มิตรภาพ และการลาจาก - มิตรภาพ และการลาจาก นิยาย มิตรภาพ และการลาจาก : Dek-D.com - Writer

    มิตรภาพ และการลาจาก

    ถ้าลูกน้ำจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฉันจริงๆ ฉันก็อยากจะเปลี่ยนคำสัญญานั้น เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ที่ไม่ให้หยดน้ำตาในวันนั้นเป็นหยดน้ำตาหยดสุดท้ายของลูกน้ำ

    ผู้เข้าชมรวม

    317

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    317

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ต.ค. 50 / 17:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เวลาเย็น…หลังจากที่ฉันและเพื่อนๆ ได้ซ้อมการแสดงที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า…
      เราทั้งหมดต่างนั่งพัก และพูดคุยไปเรื่อยเปื่อยอย่างทอดอารมณ์รอให้ผู้ปกครองมารับ
      ในใจของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์
      รู้สึกไม่อยากให้เวลามันผ่านไป
      แต่ขณะเดียวกัน… อีกส่วนหนึ่งของความรู้สึก
      ฉันกลับรู้สึกดีใจที่ฉันกำลังจะจบการศึกษาในระดับมัธยมแล้ว
      วันจบการศึกษาก็คือวันที่ฉันเคยเฝ้ารอคอยมานานไม่ใช่หรือ…
      แต่เมื่อมาถึงวันนี้… ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่อยากให้วันนี้ที่มีอยู่ผ่านพ้นไปเลย

      วิ… อีกไม่นานเราก็จะไม่ได้เรียนที่เดียวกันแล้วสินะ…”
      แหวนกล่าวขึ้นมาระหว่างที่เรานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยไร้สาระ
      “อืมม์…นั่นสินะ จริงๆ เราก็ยังติดต่อกันได้ไม่ใช่เหรอ?
      แต่ก็ยังใจหายอยู่ดีเนอะ…” ฉันกล่าวเสริม
      “แล้วตกลงจะเลือกคณะอะไรจ๊ะ… ป่านนี้แล้ว…
      ไม่เอาโควต้า แสดงว่าจะเอาคะแนนเอ็นท์ไปยื่นล่ะสิ…ตัดสินใจได้แล้วนะ… กอล์ฟ”
      เสียงใสๆ ของฝันดังขึ้นมาหลังจากที่เด็กสาวนิ่งคิดอะไรอยู่พักใหญ่
      “อ๋อ… คิดว่าจะเลือกวิศวะ จุฬาฯนั่นแหละ…
      โควต้าที่ได้เราก็เสียดายนะ… แต่แม่เราอยากให้เข้าวิศวะ จุฬาฯ
      ทำไงได้ล่ะ…” กอล์ฟสีหน้าดูเครียดๆ…
      เป็นธรรมดาของเขา เด็กหนุ่มที่ค่อนข้างเครียดง่ายกับเรื่องทั่วๆ ไป
      “อ้าว… แล้วเคยฝันอยากเป็นอะไรบ้างล่ะ?” มินท์เอ่ยขึ้นมาบ้าง
      “ก็… หลายอย่างเหมือนกันนะ… ตอนเด็กๆ เคยฝันอยากเป็นทหาร
      ดูเท่ดีน่ะ… แต่พอโตมาแล้วดันผิดกันเลย…
      รู้สึกว่าชอบอะไรแบบอิสระๆ สบายๆ มากกว่า
      เลยอยากทำธุรกิจส่วนตัวน่ะ… แต่ก็…”
      เสียงของกอล์ฟขาดช่วงไป… เขาก้มหน้าลงนิดๆ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
      “อย่าเครียดไปเลยนะ… ทำใจสบายๆ ล่ะ… ยังไงก็พยายามเข้าแล้วกัน
      ทำอะไรก็ตามนะ… พยายามและตั้งใจให้ถึงที่สุดเอาไว้ก่อน ผลจะออกมาดีเอง
      แล้วพอผลออกมาดีเราก็จะชอบในสิ่งที่ทำเองแหละ
      อันนี้สำหรับกรณีที่เลือกไม่ได้น่ะนะ” บีกล่าวให้กำลังใจกอล์ฟด้วยเหตุผล
      กอล์ฟดูสบายใจขึ้นมาก เขาหันมายิ้มให้บีโดยไม่ได้พูดอะไร
      “เราเองก็เคยฝันอยากเป็นหมอนะ… แต่ตอนนี้ปลงแล้วล่ะ…
      ทำไงได้ล่ะ คนมันไม่เก่งนี่นะ… หัวไม่ให้แต่ใจรัก… ทำไงมันก็ไม่ติดอยู่ดีแหละ
      เรียนวิทยาศาสตร์นี่ก็คงคล้ายๆ หมอแหละเนอะ…วิ”
      มินท์พูดถึงความฝันตัวเองบ้าง…
      “โอ๊ะ… แน่นอน… ก็มันเป็นไปทางวิทยาศาสตร์นี่
      ยิ่งเป็นสาขาชีวะก็ยิ่งคล้ายๆ กับหมอแหละ…
      ต่อไปก็ต่อโท แล้วก็ต่อเอกเลย จะได้เห็นนักวิทยาศาสตร์สาวชื่อดังอีกคน
      แถมยังเป็นเพื่อนเราอีกด้วย…” ฉันกล่าวสนับสนุน พร้อมกับเสนอแนวทางให้มินท์…

      “แหม… วิก็เหมือนกันแหละน่า… อีกหน่อยก็จะมีเภสัชสาววิรัชนี
      ผลิตยาวิเศษกินแล้วสวย หุ่นดี ไม่แก่… ดังไปเลยทีนี้”
      ฝันกล่าวออกมาทีเล่นทีจริง… เสียงหัวเราะคิกๆ ของเพื่อนๆ ดังขึ้น
      สร้างความครึกครื้นให้บรรยากาศมากขึ้น
      “เวอร์จ้ะ… เวอร์เลย… เราคงทำไม่ได้ขนาดนั้น… อย่าว่าแต่เราเลย…
      คงไม่มีใครจะทำได้หรอกมั้ง…”
      “มันก็ไม่แน่หรอก… ของอย่างนี้… ว่าแต่…
      ดังแล้วจะลืมเพื่อนรึเปล่านี่สิ”
      ฝันกล่าวต่อด้วยคำพูดที่ขัดหูฉันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
      ฉันไม่อยากให้ฝันพูดแบบนี้เลย
      “นี่ๆ… เราไม่ใช่คนอย่างงั้นสักหน่อย… จะได้ลืมเพื่อน
      จะมีก็แต่พวกเธอนั่นแหละ จะลืมเราน่ะสิ”
      ฉันกล่าวออกไปด้วยความไม่พอใจ… แต่… เมื่อพูดออกไปแล้ว
      ฉันกลับรู้สึกแย่เอามากๆ ที่ตัวเองเผลอพูดออกไปแบบคนพาล
      “ไม่เอาน่าวิ… พวกเราจะไม่ลืมกันหรอก… ไม่มีทาง…โดยเฉพาะวิน่ะ
      วิคนเก่งของพวกเรา” แหวนยิ้มหวานให้ฉัน เอื้อมมือแตะแขนฉันเบาๆ…
      ใบหน้าของแหวนเป็นใบหน้าอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความสดใสเสมอๆ…
      “นั่นน่ะสินะ… จะลืมวิได้ไงล่ะ” บีกล่าวเสริม
      ยิ้มให้ฉันอีกเช่นกัน

      จริงอยู่ ที่ตอนนี้เราทุกคนต่างรู้สึกว่าจะไม่ลืมกัน… แต่…
      เวลา… คือเหตุผลของการจากกัน… เวลาทำให้คนเราต้องจากกัน
      ไม่ใช่แต่เพียงแค่กายเท่านั้น
      แต่ใจคนเราก็จากกันด้วยเหตุผลของวันและเวลา รวมทั้งระยะทางด้วย…
      ยิ่งไกล…ใจก็ยิ่งห่าง… วันหนึ่งอาจจะอีกเนิ่นนานหรือในไม่ช้านี้ก็ตาม
      เพื่อนอาจจะลืมฉันก็ได้… ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน…
      แต่ตอนนี้… สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือ…
      ฉันมีมิตรภาพที่ดีๆ จากเพื่อนๆ ในเวลานี้
      และมันจะอยู่ในความทรงจำที่ดีๆ ของฉัน…
      เมื่อใดที่ฉันเหงา เมื่อใดที่ฉันอ่อนล้า ไม่มีใคร หรือหากฉันคิดถึงวันเวลาเก่าๆ
      ฉันก็สามารถจะขุดเอาความทรงจำที่มีอยู่ในใจฉันนี้ออกมา
      นึกถึงภาพวันเวลาที่ดีๆ ระหว่างเราทั้งหกคนได้เสมอ
      แม้ว่าวันหนึ่งมันจะเป็นเพียงอดีตก็ตาม…


      ขณะที่ฉันกำลังเดินหาโต๊ะว่างภายในโรงเรียนเพื่อนั่งอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆ นั้น…
      ที่มุมหนึ่งของตึกวิทย์ มีเด็กผู้หญิงร่างสูง ผมสั้น แต่ก็ยาวพอที่เธอจะรวบมันได้ …
      ฉันเห็นเธอคนนั้นนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ ท่าทางเหมือนกำลังร้องไห้…

      …ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปทางด้านหลังของเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างเงียบๆ…
      แล้วก็จริงอย่างที่ฉันคาดเอาไว้… เสียงสะอึกสะอื้นดังออกมาเบาๆ…
      ไม่ทันที่ฉันจะได้ตัดสินใจทำอะไรต่อ… เด็กคนนั้นก็เงยหน้าขึ้น…
      แล้วฉันก็ต้องรู้สึกกึ่งตกใจกึ่งสลดใจ ที่เด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือ
      คนคุ้นเคยที่ฉันรู้จักมานาน… ลูกน้ำ… จริงๆ ด้วย… ลูกน้ำนี่เอง…
      …ลูกน้ำคนที่ฉันเคยสนิท ตอนม.1 เป็นเด็กสาวร่างสูงท้วม
      ใบหน้าไม่ร่าเริงสดใสเท่าที่ควรนัก… แต่ก็ไม่มีแววซูบซีดปรากฏให้เห็น
      แล้ววันหนึ่ง ฉันกับลูกน้ำก็มีเรื่องไม่เข้าใจกัน
      ทำให้ลูกน้ำเป็นฝ่ายตัดสินใจจากฉันไป… ลูกน้ำไปคบกับเพื่อนกลุ่มใหม่
      แล้วเรื่องราวบาดหมางเล็กๆ น้อยๆ ของเราก็จางไปในที่สุด ทั้งที่ยังไม่เข้าใจกัน
      แต่เราก็พบปะพูดคุยกันแบบเพื่อนธรรมดาโดยปกติ

      …ตอนเปิดเทอม ม.4 ฉันจำได้ดีถึงรูปลักษณ์ใหม่ของลูกน้ำ
      ลูกน้ำกลายเป็นคนผอม รูปร่างดี ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขและความสดใส
      อาจเป็นเพราะลูกน้ำไม่มีปมด้อยเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว… ไม่มีคำว่า
      ‘ยัยหมูอ้วน’ จากปากของใครต่อใครที่ซ้ำเติมลูกน้ำอีกต่อไป…
      … แต่… ลูกน้ำคนที่ฉันเห็นในวันนี้… กลับดูซูบซีด เศร้าหมอง…
      ไม่มีแววความสดใสอยู่เลย… ดวงตาของลูกน้ำแดงก่ำ
      มีคราบน้ำตาบนใบหน้าของลูกน้ำอย่างเห็นได้ชัด
      ลูกน้ำคนที่สองหายไปไหนนะ… ฉันได้แต่คิด…
      ภาพลูกน้ำในวันนี้ ที่ฉันเห็นตอนนี้ ทำให้ฉันแทบจะทำอะไรไม่ถูก
      “ลูกน้ำ… ร้องไห้ทำไม… ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า… บอกเราได้นะ”
      ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย… เสียงนั้นออกมาตามความรู้สึกของฉันจริงๆ…
      “วิ…” ลูกน้ำกล่าวเสียงหลง
      น้ำเสียงนั้นฟังดูเหมือนกับคนที่กำลังเสียขวัญหรือต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่ง
      คำเพียงพยางค์เดียวหลุดออกมาจากปากของลูกน้ำ
      ราวกับว่าจะมีน้ำตาออกมากับคำพูดนี้ด้วย
      …ลูกน้ำรีบเอามือสองข้างปาดคราบน้ำตาบนใบหน้า
      แต่ก็ไม่วายที่น้ำใสๆ นั้นจะไหลรินออกมาอีกให้ได้…
      “ลูกน้ำ… เป็นอะไรไป…กลุ้มใจอะไร… บอกเรามาได้เลยนะ”
      น้ำเสียงของฉันเหมือนจะสั่นไปด้วย… ฉันนั่งลงข้างๆ ลูกน้ำ
      “เรา… เรา… เอ่อ… วิ… เรา… เอ่อ…ฮือ…ฮือ…”
      น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาบนใบหน้าของลูกน้ำมากมาย
      ลูกน้ำได้แต่พูดอึกอักๆ… ฉันเข้าใจลูกน้ำดี
      เข้าใจความรู้สึกของคนที่กำลังมีความทุกข์ดี
      มันเหมือนกับน้ำตาและความปวดร้าวที่มีอยู่นั้น
      ได้แทรกซึมอยู่ในทุกเสี้ยวของความรู้สึก ทุกอณูของลมหายใจ
      และทุกวรรคทุกตอนของคำพูด… มันท่วมท้นจนบางครั้ง
      การที่จะพูดประโยคสั้นๆ ออกมาก็แสนจะยากเย็นเหลือเกิน…
      “ใจเย็นๆ… ใจเย็นๆ นะลูกน้ำ… มีอะไรก็ค่อยๆ พูด… เอาล่ะ…
      ก่อนอื่นลูกน้ำเช็ดน้ำตาซะก่อนนะ… ไม่อย่างนั้นคงเล่าไม่ได้”
      ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมา และยื่นให้ลูกน้ำ …
      ลูกน้ำรับผ้าเช็ดหน้าจากฉันไปแต่โดยดี
      จากนั้นเธอก็ค่อยๆ เช็ดน้ำตาทั้งๆ ที่ยังสะอื้นอยู่
      “เช็ดน้ำตาแล้ว… ลูกน้ำก็หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกลึกๆ นะจะได้ผ่อนคลาย…”
      ฉันทำท่าทางหายใจเข้าออกลึกๆ ให้ลูกน้ำดู
      แล้วลูกน้ำก็ทำตาม จนลูกน้ำเริ่มควบคุมอารมณ์ได้มั่นคงขึ้น
      ไม่สะอื้นอีก ฉันจึงกล่าวต่อ…
      “ทีนี้… โอเคแล้วนะ… ลูกน้ำทำใจสบายๆ แล้วค่อยๆ เล่าให้เราฟังนะ
      เราไม่ได้ต้องการจะตอกย้ำอะไรลูกน้ำ
      เพียงแต่เราอยากจะให้ลูกน้ำระบายออกมา
      หรือเผื่อว่ามีอะไรเราจะได้ช่วยแก้ไขได้บ้าง
      …หรืออย่างน้อยแค่รับฟังก็ยังดี”
      “เรา…เอ่อ…อาร์ต… อาร์ต แฟนเราเค้าทิ้งเราไปมีคนใหม่”
      น้ำเสียงของลูกน้ำสั่นมาก น้ำใสๆ นั้นได้ไหลรินออกมาจากดวงตาของลูกน้ำอีก
      ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็กมัธยมเท่าใดนัก
      แต่ฉันก็เข้าใจและยอมรับได้… ฉันเข้าใจได้อย่างดี
      ความรักเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อคนเราอย่างมากทีเดียว
      “ลูกน้ำ… ฟังเรานะ… ถ้าอาร์ตเค้าเป็นคนดี… ลูกน้ำก็รักต่อไป
      การที่เรารักใครสักคนหนึ่ง ไม่จำเป็นเลยไม่ใช่เหรอที่เค้าจะต้องอยู่กับเราและมีใจให้เรา
      แค่เราได้รักเค้าก็พอแล้ว” ฉันกล่าวกับลูกน้ำ
      สองมือเอื้อมจับไหล่สองข้างของลูกน้ำให้หันมาทางฉัน
      เพื่อรับรู้ถึงกำลังใจที่ฉันต้องการส่งให้ลูกน้ำรู้สึกเข้มแข็งขึ้น
      …ลูกน้ำดูสงบลงกว่าเดิม…
      “อาร์ตว่าเราแรงด้วย… เราเลย… เลยเสียใจ… มันทิ่มแทงใจเรามากเลยนะวิ…
      คำที่อาร์ตพูดมาแต่ละคำน่ะ…” เสียงนั้นสั่น
      “แต่… ถ้าหากว่าอาร์ตเค้าไม่ใช่คนดี… ลูกน้ำก็ตัดใจซะเถอะนะ
      มันอาจจะยาก แต่ถ้าฟังที่เราพูด แล้วคิดดูให้ดี… มันน่าจะง่ายขึ้นนะ
      เค้าอาจไม่ดีพอที่ลูกน้ำจะรักไงล่ะ… เค้าไม่คู่ควร
      ลูกน้ำมีโอกาสที่จะเจอคนที่เค้าดีกว่านี้เยอะนะ
      คนที่เค้ารักลูกน้ำมากเหมือนที่ลูกน้ำรักเค้าด้วย”

      …ลูกน้ำยิ้มทั้งน้ำตา…
      “ขอบใจนะ…วิ… สำหรับเรื่องนี้… แต่…” เสียงพูดของลูกน้ำขาดหายไป
      เสียงสะอึกสะอื้นเข้ามาแทนที่อีกแล้ว
      น้ำตาไหลพรากบนใบหน้าเรียวนั้นอีก
      “เรา…เรา… เราได้คะแนนเอ็นท์น้อยมาก… … เราจะทำไงดี…
      เราจะเรียนอะไรเรายังไม่รู้เลย…”
      “… ถ้า… พ่อ…รู้…เราก็จะแย่… เรา…ไม่รู้จะทำยังไงดี…”
      ลูกน้ำสะอื้นมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำตายังไหลออกมาไม่ยอมหยุด
      และเหมือนจะถี่กว่าเดิม
      “พ่อ…ด่า… เรา… ก็…เสียใจ… และ อีกอย่าง…เรา…ก็
      ไม่อยากทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวังด้วย…”ลูกน้ำพูดไปร้องไห้ไป
      “ใจเย็นๆ… จะทำอะไรคิดให้ดีก่อนนะ
      พ่อแม่เค้าให้อภัยลูกได้เสมอแหละ… ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะรู้มั้ย…”
      ฉันพยายามทำให้ลูกน้ำสบายใจ และสงบลง แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นผล
      ลูกน้ำยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด
      …ฉันคิดว่าบางที… การที่ฉันให้ลูกน้ำเล่าเรื่องเหล่านั้น
      และพูดซ้ำไปซ้ำมาอาจจะเป็นการซ้ำเติม ทำให้ลูกน้ำรู้สึกแย่ไปใหญ่
      ฉันจึงเปลี่ยนเรื่องพูด
      ฉันตัดสินใจพูดสิ่งที่ฉันอยากจะให้ลูกน้ำรับรู้เอาไว้… ก่อนที่บางที
      เราอาจจะไม่ได้พบกันอีก หลังจากจบจากโรงเรียนแห่งนี้
      “ลูกน้ำ… ที่… ที่ผ่านมา… ทุกอย่าง… ถ้าเราทำอะไรผิดพลาดไป…
      เราขอโทษด้วยนะ… ขอโทษจริงๆ”
      ฉันเริ่มรู้สึกว่าน้ำอุ่นๆ เอ่อท้นที่เบ้าตาของฉันบ้างแล้ว
      “อ๋อ… ไม่เห็นจะมีอะไรต้องขอโทษนี่…” ลูกน้ำกล่าวยิ้มๆ แต่แววตาเศร้า
      “ก็… เรา… เราสองคนอาจจะมีเรื่องขัดใจไปบ้าง
      ยังไงก็นึกว่ามันเป็นฝันร้ายนะ… เรา…
      เราอยากให้ลูกน้ำรู้นะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา
      เราอยากเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของลูกน้ำเสมอ
      แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสแล้วมั้ง…” และแล้ว…
      น้ำใสๆ นั้นก็ไหลรินออกมาบนใบหน้าของฉันจนได้
      …ลูกน้ำก็สะอื้น เช่นเดียวกับฉัน… เราต่างกอดกันอย่างเข้าใจ
      น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุดทั้งคู่…
      “ไม่เอาสิ… เราต้องไม่ร้องไห้กันแล้วนะ
      ลูกน้ำต้องเลิกร้องไห้แล้วนะ… สัญญานะว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว
      จะไม่มีน้ำตาให้เราเห็นอีกแล้วนะ…”
      ฉันกล่าวทั้งๆ ที่กำลังเอามือปาดน้ำตาตัวเองที่ยังไหลไม่ยอมหยุด
      ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกผูกพันกับลูกน้ำนัก ทั้งๆ ที่เราไม่ได้สนิทกันมาหลายปีแล้ว…
      “สัญญาจ้ะ…” น้ำเสียงนั้นยังคงสั่น …
      น้ำตายังคงรินไหลบนใบหน้าเรียวของลูกน้ำ…

      …และแล้ว…
      วันจบการศึกษาก็มาถึง…
      วันนี้เป็นวันที่ทางโรงเรียนจัดพิธีอำลาอาลัยให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกโดยเฉพาะ
      และถือเป็นวันสำเร็จการศึกษาด้วย…
      พิธีการที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้ดำเนินการไปเรื่อยๆ ตามขั้นตอน…
      แม้ว่านักเรียนหลายๆ คนจะรู้สึกเศร้าและอาลัยที่ต้องจากสถาบันที่เคยอยู่มาหลายปี
      จากครูอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนจนได้ดี
      และจากเพื่อนๆ ผู้มีมิตรภาพที่ดีๆ ให้แก่กันก็ตาม…
      แต่ความรู้สึกที่มีส่วนใหญ่ก็ถูกเก็บอยู่ภายในใจ…
      ไม่ค่อยมีนักเรียนคนใดจะเผยออกมาให้เห็นมากนัก… เช่นเดียวกับฉัน…
      ฉันอยากจะร้องไห้…
      แต่เนื่องจากพิธีการในวันนี้ออกจะเป็นพิธีที่เป็นทางการ…
      ฉันไม่สามารถจะร้องไห้ออกมาได้…
      …เสร็จพิธีอำลาอาลัยแล้ว… ฉันเดินไปกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งได้แก่
      แหวน บี กอล์ฟ มินท์ และฝัน… ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองหา
      ‘ลูกน้ำ’อีกครั้ง ฉันมองหามาทั้งวัน
      รู้สึกว่าลูกน้ำจะไม่ได้มาร่วมพิธี…
      “กอล์ฟๆ… เห็นลูกน้ำมั่งปะ… วันนี้น่ะ…”
      ฉันถามขึ้นระหว่างที่เราเดินเล่นไปในสนามด้วยกัน…
      ทันทีที่ประโยคคำถามของฉันจบ… สีหน้าของกอล์ฟที่ดูเครียดๆ อยู่แล้ว
      กลับดูเศร้าและเครียดยิ่งขึ้น… จนฉันตกใจ… เกิดอะไรขึ้น!…
      ทำไมกอล์ฟถึงต้องทำหน้าแบบนี้ด้วย…
      “เอ่อ… ลูกน้ำ… ลูกน้ำเค้า…” กอล์ฟเงียบไปอีก…
      ถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือก… ฉันไม่รีรอ… หันไปทางบีบ้าง…
      “วิ… ลูกน้ำฆ่าตัวตายแล้วเมื่อวันก่อน…”
      บีกล่าวน้ำเสียงเศร้า…แผ่วเบา…
      ประโยคที่บีพูดออกมาทำให้ฉันแทบจะยืนต่อไปไม่ไหว
      นี่ลูกน้ำจากฉันไปจริงๆ แล้วเหรอนี่…
      “ฮะ… จะ… จริงเหรอ?…”
      ฉันรอการยืนยันอีกครั้งทั้งที่รู้สึกปวดที่ขมับ และตื้อไปหมด
      “จริง…”
      คำตอบสั้นๆ เบาๆ ที่เหมือนจะเชือดเฉือนใจฉันไม่น้อย ได้ออกมาจากปากของมินท์
      …หยดน้ำตาของลูกน้ำในวันนั้น… คงจะเป็นหยดน้ำตาหยดสุดท้ายจริงๆ
      อย่างที่เราสัญญากันไว้… ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำสัญญา
      แต่ทำไม… ทำไมมันต้องเป็นหยดน้ำตาครั้งสุดท้ายของลูกน้ำ
      ถ้าลูกน้ำจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับฉันจริงๆ
      ฉันก็อยากจะเปลี่ยนคำสัญญานั้น… เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
      ที่ไม่ให้หยดน้ำตาในวันนั้นเป็นหยดน้ำตาหยดสุดท้ายของลูกน้ำ…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×