ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A Tranquilizer for your Christmas Eve : ยากล่อมใจในคืนฝัน

    ลำดับตอนที่ #105 : จิตติกับทัตตวา, และวันปฐมนิเทศ -1-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 246
      0
      23 ก.พ. 57

    จิตติตื่นขึ้นก่อนนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตีห้าจะดังขึ้นเป็นเวลาห้านาทีพอดิบพอดี นาฬิกาชีวภาพของเขาเดินได้ดียิ่งในวันทำงานโดยเฉพาะเวลาที่ต้องรีบตื่นตั้งแต่เช้า เขาไม่ได้หลับลึกและยังจำความฝันได้อยู่ ในฝันนั้นเขากำลังประชุมโต้เถียงกับเพื่อนร่วมงาน ตอนนี้ไม่มีเวลาเหลือพอจะให้วิเคราะห์ความฝัน ก็คงเป็นเพียงความเครียดจากงานเหมือนเช่นเคย

    “นี่ ตื่นได้แล้ว”

    เขาเดินเข้าไปในห้องนอนอีกห้อง ไม่มีสัญญาณตอบรับจากกองผ้าห่มม้วนกับหมอนบนเตียง ซึ่งเป็นไปตามคาด เขาปิดประตูแล้วกระตุ้นตาตัวเองให้ตื่นด้วยการเปิดทีวีแบบสุ่มช่องขึ้นมาดูก่อนจะเข้าไปเปิดฝักบัวอาบน้ำ วันนี้ไม่ผูกเน็กไทดีกว่า เขาไม่อยากให้ตัวเองดูเป็นทางการหรือดูตื่นเต้นเกินไป จิตติกลับเข้าไปในห้องนอนแต่เสียงของเขาก็ยังไร้ผล เขานั่งลงข้างเตียงแล้วเปิดโคมไฟทรงยุโรปดวงนั้น วางมือเบาๆลงบนผมสีน้ำตาลใต้กองผ้าห่ม

    “ตื่นเถอะ ได้เวลาแล้วนะ”

    เด็กสาวบนเตียงลืมตาขึ้นทันใด มิใช่การค่อยๆฟื้นจากห้วงนิทรารมย์ของเจ้าหญิงนิทราแสนงาม แต่คล้ายกับหุ่นยนต์ถูกเปิดสวิตช์มากเสียกว่า ทัตตวายันตัวลุกขึ้นเงียบๆ ชุดนอนตัวหลวมโคร่งยับย่นอยู่กับร่างซีดบางเหมือนเพิ่งผ่านศึกปาหมอนในนิทานก่อนนอนของเด็กน้อย

    “ไปเตรียมตัวให้พร้อมแล้วมากินข้าวเช้าซะ” จิตติออกจากห้องไปเมื่อเขาแน่ใจว่าทัตตวาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว ปิ้งขนมปังและเทนมถั่วเหลืองให้ทัตตวา ก่อนจะนั่งลงอ่านการ์ตูนสั้นในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤาฉบับเมื่อวาน

    ทัตตวาออกจากห้องมานั่งเก้าอี้ตรงกันข้าม พร้อมด้วยอาหารเช้าตรงหน้า เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เน็กไทสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ยังมีหยดน้ำหยาดชุ่มอยู่ที่ปลายผม

    “เธอไม่ได้สัญญากับยายไว้เหรอว่าจะใส่ชุดนักศึกษาหญิงน่ะ” จิตติเลิกหนังสือพิมพ์ขึ้นมามองแล้วขมวดคิ้วนิ่ง ในขณะเดียวกันเขาก็ยากจะปฏิเสธว่าร่างในชุดนักศึกษาของทัตตวานั้นทำให้เขาไขว้เขวพอๆ กับความขุ่นเคืองเล็กๆ

    “อีฟ ไปเปลี่ยนชุดซะ เรายังพอมีเวลาอยู่หน่อย”

    ทัตตวาแสร้งทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้ยินคำสั่ง สายตาของเธอเบนไปหาข่าวฆาตกรรมในรายการเรื่องเล่าเช้านี้แล้วขยับปากกินขนมปังไปเงียบๆ คงไม่มีทางโน้มน้าวให้เธอเปลี่ยนไปสวมชุดนักศึกษาหญิงได้แล้ว ความเงียบของทัตตวาในขณะนี้มิใช่อาการผิดปกติ แต่เป็นการเพิกเฉยตัวตนของยายและผู้ใหญ่ทุกคนที่เธอเกลียด จิตติไม่อยากถอนหายใจออกมา นี่ไม่ใช่ความผิดของทัตตวา แต่แผนจะถ่ายรูปทัตตวาในชุดนักศึกษาหญิงแล้วส่งรูปไปให้ยายของเธอคงต้องระงับไว้ชั่วคราวก่อน

    ทัตตวาไม่ยอมซื้อชุดนักศึกษาหญิงแม้ว่าจะไปกับเขาหรือยายก็ตาม ถึงมหาวิทยาลัยที่เธอเข้าเรียนนั้นจะไม่เคร่งครัดเรื่องชุดนักศึกษาถึงระดับที่ยอมให้สวมชุดลำลองไปเรียนได้ และจิตติได้อธิบายเรื่องนี้ให้ยายของเธอฟังไปแล้วไม่รู้กี่หน แต่หญิงชราก็ยังส่งชุดนักศึกษาที่เย็บกระดุมอย่างปราณีต รีดจนเรียบกริบมาให้ แล้วกล่าวว่า “งานปฐมนิเทศเป็นงานสำคัญนะคะคุณหมอ ถือเป็นการให้เกียรติสถาบัน และดิฉันก็ไม่อยากให้หลานสร้างภาพลักษณ์ไม่ดีตั้งแต่เริ่ม” คำโต้แย้งของนางฟังดูสมเหตุสมผลอยู่ไม่น้อย เด็กทุกคนมักจะได้เพื่อนในวันแรกของการปฐมนิเทศจนกว่าจะหาเพื่อนคนใหม่ แต่ทัตตวา ไม่ว่าด้วยรูปลักษณ์หรือลักษณะนิสัย จะถูกจดจำไปจนจบการศึกษาหรืออาจนานไปกว่านั้น และความทุกข์ทนในชั้นมัธยมปลายอาจกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง แต่อย่างไรก็เถอะ จิตติอาจจะแค่มองโลกในแง่ร้ายตามปกติที่เขาเป็น

    ทั้งคู่ออกจากห้องแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดแต่แผนก็พังพินาศเมื่อจิตติเสี่ยงเลือกว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้นโทลล์เวย์ เขาเลือกจะวิ่งบนถนนด้านล่างก่อนจะกลายเป็นความผิดพลาดแรกของวันด้วยการที่รถต้องติดแหง็กอยู่กลางทางคู่ขนาน เขามองออกไปนอกหน้าต่างรถ ผู้ปกครองกับลูกในชุดนักศึกษากำลังเดินทางไปยังจุดหมายเดียวกัน หน้าตาง่วงงุนของพวกนั้นไม่เปลี่ยนเลยแม้เวลาจะล่วงไหลผ่านไปโดยไร้ค่า จิตติปิดเพลงเปลี่ยนไปฟังคลื่นจ.ส.100 แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะรับฟังข่าวสารอะไร ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ขึ้นมาในสภาพแบบนี้

    เด็กสาวหลับอยู่เงียบๆ ศีรษะเอนพิงหน้าต่าง จิตติปิดวิทยุไม่ให้รบกวนเธอ การตื่นตีห้าหนักหนาไปสำหรับใครก็ตาม แต่เขายืนยันว่าเขาคงจะขับรถไปส่งเธอไม่ได้ทุกวันเหมือนตอนเธออยู่กับยาย ทัตตวาไม่ได้เรียกร้องอะไร เธอรู้ดีว่าจะเดินทางอย่างไร หรือไม่ก็ เขาคิดว่าเธอคงจะดีใจเสียมากกว่าที่ในที่สุดก็ได้เป็นอิสระเสียที นี่เป็นหนึ่งในกฎจำนวนน้อยข้อที่พวกเขาตั้งขึ้นในการอยู่ร่วมกัน

    จิตติไม่เคยเห็นด้วยกับการตัดสินใจจะให้ทัตตวามาอยู่ในความดูแลของเขา แม้กระทั่งในตอนนี้ก็ตาม ยายของทัตตวาโกรธเกรี้ยวตามที่คาด แน่ล่ะ ใครก็ตาม แม้กระทั่งตัวเขาเอง ก็ยังไม่คิดว่าการที่เด็กอายุ 18 จะมาอยู่ด้วยนั้นเป็นเรื่องจริง ทัตตวาหนีมาหาเขาในวันหนึ่งแบบที่เคยเป็น เหมือนแมวเร่ร่อนไม่มีที่ไป และเธอก็เอ่ยปากขอร้องด้วยน้ำเสียงของเธอเองเป็นครั้งแรกต่อหน้ายาย ว่าเธอจะไม่กลับไปอีกแล้ว ไม่ว่าหญิงชราจะเพียรเทียวมารับกลับไปอย่างไร เธอก็จะหนีมายังที่ที่ทำให้เธอได้กลายเป็นคน ข้างกายเขา

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จิตติจะเก็ยเรื่องที่ทัตตวามาอยู่ด้วยไว้เป็นความลับ เขากำลังรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพื่อมนุษยธรรม เขาและยายของเธออาจพูดแบบนี้ แต่จิตติเองก็คงหัวเราะร่วนแล้วเห็นด้วยกับเรื่องนี้ได้ไม่เต็มปาก ทัตตวามีความหมายต่อเขามากไปกว่านั้น

    แต่พวกเขาเป็นคนรักกันหรือเปล่า? ทั้งคู่อาจพูดคำรักแก่กันว่ามากเพียงใดภายในใจของตัวเอง พวกเขาจูบกันเพียงครั้ง ไม่มากไปกว่านั้น แทบไม่คุยกันอย่างที่เรคต์กับมายนด์เคยได้คุยกัน มีเพียงสัมผัสเล็กน้อยยามที่เขากุมมือทัตตวาไม่ให้หลงไปในฝูงคนเมื่อออกไปเที่ยวด้วยกันข้างนอก เอนศีรษะลงซบไหล่เมื่อง่วงนอนเหมือนกับว่าเป็นที่ๆ ปลอดภัยที่สุดในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรเกินไปกว่านี้ เขาไม่ได้เกลียดมัน แต่เรื่องแบบนี้จะดำเนินไปได้นานสักเท่าไร เขาหวังว่าจะเกลียดมันได้ แต่ถ้าเขาเกลียดสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ เขาก็คงจะขับไล่ทุกอย่างออกไปจากชีวิตอีกครั้ง และจิตติก็คงจะทนรับความสูญเสียไม่ได้อีกแล้ว ไม่ใช่ในชีวิตนี้

    รถยนต์เคลื่อนตัวได้อีกหนแต่ไปได้ไม่ไกลและช้าเกินกว่าจะฝืนปลุกทัตตวาให้ตื่น ลำคอบางไหลลู่ลงแนบหน้าต่าง จิตติดึงเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก เอื้อมมือไปเบาะหลังรถ หยิบหมอนมาหนุนศีรษะให้ทัตตวา เมื่อเธอพูด เธอร้องขอ จิตติไม่อาจปฏิเสธคำใดได้ แต่หากว่าเมื่อใดที่เธอเรียนรู้ว่าเขายังกลัว กลัวความสัมพันธ์นี้ เมื่อนั้นจะถึงที่สุดสิ้นของเขาหรือเปล่า?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×