คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : จิตติกับของสะสมลับ, หมากกระดาน
การเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐทำให้จิตติมีหัวโขนในระบบราชการ เขาพยายามหลักเลี่ยงมันตราบเท่าที่เขาสามารถดำเนินวิชาชีพ ค้นคว้าวิจัย หรือแกล้งทำเป็นเด็กไม่รู้จักสัมมาคารวะในงานสัมมนาเพื่อยั่วโทสะเพื่อนร่วมงานอาวุโส อย่างไรก็ตาม สถานะนักเรียนเก่าอเมริกาปริญญาเอกทำให้เขาต้องรับงานเอกสารจำนวนหนึ่ง โดยมากแล้วคืองานที่ต้องการความคิดเห็นในฐานะแพทย์รุ่นใหม่ หรือ “ความคิดเห็นแบบคลื่นลูกใหม่”
“อย่างน้อยแกก็อ่านมันผ่านๆ ตาก่อนเหอะว่ะ แต่ก็นะ เจ้าชายน้อยของแกเป็นไงบ้าง”
เมื่อสามารถกล่าวถึง “เจ้าชายน้อย” เขาหมายถึงทัตตวา ฉายานี้แพร่หลายในหมู่คนที่เกี่ยวข้องกับทัตตวาในชั่วข้ามคืน นางพยาบาลที่เข้าใจผิดว่าทัตตวาเป็นเด็กชายตั้งฉายานี้ให้แบบกึ่งประชดประชันตามท่าทางไร้อารมณ์กับความเอาแต่ใจตัวเอง (เป็นต้นว่า ไม่ทักทาย ไม่เจรจาปราศรัย ไม่ทำตามขั้นตอนของการบำบัดรักษา และอื่นๆ อีกสารพัด) จิตติอาจจะคิดว่าฉายานี้ออกจะเป็นการดูหมิ่นผู้ป่วยของเขาอยู่บ้าง ถ้าเขาสามารถหาชื่อเรียกอื่นให้ทัตตวาในเคสนี้ได้ดีกว่า และไม่ใช่ชื่อของแซงเตกซูเปรี เขาไม่อยากเรียกทัตตวาว่า “เด็กสาว ก.” หรือ “เด็กสาวใบ้ ก.” เหมือนที่ใช้กับผู้ป่วยคนอื่น ในเมื่อเจ้าชายน้อยไม่ใช่ชื่อที่เลวร้ายนัก เขาจึงเรียกทัตตวาว่าเจ้าชายน้อยด้วย
จิตติมีนัดตรวจกับทัตตวาบ่ายนี้หลังเลิกเรียน ซึ่งที่สุดแล้วเขาก็จัดการงานทั้งหมดได้ทัน เพื่อจะตั้งสมาธิให้กับทัตตวาอย่างเต็มที่ เขาจะหวังอะไรจากการตรวจวันนี้ได้ ก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายแต่ก็ไม่ได้สิ้นหวังไปเสียทุกอย่าง ต้องมีหนทางสักทางที่จะเค้นหาเบาะแสออกมาจากตัวของทัตตวา
การตรวจร่างกายยังดำเนินไปตามปกติทุกอาทิตย์ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า นุ้ยวานให้คนอื่นเอาชาร์ตผลการตรวจมาส่งให้จิตติ หรือเมล์เข้ามาแทน พวกเขาพบกันเพียงหนึ่งหรือสองครั้งหลังจากการประคารมครั้งล่าสุด และคุยกันเฉพาะเรื่องงาน สภาพร่างกายของทัตตวา
ดูจะเร่งรีบเกินไปหากจะสั่งยาเฉพาะให้แก่ทัตตวา ในเมื่อทุกอย่างยังคลุมเครืออยู่ในเงามืด นุ้ยสั่งยาบำรุงให้แก่เธอมาระยะหนึ่ง ทั้งยังพยายามสนทนากับทัตตวาทุกครั้งที่เข้ารับการตรวจ แต่ก็ไม่พบความก้าวหน้าใดๆ เกิดขึ้น ทัตตวาเชื่อฟังนุ้ยขณะที่รับการรักษา แตกต่างจากหมอคนอื่นๆ โดยไม่ขัดขืนหรือแสดงท่าทีแย้ง แต่นั่นก็ไม่ใช่สัญญาณที่ดีแต่อย่างใด นุ้ยไม่รู้ว่าทัตตวาเจ็บปวด หรือรังเกียจอะไรตรงไหน ซึ่งสำหรับเธอแล้วแย่ยิ่งกว่าการปฏิเสธอย่างชัดแจ้ง “นุ้ยไม่คิดว่าน้องเค้าจงใจทำหรอกค่ะ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทัตตวากำลังทดสอบนุ้ยอยู่ น้องเค้าทำตัวเหมือนสิ่งของมากกว่าจะเป็นคน ให้นุ้ยลงมือกับเค้ายังไงก็ได้ ในฐานะมนุษย์แล้ว นุ้ยทำใจปฏิบัติกับคนเหมือนเป็นสิ่งของไม่ได้หรอกนะคะ”
จิตติผงกหัว ไม่ได้เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ นุ้ยออกจะใส่อารมณ์อีกครั้งซึ่งเขาเกลียดวิธีการแบบนี้ แต่ในครั้งนี้นุ้ยชี้ประเด็นได้เหมาะสม จะเป็นอย่างไรหากทัตตวาจงใจทำตัวให้เป็นสิ่งของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสิ่งของไร้ค่าซึ่งกวนใจผู้คนรอบข้าง หรือให้แสดงท่าทีต่อต้านออกมา จะเป็นอย่างไรหากเธอชอบการถูกกระทำในฐานะสิ่งของ ซึ่งปกป้องตัวเธอจากการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างมนุษย์
สามารถเดินจากไปหลังจากได้ลายเซ็นของจิตติ “โชคดีล่ะ ไอ้เกลอ” เขาพูดแล้วหายลับไป ทุกอย่างหยุดนิ่งเหมือนนาฬิกาหยุดเดินฉับพลัน และจิตติในอารมณ์ไม่ค่อยดีอย่างที่เป็นอยู่ประจำ ก็เดินจากมาพร้อมเรื่องบางอย่างค้างอยู่ในสมองอีกหน เขาคิดถึงบทสนทนากับเรคต์ และเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน พยายามจินตนาการถึงใบหน้าของเรคต์ คิดว่าจะเป็นชายหรือเป็นหญิง ต้องเป็นผู้ชายแน่ๆ และอาจจะแก่กว่าเขาเองด้วย พอกันที ต้องหยุดคิดเสียแล้ว จิตติเตือนตัวเอง เขากำลังทำตัวเหมือนสาวน้อยฝันถึงหนุ่มที่กำลังตกหลุมรักอยู่ ไม่ใช่เด็ดขาด เขาไม่ได้หลงรักใคร เขาไม่มีทางตกหลุมรักคนที่อาจจะไม่ได้มีตัวตนอยู่ด้วยซ้ำ เขาชะงักนิ่งงันไป
เพื่อยับยั้งความคิดของตัวเอง จิตติยกกล่องไม้ลงมาจากชั้น เขาเปิดผาครอบออกให้เห็นชุดหมากกระดานซึ่งซื้อมาจากจตุจักรเมื่อสองปีมาแล้ว และต้องยอมรับว่าเขาชื่นชมมันเหมือนดั่งสมบัติลับ ในกล่องนั้นประกอบด้วยหมากกระดานมาตรฐานที่พบได้ทั่วไป อย่างหมากรุกสากล หมากฮอส โอเทลโล และแบ็กแกมมอน เป็นของมือสองที่ผลิตในอเมริกา จิตติมักจะเล่นกับตัวเองกระดานหรือสองกระดานเมื่อเขาอยู่คนเดียวในห้องทำงาน หรือในเวลาที่ต้องการครุ่นคิดเหมือนอย่างตอนนี้ เขายังเรียนรู้วิธีเล่นเกมใหม่ๆ จากในกล่อง และในเมื่อกล่องยังใส่ได้มากกว่าที่ของเดิมบรรจุอยู่ เขาจึงเริ่มซื้อหาหมากกระดานอื่นมาใส่เพิ่มลงไป เป็นชุดสะสมส่วนตัวเมื่อปีที่แล้ว แต่เขาก็ยังเล่นไม่ครบทุกอย่างที่อยู่ในกล่อง
จิตติครุ่นคิดว่าเขขาจะเล่นอะไรในวันนี้ ซึ่งเขาคงไม่เล่นหมากรุกสากลหรือสแครบเบิลอีก เพราะทำให้ย้อนระลึกถึงสมัยมัธยมปลาย เขาต้องการจะเล่นอะไรใหม่ๆ มากกว่า ในขณะคิดอยู่ เขาก็หยิบเอากระดานโกะย่อส่วนออกมา เขาไม่ได้เล่นโกะมากว่าหกเดือนแล้ว เมื่อย้อนคิดไปตอนนั้นเขาเล่นโกะอย่างหักโหมเมื่อแรกที่ซื้อกระดานมา เหตุผลหนึ่งคือเขาได้อ่านนิยายของยาสุนาริ คาวาบาตะ ที่เกี่ยวกับโกะ (นิยายเรื่องนั้นคือ Meijin ราชันหมากล้อม, ผู้แปล) เขาทดลองเดินเลียนแบบตาหมากทุกตาในหนังสือ แต่ก็เลิกเล่นทันใดที่ตระหนักว่า เขาไม่มีทางเล่นโกะกับตัวเองได้ และไม่มีทางฝึกฝนจนเชี่ยวชาญเพียงแค่การเล่นเพียงลำพัง ต่างจากหมากรุกสากล
เขาน่าจะเล่นโกะในวันนี้ มีหมากบางตาที่ยังไม่เคยทดลองเดิน เขาหยิบโถหมากที่ประกอบด้วยหมากขาวและหมากดำออกมาวางบนโต๊ะ
ความคิดเห็น