[Fic. Attack on Titan]Respect,Hate and Love [RivaillexEren] - [Fic. Attack on Titan]Respect,Hate and Love [RivaillexEren] นิยาย [Fic. Attack on Titan]Respect,Hate and Love [RivaillexEren] : Dek-D.com - Writer

    [Fic. Attack on Titan]Respect,Hate and Love [RivaillexEren]

    โดย sinnerdarker

    ฟิค Attack On Titan [RivaillexEren] เรื่องราวในวันหนึ่งของสองหนุ่ม XD"

    ผู้เข้าชมรวม

    3,999

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    3.99K

    ความคิดเห็น


    54

    คนติดตาม


    74
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 พ.ค. 56 / 19:16 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      Title : Respect , Hate and Love

       

      Author : Sinnerdarker

       

      Paring : RivaillexEren

       

      Rating : PG-15

       

      Another Note : ในที่สุดความฟินก็ให้กำเนิดฟิคเรื่องนี้จนได้ ฟฟฟฟฟฟฟ ไม่นึกว่าจะแต่งจบ (และไม่นึกว่าจะยาวขนาดนี้!!) ติดลมฉิบหายวายป่วงว่ะค่ะ  555+

       

      จากนี้อาจจะกำเนิดวันชอทอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากความฟิน ส่วนฟิคยาวเหรอ..ฝันไปเหอะ!! ตรูไม่สามารถพอ /โดนนิยายออริเกาะหลัง

       

       อ๊ากกกก รีไวล์ซังเอาใจฉันไปเล้ยยยยยย

       

       

      +++++++++++++++

       

       

       

      ถ้าถามว่าในหน่วยสำรวจเขานับถือใครมากที่สุด บางที่ถึงไม่ต้องรู้จักเขามาก ก็คงรู้ว่าเขาจะตอบว่าอะไร

       

       

      เขานับถือหัวหน้ารีไวล์มากที่สุด

       

      ถึงแม้ในหน่วยจะมีรุ่นพี่ที่น่านับถืออยู่หลายคน และเขาก็ยอมรับว่าอยู่กับคนเหล่านั้นได้สนิทใจมากกว่าหัวหน้ารีไวล์ รวมถึงพูดคุยด้วยมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วหากถามว่าเขานิยมชมชอบใครมากที่สุด เอเลนก็คงตอบได้คำเดียวว่าหัวหน้ารีไวล์

       

      หากถามว่าทำไมเขาถึงคิดเช่นนั้น.. บางทีอาจเป็นเพราะความเป็นหัวหน้าของอีกฝ่ายกระมัง.. แวบแรกที่เขาเห็นและรู้จักคนคนนี้ เขารู้สึกเหมือนกับเจ้าตัวจะต้องเย็นชาและไม่แยแสโลก แต่เมื่อได้กลายเป็นหนึ่งในลูกน้องของรีไวล์ เอเลนก็รู้สึกทันทีว่าชายหนุ่มค่อนข้างใส่ใจคนของตนอยู่มากพอควร

       

      ….แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กลัวหัวหน้ารีไวล์

       

      เอเลนคิดขณะยืนอยู่หน้าห้องส่วนตัวของหัวหน้ารีไวล์ เม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อครู่รุ่นพี่คนหนึ่งเพิ่งจะมาเรียกเขาให้มาพบหัวหน้ารีไวล์ เจ้าตัวไม่ยอมบอกเขาเลยซักนิดว่าหัวหน้ารีไวล์เรียกตนมาเพื่อทำอะไร ทั้งยังทำสีหน้าราวกับชายหนุ่มจะเรียกตัวเขามาฆ่า สุดท้ายจินตนาการเลยพาลคิดไปถึงเรื่องเลวร้ายสุดกู่นับไม่ถ้วนที่คิดว่าหัวหน้ารีไวล์อาจจะทำกับตัวเอง

       

      เด็กหนุ่มผมน้ำตาลจ้องมองประตูไม้พลางสูดลมหายใจลึก รู้ดีว่าควรจะเคาะประตูเพื่อบอกเจ้าของห้องว่าตนมาถึงแล้ว แต่ดูเหมือนแขนเจ้ากรรมจะไม่ทำตามคำสั่งเขาเสียเท่าไหร่ ในเมื่อมันยังคงประสานไขว้กันที่แผ่นหลังในท่ามาตรฐานของทหารอย่างมั่นคง

       

      แต่ถ้าขืนเขาไม่รีบเคาะประตู หัวหน้ารีไวล์ก็อาจจะหงุดหงิด และเปิดประตูออกมาฆ่าเขาก็ได้..

       

      ก็ถึงจะบอกว่าใส่ใจยิ่งกว่าที่คิด ก็ไม่ได้หมายความว่าหัวหน้ารีไวล์จะใจดีนี่นา

       

      เอเลนคิดพลางสูดลมหายใจลึก ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเตรียมเคาะประตูไม้ตรงหน้าตน ทว่าไม่ทันทำอย่างที่ใจสั่ง ประตูบานตรงหน้าตนก็เปิดออก ชนเข้ากับหน้าผากของเด็กหนุ่มอย่างจัง

       

      โป๊ก!!

       

      “อูย……….”เอเลนร้องครางแล้วทรุดลงไปนั่งกับพื้น มือหยาบกร้านทั้งสองยกขึ้นแตะหน้าผากตามสัญชาตญาณ ศีรษะปวดตุบเนื่องจากแรงที่ประตูฟาดใส่หนักพอสมควร

       

      “นาย….มานั่งขดอะไรอยู่หน้าห้องฉัน”เสียงราบเรียบดังขึ้นจากด้านบน กดดันจนแทบจะทำให้เอเลนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

       

      “เงยหน้าขึ้นมา”

       

      เอเลนยังคงนิ่ง

       

      “ฉันบอกให้เงยหน้าขึ้นมา” ได้ยินแบบนั้น เด็กหนุ่มผมน้ำตาลก็สะดุ้ง ก่อนต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

       

      เมื่อเห็นใบหน้าของเขา ชายหนุ่มผู้กุมตำแหน่งหัวหน้าทหารอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนออกเสียงเรียกชื่อเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำไร้อารมณ์ “เอเลนนายมาทำอะไรที่นี่ ว่างนักรึไง”

       

      เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อบนใบหน้าไร้อารมณ์เริ่มปรากฏร่องรอยของความหงุดหงิด ทว่าจะด้วยลุกขึ้นยืนเร็วไปจนเลือดขึ้นไปเลี้ยงไม่ทัน หรือเป็นเพราะอาการปวดหัวจากการกระแทกยังคงอยู่ เขาก็หน้ามืดไปชั่ววูบแล้วเกือบเซล้มลงไป

       

      หมับ!

       

      ไม่ทันจะเซล้มลงไปกองกับพื้น แขนของเขาก็ถูกดึงเอาไว้ ก่อนจะถูกอ้อมแขนโอบประคองเอวไว้เพื่อยืนให้มั่น

       

      “เป็นอะไรของนาย เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวรึไง?”เสียงทุ้มต่ำราบเรียบบอกพร้อมหรี่มองด้วยสายตาคมปราดซึ่งแลดูเหยียดหยามอยู่ทุกเมื่อ ทว่าเมื่อได้รู้จักคนคนนี้มากขึ้น..เอเลนก็รู้ในที่สุดว่ามันเป็นแววตาตามธรรมชาติของเจ้าตัว

       

      “ขอโทษครับหัวหน้ารีไวล์ เมื่อครู่ผมหัวกระแทกประตูนิดหน่อย ก็เลยยังมึนไม่หายน่ะครับ”เอเลนตอบอย่างฉะฉานขณะยังยกมือกุมหน้าผากตัวเองอยู่ ก่อนจะก้มมองใบหน้าของคนที่เตี้ยกว่าเขาราวสิบเซนต์  และเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้รีไวล์ประคองตนไว้อยู่..ในลักษณะที่น่าอายทีเดียว

       

      “ขะ.. ขอโทษครับหัวหน้ารีไวล์!!”เอเลนเอ่ยพร้อมรีบขยับมายืนตรง ส่วนรีไวล์ก็ปล่อยแขนออกราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ก่อนจะกอดอกพิงร่างกับประตูแล้วมองเอเลนนิ่ง

       

      เอเลนที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรก็ยืนนิ่งต่อไป ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อใบหน้าของรีไวล์เริ่มขมึงเครียดกว่าเก่าพร้อมเปล่งน้ำเสียงกดดัน

       

      “มาทำอะไรที่นี่”

       

      “อะ..เอ้อ! รุ่นพี่ไมค์บอกผมว่าหัวหน้ารีไวล์เรียกผมน่ะครับ!!”เอเลนเอ่ยพร้อมกำหมัดขวาทุบลงบนหน้าอกตนเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้บังคับบัญชาของตน ในขณะที่รีไวล์เลิกคิ้วขึ้น พร้อมยกมือขึ้นแตะที่คางตนราวกับเพิ่งนึกได้ “อ้อ..ใช่ ดูเหมือนว่าฉันจะเรียกนายมาจริงๆ”

       

      ว่าจบ เจ้าตัวก็เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่ยังยืนยิ่งอยู่ข้างนอก “เข้ามา มัวยืนเซ่ออะไรอยู่”

       

      “คะ..ครับ!!”เอเลนเดินตามเข้ามาตามคำสั่ง ดวงตากวาดมองห้องของหัวหน้าตนอย่างนึกทึ่ง.. นอกจากห้องของอีกฝ่ายจะเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนเครื่องเรือนก็จัดสรรอย่างเป็นระเบียบ

       

      ขนาดว่าที่นี่เป็นแค่ที่พักชั่วคราวก็ยังจัดได้ขนาดนี้.. เขายอมรับในความเจ้าระเบียบของคนคนนี้จริงๆ

       

      “รายงานการลาดตระเวนนี่ ของนายสินะ” เอเลนที่เพิ่งก้าวเดินเข้ามาแล้วยืนหยุดอยู่บริเวณหน้าประตูหันขวับตามเสียง แลเห็นชายหนุ่มนั่งพิงอยู่บนขอบโต๊ะพร้อมโบกรายงานยับๆ ซึ่งมีลายมือเละเทะอยู่บนนั้นให้เขาดู เอเลนที่เห็นรายงานฉบับที่ว่ากลืนน้ำลายเอื๊อก รับรู้ได้ในทันใดว่าตนถูกเรียกมาเพราะอะไร

       

      “…คะ…ครับ”

       

      “ดังกว่านี้”

       

      “ครับ! ผมเป็นคนเขียนรายงานนี้ขึ้นมาเองครับ!”

       

      “งั้นเหรอ…”น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นเฉียบยิ่งกว่าเก่า ดวงตาคู่คมหรี่ลง ตามด้วย….

       

      โครม!!

       

      “..ใครสั่งใครสอนให้นายเขียนรายงานแบบนี้”อีกฝ่ายว่าด้วยสีหน้าเรียบราวกับไม่ได้กำลังโกรธเคืองใคร ทว่าขายาวกลับเตะลงบนบนผนังห้องจนแตกลายงาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฉียดใบหน้าของเด็กหนุ่มไปไม่ถึงไม่ถึงเซนต์..อันที่จริงก็คือ บนใบหน้าของเอเลนมีแผลจากขอบรองเท้าเรียบร้อยแล้ว

       

      “เอ่อ…”

       

      “อ่านไม่รู้เรื่อง วกไปวนมา มีแต่น้ำ” ชายหนุ่มว่าพลางกวาดสายตาในรายงานทั้งๆ ที่ยังคงไม่เอาเท้าออก “ขนาดตั้งใจอ่านยังได้ความไม่ถึงครึ่งของที่เขียนมา”

       

      “ขอโทษครับหัวหน้ารีไวล์ ครั้งหน้าผมจะตั้งใจเขียนกว่านี้!”เอเลนรับความผิดแต่โดยดี พร้อมหลับตาปี๋ พลางคิดในใจว่า..ช่วยเอาขาออกไปจากข้างๆ หน้าผมทีเถอะ

       

      “แสดงว่ารอบนี้นายไม่ตั้งใจเขียน?”

       

      “มะ..ไม่ใช่ครับ…..”

       

      “แล้วนี่นายใช้อะไรเขียน เอเลน มือหรือเท้าลายมือมันถึงได้บัดซบได้ขนาดนี้”

       

      “………”เอเลนเริ่มพูดอะไรไม่ออก ลายมือเขาเมื่อก่อนเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ถ้าตั้งใจเขียนก็อาจจะพออ่านได้อยู่หรอก แต่เด็กหนุ่มต้องยอมรับว่าตนรีบเขียนรายงานฉบับนี้ไปหน่อย สุดท้ายลายมือเลยไก่เขี่ยไปเสีย..

       

      ...ถ้ารู้ว่าคนตรวจเป็นหัวหน้ารีไวล์ เขาคงเขียนให้มันบรรจงกว่านี้

       

      “……หึ”

       

      ขวับ! 

       

       

       

      …ผัวะ!

       

      “อุ๊ก!!”เสียงอุทานดังลั่นเมื่อเท้าที่แตะเดิมแตะอยู่ข้างใบหน้าพลันสะบัดเตะผลัวะเข้าให้เต็มๆ ที่สีข้าง เอเลนล้มลงไปกองกับพื้น ในขณะที่รีไวล์เดินกลับไปที่โต๊ะ ก่อนลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาวางไว้หน้าโต๊ะทำงานตน ส่วนตนเองเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหลังโต๊ะ

      “นั่นเป็นโทษเรื่องรายงานคราวนี้”เสียงเรียบเย็นเอ่ย “เอเลน ลุกขึ้น”

       

      “คะ..ครับ”เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างยากเย็น ความเจ็บที่สีข้างทำเอารู้สึกจุกจนพูดไม่ออก แต่ต้องยอมรับว่า…เจ็บน้อยกว่าครั้งที่อีกฝ่ายเตะใส่หน้าเขาเยอะ

       

      “ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว ตั้งใจฟังด้วย”อีกฝ่ายว่าพลางเอนหลังลงกับพนักพิงอย่างสบายใจเฉิบ ก่อนหรี่ตามองเอเลนที่แม้ลุกขึ้นก็ยังยืนนิ่งห่างจากเขาออกไป “มัวทำอะไรอยู่ รีบมานั่งตรงนี้ ฉันจะบอกแค่ครั้งเดียวเท่านั้นว่ารายงานมันทำกันยังไง แล้วคราวหน้าถ้าฉันเห็นของแบบนั้นบนโต๊ะฉันอีกแล้วรู้ว่าเป็นของนาย ก็เตรียมใช้หน้าใหม่ได้เลย”

       

      …เพราะหัวหน้ารีไวล์คงเตะหน้าเขาเละแน่ๆ…

       

      “คะ….ครับ!!”เอเลนยืนตัวตรงตอบรับ สยองเล็กน้อยกับคำขู่ของอีกฝ่าย แต่เมื่อรู้ตัวแล้วว่าหัวหน้าของตนจะสอนวิธีเขียนรายงานให้ก็รีบเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับรีไวล์ทันที “เอ่อ..หัวหน้ารีไวล์ครับ”

       

      “เงียบ แล้วฟัง

      “ครับ!”

       

      หลังจากนั้น หัวหน้ารีไวล์พูดอะไรออกมาบ้าง เขาก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่ครูที่ดีและเขาไม่ใช่นักเรียนชั้นเลิศ   หัวหน้ารีไวล์ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกว่าต่อไปควรจะเขียนรายงานยังไง และควรจะจัดระเบียบยังไง ..อันที่จริงหากคนอื่นมาฟัง ก็คงเหมือนชายหนุ่มกำลังพูดบ่นอะไรให้เขาฟังอยู่ ไม่ใช่การสอนอย่างที่มันเป็น เพราะเจ้าตัวเล่นไขว่ห้างวางขาไว้บนโต๊ะราวกับกำลังนั่งเล่นไม่ก็กดดันให้ใครซักคนสารภาพผิด ไม่ได้กำลังสอนใครทำอะไรอยู่

       

      บทสนทนาระหว่างเอเลนกับรีไวล์ไม่ได้ใช้เวลานานนัก เวลาผ่านไปซักครู่หนึ่ง ชายหนุ่มผมดำตัดสั้นก็ปิดริมฝีปากลง ก่อนโยนรายงานตัวต้นเหตุใส่หน้าเอเลน

       

      “ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปเอามาแก้ แล้วมาวางบนโต๊ะฉันภายในวันนี้”พูดจบชายหนุ่มก็เอาขาลงจากโต๊ะ ในขณะที่เอเลนกำลังหยิบรายงานที่ปาใส่หน้าตัวเองออก พร้อมกับตอบรับคำสั่งของหัวหน้าตน “รับทราบครับ”

       

       เด็กหนุ่มจัดระเบียบรายงานของตน พร้อมกวาดตาอ่านแล้วยิ้มแหย เพราะเมื่อได้ลองอ่านอีกรอบ ก็ดูเหมือนรายงานฉบับนี้จะห่วยแตกจริงๆ

       

      เอเลนทำความเคารพรีไวล์ครั้งหนึ่ง ก่อนเดินตรงไปที่ประตูห้องเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าให้เขาออกไปได้ ทว่ายังไม่ทันจะเดินไปถึงครึ่งก้าว เด็กหนุ่มก็หยุดลง เมื่อชายหนุ่มเจ้าของห้องเรียกตัวเขาไว้

       

      “เอเลน”

       

      “ครับหัวหน้ารีไวล์”เอเลนชะงักฝีเท้าพร้อมหันมามองชายหนุ่ม ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำสีหน้าจริงจัง…มากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

       

      “ฉันเคยถามนายไปสินะ ว่านายเกลียดฉันไหม?”

       

      “ครับ…”

       

      “แล้วตอนนี้นายรู้สึกยังไงล่ะ เริ่มจะเกลียดฉันมากกว่าเดิมหรือเปล่า”

       

      เอเลนเบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจคำถามของชายหนุ่ม ดวงตาสีเขียวสว่างจ้องมองไปยังใบหน้าเบื่อโลกของผู้ถามอย่างต้องการหาคำตอบ ทว่ากลับได้เพียงความเยือกเย็นไร้อารมณ์ที่ประดับบนใบหน้าคมของรีไวล์เสมอ

       

      เด็กหนุ่มผมน้ำตาลไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปว่าอะไรดี.. เกลียดมากกว่าเดิมอย่างนั้นหรือเอเลนไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครหน้าไหนเกลียดหัวหน้ารีไวล์ลง.. อย่ามากก็แค่กลัวและไม่อยากเข้าใกล้เท่านั้นเอง

       

      เมื่ออีกฝ่ายยังคงเฝ้ารอคำตอบ และเอเลนไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงถอนหายใจ ยกมือขวาขึ้นทุบลงบนอกซ้ายของตน และเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ “ไม่ครับ ผมกลับรู้สึกนับถือคุณมากกว่าเดิม”

       

      “หืม?” รีไวล์แค่นหัวเราะ แขนทั้งสองวางบนพนักพร้อมมือที่ประสานกัน “นับถืออย่างนั้นหรือ?”

       

      “ถึงคนอื่นที่ไม่เคบรู้จักคุณจะไม่ทราบ แต่ผมทราบดีว่าคุณใส่ใจพวกเราที่อยู่ใต้บังคับบัญชาคุณมากแค่ไหน และผมทราบดีว่าทุกคนต่างรู้กัน

       

      อีกประการหนึ่ง ในขณะที่มนุษย์แทบทุกคนมองว่าผมเป็นศัตรูของมนุษยชาติ และสมควรจะตายไปเสีย คุณกลับมองว่าผมสามารถจะช่วยเหลือมนุษยชาติได้… อย่างน้อยที่สุด หัวหน้าก็เชื่อใจผม ยอมให้ผมมีชีวิตอยู่ และยอมรับผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึง..ยอมรับในความคิดและตัวตนของผม หัวหน้ารีไวล์ครับ ผมรู้สึกขอบคุณเรื่องนี้มาตลอด และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมนับถือคุณ และไม่มีวันเกลียดคุณ”

       

      รีไวล์แสยะยิ้มอย่างไร้ความหมาย มองสีหน้าขึงขังยามตอบคำของเอเลนอย่างเย้หยัน ก่อนเอ่ยค้านความคิดของเอเลน “ฉันไม่ใช่คนต้นคิดที่จะไว้ชีวิตนาย ลืมแล้วหรือไงว่าคนที่อยากได้นายมานักหนามันอัลวินกับฮันซี่ อีกอย่าง….”

       

      ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนก้าวเดินเข้ามาหาเขาแล้วจ้องเขม็ง “นายลืมคำพูดที่ฉันบอกไปตอนนั้นแล้วหรือไง..ฉันบอกไปว่ายังไงนะฉันไม่เชื่อใจนาย..และถ้านายอาละวาด ฉันจะฆ่าทันทีใช่หรือเปล่า?”

       

      “แต่ตอนที่ผมก้มเก็บช้อนแล้วแปลงร่างขึ้นมา คุณก็เป็นคนบอกให้พวกรุ่นพี่ใจเย็นไว้..ไม่ให้โจมตีผม ไม่ใช่เหรอครับ?”

       

      “ก็เพราะนายยังไม่อาละวาดยังไงล่ะ”

       

      คำพูดนั้นทำให้เอเลนชะงักกึก ก่อนจะเอ่ยต่อไป“ถึงอย่างนั้น….”

       

      “ถึงอย่างนั้น…?”

       

      เอเลนผงะเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเก่า บัดนี้ระยะห่างระหว่างตนกับชายหนุ่มเนตรคมเรียวห่างกันไม่ถึงคืบ เอเลนกลืนน้ำลายพร้อมกับหลับตาลง ก่อนจะเบิกขึ้นพร้อมคำพูดที่แน่วแน่

       

      “ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หัวหน้าของผมก็ยังคงเป็นหัวหน้ารีไวล์ และผู้ที่ทำให้ผมผ่านพ้นปัญหาไร้ทางออกมาได้ก็คือหัวหน้ารีไวล์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน นอกจากเพื่อนๆ ของผมแล้ว หัวหน้าเป็นคนที่ผมเชื่อว่าเชื่อมั่นในตัวผม และจะช่วยเหลือผมได้เสมอ…ตราบเท่าที่ผมยังเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของคุณ”

       

      “..ก็ดูเป็นเหตุผลที่งี่เง่าดี แต่ก็ใช่.. ตราบใดที่นายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน และนายยังไม่อาละวาด ฉันก็ยังไม่จัดการนาย”รีไวล์เริ่มก้าวถอยหลังออก “แค่นี้ใช่ไหม เหตุผลของนาย”

       

      “ที่จริง..ยังมีอีกครับ”

       

      รีไวล์ชะงักเล็กน้อยก่อนเงยหน้ามองคนที่อ่อนเยาว์กว่าตน และเลิกคิ้วเมื่อใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงเรื่อราวกับคำพูดเมื่อครู่เผลอหลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

       

      “ยังมีอะไรอีก?”ชายหนุ่มคาดคั้น ทว่าเอเลนกลับส่ายหน้าหวือ ก่อนหันหน้าเตรียมจะเดินออกจากห้อง ทว่ายังไม่ทันจะเปิดประตูออกเจ้าห้อง เจ้าของฝ่าเท้าเจ้าเก่าก็ยันโครมเข้าให้ที่ประตู พร้อมเสียงที่เอ่ยเย็นเยียบจากด้านหลัง “มีอะไรอีก พูดออกมา”

       

      “ไม่มีอะไรทั้งนั้นครับ ผมหลุดปากพูดออกมาเท่านั้น ผมขอตัวแล้ว”

       

      “ฉันบอกให้พูดออกมา”

       

      เสียงกำชับนั้นทำให้เอเลนตัวแข็ง ก่อนที่เจ้าตัวจะต้องหันหน้ามาประจับกับใบหน้าของคนที่เตี้ยกว่าทว่าน่ากลัวกว่าเขาล้านเท่า ดวงตาคมกริบจดจ้องมองเขาด้วยสายตาอย่างทุกครั้ง ทว่าไม่รู้เหตุใดครานี้ถึงทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างน่าประหลาด

       

      เอเลนกลืนน้ำลายเอื๊อก ดวงตาเสมองทางอื่นด้วยไม่อยากประสานกับนัยน์ตาที่จดจ้องมา ก่อนว่าเสียงตะกุกตะกัก

       

      “…ผมสำหรับผมแล้วคุณเป็นคนที่ผมเชื่อใจ..มากที่สุด เป็นคนที่ผมนับถือมากที่สุดเป็นคนที่ผมเชื่อว่า..ไม่ว่าเมื่อไหร่หากผมประสบปัญหาคุณจะช่วยฉุด..ไม่ก็ถีบผมออกมาจากปัญหานั้นได้ เป็นคนที่ผมรู้สึกว่าสามารถจะอ่อนแอต่อหน้าได้เป็นคนที่ผมสามารถจะฝากชีวิตเอาไว้ได้….ผม….เหวอ!!

       

      ไม่ทันจะพูดจบขาแข็งแกร่งซึ่งแต่เดิมยันไว้ข้างกายเขาก็เปลี่ยนเป็นตวัดใส่ขาของเอเลนจนเด็กหนุ่มล้มคว่ำรอบสอง และในระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังกุมสะโพกร้องครวญครางด้วยกระแทกลงกับพื้นเข้าอย่างจัง ร่างของใครอีกคนก็เข้ามาประชิดเขาเสียแล้ว

       

      เอ่อ..หัวหน้ารีไวล์ครับเอเลนเอ่ยเรียกชื่อของคนที่อยู่ใกล้กับเขาจนรู้สึกถึงไอร้อน ใบหน้าของอีกฝ่ายที่เขาเงยขึ้นมองอยู่ใกล้เขาจนรู้สึกถึงลมหายใจที่รินรด ก่อนจะเริ่มหน้าแดงอย่างกระอีกกระอ่วน เมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายแทรกตัวเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา พร้อมกับจับต้นขาเอาไว้จนลอยขึ้นกับพื้น

       

      คำตอบนั่น..น่าสนใจดีรีไวล์เอ่ยพร้อมหัวเราะหึในลำคอ รอยยิ้มซึ่งหาดูได้ยากพลันประดับบนใบหน้านิ่ง มือกร้านจากการต่อสู้ลูบผ่านใบหน้าของเขาฝากความร้อนผ่าวที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไว้ทุกสัมผัสที่ต้องกาย

       

      “…หัวหน้า..อุ๊บ!คำพูดขาดหายไปในลำคอเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าพลันประทับลง บดเบียดลิ้มลองอย่างเชี่ยวชาญจนเอเลนหัวหมุน มือที่เคยลูบผ่านใบหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนทิศไปที่ขอบกางเกงลากอ้อยอิ่งแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนสัมผัสผิวหน้าท้องใต้เสื้อผ้าฝ้ายสีเนื้อตัวเก่งของเด็กหนุ่มผอมบาง

       

      ในระหว่างที่ยังคงตระหนกอยู่นั้น เอเลนก็พยายามใช้สองมือผลักอีกฝ่ายให้หยุดรุกรานเขา ทว่าไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่เขากลับสู้แรงคนที่ตัวเล็กกว่าคนนี้ไม่ได้

       

      นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!!

       

      ริมฝีปากที่บดจูบเริ่มบดเบียดร้อนแรงขึ้น พร้อมบังคับให้เผยอออกจนลิ้นร้อนพลันเข้าสัมผัสทักทายโพรงปากภายใน เอเลนสะดุ้งเฮือกเมื่อความอุ่นร้อนอันไม่คุ้นเคยพลันรุกเร้าเข้าสัมผัสภายใน จนท้ายที่สุด เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เคยต่อต้านร่างซึ่งเล็กกว่าก็หมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว

       

      ริมฝีปากสองคู่บดเบียดกันอยู่นาน กระทั่งฝ่ายผู้รุกรานผละออกปล่อยให้เหยื่อได้สูดอากาศหายใจ

       

      เอเลนหอบหายใจฮัก แผ่นหลังลากครูดกับประตูไม้อย่างหมดแรงในขณะ ที่รีไวล์เลียริมฝีปากตัวเองก่อนมองร่างตรงหน้าตนอย่างกระหาย

       

      นายผิดเองนะเอเลน ที่พูดจาแบบนั้นออกมา

       

      หา…?

       

      เขาพูดอะไรผิด!!

       

      เอเลนคิดอย่างงุนงงสับสน แต่ไม่ทันได้เอ่ยถามออกไป ริมฝีปากคู่เดิมก็พลันประทับเข้ามาพร้อมส่วนล่างซึ่งบดเบียดเสียดสี ปลุกเร้าอารมณ์ซึ่งเขาไม่คุ้นชินให้พลันตื่นขึ้นมา

       

      ที่จริง..ฉันเคยคิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ในเมื่อนายมาพูดแบบนี้เองก็คงช่วยไม่ได้….”เสียงทุ้มต่ำพึมพำเมื่อผละริมฝีปากออก พร้อมดึงรั้งผ้าที่ผูกไว้บริเวณคอของตนแล้วสะบัดทิ้งไปอีกทาง อีกมือไล้สัมผัสผิวเนื้อใต้ร่มผ้าของอีกฝ่ายอย่างชำนิชำนาญ พร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบราวกับเป็นเรื่องธรรมดายอมรับผลจากคำพูดของตัวเองไปแล้วกันนะ

       

      ดะ..เดี๋ยวสิครับ หัวหน้าจะทำอะไรน่ะครับ!

       

      เงียบไปเถอะ เดี๋ยวนายก็รู้เอง

       

      แล้วมันอะไรกันล่ะค..โอ๊ย!ร้องลั่นเมื่อมือหนาพลันแตะโดนแผลฟกช้ำซึ่งเกิดจากเท้าของเจ้าตัว ทำเอารีไวล์ชะงักแล้วเอ่ยขึ้นยังเจ็บอยู่สินะ….”

       

      เอเลนเบิกตาขึ้น รู้สึกถึงความหวังว่าอีกฝ่ายอาจจะปล่อยตนไป

       

      แต่เอาเถอะฉัน จะพยายามไม่ให้กระเทือนแล้วกัน

       

      “!!”

       

      หัวหน้าครับ! หัวหน้าจะทำอะไรกันแน่!มือทั้งสองยังคงพยายามต่อต้าน

       

      ก็บอกให้เงียบไง เดี๋ยวก็รู้เองอีกฝ่ายยังคงรุกไม่ลดละ

       

      แต่..หัวหน้าครับถ้าใคร..เปิด..ประตูเข้ามา..เสียงหอบฮักเริ่มเข้าแทนที่

       

      นายพิงประตูอยู่อย่างนี้ใครมันจะเปิดเข้ามา

       

      แต่ตะ….”

       

      เงียบซักที

       

      น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ยบอกก่อนเสียงพูดจะเงียบหายไปจากห้องส่วนตัวของหัวหน้ารีไวล์ แทนที่ด้วยเสียครวญครางกึ่งกลั้นกึ่งหอบหายใจซึ่งดำเนินอยู่นานอย่างไม่มีใครสนใจ

       

       

       

       

                                                                             ++++++++++++++

       

       

       

       

      เช้าวันถัดมาเอเลนตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่ไม่ดีนัก ดูเหมือนสะโหลสะเหลแปลกๆ และพอมีใครทักว่าไปทำอะไรมา ก็ดูเหมือนจะหน้าแดงเอาง่ายๆ และวิ่งหนีฉิวไปโดยไม่คิดตอบคำถามใดใด

       

       

      ส่วนหัวหน้ารีไวล์ดูเหมือนจะอารมณ์ดีได้ที่เชียว

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      END

       

                                                                         +++++++++++++++++++

       

      เชรดดดดจบอ๊ะแต่งจบด้วย ดีใจ ถึงแม่มจะเป็นชอทฟิคก็เหอะ ความก๊าวท่าวรีไวล์มันทำให้ตรูแต่งเรื่องนี้ได้ ท่านรีไวล์สุดยอด

       

      จริงๆ ว่าจะแต่งเรทด้วยแต่ขอมีเวลาก่อนถ้ามีเรทจริงจะส่งให้ทางข้อความ (กรณีบอกไว้ว่าจะเอา+นังซินแต่งอ่ะนะฮุฮุ)

       

      ปล.นิสัยท่านรีไวล์เพี้ยนในความคิดใครต้องขออภัย อันนี้คือท่านรีไวล์ในความคิดนังซิน

       

       

      ปลล.แต่งลำบากมากทำไมท่านรีไวล์ต้องตัวเล็กด้วย!!

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×