บอกคำว่ารักก่อนที่จะสายเกินไป - บอกคำว่ารักก่อนที่จะสายเกินไป นิยาย บอกคำว่ารักก่อนที่จะสายเกินไป : Dek-D.com - Writer

    บอกคำว่ารักก่อนที่จะสายเกินไป

    แสงไฟติดๆ ดับๆ จากเสาไฟฟ้าข้างทาง อาจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นสมุดเล่มหนึ่ง ซึ่งตกอยู่ระหว่างกอหญ้าที่เกิดจากที่ดินรกร้างข้างฟุตบาท

    ผู้เข้าชมรวม

    410

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    410

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ต.ค. 50 / 17:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ......... ชีวิตของนักเรียนม.6 หลายๆ คนคงไม่พ้นการเรียนพิเศษต่อตั้งแต่ 5 โมง - 2 ทุ่ม
      แต่การที่ได้เรียนกับเพื่อนรักของผมทำให้ผมไม่เคยคิดเหนื่อยหรือท้อแท้เลย
      โต๊ะ 4 ตัวหลังสุดเป็นที่รู้กันว่าเป็นโต๊ะของกลุ่มผม ขณะที่พวกเรากำลังนั่งคุยรออาจารย์อยู่นั้น
      บอมได้ชี้ไปที่นักเรียนหญิงใส่ชุดuniformแขนยาว หน้าตาสวยมาก คนหนึ่ง พร้อมพูดว่า
      “นี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิเราชอบเขามากเลยนะ”
      ตั้งแต่วันนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เป็นประเด็นสนทนาในกลุ่มอีกบ่อย
      แต่ทุกครั้งที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นผม
      รู้สึกว่านุ่นมีความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่แสดงออกมา
      จนผมคิดว่าต้องให้บอมถามให้ได้ว่าเป็นอะไร เพราะเขาสองคนสนิทกันมากที่สุด
      แต่บอมก็ไม่เคยสงสัยและถาม สักพักผมเลิกสนใจกับสิ่งนี้
      เพราะผมก็แค่ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิง
      เวลาที่พวกผมได้พักผ่อนมากที่สุดจากการเรียน คงเป็นตอนหลังเลิกเรียนพิเศษ
      ซึ่งพวกผม จะเวียนไปฝากท้องตามร้านต่างๆ หลังจากนั้นก็มักไปเล่นเกมส์
      เกมส์ประจำตัวของผม คือ daytona ของกบชอบเล่น dj
      โดยเฉพาะตอนมีสาวๆ มองเยอะจะออกลีลาเป็นพิเศษ
      เครื่องตู้เกมส์เตอติสที่อยู่หลังร้านเหมือนเป็นเกมส์ที่สร้างมาเพื่อบอมและนุ่น
      ผมได้เห็นทั้งคู่เล่นด้วยกัน เล่นแข่งกันได้ ดูเวลาที่เขาแกล้งกัน
      นุ่นมักปัดมือของบอม ให้ออกจากจอยเกมส์เป็นประจำ
      เวลาที่ทั้งคู่เล่นแข่ง เพราะบอมเป็นคนที่เล่นเก่งมาก
      แต่บอมก็ชอบ และไม่เคยเห็นบอมโกรธนุ่นสักครั้งเวลาที่นุ่นคอยแหย่คอยกวน
      ผมคิดว่า ทั้งคู่คงมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้ๆ กัน พลางคิดไปถึงคำพูดในหนังรักออกแบบไม่ได้
      ที่ว่า ”เป็นเพื่อนกันดีที่สุดจะได้คบกันนานๆ”
      แต่สำหรับสำหรับคู่นี้ผมนึกภาพไป ถึงตอนที่ทั้งคู่เป็นคนชราคู่หนึ่ง
      ที่ใช้เวลาบั้นปลายชีวิตนั่งนับดาวบนท้องฟ้าด้วยกัน
      และต่อเติมความสุขซึ่งกันและกัน
      ทุกครั้งที่มองคู่นี้อยู่ด้วยกันผมคิดว่าเค้า
      กำลังร่วมสร้าง และต่อเติมความรักซึ่งกันและกันอยู่
      แม้เพื่อนสนิทอย่างผมจะแซวว่า
      ทั้งคู่ไม่เหมือนแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นนะคู่นี้
      แต่ว่าสิ่งที่ผมเห็นคือรอยยิ้มของทั้งคู่ พร้อมอาการเขิน
      และสายตาของนุ่นที่หันไปมองบอม แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันปฎิเสธ
      แล้วนุ่นก็มักจะพูดว่า”พวกนี้เนี่ยไม่พูดด้วยแล้ว”
      พร้อมกับหันหลังเดินไปซื้อขนม และบอมก็เดินตามติดๆ กันไป

      วันศุกร์ใกล้ปิดคอร์สเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเมื่อพวกเรามา
      ถึงที่เรียนพิเศษปรากฏว่าไฟดับ โรงเรียนจึงนัดชดเชยให้วันอื่น
      วันนี้จึงไม่ค่อยได้เรียน เพราะวันศุกร์ที่โรงเรียนมีเรียนแค่ 2 วิชา
      พวกเราจึงถือสมุดหนังสือไปเรียน เพียงไม่กี่เล่ม
      หลังจากนั้นพวกเราจึงไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า
      วันนี้นุ่นผิดปกติ ดูซึมๆ ตั้งแต่เช้า พวกเรารบเร้าเท่าไหร่ก็ไม่บอก
      ขณะที่เดินเล่นกันอยู่บอม ได้จับหน้าผากของนุ่น
      บอมตกใจมากเพราะนุ่นตัวร้อนจัด บอมจึงพูดว่า
      ”นุ่นเธอตัวร้อนมากนะ กินยาอะไรหรือยัง?”
      “ปวดหัวนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” นุ่นตอบ
      พวกผมจึงรบ เร้าให้นุ่นรีบกลับไปพักผ่อนที่บ้าน และตัดสินใจให้บอมเดินไปส่งนุ่นขึ้น taxi
      โดยผม กับกบจะไปรอที่ food center ก่อนที่ผมจะแยกย้ายกับนุ่น
      บอมแซวนุ่นว่า “นี่ไม่สบาย ขนาดนี้ยังไม่ยอมนอนพักอยู่บ้านอีก”
      “ก็ฉันเป็นเด็กขยันนะซิจ๊ะ” นุ่นตอบ พร้อมกับยิ้มมา
      “ดูนุ่นสิหน้าเหมือนคนจะตายอยู่แล้วยังยิ้มออกอีก”
      บอมพูดไปโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้จะเป็นรอยยิ้มที่พวกผมจะไม่มีวันลืม
      สำหรับผมเหตุผลเดียวที่นุ่นมาเรียนวันนี้คือ การที่ได้มานั่งเรียนพิเศษข้างๆ บอม
      หลังจากผมแยกย้ายกับนุ่นบอมก็เดินไป ส่งนุ่นขึ้น taxi กลับบ้าน

      ........เอี้ยด.....ปัง......อัก...... รถบบรทุกคัน
      หนึ่งวิ่งคร่อมเลนมาชนกับ taxi คันหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วค่อนข้างสูง
      ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย
      กระเด็นกระแทกกระจกรถออกมาตกลงบนพื้น และไถลไป ข้างหน้าอีก 7-10 เมตร
      สมุด หนังสือ ดินสอกระจัดกระจายอยู่บนถนนบ้างบนทางเท้าบ้าง
      กล่องดินสอ มือถือแตกเป็น 2 ส่วน
      พลเมืองดีผู้หนึ่งอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและ บาดแผลไปส่งโรงพยาบาล
      เช้าวันเสาร์ ณ ที่เรียนพิเศษวิชาคณิตพวกผมรู้สึกแปลกใจที่นุ่นมาเรียนสาย
      เพราะปกตินุ่นจะมาเป็นคนแรก แต่พวกผมก็คิดว่านุ่นคงยังไม่ค่อยสบาย
      และพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่ขณะที่เริ่มเรียนไปได้ 15 นาที เพจของบอมก็ดังขึ้น
      พร้อม กับข้อความจากแม่ของนุ่นที่ว่า ตอนนี้นุ่นอยู่ห้อง ICU
      โรงพยาบาลเปาโล ต้องการพบบอมด่วน
      เมื่อพวกผมอ่านข้อความนี้จบก็เดินออกจากห้องทันที
      มารู้ตัวอีกทีก็คือเห็นรอยช้ำของขอบตาที่เกิดจากการร้องไห้ของแม่ของนุ่น
      พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุดที่หน้าห้อง ICU
      เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องหมอบอกพวกผมว่านุ่นเสียเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว
      พวกผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากทุกคนที่เรียกตัวเองว่า ลูกผู้ชาย
      ทุกคนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียงของนุ่น
      ไม่มีสักคนเปิดผ้าที่คลุมร่างที่ไร้วิญญาณของนุ่นดู
      เพราะทุกคนรู้ดีว่านุ่นไม่ต้องการให้ใครเห็นนุ่นในสภาพอย่างนี้แน่
      เหตุการณ์นี้แม้ว่าผมจะเสียใจมาก
      แต่ยังไงก็คงไม่เท่าบอม เพราะทุกคนรู้ดีว่า บอมเสียใจมากที่สุด
      แต่บอมก็เก่งมาก เพราะหลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งก็ไม่เห็นบอมร้องไห้อีก

      ขณะนั่งเรียนวิชาคณิตในคาบที่ 7 หลังจากงานชาปณกิจนุ่น 2 วัน แม่ของ
      นุ่นได้ขออนุญาตอาจารย์เดินเข้ามาหาบอมในห้อง และพูดว่า
      ”ในห้อง ICU ก่อนที่นุ่นจะสิ้นใจนุ่นบอกกับแม่ให้นำ diary เล่มนี้มาให้บอมให้ได้”
      แล้วแม่ของนุ่นก็ยื่นถุงกระดาษที่ข้างในมี diary เล่มหนึ่งมาให้
      หลังจากหมดคาบ ผมและบอมได้หยิบ diary ขึ้นมา มันเป็น diary เล่มสีชมพู
      ที่นุ่นใช้เขียนความคิดและความฝันต่างๆ ของนุ่น ชื่อของบอม
      มีอยู่ใน diary ของนุ่นทุกหน้าตั้งแต่วันที่เธอได้พบกับบอมที่ห้องศิลปะ

      เมื่อพลิกกลับมาช่วงกลางเล่มน้ำตาของบอมก็หยดลงบนรูปๆ หนึ่งที่นุ่นวาดขึ้นใน diary
      เป็นรูปนุ่นกับบอมที่ยืนยิ้มโดยนุ่นยืนกอดแขนบอมอยู่
      และทั้งคู่ใส่ชุดนักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์
      “ทำไมนุ่นไม่รู้ล่ะว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน”
      บอมพูดเมื่ออ่าน diary และได้รู้ว่านุ่นรอคอยคำว่ารักจากบอมอยู่
      และเมื่อช่วงหนึ่งใน diary จึงได้รู้ว่า
      นุ่นเข้าใจผิดว่าบอมไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่บอมชี้ให้พวกเราดู ณ ที่เรียนพิเศษ
      สิ่งต่อมาที่ผมได้รู้ก็คือ นุ่นไม่เคยเข้าใจสิ่งที่บอมพูดเสมอในกลุ่ม
      ว่า รัก กับ ชอบ นั้นแตกต่างกันมาก
      ผมได้แต่นึกเสียดายที่บอมไม่ยอมพูดความรู้สึกของตัวเองให้นุ่นได้รับรู้
      ได้แต่ปล่อยให้นุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ เพราะถ้าบอมได้พูด
      และอธิบายความรู้สึกของตัวเอง นุ่นก็คงจากไปอย่างมีความสุขกว่านี้
      ก่อนการเร่งสอบปลายภาคไม่กี่วัน
      เพื่อให้เวลานักเรียนอ่านหนังสือเตรียมเอ็น ครั้งที่ 2
      ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกัน กบได้ตะโกนถามเพื่อนๆ ทุกคนว่า
      ถ้าตอนนี้มีพรวิเศษขออะไรก็ได้สิ่งหนึ่งจะขออะไร
      คำตอบที่ได้ก็แตกต่างกันไป บ้างขอให้ หล่อ รวย สวย เอ็นติด ทุกคนตอบต่างๆ กันไป
      เมื่อกบหันมามองหน้าบอมทุกคนก็หันมา เหมือนจะรอคำตอบจากบอม
      “เราขอแค่ได้พบนุ่นอีกครั้งแล้วเราจะบอกเค้าว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน”
      บอมตอบมาพร้อมๆ กับน้ำตาที่ค่อยๆ คลอออกมา
      หลังที่บอมพูดจบเพื่อนในห้องหลายคนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาของตน
      วันนั้นผมจึงได้รู้ว่า นุ่นยังคงอยู่ในใจของบอมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
      วันที่ผมได้รู้ อานุภาพของความรักก็คือ วันประกาศผลเอ็น
      เรานัดเปิดซองจดหมายผลสอบพร้อมกันที่บ้าน ของกบ กบติด ม.เชียงใหม่
      ผมติดที่ประสานมิตร แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากคือ คนที่ได้คะแนน 60 กว่าเกือบทุกวิชา
      ไม่ติดเศรษฐศาสตร์ได้อย่างไร แต่คำอธิบายของบอมก็ทำ
      ให้ผมรู้ว่าบอมทิ้งความฝันที่จะเป็นนักการเงินของเขา
      มาเรียนสังคมสงเคราะห์เพื่อเดินตามความฝันของนุ่น
      ทำให้ผมได้เห็นความรักที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆ หนึ่ง
      ความฝันของบอมเปลี่ยนเป็นการได้สร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
      และได้นำชื่อณัฐธิดาที่เป็น ชื่อจริงของนุ่นมาตั้งเป็นชื่อสถานเลี้ยงเด็ก
      เพื่อเป็นอนุสรณ์ของผู้หญิงจิตใจดี งามคนหนึ่งที่เค้าได้เคยพบเจอในชีวิต
      คนที่ไม่รู้จักบอมดีจะมองเค้าเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ปิดตัวเองไม่ยอมเปิดใจให้ใคร
      แต่สำหรับผมรู้ดีว่าใครอยู่ในหัวใจของเขา ตลอดเวลา ........

      ในเวลาโพล้เพล้ สายลมลมพัดเมฆมาก่อตัวรวมกันจนกลั่นป็นเม็ดฝน
      ลงมาสู่ดินทุกหนแห่ง ลมพัดเข้ามาในหัองผมอย่างแรง
      ทำให้กรอบรูปที่มีรูปถ่ายของพวกเราอยู่ คว่ำด้านหน้าลง ผมหยิบมันพลิกขึ้นวางที่เดิม
      และมองไปที่รูปนั้นอีกครั้งหนึ่งที่มันทำให้ผมนึกถึง...เธอ
      เธอ....ผู้ที่ทำให้พวกผมรู้ได้รู้ว่าคนดัดฟันกิน อาหารบางอย่างไม่ได้
      เธอ....ผู้ที่ทำให้พวกผมได้หัดฟังเพลงค่าย DOJO CITY
      เธอ....ผู้ที่แนะนำให้พวกผมมองโลกในแง่ดี และออกไปต่อสู้กับปัญหา
      เธอ....ผู้ที่นำความงดงามของจิตใจเธอมาให้พวกผมได้สัมผัส
      เธอ....ผู้ที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกผม
      เธอ....ผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา
      ฝนยังคงกระหน่ำลงบนถนนสายหนึ่ง
      เม็ดฝนกระหน่ำลงมาปานจะฉีกสมุดที่อยู่ในดงหญ้าข้างๆ ทางเท้าเล่มหนึ่งยุ่ยขาดเป็นส่วน
      แม้จะผ่านลมฝนลมหนาวมานานเท่าใด แต่สมุดเล่มนี้ก็ยังคงอยู่ที่เดิม
      พร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่ไม่อาจเป็นจริงได้ เพราะคนๆ หนึ่งได้จากไปแล้ว

      ..... “รัก” บางคนคิดว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องพูด
      แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่ามีบางคนใช้ชีวิตเพื่อเสาะหา และรอคอยคำๆ นี้จากปากคุณอยู่
      เมื่อคุณมั่นใจแล้วคุณควรที่จะพูดออกไป
      ดีกว่าที่จะต้องมานั่งเสียดาย และเสียใจ
      เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่...สาย...เกิน...ไป.... ขอบคุณ

      แสงไฟติดๆ ดับๆ จากเสาไฟฟ้าข้างทาง
      อาจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นสมุดเล่มหนึ่ง
      ซึ่งตกอยู่ระหว่างกอหญ้าที่เกิดจากที่ดินรกร้างข้างฟุตบาท
      แต่ไม่เคยมีใครสักคนคิดจะหยิบ มันขึ้นมา
      ปล่อยให้สมุดที่เคยสีสันสดใสเล่มหนึ่งนอนอยู่กับกอหญ้า ผ่านลมและฝนมานาน
      พร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่นับวันยิ่งเลือนลาง เพราะน้ำฝน...
      แต่ฝนไม่สามารถลบเลือน คำสัญญาจากจิตใจคนๆ หนึ่งได้

      ชีวิตของเด็กมัธยมปลายทุกคนคงไม่สามารถหลีกหนีไปจาก เรื่อง เพื่อน ความฝัน
      ความรัก เอ็นทรานซ์ ไปได้ และทั้งหมดนี้คือที่มาของเรื่องราวของผม
      ที่เริ่มต้นที่ห้องเรียนศิลปะ ผม บอม กบ
      ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่ม.ต้นได้มาอยู่ห้องเดียวกันในชั้นม.4
      คงเป็นเหตุการณ์นั้นที่ทำให้พวกเราได้รู้จัก กับนุ่น
      “นี่เธอ...เธอ..ยืมของเราก็ได้นะ” บอมพูดพร้อมกับยื่นดินสอ 2b ให้ 1 แท่ง
      เธอก็รับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มและเหล็กดัดฟันกลับมา รอยยิ้มที่เราได้เห็นทำให้
      พวกผมนึกไปถึงรอยยิ้มของน้องสาวตัวเล็กๆ น่ารักคนหนึ่ง
      หลังจากหมดชั่งโมงศิลปะ พวกผมอาสาพาเธอไปกินข้าวที่โรงอาหาร
      และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกผม
      พร้อมกับความแปลกใจของหลายๆ คนที่เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
      นั่งอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้ชายที่กำลังคุยกันเสียงดังด้วยคำสบถต่างๆ
      ซึ่งเป็น คำธรรมดาในความคิดของเด็กผู้ชาย ..
      จากวันป็นเดือน......จากเดือนเป็นปี.... เมื่อ
      เพื่อนคบกันมานานก็ย่อมรู้ใจกัน...
      และเริ่มรับรู้บางอย่างในวันที่นุ่นตัดผมสั้นมาใหม่
      “เฮ้ยนี่แกอะไรเข้าฝันวะ” ผมพูด “อี๋...ทรงเก่าดีกว่าแยะเลย” กบพูดพร้อม
      กับเสียงหัวเราะจากทุกคน “แต่เราว่าน่ารักดีนะ” บอมพูด
      คำๆ นี้ของบอมทำให้หน้าขาวๆ ของนุ่นแดงขึ้นมา
      ตั้งแต่เราเริ่มสังเกตจากวันนั้น เราก็รู้ว่าคำพูดของบอมมีอิทธิพลกับนุ่นมาก
      และรู้ว่านุ่นต้องแอบปลื้มบอมไม่มากก็น้อย
      แต่ไม่เคยมีคำว่ารัก คำใดๆ เกิดขึ้นในกลุ่มเพื่อน ณ โต๊ะประจำกลุ่มของเรา
      “ขนมมาแล้วจ๊ะ” เสียงใสๆ ของนุ่นที่มาพร้อมกับขนมหลายถุงที่ถือเดินคู่มากับบอม
      (การซื้อขนมเลี้ยงของนุ่นมักเป็นกิจวัตรประจำ พวกเราเคยปฎิเสธ
      เพราะพวกผมยังไม่รู้ว่านั่นมาจากเงินเล็กน้อยของคุณหนูนุ่นนั่นเอง)
      ขณะที่กินขนมอยู่นั้นนุ่นถามถึงอาชีพในอนาคตของทุกคน
      ผม กับ กบ ยังไม่ได้คิดอะไรถ้า เอ็น ติดอะไรก็เรียนไป ความฝันของบอม คือ
      เข้าเรียน เศรษฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์ และเป็นนักวิเคราะห์การเงินเหมือนพ่อของเขา
      ความฝันของนุ่นที่ต้องการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็ก ไม่ทำให้พวกผมแปลกใจเลย
      เพราะการชอบช่วยเหลือผู้อื่นและมองโลกในแง่ดีที่เป็นนิสัยของเธอ
      สิ่งที่เรารู้กันเลยก็คือ นุ่นต้องอยากเรียนสังคมสงเคราะห์ที่ธรรมศาสตร์แน่นอน
      เมื่อนุ่นพุดจบบอมก็หยิบสมุด จดศัพท์ภาษาอังกฤษของนุ่นที่วางอยู่มา
      เปิดไปหน้าสุดท้ายของสมุดแล้วเขียนว่า... เรา
      สองคนจะต้องเป็นลูกแม่โดมให้ได้นะ.....ลงชื่อ....บอม ...
      สิ่งที่เราเห็นต่อมาคือ รอยยิ้มของนุ่นพร้อมกับหน้าแดงนาน 2-3 นาที
      ยิ้มน่ารักมากกว่าสิ่งใดๆ............
      วันแรกของม.6ไม่มีอะไรมากนอกจากการฉลองที่นุ่น
      ได้อนุญาตให้ไป-กลับโรงเรียนเอง เหมือนนักเรียนทั่วไป
      ซึ่งเป็นสิ่งที่นุ่นต้องการมาตลอด 4-5 ปีที่แม่คอยรับคอยส่ง..
      วันนี้ผมได้เห็นอาการดีใจของคนที่ได้รับสิ่งที่ผมเรียกมันว่า .....”อิสรภาพ”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×