[SF] Anderson & Polly [KrisYeol] - [SF] Anderson & Polly [KrisYeol] นิยาย [SF] Anderson & Polly [KrisYeol] : Dek-D.com - Writer

    [SF] Anderson & Polly [KrisYeol]

    คริส...ตำรวจหนุ่มสัญชาติแคนาดาที่ต้องมาทำคดีเลียนแบบแจ็คเดอะริปเปอร์ในเกาหลี และ ชานยอล...เด็กหนุ่มที่มีหน้าที่เป็นนกต่อ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,670

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.67K

    ความคิดเห็น


    26

    คนติดตาม


    43
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 เม.ย. 56 / 14:38 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ...Anderson and Polly...









    "그래.... 난 바보니까..."

    "ผมว่า...ผมคงเป็นคนโง่จริงๆ นั่นแหละ"




    .
    .


     
    Talk :
    เค้าโครงเรื่องมาจากบทของตัวละคร Anderson กับ Polly ในมิวสิคัล Jack the Ripper
    ซึ่งซูเปอร์จูเนียร์ซองมินแสดงเป็นคุณหมอแดเนียลค่ะ (บทจุนมยอนในเรื่องนี้นั่นแหละ)
    ถ้าใครเคยดูจะพบว่ามันเหมือนกันเปี๋ยบในบางจุด(โดยเฉพาะคำพูดบางประโยคของชานยอล)
    เราชอบบทของสองคนนี้มาก ดูแล้วอินสุดอะไรสุด ก็เลยดึงเอามาทำเป็นฟิค  
    แต่ปรากฏว่าพอตั้งใจจะเน้นสองคนนี้...เราเลยเปลี่ยนตอนจบไม่ให้เหมือนในมิวสิคัล ไม่งั้นยาวแน่ๆ
    ตอนแรกจะทำเวอร์ชั่นวอนคยูด้วย...แต่ถ้าทำละก็ ซองมินได้บทเดิมอีกแน่ๆ พอดีกว่า ฮ่าๆ

    อ่านให้สนุกและคอมเมนต์ได้ตามสบายค่ะ^^

    ปล.เราไม่โกรธนะถ้าจะติ หรือมีคำผิดคำตกตรงไหนบอกได้นะคะ

     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ...Anderson & Polly...
       

       

      ร่างสูงเคาะบุหรี่ในมือสองสามทีแล้วก็ยกขึ้นจรดปาก  ตาคมสะท้อนแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องอีกฟากฝั่งแม่น้ำฮันจนดูวิบวับเป็นประกายน่ามอง  เขาอัดนิโคตินเข้าปอด  ตั้งใจให้รสหนักๆ ของบุหรี่เข้าไปทำให้เรื่องคดีสุดหินที่ขบคิดมาทั้งวันจางไปจากสมองบ้าง

       

      จู่ๆ เงามืดก็เคลื่อนมาบังชายหนุ่มจากด้านหลัง  ทว่าเขากลับไม่ตกใจหรือตื่นตัวอย่างที่ตำรวจทุกนายควรเป็น  ขายาวยังคงไขว่ห้างอยู่ท่าเดิม  แขนยังพาดสบายๆ เอาไว้ที่พนักโลหะเย็นเฉียบของม้านั่ง  นิ่งเสียจนเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งซึ่งกำลังชะโงกหน้าและโน้มลงมาทั้งตัวรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนรูปปั้นแสนสมบูรณ์แบบที่พระเจ้าสร้างขึ้นไม่มีผิด

       

      กระทั่งกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่เจ้าตัวใช้ประจำโชยเข้ามาแทนที่นิโคตินเพื่อนรักแล้วนั่นละ  นายตำรวจหนุ่มจึงใช้แววตาดุดันเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสานสบตากลมโตวิบวับ  อันที่จริงควรจะเรียกว่าเขาถูกตาคู่นั้นบดบังทัศนียภาพเบื้องหน้าเสียมากกว่า  เพราะตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังใช้มือค้ำพนักเก้าอี้แล้วโน้มตัวลงมาจนผมสีน้ำตาลอมส้มดัดเป็นลอนนั้นระใบหน้าเขาแล้ว

       

      “ไม่กลัวฉันจับใส่กุญแจมือจริงๆ ใช่ไหม ชานยอล”

       

      ได้ยินคำพูดนายตำรวจหนุ่ม ปาร์ค ชานยอลก็ทำปากยู่  ร่างโปร่งยืดขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินอ้อมมานั่งเคียงพ่อเทพบุตรรูปปั้นฝีมือพระเจ้า  เด็กหนุ่มกอดอก  หันมองคนข้างตัวด้วยสีหน้างอนๆ เมื่อนิ้วเรียวยังส่งบุหรี่เข้าปากพลางทอดมองทิวทัศน์เรื่อยเปื่อยไม่สนใจเขาอีกตามเคย

       

      “ทำไมชอบเอากุญแจมือมาขู่ผมจังเลยฮึคุณผู้กองอู๋  ผมแค่เห็นคุณมานั่งมองแม่น้ำหน้าเครียดก็เลยจะมาทักทายเท่านั้นเองนะ”


      “บอกให้เรียกคริสไง”

       

      น้ำเสียงเรียบของคนอายุมากกว่าทำให้เด็กหนุ่มถอนหายใจพรืด  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีตาผู้กองอู๋อี้ฝานจะต้องสร้างกำแพงหนาสูงมิดหัว (ซึ่งปกติคุณตำรวจคนนี้ก็สูงมากอยู่แล้ว) ทุกครั้งที่เจอกันด้วย  จริงอยู่...เขาเคยเจอนายตำรวจเชื้อชาติจีนสัญชาติแคนาดาคนนี้แค่ไม่กี่ครั้ง  ถึงจะนับว่าเป็นเพื่อนหรือพี่หรืออะไรทำนองนั้นไม่ได้  แต่อย่างน้อยก็น่าจะพอนับเป็นคนรู้จักได้นี่นา

       

      แล้วคำว่า คนรู้จัก สำหรับปาร์ค ชานยอล ก็หมายความว่าจะต้องคุยกันอย่างสนิทชิดเชื้อกว่านี้สิถึงจะถูก

       

      นี่ยังให้เรียกคริสอยู่ได้  เขาไม่ใช่นักข่าวอาชญากรรมหรือตำรวจหน่วยอื่นที่ทำงานร่วมกับคริสเสียหน่อย จะได้เรียกชื่อห่างเหินแบบนั้น

       

      ชานยอลหันกลับไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนายตำรวจหนุ่ม  คริสมักจะทำหน้าเครียดตาดุแบบนี้จนดูเหมือนเป็นสีหน้าประจำตัวไปแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ว่าคริสไม่ใช่คนใจร้าย  ชานยอลรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันว่าคริสไม่ใช่คนเย็นชาไร้หัวใจอย่างที่แสดงออก  หากถามว่าเขารู้ได้ยังไง...ชานยอลก็คงจะตอบว่า เขาแค่ รู้สึกได้ เท่านั้นเอง

       

      อย่างน้อย...ถ้าคริสเป็นคนไร้หัวใจจริงคงลากเขาไปสถานีตำรวจแล้วจับไปนอนในคุกเล่นอย่างที่ขู่ตั้งนานแล้ว

       

      เด็กหนุ่มอมยิ้ม  และเหมือนกับคนข้างตัวจะรู้สึกได้  คริสหันกลับมาตวัดสายตาใส่ทันที

       

      ยิ้มอะไร


      เปล่าครับ ปากบอกว่าเปล่า  แต่ชานยอลยังไม่เลิกอมยิ้มขณะที่ถามกลับ ว่าแต่ คุณคริสกลุ้มใจอะไรครับ  ทำหน้ายังกับกำลังคิดหาวิธีจับฆาตกรต่อเนื่องลึกลับที่เหมือนแจ็คเดอะริปเปอร์นั่นอย่างนั้นแหละ



      ชานยอลหยิบเอาคดีดังที่กำลังเป็นข่าวขึ้นมาพูดเล่นแถมยังแกล้งเน้นคำเรียกอีกฝ่ายให้ชัดเกินกว่าปกติอีกต่างหาก  แต่อาการผ่อนลมหายใจยาวปล่อยควันบุหรี่ออกมาเป็นสายนั่นกลับทำให้รอยยิ้มของคนพูดเล่นจางลงไปเล็กน้อย  ตากลมโตเบิกกว้าง  เผยอริมฝีปากค้างเอาไว้สองสามวินาทีก่อนจะเอ่ยต่อ

       

      นี่...นี่คุณต้องรับผิดชอบคดีนั่นจริงๆ เหรอเนี่ย



      ไม่มีเสียงตอบจากคริส  และนั่นก็แปลว่าใช่  คริสต้องรับผิดชอบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นช่วงเกือบเดือนที่ผ่านมา  หนังสือพิมพ์นำเสนอข่าวนี้อย่างละเอียดเพราะเป็นฆาตกรรมโหดเหี้ยมเทียบเท่ากับคดีแจ็คเดอะริปเปอร์เมื่อร้อยกว่าปีก่อน  อีกทั้งลักษณะของคดียังคล้ายคลึงกันเสียจนแทบเรียกได้ว่าเป็นคดีเลียนแบบ  ฆาตกรรายนี้ฆ่าคนโดยใช้มีดปาดคอเป็นแผลลึก  และหลังจากเหยื่อเสียชีวิต...ก็จะถูกกรีดคว้านผ่าเอาอวัยวะภายในออกมากองไว้ข้างศพซึ่งจะถูกทิ้งให้นอนนิ่งอยู่บริเวณใกล้กับแม่น้ำฮัน  เหยื่อผู้สังเวยชีวิตไปกับคดีนี้ทั้งสี่รายเป็นผู้ขายบริการทางเพศเหมือนกับคดีแจ็คเดอะริปเปอร์ไม่มีผิด

       


      สิ่งเดียวที่ต่างจากคดีแจ็คเดอะริปเปอร์ก็คือ...เหยื่อทุกรายเป็นผู้ชาย

       


      ดังนั้น...จึงไม่น่าแปลกใจหากชานยอลจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้พอสมควร  อย่างน้อยก็ต้องรู้เอาไว้เพื่อจะได้ ระวังตัว บ้างอย่างที่เพื่อนร่วมอาชีพพูดกัน

       


      ยังหาวิธีจับคนร้ายไม่ได้สินะครับ  เท่าที่ผมรู้...ฆาตกรไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรที่จะสืบถึงตัวได้เลย  เหยื่อทุกรายก็เหมือนกันแค่อาชีพ  นอกนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย  แล้วเวลารับลูกค้า พวกเราก็จะพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกันด้วย  ยิ่งทำให้หาพยานหลักฐานยากมาก

       

      อืม ใช่

       


      คริสเองก็ได้ยินมาบ้างตอนสอบสวนคนรู้จักของเหยื่อแต่ละราย  ตอนที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้เขายังไม่ทันคิดว่าคดีจะยากขนาดนี้  แค่คิดว่าในเมื่อคดีนี้เกี่ยวกับผู้ชายขายบริการเขาก็น่าจะไปสอบถามข้อมูลจากชานยอลได้ง่ายๆ  นึกไม่ถึงว่าคนร้ายจะใช้ประโยชน์จากลักษณะนิสัยเฉพาะตัวของคนทำอาชีพขายบริการ  ยังไม่ต้องถามชานยอลด้วยซ้ำ...แค่เขาสืบสวนเอาจากคนรอบตัวเหยื่อก็ค้นพบแล้วว่าตัวเองกำลังเจอกับทางตัน  คริสยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าเขาจะจับฆาตกรรายนี้ได้อย่างไร

       


      ดูท่า...คดีใหญ่ที่ผู้บังคับบัญชาหวังจะให้เขาทำสำเร็จแล้วใช้เป็นบันไดไต่ขึ้นสู่ความมั่นคงในวงการตำรวจเกาหลีคงกลายเป็นจุดจบในสายอาชีพเสียมากกว่า  แม้จะถูกกรมตำรวจสากลย้ายมาประจำการโดยเฉพาะ แต่ในฐานะคนต่างชาติ  คริสรู้ตัวดีว่าผลงานดีเยี่ยมจะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เขาได้รับการยอมรับจากคนที่นี่

       


      ผมก็ไม่รู้จะช่วยคุณยังไง  เพราะผมเองก็ไม่รู้จักเหยื่อทั้งสี่รายนั่นเลย  ถึงแม้ว่าบางรายจะทำมาหากินอยู่แถวนี้ก็เถอะ

       

      ฉันก็ไม่ได้หวังให้เธอช่วยอะไรหรอกนะชานยอล

       


      เอาอีกแล้ว  น้ำเสียงเย็นชาคำพูดใจร้ายแบบนี้อีกแล้ว  ชานยอลนึกอยากย้อนกลับไปปรับน้ำเสียงประโยคที่ตัวเองพูดไปก่อนหน้านั้นให้ฟังดูเห็นอกเห็นใจน้อยลงกว่าเดิมจริงๆ ให้ตาย 

       


      ตามใจเถอะครับ  ผมไปหาลูกค้าดีกว่า  มัวมานั่งอยู่กับคุณคริสตรงนี้ใครสนใจผมเขาคงคิดว่าผมโดนคุณสอยไปแล้ว ไม่เข้ามาหากันพอดี

       


      ชานยอลกำลังจะลุกขึ้น  ทว่าร่างโปร่งกลับชะงักเหมือนนึกอะไรได้  ริมฝีปากบางยิ้มอย่างนึกสนุกก่อนเปลี่ยนไปเบียดชิดร่างสูงแล้วขโมยจูบแก้ม  คริสยังไม่ทันตั้งสติหันไปดุเจ้าตัวก็วิ่งหนีออกไปหลายเมตรแล้ว  ทิ้งเพียงเสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาตามสายลม  เด็กหนุ่มหันกลับมาโบกมือหยอยๆ รู้ว่าคนอายุมากกว่าวางมาดพอที่จะไม่วิ่งไล่ตามเป็นเด็กๆ

       


      สู้ๆ นะครับคุณตำรวจ

       


      คริสถอนหายใจ  มองร่างโปร่งเดินไปยังอีกด้านของสวนสาธารณะริมแม่น้ำฮันแห่งนี้  เป็นบริเวณใกล้ลานจอดรถซึ่ง ลูกค้า ของชานยอลและเด็กขายบริการคนอื่นๆ จะขับรถผ่านมาจอดต่อรองราคากันได้สะดวก

       


      มือใหญ่แตะแก้มตัวเองเบาๆ สัมผัสเหนียวๆ ทำให้รู้ว่ามีรอยลิปกลอสของชานยอลติดอยู่

       


      คริสยกบุหรี่จรดริมฝีปากอีกครั้ง  ไม่ใส่ใจจะเช็ดรอยลิปกลอสนั้นออกกระทั่งเขาลืมไปเสียสนิทว่ามันยังคงติดอยู่อย่างนั้นไม่เลือนหาย

       


      ........................

       



      ผลการชันสูตรศพทั้งสี่ศพระบุตรงกันครับว่าฆาตกรน่าจะเป็นบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับวงการแพทย์โดยเฉพาะศัลยแพทย์  หรือไม่ก็เป็นผู้ที่มีความรู้ด้านกายวิภาคพอสมควร  เพราะแม้ทุกศพจะถูกกรีดเป็นแผลเหวอะหวะ  แต่อวัยวะภายในที่ถูกตัดออกมากองนั้นสมบูรณ์แบบมาก  และประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ  แม้อวัยวะที่หายไปจากศพจะแตกต่างกันไป...แต่สิ่งที่หายไปเหมือนกันหมดทุกศพก็คือไตครับ

       

      ผู้กองคริส อู๋  เงยหน้าขึ้นมองแพทย์นิติเวชเจ้าของรายงานเมื่อครู่ทันที  ตาคมเป็นประกายวาว

       

      แปลว่าสิ่งที่ฆาตกรต้องการจริงๆ ก็คือไตสินะ  อวัยวะอื่นที่หายไปก็แค่พยายามตบตาตำรวจไม่ให้สืบถึงตัวเร็วไปเท่านั้น  ว่าแล้วคริสก็หันไปสั่งลูกน้องฝ่ายสืบสวนอีกคน  คยองซู  คุณประสานงานกับโรงพยาบาลทุกแห่งในเกาหลี...ไม่สิ...แค่ในโซลและบริเวณใกล้เคียงก็พอ  ดูซิว่ามีผู้ป่วยที่ต้องการเปลี่ยนไตอยู่กี่ราย  แล้วขอประวัติญาติผู้ป่วยทุกรายมาเช็กให้ละเอียดว่ามีใครเป็นหมอหรือว่าน่าจะมีความรู้เรื่องกายวิภาคเป็นอย่างดีบ้าง

       

      ครับผู้กองคริส

       

      หาความเชื่อมโยงของฆาตกรรมแต่ละครั้งได้แบบนี้เราก็เริ่มมีความหวังที่จะจับตัวฆาตกรได้แล้วสินะครับ

       

      คิมจงอิน  นายตำรวจหนุ่มอีกคนในหน่วยของคริสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ามีความหวัง  เขาเงยหน้าจากข้อมูลประกอบที่ตัวเองกำลังดูและเห็นคิ้วเข้มของคริสคลายลงเล็กน้อย  ผู้กองหนุ่มยิ้มฝืดกลับมาให้  ทว่าอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าเบาะแสที่ได้คราวนี้คงช่วยให้คดีคืบหน้าไปได้พอสมควรทีเดียว  และนั่นก็เป็นสิ่งที่คริสต้องการเหลือเกิน

       

      จงอินเป็นหนึ่งในลูกน้องที่ตามคริสออกไปทำคดีเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่คริสย้ายมาอยู่ใหม่ๆ  เขาจึงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าทำไมคริสถึงอยากจะปิดคดีนี้ให้ได้นักหนา...

       

      ... ไม่ใช่เพราะมันจะทำให้คริสมั่นคงและเป็นที่ยอมรับในหน้าที่การงานที่เกาหลีนี่อย่างเดียวหรอก  แต่เป็นเพราะเด็กขายบริการคนนั้นด้วย ... เป็นเพราะปาร์คชานยอล...

       

      แม้คริสจะบอกว่าเขาติดต่อกับชานยอลเพราะจะได้ใช้เป็นสายหรือเป็นนกต่อให้ในยามจำเป็นเท่านั้น  แต่จงอินรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ เท่านั้น อย่างที่คริสว่า

       

      ดีที่คดีนี้จุดประสงค์ของฆาตกรไม่ได้ดูสะเปะสะปะอย่างคดีแจ๊คเดอะริปเปอร์  ไม่อย่างนั้นเราแย่แน่ๆ  แต่จริงๆ มันก็ไม่แน่หรอกนะ...  คริสเว้นวรรค  ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยต่อ  บางทีมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้  อาจเป็นพวกค้าอวัยวะเถื่อนหรืออะไรทำนองนั้น  ซึ่งนั่นก็คงทำให้การสืบสวนคดีนี้ยากขึ้นไปอีก

       

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

       

      ทุกคนหันขวับไปที่ประตูห้องประชุมทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะ  ลางร้ายราวกับกำลังแผ่ปกคลุมห้องทั้งห้อง  เป็นที่รู้กันดีในกองอาชญากรรมแห่งนี้ว่าถ้าไม่จำเป็นจะไม่มีการเคาะหรือเปิดประตูห้องประชุมขณะกำลังทำการประชุมเรื่องคดีสำคัญ  หากจะมีใครสักคนขัดจังหวะการประชุมเช่นนี้...ย่อมหมายความว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นแน่นอน

       

      ขอโทษนะคะผู้กองคริส  พอดีว่ามีผู้ชายคนนึงมาขอพบผู้รับผิดชอบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ผู้กองกำลังทำอยู่น่ะค่ะ  เขาบอกว่า...เอ่อ...เขารู้ตัวฆาตกรค่ะ

       

      อะไรนะ!”

       

      การประชุมคดีสำคัญคล้ายถูกย้ายมาที่ห้องสอบสวน  ทว่ามีเพียงผู้กองคริส อู๋ กับเลขาผู้คอยจดบันทึกคำให้การอย่างโด คยองซู นั่งตรงข้ามผู้ชายผิวขาวจัด  ไม่สูงนัก  ท่าทางเรียบร้อย  ซึ่งเดินเข้ามาขอพบ ผู้รับผิดชอบคดีนี้ ที่หน่วยสืบสวนพิเศษเมื่อสิบนาทีก่อนเท่านั้น 

       

      แม้ผู้ชายคนนี้จะมาให้ปากคำกับตำรวจอย่างพลเมืองดีคนหนึ่งไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย  แต่เพราะเป็นคดีสำคัญและยังไม่ได้เบาะแสคนร้ายมากนัก  การสอบปากคำจึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุมที่สุดในห้องเก็บเสียงมิดชิดเช่นนี้

       

      ขอทราบชื่อด้วยครับ

       

      คิม จุนมยอน ครับ

       

      เสียงโด คยองซู พิมพ์คำให้การลงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กดังแกรกๆ เบาๆ คล้ายจะทำให้บรรยากาศอึดอัดมากขึ้นไปอีก  ผู้ชายตัวขาวที่บอกว่าตัวเองชื่อคิม จุนมยอน นั่งก้มหน้า  มองแต่มือเรียวสวยของตนซึ่งบีบประสานกันแน่นอยู่บนโต๊ะ

       

      ไม่ต้องเครียดนะครับ  ต้องขอโทษด้วยที่คุณต้องมาให้ปากคำในห้องแบบนี้  มันเป็นคดีใหญ่  หวังว่าจะเข้าใจนะครับ

       

      ไม่เป็นไรครับ  ผมเข้าใจ

       

      คิม จุนมยอน เงยหน้าขึ้นยิ้มแวบหนึ่ง  พยายามไม่สบตาคริส

       

      เข้าเรื่องเลยนะครับ  คุณบอกว่าคุณรู้ตัวฆาตกร  หมายความว่ายังไงครับ

       

      คือ...  เว้นวรรคคล้ายกำลังลังเลใจ  เขาสูดหายใจลึก  ก่อนจะเอ่ย ...ผมเป็นคนจ้างเขา  เพื่อจะหาไตมาเปลี่ยนให้ลูกพี่ลูกน้องของผมที่ป่วยอยู่ครับ

       

      เสียงรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์ของคยองซูหยุดพร้อมกับที่คริสเบิกตากว้าง  แล้วจุนมยอนก็ละล่ำละลักออกมาคล้ายต้องการจะทำลายความเงียบให้เร็วที่สุด

       

      ...คือลูกพี่ลูกน้องของผมที่ชื่อพยอน แพคฮยอน  เขาป่วยหนักมาก  รอเปลี่ยนไตอยู่นานแล้วแต่ก็หาไตที่เข้ากับร่างกายเขาไม่ได้สักที  ไตของผมก็บริจาคไม่ได้  มีอยู่วันนึงผมกลุ้มใจมากเลยไปนั่งดื่มเบียร์อยู่ริมแม่น้ำฮัน  แล้วก็พบกับเขาครับ...

       

      พบกับเขา...หมายความว่ายังไง  อยู่ดีๆ เขาก็มานั่งข้างๆ คุณเหรอ

       

      ครับ  เขามานั่งดื่มเบียร์ข้างๆ ผม  ถามผมว่ามีเรื่องอะไรหนักใจเหรอ  ตอนนั้นผมกำลังเมาก็เลยบอกเขาไปหมด  เขาเลยเสนอให้ผมจ้างเขา  เขาจะไปหาไตมาให้เอง  ถ้าไตที่หามาเข้ากับแพคฮยอนไม่ได้เขาก็จะไปหามาให้อีกจนกว่าจะได้  ผมก็เลยตกลง

       

      คริสขมวดคิ้วมุ่น  รู้สึกคล้ายอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอจนพูดอะไรไม่ออก  เมื่อเห็นคริสเงียบไป จุนมยอนก็เงยขึ้นมองหน้าผู้กองหนุ่มที่นั่งตรงหน้า  แววตาเต็มไปด้วยความกลัวและเจ็บปวด

       

      แต่ว่าผมไม่รู้จริงๆ นะครับว่าเขาจะฆ่าคน  เขาไม่ได้บอกผมว่าจะหาไตมาให้ด้วยวิธีไหน  ผมเลยคิดเอาเองว่าเขาคงไปซื้ออวัยวะเถื่อนหรืออะไรทำนองนั้น  อีกอย่าง...เขาก็เป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของผมในเวลาที่ผมหมดสิ้นหนทาง  ผมไม่รู้จริงๆ นะครับ  เชื่อผมนะครับคุณตำรวจ

       

      คริสหายใจเข้าลึก  เขาอยากอัดนิโคตินเข้าปอดสักสองสามทีแต่ก็ทำไม่ได้เพราะกำลังสอบปากคำ พยาน อยู่  ผู้กองหนุ่มอยากปิดคดีให้ได้เร็วๆ ก็จริง  แต่ไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นรูปแบบนี้  คิม จุนมยอน แค่อยากจะช่วยชีวิตลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง  ดูจากแววตาตื่นกลัวนั่นก็พอเข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้ตัวเองกลายเป็น ผู้จ้างวานฆ่า จริงๆ

       

      แล้วคุณรู้ตั้งแต่เมื่อไรว่าคนคนนั้นหาไตมาให้คุณโดยการฆ่า  รู้ตั้งแต่เมื่อไรแล้วรู้ได้ยังไง

       

      ก็...ตั้งแต่เขาหาไตมาให้ผมครั้งที่สองครับ  ตอนนั้นพอผมตรวจแล้วพบว่าไตที่ได้มายังเข้ากับน้องชายผมไม่ได้ ผมก็โมโห  เขาก็เลยพาผมไปแถวๆ ที่มีเด็กหนุ่มขายบริการเตร่อยู่สี่ห้าคน  แล้วก็บอกให้ผมเลือก...

       

      อะไรนะ...

       

      เขา...บอกว่า  ถ้าไม่ถูกใจนักก็เลือกเองเลย  อยากได้ไตของคนไหน...เชิญเลือกเอาตามสบาย  เสียงจุนมยอนเหมือนหายใจได้ไม่เต็มปอด  ฟังดูตีบตันแปลกๆ ...ผมมองเด็กหนุ่มพวกนั้นแล้วก็รู้สึกกลัวกับสิ่งที่ผมทำลงไปแล้ว...และกำลังจะทำ... ผมส่ายหน้า  ไม่ยอมเลือก  เขาก็เลยโมโห  กระชากเอาเด็กที่ยืนอยู่ในมุมมืดที่ใกล้ที่สุดมาปาดคอ  เลือดกระเซ็นโดนหน้าผมด้วย  เขาโยนผ้าเช็ดหน้าให้ผมเช็ดหน้าพลางๆ ระหว่างที่เขากำลังผ่าเอาตับไตไส้พุงออกมา  เด็กคนนั้นยังนอนตาเบิกโพลงอยู่เลย  ตอนโดนเชือดคอเขายังไม่ทันได้ร้องด้วยซ้ำ...

       

      คิม จุนมยอน ตัวสั่นเทิ้ม  สองมือคลายจากกันเพื่อโอบกอดตัวเองคล้ายกำลังหนาวสั่น  คริสตั้งสติแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจช้าๆ  รู้สึกได้ว่า โด คยองซู ก็พิมพ์ไปเรื่อยๆ ทั้งที่ยังกลั้นหายใจอยู่เช่นกัน

       

      ...แล้ว...คุณพอจะบอกชื่อหรือรูปพรรณสัณฐานของฆาตกรหน่อยได้หรือเปล่า

       

      ผม...ผมไม่เห็นหน้าเขาหรอกครับ

       

      ว่าไงนะ...

       

      คริสขมวดคิ้วฉับ  ติดต่อว่าจ้างกันถึงขนาดนั้นแต่ไม่เคยเห็นหน้า...เป็นไปได้ยังไง

       

      เขาจะใส่หมวกแล้วก็ใส่เสื้อมีฮูทตัวใหญ่ๆ  แถมบางครั้งยังใส่ผ้าปิดปากด้วย  ผมเลยไม่เคยเห็นหน้าเขา  ส่วนชื่อ...

       

      คิม จุนมยอนใช้มืออันสั่นเทาล้วงกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ต  ผ้าเช็ดหน้าที่มีรอยเปื้อนเลือดแห้งกรังจนกลายเป็นหย่อมๆสีน้ำตาล ถูกวางบนโต๊ะตรงหน้าคริส  ผู้กองหนุ่มหยิบมันขึ้นดูให้ละเอียดก็เห็นว่ามุมผ้าเช็ดหน้าสีเทาอ่อนมีด้ายสีเงินปักเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเอาไว้สองตัว...เหมือนกับชื่อย่อ...

       

      ... S.H. ...

       

      นี่เป็นผ้าเช็ดหน้าของเจ้าหมอนั่นที่เอาให้ผมเช็ดเลือด  ผมเพิ่งมาเห็นตัวอักษรย่อนี่ทีหลัง  คิดว่าคงเป็นชื่อย่อของเขานั่นละครับ

       

      เอสเอช...

       

      คริสพึมพำเบาๆ ชื่อคนเกาหลีที่ย่อได้ว่า S.H.คงมีเป็นพันเป็นหมื่นคน  ยิ่งถ้าเจ้าฆาตกรเป็นใครก็ไม่รู้ที่รับจ้างฆ่าคนง่ายๆ แบบนี้แล้วละก็ยิ่งหาตัวยากเข้าไปใหญ่  ถ้างั้น...

       

      คุณจุนมยอนครับ  ปกติคุณติดต่อกับเจ้าฆาตกรนี่ยังไง  มีเบอร์โทรศัพท์หรือว่า...

       

      ชายหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ ถอนหายใจแล้วก็เม้มปากแน่น  ก่อนจะค่อยคลายออก

       

      ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละครับ  แรกๆ แค่ผมไปเตร่แถวสวนสาธารณะริมแม่น้ำฮันที่เดิมเขาก็จะมา  แต่หลังจากเหยื่อรายนั้นที่ผมเห็นเขาลงมือฆ่ากับตา  เขาก็มักจะรอให้ผมไปซื้อบริการเด็กแถวนั้นแล้วพาไปที่ลับตาคนเสียก่อนเขาถึงจะปรากฏตัวออกมา...มาฆ่าเหยื่อ

       

      เสียงของจุนมยอนสั่นสะท้านทันทีที่พูดคำว่า ฆ่า  มือสวยทว่าเย็นเฉียบยื่นมาแตะมือผู้กองหนุ่ม   ดวงตารื้นน้ำคู่นั้นยังคงหวาดกลัวแต่ก็ฉายแววเว้าวอนเมื่อสานสบกับดวงตาคมของคริส

       

      ผมมาบอกเรื่องนี้กับตำรวจเพราะผมไม่อยากทำบาปอีกแล้ว  ผมอยากหาไตมาเปลี่ยนให้น้อง...ให้น้องได้ยิ้มอีกครั้ง  แต่สิ่งที่ผมทำมันกลับทำให้เขาร้องไห้จนได้  พอแพคฮยอนรู้ว่าผมไปหาไตพวกนั้นมายังไง  เขาโกรธมากแล้วก็เสียใจมากจนอาการทรุดหนักลงไปอีก  ผมไม่อยากให้เขาเป็นแบบนั้น...ผู้กองครับ  ช่วยผมด้วย  ได้โปรด...รับปากผม  ช่วยจับเจ้าฆาตกรนั่นทีนะครับ

       

      แต่...คุณรู้รึเปล่าครับว่าตัวเองก็จะถือว่ามีความผิดฐานจ้างวานฆ่าเหมือนกัน  แม้ว่าการสารภาพจะลดโทษได้ก็เถอะ

       

      รู้สิครับ  แต่ช่างเถอะ  ผมขอแค่คุณตำรวจจับเจ้าฆาตกรนั่นได้ก็พอ  จะให้ทำวิธีไหนก็ได้ทั้งนั้น  นะครับ

       

      ดวงตาคริสหรี่ลง  เขาเกลียดที่สมองตัวเองแล่นเร็วเกินไปเวลาสืบคดี  จริงอยู่ว่ามันมีประโยชน์  แต่มันกำลังทำให้เขาพบคำตอบเรื่องวิธีจับกุมคนร้ายเร็วเกินไป  ยิ่งคิดก็ยิ่งชัดเจนว่าไม่มีทางอื่น  ยิ่งคิด...หัวใจก็ยิ่งเหมือนจะเต้นแผ่วเบาลง

       

      ...วิธีไหนก็ได้ที่จุนมยอนว่า...มันเหลือแค่วิธีเดียวเท่านั้น  และเป็นวิธีที่คริสไม่อยากใช้ที่สุดเสียด้วย...

       

      ....................

       

      ครั้งแรกที่คริสเจอชานยอล...เด็กคนนั้นกำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะ  พอเขาเข้าไปถามไถ่ด้วยความหวังดีว่าเป็นอะไรหรือเปล่า...ดวงตารื้นน้ำจนอายไลเนอร์เลอะนั้นก็ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

       

      ชานยอลตัวโต...แต่แววตาที่มองมาเหมือนเด็กน้อยใสบริสุทธิ์  แววตานั้นเข้าไปเขย่าหัวใจด้านชาของคริสให้สั่นคลอนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

       

      ตากลมโตฉายออกมาทั้งความเหงา  ความกลัว  ทว่าวินาทีต่อมามันก็กลับมีความหวังเรืองอยู่ในนั้น

       

      ถ้าคุณต้องการผม  ผมก็คงจะ ไม่เป็นไรไปอีกทั้งคืน  สนใจรึเปล่าละครับ

       

      เธอ...ว่าอะไรนะ  คริสขมวดคิ้วฉับ  ยังไม่เข้าใจคำถามของชานยอลนัก

       

      ต้องให้ผมพูดตรงๆ ด้วยเหรอ  ดูหน้าตาคุณไม่น่าเป็นคนใสซื่อขนาดนั้นเลยนะ...  ชานยอลลุกขึ้นยืน  เผยความสูงที่เกือบจะเท่ากับคริส มือเรียวหยิบกระจกในกระเป๋ากางเกงมาส่องพลางซับอายไลเนอร์ส่วนที่เลอะออกอย่างคล่องแคล่ว ...คุณจะให้เท่าไรละครับ  แสนวอน? แปดหมื่นวอน? ถ้าน้อยกว่าหกหมื่นนี่ไม่ต้องมาพูดกันเลยนะ

       

      ดวงตาคมค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นทีละน้อย  เพราะคริสยืนใต้เสาไฟพอดีชานยอลจึงเห็นสีแดงระเรื่อซ่านไปบนแก้มสากชัดเจน  เด็กหนุ่มขำพรืด  ไม่คิดว่าผู้ชายตัวสูงชะลูดหล่อเข้มตาคมท่าทางเย็นชานิดๆ แบบนี้จะหน้าแดงได้ง่ายๆ ...ยิ่งคิดว่าคงจะหน้าแดงเพราะ ไม่เคยด้วยแล้วยิ่งน่าขำเข้าไปใหญ่

       

      ตายละ  อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคย ซื้อ...จริงอะ? ฮ่าฮ่าฮ่า... เอาละ ไหนๆก็ไหนๆ เห็นแก่ครั้งแรก...ผมลดให้เป็นพิเศษก็ได้

       

      ร่างโปร่งเดินเข้าใกล้คริสจนตัวแทบจะชิดกัน  มือเรียววางทาบบนอกอุ่นของคนตัวสูง  พอใกล้กันแบบนี้ชานยอลก็ได้กลิ่นหอมอุ่นๆ จากตัวผู้ชายตรงหน้าอย่างชัดเจน   กลิ่นนั้นช่างคุ้น...คุ้นเสียจนความเหงาและความอ่อนแอที่ทำให้เขาร้องไห้เมื่อครู่ค่อยๆ ตีขึ้นมาในอกอีกครั้งหลังจากชานยอลพยายามกดมันลงไปตอนชายหนุ่มโผล่มาถามไถ่เขาว่าเป็นอะไรรึเปล่า

       

      ...กลิ่นที่เหมือนกับ...เหมือนกับ...

       

      เธออายุเท่าไร

       

      ถามทำไมครับ  คิ้วเรียวเลิกขึ้น  แล้วรอยยิ้มก็ผุดพราย หรือว่าคุณชอบแบบเด็กๆ สดๆ หน่อย? ผมว่าอายุสิบเจ็ดอย่างผมก็น่าจะสดพอนะ

       

      สิบเจ็ด...รู้รึเปล่าว่ามันผิดกฎหมาย  ถ้าฉันเป็นตำรวจละก็  ฉันจับเธอเข้าคุกได้ตอนนี้เลยนะ

       

      ว่าพลางล้วงเอาตราตำรวจออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดให้เด็กหนุ่มเห็นจะจะกับตา  รอยยิ้มของชานยอลจืดเจื่อน  ดวงตากลมเบิกกว้างทันที

       

      เอ่อ...คือ  ผม...ผมล้อเล่นนะ  ผมอายุยี่สิบสามแล้ว  คือ...

       

      ไหนล่ะบัตรประชาชน

       

      คริสเก็บตราตำรวจกลับเข้าไปในแจ็คเก็ตหนังสีดำเรียบร้อยแล้ว  มือสองข้างล้วงกระเป๋า  ยืนใช้สายตาเป็นต่อมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เอาแต่หลบตาและผละถอยออกไปก้าวหนึ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก  ชานยอลมองโน่นนี่เลิกลั่กอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร  เมื่อเห็นเท้าในรองเท้าผ้าใบก้าวถอยไปอีกก้าวคริสก็ยกยิ้มมุมปาก  คว้าข้อมือบางข้างหนึ่งขึ้นมากะทันหันจนเจ้าของมือสะดุ้งเฮือก

       

      เอาบัตรประชาชนออกมาสิ  ถ้าอายุยี่สิบสามจริงจะปล่อยไป  ไม่งั้นก็ไปโรงพัก

       

      ผม...ผมลืมพกมา 

       

      ยิ่งได้ยินคำแก้ตัวแบบนั้นคริสก็ยิ่งนึกสนุก  แกล้งเพิ่มแรงที่จับข้อมือขาวเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายสะบัดหลุดได้ง่ายๆ  เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคงอายุสิบเจ็ดอย่างที่บอกแต่แรกนั่นแหละ  แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะจับไปโรงพักจริงจังอย่างที่พูดหรอก 

       

      ก็แค่เห็นตากลมๆ ดูตื่นกลัว  เรือนผมสีน้ำตาลอมส้มสะบัดไหวยามเจ้าตัวร้อนรน ... แค่นั้นก็รู้สึกว่าน่าแกล้งดีพิลึก

       

      ยิ่งคิดว่าเขาอุตส่าห์เข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงตามประสาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดีแต่ดันถูกเข้าใจผิดว่าจะไป ซื้อบริการ แถมยังมาหัวเราะใส่กันอีก  แบบนั้นมันยิ่งน่าเอาคืนนัก...

       

      ไม่พกบัตรประชาชนงั้นเหรอ  แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่  ไปโรงพักกับฉันเดี๋ยวนี้เลย

       

      อ๊า...เดี๋ยวสิครับ

       

      ยิ่งแกล้งทำท่าจะลากไปโรงพักจริงๆ ชานยอลยิ่งร้อนรน  ร่างโปร่งที่สูงเกือบจะเท่าคริสขืนข้อมือตัวเองไว้  พอนายตำรวจหนุ่มหันกลับมาก็ล้วงกระเป๋าสตางค์ด้วยสีหน้าจ๋อยๆ ริมฝีปากแต้มลิปกลอสรสผลไม้จนวาววามมู่ทู่ทีเดียวตอนยื่นบัตรประชาชนให้

       

      ปาร์ค ชานยอล... อายุสิบแปด...  คริสยักไหล่  ...นี่เธอโกหกทั้งลูกค้าแล้วก็ตำรวจเชียวนะ  ไหนตอนแรกบอกว่าสิบเจ็ดไง

       

      ชานยอลหน้าเจื่อน  ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบประโยคนั้นของคริส  สุดท้ายนายตำรวจหนุ่มก็ไม่เอาความ  และยังบังเอิญ (อย่างน้อยคริสก็บอกทุกครั้งว่ามันบังเอิญ) ช่วยชานยอลอีกสองสามครั้ง  ทั้งช่วยให้พ้นจากลูกค้าที่คิดจะ “รับบริการ” แล้วชิ่งไม่จ่ายเงิน  และบางครั้งก็ช่วยให้พ้นจากลูกค้าซาดิสม์ที่แทบทำให้เด็กขายบริการเอาชีวิตไม่รอดกันมาแล้วหลายราย

       

      การรู้จักกันของคริสกับชานยอลถือได้ว่าเป็นแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย  ในขณะที่คริสบังเอิญ (แน่นอนว่าคริสย้ำคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก) ช่วยชานยอลเอาไว้  คุณตำรวจผู้มีหน้าตาหล่อเหลาราวรูปสลักผู้นี้ก็อาศัยชานยอลเป็นนกต่อเล็กๆ น้อยๆ ให้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ (คริสนับให้ชานยอลฟังด้วยเสียงเย็นชาทุกครั้งว่าเขาช่วยชานยอลเป็นครั้งที่เท่าไร นับเป็นบุญคุณที่ชานยอลติดค้างเอาไว้เท่าไร และต้องชดใช้ด้วยการช่วยงานตำรวจกี่ครั้งๆ อย่างไรบ้าง)  ไม่ว่าจะเป็นการลวงให้หัวหน้าแก๊งมาเฟียมาติดกับเพื่อจะจับกุม  หรือว่าล่อซื้อยาเสพติด

       

      ทุกครั้ง...ไม่มีใครรู้ว่าคริสเครียดเพียงใดเวลาคิดแผนการทั้งหมดให้นกต่อปลอดภัยที่สุด  เขาพยายามเลือกคดีที่ไม่เสี่ยงนักหากจำเป็นต้องใช้เด็กหนุ่มขายบริการมาเป็นนกต่อจริงๆ  คริสให้เหตุผลว่ามันเป็นจรรยาบรรณตำรวจที่ต้องคุ้มกันผู้บริสุทธิ์  และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือคริสรู้จักแค่ชานยอลคนเดียว หากชานยอลเป็นอะไรไป หน่วยของเขาก็จะไม่มีนกต่อไว้ใช้งานอีก

       

      แต่นี่มันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง...

       

      คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่อุกอาจขนาดนี้...เมื่อคิดหาวิธีอื่นไม่ได้นอกจากการใช้นกต่อ  และนกต่อก็มีเพียงปาร์คชานยอลคนเดียวเสียด้วย  คริสได้แต่พยายามข่มใจ บอกตัวเองว่าต้องตั้งสมาธิกับงานให้มากที่สุด  แน่นอนว่าจะต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นแม้แต่น้อย  ก็ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยพลาดไม่ใช่หรือ  ชานยอลปลอดภัยดีทุกครั้งที่เสร็จสิ้นภารกิจนกต่อของตำรวจ  ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน  ชานยอลคงจะปลอดภัยไม่มีอะไรเกิดขึ้น  คริสจะจับตัวฆาตกรได้และชานยอลจะไม่เป็นอะไร...ชานยอลจะไม่เป็นอะไร...

       

      ตาคมสะดุดลงที่เครื่องประดับแวววาวในร้านข้างทาง  ตำรวจหนุ่มหยุดฝีก้าว  แหวนฝังเพชรปลอมรูปมังกรผงาดปีกวิบวับล้อแสงไฟคล้ายจะดึงดูดให้เขาเดินเข้าไปหา  คริสยิ้มน้อยๆ พลางหยิบขึ้นมาดู...แล้วก็นึกถึงเด็กคนนั้น

       

      แหวนวงนี้เหมาะกับชานยอล...

       

      เขาตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเลนัก  ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงนึกอยากให้ของแบบนี้  อาจเพราะวันเกิดที่ผ่านมาชานยอลทวงของขวัญแต่เขาเพียงแค่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่าไม่มี  เพราะอย่างนั้นเลยรู้สึกผิด...หรือเปล่านะ

       

      แต่อู๋อี้ฝานรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิด...

       

      “ฮั่นแน่  คุณผู้กองอู๋  ยืนอมยิ้มอยู่คนเดียวแบบนี้เนี่ย  กำลังคิดถึงใครอยู่ไม่ทราบครับ”

       

      ตำรวจตัวสูงปรี๊ดสะดุ้งเล็กน้อย  ไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาถึงที่ประจำที่มักจะเจอกับชานยอลตั้งแต่เมื่อไร  อารามตกใจมือใหญ่จึงซ่อนแหวนเอาไว้ข้างหลังโดยอัตโนมัติ  แต่นั่นยิ่งทำให้ชานยอลหรี่ตาสงสัย  อู๋อี้ฝานมองรอยยิ้มล้อของเด็กหนุ่มตรงหน้า  ...จู่ๆ คำพูดระหว่างประชุมคดีสำคัญก็ลอยเข้ามาสู่สมอง

      .

      .

      .

      โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น  ผมไม่อยากให้ผิดพลาด  เพราะฉะนั้น...คุณคงต้องให้นกต่อของคุณมีสัญลักษณ์อะไรติดตัวสักอย่างแล้วละครับ ผมจะได้รู้ว่าคนไหนเป็นนกต่อที่คุณเตรียมไว้

       

      งั้น... คริสลูบแหวนที่ใส่ติดตัวเหมือนทุกครั้งที่ใช้ความคิด  คิมจุนมยอนมองกิริยานั้นแล้วก็เสนอขึ้นมา

       

      จะให้ใส่แหวนอะไรสักอย่างก็ได้นะครับ  ปกตินกต่อของคุณคนนั้นเขาใส่แหวนอะไรหรือเปล่า

       

      คริสชะงักมือที่กำลังลูบแหวน  เขาจำได้ว่าแม้ชานยอลจะใส่เครื่องประดับบ้าง  แต่ก็ไม่เคยใส่แหวน 

       

      เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ  งั้นผมจะหาแหวนให้เขาใส่เอาไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายก็แล้วกัน  จะได้เป็นสัญลักษณ์เอาไว้ให้คุณสังเกตได้

       

      .

      .

       

      มือใหญ่กำแหวนรูปมังกรฝังเพชรปลอมวิบวับนั้นเอาไว้ในอุ้งมือ  กำแน่นจนเจ็บ  เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าตกลงกับจุนมยอนเอาไว้แบบนี้  ตอนที่ซื้อแหวนก็ลืมไปเสียสนิท...คิดแต่เพียงว่าแหวนมันเหมาะกับชานยอล เห็นแล้วอยากจะซื้อให้สักครั้ง

       

      แต่ตอนนี้เขาไม่อยากเอาแหวนวงนี้ให้ชานยอลอีกต่อไปแล้ว  ไม่อยากให้ชานยอลทำงานนกต่อในคดีนี้... ไม่

       

      “ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังน่ะคุณตำรวจ”

       

      ชานยอลพยายามชะโงกหน้ามาดู  แม้คริสจะรู้ว่ามือตัวเองใหญ่พอจะกำแหวนเอาไว้ได้มิด แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเบี่ยงตัวบังสายตาอีกฝ่ายเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง

       

      “ไม่มีอะไร”

       

      อาจเพราะจับได้ว่าน้ำเสียงของคริสไม่ได้นิ่งและเย็นเหมือนที่ผ่านมา  เด็กหนุ่มจึงยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก  ถึงอย่างนั้นก็ยอมไม่เซ้าซี้  เดินไปนั่งไขว่ห้างรอที่ม้านั่งตัวเดิม เอียงคอมองคุณตำรวจที่ยังดูประหม่าแปลกๆ

       

      “มาหาผมนี่จะให้ช่วยเป็นนกต่ออีกใช่ไหม” 

       

      ตำรวจหนุ่มทำท่าอึกอักคล้ายจะตอบรับก็ไม่อยาก  จะปฏิเสธก็ไม่ได้เหมือนกัน  เห็นแบบนั้นชานยอลก็คลี่ยิ้ม...เป็นยิ้มแบบคนที่เต็มใจช่วย  แม้ว่าจะรู้สึกคล้ายมีตะกอนความเศร้านอนก้นอยู่ในใจลึกๆ

       

      บางที...ผู้กองอู๋อาจไม่รู้ว่าตัวเองทำสีหน้าแบบนี้ทุกครั้งที่มาขอให้ชานยอลช่วยเป็นนกต่อให้  แม้คำพูดจะเย็นชา  ฟังดูไม่ใส่ใจแกมบังคับขู่เข็ญให้ทำเพื่อชดใช้บุญคุณที่เคยช่วยเหลือ ... แต่แววตาลังเลและเป็นห่วงแบบนี้ชานยอลเห็นมันทุกครั้งจริงๆ  ถึงครั้งนี้จะดูชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ ก็เถอะ

       

      “โอเคครับ  คราวนี้ผมต้องทำอะไรพิเศษไหม  หรือแค่ทำเป็นรอลูกค้าเหมือนทุกที”

       

      คริสถอนหายใจเบาๆ แต่ยังดูอึดอัด  ตำรวจร่างสูงไม่ยอมตอบคำถาม แต่ยอมเดินมานั่งลงบนม้านั่งตัวเดียวกัน  มือด้านที่อยู่ไกลจากชานยอลยังคงกำแหวนวงนั้นไว้ขณะที่อีกมือล้วงบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อออกมาเตรียมจะจุดสูบ

       

      จู่ๆ กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยก็ลอยเข้าจมูกพร้อมกับกลิ่นบุหรี่ที่ไม่ใช่ของตัวเอง  เด็กหนุ่มข้างตัวจุดบุหรี่ของตัวเองเมื่อไรก็ไม่รู้  แต่แทนที่จะยื่นไฟแช็กมาให้  กลับโน้มมาต่อบุหรี่ที่ตัวเองคาบอยู่เพื่อจุดบุหรี่ให้อู๋อี้ฝาน  ใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้จนมองเห็นแก้มเนียนละเอียดซึ่งถูกทาทับด้วยแป้งบางๆ พอให้ดูดี  ชานยอลสบตาเขาด้วยตาเป็นประกายวับ  มุมปากที่คาบบุหรี่อยู่นั้นยิ้มน้อยๆ อย่างซุกซน

       

      “เรียบร้อย”

       

      ชานยอลว่าพลางผละออกไป  บุหรี่ของอี้ฝานจุดติดแล้ว  พร้อมกับที่แหวนรูปมังกรฝังเพชรปลอมวงนั้นไปส่องประกายล้อไฟอยู่ในมือเรียวของชานยอล

       

      เด็กหนุ่มหัวเราะชอบใจที่แกล้งเอาของในมือตำรวจมาดูได้สมใจอยาก  แต่เมื่อพิจารณาดูของที่ตัวเองชิงมาได้เต็มสองตา  ตากลมโตคู่นั้นก็เบิกกว้าง

       

      “สวยจัง  ถึงจะดูออกว่าเป็นแค่ของที่ขายตามร้านข้างทาง  แต่ว่าสวยชะมัดเลยแฮะ”

       

      คริสพยายามคว้ากลับมาแต่ชานยอลก็เบี่ยงหลบ  เด็กหนุ่มสวมมันลงที่นิ้วนางข้างซ้ายแล้วยกมือขึ้นสูงให้แหวนทอประกายล้อแสงไฟ

       

      โดยไม่รู้ตัวเลยว่า...การที่ชานยอลใส่มันลงนิ้วนางข้างซ้ายได้พอดีและไม่มีทีท่าจะถอดออกนั้นทำให้อู๋อี้ฝานใจหายวาบ

       

      งั้นผมจะหาแหวนให้เขาใส่เอาไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายก็แล้วกัน  จะได้เป็นสัญลักษณ์เอาไว้ให้คุณสังเกตได้

       

      “ใส่พอดีเป๊ะเลย  สวยมากด้วย” ชานยอลว่าพลางหันมายิ้มให้อย่างดีใจ “คุณตั้งใจจะให้ผมอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ  ผมรู้หรอกน่า”

       

      “ชานยอล...”

       

      “ขอบคุณนะครับ  ผมชอบมากเลย”

       

      สีหน้าดีใจแบบนั้นทำให้คริสพูดไม่ออก  เขาเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าชอบรอยยิ้มแบบนี้ของชานยอลมากแค่ไหน  รอยยิ้มแสดงความขอบคุณ  ดีใจ  และมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้  คริสทำลายรอยยิ้มของชานยอลไม่ลง...

       

      ...แต่ขณะเดียวกัน  เขาก็รู้ดีว่าของที่ทำให้ชานยอลมีความสุขขนาดนี้...อาจนำอันตรายร้ายแรงมาสู่ชานยอลในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็ได้...

       

      คริสต้องจับตัวฆาตกรให้ได้  เขาต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ  งานนี้สำคัญเท่าชีวิต...แต่ว่าชานยอลก็...

       

      “จำได้ไหมครับ  ตอนที่เราพบกันครั้งแรก  ผมเสนอให้คุณซื้อบริการ”

       

      ความคิดสะดุดลงชั่วขณะเพราะคำพูดนั้น  คริสมองชานยอลที่ลุกขึ้นยืนลูบแหวนพลางมองแม่น้ำฮันอย่างเหม่อลอย

       

      ...แต่ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยาย...

       

      “ผมยังไม่เคยบอกคุณเรื่องหนึ่ง...สาเหตุที่ผมเอาตัวเข้ามาใกล้ชิดคุณทั้งที่มันเสี่ยง  สาเหตุที่ผมยอมทำงานเป็นนกต่อให้คุณทั้งที่ผมคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเรื่องบุญคุณอะไรที่คุณอ้างน่ะ...มันงี่เง่าสิ้นดี  ไม่เห็นจำเป็นต้องชดใช้ตามที่คุณว่าด้วยซ้ำไป...

       

      “นั่นก็เพราะ...ครั้งแรกที่เจอคุณ  เข้าใกล้คุณ...คุณมีกลิ่นกลิ่นหนึ่งที่ตรึงผมเอาไว้... ทำให้ผมอยากจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้คุณ...

       

      “กลิ่น...ที่เหมือนกับพ่อของผม”

       

       

      ชานยอลทิ้งช่วงนานคล้ายจะรอให้คริสพูดอะไรสักอย่าง  แต่ตำรวจหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา  เขาทำเพียงแค่มองเบื้องหลังของชานยอลเงียบๆ ...แล้วปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนี้พูดสิ่งที่อยากจะพูด

       

      “ผมจำได้แค่รางๆ ตอนที่พ่อกอดผมก่อนจะขับรถออกไป...แล้วก็ไม่กลับมาอีก  ตอนนั้นผมสูดหายใจลึกเพื่อซึมซับทุกอย่างเอาไว้  และมันก็เหมือนกับกลิ่นที่มาจากตัวคุณตอนที่เข้าใกล้ไม่มีผิด  มันเป็นกลิ่นที่อบอุ่น...อบอุ่นอย่างที่ผมไม่อาจหาได้ที่ไหนอีกในโลกเวิ้งว้างใบนี้”

       

      .

      .

      “และก็เพราะความอบอุ่นนั้น  ผมจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไขว่คว้ามา...อย่างน้อย  ก็คว้ามาอยู่ใกล้ตัวเองให้มากที่สุดก็ยังดี”

       

      ตาคมหรี่ลงเล็กน้อย  ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างพยายามอดกลั้นอะไรบางอย่าง  เขาไม่เคยรู้ว่าทั้งที่ตัวเองพยายามทำตัวเย็นชากับชานยอลมาโดยตลอด  แต่เด็กคนนี้กลับมองว่าเขาเป็นความอบอุ่นหนึ่งเดียวที่มีอยู่...

       

      ...และความอบอุ่นนี้เองที่หยิบยื่นคมมีดกับปลายกระบอกปืนนับครั้งไม่ถ้วนมาให้ชานยอล  ทำให้ชานยอลเฉียดตายหลายต่อหลายครั้ง...

       

      คริสมองแหวนรูปมังกรผงาดปีกสวยงาม ส่องประกายวับอยู่บนนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่าย  เขารู้สึกเหมือนหายใจติดขัด 

       

      ...ถอยไม่ได้...ไม่สิ...มันไม่มีทางให้เขาถอยอีกต่อไปแล้ว...

       

      “คุณรู้สึกหรือเปล่าว่าทำอย่างนี้เหมือนคนโง่  ผมแค่อยากอยู่ใกล้ๆ ความอบอุ่น  ผมแค่...แค่ชอบกลิ่นนั้นของคุณ  รักความอบอุ่นในตัวคุณ  แค่นั้นผมถึงกับต้องเอาตัวเองมาเสี่ยง  หวิดจะโดนคนร้ายฆ่าปาดคอตั้งหลายครั้งแน่ะ”

       

      กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ชานยอลเป็นนกต่อให้ตำรวจ  อาศัยความว่องไวและไหวพริบของเจ้าตัวเองยังแทบจะเอาชีวิตไม่รอด  ทุกครั้ง...ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือของคริสเด็กหนุ่มก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้

       

      คริสคงไม่รู้ว่าสายตาเย็นชาที่เขาใช้มองชานยอลบ่อยครั้งนั่น...ทำให้เจ้าตัวเสียขวัญเสียกำลังใจได้มากกว่าถูกคนร้ายจี้เสียอีก

       

      แต่ชานยอลก็ยังยินดีจะทำงานให้ตำรวจ  ยินดีจะทำเพื่อคริส

       

      “ผมว่า...ผมก็คงเป็นคนโง่จริงๆ นั่นแหละ”

       

       

       

      ความเงียบปกคลุมสวนสาธารณะริมแม่น้ำฮันแห่งนี้เนิ่นนาน  ได้ยินเสียงลมเย็นจัดกรีดผ่านต้นไม้ใบหญ้ามาแทรกเนื้อผ้าไหมพรมเข้าไปทำให้เด็กหนุ่มที่ยืนลูบแหวนเหม่อลอยอยู่ต้องสั่นสะท้าน  ชานยอลหันกลับมามองม้านั่งเบื้องหลังทว่าพบเพียงความว่างเปล่า  ตำรวจหนุ่มที่เคยนั่งอยู่ตรงนั้นไม่อยู่แล้ว

       

      “ไปแล้วสินะ...ไม่บอกกันสักคำ”

       

      ริมฝีปากแต้มกลอสบางๆ ยิ้มเศร้า  ตาบ้าอู๋อี้ฝานก็เป็นอย่างนี้  ชอบไปมาไม่บอกไม่กล่าว  ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่ต้องทำคดีอะไรสักอย่างด้วยแล้วละก็คริสมักจะรีบเสียจนไม่ได้ร่ำลาอยู่บ่อยๆ

       

      แต่บางที...เขาก็อดน้อยใจไม่ได้...

       

      ชานยอลรู้ดีว่าตัวเองเป็นแค่เด็กขายบริการ  แถมยังมีหน้าที่เป็นนกต่อ  คงไม่มีสิทธิ์จะไปเรียกร้องให้คุณตำรวจแสดงความสนิทสนมกับเขามากมายนัก  การทำตัวสนิทสนมกับนกต่อเป็นสิ่งที่ตำรวจไม่ควรทำ...เพราะตำรวจอย่างคริสควรจะหลีกเลี่ยงปัจจัยทุกประการที่จะทำให้อารมณ์อ่อนไหว  เพื่อป้องกันไม่ให้ทำงานผิดพลาด

       

      แต่ว่าชานยอลห้ามใจตัวเองไม่ได้...

       

       

      ร่างสูงโปร่งเดินเรื่อยๆ มาที่ประจำที่เขามักยืนรอลูกค้า  ปกติอากาศริมแม่น้ำมักหนาวกว่าที่อื่นๆ อยู่แล้ว  แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมจึงหนาวจนชานยอลอดยกแขนขึ้นมากอดตัวเองไม่ได้  การกระทำเช่นนั้นทำให้ใครคนหนึ่งมองเห็นแหวนวงสวยบนนิ้วนางข้างซ้ายของเด็กหนุ่มได้ชัดเจน  คนคนนั้นขยับหมวกที่สวมอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะเดินเข้าหาชานยอลอย่างไม่รีบร้อนแต่ก็ไม่ลังเล

       

      การเคลื่อนไหวของชายที่สวมหมวกทำให้ตำรวจหนุ่มอีกสองนายที่แยกกันซุ่มดูอยู่ห่างๆ เริ่มใจเต้นไม่เป็นจังหวะ  คริสมองลอดพุ่มไม้ที่เขาใช้ซ่อนตัว  เห็นคิมจุนมยอนก้าวอย่างมั่นคงไปหาชานยอลตามแผนที่ตกลงกันเอาไว้  เขาเห็นชานยอลยิ้มน้อยๆ ตอนที่หยิบธนบัตรห้าหมื่นวอนสองใบซึ่งจุนมยอนยื่นให้  ก่อนจะเดินตามจุนมยอนไปที่มุมอับใต้สะพาน

       

      คริสขมวดคิ้ว  เขาคิดว่าถ้ามองจากที่ที่คิมจงอินซ่อนตัวอยู่คงพอจะเห็นสีหน้าของจุนมยอนได้บ้าง  แต่ตรงนี้เขามองเห็นเพียงสีหน้าของชานยอลเท่านั้น  และการไม่เห็นสีหน้าของจุนมยอนประกอบกับการที่จุนมยอนพาชานยอลเข้าไปบริเวณมืดๆ ใต้สะพานทำให้เขาหงุดหงิดบอกไม่ถูก

       

      รู้ว่าหากจะล่อให้ฆาตกรออกมาสังหารก็ต้องเข้าไปในมุมอับแบบนั้น  และเพื่อความแนบเนียนชานยอลก็จะต้องไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเล่นบทนกต่ออยู่  เมื่อครู่คริสถึงได้จากมาโดยไม่บอก  แต่อย่างไรเขาก็ยังรู้สึกตะหงิดๆ กับเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ดี

       

      จากตรงนี้  หากมีคนแปลกหน้าสักคนเดินเข้าไปตรงจุดที่จุนมยอนอยู่กับชานยอลละก็  ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตกอยู่ในสายตาของคริสกับจงอินอย่างไม่ต้องสงสัย  ทว่าผ่านมาหลายวินาทีแล้วสวนสาธารณะบริเวณนี้ก็ยังว่างเปล่า  ความเงียบที่ทำให้เขาได้ยินเพียงเสียงรถราบนสะพานแล่นผ่านไปเป็นระยะทำให้จิตใจร้อนรนขึ้นมาทุกขณะ

       

      ...ผิดปกติ...ต่อให้เจ้าฆาตกรนั่นไม่ติดกับก็น่าจะมีใครอื่นผ่านมาบ้าง  นี่มันเงียบเกินไป...

       

      “อึ้ก”

       

      เสียงนั้นทำให้นายตำรวจหนุ่มเบิกตากว้าง  เขากับจงอินออกจากที่ซ่อนแทบจะพร้อมกัน  ทันเห็นเงาร่างของใครคนหนึ่งผงะถอยหลังคล้ายตกใจหรืออะไรสักอย่างก่อนจะจ้ำอ้าววิ่งหนีไปอีกทาง  มีดเปื้อนเลือดในมือขาวจัดสะท้อนแสงไฟถนน

       

      คนที่วิ่งออกไปคือคิมจุนมยอน

       

      ...ถ้าอย่างนั้น...

       

      “จงอิน!  ตามหมอนั่นไป!

       

      เสียงที่ตะโกนสั่งคิมจงอินเหมือนไม่ใช่เสียงของตัวเอง  คริสรู้สึกชาวาบไปทั้งสมอง  เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร  รู้ตัวอีกที...ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มคนนั้นก็นอนอยู่ตรงหน้าแล้ว

       

      กลิ่นเลือดคลุ้งลอยขึ้นมาปะทะจมูกทั้งที่ลมแรงจนน่าจะพัดกลิ่นไปหมด  ในความเลือนราง ณ สถานที่ที่แสงไฟส่องไม่ถึงอย่างตรงนี้  คริสมองเห็นของเหลวเข้มข้นไหลรินออกมาจากแผลลึกที่ลำคอขาว  ตากลมที่ชอบมองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ซุกซนตอนนี้เบิกโพลงค้าง  สิ่งเดียวที่เห็นเด่นชัดที่สุดท่ามกลางความมืดคือแหวนฝังเพชรปลอมรูปมังกรผงาดปีกที่อีกฝ่ายเคยตะลึงมองแล้วชมว่าสวยหนักหนา

       

      ...แต่คนที่สวมมัน  บัดนี้นอนนิ่งไม่ไหวติง  ไร้สิ้นลมหายใจ...

       

      .

      .

      .

      โห เป็นนกต่อมันอันตรายนะคุณ  คราวที่แล้วก็ล่อซื้อยาเสพติด  คราวนี้ก็แก๊งมาเฟีย  ถ้าผมตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ

       

      ไม่มี

       

      เฮ้ย  ไรอะคุณผู้กองอู๋  พูดงี้ได้ไง

       

      เด็กหนุ่มโวยวาย  พอเห็นอู๋อี้ฝานเคาะบุหรี่ออกจากซองอย่างไม่นึกสนใจใยดีคำท้วงของเขาสักนิดก็เลยแกล้งยึดบุหรี่มาเป็นของตัว  ตำรวจหนุ่มจิ๊ปากเล็กน้อย  สายตาที่มองชานยอลยังคงเย็นชา

       

      ไม่รู้ละ  คุณเป็นคนจัดการเอางานนกต่อมาให้ผม  คุณก็ต้องรับผิดชอบชีวิตผม  เอาแบบนี้ละกัน

       

      ชานยอลเชิดหน้า  หนำซ้ำยังเอาบุหรี่ที่ยึดไปเมื่อกี้มาจุดสูบเองหน้าตาเฉย  แต่ทันทีที่สูดเข้าปอดเจ้าตัวกลับต้องไอโขลกเหมือนคนไม่เคยสูบบุหรี่  ทำเอาคนข้างตัวคลายจากอาการหงุดหงิดมาเป็นขำน้อยๆ  คนกำลังไอคอกแคกหันมาเห็นก็ค้อน

       

      ไม่ต้องมาขำเลยคุณ  ผมรู้นะคุณคิดอะไรอยู่  ผมสูบเป็น  แต่ไม่คุ้นกับบุหรี่แรงๆ แบบนี้ต่างหาก  เอาคืนไปเลยไป

       

      ว่าพลางยัดบุหรี่ใส่ปากตำรวจหนุ่ม  แต่เพราะเห็นรอยลิปกลอสของตัวเองที่ติดอยู่บนนั้นแล้วนึกขึ้นได้ว่ามันเหมือนจูบกันทางอ้อม หรือนึกถึงคำพูดของตัวเองที่ว่าให้อู๋อี้ฝานรับผิดชอบชีวิตตัวเองก็ไม่รู้ ... จู่ๆ เด็กหนุ่มเจนโลกอย่างปาร์คชานยอลก็รู้สึกหน้าร้อนจนต้องเบือนไปอีกทางเสียอย่างนั้น

       

      .

      .

       

      ภาพเหตุการณ์ที่เขาเคยพูดคุยกับชานยอลคล้ายเป็นเชื้อไฟที่สุมจนควันเข้าตา  คริสรู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว  ภาพร่างแน่นิ่งของปาร์คชานยอลเริ่มเลือนรางเพราะน้ำตาที่เอ่อคลอ

       

      สุดท้าย...เขาก็รับผิดชอบชีวิตของปาร์คชานยอลไม่ได้...

       

      ซ้ำร้าย  เขา...อู๋อี้ฝานคนนี้เอง ที่เป็นคนมอบความตายให้ชานยอล  หลักฐานส่องประกายคล้ายจะยั่วล้อกันอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายนั่นไง

       

      ผมว่า...ผมก็คงเป็นคนโง่จริงๆ นั่นแหละ

       

       

      “ชานยอล...”

       

      โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นครืด  มือใหญ่เอาออกมาดู...เป็นข้อความจากหน่วยสอบสวนที่เขาส่งไปสอบปากคำพยอนแพคฮยอน  ลูกพี่ลูกน้องของคิมจุนมยอน อย่างลับๆ

       

      ผู้กองครับ  คิมจุนมยอนมีอีกชื่อหนึ่งว่าซูโฮ  พยอนแพคฮยอนบอกว่าเป็นชื่อที่เพื่อนสมัยมัธยมชอบเรียกจุนมยอนครับ

       

      “ซูโฮ... S.H.

       

      ภาพผ้าเช็ดหน้าปักตัวอักษรย่อเอสเอชแวบเข้ามาในสมอง  รวมถึงภาพที่เขาเห็นคิมจุนมยอนถือมีดวิ่งหนีไป

       

      “ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ฟะ  เชี่ยเอ๊ย!!!

       

      คริสเตะก้อนหินแถวนั้นลงแม่น้ำเต็มแรงด้วยความเดือดจัด  เขาไม่รู้ว่าจงอินจะตามคิมจุนมยอนไปทันหรือเปล่า  แล้วจะปลอดภัยดีหรือไม่  แต่ที่แน่ๆ คืองานนี้เป็นงานแรกที่เขาทำพลาด...พลาดอย่างมหันต์  พลาดจนทำให้นกต่อต้องสังเวยชีวิต

       

      ...ไม่สิ...คนที่ตายไปไม่ใช่แค่นกต่อหรอก...

       

      ชานยอลเป็นคนที่เขารัก

       

       

      .................

       

      คริสรอจนกระทั่งหน่วยพิสูจน์หลักฐานมากันครบแล้ว เขาจึงวางใจแล้วตามคิมจงอินไปที่บ้านของคิมจุนมยอน  ทว่ากว่าจะไปถึงจงอินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสู้กับฆาตกร  สิ่งที่คริสเห็นมีเพียงจงอินที่นอนเจ็บอยู่  ห่างออกไปเล็กน้อยคือศพสองศพนอนกอดกัน  ศพหนึ่งคือพยอนแพคฮยอนซึ่งจงอินบอกว่ายิงตัวตายเพราะเสียใจในพฤติกรรมของจุนมยอน  อีกศพก็คือคิมจุนมยอน...ซึ่งตายเพราะยิงตัวตายตามแพคฮยอนไปไม่กี่นาทีให้หลัง

       

      คดีนี้ปิดฉากลงด้วยความหดหู่  แม้ฆาตกรรมต่อเนื่องจะหยุดลงแล้ว  แต่ความสูญเสียมีมากเกินไป  ความผิดพลาดของตำรวจที่ทำให้นกต่อคนหนึ่งต้องจบชีวิตลงนั้นถูกปิดเป็นความลับเพื่อไม่ให้ใครต่อใครประนามหยามเหยียดมากเกินไปนัก  กระนั้นคนที่รู้ความผิดพลาดนี้อยู่แก่ใจดีอย่างคริสก็ยังต้องเก็บความเจ็บปวดที่มากกว่าใครเอาไว้แม้ในยามส่งชานยอลกลับคืนสู่ผืนดินเช่นตอนนี้

       

      ตาคมมองร่างไร้วิญญาณในโลงไม้เป็นครั้งสุดท้าย  รอบกายเงียบสนิท  คนที่มาร่วมพิธีก็มีเพียงตำรวจที่รู้เรื่องคดีนี้และบาทหลวงที่ช่วยมาทำพิธีเท่านั้น  ชานยอลไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน  แม้แต่คนที่ทำอาชีพเดียวกันก็ไม่มีใครที่สนิท

       

      คริสเดินเข้าไปใกล้  มือใหญ่ลูบแก้มเย็นเฉียบของชานยอล  ศพได้รับการแต่งหน้ามาเป็นอย่างดีจึงไม่ดูซีดเซียวจนเกินไป  ชานยอลดูดีราวกับยังมีชีวิต  ตำรวจหนุ่มรู้สึกด้วยซ้ำว่าชานยอลอาจลุกขึ้นมามองเขาด้วยแววตาซุกซนในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง  บอกเขาว่าทั้งหมดเป็นเรื่องล้อเล่น  และแกล้งดึงบุหรี่ไปจากมือเขาอีก  บางทีอาจแกล้งยั่วให้เขาซื้อบริการอีกก็ได้

       

      คริสบอกตัวเองว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...คราวนี้เขาจะยอมซื้อชานยอลในราคาที่แพงที่สุด  จะไม่สนใจตำแหน่งใหญ่โตในวงการตำรวจเกาหลี  แล้วจากนั้นก็จะพาชานยอลกลับไปกับเขาที่แคนาดา  ไม่ต้องให้ชานยอลทำงานขายบริการหรือว่ามาทำงานเป็นนกต่อให้ตำรวจอีก

       

      เขาจะเลิกมองชานยอลด้วยสายตาเย็นชา  แล้วรับชานยอลเข้ามาในอ้อมกอดอุ่นๆ อย่างที่เจ้าตัวบอกว่าชอบความอบอุ่นจากตัวเขา  ชอบสูดกลิ่นจากตัวเขา

       

      เขาจะกระซิบบอกความรู้สึกทั้งหมด...ด้วยการใช้ริมฝีปากตัวเองแตะริมฝีปากที่ชอบเอ่ยยั่วเย้าเขาเบาๆ

       

      ทว่าในตอนนี้...คริสทำเพียงมองริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปกลอสรสผลไม้เหมือนทุกครั้ง  ขายาวค่อยๆ ถอยออกมาโดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของชานยอล  กระทั่งฝาโลงถูกปิด  โลงถูกยกลง  และกลบด้วยดินจนมิด

       
       

      ...และน้ำตาอุ่นหยดหนึ่งก็หยดลงบนนั้น  ซึมลงดิน...ซึมลงไปจนถึงคนที่นิทราชั่วนิรันดร์...



      ...........................................EnD....................................................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×