ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A Tranquilizer for your Christmas Eve : ยากล่อมใจในคืนฝัน

    ลำดับตอนที่ #106 : จิตติกับทัตตวา, และวันปฐมนิเทศ -2-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 239
      1
      23 ก.พ. 57

    ทัตตวาปิดปากไว้ใต้ฝ่ามือ เธอนอนไม่หลับเลยทั้งคืน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัวหรือความตื่นเต้น เธอไม่เคยออกจากใจกลางเมืองมาไกลขนาดนี้ ทัตตวาสั่นหัวเบาๆ เธอไม่ได้ตัดสินวิธีการทนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหินของยายด้วยความอ่อนแออีก และเธอก็ไม่ได้อยากทำให้จิตติผิดหวังด้วย ความเอาแต่ใจของเธอทำร้ายเขามามากพอแล้ว

    คณบดีคณะนิติศาสตร์ที่เพิ่งกล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่อย่างเป็นมิตรเมื่อครู่ที่ผ่านมา กำลังพูดถึงว่า นักศึกษาปีหนึ่งที่เข้าใหม่จะถูกปรับให้ตกออกพ้นสภาพนักศึกษาไปปีละประมาณ 10% เพราะผลการเรียนที่ย่ำแย่อย่างไรเมื่อขึ้นปีสอง เด็กสาวแปลกหน้าที่นั่งข้างทัตตวามองหน้าเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่เธอก็สุภาพพอที่จะไม่แสดงท่าทีออกมาบนใบหน้า คำแรก ถ้าเธอคนนั้นพูดออกมา คงเป็นคำถามที่ว่า “คุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคะ”

    วาบสายตา เสียงหัวเราะ การจ้องมอง ความแปลกแยก ไม่มีหลงเหลือมาหลอกหลอนเธออีกต่อไป จิตติอยู่กับเธอแล้วตอนนี้ แต่ถ้าในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากจิตติไปแล้ว เมื่อเธอถูกรายล้อมด้วยโลกที่ไม่เคยคุ้นและเขาไม่ได้อยู่ยื่นคบไฟให้ แล้วบอกเธอว่าทุกอย่างไม่เป็นไร เธอนั้นจะเป็นที่รัก ใครจะรู้ได้ว่าปวงปีศาจที่เคยคืบคลานอยู่ในเงาอนธการของห้องมืดที่เธอเคยถูกขังไว้นานนับปีในช่วงชีวิตนั้นจะไม่กลับฟื้นคืนชีวิตมาหาเธอได้อีก

    ปีศาจแห่งอดีตกาล หนึ่งตัวอยู่ในคราบของครอบครัว เธอบอกตัวเองว่าแม่เป็นแรงบันดาลใจลำดับท้ายๆ ที่ทำให้เธอเลือกเรียนคณะนิติศาสตร์ แต่นั่นเป็นคำโกหกไม่ใช่หรือ? พ่อ(เธอไม่อยากเรียกพ่อว่า “พ่อเลี้ยง”) และแม่เป็นนักเรียนกฎหมายทั้งคู่ นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะซึมซับถึงหยาดละอองบางเบาของพวกเขาได้ และเธอก็ไม่เสียใจที่จะขุดลึกลงไปในอดีตหากนั่นหมายความว่าเธอสามารถย้อนเวลากลับไปสู่อดีตที่เธอสามารถรัก แย้มยิ้ม และหัวเราะได้

    หอประชุมมีกลิ่นไม่ดีนัก ผู้คนมากมายหายใจอยู่รายรอบตัวเธอ ชุดนักศึกษาทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและเคืองผิว งานปฐมนิเทศไม่น่าสนใจและเธอก็คิดว่าไม่น่ามาเลย สุดท้ายทัตตวาก็ฟุบศีรษะลงที่โต๊ะเล็กเชอร์ตรงหน้า ไม่สนใจว่ากริยาไร้มารยาทนี้จะรบกวนเด็กสาวคนข้างๆ เธออยากกลับบ้านแล้ว

    บ้าน?

    เธอมีบ้านด้วยหรือ? นั่นไม่ใช่บ้านของเธอ เธอไม่มีที่ให้กลับเพราะไม่เคยออกมาจากที่ใด จิตติจะยอมให้เธออยู่ที่นั่นไปตลอดหรือเปล่านะ? เธอเป็นอะไรของเขากันแน่?

    การปฐมนิเทศจบลงในที่สุด แต่พวกเธอยังต้องรอผลการสอบวัดระดับที่จะประกาศในตอนบ่าย จิตตินัดว่าจะเจอกับเธอที่โถงอาคาร ตอนนี้คนแน่นเกินไปที่จะฝืนตามหา ทัตตวารอจนนักศึกษาคนข้างๆ เดินออกไปจนหมดเสียก่อน

    มหาวิทยาลัย? สถาบันอุดมศึกษา? สถานที่ให้นักศึกษาฝึกฝนทักษะพิเศษชั้นสูง? แน่ล่ะ เธอเรียนรู้คำนี้จากนิยายที่ได้อ่าน ที่นี่เป็นบันไดขั้นแรกสู่ความเป็นผู้ใหญ่ และบางคนก็เป็นการออกจากอ้อมอกพ่อแม่เป็นครั้งแรกในชีวิต ครั้งแรกที่เข้าห้องเรียนพร้อมกับคนเป็นร้อยๆ

    ทัตตวามองไปที่เด็กหนุ่มผมเกรียนและเด็กสาวผมหางแกละสั้น พวกเขาเป็นเด็กมัธยมปลายในหน้ากากใบใหม่ที่โตขึ้น แต่ก็ยังเป็นเด็กอยู่ เธอรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยเมื่อคิดถึงการที่เห็นผู้คนรอบตัวเธอ เข้ามาหาและต้องการให้พูดคุย หรือแม้กระทั่งให้แสดงความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน

    ความชิงชังต่อโลกของเธอไปอยู่ไหนกันนะ? เธอเคยสามารถเพิกเฉยใครๆ เพราะไม่เอาตัวตนเข้าไปอยู่ในโลกของพวกเขา แต่เมื่อเธอพยายามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโลกนี้แล้ว พวกเขากลับทำให้เธอกลัวจากภายในใจ

    “เป็นอะไรหรือเปล่า ที่นี่คนเยอะนะ ไปที่โรงอาหารกันดีมั้ย” จิตติพบเธอแล้วยื่นขวดน้ำให้ ทัตตวาส่ายหน้าแล้วดึงชายเสื้อไว้ ไม่ใช่มือของเขาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ปล่อยให้จิตตินำเธอฝ่าฝูงคนออกไป พยายามฝืนยิ้มให้เขามั่นใจ

    ทั้งสองรับประทานอาหารเที่ยงในโรงอาหาร ทัตตวาไม่อาจบอกจิตติได้ว่าเธออยากหนีออกจากที่นี่ไปมากเพียงใด ทุกคนมองเราอย่างเงียบๆ ทุกคนกำลังเข้ามาหาเรา ท่าทางที่จิตติมองจาน หรือหันออกไปจากเธอเพียงชั่วครู่ ท่าทางที่ดูเหมือนว่าเขา และทั้งคู่ พร้อมที่จะหนีออกไป ทุกคนจะเข้ามาทำร้ายจิตติเหมือนที่พวกนั้นทำร้ายเธอหรือเปล่า?

    ผลสอบวัดระดับไม่ดีนักตามที่ทัตตวาคาด เธอต้องเรียนภาษาอังกฤษครบทุกตัวในปีหนึ่ง หมายความว่าต้องมาเรียนทุกวันธรรมดา แต่ก็ไม่เป็นไร ในหัวของเธอปวดไปหมด อยากจะออกไปให้พ้นๆ พ้นจากโลกนี้และไม่ต้องเห็นจิตติมาห่วงใยและกลัวตัวประหลาดอย่างเธอจะเจ็บปวดให้มากอีกต่อไป

    “เหมือนว่าจะมีรับน้องต่อนะ เธอจะอยู่มั้ย ผมรอก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

    เด็กสาวสั่นหัว เสียงหัวเราะ เสียงปรบมือ และเสียงเพลงของนักศึกษารอบตัวเป็นเหมือนเสียงฟ้าผ่าและเสียงกรีดร้อง จิตติเดินพาเธอไปที่รถทั้งๆ ที่ยังกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น จิตติเก็บมือไว้ในกระเป๋ากางเกง ทัตตวารู้ว่าเขาไม่ตั้งใจทำ ทั้งคู่เป็นคนจำพวกเดียวกัน ไม่ปล่อยให้ใครเข้ามา ไม่ปล่อยให้ใครชิดใกล้ แต่เมื่อเธอรู้รสแห่งความรัก ศิลาจำหลักสูงค่าที่ไม่เคยเป็ยของเธอมาก่อน เธอไม่อาจรอคอยมันได้อีก

    “ฉัน? ขอ? มือ?”

    จิตติยื่นมือให้เธอตามคำขอ เขาไม่ได้หันหลังมาหา หรืออาจหันมาแต่ไม่มีนัยสำคัญใด การตอบกลับคำขอนี้เป็นการรักษาแบบหนึ่ง เธอไม่ต้องการสิ่งนี้ ใครๆ ก็ทำได้ แต่ไม่ใช่เขา พลอยหรือหมอคนอื่นอาจกุมมือเธอไว้และเธอก็จะรู้สึกปลอดภัย หากสิ่งนั้นก็จะจากไปในไม่ช้า

    ทัตตวาไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงในอุ้งมือของจิตติ มือของทั้งคู่คล้องกันหลวมๆ โดยแรงเบาๆ ที่พร้อมจะหลุดออกจากกันในชั่วลมหายใจ ชั่วคำพูดสั้นๆ คนที่เดินเคียงข้างกันเพื่อปูเส้นทาง เขาจะเกลียดเธอเพราะเธออาจเป็นผู้หญิงให้เขาไม่ได้ไหม? เพราะทั้งสองบอกใครไม่ได้ว่าอยู่ด้วยกันหรือเปล่า?

    “ขอโทษ...”

    “ทำไม”

    “อึดอัดเหรอ” เด็กสาวในคราบเด็กหนุ่มก้มมองพื้น เธอหวังว่าจะได้เห็นเงาสะท้อนของความสับสนที่เธอไม่อาจลบล้างมันออกไปได้ “ครั้งหน้า เครื่องแบบ... ของยาย”

    จิตตินิ่งไปชั่วขณะ เขาดูตื่นตระหนกและเสียใจ จากนั้นทันใดเขาก็กำมือเธอแน่นแล้ววิ่งไปที่รถ เด็กสาวตื่นตกใจ เธอยังไม่ลืมความเจ็บปวดจากคืนฝนพรำนั้น มันจะเกิดขึ้นอีกหรือ เป็นเพราะเธอร้องขอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกหรือ จิตตินิ่งเงียบหลังพวงมาลัยรถ เปิดแอร์แต่ก็ทิ้งไว้จนทัตตวารู้สึกหนาวเล็กน้อย เธอกอดหมอนอิง ซุกหน้าไว้พลางหวังว่าจะร้องไห้ได้เหมือนคนปกติทั่วไป น้ำตาเทียมอาจช่วยได้ ช่วยให้เธอร้องไห้ ช่วยให้เขารู้ว่าเธอเสียใจ

    “ผมไม่รู้จะพูดยังไง แต่ฟังนะ ผมน่ะอ่อนแอ ผมควรต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่เธอ” จิตติไม่ได้มองตาของเธอ แต่เขาหันไปมองกระจกข้างเพื่อที่จะมองเธอจากเงาสะท้อน “ตอนนี้ผมอยู่กับเธอที่นี่ ผมมีความสุข แต่ก็อยากให้เธอรู้ว่าผมอ่อนแอ หวั่นหวาด และกลัวเหลือเกิน ผมต้องการเธอนะ เธอที่เป็นแบบนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อผม แล้วก็อย่าไปไหนเลย”

    “สัญญากับผมนะว่าจะไม่พูดแบบนั้นอีก”

    เด็กสาวพยักหน้าจากใต้หมอน ขยี้ตาแรงๆ อยากจะร้องไห้เหลือเกิน แต่ถ้ามนุษย์จะร้องไห้ได้จากความอบอุ่นที่ผุดพล่านขึ้นในหัวอก เธอก็อยากจะร้องออกมาตรงนี้ ตอนนี้

    “ไปหาข้าวเย็นกินที่ไหนสักที่กันเถอะ ผมไม่เคยมาแถวนี้มาก่อน น่าจะมีที่ดีๆ สักที่ล่ะน่า ว่ามั้ย”

    พยักหน้าอีกครั้งจากใต้หมอน ทัตตวารู้สึกว่ารถเคลื่อนไปและเพลงโปรดของจิตติ If I Fell ก็บรรเลงขึ้นอีกครั้ง ทัตตวาแอบเหลือบตามองจิตติจากมุมใต้หมอนขณะแกล้งทำเป็นหลับ

    เขากำลังยิ้มร่าและฮัมเพลงเบาๆ คลอกับการเคาะนิ้วมือบนพวงมาลัยไปตามจังหวะดนตรี ภายใต้เงื้อมเงาแห่งความอ่อนแอนั้นที่นำพาเขามาสู่เธอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×