คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part II : Honest Wind
Part II : Honest Wind
5927 (?)
.
.
.
วายุโหมบ้าคลั่งพลันกระหน่ำ
ราวร่ายรำบนนภาผืนฟ้าใส
แล้วจึงได้พานพบผู้เกรียงไกร
นภาลัยเลื่อมใสผู้อ่อนโยน
.
.
.
จึงจักขอหยุดชะงักลงที่นี่
จักขอพลีชีพที่เหลือไว้รังสรรค์
ซึ่งความสุขซึ่งความรักซึ่งผูกพัน
แด่องค์ท่านอัมพรใจภักดี
.
.
.
วายุโหมกระหน่ำบ้าคลั่งที่ไม่มีผู้ใดหยุดได้
วายุที่พัดกระหน่ำสร้างความเดือดร้อนไปทั่วเขตขาม
กระทั่งได้หยุดลง ยามเมื่อพบพานนภาลัยผู้งดงาม
ครั้นแล้ว จิตใจจึงตั้งมั่น
ว่าจักขออยู่ใต้นภา
ว่าจักขอปกป้องสุดชีวาขาดดิ้น
..ตราบจนร่างนี้สิ้นสลายเป็นธุลี..
.
.
.
“ท่านรุ่นที่สิบคร้าบบบบบบบ~~~”
เสียงดังลั่นมาจากด้านหลังพร้อมกับแรงกระเทnอนจากการวิ่ง สิ่งเหล่านั้นเรียกให้เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาคู่งามหันมอง พร้อมเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าอ่อนหวานให้พรายขึ้นมาอย่างงดงาม “อรุณสวัสดิ์ โกคุเดระคุง ทำไมวันนี้ถึงมาช้าล่ะ?”
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ ท่านรุ่นที่สิบ เอ๊ะ แล้วเจ้าบ้าเบสบอลล่ะครับ?”ว่าพลางหันมองผู้ที่มักจะมายืนอยู่ด้วยเสมอ ดวงตาสีเขียวมรกตเหลียวซ้ายแลขวา สึนะมองเพื่อนผมเงินที่มองหาเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสั้น ก่อนจะแทบสำลักเมื่อมือหนาตบป๊าบลงมาที่กลางหลังอย่างจังๆ
“ไง! สึนะ โกคุเดระ! ขอโทษนะที่วันนี้ไม่ได้เดินมาด้วย”
“อะ..อรุณสวัสดิ์ ยามาโมโตะคุง”
เอ่ยพลางหัวเราะแห้งๆ ยังสำลักไม่ห่ยพร้อมไอค่อกแค่ก เจ้าวายุผู้ภักดีจึงพลันเอ่ยขึ้น
“แก!! ไอ้บ้าเบสบอล! บังอาจทำร่นที่สิบเจ็บ!!”ไม่ว่าเปล่ามือคว้าระเบิดขึ้นเตรียมถล่มแบไม่กลัวใครเห็น เด็กหนุ่มร่างสูงพลันแสยะยิ้มจับดาบไม้เตรียมจะฟาดคืนเปิดศึก ไฟแห่งกาต่อสู้โหมกระหน่ำ ก่อนจะพลันดับมอดลงเมื่อเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตายยุ่งเอ่ยขึ้นมา
“อย่าสู้กันในโรงเรียนสิทั้งสองคน!! รีบไปที่ห้องกันได้แล้วน่า!”เอ่ยพลางดึงเสื้อของเด็กหนุ่มผมเงินทั่งไม่ยอมเก็บอาวุธอันตราย
“แต่ว่า!! แต่ว่า! มันทำรุ่นที่สิบนี่ครับ!”โวยวายลั่นราวกับเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ ก่อนสึนะจะพลันส่ายหัวแล้วตะโกนขึ้นบ้าง
“ช่างมันเถอะน่า!! โกคุเดระคุง!! ฉันไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดจะตายเพราะโดนตบหลังซะหน่อย!”
“นั่นสิ ฮะๆ โกคุเดระ นายนี่ทำยังกับสึนะเป็นผู้หญิง”ยามาโมโตะว่าพลางหัวเราะสบายๆตามแบบฉบับของตน โกคุเดระพลันตวัดมองตาเขียวปั๊ด ก่อนจะจุดไฟขึ้นอีกครา
“มาหาว่าท่านรุ่นที่สิบเป็นผู้หญิงเรอะ!”
“พอได้แล้วน่า!!!! ถ้าทำแบบนี้ฉันจะไม่คุยด้วยทั้งวันเลยนะ!”ตะโกนราวเหลืออด แต่ดูเหมือนจะได้ผลเป็นอย่างดี
“อย่านะครับรุ่นที่สิบ!”
แทบจะโหยหวนเป็นเสียงหวีดร้อง ระเบิดหลากชนิดหลากขนาดพลันตกลงพื้นด้วยความช๊อคของผู้เป็นเจ้าของ ก่อนเด็กหนุ่มผมเงินจะรีบกุลีกุจอเก็บระเบิดขนิดไม่รอคำสั่งใดๆ สึนะถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแผ่วบาง
“เวลาอยู่ที่โรงเรียนพยายามอย่าควักเอาระเบิดออกมาเลย สัญญานะ โกคุเดระคุง แค่ตัวฉันเองฉันปกป้องตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งนายหรอก”
เอ่ยพลางยิ้มหวานแห้งๆ แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มร่างโปร่งจะยังไม่ยอมแพ้
“แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่อยากเห็นรุ่นที่สิบบาดเจ็บนี่ครับ!!”
“ขอแค่โกคุเดระคุงห่วงฉันแบบนี้ ฉันก็ดีใจแล้วล่ะน่า”
..คำพูดที่ชวนให้ตื้นตัน....
ท่านรุ่นที่สิบมักยิ้มให้ผมด้วยดวงตาที่แสนงดงามเช่นนี้เสมอ
นภาลัยผู้งดงามเลอค่ายิ่ง..
ตื้นตันนัก รักนัก
..กับความอ่อนโยนที่มอบให้..
.
.
.
อ่อนโยนนักหนา นภาเอ๋ย
แม้กับวาโยดื้อกร้าว ไร้แก่นสาร
แสนสุขกับคำกล่าวเย็น ดั่งลำธาร
ขอสาบานจักติดตาม ตราบนิจ นิรันดร
.
.
.
ขอบพระคุณเหลือเกินครับ ท่านรุ่นที่สิบ!!
เด็กหนุ่มร่างเล็กมองประกายตาแสนภูมิใจปนเต็มตื้นของเด็กหนุ่มผมเงินเชิงงุนงง แต่แล้วก็ไม่สนใจ แล้วจึงตัดสินใจชักชวนเพื่อนทั้งสอง
เดินเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน
“ไปเถอะ โกคุเดระคุง ยามาโมโตะคุง เดี๋ยวจะโดนลงโทษเอา”
“ครับ ท่านรุ่นที่สิบ!”
เอ่ยด้วยเสียงดังลั่น แล้วจึงวิ่งตามร่างแบบบางไป
.
.
.
จักภักดี เฝ้าห่วงหา เฝ้าห่วงหวง
ลึกในทรวงยินดียิ่งเป็นนักหนา
ขอเพียงให้ได้อยู่ใต้ฟากนภา
ดวงตาวายุก็ประกายพราย
.
.
.
.
.
.
“ท่านรุ่นที่สิบไปโดนอะไรมาครับ!!”
ร้องลั่นจนทำกระเป๋าตก มองใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยรอยแผล ดวงตาสังเกตเห็นแขนทั้งสองข้างที่เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไม่อาจขยับได้
เพราะวันนี้มีรายการตอบปัญหาวิชาการ เขาจึงไม่ได้มาโรงเรียน แต่เพราะความอยากเจอรุ่นที่สิบจึงกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้งโดยไม่กลับบ้านไปก่อน
แล้วนี่มันอะไร!!?
เจ้าบ้าเบสบอลไม่ได้คอยคุ้มครองรุ่นที่สิบอยู่หรอกรึ!
คิดอย่างแสนขัดใจ ก่อนจะโวยวายขึ้นอีกครั้ง “ไอ้สวะตัวไหนมาทำร้ายรุ่นที่สิบกันครับ!!ผมจะไปจัดการมัน!!”
ดังเช่นเดิมของความเร่าร้อนแห่งวายุ มือเรียวขยับจับระเดขึ้นเตรียมถล่มขอเพียงนายเหนือเอ่ยชื่อ สึนะยิ้มแห้งๆพลางร้องห้าม ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่มีใครมาทำร้ายฉันทั้งนั้นแหละ ฉันหกล้มเอง”ยิ้มบาง มือเรียวบางยกขึ้นโบกราวไม่มีอะไร แต่บาดแผลมากมายบนร่างกายมันบอกว่า ไม่ใช่แค่การหกล้มธรรมดา!!
เหนือสิ่งอื่นใด
แววตาเศร้าหมอง กับ ดวงตาที่แดงคล้ำราวกับผ่านการร้องไห้มา...
“ท่านรุ่นที่สิบอย่าโกหกผมสิครับ!!”
ดวงตาประกายมรกตงามมองลึกในดวงเนตรของนายเหนือ มือเรียวประคองแขนทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา
แม้อยู่ในอารมณ์โกรธขึ้งเพียงใด
เขายังระงับอารมณ์ได้
.
.
จะไม่มีวันทำร้ายท้องนภา
จะไม่มีวันทำให้โศกสัญ
แม้จะร้ายกาจจนผู้อื่นทรมานแสนเบื่อหน่าย
แม้จะไม่เคยเห็นใครในสายตา
แต่จะไม่มีวัน นำพาภยันตรายมาให้นายเหนือผู้งดงาม
จะไม่มีวัน ทำให้รอยยิ้มนี้พลันจางหาย
..อย่างเด็ดขาด..
.
.
.
เด็กหนุ่มรู้ดีถึงความกังวลของเพื่อน และยิ่งรู้ดีว่าสภาพร่างกายตอนนี้มันมากกว่าการหกล้ม หากแต่ก็ไม่อาจเอื้อนเอ่ยตอบอะไรได้
เพราะเขาไม่คิดจะให้เพื่อนผมเงินคนนี้ไปสู้กับเมฆาราชสีห์ผู้เกรียงไกร
ไม่อยากให้ใครซักคนต้องบาดเจ็บ
อีกประการหนึ่ง
นั่นคือความต้องการของเขาเอง
เขามีสิทธิที่จะหนีก่อนปะทะกับคุณฮิบาริ
แต่เขาไม่ได้ทำ
ยามนั้น อีกด้านหนึ่งของหัวใจ เรียกร้อง ปรารถนา จะให้ถูกจดจำ
แม้ด้วยวิธีขลาดเขลาโง่งม
ดังนั้นจึงได้เข้าต่อสู้ โดยไม่ดูกำลังของตัวเอง
แล้วอย่างไรล่ะ
ความพยายามนั้น สุดท้ายก็ดูราวจะสูญเปล่า
..สุดท้าย ก็มีแต่ชอกช้ำ..ทุกข์ทน..
.
.
.
นภาลัยพลันหม่นแสงแสนโศกสัญ
พลาดจากฝันจากเมฆาที่ปองหมาย
ความนึกคิดความสุขล้นพลันมลาย
เหลือเพียงกายเปื้อนหม่นหมองทุกข์ระคน
.
.
.
“.....ท่านรุ่นที่สิบครับ....”เอ่ยเสียงแผ่ว ว้าวุ่นใจเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำตาลยิ่งหมองหม่นลงทุกที “ถ้างั้น..ผมไม่ถามแล้วก้ได้ครับ แต่ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงดูเศร้าสร้อยแบบนี้?”
สึนะมองสบดวงตาสีมรกตงาม กิ่นจะส่ายหัวแล้วยิ้มบางให้ “ไม่มีอะไรหรอก โกคุเดระคุง”
“เป็นเรื่องที่บอกผมไม่ได้หรือครับ รุ่นที่สิบ?”
กุมมือทั้งสองของเด็กหนุ่มร่างเล็ก พร้อมย่อตัวเงยสบประกายตาสดใส
“ว่าไงครับ ท่านรุ่นที่สิบ ช่วยระบายให้ผมฟังได้ไหม....?”
“...โกคุเดระ..คุง...”
ครืด..
“สึนะ!! จะกลับบ้านรึยัง?”
เสียงของยามาโมโตะดังขัดขึ้นขณะเดินเข้ามาในห้องเรียนที่ร้างผู้คน เด็กหนุ่มเจาของเรือนผมสีน้ำตาลไหม้พลันผุดลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ยตอบไป “จะกลับแล้วล่ะ แต่ว่าคงต้องแวะไปที่อื่นก่อน วันนี้ต่างคนต่างกลับละกัน บาย โกคุเดระคุง ยามาโมโตะ”
“ท่านรุ่นที่ส....”
ไม่ทันจบประโยค สึนะก็วิ่งออกจากห้องไป
“อ้าว โกคุเดระ นายไปตอบปัญหาไม่ใช่รึไง?”
“เพราะแกแท้ๆ!!”
ตะโกนลั่นใส่เด็กหนุ่มจนชวนให้งุนงง
“อ้าว อะไรของนายน่ะ???”
เอ่ยถาม หากแต่ร่างโปร่งบางยามนี้กลับไม่สนใจเสียแล้ว
ท่านรุ่นที่สิบ กำลังกังวลอะไรอยู่นะ
ทำไมเราถึงไร้ประโยชน์แบบนี้
.
.
.
อยากจะคอยปกป้องมิห่างเหิน
อยากจะเดินเคียงหายไม่ห่างหาย
อยากจะดูแลจนชีพมลาย
อยากจะคลายทุกข์โศกให้จางไป
.
.
.
ณ ฐานทัพใต้ดินแห่งวองโกเล่ เมืองนามิโมริ
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินสว่างเดินตรวจตราไปตามเส้นทางต่างๆ นึกทึ่งกับความคิดอันแยบยลของผืนนภาผู้เกรียงไกร
ทุกส่วนของการใช้งานนั้นเรียกได้ว่าไม่เปล่าประโยชน์
โกคุเดระยิ้มพราย รู้สึกดีใจที่ได้รับใช้นายเหนือคนปัจจุบัน
พลันดวงตามรกตก็เหลือเห็น
“ท่านรุ่นที่สิบ ไปไหนมารึครับ?”เอ่ยถามอย่างใสซื่อ มองใบหน้าของรุ่นที่สอบแห่งวองโกเล่ด้วยวคามห่วงใย
ร่างที่เตี้ยกว่าเพียงเงยมอง ก่อนจะยิ้มให้อย่างสดใส
“ไม่มีอะไรหรอก โกคุเดระคุง พอดีงานเอกสารเยอะไปหน่อยน่ะ"
สึนะยิ้ม มองใบหน้าของผู้ทิทักษ์วายุแล้วเอ่ยขึ้น “ไปที่ห้องนั่งเล่นเถอะ ฉันอยากอยู่กับทุกคนให้นานๆ”
"แต่ผมว่าท่านรุนที่สอบควรไปพักผ่อนนะครับ"เอ่ยพร้อมมองดวงตาคล้ำดำจากการอดนอน นึกห่วงนายเหนือที่ฏหมงานหนักจนมิได้พักผ่อน
แต่ชายหนุ่มกลับเพียงยิ้ม
"ขอโทษนะ...แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่า...ฉันอาจจะไม่ได้คุยกับทุกคนไปwfhนานกว่านี้น่ะ...."
"ฉันอยากใช้เวลาให้มค่าที่สุดก่อนที่มันจะหมดไป"
..ที่พูดน่ะ หมายถึงอะไรกัน!
หัวใจพลันหล่นวูบ หากคาดไม่ผิด นั่นมหายถึงการจากจร
..จักจากจรไปที่ใดล่ะ?..
"อย่าคิดอะไรเป็นลางร้ายแบบนั้นสิครับ!!"ตะโกนลั่น ชักเป็นห่วงนายเหนือแห่งวองโกเล่ขึ้นทุกขณะ "ท่านรุ่นที่..."
แล้วจึงถูดขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่เป็นไรหรอก โกคุเดระคุง มันก็แค่ลางสังหรณ์...เอาล่ะ เรากลับไปหาพวกยามาโมโตะดีกว่า นะ?”
โกคุเดระลังเล ก่อนจะเป็นฝ่ายพถูกลากไปเสียเอง
“เอาน่า ไปเถอะนะ”
..ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงเดินตามไป
.
.
.
ยังคงมั่น ยังคงรัก ยังคงฝัน
ขอคืนวันจงผ่านผันอย่างสุขี
แม้นสุดท้ายของชีวิตขอยอมพลี
วายุนี้ขอเคียงข้างนภาลัย
.
.
.
.................................................................................................................................................
เสียงสนั่นกึกก้องกับปนาทยิ่งกว่าเสียงของอาวุธที่เขาใช้
สิ่งนั้นมุ่งตรงไปยังร่างของนภาผู้เกรียงไกร
นายเหนือที่เคารพยิ่ง
เขาละจากผู้ที่กำลังต่อกร โยนระเบิกใส่ทั้งหมดอย่างไม่รู้จักวางแผนอันใด
ขาย่างก้าวเร็วรี่เข้ารองรับร่างที่พลันล้มลงมา อ้อมแขนประคองร่างที่กำลังหายใจรวยริน
เหล่าผู้พิทักษ์คนอื่นพลันวิ่งตรงเข้ามา เหลือเพียงเมฆาที่ยืนนิ่ง
เสียงแซ่สร้องเอ่ยขานเรียกนามของนภาลัย กรีดร้องดังหังให้ลืมตาตื่นอีกครา
ประกายตาสีน้ำตาลสวยพลันเบิกขึ้นอีกครา มองไปยังที่แห่งหนึ่ง
รอยยิ้มบางผุดพรายขึ้น
มือเรียวบางขยับยกคล้ายจะทำอะไรบางอย่าง ริมฝีปากขยับหากแต่ไร้สำเนียงเสียง
แต่แล้ว
..กลับตกลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างรวดเร็ว..
.
.
.
มลายสิ้นแล้ว ผืนนภา
ความงดงามอันใฝ่หา สูญสิ้น
รอยยิ้มหวานอันงดงามพลัน ดับสูญ มลายไป
เหลือเพียงวายุว้าเหว่ หม่นหมอง ยอกระกำ
.
.
.
THE END-Part II : Honest Wind-
To Be Continue -Part III : Calm Rain-
ความคิดเห็น