ขอจดจำถ้ำขุนตาน - ขอจดจำถ้ำขุนตาน นิยาย ขอจดจำถ้ำขุนตาน : Dek-D.com - Writer

    ขอจดจำถ้ำขุนตาน

    เรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยว ที่ไม่ประสบการณ์ แต่อยากจะเที่ยวหาประสบการณ์ เกิดเรื่องราวอะไรขึ้นถ้าแผนการที่วางไว้ ล้มเหลว

    ผู้เข้าชมรวม

    358

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    358

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  กลอน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ก.ค. 51 / 12:50 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เรื่องราวของการเดินทางกับกลุ่มเพื่อน
    เรื่องราวประสบการณ์แห่งความประทับใจ
    เรื่องราวที่ยากจะลืมได้
    เรื่องราวที่อยากให้อ่าน

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ในครั้งหนึ่งวันนั้นวันรวมเพื่อน
      ยังคงเตือนความหลังที่ฝังจิต
      ขอจดจำเอาไว้ชั่วชีวิต
      รักสนิทคิดเห็นเป็นเพื่อนกัน
      วันนั้นเป็นวันแห่งความสุข
      แสนสนุกเฮฮาพาสุขสันต์
      พากันท่องเที่ยวไพรอยู่หลายวัน
      มิครั่นคร้ามภยันตรายในพงพี
      วันที่หนึ่งมีนาคมสุขสมนัก
      วันที่พรรคพวกเราต่างสุขี
      หมายเดินท่องผืนป่าพนาลี
      ท่าจะดีน้ำตกภูสอยดาว
      ไปสองคืนสามวันกันหกคน
      เที่ยวป่าสนบนเขาเขตไทยลาว
      ผม หนึ่ง นุ้ย ไอซ์ บี สาว
      นัดย่างก้าวตามกันได้หกคน
      พ่อขา และแม่บ้ำย้ำให้คิด
      เหล่ามวลมิตรคือที่พึงยามขัดสน
      เที่ยวหลายวันต้องระมัดระวังตน
      ไปหลายคนพ้นภัยใจเบิกบาน
      พอมาถึงซึ่งวันที่นัดหมาย
      ต่างสะพายของกินเที่ยวไพรสาณฑ์
      หน้า อ.ต. นัดพบมิช้านาน
      สมัครสมานมวลมิตรสนิทกัน
      หกคนพร้อมหน้าแปดโมงตรง
      หวังว่าคงสมใจไม่แปรผัน
      ขนของกินหอบเสื้อผ้าพันละวัล
      ที่หมายมั่นรถน้ำปาดเกือบไม่ทัน
      ขึ้นรถเมล์ลมโบกสบายกาย
      ถึงสุดปลายทางน้ำปาดที่คาดฝัน
      เหมารถต่อได้วางแผนไว้แม่นมั่น
      กลับเศร้าพลันคนแถวนั้นบอกน้ำแห้ง
      น้ำเหลือน้อยเจ้าหน้าที่ไม่ให้เที่ยว
      ใจเราเปลี่ยวเศร้าสลดอดรู้แจ้ง
      เหล่าเพื่อนเพื่อนระดมความคิดแจกแจง
      จึ่งแถลงแหล่งเลิศล้ำถ้ำขุนตาน
      ขึ้นรถกลับขนของจ้องจำนงค์
      จักขอลงหอนาฬิกาตั้งท่าไว้
      กระเป๋ารถก็ไม่มองจนอ่อนใจ
      โอ้แล่นไปจอดขนส่งงุนงงจริง
      เดิมเคยจอดวงเวียนหอนาฬิกา
      คนขับบ้าหรือเราบ้าว่าผีสิง
      เราต้องเหมารถกลับอย่าประวิง
      ตุ๊กตุ๊กซิ่งถึงรถไฟไม่ละเลย
      รอเวลาบ่ายสองครึ่งจึงเตรียมออก
      เจ้า
      ไอซ์ บอกอีกไม่ไกลนะเพื่อนเอ๋ย
      ว่าการไปครั้งนี้เราไม่เคย
      แต่เพื่อนเอยโปรดไว้ใจไปตามเรา
      พอสองทุ่มก็ถึงถ้ำขุนตาน
      ตามโบราณเล่าขานมาก่อนเก่า
      เจ้าพ่อขุนตาลท่านเป็นจ้าว
      ชาวนครเขลางค์สร้างไว้กราบกราน
      ลงจากรถมืดค่ำชอกช้ำจิต
      ฝากชีวิตกับใครในไพรสาณฑ์
      ขอฝากตัวนอนศาลาถ้ำขุนตาน
      ลูกกราบกรานเจ้าพ่อช่วยดูแล
      มีนายช่างใจดีจากเมืองน่าน
      ขอไหว้วานท่านช่วยดุจพ่อแม่

      คนประเสริฐน้ำใจงามดีแท้
      ที่แน่แน่เราขอข้าวขอน้ำกิน
      พอสามทุ่มเตรียมนอนพักผ่อนจิต
      เหล่ามวลมิตรมิได้หลับขยับดิ้น
      เสียงรถไฟน่ารำคาญเป็นอาจิณ
      อยากจะบินไปให้ไกลจากเสียงดัง
      นอนในเต็นท์ค่ำคืนชื่นฉ่ำจิต
      มีหนึ่งมิตรตั้งโรงสีไว้ทีหลัง
      เสียงกรนคนนี้ดีมีพลัง
      เหมือนระฆังที่คอยบอกอย่านอนเลย
      นุ้ย คนแรกที่ร้องอย่างรำคาญ
      ไม่สำราญเพื่อนคนอื่นไม่อยู่เฉย
      บ่นหิวข้าวและหนวกหูอีกตามเคย
      จึ่งเอื้อนเอ่ยวาจาให้รู้กัน
      นอนไม่หลับขยับตื่นฟื้นหลายหน
      ยิ่งมีคนกรนให้ฟังเลยลืมฝัน
      เที่ยวครั้งนี้ในชีวิตแสนสุดมันส์
      แล้วพากันตื่นนอนหกโมงเช้า
      ทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย
      แล้วก็ค่อยช่วยกันทำกับข้าว
      งานอาหารใช้เวลาไม่นานยาว
      เพราะกับข้าวคือมาม่าทุกมื้อไป
      พอเริ่มสายก็สะพายย่ามขึ้นเขา
      แต่ตัวเรากระเป๋านั้นมันใหญ่
      หนักก็หนักแต่ก็ต้องเดินไวไว
      ไกลก็ไกลเหนื่อยแสนเหนื่อยเมื่อยอ่อนแรง
      เจ้าดุ๊กดุ๋ยเดินทางกับเราด้วย
      มันก็ช่วยนำทางสว่างแสง
      เราคิดว่าหมาท่านพ่อที่สำแดง
      ไม่เคลือบแคลงไปทุกที่มิคำนึง
      เดินอีกไกลใจเราก็เริ่มท้อ
      เราเลยรอถามเจ้าหน้าที่เป็นที่พึ่ง
      ท่านใจดีก็บอกเราอย่างสุดซึ้ง
      อีกโลครึ่งเป็นคำตอบที่บอกเรา
      เดินหลงทางเลี้ยวขวาไปทางซ้าย
      แบกสะพายของกินไปหลายเขา
      เดินหลงทางหลายเมตรเหมือนคนเมา
      แต่พวกเราไม่ย่นย่อไป ยอสี่
      เดินวนไปเวียนมาหาถึงไม่
      เดินมาไกลเมื่อไหร่จะถึงที่
      ต้องลำบากตรากตรำช้ำชีวี
      ในตอนนี้อยากกลับบ้านคร้านจะเดิน
      หยุดผ่อนพักหนักเหนื่อยและเมื่อยล้า
      แทบจะบ้านึกอยากจะเหาะเหิน
      คิดไปคิดมาก็เพลิดเพลิน
      แต่ต้องเดินต่อไปด้วยความจริง
      ถึง ยอสามพวกเราก็ไม่ไหว
      หาแหตุได้พักรอเพื่อนผู้หญิง
      หาลานพักไว้ปักหลักเอนอิง
      ยืนหยุดนิ่งสักครู่จึงรู้กัน
      พอเที่ยงวันท้องเราก็เริ่มหิว
      ของที่หิ้วรีบเร็วไวก่อไฟพลัน
      กินทั้งดิบทั้งไหม้ใจสุขครัน
      แล้วพากันกางเต็นท์เด่นกลางลาน
       เป็นเต็นท์เดี่ยวเต็นท์เดียวที่กางอยู่
      มิมีผู้พักอาศัยน่าสงสาร
      มองทางไหนเป็นป่าใหญ่กว้างโอฬาร
      มีเพียงบ้านสองสามหลังที่ผ่านมา
      พอช่วงบ่ายเราก็หาที่พักผ่อน
      ผมไปนอนบนแท่นหินภูผา
      พอตกเย็นจึงเห็นปัญหามา
      มีน้ำท่าแต่ไฟฟ้ากลับไม่มี
      รีบต้มน้ำยำมาม่าห้าหกห่อ
      ก็มากพอเหลือหลายกายสุขี
      จัดที่หลับที่นอนให้เข้าที
      อย่ารอรีเร็วไวไปรวมกัน
      ท่าศาลาจุดชมวิวเพริศพริ้วนัก
      เป็นที่พักรวมกลุ่มผู้สร้างสรรค์
      พอมืดมิดจิตใจเริ่มพัวพัน
      เพราะเสียงนั้นทำให้ใจเราไม่ดี
      บนยอดเขามีแต่เราที่ส่งเสียง
      บ้านใกล้เคียงสองสามหลังฟังเงียบฉี่
      เราเลยรีบง่วงนอนกันทันที
      อากาศดีลมเย็นเห็นน่ากลัว
      กราบขอพรวิงวอนท่านเจ้าป่า
      จงรักษาพวกข้าฯนี้ดีถ้วนทั่ว
      อันตรายจงอย่าได้มาถึงตัว
      ไว้เหนือหัวเทิดเกล้าเจ้าขุนตาน
      พอกล่าวจบก้มกราบลงกับหมอน
      แล้วจึงนอนในเต็นท์กลางไพรสาณฑ์
      เสียงหมาหอนนกฮูกร้องก้องกังวาน
      เป็นสัญญาณบอกว่าเราไม่ต้องนอน
      เสียงบ่ฮู้ นกฮูกร้องตอนหัวค่ำ
      เหมือนมันย้ำบอกเป็นทางลางสังหรณ์
      หูได้ยินอย่างนั้นเป็นบางตอน
      เราจึงนอนไม่หลับกลับคุยเพลิน
      พอตกดึกเริ่มเย็นเป็นต้องหลับ
      แต่
      บี กลับปวดท้องร้องฉุกเฉิน
      กำลังหลับนอนฝันกันเพลินเพลิน
      ก็ต้องเดินส่องไฟไปสุขา
      มองทางไหนหนทางช่างมืดมิด
      มืดสนิทมิดแสงในเวหา
      เพราะอยู่ในป่าเขาเนาพนา
      แล้วกลับมานอนต่อรอเช้าพลัน
      พอหกโมงพวกเราก็รีบตื่น
      รีบหาฟืนก่อไฟไม่หุนหัน
      เรามาเที่ยวนับได้ก็หลายวัน
      จะกลับกันวันนี้สุดดีใจ
      วันนี้เราจะกลับบ้านตามหมายปอง
      จัดข้าวของเตรียมกระเป๋าเอาของใส่
      งานส่วนตัวทำถ้วนทั่วรีบเร็วไว
      แล้วก็ให้แบ่งอาหารตามสมควร
      เจ็ดโมงเช้าเราก็รีบลงจากเขา
      แล้วพวกเราวางแผนรีบเร่งด่วน
      เที่ยวครั้งนี้ จุฑามาศ เป็นคนชวน
      แต่กลับป่วนเพราะเที่ยวได้ไม่สมใจ
      แบกของกลับลับตาลาเจ้าพ่อ
      ไม่รีรอเดินวิ่งลงอย่างสดใส
      เดินทางลัดเลาะเลี้ยวเป็นทางใหม่
      รีบลงไปถึงข้างล่างอย่างเร็วพลัน
      ไม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไม่ช้ามาก
      ความลำบากจากไปในไพรสัณฑ์
      ถึงสถานีรถไฟพร้อมใจกัน
      นั่งรอคันหวานเย็นคงอีกนาน
      สิบโมงกว่ารถไฟก็เริ่มออก
      เราจึงบอกลาร่ำถ้ำขุนตาน
      ลาทุกสิ่งลาเจ้าพ่อขอกราบกราน
      เป็นวันวานที่เราเคยมาเที่ยวกัน
      นั่งรถไฟหวานเย็นสามโบกี้
      ในวันนี้กลับบ้านอย่างสุขสันต์
      รถหวานเย็นแต่คนขับรวดเร็วพลัน
      พอพอกันกับรถด่วนขบวนไว
      พอถึงที่บ่ายสามถามหาบ้าน
      จากขุนตาลถึงอุตรดิตถ์คิดมาไกล
      ถึงสถานีลงรถค่อยอุ่นใจ
      แล้วรีบไปเอามอ'ไซด์ที่ อ.ต.
      การไปเที่ยวครั้งนี้ช่างดีนัก
      แจ้งประจักษ์เหล่าเพื่อนเตือนเราหนอ
      อาหารน้อยแบ่งกันกินก็เพียงพอ
      เรื่องไปต่อกับกลุ่มนี้มีแน่นอน
      ผมเขียนกลอนย้อนความสว่างไสว
      บันทึกไว้อ่านเป็นอนุสรณ์
      เมื่ออดีตผ่านไปอยากอ่านกลอน
      ถือเป็นตอนเที่ยวกันมันส์จริงจริง
      ผม มานิต ชวนพินิจคิดภาษา
      นอกตำราที่ได้จดไว้ทุกสิ่ง  
      เอาไว้อ่านซึ่งความหลังหวังพึ่งพิง
      จะขอทิ้งท้ายไว้อย่างไรดี
      เอาเป็นว่าผมขอให้ใจผู้อ่าน
      จิตเบิกบานกายสมบูรณ์พูนสุขศรี
      หายจากโศกโรคภัยไร้ราคี
      ขอให้มีความสุขทุกคืนวัน
      หวังสิ่งใดคิดสิ่งใดได้สมหวัง
      มีพลังทั้งกายใจให้สุขสันต์
      คิดได้เงินได้ทองของรักกัน
      ขอสิ่งนั้นจงมีแด่ท่านเอย
      (1 มีนาคม 2547)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×