชีวิตจริงของเธอก็รออยู่ด้วย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพียงขบวนพาเหรดในสวนสนุกซึ่งมีวันเก็บโรงเลิกรา

    จิตติปลุกทัตตวาให้ตื่น เด็กสาวค่อยๆ ฟื้นจากนิทรา หัวของเธอยังพิงอยู่ที่ไหล่ของเขา

    “ออกไปกันเถอะ สุดสายสถานีแล้ว”

    เธอดีดตัวผึงขึ้นตั้งหลังตรงในทันทีที่ได้ยินเสียงของจิตติ ใบหน้าแดงก่ำเหมือนกำลังเป็นไข้ด้วยความอาย ดวงตาเบิกโพลงกวาดไปทั่วทั้งตัวรถที่ว่างเปล่า

    “เป็นอะไรรึเปล่า ยายของเธอรออยู่แถวๆ นี้สักที่แล้วล่ะ”

    ทัตตวาเอามือปิดปาก ใบหน้ายังอมฝาดสีเลือด จิตติหันหน้าไปหาเธอด้วยเกรงว่าเธอจะล้มป่วยลงอีกครั้ง

    “ขะ... ขอโทษ”

    เสียงที่จิตติเพิ่งได้ยิน – เสียงเด็กสาวอ่อนใสชัดเจน แต่บางเบาเหลือเกิน เหมือนลมแผ่วพัดผ่านเจือด้วยความประหม่าเขินอาย อาจเป็นเพียงการคิดไปเองของจิตติที่กำลังอ่อนเพลีย แต่เสี่ยงนั้นก้องสะท้อนในหัวของเขา ครั้งนี้เขามั่นใจว่าคำขอโทษนั้นมาจากเธอ ทัตตวา เด็กสาวที่เขาพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้เธอพูดออกมา จินตนาการที่ทำให้เขาหลับไม่ลง ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากออกมาจนได้ คำสั้นๆ ที่ไม่มีความหมายกับคนอื่น แต่กับความว่างเปล่าโหวงเหวงในใจที่เขาโลดแล่นไปนั้นกลับมีความหมายขึ้นมา

    แต่เหมือนเช่นซินเดอเรลลาที่รู้ว่าถึงเวลาที่เวทมนตร์ต้องจางหายยามเที่ยงคืน เธอวิ่งหนีออกจากขบวนรถ ไม่ทันที่จิตติจะได้ตอบคำพูดคำแรกนั้น เขาวิ่งตามเธอไปแต่ไม่เจอ เธอกลืนเข้ากับฝูงคน จิตติมองไปทั่วแต่ไม่พบสิ่งใดนอกจากใบหน้าของคนแปลกหน้ามากมายเดินผ่านรอบตัว ไม่มีเวทมนตร์ใดเกิดขึ้นทั้งนั้น สิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงจริงๆ ของทัตตวา ดูเป็นจริงจนเขาไม่สามารถกักเก็บมันไว้ในรูปร่างใดเลย

    ไม่มีใครรู้ว่าหัวใจของชายที่ยืนอยู่กลางสถานีนั้นกำลังภาวนาอย่างแรงกล้า ภาวนาให้เธอยังไม่หนีจากไป เพราะว่าเขาอยากฟังเสียงของเธอ และเก็บถ้อยคำของเธอไว้เพราะมีเพียงพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่ทราบว่าเมื่อไรเขาจะได้ฟังเสียงของเธออีกครั้ง 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×