บานกระจกใสปิดสนิท  ม่านบางเบาสีขาวถูกดึงเปิดช้า ๆ มือเรียวนุ่มนิ่มละจากเชือกดึงผ้าม่านมาปลดล็อกดังแกร๊ก  ก่อนจะเปิดประตูกระจกออกกว้าง  ชายกระโปรงชุดติดกันสีขาวสะอาดพลิ้วไสว  เจ้าของชุดสูดหายใจเต็มปอด  ผมยาวหยักศกลากตัวผ่านไหล่เนียนอย่างยากลำบากไปปลิวสะบัดอย่างอิสระอยู่ด้านหลัง
    หญิงสาวก้าวออกมาให้ธรรมชาติได้ยลโฉม  หมอกบาง  ขุนเขาทึบสีเขียวอมเทา  และทะเลสาบสีทึมเฝ้ามองดวงตากลมโตที่ฉายแววเศร้าของเจ้าหล่อนจับจ้องกุหลาบงามผู้ทอดกายเงียบเชียบอยู่บนขอบราวระเบียง
   
กลีบบางสีเดียวกับชุดของหล่อนและรอยตัดเฉียงอย่างจงใจตรงปลายก้านแข็งสีเขียวเข้มทำให้สมองในศีรษะทุยสวยเต้นตุบ
   
เขา
ผู้แหลกสลายไปกับยานพาหนะคันงาม  ภาพของเขาพร้อมกุหลาบขาวในมือยังแจ่มชัดในมโนภาพ 
แต่คงไม่ใช่ 
เป็นไปไม่ได้
    หญิงสาวถือดอกไม้งามอย่างทะนุถนอมมาถึงแจกันขนาดกะทัดรัดที่เพิ่งจะใส่น้ำลงไป  หล่อนบรรจงเสียบมันเข้าที่  มือเรียวงามเลื่อนไปด้านซ้ายเพื่อจะหยิบสมุดหนาปกบุฟองน้ำนุ่มนิ่มมาเปิดตรงหน้าที่ใช้ริบบิ้นคั่นเอาไว้  ลายมือตวัดไปมาอยู่บนหน้ากระดาษเรื่อย ๆ เพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ
   
กริช  เห็นนั่นแล้วชวนให้คิดถึงกริชขึ้นมาอีกจนได้  กุหลาบขาวนั่นน่ะ  ใจร้ายจังนะ  อยากจะทดสอบความเข้มแข็งกันรึไง  รินน่ะ
รินน่ะ  ไม่สนุกเลยนะ  ไม่สนุกเลยสักนิด
    แดดอ่อนทอแสงสะท้อนทะเลสาบเป็นประกาย  ผืนฟ้าโปร่งประดับเมฆปุกปุยแอบมองแววตาแสนเศร้านั้นอยู่เงียบ ๆ
    เมื่ออาทิตย์ดวงโตผลัดเวรกับจันทร์งามอีกครั้งหนึ่ง  เจ้าของเรือนผมนุ่มก็ดันประตูกระจกเปิดออกดังที่เคยชิน  ดวงตากลมโตจับจ้องดอกไม้ที่แสนคุ้นตาเบื้องหน้า  ร่างบางขยับเข้าหามันช้า ๆ แววตาฉายสะท้อนความประหลาดใจและอาวรณ์อยู่ลึก ๆ
    วันนี้กลีบขาววางทับกระดาษโน้ตสีเหลืองซีดแผ่นหนึ่ง  ตัวหนังสือในนั้นทำให้หล่อนชะงักกึก
   
กลางทะเลสาบ
    โมบายสีหวานในห้องดังกรุ๊งกริ๊งสดใส  ชุดนอนสีอ่อนลู่แนบเนื้อ  ขับรูปร่างระหงของหล่อนให้เด่นชัด  แม้จะชะเง้อมองสักเท่าไรก็ไม่เห็นวี่แววของมนุษย์ที่กลางทะเลสาบปรากฏในสายตาของหญิงสาว  ริมฝีปากบางเม้มแน่นแล้วก็คลายออก  นัยน์ตากลมโตค่อยเผยความปวดร้าวช้า ๆ หล่อนเดินเหม่อลอยกลับเข้าห้องในนาทีต่อมา  ขณะที่ตั้งใจจะเอามันไว้ที่ ๆ ควรอยู่ หล่อนก็ต้องชะงักอีกครั้ง
   
กุหลาบขาวสะอาดตาดอกเมื่อวานไม่อยู่ในแจกันอีกต่อไปแล้ว
    กุหลาบดอกใหม่ถูกเสียบแทนที่อย่างอ้างว้าง  หญิงสาวผู้เรียกตัวเองว่า ‘ริน’ ถ่ายทอดความในใจลงไปในสมุดหนาเล่มเดิม  ทว่าคราวนี้ลายมือหวัดแกมบรรจงเพิ่มจำนวนเร็วยิ่งขึ้นทุกที
   
รินไม่เข้าใจ  กริช
กริชจะบอกอะไรกันแน่  นั่นกริชใช่ไหม  กริชทำใช่ไหม  ใช่ไหม
    แสงสุรีย์ลาลับขุนเขาไปพักหนึ่งแล้ว  ร่างบางที่ทอดนิ่งบนที่นอนนุ่มมาครึ่งค่อนวันบัดนี้เดินเรื่อย ๆ ออกมาทรุดตัวลงบนเก้าอี้หวายที่ระเบียง  เทียนหอมเล่มใหญ่ส่องสว่างขึ้นสะท้อนให้เห็นคราบน้ำตาจาง ๆ จากดวงตาบวมแดงเป็นทางยาวลงมาตามพวงแก้มเนียน  หญิงสาวเอนตัวลงนอน  ผมยาวหยักศกแผ่สยายเต็มไปหมด  ดาราระยับพราวคล้ายแข่งกันเปล่งแสงแม้อยู่ในดวงตาเศร้าแสนปวดร้าวของหล่อน  ผืนกำมะหยี่สีดำสนิทที่เป็นฉากหลังให้ช่างดูกว้างใหญ่ไพศาลราวกับจะครองความเป็นราตรีกาลเอาไว้นิรันดร์  เหล่าดารารับฟังคำคะนึงหาของหญิงสาวอย่างตั้งใจ
   
กริช  อยู่ไหนกันแน่นะ  รินคิดถึงกริชเหลือเกินรู้ไหม  แล้วกริชล่ะ
กริชจะรับรู้ไหม  ว่ามีคนคิดถึงกริชมากขนาดไหน  กริชคิดถึงรินบ้างหรือเปล่า
    ลมเย็นบาดผิวเนื้อพัดแรงขึ้นมาเฉย ๆ อะไรสีขาว ๆ ปลิวผ่านหน้าหล่อนไปเพียงชั่วพริบตา  หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นทันทีจึงทันเห็นว่าเจ้าสิ่งนั้นทิ้งตัวลงข้างเก้าอี้หวายนั่นเอง  เมื่อยกขึ้นส่องดูกับเทียนจึงได้รู้ว่ามันคือกระดาษโน้ตที่เขียนข้อความบางอย่าง
   
ข้อความที่ทำให้น้ำตาใสรื้นขึ้นมาอีกครั้ง
   
คิดถึง
    หล่อนเหลียวหลังไปราวกับจะได้พบใครตรงนั้น 
เป็นไปไม่ได้ 
เป็นไปไม่ได้หรอก  ขาเรียวก้าวลงจากเก้าอี้หวายตามคำสั่งของสมอง
คำสั่งที่เต็มไปด้วยความลังเลเพียงเพราะความหวังอันน้อยนิดที่ซ่อนอยู่  ทุกย่างก้าวช่างยากเย็น  ทว่าเมื่อกำลังจะพ้นเขตที่ประตูกระจกเคยกางกั้นนั้นเอง
    กลีบนุ่มนวลของกุหลาบขาวปลิวม้วนตัวมาจากทางด้านหลังของหล่อนแทบจะพร้อมกับกระดาษโน้ตอีกแผ่นที่ถูกลมเย็นหอบเดียวกันพัดมาทอดตัวลงแทบเท้า  แสงจากโคมไฟโต๊ะทำงานที่เปิดค้างไว้เรื่อเรือง  มองเห็นตัวหนังสือบนนั้นเลือนลาง  แต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่าลายมือนั้นชัดเจนยิ่งกว่าครั้งใด
   
รอ
    น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่พรั่งพรูออกมาราวกับสายน้ำ  ข้อความสั้น ๆ เพียงคำเดียว หากทำให้หล่อนสะท้านไปทั้งตัวทั้งหัวใจ  มือเรียวคว้าเสื้อคลุมผ้าแพรก่อนจะเปิดประตูวิ่งถลาออกไปข้างนอก 
   
กริช  รอแป๊บนึงนะ  รินจะไปหากริชเดี๋ยวนี้  รอก่อนนะ
    ผืนน้ำใสเรียบดุจกระจกสะท้อนราตรีกาลรายรอบดูลึกลับ  เรือไม้ลำเล็กแล่นฉิวมุ่งสู่ใจกลางทะเลสาบแหวกทำลายความนิ่งสงบของผืนน้ำนั้น  มือบางกำไม้พายแน่นจ้วงพายอย่างรีบร้อน  แม้ชายเสื้อคลุมยาวพ้นกราบเรือลงมาจุ่มน้ำจนเปียกชุ่มก็ยังไม่ใส่ใจ 
    ยานพาหนะลำน้อยชะลอลงและหยุดนิ่งเมื่อถึงกลางทะเลสาบ  บรรยากาศรอบด้านเวิ้งว้างวังเวง  ไร้สรรพเสียงที่ควรมีในป่าเขาทั่วไป  ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเหลียวมองรอบกายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทว่ากลับไม่มีวี่แววของสิ่งที่หล่อนกำลังหาอยู่เลยแม้แต่น้อย
    “กริช  กริชอยู่ไหน  รินมาแล้ว  รินมาหาแล้วนะกริช  กริชออกมาหารินสิ”  หญิงสาวตะโกนก้องจนเสียงหวานใสสะท้อนก้องไปมาอยู่ในขุนเขา  น้ำตาไหลรินอยู่ไม่ขาดสาย 
    “กริชอยู่ไหนกันน่ะ  ทำไมไม่ออกมาหารินล่ะ  ออกมาสิ  ออกมา
ออกมาหารินสิ
”
    ประโยคท้ายแผ่วลงจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ  วงหน้าสวยก้มลงสะอื้นจนตัวโยน  ความโศกเศร้าอาวรณ์ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น
    มืออุ่นที่คุ้นเคยประคองหน้าหญิงสาวอย่างทะนุถนอมพลางปาดน้ำตาให้ด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน  หล่อนเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
   
เขา
หัวใจทั้งดวงของหล่อนนั่งอยู่ตรงหน้า  ดวงตายาวรีคู่นั้นถ่ายทอดความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในตัวหล่อนไล่ความหนาวออกไปเสียสิ้น  ดวงตากลมโตที่บวมช้ำมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา  ม่านน้ำตาทำให้ภาพที่หล่อนเห็นช่างเลือนลาง  แต่มันก็ช่างชัดเจนในความรู้สึกเสียเหลือเกิน
    “กริช
” เสียงพร่าเครือปนสะอื้นล่วงพ้นลำคออย่างยากลำบาก “ไม่จริง  ไม่จริงหรอก  รินฝันใช่ไหม  นี่รินกำลังฝันอยู่ใช่ไหมกริช”
    ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ให้แฟนสาว  วันนี้เขาใส่เสื้อไหมพรมตัวหนาที่หล่อนถักให้เมื่อหลายปีที่แล้ว  เขายังคงเงียบ
เหมือนเมื่อก่อน
    “รินคิดถึงกริชเหลือเกิน  รินอยาก
อยากตามกริชไป  ให้รินไปด้วยได้ไหม”
    ชายหนุ่มยิ้มอบอุ่นเช่นเคย  เขารวบมือเล็กทั้งสองข้างของหญิงสาวมากุมเอาไว้จนหล่อนรู้สึกได้ถึงความอุ่นจากกายเขา  ...ถ้านี่เป็นความฝัน  ก็คงเป็นฝันที่เหมือนจริงเหลือเกิน
    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าครู่หนึ่งแล้วจึงกลับมาสบตาเจ้าของมือนุ่มนิ่มในมือของเขา  แล้วจึงค่อย ๆ เอามือของหล่อนมาแนบไว้กับอกข้างซ้ายของเขา  หญิงสาวรู้สึกถึงหัวใจของเขาที่เต้นตุบ ๆ  เป็นจังหวะ  ชายหนุ่มยิ้มให้หล่อนอีกครั้ง 
ยิ้ม
อันเต็มไปด้วยความรักเปี่ยมล้นหัวใจ
    แพขนตางอนยังคงมีร่องรอยของคราบน้ำตา  ร่างบางนอนขดอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ หากเจ้าของร่างกลับรู้สึกอุ่นสบาย  เสียงนกตัวเล็กตัวใหญ่ผลัดกันร้องเพลงต้อนรับอโณทัยที่เพิ่งตื่นออกมาโผล่พ้นขุนเขา  หญิงสาวก็กำลังตื่นนอนเช่นกัน
    สิ่งแรกที่หล่อนเห็นในเช้าวันนี้คือหยดน้ำค้างทอประกายล้อแดดอยู่บนกลีบกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์  มือเรียวทาบทับอยู่บนก้านสีเขียวสดนั้นอีกที  ถัดไปคือขอบของอะไรสักอย่าง  พ้นจากขอบขึ้นไปก็คือท้องฟ้าสดใสยามเช้า  หญิงสาวยันกายลุกขึ้นจึงพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในเรือไม้ลำเล็ก  อะไรบางอย่างเลื่อนหลุดจากกายลงไปกองบนตัก  มันคือเสื้อไหมพรมตัวหนา  หญิงสาวเอาสิ่งนั้นขึ้นมากอดเอาไว้  หล่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ท้องฟ้าโปร่ง  แววตาเศร้าหมองจางหายไปแล้ว  เหลือเพียงตากลมโตคู่นี้ที่มองนภากว้างด้วยความรักท่วมท้นใจ
   
ขอบคุณค่ะ  กริช
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น