[Fic. Attack on Titan]Respect,Hate and Love [RivaillexEren]
ฟิค Attack On Titan [RivaillexEren] เรื่องราวในวันหนึ่งของสองหนุ่ม XD"
ผู้เข้าชมรวม
4,163
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title : Respect , Hate and Love
Author : Sinnerdarker
Paring : RivaillexEren
Rating : PG-15
Another Note : ในที่สุดความฟินก็ให้กำเนิดฟิคเรื่องนี้จนได้ ฟฟฟฟฟฟฟ ไม่นึกว่าจะแต่งจบ (และไม่นึกว่าจะยาวขนาดนี้!!) ติดลมฉิบหายวายป่วงว่ะค่ะ 555+
จากนี้อาจจะกำเนิดวันชอทอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากความฟิน ส่วนฟิคยาวเหรอ..ฝันไปเหอะ!! ตรูไม่สามารถพอ /โดนนิยายออริเกาะหลัง
อ๊ากกกก รีไวล์ซังเอาใจฉันไปเล้ยยยยยย
+++++++++++++++
ถ้าถามว่าในหน่วยสำรวจเขานับถือใครมากที่สุด บางที่ถึงไม่ต้องรู้จักเขามาก ก็คงรู้ว่าเขาจะตอบว่าอะไร
เขานับถือหัวหน้ารีไวล์มากที่สุด
ถึงแม้ในหน่วยจะมีรุ่นพี่ที่น่านับถืออยู่หลายคน และเขาก็ยอมรับว่าอยู่กับคนเหล่านั้นได้สนิทใจมากกว่าหัวหน้ารีไวล์ รวมถึงพูดคุยด้วยมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วหากถามว่าเขานิยมชมชอบใครมากที่สุด เอเลนก็คงตอบได้คำเดียวว่าหัวหน้ารีไวล์
หากถามว่าทำไมเขาถึงคิดเช่นนั้น.. บางทีอาจเป็นเพราะความเป็นหัวหน้าของอีกฝ่ายกระมัง.. แวบแรกที่เขาเห็นและรู้จักคนคนนี้ เขารู้สึกเหมือนกับเจ้าตัวจะต้องเย็นชาและไม่แยแสโลก แต่เมื่อได้กลายเป็นหนึ่งในลูกน้องของรีไวล์ เอเลนก็รู้สึกทันทีว่าชายหนุ่มค่อนข้างใส่ใจคนของตนอยู่มากพอควร
….แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กลัวหัวหน้ารีไวล์
เอเลนคิดขณะยืนอยู่หน้าห้องส่วนตัวของหัวหน้ารีไวล์ เม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อครู่รุ่นพี่คนหนึ่งเพิ่งจะมาเรียกเขาให้มาพบหัวหน้ารีไวล์ เจ้าตัวไม่ยอมบอกเขาเลยซักนิดว่าหัวหน้ารีไวล์เรียกตนมาเพื่อทำอะไร ทั้งยังทำสีหน้าราวกับชายหนุ่มจะเรียกตัวเขามาฆ่า สุดท้ายจินตนาการเลยพาลคิดไปถึงเรื่องเลวร้ายสุดกู่นับไม่ถ้วนที่คิดว่าหัวหน้ารีไวล์อาจจะทำกับตัวเอง
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลจ้องมองประตูไม้พลางสูดลมหายใจลึก รู้ดีว่าควรจะเคาะประตูเพื่อบอกเจ้าของห้องว่าตนมาถึงแล้ว แต่ดูเหมือนแขนเจ้ากรรมจะไม่ทำตามคำสั่งเขาเสียเท่าไหร่ ในเมื่อมันยังคงประสานไขว้กันที่แผ่นหลังในท่ามาตรฐานของทหารอย่างมั่นคง
แต่ถ้าขืนเขาไม่รีบเคาะประตู หัวหน้ารีไวล์ก็อาจจะหงุดหงิด และเปิดประตูออกมาฆ่าเขาก็ได้..
ก็ถึงจะบอกว่าใส่ใจยิ่งกว่าที่คิด ก็ไม่ได้หมายความว่าหัวหน้ารีไวล์จะใจดีนี่นา
เอเลนคิดพลางสูดลมหายใจลึก ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเตรียมเคาะประตูไม้ตรงหน้าตน ทว่าไม่ทันทำอย่างที่ใจสั่ง ประตูบานตรงหน้าตนก็เปิดออก ชนเข้ากับหน้าผากของเด็กหนุ่มอย่างจัง
โป๊ก!!
“อูย……….”เอเลนร้องครางแล้วทรุดลงไปนั่งกับพื้น มือหยาบกร้านทั้งสองยกขึ้นแตะหน้าผากตามสัญชาตญาณ ศีรษะปวดตุบเนื่องจากแรงที่ประตูฟาดใส่หนักพอสมควร
“นาย….มานั่งขดอะไรอยู่หน้าห้องฉัน”เสียงราบเรียบดังขึ้นจากด้านบน กดดันจนแทบจะทำให้เอเลนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
“เงยหน้าขึ้นมา”
เอเลนยังคงนิ่ง
“ฉันบอกให้เงยหน้าขึ้นมา” ได้ยินแบบนั้น เด็กหนุ่มผมน้ำตาลก็สะดุ้ง ก่อนต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นใบหน้าของเขา ชายหนุ่มผู้กุมตำแหน่งหัวหน้าทหารอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนออกเสียงเรียกชื่อเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำไร้อารมณ์ “เอเลน? นายมาทำอะไรที่นี่ ว่างนักรึไง”
เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อบนใบหน้าไร้อารมณ์เริ่มปรากฏร่องรอยของความหงุดหงิด ทว่าจะด้วยลุกขึ้นยืนเร็วไปจนเลือดขึ้นไปเลี้ยงไม่ทัน หรือเป็นเพราะอาการปวดหัวจากการกระแทกยังคงอยู่ เขาก็หน้ามืดไปชั่ววูบแล้วเกือบเซล้มลงไป
หมับ!
ไม่ทันจะเซล้มลงไปกองกับพื้น แขนของเขาก็ถูกดึงเอาไว้ ก่อนจะถูกอ้อมแขนโอบประคองเอวไว้เพื่อยืนให้มั่น
“เป็นอะไรของนาย เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวรึไง?”เสียงทุ้มต่ำราบเรียบบอกพร้อมหรี่มองด้วยสายตาคมปราดซึ่งแลดูเหยียดหยามอยู่ทุกเมื่อ ทว่าเมื่อได้รู้จักคนคนนี้มากขึ้น..เอเลนก็รู้ในที่สุดว่ามันเป็นแววตาตามธรรมชาติของเจ้าตัว
“ขอโทษครับหัวหน้ารีไวล์ เมื่อครู่ผมหัวกระแทกประตูนิดหน่อย ก็เลยยังมึนไม่หายน่ะครับ”เอเลนตอบอย่างฉะฉานขณะยังยกมือกุมหน้าผากตัวเองอยู่ ก่อนจะก้มมองใบหน้าของคนที่เตี้ยกว่าเขาราวสิบเซนต์ และเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้รีไวล์ประคองตนไว้อยู่..ในลักษณะที่น่าอายทีเดียว
“ขะ.. ขอโทษครับหัวหน้ารีไวล์!!”เอเลนเอ่ยพร้อมรีบขยับมายืนตรง ส่วนรีไวล์ก็ปล่อยแขนออกราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ก่อนจะกอดอกพิงร่างกับประตูแล้วมองเอเลนนิ่ง
เอเลนที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรก็ยืนนิ่งต่อไป ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อใบหน้าของรีไวล์เริ่มขมึงเครียดกว่าเก่าพร้อมเปล่งน้ำเสียงกดดัน
“มาทำอะไรที่นี่”
“อะ..เอ้อ! รุ่นพี่ไมค์บอกผมว่าหัวหน้ารีไวล์เรียกผมน่ะครับ!!”เอเลนเอ่ยพร้อมกำหมัดขวาทุบลงบนหน้าอกตนเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้บังคับบัญชาของตน ในขณะที่รีไวล์เลิกคิ้วขึ้น พร้อมยกมือขึ้นแตะที่คางตนราวกับเพิ่งนึกได้ “อ้อ..ใช่ ดูเหมือนว่าฉันจะเรียกนายมาจริงๆ”
ว่าจบ เจ้าตัวก็เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่ยังยืนยิ่งอยู่ข้างนอก “เข้ามา มัวยืนเซ่ออะไรอยู่”
“คะ..ครับ!!”เอเลนเดินตามเข้ามาตามคำสั่ง ดวงตากวาดมองห้องของหัวหน้าตนอย่างนึกทึ่ง.. นอกจากห้องของอีกฝ่ายจะเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนเครื่องเรือนก็จัดสรรอย่างเป็นระเบียบ
ขนาดว่าที่นี่เป็นแค่ที่พักชั่วคราวก็ยังจัดได้ขนาดนี้.. เขายอมรับในความเจ้าระเบียบของคนคนนี้จริงๆ
“รายงานการลาดตระเวนนี่ ของนายสินะ” เอเลนที่เพิ่งก้าวเดินเข้ามาแล้วยืนหยุดอยู่บริเวณหน้าประตูหันขวับตามเสียง แลเห็นชายหนุ่มนั่งพิงอยู่บนขอบโต๊ะพร้อมโบกรายงานยับๆ ซึ่งมีลายมือเละเทะอยู่บนนั้นให้เขาดู เอเลนที่เห็นรายงานฉบับที่ว่ากลืนน้ำลายเอื๊อก รับรู้ได้ในทันใดว่าตนถูกเรียกมาเพราะอะไร
“…คะ…ครับ”
“ดังกว่านี้”
“ครับ! ผมเป็นคนเขียนรายงานนี้ขึ้นมาเองครับ!”
“งั้นเหรอ…”น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นเฉียบยิ่งกว่าเก่า ดวงตาคู่คมหรี่ลง ตามด้วย….
โครม!!
“..ใครสั่งใครสอนให้นายเขียนรายงานแบบนี้”อีกฝ่ายว่าด้วยสีหน้าเรียบราวกับไม่ได้กำลังโกรธเคืองใคร ทว่าขายาวกลับเตะลงบนบนผนังห้องจนแตกลายงาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฉียดใบหน้าของเด็กหนุ่มไปไม่ถึงไม่ถึงเซนต์..อันที่จริงก็คือ บนใบหน้าของเอเลนมีแผลจากขอบรองเท้าเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ…”
“อ่านไม่รู้เรื่อง วกไปวนมา มีแต่น้ำ” ชายหนุ่มว่าพลางกวาดสายตาในรายงานทั้งๆ ที่ยังคงไม่เอาเท้าออก “ขนาดตั้งใจอ่านยังได้ความไม่ถึงครึ่งของที่เขียนมา”
“ขอโทษครับหัวหน้ารีไวล์ ครั้งหน้าผมจะตั้งใจเขียนกว่านี้!”เอเลนรับความผิดแต่โดยดี พร้อมหลับตาปี๋ พลางคิดในใจว่า..ช่วยเอาขาออกไปจากข้างๆ หน้าผมทีเถอะ
“แสดงว่ารอบนี้นายไม่ตั้งใจเขียน?”
“มะ..ไม่ใช่ครับ…..”
“แล้วนี่นายใช้อะไรเขียน เอเลน มือหรือเท้า? ลายมือมันถึงได้บัดซบได้ขนาดนี้”
“………”เอเลนเริ่มพูดอะไรไม่ออก ลายมือเขาเมื่อก่อนเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ถ้าตั้งใจเขียนก็อาจจะพออ่านได้อยู่หรอก แต่เด็กหนุ่มต้องยอมรับว่าตนรีบเขียนรายงานฉบับนี้ไปหน่อย สุดท้ายลายมือเลยไก่เขี่ยไปเสีย..
...ถ้ารู้ว่าคนตรวจเป็นหัวหน้ารีไวล์ เขาคงเขียนให้มันบรรจงกว่านี้
“……หึ”
ขวับ!
…ผัวะ!
“อุ๊ก!!”เสียงอุทานดังลั่นเมื่อเท้าที่แตะเดิมแตะอยู่ข้างใบหน้าพลันสะบัดเตะผลัวะเข้าให้เต็มๆ ที่สีข้าง เอเลนล้มลงไปกองกับพื้น ในขณะที่รีไวล์เดินกลับไปที่โต๊ะ ก่อนลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาวางไว้หน้าโต๊ะทำงานตน ส่วนตนเองเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหลังโต๊ะ
“นั่นเป็นโทษเรื่องรายงานคราวนี้”เสียงเรียบเย็นเอ่ย “เอเลน ลุกขึ้น”
“คะ..ครับ”เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างยากเย็น ความเจ็บที่สีข้างทำเอารู้สึกจุกจนพูดไม่ออก แต่ต้องยอมรับว่า…เจ็บน้อยกว่าครั้งที่อีกฝ่ายเตะใส่หน้าเขาเยอะ
“ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว ตั้งใจฟังด้วย”อีกฝ่ายว่าพลางเอนหลังลงกับพนักพิงอย่างสบายใจเฉิบ ก่อนหรี่ตามองเอเลนที่แม้ลุกขึ้นก็ยังยืนนิ่งห่างจากเขาออกไป “มัวทำอะไรอยู่ รีบมานั่งตรงนี้ ฉันจะบอกแค่ครั้งเดียวเท่านั้นว่ารายงานมันทำกันยังไง แล้วคราวหน้าถ้าฉันเห็นของแบบนั้นบนโต๊ะฉันอีกแล้วรู้ว่าเป็นของนาย ก็เตรียมใช้หน้าใหม่ได้เลย”
…เพราะหัวหน้ารีไวล์คงเตะหน้าเขาเละแน่ๆ…
“คะ….ครับ!!”เอเลนยืนตัวตรงตอบรับ สยองเล็กน้อยกับคำขู่ของอีกฝ่าย แต่เมื่อรู้ตัวแล้วว่าหัวหน้าของตนจะสอนวิธีเขียนรายงานให้ก็รีบเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับรีไวล์ทันที “เอ่อ..หัวหน้ารีไวล์ครับ”
“เงียบ แล้วฟัง
”
“ครับ!”
หลังจากนั้น หัวหน้ารีไวล์พูดอะไรออกมาบ้าง เขาก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่ครูที่ดีและเขาไม่ใช่นักเรียนชั้นเลิศ หัวหน้ารีไวล์ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกว่าต่อไปควรจะเขียนรายงานยังไง และควรจะจัดระเบียบยังไง ..อันที่จริงหากคนอื่นมาฟัง ก็คงเหมือนชายหนุ่มกำลังพูดบ่นอะไรให้เขาฟังอยู่ ไม่ใช่การสอนอย่างที่มันเป็น เพราะเจ้าตัวเล่นไขว่ห้างวางขาไว้บนโต๊ะราวกับกำลังนั่งเล่นไม่ก็กดดันให้ใครซักคนสารภาพผิด ไม่ได้กำลังสอนใครทำอะไรอยู่
บทสนทนาระหว่างเอเลนกับรีไวล์ไม่ได้ใช้เวลานานนัก เวลาผ่านไปซักครู่หนึ่ง ชายหนุ่มผมดำตัดสั้นก็ปิดริมฝีปากลง ก่อนโยนรายงานตัวต้นเหตุใส่หน้าเอเลน
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปเอามาแก้ แล้วมาวางบนโต๊ะฉันภายในวันนี้”พูดจบชายหนุ่มก็เอาขาลงจากโต๊ะ ในขณะที่เอเลนกำลังหยิบรายงานที่ปาใส่หน้าตัวเองออก พร้อมกับตอบรับคำสั่งของหัวหน้าตน “รับทราบครับ”
เด็กหนุ่มจัดระเบียบรายงานของตน พร้อมกวาดตาอ่านแล้วยิ้มแหย เพราะเมื่อได้ลองอ่านอีกรอบ ก็ดูเหมือนรายงานฉบับนี้จะห่วยแตกจริงๆ
เอเลนทำความเคารพรีไวล์ครั้งหนึ่ง ก่อนเดินตรงไปที่ประตูห้องเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าให้เขาออกไปได้ ทว่ายังไม่ทันจะเดินไปถึงครึ่งก้าว เด็กหนุ่มก็หยุดลง เมื่อชายหนุ่มเจ้าของห้องเรียกตัวเขาไว้
“เอเลน”
“ครับ? หัวหน้ารีไวล์”เอเลนชะงักฝีเท้าพร้อมหันมามองชายหนุ่ม ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำสีหน้าจริงจัง…มากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
“ฉันเคยถามนายไปสินะ ว่านายเกลียดฉันไหม?”
“ครับ…”
“แล้วตอนนี้นายรู้สึกยังไงล่ะ เริ่มจะเกลียดฉันมากกว่าเดิมหรือเปล่า”
เอเลนเบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจคำถามของชายหนุ่ม ดวงตาสีเขียวสว่างจ้องมองไปยังใบหน้าเบื่อโลกของผู้ถามอย่างต้องการหาคำตอบ ทว่ากลับได้เพียงความเยือกเย็นไร้อารมณ์ที่ประดับบนใบหน้าคมของรีไวล์เสมอ
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปว่าอะไรดี.. เกลียดมากกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ? เอเลนไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครหน้าไหนเกลียดหัวหน้ารีไวล์ลง.. อย่ามากก็แค่กลัวและไม่อยากเข้าใกล้เท่านั้นเอง
เมื่ออีกฝ่ายยังคงเฝ้ารอคำตอบ และเอเลนไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงถอนหายใจ ยกมือขวาขึ้นทุบลงบนอกซ้ายของตน และเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ “ไม่ครับ ผมกลับรู้สึกนับถือคุณมากกว่าเดิม”
“หืม?” รีไวล์แค่นหัวเราะ แขนทั้งสองวางบนพนักพร้อมมือที่ประสานกัน “นับถืออย่างนั้นหรือ?”
“ถึงคนอื่นที่ไม่เคบรู้จักคุณจะไม่ทราบ แต่ผมทราบดีว่าคุณใส่ใจพวกเราที่อยู่ใต้บังคับบัญชาคุณมากแค่ไหน และผมทราบดีว่าทุกคนต่างรู้กัน
อีกประการหนึ่ง ในขณะที่มนุษย์แทบทุกคนมองว่าผมเป็นศัตรูของมนุษยชาติ และสมควรจะตายไปเสีย คุณกลับมองว่าผมสามารถจะช่วยเหลือมนุษยชาติได้… อย่างน้อยที่สุด หัวหน้าก็เชื่อใจผม ยอมให้ผมมีชีวิตอยู่ และยอมรับผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึง..ยอมรับในความคิดและตัวตนของผม หัวหน้ารีไวล์ครับ ผมรู้สึกขอบคุณเรื่องนี้มาตลอด และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมนับถือคุณ และไม่มีวันเกลียดคุณ”
รีไวล์แสยะยิ้มอย่างไร้ความหมาย มองสีหน้าขึงขังยามตอบคำของเอเลนอย่างเย้หยัน ก่อนเอ่ยค้านความคิดของเอเลน “ฉันไม่ใช่คนต้นคิดที่จะไว้ชีวิตนาย ลืมแล้วหรือไงว่าคนที่อยากได้นายมานักหนามันอัลวินกับฮันซี่ อีกอย่าง….”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนก้าวเดินเข้ามาหาเขาแล้วจ้องเขม็ง “นายลืมคำพูดที่ฉันบอกไปตอนนั้นแล้วหรือไง..ฉันบอกไปว่ายังไงนะ? ฉันไม่เชื่อใจนาย..และถ้านายอาละวาด ฉันจะฆ่าทันทีใช่หรือเปล่า?”
“แต่ตอนที่ผมก้มเก็บช้อนแล้วแปลงร่างขึ้นมา คุณก็เป็นคนบอกให้พวกรุ่นพี่ใจเย็นไว้..ไม่ให้โจมตีผม ไม่ใช่เหรอครับ?”
“ก็เพราะนายยังไม่อาละวาดยังไงล่ะ”
คำพูดนั้นทำให้เอเลนชะงักกึก ก่อนจะเอ่ยต่อไป“ถึงอย่างนั้น….”
“ถึงอย่างนั้น…?”
เอเลนผงะเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเก่า บัดนี้ระยะห่างระหว่างตนกับชายหนุ่มเนตรคมเรียวห่างกันไม่ถึงคืบ เอเลนกลืนน้ำลายพร้อมกับหลับตาลง ก่อนจะเบิกขึ้นพร้อมคำพูดที่แน่วแน่
“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หัวหน้าของผมก็ยังคงเป็นหัวหน้ารีไวล์ และผู้ที่ทำให้ผมผ่านพ้นปัญหาไร้ทางออกมาได้ก็คือหัวหน้ารีไวล์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน นอกจากเพื่อนๆ ของผมแล้ว หัวหน้าเป็นคนที่ผมเชื่อว่าเชื่อมั่นในตัวผม และจะช่วยเหลือผมได้เสมอ…ตราบเท่าที่ผมยังเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของคุณ”
“..ก็ดูเป็นเหตุผลที่งี่เง่าดี แต่ก็ใช่.. ตราบใดที่นายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน และนายยังไม่อาละวาด ฉันก็ยังไม่จัดการนาย”รีไวล์เริ่มก้าวถอยหลังออก “แค่นี้ใช่ไหม เหตุผลของนาย”
“ที่จริง..ยังมีอีกครับ”
รีไวล์ชะงักเล็กน้อยก่อนเงยหน้ามองคนที่อ่อนเยาว์กว่าตน และเลิกคิ้วเมื่อใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงเรื่อราวกับคำพูดเมื่อครู่เผลอหลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ยังมีอะไรอีก?”ชายหนุ่มคาดคั้น ทว่าเอเลนกลับส่ายหน้าหวือ ก่อนหันหน้าเตรียมจะเดินออกจากห้อง ทว่ายังไม่ทันจะเปิดประตูออกเจ้าห้อง เจ้าของฝ่าเท้าเจ้าเก่าก็ยันโครมเข้าให้ที่ประตู พร้อมเสียงที่เอ่ยเย็นเยียบจากด้านหลัง “มีอะไรอีก พูดออกมา”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นครับ ผมหลุดปากพูดออกมาเท่านั้น ผมขอตัวแล้ว”
“ฉันบอกให้พูดออกมา”
เสียงกำชับนั้นทำให้เอเลนตัวแข็ง ก่อนที่เจ้าตัวจะต้องหันหน้ามาประจับกับใบหน้าของคนที่เตี้ยกว่าทว่าน่ากลัวกว่าเขาล้านเท่า ดวงตาคมกริบจดจ้องมองเขาด้วยสายตาอย่างทุกครั้ง ทว่าไม่รู้เหตุใดครานี้ถึงทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างน่าประหลาด
เอเลนกลืนน้ำลายเอื๊อก ดวงตาเสมองทางอื่นด้วยไม่อยากประสานกับนัยน์ตาที่จดจ้องมา ก่อนว่าเสียงตะกุกตะกัก
“…ผม…สำหรับผมแล้วคุณเป็นคนที่ผมเชื่อใจ..มากที่สุด เป็นคนที่ผมนับถือมากที่สุดเป็นคนที่ผมเชื่อว่า..ไม่ว่าเมื่อไหร่หากผมประสบปัญหาคุณจะช่วยฉุด..ไม่ก็ถีบผมออกมาจากปัญหานั้นได้ เป็นคนที่ผมรู้สึกว่าสามารถจะอ่อนแอต่อหน้าได้…เป็นคนที่ผมสามารถจะฝากชีวิตเอาไว้ได้….ผม….เหวอ!!”
ไม่ทันจะพูดจบขาแข็งแกร่งซึ่งแต่เดิมยันไว้ข้างกายเขาก็เปลี่ยนเป็นตวัดใส่ขาของเอเลนจนเด็กหนุ่มล้มคว่ำรอบสอง และในระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังกุมสะโพกร้องครวญครางด้วยกระแทกลงกับพื้นเข้าอย่างจัง ร่างของใครอีกคนก็เข้ามาประชิดเขาเสียแล้ว
“เอ่อ..หัวหน้ารีไวล์ครับ”เอเลนเอ่ยเรียกชื่อของคนที่อยู่ใกล้กับเขาจนรู้สึกถึงไอร้อน ใบหน้าของอีกฝ่ายที่เขาเงยขึ้นมองอยู่ใกล้เขาจนรู้สึกถึงลมหายใจที่รินรด ก่อนจะเริ่มหน้าแดงอย่างกระอีกกระอ่วน เมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายแทรกตัวเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา พร้อมกับจับต้นขาเอาไว้จนลอยขึ้นกับพื้น
“คำตอบนั่น..น่าสนใจดี”รีไวล์เอ่ยพร้อมหัวเราะหึในลำคอ รอยยิ้มซึ่งหาดูได้ยากพลันประดับบนใบหน้านิ่ง มือกร้านจากการต่อสู้ลูบผ่านใบหน้าของเขาฝากความร้อนผ่าวที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไว้ทุกสัมผัสที่ต้องกาย
“…หัวหน้า..อุ๊บ!”คำพูดขาดหายไปในลำคอเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าพลันประทับลง บดเบียดลิ้มลองอย่างเชี่ยวชาญจนเอเลนหัวหมุน มือที่เคยลูบผ่านใบหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนทิศไปที่ขอบกางเกงลากอ้อยอิ่งแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนสัมผัสผิวหน้าท้องใต้เสื้อผ้าฝ้ายสีเนื้อตัวเก่งของเด็กหนุ่มผอมบาง
ในระหว่างที่ยังคงตระหนกอยู่นั้น เอเลนก็พยายามใช้สองมือผลักอีกฝ่ายให้หยุดรุกรานเขา ทว่าไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่เขากลับสู้แรงคนที่ตัวเล็กกว่าคนนี้ไม่ได้
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!!
ริมฝีปากที่บดจูบเริ่มบดเบียดร้อนแรงขึ้น พร้อมบังคับให้เผยอออกจนลิ้นร้อนพลันเข้าสัมผัสทักทายโพรงปากภายใน เอเลนสะดุ้งเฮือกเมื่อความอุ่นร้อนอันไม่คุ้นเคยพลันรุกเร้าเข้าสัมผัสภายใน จนท้ายที่สุด เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เคยต่อต้านร่างซึ่งเล็กกว่าก็หมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากสองคู่บดเบียดกันอยู่นาน กระทั่งฝ่ายผู้รุกรานผละออกปล่อยให้เหยื่อได้สูดอากาศหายใจ
เอเลนหอบหายใจฮัก แผ่นหลังลากครูดกับประตูไม้อย่างหมดแรงในขณะ ที่รีไวล์เลียริมฝีปากตัวเองก่อนมองร่างตรงหน้าตนอย่างกระหาย
“นายผิดเองนะเอเลน ที่พูดจาแบบนั้นออกมา”
หา…?
เขาพูดอะไรผิด!!
เอเลนคิดอย่างงุนงงสับสน แต่ไม่ทันได้เอ่ยถามออกไป ริมฝีปากคู่เดิมก็พลันประทับเข้ามาพร้อมส่วนล่างซึ่งบดเบียดเสียดสี ปลุกเร้าอารมณ์ซึ่งเขาไม่คุ้นชินให้พลันตื่นขึ้นมา
“ที่จริง..ฉันเคยคิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ในเมื่อนายมาพูดแบบนี้เองก็คงช่วยไม่ได้….”เสียงทุ้มต่ำพึมพำเมื่อผละริมฝีปากออก พร้อมดึงรั้งผ้าที่ผูกไว้บริเวณคอของตนแล้วสะบัดทิ้งไปอีกทาง อีกมือไล้สัมผัสผิวเนื้อใต้ร่มผ้าของอีกฝ่ายอย่างชำนิชำนาญ พร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบราวกับเป็นเรื่องธรรมดา“ยอมรับผลจากคำพูดของตัวเองไปแล้วกันนะ”
“ดะ..เดี๋ยวสิครับ หัวหน้าจะทำอะไรน่ะครับ!”
“เงียบไปเถอะ เดี๋ยวนายก็รู้เอง”
“แล้วมันอะไรกันล่ะค..โอ๊ย!”ร้องลั่นเมื่อมือหนาพลันแตะโดนแผลฟกช้ำซึ่งเกิดจากเท้าของเจ้าตัว ทำเอารีไวล์ชะงักแล้วเอ่ยขึ้น“ยังเจ็บอยู่สินะ….”
เอเลนเบิกตาขึ้น รู้สึกถึงความหวังว่าอีกฝ่ายอาจจะปล่อยตนไป
“แต่เอาเถอะฉัน จะพยายามไม่ให้กระเทือนแล้วกัน”
“!!”
“หัวหน้าครับ! หัวหน้าจะทำอะไรกันแน่!” มือทั้งสองยังคงพยายามต่อต้าน
“ก็บอกให้เงียบไง เดี๋ยวก็รู้เอง”อีกฝ่ายยังคงรุกไม่ลดละ
“แต่..หัวหน้าครับถ้าใคร..เปิด..ประตู…เข้ามา..”เสียงหอบฮักเริ่มเข้าแทนที่
“นายพิงประตูอยู่อย่างนี้ใครมันจะเปิดเข้ามา”
“แต่…ตะ….”
“เงียบซักที”
น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ยบอกก่อนเสียงพูดจะเงียบหายไปจากห้องส่วนตัวของหัวหน้ารีไวล์ แทนที่ด้วยเสียครวญครางกึ่งกลั้นกึ่งหอบหายใจซึ่งดำเนินอยู่นานอย่างไม่มีใครสนใจ
++++++++++++++
เช้าวันถัดมาเอเลนตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่ไม่ดีนัก ดูเหมือนสะโหลสะเหลแปลกๆ และพอมีใครทักว่าไปทำอะไรมา ก็ดูเหมือนจะหน้าแดงเอาง่ายๆ และวิ่งหนีฉิวไปโดยไม่คิดตอบคำถามใดใด
ส่วนหัวหน้ารีไวล์… ดูเหมือนจะอารมณ์ดีได้ที่เชียว
END
+++++++++++++++++++
เชรดดดดจบอ๊ะแต่งจบด้วย ดีใจ ถึงแม่มจะเป็นชอทฟิคก็เหอะ ความก๊าวท่าวรีไวล์มันทำให้ตรูแต่งเรื่องนี้ได้ ท่านรีไวล์สุดยอด
จริงๆ ว่าจะแต่งเรทด้วยแต่ขอมีเวลาก่อนถ้ามีเรทจริงจะส่งให้ทางข้อความ (กรณีบอกไว้ว่าจะเอา+นังซินแต่งอ่ะนะฮุฮุ)
ปล.นิสัยท่านรีไวล์เพี้ยนในความคิดใครต้องขออภัย อันนี้คือท่านรีไวล์ในความคิดนังซิน
ปลล.แต่งลำบากมากทำไมท่านรีไวล์ต้องตัวเล็กด้วย!!
ผลงานอื่นๆ ของ sinnerdarker ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ sinnerdarker
ความคิดเห็น