Happy BirthDay to You, My Rukia [Bleach Fic:ByakuyaxRukia] - Happy BirthDay to You, My Rukia [Bleach Fic:ByakuyaxRukia] นิยาย Happy BirthDay to You, My Rukia [Bleach Fic:ByakuyaxRukia] : Dek-D.com - Writer

    Happy BirthDay to You, My Rukia [Bleach Fic:ByakuyaxRukia]

    เมื่อ วันที่ 14 มกราคม เวียนมาถึงอีกปี.. คุจิกิ เบียคุยะ จึงต้องหาของขวัญวันเกิดมาให้น้องสาวของตน ปีนี้เขาจะมอบอะไรให้เป็นของขวัญกันนะ??

    ผู้เข้าชมรวม

    726

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    726

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    13
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ม.ค. 56 / 18:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     กลางเดือนมกราคม อากาศเย็นจัดด้านนอกคฤหาสน์คุจิกินั้นทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งและเงียบสงบ ปุยหิมะสีขาวบริสุทธิ์กำลังโปรยปรายลงจากฟากฟ้า พื้นผิวหย่อมหญ้าที่เคยเขียวขจีกลับถูกคลุมด้วยไยหิมะที่ตกลงมาไม่หยุดหย่อนจนกลายเป็นสีขาวโพลน 

    แต่แม้อากาศภายนอกจะหนาวเหน็บถึงเพียงนั้น แต่ภายในห้องทานข้าวของคฤหาสน์คุจิกิกลับอุ่นอวลด้วยเครื่องทำความร้อนรุ่นใหม่จากการประดิษฐ์ของกองวิจัยจนไม่ต้องพึ่งโต๊ะอุ่นขาแบบเดิมๆ ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งทานข้าวอิ่มไม่เดือดร้อนกระไรนักกับอุณหภูมิติดลบนอกห้อง 

    เธอพยายามฝืนนั่งทรงตัวให้อยู่นิ่งเพราะอากาศอุ่นหลังทานข้าวมันชวนให้หลับไม่น้อยเสียเมื่อไหร่ แต่ก็ติดที่ว่า ชายหนุ่มตรงหน้าผู้เป็นเจ้าบ้านยังไม่ยอมขยับไปไหนทั้งที่ปกติเขาก็ไม่รั้งรอนานถึงเพียงนี้ 

    เมื่อเขาไม่ลุก เธอก็ไม่หาญกล้าพอจะลุกออกไปจากห้องแม้จะอยากลงไปนอนกับพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลยก็ตาม 

    เธอแอบชำเลืองมองร่างสูงโดยแสร้งทำเป็นยกเหล้าโสมร้อนๆขึ้นจิบเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย เธอพยายามจะคาดเดาการกระทำของเขา แต่ช่างเดาได้ยากเหลือเกิน 

    แม้ร่างสูงจะนั่งนิ่ง แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขากำลังรอเวลา..หรือกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง 

    ชั่วขณะหนึ่งลูเคียแอบยิ้มน้อยๆ..จะเกี่ยวอะไรกับที่วันนี้เป็นวันที่สิบสี่มกรา วันเกิดเธอหรือเปล่านะ? 

    แต่แล้วก็ต้องถอนใจเบาๆทั้งยังอยากจะตีตัวเองนักที่คิดอะไรฝันเฟื่องเสียจริง 

    ก็ในเมื่อวันนี้ทั้งวัน เขายังไม่ปริปากพูดถึงเลยนี่นะ แถมยังไม่ทำอะไรทั้งนั้นราวกับไม่ใส่ใจเลยสักนิด 

    เธอยอมรับว่าน้อยใจนิดๆที่มันไม่สำคัญสำหรับเขา แต่เธอก็ต้องยอมรับว่า พักนี้เขาดูยุ่งเกินกว่าจะมาใส่ใจเธอ 

    เธอเห็นเขากลับมาดึกกว่าปกติทุกคืน และยังไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหนมา..แม้แต่เร็นจิ 

    หลายครั้งที่เธอกังวลว่าเขาจะทำงานหนักเกินไปจึงเอ่ยถามบ้างเป็นครั้งคราว แต่คำตอบที่ได้คือใบหน้าเฉยชา และตอบด้วยเสียงปัดๆแกมรำคาญว่า "ทำงาน" 

    จากนั้นก็หายตัวไปอีกจนเรียกได้ว่า วันนี้เป็นวันแรกในรอบเดือนที่เธอได้นั่งทานข้าวเย็นกับเขา 

    จนถึงตอนนี้เธอก็ยังแปลกใจไม่หายว่า งานอะไรที่เขาต้องทุ่มเทเพียงนั้น? 

    จะว่าไปออกพื้นที่ หรือไปทำภารกิจพิเศษ เร็นจิ(ที่เธอไปซักไซ้ไล่เลียงเค้นคอถาม) ก็ยืนกรานบอกว่าไม่มี เธอลงทุนกระทั่งไปตะล่อมถามหัวหน้าอุคิทาเกะว่ามีภารกิจลับอะไรหรือเปล่า จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไร ไม่มีคำตอบที่จะคลายความสงสัยให้เธอ 

    แต่เธอยังไม่ยอมแพ้.. 

    วันก่อนเธอถึงกับแอบสะกดรอยตามเขาไปหลังเลิกงาน 

    ทั้งที่เธอมั่นใจเต็มร้อยว่าเธอสามารถปกปิดพลังวิญญาณของตัวเองได้อย่างมิดชิดแล้ว แต่เขาก็รู้ตัวจนได้ จากนั้นเขาก็หลอกให้เธอเดินตามเขาไปในทางระบายน้ำใต้ดินจนหลง แล้วเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและเก็บซ่อนพลังวิญญาณของตัวเองเสียจนเธอไม่รู้ว่าจะไปตามหาต่อที่ไหน 

    ช่างด้อยฝีมือเสียจริง! เธอได้แต่นึกก่นด่าตัวเองในความไม่เอาถ่านของเธอ 

    โชคดีที่วันนั้นฮานาทาโร่ลงไปทำความสะอาดถึงได้ไปเจอเธอเดินวนเวียนหาทางออกไม่ถูกพาเธอกลับมาส่งที่บ้าน 

    แต่ท่าทีลับๆล่อๆของเขาไม่ได้มีเพียงแค่นั้น.. เพราะนับจากวันที่เขาทำตัวแปลกไป เขาก็กลับมาบ้านพร้อมกับผ้าพันแผลที่มือของเขา 

    อันที่จริงคงไม่แปลกอะไร เพราะการฝึกใช้เซ็มบงซากุระของเขาบางครั้งก็พลาดบ้างอะไรบ้าง จะทำให้มีแผลกลับมาบ้างก็เป็นเรื่องปกติ แค่วันหรือสองวันแผลเล็กน้อยพวกนั้นก็หายจนไม่เหลือร่องรอย 

    แต่คราวนี้ผ้าพันแผลนั้นกลับติดตัวเขามาเสียทุกวัน.. 

    อะไรกันที่ทำให้เขาบาดเจ็บที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวันขนาดนี้?? 

    พอเธอถาม เขาก็ตอบอย่างไม่เต็มใจว่า "อย่าใส่ใจ" 

    ครั้นจะเซ้าซี้ถาม ก็กลัวเขาจะโกรธ เลยได้แต่เก็บความสงสัยพวกนั้นเอาไว้ และหวังว่าจะได้รู้คำตอบของมันในวันใดวันหนึ่งเมื่อเขาพร้อมจะบอกเธอ 

    แต่ดูเหมือนการรอคอยจะยาวนานนัก..จนถึงวันนี้เขาก็ไม่เคยบอกอะไรเธอสักคำ 

    "ท่านพี่คะ.." เธอเอ่ยเรียกเขา เมื่อเห็นเขานิ่งมากผิดปกติ 

    เขากลับยกมือปรามให้เธอหยุดพูดแล้วเอ่ยขึ้น 

    "ข้ามีอะไรจะให้เจ้าดู" 

    "คะ?" เธอเบิกตากว้างด้วยความสงสัยและงุนงงอย่างมาก 

    เขากลับสูดหายใจเข้าลึก และหันมาบอกเธอขณะเดินไปที่ประตู "อย่าเพิ่งไปไหน ข้ามีธุระกับเจ้า" 

    "เอ่อ..ค่ะ" ลูเคียค้อมตัวให้เขาน้อยๆ แล้วมองแผ่นหลังเขาที่หายออกไป 

    ..หรือจะไปเอาของขวัญมาให้ข้ากันนะ?.. 

    เธอถามตัวเองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองชักจะฟุ้งซ่านก็ใช้สองมือตบแก้มตัวเองเบาๆ 

    ..ไม่หรอกมั้ง ท่านพี่อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ว่าวันนี้วันเกิดข้า.. 

    ..ข้าไม่สำคัญขนาดนั้นหรอกน่า.. 

    ถึงจะบอกตัวเองแบบนั้น แต่ก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้ 

    ..แค่นี้ท่านพี่ก็ให้อะไรเจ้าตั้งเยอะแยะแล้ว ยังไม่พออีกหรือไง ลูเคีย.. 

    คิดแบบนี้ก็นึกอยากตีตัวเองแรงๆ 

    แต่ไม่ทันจะได้ด่าว่าตัวเองมากไปกว่านั้น เสียงประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเบียคุยะเดินกลับเข้ามาพร้อมกับ..บางสิ่งที่หาได้ยากในเซย์เรย์เทย์ 

    "ท..ท่านพี่คะ!?..น..นั่นมัน.." 

    ลูเคียมองไปยังวัตถุที่เขาถือมาด้วยความตกใจยิ่ง 


    ************************ 

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       ดวงตาสีม่วงกลมโตของนางดูจะโตขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นสิ่งที่ข้าถือเข้ามาในห้องทานข้าว ปากเล็กที่เผยอออกค้างเป็นวงกลมวงเล็กๆนั้นทำให้หัวใจข้าเต้นสั่นรัวจนแทบหลุดจากอก 

      "ท..ท่านพี่คะ!?..น..นั่นมัน.." 

      "ก็อย่างที่เจ้าเห็น" ข้าเอ่ยบอกนางด้วยเสียงราบเรียบเหมือนเคย และหวังว่านางจะไม่รู้สึกถึงความตื่นเต้นของข้าในน้ำเสียงนั้น 

      แววตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง ขณะที่ข้าชักไม่แน่ใจว่าควรจะทำมันต่อไปดีหรือเปล่า?..หรือข้าควรจะเอามันไปเก็บและทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น?! 

      ไม่..ไม่..ไม่ได้!! 

      ข้าลงทุนไปเยอะ ลงทุนไปมากกับเจ้าสิ่งนี้.. เพื่อวันนี้ อันเป็นวันสำคัญของนาง 

      คนอย่างข้า คุจิกิ เบียคุยะ ผู้เป็นถึงหัวหน้าหน่วยหกแห่งสิบสามหน่วยพิทักษ์ และเจ้าบ้านตระกูลคุจิกิ จะต้องไม่ยอมแพ้กลางคันเช่นนี้! 

      ในเมื่อข้าเป็นผู้เลือกที่จะเดินมาในเส้นทางนี้ ข้าก็จะต้องสานต่อมันให้จบให้ได้! 

      "ข้า..ไม่ได้ตาฝาด..สินะคะ.." เธอถามคล้ายกับไม่เชื่อสายตาของตนก่อนจะคลานเร็วๆมาลูบสิ่งที่ข้าถือ เหมือนกับจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆก่อนจะเงยหน้ามองข้าที่ยังยืนนิ่ง 

      แล้วข้าก็ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดในเสี้ยวนาทีที่สบสายตากับนาง เพราะข้าไม่อาจทำให้นางผิดหวัง จึงได้แต่นั่งลงเบื้องหน้าเธอโดยประคองสิ่งนั้นไว้ในอ้อมแขน 

      "ท..ท่านพี่เล่นเป็นหรือคะ?" เธอถามด้วยตาเป็นประกายยามที่มองจ้องข้ากับ.. 

      กีตาร์.. ในมือของข้า.. 

      ข้าไม่ตอบนางก่อนจะเริ่มใช้มือซ้ายจับที่คอของมัน มือขวาวางลงที่สายแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ตามที่โรส (หัวหน้าหน่วยสาม) สอนข้าไว้
       




      == ย้อนกลับไปราวต้นเดือนธันวาคม หนึ่งเดือนเศษก่อนหน้านี้ ==
       

      ยามดึกอันเงียบสงบที่รายล้อมคฤหาสน์คุจิกิของข้านั้น นับเป็นช่วงเวลาอันแสนสุขที่ข้าโปรดปรานยิ่งและข้ามักจะใช้เวลาอันแสนมีค่านี้ไปกับการเดินรอบบ้านเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและสงบจิตใจก่อนจะเตรียมตัวเข้านอน 

      อากาศเย็นทำให้ข้ากระชับเสื้อคลุมเข้ากระชับร่าง สายลมเย็นพัดเข้าปะทะกายและผิวหน้าของข้า หากข้าไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร ทั้งยังทำให้ข้ารู้สึกสดชื่นขึ้นเสียอีก เพราะอากาศเย็นเหล่านี้ทำให้ข้านึกถึงนาง.. นึกถึงลูเคียผู้ใช้พลังแห่งความหนาวเย็นแบบเดียวกันนี้ 

      ข้านึกถึงนางเมื่อใด ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ 

      สายสัมพันธ์ระหว่างเราดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความผูกพันที่เริ่มก่อตัวนั้นมั่นคงและหนักแน่นขึ้นทุกที โดยเฉพาะหลังจากเสร็จศึกกับเจ้าควินชี่พวกนั้น 

      เราสนิทกันมากขึ้น พูดคุยกันมากขึ้น และนางเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น 

      ชีวิตข้า ณ ตอนนี้มีความสุขมากมายอย่างคาดไม่ถึง 

      แค่ได้เห็นรอยยิ้มของนาง เสียหัวเราะของนาง เท่านี้ข้าก็มีความสุขเสียยิ่งกว่าสิ่งใด 

      ข้ามองไปรอบด้าน ไร้เงาสาวใช้แม้สักคน บ่าวไพร่ในบ้านล้วนหลับใหลกันหมด จนราวกับว่าค่ำคืนนี้มีเพียงข้าที่ยังตื่นและเดินเล่นไปเรื่อยๆ.. นางเองก็คงจะหลับไปแล้ว 

      ข้าภาวนาให้นางฝันดี และหลับอย่างเป็นสุขโดยไม่มีสิ่งใดไปรบกวน ก่อนจะเดินผ่านบริเวณสวนสุดรักของนาง 

      คบไฟริมระเบียงที่สะบัดตัวน้อยๆตามแรงลมทำให้ข้าเห็นบ้านกระต่ายหลังเล็กๆสามหลังที่อยู่ใต้ต้นส้ม ปีที่แล้วข้าหากระต่ายสีขาวสะอาดมาให้นางเป็นของขวัญวันเกิดหนึ่งคู่เพราะข้ารู้ว่านางรักกระต่ายยิ่งกว่าสิ่งใด แล้วก็จริงตามนั้น นางประคบประหงมดูแลพวกมันอย่างดี วันหยุดก็แทบไม่ออกไปไหนเพราะมัวแต่มาเล่นกับพวกมัน ผ่านไปไม่นานมันก็ออกลูกกันมาหลายตัว จนตอนนี้มีลูกกระต่ายถึงห้าตัวทำให้นางยิ่งอยู่ติดบ้านมากกว่าเดิมเสียอีก 

      "ท่านพี่คะ เจ้าตัวนี้ชื่อโซระ ตัวนั้นชื่ออุมิ.." นางบอกข้าอย่างตื่นเต้นขณะไล่เรียงชื่อเจ้ากระต่ายน้อยทั้งห้าตัวที่ใส่ปลอกคอสีต่างกันจนครบก่อนจะส่งมันมาให้ข้าอุ้มบ้าง 

      น้ำเสียงนั้นตื่นเต้นและมีความสุขจนข้าอยากได้ยินจากนางบ่อยๆ เพราะมันทำให้ข้ามีความสุขตามไปด้วย ข้าเริ่มชินกับความอบอุ่นหัวใจเช่นนี้ จนราวกับว่าไม่อาจเสียมันไปได้ 

      ข้ายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวขณะที่สายตายังจับจ้องสนามหญ้าที่ยังคงเป็นสีเขียวที่ตอนนี้ไร้เงากระต่ายในสนามหญ้าแม้สักตัว.. แน่ล่ะ ดึกขนาดนี้ พวกมันเองก็ต้องนอนเช่นกัน 

      หลังจากดื่มด่ำกับความสุขเล็กๆของข้ายามที่นึกถึงช่วงเวลาอันแสนสุขจนรู้สึกพร้อมจะเข้านอน ข้าก็เดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง 

      แต่ระหว่างนั้นข้าก็รู้สึกอยากจะแวะไปดูนางที่ห้องเสียหน่อย.. 

      ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงที่นางหลับไปแล้ว แต่ขอแค่ให้รู้ว่าไม่มีอะไรผิดปกติเท่านั้น ข้าก็พอใจและจะได้หลับอย่างสงบไปทั้งคืน 

      แต่ยิ่งข้าเดินเข้าใกล้ห้องนางเท่าไร ข้ากลับยิ่งได้ยินเสียงเพลงเบาๆลอยมาเรื่อยๆ 

      เพราะเป็นยามดึกที่ทุกสรรพเสียงล้วนเงียบงัน เสียงเพลงจากห้องของนางจึงดังกว่าที่ควร 

      ข้าหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องนาง แต่ไม่เอ่ยเรียก 

      ข้ายืนอยู่ชั่วครู่จนรู้สึกได้ว่าไม่ได้มีแต่เสียงเพลงจากเครื่องเล่นเล็กๆที่นางซื้อกลับมาตอนไปเที่ยวที่โลกมนุษย์ แต่ยังมีเสียงฮัมเพลงคลอร้องตามไปด้วยอย่างสนุกสนาน 

      ราวกับถูกสะกดไว้กับเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขของนาง.. ข้ายืนอยู่จนเพลงนั้นจบลง 

      และมันก็เล่นขึ้นซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เช่นนั้น.. จนท่วงทำนองของมันติดอยู่ในใจข้า 

      ข้าไม่รู้เลยว่ายืนอยู่อีกนานเท่าใด รู้สึกตัวอีกทีเสียงดนตรีนั้นก็หยุดลง พร้อมกับเปลวไฟวอมแวมดับลงตามไป เหลือไว้เพียงความเงียบอีกครั้งทำให้ข้ารู้ว่านางเข้านอนไปแล้ว 

      ข้าบ่ายหน้าเดินกลับห้องตัวเองโดยมีท่วงทำนองของเพลงนั้นและเสียงอันร่าเริงของนางก้องอยู่ในหู 

      หลังจากค่ำคืนนั้น นางยังคงเปิดเพลงเดียวกันนั้นต่อในช่วงที่นางคิดว่าทุกคนหลับไปแล้วโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีข้าอีกคนกำลังฟังเพลงไปพร้อมๆกับนาง 

      การเปิดเพลงนั้นหมุนวนซ้ำไปมา ทำให้ข้ารู้สึกว่านางชอบเพลงเพลงนี้มากทีเดียว 

      ข้าจึงเกิดความคิดบางอย่าง ความคิดที่แสนจะไม่เข้าท่า บ้าบิ่น และน่าอับอาย ซึ่งแม้แต่ตัวข้าเองก็ยากจะเชื่อว่าข้าจะคิดมันขึ้นมาได้ 

      แต่..เดือนหน้าจะเป็นวันเกิดของนาง หากมันจะทำให้นางมีความสุขได้บ้างล่ะก็.. ข้ายอม 

      ข้าตัดสินใจหาเวลาว่างไปหาหัวหน้าหน่วยที่สาม โอโทริบาชิ โรจูโร่ หรือโรส ที่หลงใหลในเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ 

      แม้เขาจะทำหน้าแปลกใจในแว่บแรกที่ข้าบอกความต้องการของข้าออกไป แต่เสี้ยวนาทีถัดมาเขาก็เก็บอาการเหล่านั้นไว้มิดชิดและเริ่มให้คำแนะนำกับข้า 

      "ท่านเคยเล่นเครื่องดนตรีอะไรมาก่อนบ้างไหม?" โรสถามข้าด้วยรอยยิ้มกว้างที่ได้คุยเรื่องที่ตนถนัด 

      "ไม่เคย" 

      "อืม.." โรสทำท่าครุ่นคิด 

      "ข้าจะร้องด้วย" ข้าบอกต่อทั้งที่รู้สึกอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

      "เพลงอะไรหรือครับ?" โรสยิ่งทำท่าประหลาดใจขณะประมวลความคิดว่าจะช่วยข้ายังไงดี 

      "ข้าไม่รู้จักชื่อเพลง ข้ารู้จักแต่ทำนองของมัน" 

      "ถ้าเช่นนั้น ท่านลองฮัมให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม?" 

      ข้าพยักหน้า และเริ่มถ่ายทอดทำนองเพลงที่ติดค้างอยู่ในใจข้าไม่ยอมจางให้เขาฟัง 

      เพียงไม่กี่ท่อน เขาก็ทำหน้าระริกระรี้อย่างดีใจ "อ๊ะ เพลงนี้ข้ารู้จัก!" 

      ข้ามองหน้าโรสเพื่อขอคำอธิบายเพิ่มเติมแต่เขากลับไม่พูดอะไร ทั้งยังรีบวิ่งไปรื้อกองกล่องกระดาษที่วางกองพะเนินอยู่หลังโต๊ะทำงาน "เดี๋ยวนะครับ หัวหน้าคุจิกิ ข้าจำได้ว่าเก็บไว้แถวนี้แหละ.. เอ อยู่ไหนน้า" 

      ข้าพยักหน้าโดยที่โรสยังง่วนกับการรื้อหาของที่เขาต้องการ 

      "เพลงนี้น่ะดังมากในโลกมนุษย์เลยล่ะครับ ใครๆก็ร้องได้ ลูกเด็กเล็กแดงหรือคนเฒ่าคนแก่" 

      "งั้นรึ" ข้าตอบอย่างไม่นึกแยแส ขอเพียงลูเคียชอบ ขอเพียงเป็นเพลงที่นางมีความสุขที่ได้ฟังเท่านั้นก็พอแล้ว 

      "ครับ อ้ะ! นี่ไง เจอแล้ว!" โรสร้องบอกข้าพร้อมกับชูกล่องสี่เหลี่ยมที่ภายในบรรจุแผ่นกลมๆสีขาวเอาไว้ 

      ข้ามองตามร่างสูงผมยาวเป็นลอนเดินฮัมเพลงเพลงนั้นไปขณะหยิบแผ่นกลมๆนั้นออกมาใส่ในเครื่องเล่นหน้าตาประหลาดอันใหญ่โตที่อยู่ริมห้อง 

      เสียงเพลงนั้นดังขึ้น พร้อมกับโรสที่โยกหัวไปมาตามทำนองเพลงนั้น จนกระทั่งเพลงหยุดลง 

      "เพลงนี้แหละ" ข้าบอก พยายามทำเสียงนิ่งๆกดความตื่นเต้นในใจเอาไว้ 

      "ถ้าเป็นเพลงนี้ล่ะก็ ข้ามีเนื้อเพลงด้วยล่ะครับ" โรสบอกแล้วหัวเราะแหะๆ เดินกลับไปรื้อลิ้นชักตัวเอง "ข้าก็ชอบเพลงนี้เหมือนกัน จริงๆแล้วมันเป็นเพลงต่างประเทศ แต่ด้วยความที่ข้าชอบ ข้าก็เลยแกะเนื้อมันออกมาให้เป็นภาษาญี่ปุ่นจะได้ร้องตามได้ง่ายๆ" 

      ข้าพยักหน้ารับรู้ ลึกๆก็ดีใจที่อะไรดูจะง่ายเสียจริง โรสเองก็รับปากว่าจะไม่เอาเรื่องของข้าไปบอกใคร 

      "แล้วหัวหน้าคุจิกิจะเล่นเครื่องดนตรีแบบไหนดีครับ" เสียงโรสถามจากใต้โต๊ะ มือก็ยังรื้อหาเนื้อเพลงที่ทำไว้เป็นพิเศษ 

      คำถามนั้นทำเอาข้านิ่งไป ข้ากวาดสายตามองเครื่องดนตรีหน้าตาประหลาดที่ไม่เคยเห็นหลากหลายชิ้นภายในห้องหัวหน้าหน่วยของโรสแล้วครุ่นคิด แต่ไม่อาจบอกได้เลยว่าเครื่องดนตรีแบบไหนที่ข้าจะเล่น เพราะข้าไม่เคยเล่น และไม่เคยรู้จักพวกมันทั้งสิ้น 

      "เจอแล้ว!" ห้วหน้าหน่วยสามยิ้มแป้นขณะเหยียดร่างสูงขึ้นยืน แล้วเดินมาพร้อมกระดาษปึกหนึ่ง 

      "อันที่จริงข้าคิดว่าท่านน่าจะเหมาะกับเครื่องดนตรีเบาๆ อ่อนหวานอย่างคีย์บอร์ดหรือไวโอลิน แต่ว่ามันค่อนข้างจะยากสักหน่อยสำหรับคนไม่เคยเล่นดนตรีมาก่อน" โรสมองข้ายิ้มๆ "ด้วยระยะเวลาที่ท่านบอกมายิ่งยากไปใหญ่" 

      "อย่างนั้นรึ" ข้าเริ่มจะหดหู่เล็กน้อยเมื่อได้ยิน 

      ราวกับโรสสัมผัสได้ เขาก็รีบเอ่ยต่อ "ลองกีตาร์สิครับ ใช้เวลาไม่นานด้วย" แล้วร่างสูงก็ไปหยิบสิ่งที่เรียกว่ากีตาร์นั้นมาให้ข้าดู 

      หน้าตามันเหมือนซามิเซ็งที่เป็นเครื่องดนตรีของญี่ปุ่นมากทีเดียว เพียงแต่ว่าจำนวนสายมากกว่า 

      "เจ้ากีตาร์นี่คล้ายซามิเซ็งของญี่ปุ่นครับ" โรสอธิบายพลางทำท่าสาธิต และเริ่มเล่นเพลงไปตามกระดาษโน้ตเหล่านั้นให้ข้าได้ฟัง 

      นิ้วที่พลิ้วไหวยามที่กดสายและใช้อีกมือดีดสายที่โกร่งไปตามจังหวะของหัวหน้าหน่วยสามยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากลองของข้า 

      แล้วข้าก็ตัดสินใจจะเล่นเจ้าสิ่งที่เรียกว่า "กีตาร์" นี้ เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้นางในทันที 

      หลังจากที่โรสเล่นเพลงนั้นจบไปหนึ่งรอบก็เริ่มสอนข้าถึงวิธีการเล่นเจ้าเครื่องดนตรีชิ้นนี้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน 

      แม้จะดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงมันก็ไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะเพียงแค่ข้าทดลองกด "คอร์ด" ไปสักพัก ปลายนิ้วข้าก็เริ่มปวดและเจ็บ 

      "เล่นไปสักพักก็จะหายเจ็บเองนั่นแหละครับ" โรสพูดราวกับจะปลอบข้า แต่ข้ารู้ดีว่ามันไม่หายเจ็บง่ายขนาดนั้นหรอก

      และถึงจะเจ็บ แต่ข้าก็ยังฝืนทนจนหมดการสอนสำหรับวันแรกมาได้.. แน่ล่ะ ของแค่นี้ ไม่มีทางทำให้ข้ายอมแพ้ได้หรอก 

      สุดท้ายโรสก็ให้ผ้าพันแผลข้ามาเพราะมันเจ็บเสียจนข้าแทบจับอะไรไม่ได้ 

      "ขอบคุณ" ข้าบอกร่างสูงที่ยืนยิ้มกว้าง 

      โรสค้อมศีรษะน้อยๆรับ "ด้วยความยินดีครับ หัวหน้าคุจิกิ" 

      "ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เวลาเดิมก็แล้วกัน" 

      "ได้เลยครับ ข้าจะสอนจนท่านหลับตาเล่นได้เลยทีเดียว" 

      โรสตอบแล้วยิ้มแฉ่ง ดีใจที่มีคนเห็นความสำคัญและสนใจงานอดิเรกแสนรักของตน 

      และในที่สุดโรสก็ทำได้อย่างที่พูด.. 

      ข้าเล่นจนขึ้นใจ เล่นจนไม่ต้องดูโน้ตในกระดาษแผ่นนั้นอีกแล้ว หรือเนื้อร้องที่มีอยู่ไม่กี่ท่อนข้าก็จำได้เช่นกัน 

      ตอนนี้ลูเคียกำลังนั่งจ้องข้าตาไม่กระพริบอย่างใจจดใจจ่อ.. 

      ข้าเริ่มใช้มือซ้ายกดคอร์ดตัวแรก สะบัดนิ้วมือขวาพรมลงไป ข้าแอบเห็นดวงตาคู่นั้นของนางเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ 

      "เพลงนี้ข้ารู้จักด้วยล่ะค่ะ!" นางร้องขึ้นด้วยท่าทางสุดแสนจะดีใจเมื่อได้ยินช่วงอินโทรของเพลงที่ข้าเล่น 

      ข้าพยายามปั้นหน้าไร้อารมณ์ แต่หัวใจเต้นแรงกว่าเดิมเป็นเท่าตัวจนเกือบจะหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ไหว 

      ถัดจากอินโทร ก็ถึงเวลาสำคัญ.. ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติตัวเองให้ตั้งมั่นเข้าไว้ 

      "วี วิช ยู อะ เมอรี่ คริสต์มาส.." เพียงแค่เนื้อเพลงท่อนแรกหลุดจากปากข้า ข้าก็ได้ยินเสียงนางฮัมเพลงจากลำคอตามไปด้วยเบาๆ 

      แค่นั้นเอง เรี่ยวแรงก็ไม่รู้มาจากไหน ทำให้ข้าลืมอายไปเสียสิ้น นิ้วข้าที่อุตสาห์ฝึกฝนมาอย่างดีสะบัดพลิ้วไปเรื่อยๆอย่างเคยชินขณะที่ใจลอยไปอยู่กับเสียงหวานของนาง 

      "วี วิช ยู อะ เมอรี่ คริสต์มาส วี วิช ยู อะ เมอรี่ คริสต์มาส แอนด์ อะ แฮปปี้ นิวเยียร์.." ข้าร้องเพลงภาษาต่างประเทศนั้นด้วยสำเนียงอันกระท่อนกระแท่นและแทบไม่เข้ากับทำนองที่เล่นอยู่ แต่ข้าไม่สนใจอีกแล้ว 

      "แกลด ไทด์ดิ้ง วี บริง......." 

      ลำตัวบางอ่อนนั้นโยกไปตามจังหวะเพลงที่ข้ากำลังเล่น รอยยิ้มนั้นเปิดกว้างไม่ยอมหุบ ดวงตารึก็มีประกายเล็กๆแห่งความสุขอยู่เต็มเปี่ยม จนข้าลืมไปเลยว่านิ้วกำลังเจ็บ ลืมไปเลยว่าข้ากำลังทำเรื่องน่าอายขนาดนี้ 

      เพราะมันไม่ใช่เพลงที่ยาวนัก มีประโยคสั้นๆอยู่แค่หกประโยค เพียงแค่ร้องซ้ำอีกสามรอบ..มันก็จบลง 

      ข้าผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอกที่ทำมันได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ขณะที่นางรีบปรบมือให้ข้ารัวๆ 

      "สุขสันต์วันเกิด" ในที่สุดข้าก็ได้เอ่ยคำนี้ออกไป แม้จะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรแต่ข้าก็พยายามแสดงความจริงใจอย่างเต็มที่ 

      นางดูจะปลาบปลื้มใจมากทีเดียวก่อนจะรีบก้มตัวลงต่ำ "ขอบคุณค่ะท่านพี่ เพราะมากๆเลยค่ะ เป็นของขวัญวันเกิดที่ข้าจะไม่มีวันลืมเลยล่ะค่ะ" 

      "ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย" ข้าพูดแก้เขินไปอย่างนั้นเอง 

      "ไปได้เจ้านี่มาจากไหนเหรอคะ?" เธอถามต่ออย่างสนใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมา 

      "โรสให้ยืมมาน่ะ" ข้าตอบหน้าตาย 

      "เพลงนี้หัวหน้าโรสก็สอนมาหรือคะ?" นางถามอีกด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางคงไม่คิดว่าคนอย่างข้าจะทำเรื่องแบบนี้สินะ 

      "ก็ทำนองนั้น" ข้าบอกปัดพลางจะลุกขึ้นยืน "หมดธุระแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะเอาเจ้านี่ไปเก็บ พรุ่งนี้จะเอาไปคืน" 

      "อ๊ะ! เดี๋ยวค่ะ" อยู่ๆนางก็เรียกข้าไว้ ทั้งยังยื่นมือมาดึงแขนเสื้อข้าอีก ข้าไม่ทันระวังก็เลยหันไปทำตาดุใส่ด้วยความเคยชิน 

      นางรีบถอยกรูดอย่างกลัวว่าข้าจะโกรธแล้วรีบโค้งตัวลงต่ำอีกครั้ง "ขอโทษค่ะ! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท!" 

      ข้ารู้สึกทันทีว่าทำพลาดไปมหันต์ ข้ารีบนั่งลงยื่นมือไปจะแตะไหล่นางเบาๆ.. แต่ก็ไม่กล้าจนต้องดึงมือกลับ 

      "ไม่เป็นไร.." ข้าบอกทั้งที่ใจเจ็บแปลบเบาๆที่เห็นนางยังหวาดกลัวข้าอยู่ "ข้าเองก็ต้องขอโทษด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดุเจ้า" 

      ใช่..ถึงจะไม่ได้เอ่ยคำพูด แต่ท่าทางคงน่ากลัวมากสินะ เจ้าถึงได้ลนลานขนาดนี้.. 

      นางยังก้มตัวค้างเช่นนั้น สมองข้ารีบสั่งให้ข้าทำอะไรสักอย่างเพื่อกอบกู้สถานการณ์ที่ส่อเค้าว่าจะเลวร้ายลง 

      "ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก เงยหน้าขึ้นเถอะ แล้วพูดสิ่งที่เจ้าพูดค้างไว้" ข้าพยายามทำเสียงให้ฟังดูอ่อนโยนและใจดีเท่าที่ข้าจะทำได้ 

      และดูเหมือนจะได้ผลเมื่อนางค่อยๆเงยหน้ามองข้า พยักหน้าเบาๆว่าเข้าใจแล้ว แต่แล้วก็หลุบตาลงอีกก่อนจะยันกายขึ้นยืน 

      "ข้า..เอ่อ..เดี๋ยวข้ามาค่ะ ท่านพี่อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ" นางบอกข้าเพียงเท่านั้นและรีบผลุนผลันออกจากห้องไป 

      ข้าถอนใจอย่างโล่งอกที่นางไม่ได้โกรธข้า ข้าหันไปพิงกีตาร์ตัวนั้นไว้ที่ผนังแล้วขยับไปนั่งที่โต๊ะน้ำชา รินเหล้าโสมมาจิบแก้กระหาย ทั้งที่ร้องเพลงไปไม่กี่ท่อนก็รู้สึกว่าเสียงมันแหบแห้งไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอากาศหนาวหรือข้าตื่นเต้นเกินไปกันแน่? 

      นางหายไปไม่นาน ประตูก็เปิดออกอีกครั้งและร่างเล็กของนางก็กลับเข้ามาในห้อง ข้าเห็นแววตานางมีแววลังเลเล็กน้อย มือกำของบางอย่างในอุ้งมือแน่น หากของสิ่งนั้นเป็นแก้ว มันก็คงจะแตกคามือนางไปแล้ว 

      นางยืดตัวตรงแล้วเดินมานั่งข้างข้าโดยไม่ยอมสบตา 

      "เอ่อ..ข้า..พักนี้ข้าเห็นท่านพี่มีผ้าพันแผลที่นิ้ว..เอ่อ..คงเจ็บเพราะเจ้ากีตาร์ตัวนี้สินะคะ.." นางนั่งเกร็งจนข้ารู้สึกได้ แล้วนางก็แบมือที่กำของสิ่งนั้นอยู่ มันเป็นตลับไม้อันเล็กๆ ฝาด้านบนเป็นลายดอกสึบากิ "ข..ข้ามียาทาบรรเทาอาการแสบร้อน..ม..ไม่รู้ว่า..มันจะช่วยได้ไหม..ต..แต่ถ้า ท่านพี่ไม่รังเกียจ--" 

      นางก้มหน้างุดแล้วใช้มือทั้งสองประคองตลับไม้ ยื่นส่งมาให้ข้า 

      ยังเขินอยู่อีกรึ?..แกล้งนางสักหน่อยดีไหมนะ? 

      "ทาให้หน่อยสิ" ข้ายื่นมือซ้ายที่เจ็บเพราะจับคอร์ดไปให้นาง และไม่คิดจะหยิบตลับไม้นั่นมา 

      นางรีบเงยหน้าพรวดอย่างตกใจแล้วมองหน้าข้าเลิ่กลั่ก "คะ?" 

      "ข้าบอกให้เจ้าทายานั่นให้ข้าหน่อย มือขวาข้าก็เจ็บ คงทาเองได้ไม่ดีนัก" ข้าอธิบายหน้าตาย หน้าตานางยิ่งตื่นตระหนกกว่าเดิม 

      "จ..จะดีหรือคะ?" 

      "ช่างเถอะ" ข้าตัดบททันควัน เตรียมจะคว้าตลับยานั้นมาแต่นางกลับดึงมันหนีแล้วละล่ำละลักกับข้าราวกับกลัวข้าจะโกรธ 

      "ข้าทาให้..ก็ได้ค่ะ.." นางเอ่ยเสียงค่อยแล้วเปิดตลับยาออกจนเห็นขี้ผึ้งสีขาวที่เหลืออยู่ครึ่งตลับ นิ้วเรียวเล็กนั้นปาดสีผึ้งนั้นขึ้นมา มืออีกข้างจับที่มือซ้ายข้าไว้มั่นแล้วค่อยๆบรรจงป้ายมันลงไปตามปลายนิ้วของข้าพร้อมกับนวดเฟ้นเบาๆ 

      "เจ็บมากไหมคะ?" 

      ข้าจ้องมองนางอย่างรู้ทันความนัยของคำพูดนั้น "ข้าเลือกจะทำมันเอง ไม่เกี่ยวกับเจ้า" นางมักจะโทษตัวเองเสมอจนติดเป็นนิสัยไปแล้วกระมัง "มันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก" 

      นางพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ข้ารู้ว่านางไม่เข้าใจง่ายๆเช่นนั้นหรอก "อีกข้างล่ะคะ.." นางถามคล้ายกับจะขออนุญาต ข้าจึงส่งมือขวาไปให้นางต่อ 

      ข้ามองนางที่กำลังนวดนิ้วก้อยข้าอย่างเบามืออันเป็นนิ้วสุดท้าย ก่อนนางจะดึงมือกลับข้าก็จับมือนางไว้แน่นจนนางตกใจเงยหน้ามองข้าอีกครั้ง 

      ข้าไม่พูดอะไร เพียงแค่กุมมือนางไว้เช่นนั้น.. นางเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ไม่ขัดขืนหรือดึงมือหนี 

      สัมผัสนิ่มอันอ่อนโยนในมือข้ามันช่างน่าทะนุถนอมนัก ข้าเบือนหน้ามองแก้มสีแดงจัดของนางที่นางพยายามหลบซ่อน และความคิดเห็นแก่ตัวก็ผุดขึ้นในใจข้า.. ถ้าได้จับมือเจ้าไว้แบบนี้นานๆก็คงจะดีไม่น้อย 

      แต่ข้าก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ จึงค่อยคลายแรงปล่อยมือเล็กๆนั้นไป 

      "ลูเคีย/ท่านพี่คะ" 

      ข้ากับนางเอ่ยขึ้นพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจ 

      "อ่า..เชิญท่านพี่พูดก่อนเถอะค่ะ" ลูเคียยิ้มน้อยๆพลางหัวเราะเบาๆ 

      "ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานไม่ใช่รึ?" ข้าบอกทั้งที่นึกเสียดาย 

      ข้าเห็นรอยยิ้มนางเลือนลงเล็กน้อย ก่อนที่ร่างเล็กจะค้อมศีรษะให้ข้า "ค่ะ ทราบแล้วค่ะ" 

      "ลูเคีย" ข้าเรียกนางไว้ทันก่อนที่นางจะลุกขึ้น "เมื่อครู่ เจ้าจะบอกอะไรข้า?" 

      "อ้ะ.. " นางทำหน้าเหมือนจะพูด แต่ก็กลืนคำพูดนั้นกลับไป..มีหรือข้าจะดูไม่ออก "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ" 

      "พูดมา" ข้าจ้องนางราวกับบีบบังคับ 

      นางหลบสายตาข้าแล้วส่ายหัว แต่ข้ารู้ว่านางโกหก 

      "ลูเคีย" ข้าเรียกย้ำอย่างเอาจริง "ถ้าเจ้าไม่บอก คราวนี้ข้าจะโกรธเจ้าจริงๆ" 

      แล้วนางก็รีบเงยหน้าขึ้นตอบอย่างกลัวคำขู่ของข้า 

      "ข้าได้สาเกดีๆมาขวดหนึ่ง เป็นของขวัญวันเกิดน่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าจะชวนท่านพี่ดื่มด้วยกัน" รอยยิ้มเล็กๆปรากฏบนหน้านางอย่างฝืนๆ "แต่ถ้าท่านพี่เหนื่อยแล้วอยากพักผ่อน หรือมีธุระก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาไว้วันหลังก็ได้" 

      "ก็เอาสิ" 

      "เอ๊ะ?!" 

      "เอาเป็นห้องรับรองฝั่งตะวันออกแล้วกัน คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง จิบเหล้าไปชมจันทร์ไปก็ดีไม่น้อย" ข้ารีบบอก "ข้าจะให้เซเกะไปเตรียมห้องกับกับแกล้มแล้วก็จะไปสะสางงานเสียหน่อย สามทุ่มข้าจะตามไป" 

      ลูเคียรีบก้มตัวแทบจะแนบพื้น น้ำเสียงระริกอย่างดีใจ 

      "ค่ะ ขอบคุณค่ะท่านพี่" 

      นางเอ่ยแค่นั้นแล้วจึงขอตัวออกไป 

      ข้าได้เพียงแต่มองตามเรือนร่างบอบบางนั้นแล้วยิ้มออกมา.. 



      ..วันนี้วันเกิดของเจ้านี่ ข้าจะขัดใจเจ้าได้ยังไงกัน.. 

      ..ขอเพียงมันจะทำให้เจ้ามีความสุขได้ เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว.. 

      ..สุขสันต์วันเกิดนะ..ลูเคีย.. 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×