In the Darkness..[Yaoi] - In the Darkness..[Yaoi] นิยาย In the Darkness..[Yaoi] : Dek-D.com - Writer

    In the Darkness..[Yaoi]

    โดย sinnerdarker

    เราจะไม่มีวันพรากจากกัน...แม้ว่าการหลบหนีในครั้งนี้จะไม่มีวันสิ้นสุดลง..แต่เราก็อยากอยู่ด้วยกัน..ความรู้สึกนี้มากมายกว่าความรู้สึกไหนๆที่มี..ความรู้สึกที่มีมาตลอดเวลาที่เจอกัน..และไม่มีทางจางหายไป..

    ผู้เข้าชมรวม

    1,752

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    1.75K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    10
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ก.ย. 51 / 14:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้



    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เราจะอยู่ด้วยกัน..

      เราจะไม่พรากจากกันไป

      เราจะเดินไปบนเส้นทางเดียวกัน..

      ตลอดไป..ตลอดไป..

      แม้ว่านั่นจะเป็นปากทางที่พาดำดิ่งสู่ความตายก็ตาม..




      ไหวไหม..เสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืดที่หนาวเหน็บ.. ดังสะท้อนแผ่วเบาในตรอกแคบที่ชื้นแฉะและเงียบงัน เสียงที่ดังก้องอย่างเบาบางนั้นดูสั่นเครือและหวั่นไหว เสียงผ้าฉีกออกดังเป็นระลอกในความมืดที่เย็นเฉียบหนาวเหน็บพร้อมกับเสียงหายใจที่ไร้ความมั่นคง เสียงผ้าเสียดสีกันเริ่มดังแผ่วเบาเป็นระยะ กระทั่งเสียงฉีดขาดดังขึ้นอีกคราขอโทษนะ..ผมขอโทษ..

      ไม่เป็นไร..อีกเสียงที่แสนทุ้มนุ่มเอ่ยดังแผ่ว น้ำเสียงนั้นดูใจเย็นและปลอบโยนแต่ไม่ช่วยอะไรมากนัก ด้วยเสียงที่ปนอาการหอบหายใจนั้นยิ่งทำให้อีกดวงใจกังวล กลิ่นเลือดโชยขึ้นมาและหลั่งรินลงผสมกับน้ำขังที่แผ่นหินชื้น โชยกว้างจนเรียกแมวตัวหนึ่งเข้ามาเมียงมอง ก่อนจะวิ่งออกไปด้วยกลัวมนุษย์สองคนที่นั่งพิงกำแพงอยู่

      ทน..พอ..ท..นได้รึเปล่า..น้ำเสียงที่ราวกับจะสะอื้นไห้ฝืนพูด เสียงผ้าเสียดสีกันดังขึ้นอีกครั้ง “.เจ็บมากไหม..ขอโทษ..จะให้รักษาไหม....

      มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นน่า..เซย์...อย่ากังวลอย่างนั้นสิ..เสียงอันอ่อนโยนเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มนิดๆ กับเสียงหัวเราะแผ่วเบาราวจะปลอบโยน ก่อนจะตามด้วยเสียงครางแผ่วเบาด้วยความเจ็บ

      เป็นมากรึเปล่า...ผมจะรักษ...

      นิ้วเรียวยาวสะอาดแตะสัมผัสลงบนริมฝีปากบางเป็นสัญญาให้หยุด ใบหน้าคมที่มองไม่เห็นในความืดจ้องมองร่างที่นั่งอยู่เคียงกายตน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างยากเย็นไม่จำเป็น...แค่พัก..เดี๋ยวก็หาย..

      อย่า...อย่าดื้อสิ!!เริ่มขึ้นเสียง มือเล็บจับมือของชายหนุ่มให้ละออกไป คุณกำลังบาดเจ็บนะ ถ้าผมไม่ช่วยแล้วคุณจะรอดไหม หัดคิดหน่อยสิ

      ถ้ารอดไปแล้วต้องแลกกับชีวิตเธอฉันก็ไม่เอา..เอ่ยแผ่วเบา หากในน้ำเสียงที่เรื่อยเอื่อยปานจะขาดหายนั้นก็แฝงความมุ่งมั่น ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ตายจากเธอไปก่อนง่ายๆหรอก..

      “..คุณต้องไม่ตาย..ใช่ไหม...ก็คุณสัญญากับผมไว้นี่...เอ่ยเครือ มือเล็กที่ยกมือของอีกฝ่ายขึ้นสัมผัสกับใบหน้านุ่มที่เย็นเฉียบ เลบือดอุ่นๆที่แห้งกรังติดฝ่ามือสากผิวจนระคาย หากแต่เจ้าของร่างกลับไม่สนใจ ลมหายใจอุ่นที่ปล่อยออกมานั้นสัมผัสกับอากาศเบื้องหน้าจนเป็นไอขาวขุ่น น้ำตาอุ่นๆหยดลงจากดวงตา ไหลผ่านแก้มสู่ฝ่ามือที่แนบอยู่เป็นผิวหน้าขาวผ่องเราต้องเดินไปด้วยกัน...ใช่ไหม..

      ใช่....เอ่ยพลางจับมือที่เหลือของอีกฝ่ายแนบลงกับใบหน้าของตัวเองเราจะเดินไปด้วยกัน....จนกว่า...ความตายจะพรากเราจากกัน

      สิ้นคำพูดนั้น..มือแกร่งก็โน้มคอของอีกฝ่ายเข้ามา..จุมพิตประทับลงอย่างนุ่มนวล

      ..ท่ามกลางแสงจันทร์ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ..



      ไนท์...คุณเป็นอะไรไหม...

      เสียงหนึ่งดังขึ้นในห้องพักที่ทำจากหินก้อนซึ่งแสงจันทร์กำลังสาดส่องลงมา ร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวราวหิมะคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างๆเตียงนุ่มสำหรับคนเดียวนอน ซึ่งบัดนี้บนเตียงหลังนั้นกำลังมีคนใช้งานอยู่ ข้างๆกันนั้นมีกองผ้าซับเลือดวางระเกะระกะพร้อมอ่างใส่น้ำที่ก่ำไปด้วยสีแดง.. ดวงตากลมโตสีน้ำเงินสวยรับกับใบหน้าเรียวหวานราวไม่ใช่บุรุษเพศมองร่างที่มีแต่ผ้าพันแผลสีขาวพันไปทั้งตัว ก่อนจะจับมือซึ่งมีผ้าพันแผลพันอยู่ขึ้นแตะแผ่วเบาที่ใบหน้าของตนผมขอโทษ..

      แทนคำขอโทษ..ขอเป็นคำบอกรักแทนได้ไหม...เอ่ยพลางหัวเราะแผ่วเบา ใบหน้าคมปราดอย่างบุรุษเต็มวัยพาดผ่านด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เรือนผมสีดำสนิทเฉกเดียวกับยามค่ำคืนสยายเต็มหมอนสีขาวที่ร่องรอยของเลือดสีแดงเปื้อนอยู่ ดวงตาสีรัตติกาลนั้นราบเรียบราวกับรูปสลักไร้อารมณ์ หากแฝงความอ่อนโยนไว้อย่างเต็มเปี่ยม.. และชายหนุ่มก็ยิ่งสบายใจ เมื่อสิ่งที่ได้รับตอบกลับคือรอยยิ้มบางที่พาดผ่านบนใบหน้าของร่างที่นั่งเฝ้าตน

      ไนท์... บาดเจ็บขนาดนี้คุณยังมีอารมณ์จะเล่นอีกเหรอ?”เอ่ยพลางหัวเราะให้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลเราจะหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้..เราจะทำยังไงกันดี...

      พวกนั้นไม่ตามเรามาเร็วนักหรอก..หรือถ้าเป็นกังวลจะออกเดินทางเลยก็ได้?”

      ไม่ดีกว่า..คุณยังบาดเจ็บอยู่...มือซึ่งแนบกับแก้มบางถูกเลื่อนออก เด็กหนุ่มจุมพิตที่ฝ่ามือของชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยต่อหรือจะให้ผมรักษาบาดแผลให้คุณดี....

      เมื่อกี้ฉันพูดว่าไง..หืม?..เซย์..ก่อนจะมาที่ห้องนี้น่ะ....เอ่ยราวกับผู้ใหญ่ที่ตักเตือนเด็ก ก่อนจะอ้าปากว่าต่อไปฉันบอกว่า...ฉันบอกว่าไม่อยากแลกกับชีวิตเธอ...ใช่ไหม?”

      ผมไม่ได้จะตายซักหน่อยถ้ารักษาคุณ...อย่างน้อยก็ไม่ตายในเร็วๆนี้....

      เอาเป็นว่า ไม่ก็คือไม่ เข้าใจไหม ?”เอ่ยเด็ดขาด ตัดคำพูดของอีกฝ่ายทันที ก่อนจะใช้มือใหญ่หนาลูบศีรษะซึ่งปกคลุมด้วยเส้นไหมสีขาวนุ่มราวปุยนุ่นนิ่มนวลถึงแม้ว่าเธอจะมีอายุขัยยาวนาน..ถึงแม้ว่าการใช้ความสามารถในการรักษาจะแค่ลดทอนอายุขัยไปเพียงน้อยนิด...แต่มันก็คือชีวิตของเธอ...

      “....และคุณก็ไม่อยากแย่งชิงไปจากผม..จะพูดอย่างนั้นสินะครับ?”เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนบาง ไร้อาการแข็งขืนโกรธาทั้งที่มันก็ไม่ได้มากมายอะไร..แบบนี้ผมก็รังแต่จะทำให้คุณบาดเจ็บไปเรื่อยๆเท่านั้น..โดยที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

      แค่เธออยู่ข้างๆฉันก็มากพอแล้ว..เซย์....เอ่ยแผ่วเบา มือที่อยู่บนศีรษะได้รูปขยับสัมผัสกลุ่มเส้นไหมสีขาวที่ยาวเคลียไหล่บาง มือหนากำไว้หลวมๆ ก่อนรูดเส้นผมลงมากระทั่งจรดปลายแค่นั้นก็พอ..

      “.....ถึงอย่างนั้น..ร่างเล็กผลักมือของชายหนุ่มออก ก่อนจะก้มหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสองข้างผมก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี...ผมช่วยคุณไม่ได้ซักอย่าง...

      อย่าคิดมาก..ฉันจะนอนแล้ว..เธอก็นอ.....ชายหนุ่มนิ่งไปก่อนจะพูดจบประโยค มองดวงตาที่ไร้อาการอิดโรยของเด็กหนุ่มซึ่งกำลังมองลงมาด้วยดวงตาที่แฝงแววเศร้าสร้อยในประกายตา ก่อนจะถอนหายใจยาว และพูดขึ้นราบเรียบราวกับเพิ่งนึกอะไรได้ ขอโทษ ฉันลืมไป งั้นฉันนอนล่ะนะ...เธอเองก็เถอะ อย่าออกไปไหนล่ะ..

      อืม...ผมจะทำตามนั้น..คุณเองก็นอนเยอะๆนะ...

      ...แล้วความเงียบงันก็เข้าคลอบคลุม...





      เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวยาวสยายเดินไปยังระเบียงที่แสงจันทร์สาดส่อง เผยให้เห็นรูปร่างและใบหน้าที่กระจ่างนวลในแสงจันทร์ ร่างกายสวมใส่ด้วยผ้าคลุมสีน้ำเงินออกดำที่กลืนไปกับความมืดในราตรี ภายในคือเสื้อแขนยาวสีเดียวกับขอบสีขาวสะดุดตา โบสีแดงสดผูกหลวมๆที่ลำคอระหงใต้หมวกของผ้าคลุม กางเกงสีดำสั้นเพียงหัวเข่าทำให้ดูเหมือนว่าอากาศในฤดูหนาวจะทำร้ายผิวกายขาวที่ดูเปราะบาง แต่กระนั้นรองเท้าบู๊ทเนื้อบางซึ่งยาวเกือบถึงช่วงเข่าก็ช่วยป้องกันความหนาวได้ดี

      ร่างบางปัดผ้าคลุมสีดำออกแล้วนั่งลงบนขอบหน้าต่างกว้างที่เย็นเฉียบด้วยอากาศในต้นฤดูเหมันต์ ดวงตาสีน้ำเงินของทะเลยามค่ำคืนมองไปยังบ้านเรือนที่แสนสงบเงียบงัน ก่อนเลยขึ้นมองดวงดาวที่ทอประกายสดใสกลางผืนผ้ายามราตรี..

      ความมืด..ค่ำคืน..

      รอยยิ้มบางผุดพราย เด็กหนุ่มชอบความมืด เพราะความมืดให้ที่หลบซ่อน ให้ความอบอุ่นแม้จะแฝงความหนาวเย็นบ้าง..แต่เหนือสิ่งอื่นใด..มันสงบเงียบ..เหลือเกิน...

      ราวกับทั้งโลกที่เพียงเขา..

      เสียงของสายลมที่พัดโกรกเย็นแสบผิว..เสียงจักจั่นที่ดังแว่วมาในความทรงจำ..

      ..กลิ่นของสายลมที่โชยความหอมหวน..

      ..ทุกสิ่งเป็นของเขา..ในยามค่ำคืนที่ทุกสิ่งหลับใหล..

      ค่ำคืน..ไนท์..ราตรี..

      ชื่อของ..ผู้ชายคนนั้น...

      เด็กหนุ่มหันไปมองเจ้าของนาม [ไนท์] ที่กำลังหลับสลายอบู่บนเตียง..หรืออาจไม่สบายนัก แต่อย่างน้อยการหลับใหลก็ทำให้ชายหนุ่มลืมความเจ็บปวดของบาดแผลไปได้บ้างล่ะ..

      เซย์เดินกลับมายังเตียงที่ไนท์กำลังนอน ดวงตามองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบ ก่อนจะวางมือในตำแหน่งเหนือร่างของชายหนุ่มขึ้นมา ริมฝีปากบางแดงสดพึมพำเวทมนตร์ชั่วครู่ กระทั่งกลุ่มแสงบางอย่างลอยขึ้นเหนือฝ่ามือเรียวบาง ก่อนจะค่อยๆล่องลอยลงสู่บาดแผลของชายหนุ่ม..และเริ่มเรืองรองไปทั่วร่างสูงใหญ่ที่หลับไหล

      เด็กหนุ่มยืนนิ่งพึมพำคาถาอยู่นานกระทั่งบาดแผลทั้งหมดบนร่างของไนท์หายไปจนหมด ก่อนจะหยุดท่องคาถาและยกมืออกมาพร้อมกับกลุ่มแสงที่หายไป ร่างแบบางยืนเซไปมาชั่วครู่ ก่อนจะหาหลักจับได้เป็นเสาเตียงที่สูงขึ้นมาในระดับอก

      แย่จริงๆ..แค่ใช้พลังไปแค่นี้ก็พาลจะล้มซะแล้ว..

      ถึงที่สุดงั้นหรือ..?

      คิดอย่างสมเพชตัวเอง ก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้ เหม่อมองเพดานห้องสีขาวโพลนที่ยามนี้ตกอยู่ในความมืดมิดอนธกาล




      มันผิดพลาดรึเปล่า

      ผิดพลาดรึเปล่า ที่เขามาอยู่ที่ตรงนี้

      มาอยู่โดยสร้างความเดือดร้อนให้คนที่แสนสำคัญ

      ถ้าตอนนั้น เขาไม่ทักบุรุษที่ดูน่าสนใจคนนั้น

      ..ก็คงจะไม่ได้รู้จักกัน และ..

      ไม่ทำให้ไนท์เดือดร้อนใช่ไหม?

      ..

      ..

      ..





      [คุณเป็นใครครับ?]

      เสียงของเด็กชายวันไม่เกินสิบขวบดังขึ้นในชุดที่ฟูฟ่องไปด้วยขนนกสีขาว เรือนผมสีเดียวซึ่งกลืนกับเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นสั้นระต้นคอ ดวงตาสีน้ำเงินกลมโตมองร่างของผู้ที่ก้าวเข้ามาในสวนเขียวขจีแห่งปราสาทสีรัตติกาลในยามค่ำคืน ร่างของบุรุษที่สวมเสื้อโค้ดสีดำทั้งตัวพร้อมผ้าคลุมสีซีดที่ห่อหุ้มกาย เรือนผมสีรัตติกาลสั้นระต้นคอ ดวงตาสีทองสกาวเรียบนิ่งราวผืนน้ำมองเด็กชาย แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ร่างซึ่งถูกจ้องมองรู้สึกกลัวขึ้นมาเลย [ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย]

      [ฉันไม่ใช่คนของที่นี่หรอก พ่อเทวดาตัวน้อย...ว่าแต่ ท่านผู้เฒ่าอยู่ไหนหรือ? ] เอ่ยพลางลูบหัวเด็กชายตัวน้อย ร่างเล็กป้อมจึงยิ้มด้วยชื่นชอบ ก่อนจะเอ่ยออกไป [อยู่ชั้นบนสุดครับ ผมคิดว่างั้นนะ]

      [งั้นก็ขอบใจ] เอ่ยจบก็ยกมืออกจากศีรษะของเด็กหนุ่ม ก่อนจะหันหลังแล้วก้าวเดินจากไป.. เดินไปยังประตูใหญ่ของปราสาทสีรัตติกาล

      ..โดยมีสายตาของเด็กชายมองตามหลังไป








      ...วันนั้นเป็นวันที่เราพบกันครั้งแรก...



      ....



      ......


      ........


      ....


      ...


      ...



      [ไง ทำไมชอบมานั่งแถวนี้คนเดียวจังล่ะ หืม?]

      เสียงนั้นดังอยู่ข้างกาย จากริมฝีปากของชายหนุ่มคนเดิมที่มานั่งข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ร่างเล็กภายใต้ชุดเสื้อสีขาวแขนกุดกับกางเกงขาสั้นและรองเท้าผ้าสีน้ำตาลจึงหันมอง [ทำไมคุณมาที่นี่บ่อยจัง?]

      [ฉันมาทำงาน เพื่อนเธอไปไหนหมดล่ะ ถึงไม่ไปเล่นกับเขา] ดวงตาสีทองสกาวแหลมคมมองเด็กชาย ก่อนร่างเล็กจะเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ [ผมไม่มีเพื่อนหรอก...]

      ชายหนุ่มมองรอยยิ้มนั้นชั่วครู่ ก่อนจะหันมามองไปข้างหน้า และเอ่ยถามขึ้นอย่างลอยๆ [การที่เธอมาอยู่ในที่แห่งนี้ได้ แสดงว่าเป็นแวมไพร์สินะ?]

      [ครับ ผมเป็นแวมไพร์...แต่ผมไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่หรอก ผมแค่มารอคุณพ่อเท่านั้นเอง] เอ่ยแล้วก็โบกมือไปมา พร้อมกับใบไม้ที่ขยับไหว [แล้วคุณล่ะครับ คุณอา]

      [แก่ไปรึเปล่า... ฉันชื่อไนท์..เรียกชื่อเฉยๆก็ได้..] ชายหนุ่มเอ่ยราบเรียบ ก่อนจะตอบคำถามที่เด็กชายเอ่ยออกมา [ฉันไม่ใช่พวกเดียวกับเธอหรอก ก็แค่บังเอิญงานที่ทำมันสัมพันธ์กับที่นี่เท่านั้นเอง...ฉันเป็นผู้พิพากษา]

      [ผู้พิพากษา?]

      [มนุษย์ที่ผลักตัวเองลงไปในเส้นทางของยมทูต..ทั้งๆที่ยังไม่ตายไงล่ะ] แค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะว่าต่อไป [อันที่จริงมันก็มีข้อดีข้อเสียหลายอย่าง ข้อดีคือมันทำให้ฉันอายุยืน ..และไม่เหมือนกับพวกเธอที่มีชีวิตอยู่ได้แต่ในยามค่ำคืน หรือต้องดื่มเลือดจากใครซักคน มันก็ดีที่จะได้อายุขัยมากๆมาโดยไม่มีข้อยกเว้นน่ารำคาญ แต่ก็นั่นล่ะ...]

      [การเป็นผู้พิพากษาต้องเตรียมใจลาจากสิ่งที่รัก เพราะจะต้องทำงานให้เทพแห่งความตาย...สมชื่อยมทูต]

      […นั่นน่ะ ทรมานสินะครับ?]

      [...หา.? แล้วเธอร้องไห้ทำไม???]เอ่ยอย่างสับสนเมื่อร่างข้างกายเกิดร้องไห้ขึ้นมา และกระโจนกอดชายหนุ่มไว้ ไนท์นั่งนิ่งงุนงงครู่หนึ่ง ก่อนจะโอบกอดลูบแผ่นหลังที่สั่นระริกของเด็กชาย [ร้องไห้ทำไม?]

      [การไม่ได้อยู่กับคนที่รักมันทรมานนี่ฮะ...ก็ถ้าผมต้องจากคุณพ่อไปก็คงรู้สึกแย่...มันเหงานี่ฮะ..]พูดถึงตรงนี้ เด็กชายก็ละจากอ้อมกอด แม้จะยังนั่งอยู่บนขาของชายหนุ่มก็ตาม น้ำตายังไหลรินอยู่แม้เด็กหนุ่มจะพยายามอย่างยิ่งยวดในการปาดมันออกก็ตาม [ไม่ว้าเหว่หรือฮะ? ไม่เหงาหรือฮะ...ไม่..คิดถึงคนที่รักเหรอฮะ?]

      [ไม่มีใครอยู่ให้ฉันคิดถึงหรอกนะ....เด็กน้อย....ฉันเป็นผู้พิพากษามาจะเป็นพันปีแล้วนะรู้ไหม?]หัวเราะแผ่วในลำคอ [ฉันแก่กว่าท่านผู้เฒ่าอีก]

      [จริงเหรอฮะ?] เอ่ยแปลกใจ น้ำตาเหือดหายไปเสียแล้ว [คุณดูหนุ่มจะตาย ผมนึกว่าคุณอายุพอๆกับพวกพี่ชายในปราสาทด้วยซ้ำ]

      [พวกพี่ชายในปราสาทน่ะอายุเท่าไหร่ล่ะ ?]คาดคั้นถาม และได้เป็นใบหน้าที่เหมือนจะมีเหงื่อออกของเด็กชายที่พยายามครุ่นคิด

      [อึก..อย่างน้อยภายนอกก็น่าจะซัก 20-22 นะฮะ..อายุจริงผมไม่รู้หรอก] เอ่ยพลางเสมองไปทางอื่น พร้อมหาทางเปลี่ยนเรื่อง [คุณดูหล่อมากเลย]

      [แล้วเธอชอบฉันไหม]

      คำพูดสั้นๆถูกเอ่ยออกมา และเด็กชายก็เอ่ยตอบออกไปโดยไม่คิดรีรอ [ก็ต้องชอบสิฮะ คุณเป็นเพื่อนคนแรกของผมเลยนะ]

      [เธอก็เป็นคนแรกที่คุยกับฉันได้ยาวและสนุกแบบนี้เหมือนกัน...]

      [นี่พันปีที่ผ่านมาคุณไม่ได้คุยกับใครเลยหรือครับ??? อย่างน้อยถ้าจะพูดว่าเป็นความหวาดกลัว พวกอมนุษย์ก็ต้องคุยกับคุณบ้างสิ]เอ่ยพลางกำเสื้อคลุมของอีกฝ่าย ดวงตาเริ่มคลอน้ำตาด้วยความสงสาร [จริงๆเหรอฮะ]

      [มีบางเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเกลียดฉัน]ว่าพลางหัวเราะในลำคอ โอบร่างที่ทำท่าจะร้องไห้อีกครั้งให้เข้ามาในอ้อมกอด ก่อนเด็กชายจะเอ่ยพึมพำแล้วทะลึ่งเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตามุ่งมั่น

      [แต่ผมไม่เกลียดคุณหรอก] เอ่ยแล้วปาดน้ำตาที่คลออกมาเมื่อครู่ [ไม่มีวันเกลียด แล้วก็ชอบมากด้วย เพราะงั้นผมจะมาที่นี่บ่อยๆ แล้วเป็นเพื่อนคุยให้คุณเองนะ]

      [แน่ใจหรือ?]ชายหนุ่มเอ่ยถาม และได้รับเป็นแววตาที่แสนมุ่งมั่นกับน้ำเสียงมั่นคงของเด็กชาย

      [แน่ใจฮะ]

      [งั้นเรามาสัญญากัน]

      [ฮะ!!]





      พลันเสียงก็ดังประสานกัน พร้อมกับนิ้วก้อยที่ประสานนิ้วอย่างไร้เดียงสา


      [สัญญากัน]

      .........

      เงียบกันไปครู่หนึ่ง

      [จะว่าไปเธอชื่ออะไรน่ะ?]

      อุ๊บ!!

      [ฮะ..ฮ่าๆ..! อะไรเนี่ยคุณไนท์ คุยกันตั้งนานทำไมถึงเพิ่งถามชื่อผมล่ะ!!]ว่าพลางมองด้วยแววตาตำหนิแม้ทั้งหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มหลุดขำเล็กน้อยก่อนถามกลบเกลื่อน

      [เอาน่า ตกลงเธอชื่ออะไร!!]

      [เซย์ฮะ..ผมชื่อเซย์..อุ๊บ..คิก..ฮ่าๆ..!]

      ..เสียงหัวเราะดังกังวานไปทั่วในความเงียบงันยามราตรี









      ..........



      ..เป็นเสียง..และเป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงจริงๆ

      เด็กหนุ่มยิ้มบางเมื่อนึกขึ้นได้ เสียงหัวเราะคิกคักดังแผ่วในลำคอ มือเรียวบางยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงด้วยกลัวว่ามันจะดังจนปลุกคนหูไวที่เขาหันหลังให้ตื่นขึ้นมา

      ...มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

      ..เป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงเหลือเกิน.. เด็กหนุ่มคิด ดวงตาสีน้ำเงินแฝงประกายแห่งความโหยหา..

      ..มือเรียวบางแตะแผ่วเบาที่ต่างหูรูปเกล็ดหิมะข้างซ้าย...











      เขายังจำได้ดี...ความทรงจำครั้งแรกแม้ว่ามันจะนานแสนนานมาแล้ว

      ชายหนุ่มลอบมองร่างร่างเล็กที่นั่งข้างๆกายของตน เขาไม่อาจหลับลงได้ในยามค่ำคืน มันกลายเป็นความเคยชินแล้วที่จะปรับร่างกายให้มีชีวิตอยู่ในยามค่ำคืน..ปรับให้เข้ากับคนที่อยู่ด้วยกัน..ปรับให้เข้ากับเซย์..

      นอนไม่หลับเลย

      ร่างเล็กสะดุ้งก่อนหันมอง คิ้วเรียวบางขมวดมุ่นก่อนเอ่ยบอก ไนท์ คุณนี่ดื้อจัง ไม่พักผ่อนร่างกายแล้วแผลจะดีขึ้นหรือครับ?”

      เธอเล่นรักษาให้ฉันซะหมดทุกที่แบบนี้ ผแนจะมีตรงไหนให้เจ็บอีกล่ะ?”เอ่ยกลั้วหัวเราะตามเดิม บาดแผลยามนี้ทุเลาจนเหลือแค่กำลังวังชาที่ยังไม่ยอมกลับมา แม้เขาจะห้ามเด็กหนุ่มแทบขาดใจ..สุดท้ายเซย์ก็ทำตามที่ตนต้องการอยู่ดี..โดยที่เขาห้ามไม่ได้..

      เธอเนี่ย...โง่ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ....ชายหนุ่มพึมพำ นิ้วเรียวยาวแตะลงที่ต่างหูเกล็ดหิมะของอีกฝ่าย นานแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่ที่เธอใส่ไอ้นี่น่ะ?”

      ตอนนั้นเราเจอกันประมาณเกือบปีแล้วล่ะครับ ตอนนั้นเลือดแวมไพร์ของผมเพิ่งตื่นแน่ะ..ว่าแล้วก็แตะนิ้วลงที่ต่างหูรูปเกล็ดหิมะที่มีรูปแบบเดียวกับของตน ลูบไล้คลึงอย่างเคลิบเคลิ้มก่อนเอ่ยต่อ แต่จากตอนนั้นมา รู้สึกเหมือนมันไม่นานเลย

      ชายหนุ่มหัวเราะกับคำพูดของคนรัก ก่อนจะละจากหูนิ่วราวสำลีของอีกฝ่าย ไล้ลงที่ต้นคอขาวผ่องซึ่งหลบซ่อนใต้ผ้าคลุมสีรัตติกาล..ไล้ที่รอยสักรูปดอกกุหลาบที่แสนงดงาม..

      ..แต่...

      ดวงตาสีทองหลุบลง




      ..รอยสักที่แสดงถึงชีวิตกำลังลดลงเรื่อยๆ...

      อายุเหลืออยู่หลายปีก็จริง..แต่มันเพียงพองั้นหรือ..

      กับฉันที่เป็นผู้พิพากษา..กับเธอที่เป็นแวมไพร์..

      เธอลืมไปหรือเปล่าว่าอายุของเราแทบจะไม่เท่ากันเลย..

      ..เธอลืมไปหรือเปล่าว่าฉันจะอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน..และเธอน้อยกว่าฉันแค่ไหน...

      ยิ่งในตอนนี้ที่อายุขัยของเธอลดสั้นลงทุกที...

      จริงๆแล้วฉันไม่ควรทำแบบนั้นสินะ..เพราะมันคือจุดเริ่มต้น..

      ของความรู้สึกทั้งมวลขณะนี้





      ..


      ....

      ..
      ....








      [ไนท์!! ผมมีของจะให้คุณดู]

      เด็กชายวิ่งออกมาที่สวนในยามราตรีซึ่งชายหนุ่มกำลังนั่งรออยู่ ในมือหนาใหญ่นั้นถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ร่างสูงเหล่มองร่างที่วิ่งมา ก่อนจะเก็บหนังสือวางข้างกาย [เอาอะไรมาล่ะ?]

      [นี่ฮะ ไนท์]

      สิ่งที่หย่อนลงในมือของชายหนุ่ม คือผลึกแก้วที่มีรูปร่าง ..รูปร่างของมันแปลกประหลาดและเล็ก... เปราะบางหากสวยงาม ราวกับ..

      [เกล็ดหิมะ??]

      เอ่ยหลังมองลักษณะรูปร่างของผลึกแก้วที่ดูแล้วแสนจะเปราะบาง [อะไรน่ะ?]

      [มันเป็นต่างหูฮะ ผมทำเอง ผมอยากให้ไนท์ใส่ ก็มันน่าจะเค้ากับคุณนี่นา?] ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยิ้มให้ [ใส่นะฮะ นะ นะ]

      [ต่างหูหรือ..อย่างกับผู้หญิง]เอ่ยละเหี่ยใจ มองด้วยสายตาปนรังเกียจ ก่อนจะต้องรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อเห็นน้ำตารื้นอยู่ในดวงตาสีน้ำเงินกลมโต[ก็ได้ ก็ได้ ใส่ก็ได้ แต่...]

      [แต่?]เซย์ทวนคำ เอียงคอมองด้วยวคามสงสัย

      [เธอต้องใส่ด้วยข้างหนึ่ง เราใส่ด้วยกันสองคนจะได้เข้าคู่กัน ดีไหม?]ว่าพลางเดาะต่างหูในมือ ก่อนจะแอบถอนหายใจโล่งอก และมองใบหน้าที่กำลังดีใจของเด็กชาย [ว่าไง?]

      [ดีฮะ ไนท์ แต่..มันจะไม่เจ็บเหรอ??]ว่าด้วยน้ำเสียงกังวล แต่ชายหนุ่มก็เพียงยิ้มก่อนว่าต่อ [ไม่หรอก ถึงเจ็บก็แค่แป๊บเดียว มา...ฉันใส่ให้]

      [อ๊ะ เดี๋ยวสิฮะ! ขอทำใจก่....]

      ฉึก!



      ......





      อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~~!!






      [อูย..]ไนท์ครางแผ่วเบา มือสองข้างปิดหูของตัวเองกั้นเสียงร้องดังลั่นที่สะเทือนไปทั้งปราสาท [ร้องซะดังลั่นเชียว!! มันเจ็บขนาดนั้นเลยรึไง?]

      [เจ็บสิฮะ ฮือ..ระบมเลย ปวดตุ๊บๆด้วย..ฮึก]เซย์ถอยห่างจากร่างของชายหนุ่มทันที มือเล็กป้อมยกจับหูข้างที่ถูกใส่ต่างหู เลือดสีแดงไหลออกมาบ้างเล็กน้อย แต่ถึงไม่อันตราย เจ็บก็คือเจ็บอยู่ดี [ไนท์ใจร้าย..]

      [มาว่ากันได้ยังไงล่ะ งั้นเธอก็ทำฉันคืนสิ]

      [...ไม่เอา!! ผมไม่อยากให้ไนท์เจ็บ]

      เอ่ยฉะฉาน ดวงตาจ้องมองด้วยแววตาที่ตรงกหับคำพูด หากชายหนุ่มกลับตีหน้าเหนื่อยหน่ายแทน [ถ้าไม่ทำ ฉันจะทำให้เธอเจ็บกว่านี้นะ เซย์]

      กึก!!

      ดูเหมือนว่าจะได้ผล ร่างเล็กชะงักทันที ก่อนจะเอ่ยถามกล้าๆกลัว

      [อึก....แล้วไนท์จะใช้วิธีไหนทำแบบนั้นล่ะ..]

      ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ก่อนโน้มกระซิบเบาๆที่ข้างหู[หลายวิธี..คิดว่าฉันอยู่มานานแค่ไหนแล้วหืม?...แค่วิธีทรมานคนทำไมจะไม่รู้]

      เซย์ขนลุกเกรียว มือเล็กๆผลักร่างของชายหนุ่มออก ดวงตาเงยมองคนที่สูงกว่าตน ซึ่งสายตาคุกคามคู่นั้นยังคงจ้องมองไม่วางตา..

      [ว่าไง..?]

      ...น้ำเสียงยิ่งคุกคามว่าดวงตาเสียอีก

      ...สิ่งที่เด็กชายพอจะทำได้จึงมีแค่อย่างเดียวเท่านั้น

      [..ก็ได้ฮะ..]

      เอ่ยเสียงอ่อย แล้วขยับเข้าใกล้อย่างกล้าๆกลัวๆ มือเรียวจับต่างหู ก่อนจะค่อยๆเจาะมันลงในเนื้อหูนิ่มของอีกฝ่าย และสะดุ้งเมื่อเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

      [เป็นแวมไพร์ซะอย่าง ทำไมกลัวเลือด] เอ่ยกลั้วหัวเราะ สังเกตมองดวงตาที่ไหวปริบไม่นิ่งเหมือนเคย [ว่าไง?]

      [มะ..ไม่ได้กลัว]พยายามใส่ต่างหูเข้าไปโดยไม่มอง แต่กลิ่นเลือดน้อยนิดนั้นดันโชยมาตลอดเวลา.. มือสั่นๆใส่แท่นต่างหูอย่างเชื่องช้ากระทั่งเสร็จ ก่อนเซย์จะละออกมานั่งไกลออกไป ร่างเล็กกัดนิ้วเบาๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลน เข่าสองข้างชันขึ้นกอด กระทั่งความเงียบคลอบคลุมก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว

      [...อยากดื่มเลือดฉันงั้นหรือ?]

      [อ๊ะ เปล่าฮะ!!]เอ่ยปฏิเสธทันที แต่เขี้ยวขาวๆยังงับกัดข้อนิ้วเล็กๆของตัวเองไม่เลิก ท่าทีแบบนั้นทำให้รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นไปตามที่ชายหนุ่มพูด เด็กชายยิ่งขยับถอยหลังเมื่อร่างสูงขยับเข้าใกล้ ขอบดวงตาร้อนผ่าว [ไม่อยากดื่ม..]

      [เธอเองก็อายุสิบสองแล้วนี่? ..เริ่มต้องการเลือดแล้วสินะ เมื่อครู่คงได้กลิ่นล่ะสิ] ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้โดยไม่สนว่ามันจะคุกคามเด็กชายไหม แม้ว่าดวงตาสีน้ำเงินสวยนั่นจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความไม่แน่ใจ..ความสับสน.. แต่ร่างสูงก็ยังคงเขยิบกายเข้าไป

      ..ท้าทาย..เชื้อเชิญ..ดวงตาแบบนั้นมันดึงดูด...มากกว่าจะผลักไสชวนให้ถอยออก

      ..ดวงตานั้นมันชวนให้อยากเข้าใกล้..

      [ดื่มซะสิ...กัดเลย..]ชายหนุ่มปลดผ้าคลุมออก ถอดกระดุมโค้ดออกที่คอออก [หรือว่ากัดตรงคอไม่เป็น?]

      [..มะ..ไม่เอาหรอก..]เด็กชายปิดริมฝีปาก พยายามขยับออกจนสุดพนักเก้าอี้ยาว [ไม่อยากดูดเลือดของใคร..ไม่เอา..อย่าบังคับสิฮะ]

      [เธอเป็นแวมไพร์นะ เซย์] เอ่ยพลางมองดวงตาที่กำลังหวาดกลัว [ไม่ลองดูหน่อยหรือไง?]

      [ไม่เอาหรอก]

      [เธอไม่เคยได้ยินพวกในปราสาทพูดถึงความอร่อยของเลือดรึไง?]

      ได้ยินสิ...และอยากจะลองดื่มเร็วๆด้วย...อยากจะรู้ว่ารสชาติเป็นยังไง...แต่...

      [ผมไม่อยากดื่มเลือดของไนท์นี่]

      [รังเกียจรึไง....จะกินก็กินร่างสูงยังคาดคั้น..เด็กชายลังเลชั่วครู่ ก่อนจะมองทีมือของชายหนุ่ม [เอ่อ...ทะ..ที่มือ..ก็ได้...]

      [ที่คอเป็นศูนย์รวมเส้นเลือด...ตรงนี้จะดูดง่ายกว่าไม่ใช่รึไง? หืม ว่าไง เซย์...]น้ำเสียงนั้นดูคุกคามขึ้นโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว เด็กชายที่ขยับไปไหนไม่ได้เลย และทำได้เพียงเงยมองใบหน้าคมที่บัดนี้กำลังคร่อมเหนือกายของตน ความรู้สึกคุกคามทำให้เลือดทั้งกายเดือดพล่าน เป็นความรู้สึกที่น่าสงสัยและไม่เคยรับรู้มาก่อน

      ชายหนุ่มองร่างที่กำลังสั่นระริกข้างใต้ ความรู้สึกเสียใจที่ทำให้กลัวไม่มีอยู่ในหัวสมอง ยามนี้เพียงต้องการให้เด็กชายลองฝังเขี้ยวลงไป..

      แวมไพร์เป็นปิศาจที่น่ากอดที่สุด..ยิ่งเวลาที่กำลังดูดเลือด...

      ..เขาอยากพิสูจน์ข้อนี้..

      เด็กชายนิ่งไปชั่วครู่ สัญชาตญาณกำลังแล่นพล่านไปทั่วกาย



      กัดสิ..กัดเลย..

      เลือดที่หอมหวาน...กลิ่น...ยังติดอยู่เลยไม่ใช่หรือ..

      ดื่มสิ..ไนท์อนุญาติแล้วนะ...ไม่กล้าหรือ...

      ..แล้วเด็กชายก็น้อมคอของชายหนุ่มลงมา




      เขี้ยวเล็กฝังลงกับลำคอของชายหนุ่ม ริมฝีปากบางประทับร้อนผ่าวที่ผิวคอ แขนเล็กทั้งสองข้างขย้ำเสื้อเป็นแรงยึดขณะดื่มเลือดที่ไหลรินออกมา เขี้ยวเล็กถอนออกก่อนกัดลงที่จุดเดิม ลิ้มเลียเลือดอันหอมหวานที่ไหลออกมาไม่ส้นสุด ความอร่อยของอาหารเลิศรสทำหจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดวงตาสีน้ำเงินสวยพริ้มบางเคลิบเคลิ้มกับรสเลือดที่หอมหวาน ลิ้นเล็กยังคงลิ้มเลียเลือดและกัดลงรอยเดิมซ้ำไปซ้ำมา ทำเช่นนั้นเนิ่นนาน..ก่อนเด็กชายจะละออกไป

      เขี้ยวเล็กสีขาวเต็มไปด้วยเลือดจากลำคอของชายหนุ่ม เซย์มองรอยเลือดที่ลำคอของไนท์ชั่วครู่ ก่อนจะขยับตัวเลียเลือดที่ไหลอยู่จนหมดไป..เหลือเพียงรอยกัดสองรอยที่ลำคอเท่านั้น

      เซย์หอบหายใจชั่วครู่ มือเรียวปาดเอาเลือดที่ติดริมฝีปากออกก่อนไล้เลีย ดวงตาฉ่ำเยิ้มมองใบหน้าคมที่ดูอิดโรยของชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยความสำนึกผิด [ขอโทษฮะ...ผมเผลอดื่มซะเยอะเลย..]

      [ช่างมันเถอะ.....]ชายหนุ่มพึมพำ [ทำไมร่างกายปวกเปียกเชียวล่ะ..]

      [ไม่รู้สิ..เรี่ยวแรงหายไปหมดเลย...]

      ชายหนุ่มประคองร่างของเด็กชาย ดวงตาจ้องมองที่ใบหน้าที่แดงเรื่อหน่อยๆ มองเลยไปยังดวงตาสีน้ำเงินสวยที่ยังเชื่อมปรอยหวาน... กระทั่งลงมาจรดสายตาที่ริมฝีปากบาง

      ก่อนที่จะคิด ชายหนุ่มก็จรดริมฝีปากของตนลงประทับกับกลีบปากบาง

      เซย์เบิกตากว้าง แต่เรี่ยวแรงนั้นไม่มีจะผลักไสชายหนุ่มออกไป รสสัมผัสที่หวานยิ่งกว่าเลือดซึ่งดื่มกินแผ่ซ่านเข้ามาจนร้อนฉ่าไปทั้งกาย จุมพิตนั้นบดคลึงเรียกร้องราวกับเด็กเอาแต่ใจ แขนสองข้างของชายหนุ่มพยุงกายบางที่ทำท่าจะมดเรี่ยวแรงลงกว่าเดิม รสหวานที่แผ่ซ่านนั้นแผ่ไปทั้งกาย ร้อนฉ่าและชาเยียบ...

      ...กระทั่งจูบนั้นละออกไป...ความร้อนก็ยังไม่หายไปจากหัวใจ

      ความเงียบคลอบคลุม..แม้แต่ไนท์เองก็ดูเหมือนจะตกใจกับการกระทำของตัวเอง..

      ทุกสิ่งหยุดนิ่งเนิ่นนานราวกับเวลาได้เดินช้าลง..ก่อนไนท์จะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

      [...จะเช้าแล้ว อีกเดี๋ยวเธอคงต้องเข้านอนสินะ...งั้นฉันไปล่ะ..]

      ร่างสูงลุกขึ้นและเดินจากไป ไม่แม้แต่จะอธิบายการกระทำของตัวเอง

      เซย์นั่งนิ่งอยู่ที่เก้าอี้ นิ้วเรียวแตะริมฝีปากอย่างไม่เข้าใจ สมองงงงวยกับการกระทำที่ดึงรั้งหัวใจให้เต้นรัว

      อยากได้รับจูบนั้นอีก แต่ส่วนหนึ่งของความคิดก็บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องดี

      อยากรับสัมผัสนั้นอีก..สัมผัสที่ร้อนผ่าวและอ่อนนุ่ม

      ..ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลยก็ตาม



      ..

      ไร้สติ ไร้เหตุผล ราวกับความต้องการที่บ้าคลั่ง

      ทำไมจึงต้องการ ทำไมถึงไม่รั้งตัวเองไว้

      ชายหนุ่มคิดขณะพากายตัวเองกระโดดละล่องไปในราตรี...

      หัวใจแผ่ซ่านด้วยความร้อน..ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาในหัวใจ





      ความคิดหนึ่ง..กำลังก่อตัวและค้างคาอยู่ในห้วงคำนึงของคนสองคน


      [..นี่มัน....

      ..เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของเรางั้นหรือ?..]















      ซ่า....

      ไนท์...ข้างนอกฝนตกล่ะ แบบนี้พวกนั้นคงตามเราไม่ได้ซักพักล่ะ....

      ..เพราะแวมไพร์ที่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์จะเกลียดสายฝน..

      เด็กหนุ่มเอ่ยบอกพลางครุ่นคิด ขณะที่ดวงตามองไปข้างนอก สายฝนกำลังโปรยปรายตัดผ่านความมืดลงมา ดวงจันทร์และดาราที่กระจ่างสดใสอยู่เมื่อครู่ยามนี้หายไปจนหมดสิ้นด้วยเมฆฝนที่เข้าบดบัง ร่างเล็กลุกขึ้นยืน ก่อนจะขยับขึ้นนั่งบนเตียงนุ่ม เอ่ยเรื่อยไปโดยไม่คิดอะไร ตอนนั้นทำไมไนท์ถึงจูบผมเหรอ ?”

      แล้วทำไมตอนนั้นเธอถึงจูบตอบฉันล่ะ

      ใบหน้าขาวแดงฉ่า ร่างเล็กหันหลังให้ร่างสูงที่นอนอยู่ หลบดวงตาที่จ้องมองอย่างคาดคั้นของชายหนุ่มกะ..ก็มัน..

      ว่าไง..จะไม่ยอมบอกหรือ..วงแขนแกร่งขยับโอบเอวบาง รวบกายเล็กขึ้นนั่งบนตักของตนหลังจากที่ร่างสูงขยับกายนั่งพิงหลังกับหมอนอิงพูดมาสิ?”

      มะ.....

      “..มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้นี่นา..ร่างบางเลือกที่จะเอนกายลงในอ้อมแขนแกร่ง ดวงตาสีน้ำเงินหลุบลงหลับพริ้ม แต่แล้วมือหนาก็เชยใบหน้าหวานให้เงยมองเขา พร้อมกับจ้องมองด้วยดวงตาสีทองสกาวที่แสนแหลมคม น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาแกมเรียกร้อง กระซิบแผ่วที่ใบหูขาวงั้นก็บอกความรู้สึกมาสิ..

      เด็กหนุ่มหน้าแดงไปถึงลำคอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ดวงตาคู่นี้มักจะมีอิทธิพลกับเขาเสมอ ยังไม่นับเสียงทุ้มน่าฟังกับลมหายใจอุ่นๆที่เป่าข้างหูด้วย..

      มือไม่ของเซย์ชาเยียบไปหมด ก่อนเด็กหนุ่มร่างบางจะเอ่ยขึ้นอย่างแสนตะกุกตะกัก..

      จำไม่ได้หรอก..มัน..ก็แค่..โอ๊ย! ไม่เอาแล้ว หยุดซะทีเถอะครับ!!คราวนี้ใบหน้ายิ่งแดงขึ้นจนเหมือนกับลูกสตอเบอรี่ ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทีที่แสดงออก ก่อนจะได้ยินเสียงพึมพำดังออกมาจากร่างที่อิงแอบซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา

      “..ทำไมผมถึงต้องแพ้คุณทุกทีเลย..


      ..แพ้ดวงตาของคุณ..

      ..แพ้น้ำเสียงของคุณ..

      ..แพ้กลิ่นของคุณ..

      ..ทุกอย่างที่เป็นคุณ..

      ..รัดรึงผมไว้แน่นหนา..





      .............

      ..........................


      .........................................................................




      [จะไปแล้วเหรอฮะ?]

      เสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลังก่อนที่ชายหนุ่มมจะก้าวเดิน ร่างสีรัตติกาลนั้นหยุดนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะหันมองร่างที่ยืนอยู่เบื้องหลัง และเอ่ยชื่อเจ้าของร่างแผ่วเบา

      [เซย์..]

      ร่างสูงมองเด็กชายที่ยืนอยู่ในชุดเสื้อสีขาวแขนกุดและกางเกงขาสั้น ดวงตามองนิ่งชั่วครู่ก่อนจะหันหลังกลับ

      [เดี๋ยวสิฮะ! ทำไมไม่ยอมคุยกับผมเลยล่ะ]แขนเล็กๆรั้งชายเสื้อคลุมของร่างสูงไว้ ดวงตาเหมือนคลอด้วยหยาดน้ำตาที่กำลังจะหลั่งรินหากร่างเล็กไม่กลั้นมันไว้ [ไนท์!! ตอบผมสิฮะ]

      ร่างสูงข่มใจที่จะไม่หันไปมอง ..ตั้งแต่วันนั้น แม้เขาจะมาเยือนที่แห่งนี้ เขาก็ไม่กล้าพอจะไปเจอเด็กชายอีกเลย


      เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมาอะไร เขาทำอะไรลงไป

      มันควบคุมไม่ได้ แม้แต่จิตใจ แม้แต่สมอง

      เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรลงไปอีก จึงเลือกที่จะหนี เลือกที่จะไม่พบเจอกัน

      มันง่ายกว่าการพบเจอแล้วต้องข่มใจเอาไว้..


      [....เซย์ ปล่อย ฉันจะกลับ]

      ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งดุดันเย็นชา แต่แม้นมันจะเสียดแทงใจแค่ไหน เด็กชายกลับไม่ยอมแพ้ [ไม่เอา!! ก็ผมอยากคุยกับไนท์นี่นา]

      ไนท์เผลอหันหลังกลับมา และพบกับใบหน้าที่ยามนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาใสที่หลั่งรินไม่ขาดสาย ดวงตาสีน้ำเงินไหวระริกพร่าเลือนและแดงช้ำด้วยน้ำตา เรือนผมสีขาวที่ยาวระต้นเริ่มจะเปียกแนบใบหน้าที่เอ่อล้นน้ำตา ร่างสูงหลวมตัวนั่งลงมองใบหน้าของเด็กชาย ร่างเล็กจึงร้องไห้โฮออกมา ก่อนจะโถมกอดร่างสูงอย่างแรง [ขอ...ข....ขอร้อง...ล่ะ....อย่าเกลียดผมนะ..!!...]

      [ใคร? ใครเกลียดเธอ] เอ่ยสงสัย ขณะที่แรงโถมกอดทำให้ชายหนุ่มนั่งพิงกำแพงทางเข้าปราสาท [พูดอะไรออกมาหา?]

      [ก็...ก็ไนท์ไม่ยอมมาคุยกับผมเลยน่า...]เอ่ยปนเสียงสะอื้น มือเล้กปาดน้ำตาจนดวงตาแดงช้ำ [ผ..ม..กลั..ว...]

      [..อา….เธอนี่..จริงๆเลย]ร่างสูงเอ่ยหน่ายใจ โอบกอดร่างที่กำลังสะอื้นไห้ในอ้อมแขน [เธอไม่กลัวฉันจะทำอะไรแบบนั้นอีกหรือไง?]

      [แบบนั้น..?]เด็กชายเงยหน้ามองสงสัย

      [แบบนี้ไง]

      ไนท์แลบลิ้นเลียริมฝีปากเล็กของร่างบาง เซย์นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนใบหน้าจะเริ่มแดงฉ่าอีกครั้ง แล้วยืนนิ่งอยู่จนไนท์ขำออกมาเบาๆ อะไรของเธออีกน่ะ เซย์ หรือว่ากลัว]

      [..ผมไม่ได้กลัว..ก็แค่..เอ่อ...]

      ดวงตาสีน้ำเงินเงยมองใบหน้าคม ใบหน้าหวานและไร้เดียงสาดูจะลังเล ก่อนร่างบางจะชันกายขึ้นจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย

      ร่างสูงนิ่งอึ้งไปแทบจะในทันที ร่างกายแข็งเกร็งด้วยความตระหนกตกใจ ..เซย์เองก็สัมผัสเพียงแผ่วเบาและละออกด้วยความอาย

      ..แต่การกระทำดังกล่าวทำให้เชือกเส้นบางขาดผึงเสียแล้ว

      แขนแกร่งรวบร่างบางเข้ามาโอบกอดแทบจะในทันที ริมฝีปากหนาบดจูบลงบนกลีบปากเล็กของเด็กชายทันที เซย์ผลักออกโดยอัติโนมัติตามสัญชาตญาณของร่างกาย แต่ชายหนุ่มกลับกอดรัดร่างเสียแน่น จูบที่ร้อนเร่าและเรียกร้องกว่าครั้งก่อนทำให้ร่างกายหมดเรี่ยวแรงและรู้สึกถึงความชาที่แล่นเข้ามาและกระจายไปทั้งร่างกาย ลิ้นร้อนเข้าลิ้มเล็มริมฝีปาก ก่อนเบิกทางเข้าลิ้มรสสัมผัสโพรงปากเล็กชื้นภายใน ลิ้นสากสัมผัสและเกี่ยวกระหวัดโดยไม่ปล่อยให้หนีไปไหน มือหนาอีกข้างที่ไมได้โอบเอว กระชับท้ายทอยใหก้รมฝีปากยิ่งแนบชิดกันยิ่งขึ้น ร่างสูงรู้สึกถึงแรงบีบเล็กๆที่ไหล่ทั้งสองข้าง ขณะที่ลิ้นเล็กซึ่งตนรุกรานเชื้อเชิญเริ่มตอบสนองอย่างอ่อนหวาน เรียกให้ความปรารถนายิ่งปะทุคุโชนขึ้นไปอีก

      ..แต่ถ้ามากไปกว่านี้จะยิ่งหยุดไม่ได้..

      ชายหนุ่มพยายามอย่างยิ่งที่จะละจากจูบอันหอมหวาน ก่อนจะผลักร่างเล็กออกไปเล็กน้อยแล้วสูดหายใจเข้า มือหนาเสยผมสั้นระต้นคอของตนก่อนจะถอนหายใจพรืด แล้วพึมพำขึ้นเธอทำฉันบ้า...

      [..ไม่ทำต่อเหรอ..]

      [...เธอพูดอะไรออกมาน่ะ เซย์]ว่าพลางมองใบหน้าที่กำลังเคลิบเคลิ้ม นิ้วเรียวยาวแตะแผ่วริมฝีปากแดงชุ่มที่น่าสัมผัสอีกครา

      [มัน..ก็..แปลกๆ..แต่ว่า...]เด็กชายเว้นระยะชั่วครู่ ขยับกอดร่างสูงพลางพึมพำปานเสียงคราง

      [..แต่ว่า..ชอบมากเลย...]

      ร่างสูงสูดลมหายใจลึกก่อนจะปล่อยออกมา ดวงตามองร่างที่กำลังกอดตนอยู่ [...พูดอะไรออกมารู้ตัวไหม รู้ไหมว่าคำพูดแบบนี้จะทำให้สติฉันขาดผึง...]

      [แล้วทำไมต้องเป็นอย่างนั้นล่ะฮะ] ร่างเล็กเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา ไนท์กลอกตาไปมาก่อนกุมขมับแล้วถอนหายใจดังเฮือก

      [เอาเถอะ..ฉันยังไม่คิดจะทำอะไรเธอตอนนี้หรอก....]

      ไนท์ลุกขึ้นพร้อมอุ้มร่างของเซย์ออก เด็กชายเงยมองคนที่สูงกว่า ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยความกังวล [ไนท์ คุณจะมาหาผมอีกใช่ไหมฮะ?]

      [อืม..ฉันจะมาอีกแน่...แต่ตอนนี้ต้องไปแล้ว]เอ่ยแล้วจึงยิ้มให้ร่างเล็ก เซย์มองชายหนุ่มชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

      [สัญญานะฮะ]

      [หืม?]

      [สัญญานะฮะ ว่าต้องมาอีก..]

      [ได้.........]ร่างสูงเอ่ยปนเสียงหัวเราะ รอยยิ้มพาดผ่านแผ่วบางบนใบหน้าคมที่ขาวจัดราวไม่เคยต้องแดด

      [..ฉันสัญญา...]












      ฝนยังไม่หยุดตกเลย....

      เสียงสายฝนที่ตกลงกระทบผืนกินและบ้านเรือนนั้นชวนให้อยากหลับใหล และยามที่ใกล้รุ่งเช้าเช่นนี้ย่อมทำให้ร่างแบบบางรู้สึกง่วงนอน ด้วยเป็นผู้อาศัยอยู่ในยามค่ำคืนง่วงจัง...

      งั้นก็นอนสิ..ร่างสูงเอ่ยพลางลูบเส้นผมสีขาวที่ยาวสยายเต็มแขนซึ่งเด็กหนุ่มใช้อาศัยหลับใหล ไม่รู้ว่าคุยกันไปคุยกันมา เซย์ขึ้นมาบนแขนเขาตั้งแต่เมื่อไหร่..

      พวกนั้นจะตามมาทันหรือเปล่านะ ถึงฝนตกแบบนี้จะไม่น่าตามมาก็เถอะ...เซย์พึมพำ ก่อนจะเงยถามร่างสูงที่ตนอาศัยแอบอิงไนท์คิดว่าไงครับ..?”

      ถึงตามมาทันก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก..ชายหนุ่มแค่นหัวเราะใครจะทำอะไร..ผู้พิพากษา..กับ..เลือดบริสุทธิ์ได้..?”

      “..นอกเสียจากว่าจาก[เขา]จะมา....

      ร่างเล็กนิ่งฟังให้คำพูดซึมซับสู่ห้วงความคิด..นั่นน่ะ....

      อย่างเมื่อวานเหรอครับ..ไนท์เอ่ยพลางหลับตาลง มือเรียวบางแตะลงบนหน้าอกที่พันด้วยผ้าพันแผล..แม้ยามนี้บาดแผลใต้แถบผ้าสีขาวจะไม่มีแล้วด้วยพลังของเขา..แต่มันก็เคยมีอยู่ดีขอโทษนะครับ....ไนท์

      เธอนี่อีกแล้วนะ...ไม่ต้องห่วงหรอก...ชายหนุ่มกดหัวของร่างบางลงแนบแผ่นอกฉันยังมีชีวิตอยู่นะ อย่ากังวลสิ

      เสียงของหัวใจที่กำลังเต้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ..และความอบอุ่นทำให้เด็กหนุ่มหลับตาลง

      ยังอยู่ด้วย ยังอยู่เคียงข้าง ยังไม่หายไปไหน

      ..เรายังอยู่ด้วยกัน..

      ร่างสูงโอบกอดร่างทีซุกอยู่กับอกตน สางนิ้วไปตามความยาวของเส้นผม ก่อนจะพึมพำขึ้นเซย์....ผมเธอยาวมากแล้วนะ

      รวบผมสีขาวพิสุทธิ์ราวหิมะขึ้นจุมพิต แล้วเอ่ยต่อไปไม่รำคาญหรือไง?”

      ดวงตาสีน้ำเงินเงยขึ้นมองร่างสูง ยามแรกนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วแดงอย่างที่ชายหนุ่มมองว่ามันน่ารัก ก่อนร่างเล็กจะยิ้มบางแล้วเอ่ยถาม แล้วไนท์ล่ะ ไม่หนักหัวหรือ ยาวพอๆกับผมนั่นล่ะ

      แล้วทำไมเธอถึงไว้ผมยาวล่ะ? เซย์

      แล้วทำไมคุณถึงไว้ยาวล่ะ ไนท์

      “...เริ่มจะกวนประสาทเก่งขึ้นทุกทีนะ...

      อ๊ะ...!ร่างแบบบางถูกจับให้หลังสัมผัสกับเตียงนุ่ม พอลืมตาขึ้นอีกทีร่างของชายหนุ่มก็คร่อมเขาไว้เสียแล้ว ร่างสูงยิ้มกริ่ม ก่อนจะขยับกายลงมา จุมพิตสัมผัสริมฝีปากบางและปลดกระดุมที่ต้นคอ

      ริมฝีปากละจากจุดที่เคยอยู่ ก่อนขยับมอบความร้อนที่ต้นคอขาว ริมฝีปากบดแนบและขบกัดเป็นรอยแดง ก่อนขยับที่ขบกัดให้เกิดรอยแดงเพิ่มขึ้นอีกสองสามรอย

      ไนท์...พอแล้ว...เดี๋ยวสิ!

      ร่างสูงหยุดตามคำขอ แขนยาวแกร่งค้ำกายเหนือร่างเล็กก่อนจะว่าขึ้นเมื่อก่อนยังขอให้ฉันทำอีกเลย

      ตอนนั้นผมยังเด็กนี่ใบหน้าแดงเรื่อ ก่อนจะแดงขึ้นไปอีกเมื่อลมหายใจร้อนสัมผัสถึงใบหูเล็กน่ารัก แนวฟันขาวขบกัดใบหูเรียกให้แดงเรื่อขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู

      เธอทำเป็นลืมหรือเราไม่กล้าพูดกันหืม? ...เพราะตอนนั้น

      ..เราสัญญากัน..

      ..คำสัญญาครั้งที่สองของเรา..











      [ผมของไนท์นุ่มจัง ลื่นด้วย]

      [พูดอะไรน่าขยะแขยงนะ เซย์]

      [ผมแค่พูดความจริงเอง] ว่าพลางลูบเรือนผมสั้นระต้นคอของชายหนุ่มพลางทำท่าทางอารมณ์บูด [ไนท์ไม่คิดไว้ยาวเหรอฮะ? ผมว่าถ้าไว้ยาวต้องดูดีแน่ๆเลย]

      [งั้นเธอก็ไว้ยาวด้วยสิ ผมเธอเองก็นุ่มนะ..เหมือนเส้นไหมเลย]ว่าพลางจับเรือนผมของเด็กชาย ลูบไล้และสางลงมาจรดปลาย [คงสวยน่าดู...ถ้าเธอไว้ยาว]

      [ผมเป็นผู้ชายนะฮะ...]

      [แวมไพร์มีสองเพศนี่....]

      [ไปได้ยินมาจากไหนฮะ..แวมไพร์มีเพศเดียวครับ!!]เอ่ยพลางมองหน้าของชายหนุ่ม ร่างสูงมองดวงตาของเด็กชายก่อนหัวเราะในลำคอ [เชื่อสิ โตขึ้นเธอได้เป็นเจ้าสาวแน่]

      [อ๊า...! ผมเป็นผู้ชายนะฮะ!!]ตะโกนอีกครั้งด้วยอาการไม่พอใจ ก่อนชายหนุ่มจะหัวเราะเสียงดังลั่นจนน้ำตาเล็ด เซย์มองด้วยอาการโกรธาก่อนจะหยิกแก้มของร่างสูง ไนท์ร้องโอดโอยซักพักก่อนจะพูดขึ้นอีก [ก็แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์มีสองเพศนี่ ?]

      [....ถามจริง?]

      [ไม่เชื่อก็ไปหาอ่านในหนังสือเลยไป๊]

      [ไม่เชื่อ ผมเป็นแวมไพร์มาตั้งสิบสามปีนะ]

      [ถ้ามีสองเพศเธอก็แต่งงานกับฉันได้นะ?]

      [...........................................]







      ‘...แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์แต่เดิมจะจะสามารถเป็นได้ทั้งสองเพศ เมื่อแรกเกิดจะมีเพียงเพศเดียวคือชายหรือหญิงอย่างใดอย่างหนึ่ง หากคนที่หัวใจรักเป็นบุรุษและตนเป็นหญิงก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่หากเป็นเพศเดียวกัน เมื่อทำสัญญาแต่งงานเป็นคู่สามีภรรยากัน หากไม่มีเหตุผิดพลาดฝ่ายที่เป็นผู้ทำสัญญาก็จะเปลี่ยนเพศไปให้สมสถานะที่ควรเป็นของสามีและภรรยา

      มีในบางกรณีที่นอกเหนือจากการกระทำระหว่างแวมไพร์ด้วยกัน การทำสัญญาอาจไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนเพศได้ แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นสาเหตุให้สมัยก่อนแวมไพร์จำนวนมากแพร่เผ่าพันธุ์ไปทั่วทุกแห่งในโลกด้วยความที่ไม่มีเหตุผลกีดขวางเรื่องการรักเพศเดียวกัน แม้ปัจจุบันจะลดน้อยลงทุกที เนื่องด้วยสายเลือดส่วนใหญ่ขณะนี้มีเลือดบริสุทธิ์หลงเหลืออยู่น้อยเหลือเกิน...



      ไม่ได้โกหกแฮะ..

      เด็กหนุ่มคิดพลางจ้องหนังสือในมือ ใบหน้าปุเลี่ยนก่อนเก็บมันเข้าชั้นหนังสือในห้องสมุดกว้างใหญ่

      [อ่านเสร็จแล้วหรือ...เซย์?]

      [เสร็จแล้วฮะ ท่านผู้เฒ่า ขอบคุณนะฮะ]

      [....อย่าไปเข้าใกล้ผู้พิพากษาคนนั้นดีกว่านะ ผู้ชายคนนั้นอันตราย] เสียงพร่าเครือของท่านผู้เฒ่าแห่งปราสาทแวมไพร์เอ่ย ดวงตาพร่าเลือนมองร่างของเด็กหนุ่มวัยสิบสามปีที่กำลังเก็บหนังสือเข้าชั้นเก่าคร่ำครึ [ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเลือดบริสุทธิ์..เป็นสิ่งสำคัญของเรา...ข้าคัดคานมาตลอดเรื่องที่พ่อของเจ้าให้เจ้าอาศัยอยู่ข้างนอกปราสาท...ไม่ว่าอย่างไรขอให้ระวังตัว..ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดีนะ..เซย์]

      เด็กหนุ่มมองผู้มีพระคุณด้วยความลำบากใจ ก่อนจะเอ่ยตะกุกตะกัก [ผมทราบว่าท่านผู้เฒ่าหวังดีนะฮะ แต่เขา.. เป็นเพื่อนผมนี่ฮะ...?]

      [.กระนั้น..มันก็......อันตราย..]ชายชราเอ่ยพลางส่ายหน้า ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเด็กหนุ่มด้วยความห่วงใย [ถึงจะเป็นเพื่อน...แต่จงอย่าเชื่อใจ... เซย์]


      ..เพื่อน

      มันจำกัดความไม่อยู่แล้ว

      ยิ่งเจอกันยิ่งคิดถึง ยิ่งได้อยู่ด้วยกัน ยิ่งรู้สึกว่าขาดไปไม่ได้ทุกที

      วันไหนไม่ได้เจอความรู้สึกโหยหาก็ปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

      ความรู้สึกมันเกินจะกำจัดความไว้ที่คำว่าเพื่อนแล้ว

      ..แต่ว่า..

      ดวงตาสีน้ำเงินหลุบลงเศร้าสร้อย..

      ถึงจะมีสองเพศ คู่แต่งงานก็คงถูกกำหนดไว้

      จะแต่งงานกับใครอื่นได้อีก นอกจากเลือดบริสุทธิ์ด้วยกัน..?

      เลือดบริสุทธิ์ที่หาได้ยากยิ่ง..สัตว์หายาก

      ..มีสิทธิ์โต้แย้ง..ปรารถนาหาอิสรภาพหรือ..?

      อิสรภาพที่ท่านพ่อให้ แค่อิสรภาพที่จะได้มองเห็นโลกภายนอกแม้เพียงครึ่งหนึ่งของชีวิต ก็น่าจะพอแล้ว

      มนุษย์มีกิเลสมาก ท่านพ่อเคยว่าไว้..

      ..งั้นความไม่รู้จักพอนี่ มันคงเหมือนๆกันกับ..มนุษย์สินะ..?

      ..ความปรารถนาที่พอกพูนไม่รู้จักหยุดของเขา










      [ไนท์ เรามาสัญญากันอีกดีไหม?]

      ร่างสูงเงยมองใบหน้าหวานที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นหญ้าสีเขียวขจีซึ่งสายลมกำลังพัดโบกไสว [สัญญา?]

      [เราไว้ผมยาวกัน ผมก็จะไว้ ไนท์ก็ไว้ด้วยนะ]ว่าแล้วก็ยกนิ้วก้อยขึ้น [สัญญานะฮะ]

      [...เธอจะไว้ด้วยงั้นหรือ?]ว่าแล้วก็จับร่างแบบบางมานั่งบนตัก ก้มมองใบหน้าหวานที่เงยมองตน [แน่ใจนะ? เธอก็จำไว้ด้วยใช่ไหม?]

      [ครับ ไนท์]

      […งั้นก็โอเค]

      [เฮ!]

















      ฟรี้....

      ไม่หลับก็แปลก..

      ต้องหนีมาเหนื่อยขนาดนั้นนี่นะ..

      ชายหนุ่มคิดพลางโอบร่างในอ้อมแขนเข้ามาให้แน่นกว่าเดิม ร่างที่คุยกับเขาเจื้อยแจ้วเมื่อครู่ยามนี้หลับใหลอยู่ในอ้อมกอดเสียแล้ว มือหนาลูบไล้เรือนผมสีขาวยาวสยายที่ปรกลงบนแขนของเขา กายบางครางในลำคอเล็กๆ ก่อนจะขยับร่างซุบแผ่นอกกว้างแล้วหลับใหลต่อไป

      ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆกับความน่ารักที่สัมผัสได้ ก่อนจะมองไปที่หลังมือของเด็กหนุ่ม...

      ..สัญลักษณ์ของพันธสัญญา..

      น่าขัน..ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทำไมเขาถึงยังทำนะ..

      ทั้งที่ต่างคนต่างรู้ดี เมื่อทำพันธสัญญาไป..ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสามีภรรยากันได้..

      ถ้าทำสัญญากับคนต่างเผ่า..ไม่มีทางที่เพศจะเปลี่ยนไป

      ..ทั้งอย่างนั้น ทั้งเขาและเด็กคนนี้กลับคิดจะเสี่ยง

      ..และแน่นอนว่า ความหวังมันพังทลายไม่มีชิ้นดี








      ความรู้สึกมันแปรผันและยิ่งเข้มข้นขึ้น

      จากเด็กชายตัวน้อยกลายเป็นเด็กหนุ่ม

      จากเพื่อนคุย กลายเป็นคนรัก

      ..กลายเป็นคนที่ขาดไม่ได้..

      กลายเป็นความรู้สึกที่รุนแรง ความรู้สึกที่อยากจะครอบครองไว้

      ..ทั้งตัวเขา ทั้งเด็กน้อยของเขา..








      [จะทำพันธสัญญางั้นหรือ]

      [ครับ....] เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยริ้วแดงก็ตาม ดวงตามองชายหนุ่ม[ได้ไหมครับ]

      ดวงตาของชายหนุ่มละจากหนังสือที่อ่านอยู่ ร่างสูงที่นอนราบกับผืนหญ้ามองร่างของเด็กหนุ่มที่ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งสวย..ทั้งๆที่ใช่ผู้หญิง เด็กน้อยผมขาวสั้นระคอที่เขาเคยคุยด้วย กลายเป็นเด็กหนุ่มที่อ่อนหวานและร่าเริง ดวงตาสีน้ำเงินกลมโตยามนี้เรียวขึ้นแม้เพียงน้อยนิด ทั้งแฝงด้วยความอ่อนโยนล้นเหลือ เรือนผมสีขาวรวบที่ต้นคอและปล่อยระไว้ที่ไหล่บาง... รวมถึงกิริยาท่าทางงามสง่าราวกับราชินี...

      เหมือนกับราชินิจริงๆ...ยิ่งเวลาเดินในงานพิธีล่ะแต่ละคนจ้องตาเป็นมัน

      [ไหนเธอบอกว่าตัวเองเป็นผู้ชาย?]

      [ก็ผมรู้แล้วนี่ครับ ว่าตัวเองเปลี่ยนเพศได้ ...แล้วก็..] เด็กหนุ่มลนลาน ชวนให้ร่างสูงที่ลอบมองอยู่หัวเราะหึๆในลำคอ

      [หัวเราะทำไมอ่ะ!!]เอ่ยอย่างอับอาย [ใจร้าย!]

      [เธอรู้สึกแบบไหนล่ะ? ..ถึงได้มาพูดคำนี้กับฉัน?]ชายหนุ่มเอ่ยพลางจ้องร่างเล็กด้วยดวงตาสีทองสกาว

      [เอ่อ..คือ...] เซย์มองดวงตาที่คาดคั้น...ดวงตาคู่ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ เด็กหนุ่มก็มักจะพ่ายแพ้ให้กับมัน[..ผม...อะ....คือ....ว่า...]

      [......ร......] เซย์หน้าแดงระเรื่อ ดวงตาเสมองไปมองมา มือไม้เริ่มกำหญ้าเต็มกำมือด้วยความอาย ปากเอ่ยคำตะกุกตะกักซ้ำไปซ้ำมา

      [ระ...ระ..ระ...รั......]

      ดูเหมือนไนท์จะรอไม่ได้ ร่างสูงยกแขนขึ้นไปจับที่ท้ายทอยของเด็กหนุ่ม ก่อนจะโน้มให้ลงมาจูบกับตน

      ริมฝีปากสองคู่ประทับกันนาน ก่อนจะละจากกัน

      ดวงตาสีน้ำเงินจากใบหน้าที่ขยับขึ้นให้ห่างเพียงคืบเต็มไปด้วยแววสับสน ก่อนจะกระจ่างด้วยคำพูดของร่างสูง

      [ไม่ต้องพูดหรอก...มันอยู่ในทุกการกระทำมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว....]

      เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะล้มหายลงนอนพิงกับอกแกร่งพร้อมหัวเราะ [..คุณนี่เจ้าเล่ห์จัง]

      [..ลุกขึ้นสิ เซย์ เด็กเอ๋ยเด็ก จะทำไหม? พันธสัญญาน่ะ.... ไม่สิ]

      [..จะยอมเสี่ยงไหม?..]

      ร่างเล็กลุกขึ้นนั่ง ดวงตามองชายหนุ่มด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อย [รู้ด้วย...หรือครับ?]

      [ฉันไม่ใช่แวมไพร์นะเซย์ ..ถ้าเธอไม่เปลี่ยนเพศ เธอจะมีลูกไม่ได้... แล้วเธอเสียใจทีหลังขึ้นมา เธอก็จะแต่งงานกับใครไม่ได้อีกเลยด้วย แถมยัง....]

      [ดูดเลือดได้แต่ของไนท์คนเดียว.....แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงหรอกครับ]รอยยิ้มบางพาดผ่านบนใบหน้า มองร่างของชายหนุ่มที่กำลังขยับกายขึ้นนั่ง [ผม...ผมอยากจะเสี่ยง.. ผมรับใครไม่ได้หรอกนอกจากคุณ..]

      [ไม่เสียใจภายหลังนะ..? ]

      [ไม่มีทางครับ!!]เด็กหนุ่มตะโกน ดวงตาเงยมองใบหน้าคม [..ผมกลัวอย่างเดียว กลัวไนท์จะ..เกลียดผม แล้วก็ทิ้งผมไป]

      [ขอยืมคำพูด..ไม่มีทางเช่นกัน] ไนท์เอ่ย ก่อนจะจูบแผ่วเบาที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม [...เอาล่ะ...เรามาเสี่ยงกันเถอะ..]

      [ครับ...]

      สองมือประสานกัน หน้าผากแนบชิด..สายลมและวงเวทปรากฏขึ้นพร้อมแสงสว่างสีฟ้า...

      ..ขอให้สำเร็จเถอะ..

      ..เพื่อความปรารถนาของเรา..








      ระหว่างที่ร่างสูงนึกถึงเรื่องเก่า..

      ..เด็กหนุ่มผมขาวเองก็กำลังตกลงสู่ห้วงฝัน

      ฝันครั้งที่แสนสุข ฝันเมื่อครั้งที่ได้ผูกพันกัน

      เมื่อตอนทำพันธสัญญากัน ไม่ได้หวังอะไร

      ไม่ได้หวังว่าเพศจะเปลี่ยนไป ขอแค่ผูกพักกัน ขอแค่ให้ได้อยู่ด้วยกันเป็นพอ

      ดังนั้นแม้จะเป็นดังคาด เพศของเด็กหนุ่มไม่ได้เปลี่ยนไป...ก็ไม่มีใครคิดอะไร

      .แค่ให้เราผูกพันกันก็พอ...

      ..แต่คนอื่นไม่ได้คิดแบบนั้น..





      ปัง!!

      เสียงค้อนของศาลพิพากษากระทบโต๊ะไม้ดังกังวาน

      [เจ้าจะแก้ตัวยังไง!! เจ้าลืมไปรึไงว่าเป็นเลือดบริสุทธิ์ที่แสนสำคัญ!!]เสียงของผู้พิพากษาแห่งปราสาทรัตติกาลดังกังวาน [เจ้าใช้สมองรึเปล่าตอนที่คิดจะทำเรื่องพรรค์นี้!!]

      [ผมใคร่ครวญแล้ว ขอโทษที่ผมเป็นแบบนี้....ขอโทษจริงๆ] เซย์ยืนก้มหัวให้ ความรู้สึกผิดมีมาก..หากไม่เสียใจ..

      ..ที่เลือกทางนี้..

      ไม่รู้ว่าไนท์หายไปไหน..ไม่รู้ว่าจริงๆเขาหนีไปรึเปล่า แต่ช่างมันเถอะ

      เขาบอกตัวเองแล้วว่าจะไม่เสียใจภายหลัง...

      ..ถึงไม่รักกันแล้วก็ช่างมันเถอะ

      น้ำตาเหมือนจะไหลออกมา ความรู้สึกที่เหมือนโดนทอดทิ้งจุกแน่นในอก

      [เจ้าคิดว่าแค่คำขอโทษแล้วมันจะทำให้เจ้ารอดตาย! ถึงสำนึกผิดแต่เจ้าก็แต่งงานกับใครไม่ได้แล้ว!! นอกจากผู้ชายคนนั้นจะตาย]

      [อย่าทำร้ายเขานะ!! ถ้าจะฆ่า ก็ฆ่าผมคนเดียว]

      [หุบปาก!! เจ้าเป็นสมบัติของเรา ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น]

      สมบัติ เห็นเป็นแค่ของแบบนั้นหรือ

      ไม่มีหัวใจหรือไง ถึงจะไม่สะทกสะท้านน่ะ!!

      [ผมไม่ใช่สิ่งของ ผมเป็นสิ่งมีชีวิต มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ] เสียงหวานสั่นเครือ ก่อนดวงตาสีน้ำเงินจะเงยมองด้วยอารามเย็นชา [....แล้วกรุณาอย่าลืม พลังของผมไม่ได้หายไปไหนหรอกนะ]

      [เจ้า........!!]

      [เอามันไปขังที่คุกกักเวทย์!!]

      แวมไพร์สามนายตรงเข้าไปจับตัวของเซย์ เด็กหนุ่มยืนนิ่งให้ถูกคุมตัวไป ใบหน้านิ่งเรียบไร้ความหวาดกลัว ในขณะที่ผู้พิพากษาตะโกนลั่นด้วยความโมโห

      [เจ้าเป็นเลือดบริสุทธิ์!! เลือดบริสุทธิ์ที่แสนสำคัญ... ควรต้องแต่งงานกับสายเลือดบริสุทธิ์ด้วยกัน!! ควรต้องทำพันธสัญญากับเลือดบริสุทธิ์เพื่อให้กำเนิดเลือดบริสุทธิ์!! แต่กลับทำสัญญากับเพศเดียวกัน !!..ทั้งต่างเผ่าพันธุ์!! แต่งงานอีกก็ไม่ได้ เจ้าใช้หัวสมองไหนคิด !! ความผิดนี้ต่อให้ชดใช้ทั้งชีวิตก็ไม่สาสม เจ้ารู้ไหม!!!]


      ความเจ็บปวดกรีดลึกในใจ หยาดน้ำตาพร่างพรูในหัวใจแม้ใบหน้าจะยังนิ่งเฉยเหมือนไม่รับรู้อะไร

      ผิดงั้นหรือ ที่รักใครซักคนหนึ่ง

      ผิดงั้นหรือ ใจไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว

      ทำไมต้องพูดราวกับทำความผิดร้ายแรง ราวกับทำให้ใครซีกคนหนึ่งต้องตาย

      ชีวิตนี้ใครกำหนด เขาเอง ท่านผู้พิพากษา คนอื่น

      ..หรือพระเจ้า







      ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกที แวมไพร์หนุ่มน้อยก็มานั่งอยู่ในคุกที่มืดและเย็นเยียบเสียแล้ว

      มืดสนิทและกว้างใหญ่...ห้องขังสำหรับแวมไพร์ที่มีพลังเวทย์แข็งแกร่ง

      ลมหายใจที่เป่าออกมาเป็นไอขาวขุ่น ร่างเล็กโอบกอดตัวเองไว้แน่นแล้วพิงกายกับผนังห้องขังเย็นเฉียบ

      ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เพียงแต่หนาวเหลือเกิน เหงาเหลือเกิน..

      มันนานแค่ไหนไหนความเงียบงันที่ร้าวราน มากมายจนกรีดร้องไปไม่รู้กี่ครั้ง...

      ..บางทีมันอาจไม่นานนัก เพียงแต่เวลาช่างเดินไปอย่างเชื่องช้า ช้าจนสัมผัสทุกวินาที..ทุกลมหายใจ..

      นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่นอนกอดตัวเองในที่ที่แสนหนาวเหน็บ ในที่ที่พลังไม่อาจใช้ได้...

      ...กระทั่งอ้อมกอดของใครบางคนโอบล้อมเข้ามา






      [เซย์....ขอโทษที่มาช้า]

      เสียงที่คุ้นเคย กลิ่นที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่คุ้นเคย

      ไม่รู้ทำไม แต่น้ำตาเริ่มหลั่งรินออกมา

      ความดีใจปนความตกใจ ..หรืออีกหลากหลายความรู้สึกที่ปะปนกัน

      ร่างสูงใหญ่อุ้มกายของเขาขึ้น ก่อนจะพาออกวิ่งไป

      รู้สึกตัวอีกที ก็ออกมาอยู่ท่ามกลางสายลมในยามราตรีเสียแล้ว..





      [...เราอาจต้องหนีไปทั้งชีวิต เธอยอมไหม?]

      นั่นเป็นคำพูดแรกของชายหนุ่มเมื่อได้นั่งพักบนหลังคา [เราอาจต้องหนีกันไปเรื่อยๆ...จนกว่าพวกนั้นจะหาเราไม่เจอ จนกว่าจะไปที่ที่ไม่มีพวกนั้น....เธอจะยอมรึเปล่า]

      [ฉันเคยคิดว่าเหมือนกันว่าจะตาย..ถ้าฝ่ายใดใยหนึ่งตายอีกฝ่ายจะหมดพันธะลง....และแต่งงานใหม่ได้ แต่ฉันไม่อยากจากเธอ.....]

      เด็กหนุ่มแตะนิ้วเรียวบางที่ริมฝีปากหนา ก่อนจะโอบกอดร่างสูงไว้แน่น [....ไม่เป็นไร ขอแค่มีไนท์อยู่ด้วยก็พอ...]




      ..จากนั้น..


      ....การหลบหนีที่ไม่มีวันจบลงก็เริ่มต้นขึ้น....








      “..เช้าแล้ว..

      เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่วที่ใบหู เปลือกบางบางขยับแผ่ว ก่อนจะค่อยๆถูกยกขึ้น “...อืม...

      จะหลับต่อก็ได้นะ...

      ไม่เป็นไรครับ เมื่อคืนผมนอนอิ่มแล้ว เราเดินทางต่อเลยดีกว่า ตอนเช้าพวกนั้นเคลื่อนไหวไม่ได้หรอกว่าแล้วก็ยันกายขึ้น นั่งวิงเวียนอย่างงัวเงียผมฝันร้าย....ฝันถึงตอนที่เราเพิ่งออกมาจากปราสาท...

      “...ลืมๆมันไปเถอะร่างสูงลุกขึ้นนั่ง โอบกายบางให้แนบลงกับแผ่นอกใหญ่ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น

      ครับ......

      มือเล็กกำเสื้อของชายหนุ่มแน่น

      “...ไนท์เสียใจไหมครับที่มาอยู่กับผม รู้สึกเหนื่อยไหมที่ต้องหนีไปเรื่อยๆแบบนี้ เคยอยากจะฆ่าผมไหม..ผมที่เป็นต้นเหตุให้คุณ...เป็นแบบนี้..เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นระริกและแช่มช้า ชายหนุ่มลูบเรือนผมสีขาวอย่างอ่อนโยน ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบจริงจัง

      ฉันไม่เคยเสียใจ.... ฉันไม่คิดว่าเธอผิด..ฉันตัดสินใจมากับเธอเองหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นบ้าง “ ....ฉันอยากจะถามเธอมากกว่า ....อยากจะกลับไปไหม ? เคยอยากให้ฉันตายไหม?”

      “....ผมไม่เคยเสียใจ ไม่มีวัน..

      ..มือที่กำเสื้อไว้ยิ่งแน่นขึ้น



      เราผูกพันกันและกัน

      ด้วยความรัก ด้วยความหลง ด้วยความเห็นแก่ตัวของกันและกัน

      ความเห็นแก่ตัวที่ดึงรั้งผูกพันโดยไม่มีใครคิดจะหนีไป

      เรากำลงจูงมือกัน เดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีทางออก

      บนเส้นทางที่ต้องวิ่งไปเรื่อยๆโดยไม่อาจหยุดได้

      บนความหวาดกลัวที่วิ่งตามติดมา และพร้อมจะครอบงำทุกเมื่อที่หยุดวิ่ง

      แต่ถึงแม้เส้นทางที่เดินไปจะขาดตอนจนต้องหล่นลงไปในความมืดมนอนธกาล

      ถึงแม้ว่าความหวาดกลัวจะวิ่งเข้ามาใกล้โดยไม่มีทางไปต่อ

      ..เราก็ยังอยากเดินไปด้วยกัน..

      จนกว่าจะถึงวันที่ใครซักคนต้องจากไปด้วยความตาย..

      ..เราจะไม่พรากจากกัน..






      เซย์ ข้างนอกร้อนนะ ไหวไหม?”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยวคามห่วงใย เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวยาวสยายยิ้มบางให้ดวงตาสีทองที่ทอดมองอย่างห่วงใย ก่อนจะส่ายหัว ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมคลุมฮู้ดไว้

      เอางั้นนะร่างสูงมองรอยยิ้มของร่างเล็ก ก่อนจะคลุมผ้าคลุมของตัวเองบ้าง แล้วพากันเดินออกจากโรงแรมที่อาศัยค้างคืน

      ..เดินไปเรื่อยบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนคืน..

      ..จนกวามันจะจบลงในซักวันหนึ่ง..





      THE END

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×