ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น้ำตาเซเลเน่ อัญมณีจากสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #3 : น้ำตาเซเลเน่

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 48


                                                              

                      





                                                                     “เจ้าต้องกลับมานะ... สัญญาสิ”



                                                              “ข้าจะกลับมาท่านพี่........ถ้ามีโอกาสนั้น”



                                                                   “เจ้าต้องสัญญามาก่อน............”



                รากแก้วผุดลุกจากที่นอน ประหลาดที่เธอรู้สึกร้อนกว่าทุกวัน แสงจากดวงอาทิตย์ฉายผ่านผนังห้อง รากแก้วเหลียวมองนาฬิกา เจ็ด



    นาฬิกาห้านาที เธอไม่คิดว่า เธอจะตื่นขึ้นมาได้ หากไม่พบกับความฝันซ้ำซาก กับเมื่อคืนก่อน หญิงสาวนิ่งอยู่พยายามนึกภาพที่ค่อย ๆ เลือน



    หายไป เรียกสมาธิ ตั้งสติที่เหมือนเป็นเชือกผูกลูกโป่งสวรรค์ ที่เธอกำลังทำหลุดมือ ความตื่นเต้นท่วมท้นจิตใจเธอ ใบหน้าหญิงสาวผู้น้องอยู่



    เหนือชุดคลุมยาวแปลกตา คล้ายกับว่า เธอรู้จัก ที่ไหนซักแห่ง ที่ไม่ใช่ความฝัน





             “รากแก้ว  ลูกจะไม่ไปโรงเรียนเหรอ วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์นะ ลูก” เสียงหนึ่งดังจากอีกฝั่งของประตูห้องนอน



             “ค่ะ รากแก้วกำลังรีบค่ะ” รากแก้วตอบอรอินทุ์ และก้าวออกจากเตียงนอน มีบางสิ่ง สะกิดเข้าที่ความคิดเธอ แม่ของเธอคือ หญิงสาว



    ในความฝัน จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายเข้ายังร่องไม้ ภาพความฝันเสมือนจริงนั้น ปรากฏเด่นชัดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง รากแก้วเร่งรีบเหมือนอยากจะพบปลาย



    สุดของเส้นทางให้เร็วที่สุด



    อรอินทุ์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร พร้อม ๆ กับพ่อ และพี่ชายของเธอ  คำถามมากมายพรั่งพรูดังท่อประปาชำรุด เธอตั้งสติ ก่อนจะตรงเข้าไปถามแม่



    ของเธอ





             “แม่คะ แม่มีพี่สาว ใช่ไหมคะ” อรอินทุ์มองรากแก้วอย่างพินิจก่อนจะตอบ



             “มีสิ  แม่มีพี่สาวที่แก่กว่า แม่ถึง สิบปีเชียว”  “แม่ เป็นคนที่อื่นใช่ไหม รากแก้วหมายความว่าแม่ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด” อรอินทุ์มอง



    รากแก้วอย่างวิตก กับคำถามที่ฟังแปลกหู ก่อนจะหันไปมอง นายวิทิตที่ชำเลืองมองรากแก้ว





             “แม่อยู่ที่นี่ตั้ง แต่เด็กๆ แล้วล่ะ”เธอตอบลูกสาว



            “จริงเหรอคะ  แล้วแม่มี ชุดคลุมไหม ชุดคลุมยาวๆ ที่มีเชือกรัดที่คอ เหมือนพวกแม่มด น่ะค่ะ”  ยอดไม้ขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าเขาเริ่มรำคาญ



    กับการพูดเรื่องไร้สาระ แต่เช้าของเธอ แต่รากแก้วกำลังรอคำตอบจากอรอินทุ์ที่นิ่งเงียบ





             “ลูกอยากได้เสื้อคลุม ไปทำอะไรเหรอ การบ้านที่โรงเรียนหรือไง”



            “เปล่าค่ะ  รากแก้วเพียงอยากรู้ว่าแม่เคยสวม เสื้อคลุมยาวๆ ใช่ไหม” ยอดไม้จ้องเธออย่างเบื่อหน่าย



             “ เธอคงจะไปอ่านหนังสือนวนิยายปรัมปราจนเอามาเพ้อที่โต๊ะอาหารล่ะสิ”



             “ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้อ่านหนังสือ ประเภทนั้นมาตั้งนานแล้วนะ  ฉันพียงแต่...เห็นแม่ และพี่สาวของแม่สวมชุดแปลกๆ ในความฝันของ



    ฉันต่างหากล่ะ”



            “ ฝันว่าแม่เป็นแม่มด  ยัยบ๊อง เมื่อไรจะเลิกฟุ้งซ่านซักที  เอาความฝันมาปนกับความจริงได้ยังไง เธอนี้บ้าจริงๆ”  รากแก้วจ้องพี่



    ชายอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่คิดว่าเธอจะพูดดีกับเขาได้อีกแล้ว



             “ฉัน ไม่ได้บ้านะ” รากแก้วตอบในทันที อรอินทุ์ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ สามี มองลูกสาวด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเธอซีดขาวเหมือนจะเป็นลม



    ในทันที วิทิตกุมมือเธอเอาไว้ เหมือนเรียกสติ



             “แม่ว่า รากแก้วรีบกินข้าว และไปโรงเรียนเถอะนะ”



              “แต่แม่คะ รากแก้วไม่ได้บ้านิยาย นะคะ”



              “ แม่ว่า รากแก้วลืมเรื่องที่ลูกฝันนั้นเถอะนะ มันไร้สาระอย่างที่พี่เขาพูดจริงๆ” อรอินทุ์เดินจากไป  รากแก้วมองตามผู้เป็นแม่ เธอ



    เหมือนถูกทิ้งอยู่กับความเพ้อฝันที่ถูกยัดเหยียด เธอต้องลืมเรื่องความฝันตามที่แม่บอก ทั้งที่ยังมีปริศนาค้างคาอยู่  



        นายวิทิตขับรถมาส่งลูกทั้งสองเช่นทุกวัน หากแต่บรรยากาศเงียบเหงา ในรถมีเพียงเสียงแผ่นกระดาษสีกันเมื่อยอดไม้เปิดหน้า



    หนังสือ รากแก้วมองไปข้างนอกรถ อย่างเลื่อนลอย คิดถึงชั่วโมงแรกที่เธอต้องเรียน นายวิทิตหยุดรถลงที่หน้าประตูที่มีนักเรียนพลุกพล่าน



    ยอดไม้ยกมือไหว้ และลงจากรถไป รากแก้วยังชะงักหยุดอยู่





              “เรื่องความฝัน ที่ลูกคุยกับแม่น่ะ บางทีมันอาจเป็นสัญญาณเตือนในการเปลี่ยนแปลง บางสิ่งในตัวลูก” วิทิตกล่าว  



              “รากแก้วกำลังจะลืมคะ อย่างที่แม่บอกมันเป็นเรื่องไร้สาระ และเพ้อฝันอย่างที่ยอดไม้บอก”  เธอเดินจากไป ทั้งที่อยากอยู่ถามเรื่อง



    ทั้งหมดให้แน่ชัด



        ภายในชั้นเรียน รากแก้วนั่งเงียบอยู่ที่นั่งริมสุดคนเดียว ก้มหน้าดูการบ้านที่เธอทำเสร็จตั้งแต่เมื่อต้นชั่วโมง เธอคิดว่า พลอยกำลัง



    นั่งจับกลุ่มกับเพื่อนเพื่อคุยเรื่องของเธอ และมันน่าจะเป็นเช่นนั้น จริง ๆ เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนเข้ามาพูดคุยกับเธอ รากแก้วไม่กล้าที่จะหันไป



    มองใครทั้งนั้น เธอฟุบตัวลงกับโต๊ะและหลับตา





                   ชายชราร่างซูบผอมเดินอยู่เบื้องหน้าเธอ ชุดที่เขาสวมเป็นชุดคลุมยาวอย่างที่เธอเคยพบมาแล้วถึงสองครั้ง  ใบหน้าที่หันกลับมา  



    มองเธอเปี่ยมล้นไปด้วยความปิติยินดี เธอยังคงประหลาดใจเมื่อเขามีท่าทีเช่นว่า รู้จักเธอ ภายในเสื้อคลุมสีเทามีกล่องใบหนึ่งเก็บซ่อนอยู่เขา



    หยิบมันออกมา ส่งให้เธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รากแก้วรับไว้ราวกับเป็นของขวัญวันเกิดของเธอ กล่องใบนั้นเปิดออกด้วยตัวเอง ภายในกล่องมี



    แสงสว่างเจิดจ้า รากแก้วหรี่ตา ทั้งพยายามสู้แสงนั้น และมองเข้าไปข้างใน อัญมณีรูปหยดน้ำส่องแสงประกายแวววับ รากแก้วหยิบขึ้นมา แต่



    เพียงเธอสัมผัสด้วยปลายนิ้ว ผลึกนั้นแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดและเคลื่อนที่อย่างมีชีวิตในร่างกายเธอ ชายชราหายไปแล้ว แต่ร่างกายเธอ



    กำลังร้อนรุ่ม ราวกับว่าโดนไวรัสเข้าทำลายอวัยวะอย่างฉับพลัน



        “รากแก้ว  เธอไม่สบายหรือเปล่า ตัวเธอร้อนๆ นะ เธอต้องป่วยแน่ๆ เลย” เสียงหนึ่งปลุกเธอให้ตื่นเมื่อหมดชั่วโมงเรียน แป้งนั่น



    เองเธอถือกระเป๋าอยู่ด้วย



                    “ฉัน ไม่เป็นอะไรหรอก”  แต่รากแก้วยังรู้สึกถึง ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ จนสามารถทำให้เพื่อนรู้สึกได้



        “เธอต้องไป ห้องพยาบาลนะ รากแก้ว” แน่ล่ะเธอต้องไป แต่เรี่ยวแรงของเธอแผ่ออกไปพร้อมกับความร้อน เธอยืนด้วยตัวเองยัง



    ไม่สำเร็จเลย ในตอนนี้



        “ฉันจะไปส่งนะ  แป้งคงพยุงไม่ไหวหรอก”  ปิ๊กที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แป้งพูดขึ้น ได้โปรดเถอะ เธอไม่อยากเรื่องมากในเวลานี่เลย แต่



    ทำไมต้องเป็น ปิ๊ก ที่เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขาน้อยที่สุด  ชายหนุ่มเข้ามาพยุงร่างของเธอ รากแก้วหายใจเข้าอย่างพยายามรวบรวม



    แรงต่อต้าน แต่มันน้อยเหลือเกิน เธอยังยืนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ



        “เธอไม่สบายมากเลยนะ ถึงขนาดนี้ยังมาโรงเรียนอีก  ฉันจะอุ้มเธอก็แล้วกัน”  ปิ๊กพูดขึ้นเองและตอบเอง เขาคงคิดว่าเธอหมดสติ



    ไปแล้ว แต่เธอยังได้ยินที่เขาพูด รู้สึกได้ถึงแรงมากมายในตัวเขาขณะที่ยกเธอลอยจากพื้น มือใหญ่อย่างนักกีฬาประครองอยู่ที่ต้นคอและใบ



    หูเธอ เขาไม่รู้เลยว่าเธอมองเห็นหน้าเขาผ่านปกเสื้อด้านล่างของเขาด้วย  



        ปิ๊กเดินวนเวียนอยู่หลายรอบกว่าจะพาเธอมาวางลงที่เตียงผู้ป่วยหญิง ของห้องพยาบาล เธอต้องนอนพักหลังจากกินยาลดไข้แล้ว



    แต่เธอไม่อยากนอน ไม่อยากฝันที่จะทำให้เธอป่วยได้ถึงขนาดนี้  และเธอก็ไม่ได้ฝันอีก รากแก้วนอนคิดอยู่เพียงว่าเธอจะกลับไปเป็นปกติ



    อย่างเช่นเคย หรือเธอจะเป็นบ้าไปแล้ว



                    ตอนเที่ยงยอดไม้เข้ามาเยี่ยมเธอ เขาบอกว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับการประชุมกรรมการนักเรียน เธอเองไม่ได้ต้องการไปก้าวก่าย



    เวลาอันมีค่าของเขาแม้แต่น้อยเลยจริงๆ และไม่ต้องการให้เขามา พร่ำบ่นเธอ ว่าป่วยเพราะสาเหตุต่าง ๆ ซึ่งล้วนไม่เป็นความจริง แต่เธอจะไม่



    บอกเขาหรอกว่า เธอป่วยเพราะเธอฝันถึงหยดน้ำประหลาดที่ไหลเข้ามาในนิ้วมือ



        “ฉันว่าเธอ เลิกเล่นเพาะต้นไม้ไปซักพักจะดีกว่านะ อากาศหนาวๆ อย่างนี้ไปนั่งตากลม ก็ป่วยเอาน่ะสิ”



                   “ไม่หรอก ฉันไม่ได้ป่วยเพราะปลูกต้นไม้หรอกน่า” ยอดไม้ยังเดินวนเวียนอยู่รอบๆ เตียงผู้ป่วย



                   “แล้วจะกลับไปนอนที่บ้านหรือเปล่า เห็นเพื่อนบอกว่า ตัวร้อนมากเลยนี่นา ฉันจะได้โทรศัพท์ไปบอกพ่อ”  



                   “ไม่ต้องหรอก  ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ แต่ตอนนี้อยากนอนมากกว่า” รากแก้วขยับผ้าห่มให้กระชับตัว ยอดไม้รู้ว่าน้องสาวต้อง



    การให้เขาไปซักที



                   “งั้น ฉันไปละน่ะ” รากแก้วมองตามจนกระทั่งเขาหายไปจากห้องพยาบาลเธอจึงลุกขึ้นนั่ง พิงอยู่กับหัวเตียง ที่เธอรู้สึกตอนนี้ก็คือ



    หิวต่างหาก พยาบาลหายไป เธอคงไปพักกลางวัน โดยที่ลืมไปว่ามีคนไข้คนหนึ่งยังไม่มีอาหารเที่ยง  เธอลุกขึ้นจากเตียงและเกล้ารัดผมที่



    หลุดหลุ่ยให้เรียบร้อย โรงอาหารอยู่ไม่ไกลจากห้องพยาบาล รากแก้วสวมรองเท้าที่ชั้นวางรองเท้า



        “อ้าวคนป่วยจะไปไหน เหรอจ้ะ” แป้ง และพลอยยืนอยู่ข้างๆกัน รากแก้วมองอย่างประหลาดใจ พลอยทำให้เธออยากกลับไปข้าง



    ในห้องพยาบาล นอนลงบนเตียงและหลับตา เธอจะได้ตอบทั้งคู่ว่า เธอง่วงเหลือเกิน และต้องการอยู่ตามลำพังอย่างสงบ แต่เธอเพิ่งจะสวม



    รองเท้าทั้งสองข้างเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง



        “ไปโรงอาหาร น่ะ” รากแก้วตอบ



                    “นี่เธอยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเหรอเนี่ย  ตายแล้ว ตอนนี้มันจะบ่ายแล้วนี้ คงจะหาอะไรกินลำบากหน่อยนะ เมื่อกี้ร้านขนมร้านสุด



    ท้ายพึ่งจะปิดไปเองนี่ ใช่ไหมจ้ะแป้ง”  



                    “ใช่แล้วล่ะ รากแก้วเธอไม่ต้องไปโรงอาหารหรอก นั่งรอพยาบาลอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวเขากลับมา อาจจะมีก๋วยเตี๋ยวใส่ถุงมาฝาก



    เธอก็ได้นะ ฉันเดาน่ะ” ท่าทีของแป้งเปลี่ยนไปจนรากแก้ว ไม่อยากเชื่อสายตา เธอยืนห่างจากรากแก้ว ใช้สายตามองอย่างศัตรูที่โกรธแค้น



    กันมานาน รากแก้วไม่รู้ว่าพลอย พูดถึงเธออย่างไรบ้าง จึงสามารถเปลี่ยน แป้งเพื่อนผู้แสนอ่อนโยนของเธอ เป็นคนละคนได้



        “ขอบใจนะที่ อุตสาห์เดินมาบอก  ฉันก็ไม่ได้หิวซักเท่าไหร่หรอก  เมื่อครู่ พี่ชายฉันก็เพิ่งจะซื้อขนมมาฝาก” รากแก้วถอดรองเท้า



    และกลับเข้าไปในห้องพยาบาล ด้วยท้องที่ว่างเปล่า เอนไซน์กำลังทำหน้าที่บดกระเพาะอาหารของเธอจนปั่นป่วน เธอเริ่มวิงเวียนกับอาการนี้



    รากแก้วพยายามหยุดคิด เรื่องเพื่อนทั้งสอง ที่จะทำให้เธอรู้สึกว่าลำไส้รัดตัวเป็นปมเข้าไปอีก บางทีเธออาจต้องการยาธาตุฯ มากินเพื่อรอง



    ท้อง

        “นี่เธอกำลังทำอะไรน่ะ” ปิ๊กยืนอยู่หน้าประตูห้องพยาบาล มองรากแก้วกำลังปีนเก้าอี้ เพื่อหยิบยาที่อยู่สูง  



        “ฉัน จะกินยา” รากแก้วลงจากแก้วอี้ เมื่อเธอรู้สึกว่าห้องเริ่มหมุนไปรอบๆ เก้าอี้



                    “ถ้าเธอจะกินยาธาตุฯ นะ ยาพวกนั้นยังไม่ได้เปิดขวด  ตรงมุมห้องทางโน้นต่างหากที่มียาที่เขาใช้กัน”  รากแก้วพยักหน้ารับรู้



    พยายามยิ้มกับความงี่เง่าของตัว แต่เธอไม่ผิดหรอก โทษอาการตาลายของเธอเถอะ  



        “เธอยังไม่ได้กินข้าวเหรอ..”   รากแก้วพยักหน้า น้ำตาเหมือนจะร่วงลงมาด้วยความหิวบวกกับความน้อยใจที่เพื่อนสาวทั้งสอง เข้า



    มาเหยียดหยามเธอ      



                    “กินยาธาตุแทนอาหาร คิดได้ไงเนี่ย  กินนี้ซะ” ปิ๊กส่งแซนวิสสองอันให้เธอ รากแก้วรับไว้ด้วยมือที่สั่นเทิ้ม แซนวิสครึ่งอันถูกยัด



    เข้าไปในปาก เธออยากให้อาการทุรนทุรายนั้นหายไปเสียที แต่ชายหนุ่มมองเธออย่างแปลกใจพร้อมกับหัวเราะออกมา



                    “อาย ไอ่อินอ้วยอันเหออ”  รากแก้วยื่นแซนวิสให้ ปิ๊กส่ายหน้าและยังหัวเราะอยู่ เธอจึงรู้สึกว่าทำเรื่องน่าอายออกมาอีกจนได้เธอ



    พยายาม เคี้ยวช้าๆ ให้ดูสำรวมขึ้น แต่แซนวิสครึ่งชิ้นนั้นกลืนลงคออย่างยากลำบาก เมื่ออาการต่างๆ บรรเทาลงเธอจึงเริ่มพูดคุยกับเขาบ้าง  



                    “แล้ว นายไม่เข้าเรียนหรือไง”



                    “สงสัยเธออยากได้แซนวิสอีกอันล่ะซิ ยังไม่หายหน้ามืดอีกหรือไง ชั่วโมงนี้ อิสระนะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอก็แล้วกัน” ราก



    แก้วอยากกล่าวปฏิเสธในทันที แต่ยังสำนึกในบุญคุณแซนวิสที่อยู่ในมือ  



                    “ฉันมีปัญหาที่ค้างคาใจอยู่..มันเป็นความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ภายในอกอย่างบอกไม่ถูก มันคงจะไม่เกิดขึ้นถ้าฉัน.. ไม่ไปหลงรักเธอ



    เข้า” เธอรีบกินแซนวิสชิ้นสุดท้ายอย่างรวดเร็ว



                   “เธอจะตอบฉันได้หรือยัง..  รากแก้ว” หน้าของเขากำลังกลายเป็นสีชมพู เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิด ห่อพลาสติกถูกวางลงข้างๆ เก้าอี้



    รากแก้วคิดว่าเธอได้ตอบแทนแซนวิสชิ้นแรกของเขาไปแล้ว โดยการที่เธอไม่ไล่เขาให้ไปไกลๆ ตั้งแต่แรก  และเธอก็ตอบแทนแซนวิสชิ้นที่



    สองโดยการให้เขาพูดระบายความในใจโดยที่เธอนั่งฟังอย่างสงบ (มีแซนวิสอยู่ในปาก)  ตอนนี้เธอกับเขาก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว



                   “ฉันจะตอบนายก็ได้.. ฟังให้ดีดีนะ”  รากแก้วมองใบหน้าชายหนุ่มที่อยู่ในอาการลุ้น อย่างนึกขำ เขาจะเป็นยังไง ถ้าเธอบอกว่า



    เธอเกลียดเขาจะแย่ ตลอดเวลาผ่านมา ไม่มีท่าทีใดใดที่บอกว่าเขา หลงรักเธอ หรือแม้แต่ปรารถนาดีอย่างเพื่อน มีแต่คอยกลั่นแกล้งซึ่งเธอ



    เกลียดที่สุด



    ฝีเท้าหนึ่งก้าวมาในห้องพยาบาล พยาบาลสาวมองทั้งคู่อย่างแปลกใจ



                   “นี่เธอหายแล้วเหรอ กินข้าวแล้วใช่ไหม” ปิ๊กสะดุ้งเฮือก เขาลุกขึ้นยืน



                   “ขอโทษนะครับ.. ขอตัวรากแก้วซักเดี๋ยวนะครับ” ปิ๊กดึงมือเธอวิ่งออกจากห้องพยาบาล



                   “หยุดๆ นี่มันอะไรกันนักหนาเนี่ย” รากแก้วเริ่มรำคาญ



                   “ก็ ..ฉันกลัวว่าเธอจะอาย ก็เลยพามาไกลๆไง”



                   “อายอะไร  มีเรื่องอะไรต้องอายด้วยเหรอ ถ้านายอยากได้คำตอบนักฉันก็จะบอกนายล่ะนะ  ฉันไม่ตกลงเป็นแฟนกับนายหรอก



    นายอย่ามาหลงรักฉันเลย” รากแก้วกล่าวก่อนจะเดินกลับไปยังห้องพยาบาล ทิ้งให้ชายหนุ่มทำอารมณ์อกหักต่อไป เธอจะไม่มีวันรู้เลยว่า



    หัวใจดวงหนึ่ง โดนเธอทุ่มลงกับพื้นด้วยท่วงท่าอย่างยูโด เธอชนะคู่ต่อสู้อย่างสวยงาม โดยเขาไม่มีโอกาสที่จะโต้ตอบได้เลย เธอเดินเข้าห้อง



    พยาบาลไปแล้ว แต่เขายืนมองอยู่เนิ่นนานราวกลับว่าเธอจะวิ่งกลับมา และบอกเขาว่าเรื่องทั้งหมดเธอแกล้งอำเขาเล่นๆ แต่เขาก็เริ่มเข้าใจ



    ทุกอย่างว่า เธอไม่ได้โกหก  เธอคงกำลังมีความสุข เฮฮา หัวเราะร่ากับการพูด ความจริง ที่แสนเจ็บปวดสำหรับผู้ชายเริ่มรักอย่างเขา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×