ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Once Upon A TimE.. [เบียคุยะxลูเคีย]

    ลำดับตอนที่ #1 : episode 1

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 55


    ฟิคใหม่ สั้นๆค่ะ สองตอนจบ

    (^^)








    หญิงสาวรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ไหลเอ่อผ่านลำคอ แม้ว่าจากวันนั้นถึงวันนี้จะนับได้สิบปีแล้วก็ตาม รสชาติขมเฝื่อนคอนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิด..

    ร่างเล็กที่ยืนตัวตรง ท่าทีสงบเยือกเย็นดุจนางพญาสมกับที่เธอเป็นนายหญิงตระกูลคุจิกินั้นแทบทำให้คนภายนอกมองไม่ออกเลยว่าภายในร่างกายนั้น หัวใจเธอแหลกสลายเพียงใด

    เธออุ้มช่อดอกซากุระที่เป็นตัวแทนความรักของเขากับเธอ ค่อยๆย่อกายลงหน้าหลุมศพที่รอบด้านปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์.. บ่าวไพร่ด้านหลังค้อมตัวตาม คำนับหลุมฝังศพนั้น

    ป้ายชื่อที่สลักเสลาบนแผ่นศิลา ทำให้หยดน้ำตาพร่างพรูอย่างมิอาจห้าม


    มือสั่นเทาขณะยื่นช่อดอกซากุระบรรจงวางเบื้องหน้าแผ่นศิลา..





    ****************




    "ลูเคีย.. " เสียงที่เคยเข้มดุดันที่ข่มขวัญใครต่อใครได้ชะงัก บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงเสียงที่แผ่วเบาราวเสียงกระซิบ มืออุ่นที่กุมมือเล็กบอบบางอยู่นั้นออกแรงบีบเบาๆเมื่อเห็นเธอเริ่มสะอึกสะอื้นอีกครั้ง

    เธอเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่ทับโถมลงมา และพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่เป็นผลเอาเสียเลยเมื่อมันร่วงหล่นเป็นสายอย่างควบคุมไม่ได้

    มือหนานั้นละจากมือเธอ ยกสูงขึ้นเพื่อแตะลงที่แก้มนวล ปาดน้ำตาเธอออกอย่างอ่อนโยน.. เช่นเคย เช่นทุกครั้งที่เธอร้องไห้

    ลูเคียคว้ามือเขาไว้แนบใบหน้า ร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น

    ..หลังจากจบศึกกับเหล่าควินชี่ ร่างกายเขาก็ไม่เหมือนเดิม..

    เขาสูญเสียพลังวิญญาณไปเกือบทั้งหมด

    ตลอดเวลาห้าปีหลังจากนั้น หัวหน้าหน่วยสี่ อุโนะฮานะ เร็ตสึ พยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำให้เขาได้พลังวิญญาณกลับคืนมา แต่ทุกอย่างก็เสียเปล่า.. พลังวิญญาณที่เขาเหลืออยู่ ไม่พอจะเป็นนักสู้มีลำดับด้วยซ้ำ

    ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยหกอีกต่อไป..

    สี่สิบหกห้องวังกลางอนุญาตให้เขาเกษียณตัวเองไปโดยปกปิดความลับนี้เอาไว้เฉพาะแต่ในหมู่หัวหน้าหน่วยรุ่นเดียวกันนี้เท่านั้น อย่างน้อยก็เพื่อเป็นเกียรติกับที่เขาได้ทำศึกเพื่อโซลโซไซตี้มาหลายต่อหลายครั้ง

    เหลือเพียงตำแหน่งเจ้าบ้านคุจิกิคนที่ยี่สิบแปดที่ยังคงเป็นของเขา
    .. จากนั้นมา ร่างกายเขาก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆอย่างไม่รู้สาเหตุ

    อ่อนแอลง พลังวิญญาณลดลง เรี่ยวแรงและกำลังวังชาแทบสูญสิ้น
    ทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆก็เท่านั้น..

    จนถึงวันนี้ ที่เขาไร้แรงกระทั่งจะลุกนั่ง และรู้สึกได้ถึงเวลาที่กำลังหมดลงช้าๆ

    ลูเคียยังคงนั่งข้างเขา ไม่จากไปไหน.. ไม่เคยจากไป

    เธอยังคงอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา
    พยายามฝืนยิ้ม พยายามชวนเขาคุย พยายามเล่าเรื่องตลก.. พยายามทำทุกอย่างเพื่อปลอบโยนจิตใจของเขา

    ทั้งที่เขาเองก็รู้ดีว่า ในใจเธอนั้นเจ็บปวดเพียงใด..

    แต่เขากลับไม่รู้จะปลอบเธอยังไง..

    จะให้ความหวังเธอรึ? ไม่หรอก..คำพูดเหล่านั้นมันไร้ความหมายสิ้นดี ในเมื่อเราทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าสักวันวันนี้ก็ต้องมาถึง

    แต่ถ้าจะมีคำที่เขาอยากจะพูด.. ก็คือคำนั้น..

    คำที่เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้เอ่ยบอกเธอออกไป


    "ลูเคีย.. ข้ารักเจ้า.."

    อย่างน้อย.. ให้มันเป็นความทรงจำดีๆกับเธอ.. ในวาระสุดท้ายของเขา..





    **********************



    "คุจิกิซัง" เสียงคิโยเนะเรียกเธอ น้ำเสียงนั้นไม่กระโดกกระเดกเหมือนอย่างเคยด้วยรู้ว่าเมื่อวันครบรอบนั้นเวียนมาถึง เธอก็จะแทบไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งสิ้น

    "มีอะไรเหรอ คิโยเนะ" ลูเคียพยายามยิ้มกลับ ตั้งสติรอรับงานชิ้นต่อไป

    วันครบรอบผ่านมาแล้ว วันนี้เธอควรจะตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างเคย จะให้ใครมาว่าเอาว่ารองหัวหน้าหน่วยสิบสามไม่ได้เรื่องไม่ได้อย่างเด็ดขาด

    "คือว่า.." คิโยเนะอ้ำอึ้ง

    "ข้าจะให้เจ้าไปทำภารกิจที่โลกมนุษย์ประมาณหนึ่งเดือนน่ะ" เสียงที่เอ่ยต่อนั้นกลับไม่ใช่ของคิโยเนะ

    ลูเคียหันมองต้นเสียง เห็นหัวหน้าหน่วยของตนยืนยิ้มแป้นอย่างใจดีอยู่หน้าประตู

    สีหน้าเธอคงจะแปลกใจระคนตกใจ อุคิทาเกะก็เลยรีบอธิบายให้เธอฟัง "พอดีมีรายงานว่าแถวโอกินาว่ามีเรื่องอะไรแปลกๆเกิดขึ้นน่ะ หัวหน้าใหญ่ก็เลยไม่อยากให้พวกมือใหม่จัดการ ข้าจึงเสนอชื่อของเจ้าไป"

    หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ "ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะหัวหน้า" เธอยิ้มกว้าง

    "เจ้าสะดวกจะไปเมื่อไหร่ล่ะ ลูเคีย" อุคิทาเกะถาม

    "พรุ่งนี้เลยก็ได้ค่ะ ข้าไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว" ลูเคียรีบตอบ รู้สึกกระตือรือล้นที่จะได้ไปทำงานที่โลกมนุษย์

    "แล้วเรื่องดูแลตระกูลคุจิกิล่ะ" อุคิทาเกะถามอย่างเป็นห่วง ในเมื่อลูกน้องสาวของเขายังรั้งตำแหน่งรักษาการณ์เจ้าบ้านตระกูลคุจิกิแทนเบียคุยะที่ตายไปแล้วถึงสิบปีอยู่โดยไม่มีใครยอมขึ้นมารับตำแหน่งนี้เลย

    "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ สภาอาวุโสจะช่วยดูแลให้ได้ตอนที่ข้าไม่อยู่น่ะค่ะ" เธอตอบยิ้มๆ ไม่แน่ว่าตอนเธอกลับมา ตระกูลคุจิกิอาจจะหาคนมาเป็นเจ้าบ้านได้แล้วก็เป็นได้

    "ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยนะ" ผู้เป็นหัวหน้ายิ้มให้เธออย่างวางใจ






    *****************************************************





    "อรุณสวัสดิ์" เสียงเข้มนั้นเอ่ยกระซิบข้างหู พร้อมขบงับเบาๆจนเธอรู้สึกขนลุกซู่

    "อ..อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านพี่" เธอตอบอู้อี้เพราะยังคงซุกหน้าอยู่ในวงแขนอุ่นของเขา

    พยายามขยับตัวขลุกขลักในอ้อมกอดนั้นจนเรียกเสียงหัวเราะจากเขา

    "เมื่อคืนข้ามีความสุขมากเลย เจ้ารู้หรือเปล่า" ถ้อยคำนั้นหวานนักจนเธอแทบไม่เชื่อว่าจะได้ยินจากปากเขาเองกับตัว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เธอคงนึกภาพไม่ออกแน่ๆว่าผู้ชายเย็นชาแบบเขา จะพูดคำหวานได้ถึงขนาดนี้

    "ข..ข้า.." นึกถึงเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขแล้วก็ได้แต่หน้าแดง ไม่รู้ว่าอายจัดหรือเพราะร่างกายเขาอุ่นจัดจนร้อนกันแน่

    เขายังคงหัวเราะราวกับสนุกนักเหลือเกินที่ได้หยอกล้อเธอ

    "วันนี้เจ้าจะเข้าไปที่หน่วยหรือเปล่า" เขาถามขณะบดหน้าลงกับเส้มผมละเอียดของเธอ สูดกลิ่นหอมจางๆอย่างหลงใหล

    เธอส่ายหน้า "วันนี้ข้าลาหยุดไว้น่ะค่ะ" เพราะอยากใช้เวลาอยู่กับเขาบ้าง เธอจึงหาโอกาสที่ไม่มีเรื่องเร่งด่วนลางานมา เพื่อจะได้อยู่กับเขาทั้งวัน

    "จริงรึ?"

    ลูเคียช้อนตาขึ้นมองหน้าเขา "จริงสิคะ"

    เขายิ้ม เลื่อนริมฝีปากมาใกล้เธอ แตะสัมผัสเบาๆแล้วละออกคล้ายจะหยอกเย้า

    "ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหวังจะได้ออกจากห้องนี้ก่อนเที่ยง.." ถ้อยคำเลือนหายไป เมื่อเขาประทับจูบเธอลงรุนแรงพร้อมกับลูบไล้ร่างเธอไปทั่ว..






    *****************************************************





    ลูเคียเดินถือโซลโฟนไปตามริมทางเดินเลียบชายหาดของโอกินาว่า เดินอยู่ชั่วครู่จนไม่เห็นเบาะแสที่ต้องการก็หยุดยืนเหม่อมองออกไปที่ท้องทะเลสีครามที่เป็นประกายระยิบระยับยามต้องแสงแดด

    ห้วงความคิดนึกย้อนคิดถึงวันที่เธอกับเขามาเที่ยวทะเลด้วยกันกับพวกยมทูตคนอื่นๆ แล้วก็ลงแข่งทำปฏิมากรรมทรายด้วยกัน และแม้จะผิดหวังที่ไม่ชนะ แต่เธอก็ปลาบปลื้มใจนักที่ได้ยลธิดาสาหร่ายเวอร์ชันเสร็จสมบูรณ์อันงดงามของเขา ขณะที่จั๊ปปี้ของเธอยังบูดเบี้ยว ไร้ความสวยงามอย่างน่าละอาย

    นึกถึงเขา.. น้ำตาก็พาลจะไหลอีกแล้ว..

    ทั้งที่ผ่านมาสิบปีแล้วแท้ๆ..

    แต่ไม่ว่าจะทำยังไง มันก็ไม่ชินสักทีเวลาที่ไม่มีเงาเขาอยู่ข้างกาย

    ยิ่งเห็นเด็กสาววัยรุ่นเดินควงแขน วิ่งเล่น ไล่สาดน้ำกับแฟนหนุ่มในทะเลแล้วยิ่งรู้สึกสะท้อนใจ หมั่นไส้เหลือเกิน

    --ตึ้ดๆ--

    เสียงข้อความในโซลโฟนดังขึ้นเบาๆ เธอก้มลงอ่านภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

    ..ส่งวิญญาณพลัส ที่โรงเรียนประถมโอกินาว่า..

    ลูเคียยิ้มบางๆ รีบใช้ก้าวพริบตาไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้

    ใช้เวลาเพียงไม่นานก็พบโรงเรียนประถมนั้น ค้นหาสัมผัสของวิญญาณอยู่อึดใจก็พบพลัสตัวนั้นอยู่ที่แปลงผักหลังโรงเรียน

    พลัสหญิงชรานั้นนั่งคุดคู้อยู่ข้างแปลงผัก จ้องมองอะไรบางอย่างที่ไม่เข้ากันเอาเสียเลย.. ดอกซากุระปลอมในแก้วพลาสติกใบเล็กๆ

    ลูเคียกระแอมจนพลัสนางนั้นหันมองและยิ้มให้เธออย่างใจดี

    "ได้เวลาของชั้นแล้วหรือคะ" หญิงชราเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม คล้ายกับรอวันนี้มานานแล้ว

    "ข้ามาส่งเจ้าไปในที่ที่เจ้าควรจะอยู่น่ะ" ลูเคียยิ้มตอบก่อนจะถาม "เจ้าไม่กลัวรึ"

    หญิงชราสั่นศีรษะ "ชั้นรู้ว่าเมื่อถึงเวลาชั้นก็ต้องไป แต่ก่อนหน้านี้ชั้นไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นได้ยังไง"

    ลูเคียดึงโซเดโนะชิรายูกิออกจากฝัก เตรียมตั้งท่าส่งวิญญาณ "ถ้าอย่างนั้นก็ทำใจให้สบายนะ ไม่เจ็บหรอก"

    "ชั้นเชื่อแม่หนูจ้ะ" หญิงชราหลับตาลง ปล่อยให้ลูเคียกด

    "ชั้นเชื่อแม่หนูจ้ะ" หญิงชราหลับตาลง ปล่อยให้ลูเคียกดปลายด้ามดาบเข้ากับหน้าผากของนาง

    แสงสว่างวาบขึ้นรอบตัวและวิญญาณก็หายวับไป

    ลูเคียเก็บดาบเข้าฝักเมื่อภารกิจสำเร็จไปอีกหนึ่งอย่าง..






    *****************************************************





    "ลูกของเจ้าเร็นจิกับฮิคารุจังคลอดแล้วล่ะค่ะท่านพี่!" ลูเคียกระโจนร่างเล็กเข้ามาพร้อมกับโหวกเหวกอย่างดีใจก่อนจะถลาร่างลงมานั่งข้างเขาที่นั่งจิบน้ำชาอยู่

    "หือ.." เบียคุยะลดถ้วยชาในมือลงเล็กน้อย หันมองท่าทีตื่นเต้นของเธอ "ผู้หญฺิงหรือผู้ชายล่ะ"

    "ผู้หญิงค่ะ เด็กผู้หญิง แก้มงี้ยุ้ยเชียวค่ะ" ลูเคียตอบสีหน้าระรื่น ยินดีไปกับเพื่อนสนิทของเธอด้วยจริงๆที่ได้ลูกสาวมาเชยชมหลังจากแต่งงานกับฮิคารุ นักสู้ลำดับห้าของหน่วยเจ็ดมาได้สองปี

    "เจ้าเร็นจิเห่อมากเลยล่ะค่ะ อุ้มไม่ยอมปล่อยเลย นี่ขนาดเพิ่งจะคลอดยังหวงไม่ยอมให้ข้าอุ้ม ถ้าโตไป ข้าว่าเจ้านั่นคงจะไว้หนวดยาวเฟื้อยแน่ๆเลยล่ะ"

    เบียคุยะเปรยยิ้ม นึกถึงร่างสูงใหญ่ อดีตรองหัวหน้าหน่วยของตนที่บัดนี้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยหกแทนเขา กำลังอุ้มเด็กทารกในอ้อมแขน ได้แต่หัวเราะออกมาเพราะนึกไม่ออกจริงๆว่าผู้ชายเถื่อนๆห้าวๆแบบนั้น จะอุ้มลูกอีท่าไหน

    "ชื่ออะไรล่ะ" เขาถามขึ้น นึกอยากไปดูเหมือนกันว่าเจ้านั่นจะทำหน้ายังไง ถ้าเขาไปขออุ้มเด็กน้อยนั่นบ้าง

    "มิยูกิค่ะ แปลว่าเจ้าหญิงแห่งความสุข"

    เขาพยักหน้าเบาๆ "เจ้านั่นตั้งเองเหรอ ไม่น่าเชื่อ"

    ลูเคียหัวเราะคิกคัก ไม่น่าเชื่อจริงๆนั่นแหละ

    "คลอดเมื่อไหร่"

    "เมื่อคืนนี้ค่ะ พอตอนเช้าเจ้านั่นก็กระโดดโลดเต้นไปบอกข้าที่หน่วยจนเสียภาพพจน์หัวหน้าหน่วยหมดเลยล่ะค่ะ" ลูเคียเล่า อันนี้พอจะทำให้เขาเห็นภาพทุเรศๆของเจ้านั่นได้ชัดทีเดียว

    "ผมสีอะไร ติดพ่อหรือติดแม่" เขาหวังว่าจะติดฮิคารุ จะได้สมกับเป็นสาวเป็นนางยามที่เติบโตขึ้นมา

    "ผมดำติดฮิคารุค่ะ แต่พอโดนแดด ข้าว่ามันออกประกายแดงอยู่เหมือนกัน" เธอว่าพลางนึกไปถึงเด็กน้อยน่ากอดน่าฟัด หลานสาวของเธอ

    "อืม..งั้นรึ"

    เบียคุยะพยักหน้าหงึกๆ ถึงแม้เขาจะอยากไปเยี่ยมแค่ไหน แต่คงจะเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ร่างกายเขาตอนนี้ แค่เดินรอบบ้านก็หอบแฮ่กแล้ว เลิกคิดได้เลยว่าลูเคียจะยอมพาเขาออกจากบ้าน

    เขายิ้มบางๆ โอบเอวรั้งร่างเล็กผู้เป็นภรรยาสู่อ้อมแขน เกยคางไว้ที่ไหล่มน

    "ขอโทษนะ ที่ร่างกายข้าไม่แข็งแรงพอจะมีลูกให้เจ้า" เขาว่ายิ้มๆ แต่ความหมายมันช่างเศร้านัก

    ลูเคียส่ายหน้า หันไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่อย่างปลอบใจ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อยู่กันสองคนแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบนะคะ"

    "ค่ะ.." ลูเคียนึกบางอย่างขึ้นได้ "จริงสิ เราเป็นพ่อทูนหัวแม่ทูนหัวให้มิยูกิกันไหมล่ะคะ" เธอเสนอ

    "อืม.." เบียคุยะนิ่งคิด "ก็ดีนะ"

    ลูเคียยิ้มแป้นเมื่อเห็นว่าเขาเห็นด้วยกับเธอ "ไว้ข้าจะให้เร็นจิพามิยูกิมาหานะคะ"

    "อืม แล้วข้าจะรอวันนั้น" เขายิ้มตอบเธอ และหอมแก้มเธอด้วยความรักเต็มหัวใจ






    ***************





    สวนสาธารณะกลางเมืองอื้ออึงไปด้วยเสียงกรีดร้องของฮอลโลว์ยักษ์ตัวมหึมาสองตัวที่เป็นฝาแฝดกัน ตัวหนึ่งขาซ้ายและแขนขวาขาดกระจุย อีกตัวที่โดนผ่ากลางลำตัวตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังเลือนหายไปเป็นอณูวิญญาณที่จะถูกส่งต่อไปยังโซลโซไซตี้

    ตัวที่ยังเหลือส่งเสียงร้องโอดครวญจากแผลสาหัสที่เธอทำไว้ มันค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นและวิ่งตรงมายังเธอ แต่เธอกลับยืนนิ่งจ้องดูมันหน้าตาเฉย

    มันสะบัดหาง หมายจะให้เธอหลบหางของมันเพื่อจะเปิดช่องโหว่ให้มันได้โจมตีเธอ แต่ร่างเล็กตรงหน้ามันกลับอันตรธานหายไปในพริบตา

    ยังไม่ทันเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ หน้าผากมันก็ถูกคมดาบฟาดฟันเข้าเต็มแรง มันได้แต่ส่งเสียงร้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหายตัวไปตามฝาแฝดของมัน

    ลูเคียปรายตามองอย่างเย็นชา สะบัดคมดาบไล่เลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วใบดาบก่อนจะเก็บมันเข้าสู่ฝักดังเดิม

    เสียงโซลโฟนร้องอีกครั้งจากในเสื้อ

    เธอรีบหยิบมันขึ้นมาดูโดยไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้เลย

    ..ส่งวิญญาณพลัส ที่ชายหาด..

    ลูเคียเก็บมันใส่ในเสื้อไว้ดังเดิม หันมองรอบตัวดูสถานที่ต่อสู้ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เมื่อเห็นว่ามีเพียงต้นไม้ใหญ่ล้มระเนระนาดแค่สามสี่ต้น และไม่มีคนมาเห็นให้ เรียกได้ว่าไม่ต้องเก็บกวาดอะไร เธอก็ใช้ก้าวพริบตาพาตัวเองไปยังชายหาด..

    พลัสเด็กหนุ่ม อายุประมาณสิบห้าสิบหกผู้เป็นเป้าหมายของเธอกำลังนั่งหันหน้าออกทะเล จ้องมองท้องฟ้าสีแสดที่พระอาทิตย์เคลื่อนตัวจมน้ำไปแล้วครึ่งดวง

    "ไง" เธอเอ่ยทัก พยายามปั้นหน้าให้ดูใจดีที่สุด

    เด็กหนุ่มหันมา เขาทำท่าตกใจเล็กน้อยที่เห็นเธอใส่ชุดประหลาด "เธอ.. เป็นใคร"

    "ยมทูต" เธอตอบสั้นๆ

    เด็กหนุ่มเบิกตากว้างถอยหลังกรูดแล้วรีบใส่เกียร์หมาวิ่งหนีเธอไปอีกทาง

    ลูเคียเกาหัวแกรก ถอนใจเบาๆ "หน้าตาข้าน่ากลัวนักรึไงนะ"

    ร่างเธอหายไปอีกครั้ง ปรากฏอีกทีขึ้นขวางหน้าเด็กหนุ่มจนเด็กหนุ่มยั้งเท้าแทบไม่ทัน อารามหยุดตัวเร็วไปหน่อยทำให้ล้มคว่ำ หน้าคะมำลงกับพื้น

    "เร็วชะมัด!" เด็กหนุ่มโอดครวญ

    "เค้าเรียกว่าก้าวพริบตา วิญญาณคนธรรมดาอย่างเจ้าหนีไม่พ้นหรอก ทำใจเสียเถอะ" เธอแหย่

    เพราะเจ้าเด็กหนุ่มนี่มีผมชี้ๆฟูๆเหมือนเจ้าอิจิโกะสมัยก่อนโน้นไม่มีผิด เห็นแล้วมันอดแกล้งไม่ได้

    "พ้นไม่พ้นก็ลองดูอีกที" ขาดคำเจ้าเด็กนั่นก็หันหลังวิ่งกลับไปทางเดิม

    ลูเคียมองตามหลังอย่างงงๆ.. เอ้า อยากหนีก็เอาให้พอ

    ปล่อยให้เด็กหนุ่มวิ่งไป ส่วนเธอคอยดักจับพลังวิญญาณเอาไว้ ถ้าเจ้านั่นเหนื่อยจนไปหยุดที่ไหน ค่อยใช้ก้าวพริบตาตามไปก็แล้วกัน

    ไม่นานก็ได้ผล คลื่นวิญญาณนั้นหยุดนิ่งในที่สุด เธอยิ้มบางๆและรีบตามไป

    เธอเห็นเด็กหนุ่มหยุดยืนที่ริมบันไดทางลงชายหาด ตรงนั้นมีรูปถ่ายและดอกไม้เหี่ยวๆกองหนึ่งวางอยู่

    เด็กหนุ่มก้มมองของเหล่านั้นแล้วหันมองเธอ "ชั้นแค่ อยากมาดูตรงนี้เป็นครั้งสุดท้ายน่ะ อย่าโกรธนะ ยัยยมทูต"

    "เจ้าตายที่นี่รึ" เธอถามขณะก้มมองดูรูปถ่ายใบเล็กๆนั้นกับวิญญาณตรงหน้า

    "อื้อ จมน้ำน่ะ"

    เธอพยักหน้าเบาๆ แต่แล้วก็สังเกตเห็นบางอย่างที่ดูคุ้นตา..

    ดอกซากุระปลอมดอกเล็กๆ.. เหมือนที่โรงเรียนประถม

    มันดูโดดเด่นขึ้นมา กลางดอกไม้เหี่ยวๆที่ครั้งนึงมันคงเป็นดอกไม้สดที่มีคนเอามาวางไว้เพื่อไว้อาลัย

    แม้จะแปลกใจ แต่ก็พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ

    "เอาล่ะ นั่งคุกเข่าซะ" เธอบอกเด็กหนุ่ม

    เด็กหนุ่มหันมาคุกเข่าตรงหน้าเธอแต่โดยดี

    "หลับตาก็ได้นะ" เธอบอกเขาขณะดึงดาบออกจากฝัก เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มจ้องหน้าเธอเขม็ง

    "ไม่เอาล่ะ อยากลืมตา จำหน้าเธอไว้น่ะ" เจ้าเด็กนั่นตอบยียวน

    ลูเคียแค่นหัวเราะแล้วกดด้ามดาบลงประทับเพื่อส่งวิญญาณ

    "แล้วผมจะได้เจอเธออีกไหม.." เจ้าเด็กนั่นยังไม่วายหลีเธอจนนาทีสุดท้าย

    "ไม่ต้องเจอน่ะดีแล้ว"

    เด็กหนุ่มยิ้มให้เธอและค่อยๆหายไป

    ลูเคียเก็บดาบ หันกลับไปย่อตัวลง หยิบดอกซากุระปลอมๆนั้นขึ้นมาดู


    "พี่สาวเอาไปไม่ได้นะ ผมให้พี่ชายเค้าไว้" เสียงไม่พอใจเล็กๆของเด็กผู้ชายดังขึ้นจากบนบันได


    หัวใจลูเคียหยุดเต้น.. ดอกซากุระปลอมร่วงหล่นจากมือ












    เด็กคนนั้นเป็นใคร.. โปรดติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ อิๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×