ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สร้างรัก [ มี Ebook ]

    ลำดับตอนที่ #1 : สร้างรัก...บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 62


    บทที่ 1

    ติ๊ง!!!

    เสียงเตือนลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่ประตูลิฟต์ขนส่งสินค้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังจะเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ หญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมง แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีกรมท่าที่พับแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์สีเข้มก้าวฉับๆ ออกมาอย่างมาดมั่น จนผมยาวสลวยที่รวบไว้เป็นหางม้าแกว่งไปมาตามจังหวะการก้าวเดิน ร่างระหงตรงไปที่โต๊ซึ่งตั้งอยู่หน้าทางเข้าโครงการก่อสร้าง ที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยทำหน้าที่คอยแลกบัตรสำหรับบุคคลที่จะเข้าออกโครงการ  

    “มาติดต่อเรื่องอะไรครับ” รปภ. วัยกลางคนเอ่ยถามเสียงสุภาพเมื่อเห็นหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะประจำการของตน

    “มาเริ่มทำงานกับบริษัท แกรนด์ คอนสตรัคชั่น แอนด์ ดีไซน์ค่ะ” ตอบพร้อมระบายยิ้มเป็นมิตรส่งไปให้

    “ต้องรออีกสักครู่นะครับ เพราะบริษัทคุณยังไม่มีใครมาเลย”

    พนักงานคนใหม่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เพิ่งจะเจ็ดนาฬิกา เธอคงจะตื่นเต้นไปหน่อยกับการเริ่มทำงานวันแรก ประกอบกับยังไม่รู้ว่าจากบ้านพักมาที่ทำงานแห่งใหม่จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน เลยออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า ทำให้มาถึงที่ทำงานก่อนเวลาเข้างานตั้งหนึ่งชั่วโมง

    “นั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้ครับ อีกสักพักคงจะทยอยมากันแล้ว” รปภ.บอกพร้อมเลื่อนเก้าอี้พลาสติกตัวที่ว่างอยู่มาให้

    หญิงสาวเอ่ยขอบคุณก่อนลากเก้าอี้มานั่งที่ข้างโต๊ะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ระหว่างนั่งรอดวงตาสีนิลก็มองสำรวจพื้นที่โดยรอบไปด้วย โครงการนี้ตั้งอยู่บนชั้นห้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวง ซึ่งกำลังปรับปรุงเป็นเมืองจำลองสำหรับเด็ก และบริษัทที่เธอจะมาทำงานด้วยประมูลได้ในส่วนของงานตกแต่งภายใน

    ปัถยาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เพราะเส้นทางนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวเธอมาก่อนเลย เธอตั้งใจว่าเรียนจบจะกลับไปทำงานโรงงานแถวบ้าน เพื่อจะได้อยู่กับครอบครัวที่เธอรัก แต่แล้วทุกอย่างมันก็ไม่เป็นดังที่วาดฝันไว้ เธอต้องระหกระเหินมาทำงานไกลบ้านเมื่อไม่มีทางไหนที่จะดีไปกว่านี้แล้ว คิดถึงตรงนี้ใบหน้ารูปไข่ก็ดูยับยุ่ง และก่อนที่คิ้วเรียวสวยทั้งสองจะผูกกันจนเป็นปม เสียงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ดังขึ้นปลุกหญิงสาวออกจากภวังค์

    “คุณครับ นายช่างบริษัทคุณมาแล้วครับ”

    ปัถยาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม หน้าตาดุดันดูน่าเกรงขาม แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก็อตกับกางเกงยีนส์ขากระบอก ไว้ผมเปิดข้างรองทรง กำลังยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

    “น้องเขามาเริ่มงานวันแรกครับนายช่าง” รปภ.รีบรายงาน

    ชายผู้มาใหม่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนเบนสายตาไปยังเพื่อนร่วมงานคนใหม่ ที่รีบผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้และกล่าวทักทายเสียงสดใส ทั้งยังส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้

    “สวัสดีค่ะนายช่าง”

    “สวัสดีครับ” เขาทักทายกลับเสียงเรียบ ส่วนใบหน้านั้นเฉยเมยไร้ความรู้สึก ทำเอาปัถยาถึงกับหุบยิ้มทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว  

    “ขึ้นไปบนออฟฟิศกันเถอะ”

    พูดจบนายช่างหนุ่มก็เดินนำพนักงานคนใหม่ตรงไปยังบันไดที่มุมด้านซ้ายของโครงการ เห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่รอช้า รีบเดินตามผู้นำทางไปยังบันไดชั่วคราวที่ทำด้วยเหล็กเชื่อมต่อกันทอดยาวขึ้นไปด้านบน มีชานพักบันไดเป็นระยะๆ และมีราวกันตกที่ทำด้วยเหล็กท่อกลมตลอดแนว

    ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น  มันเงียบจนชวนอึดอัด ปัถยาอยากจะชวนผู้ชายตรงหน้าคุย แต่ไม่แน่ใจว่าเขาอยากเสวนากับเธอหรือเปล่า ด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมของเขาบวกกับการเดินจ้ำพรวดๆ โดยไม่ได้สนใจสักนิดว่าคนข้างหลังจะตามทันหรือเปล่า เธอจึงล้มเลิกความคิดที่จะชวนเขาคุยและรีบสาวเท้าเดินตามเขาไปเงียบๆ ไม่นานทั้งสองก็ถึงมาจุดหมายปลายทางซึ่งอยู่บนชั้นแปด

    ชายผู้นำทางไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปยังห้องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณห้าสิบตารางเมตร ที่ผนังกั้นด้วยยิปซั่มบอร์ดทุกด้าน แล้วจัดการเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศภายในห้อง

    “คุณนั่งรอตรงนี้ไปก่อนละกัน” นายช่างหนุ่มบอกพร้อมเลื่อนเก้าอี้มาให้เพื่อนร่วมงานคนใหม่นั่งรอที่โต๊ะประชุมกลางห้อง ด้วยยังไม่รู้ว่าทางผู้จัดการโครงการจะให้หญิงสาวนั่งประจำที่โต๊ไหน

    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวนั่งลงตามเขาบอกพร้อมมองสำรวจรอบๆ ห้อง

    ภายในห้องมีโต๊ะทำงานอยู่สิบโต๊ะกระจายกันอยู่ทุกด้านของห้อง ส่วนมุมขวาของประตูจะเป็นที่ตั้งของเครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่จำนวนสองเครื่อง กลางห้องมีโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย ตามผนังห้องเต็มไปด้วยแบบก่อสร้าง แผนงานของโครงการ บอร์ดสีขาวขนาดใหญ่ นอกจากนี้ตรงมุมด้านหลังห้องยังมีประตูเชื่อมไปยังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องครัวเพราะหลังจากนายช่างหนุ่มเลื่อนเก้าอี้มาให้เธอแล้วเขาก็หายเข้าไปในห้องนั้น ไม่นานก็มีเสียงเปิดปิดตู้เย็น เสียงแก้วน้ำเล็ดลอดออกมาจากห้องดังกล่าว

    ขณะปัถยากำลังมองสำรวจเพลินๆ ประตูออฟฟิศก็ถูกเปิดออก ปรากฏร่างชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินคุยกันอย่างออกรสเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้านั่งอยู่ภายในออฟฟิศทั้งสองก็จบการสนทนาก่อนหน้านี้ แล้วหันมาให้ความสนใจกับหญิงสาวแปลกหน้าแทน 

    “น้อง จป.[1] ที่จะมาเริ่มงานวันนี้ใช่ไหม” ชายผู้มาใหม่ท่าทางภูมิฐานถามขึ้น

    “ใช่ค่ะ” ปัถยาตอบรับพร้อมยกมือไหว้ชายหญิงทั้งสองอย่างนอบน้อมก่อนแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มสดใส “หนูชื่อปัถยา ชื่อเล่นรุ้งค่ะ”

    ผู้อาวุโสกว่าทั้งสองคนรับไหว้พนักงานสาวคนใหม่พร้อมส่งยิ้มแบบเป็นมิตรตอบกลับไป ทำให้ปัถยาอดเปรียบเทียบกับอีกคนที่พาเธอขึ้นมาบนออฟฟิศไม่ได้ รายนั้นเอาแต่ทำหน้าดุราวกับยักษ์วัดแจ้ง

    “ผมก้องภพนะ จะเรียกว่าพี่โจ้ก็ได้ เป็นผู้จัดการโครงการของที่นี่ ส่วนนั่นคุณศศิธร เรียกพี่จ๋าก็ได้ เป็นธุรการของโครงการ” ผู้จัดการหนุ่มแนะนำตัวพร้อมแนะนำหญิงสาวอีกคนที่นั่งประจำตำแหน่งที่โต๊ะด้านซ้ายของประตูห้อง

    “แล้วใครเป็นคนพารุ้งขึ้นมาบนนี้จ๊ะ” ศศิธรเอ่ยถามน้องใหม่ เมื่อเห็นว่าเธอนั่งรออยู่ในห้องเพียงลำพัง 

    “นายช่างคนที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ พาขึ้นมาค่ะ” คนถูกถามตอบไปตามที่คิด เพราะยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังไม่รู้ตัวด้วยว่าคนที่ตนกำลังกล่าวถึงตอนนี้ได้มายืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ด้านหลังและทันได้ยินคำตอบเมื่อสักครู่ เพราะขณะพูดเธอหันหลังให้กับห้องครัว

    เมื่อได้ยินคำตอบของน้องใหม่ทำเอาผู้จัดการหนุ่มและเจ้าของคำถามถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ยกเว้นคนที่ถูกกล่าวถึงที่ยังคงตีหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และเหมือนหญิงสาวเพิ่งจะสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง ไม่รอช้าปัถยารีบหันขวับไปมองข้างหลัง แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัว พร้อมส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ด้านหลัง ยังไม่ทันที่นายช่างหนุ่มหน้าดุจะได้กล่าวอะไรก้องภพก็ชิงพูดขึ้นก่อน

    “ยังไม่รู้จักกันใช่ไหม คนนี้ชื่อชวกร เป็นโฟร์แมนงานตกแต่งภายใน คนงานจะเรียกกันว่านายช่างตรี” ก้องภพแนะนำชวกรให้ปัถยารู้จัก ก่อนแนะนำหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ให้คนหน้าดุได้รู้จัก “ส่วนนั่นน้องรุ้ง เป็นเซฟตีคนใหม่ของบริษัทเรา”

    ปัถยาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอีกครั้งโดยหวังว่าคราวนี้เขาจะยิ้มตอบมาบ้าง แต่เปล่าเลย เขายังตีหน้านิ่งเหมือนเดิม

    “ผมลงไปดูหน้างานก่อนนะพี่” ชวกรบอกลูกพี่พร้อมหันไปมองหน้าเพื่อนร่วมงานคนใหม่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    “อย่าไปถือสาเจ้าตรีมันเลยนะน้องรุ้ง มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละ พูดไม่ค่อยเก่งเท่าไร คนไม่ชินอาจจะมองว่าหยิ่ง แต่เห็นหน้าดุๆนิ่งๆ แบบนั้นแต่มันใจดีมากเลยนะ” ก้องภพแก้ตัวให้คนหน้าดุ หลังจากลูกน้องคนสนิทออกจากห้องไปแล้ว

    “หน้าดุอย่างกับยักษ์เนี่ยนะ เป็นคนใจดี” ปัถยาได้แต่ขบคิดอยู่ในใจ

    “รุ้งไม่ถือหรอกค่ะ แค่ยังไม่ชินน่ะค่ะ เลยอาจจะยังทำตัวไม่ถูก ปกติไม่ค่อยเจอคนแบบนี้เท่าไร”

    “แล้วมายังไงนี่” ก้องภพชวนคุยเรื่องอื่นแทนการคุยเรื่องชวกร เพราะเกรงว่าเซฟตีสาวจะเครียดไปกับหน้าดุๆ ของลูกน้องคนสนิทของตัวเอง

    “มารถไฟฟ้าค่ะ” ปัถยาดึงสติกลับมาจากเรื่องของโฟร์แมนหน้ายักษ์ เมื่อได้ยินคำถามจากก้องภพ

    “แล้วน้องรุ้งพักอยู่แถวไหนเหรอ” ศศิธรที่เงียบมานานเอ่ยถามบ้าง

    “อยู่แถวเจริญกรุงค่ะ”

    คนถามพยักหน้ารับเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะซักถามในเรื่องทั่วๆ ไปและไม่ลืมที่จะเล่ารายละเอียดของโครงการให้พนักงานคนใหม่ได้ทราบ ด้านก้องภพกำลังเคลียร์เอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน ระหว่างนั้นก็มีพนักงานคนอื่นๆ ทยอยกันมาและศศิธรก็ทำหน้าที่แนะนำให้ปัถยารู้จักกับทุกคนทั้งโฟร์แมนงานระบบไฟฟ้าและประปา โฟร์แมนงานตกแต่งภายใน นายช่างเขียนแบบ และธุรการสาวอีกคน

     

    หลังจากทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานทุกคนในบริษัทเรียบร้อยแล้ว ก้องภพก็พาปัถยาไปแนะนำให้ที่ปรึกษาของโครงการที่ออฟฟิศอยู่ติดกันให้รู้จัก ก่อนจะพาไปเบิกอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่สโตร์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านขวาของทางเข้าโครงการ ตรงข้ามกับบันไดขึ้นออฟฟิศ

    เมื่อได้อุปกรณ์ที่ต้องการครบแล้ว ซึ่งประกอบไปด้วยหมวกนิรภัย รองเท้านิรภัย หน้ากากอนามัยและเสื้อสะท้อนแสง ผู้จัดการหนุ่มก็พาปัถยาเดินเข้าไปดูภายในโครงการที่ตอนนี้ดำเนินการก่อสร้างไปได้ประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยเริ่มต้นจากจุดด้านหน้าทางเข้าโครงการ

    “พื้นที่ในโครงการนี้จะแบ่งออกเป็นสามโซนใหญ่ๆ นะ ตั้งแต่ด้านหน้าที่เรายืนอยู่ยาวไปจนถึงหน้าแรมพ์ตรงกลาง คือโซนเอ โซนนี้ภัทรเป็นคนดูแล” ผู้จัดการหนุ่มอธิบายพร้อมชี้ไปยังตำแหน่งดังกล่าว ก่อนจะอธิบายต่อ

    “ซึ่งโซนนี้จะแบ่งเป็นห้องย่อยอีกยี่สิบห้อง แต่ละห้องจะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปและมีรหัสตั้งแต่ A-01 ไปจนถึง A-20” ก้องภพอธิบายพื้นที่หน้างานให้ลูกน้องคนใหม่ฟังอย่างละเอียด ส่วนหญิงสาวก็ตั้งใจฟังพร้อมทั้งจดข้อมูลดังกล่าวลงในสมุดบันทึกเล่มหนา

              “ส่วนพื้นที่ตั้งแต่แรมพ์ไล่ไปจนถึงลานโล่งตรงกลาง รวมถึงชั้นลอยรอบๆ คือส่วนของโซนบี โซนนี้นุเป็นผู้ดูแล ในโซนนี้ก็จะซอยย่อยเป็นห้องเหมือนกันกับโซนเอ” ก้องภพว่าพลางเดินนำปัถยาเข้าไปดูยังห้องต่างๆ ที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไรนัก ขณะกำลังจะอธิบายต่อเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

    “ว่าไงครับพี่ ได้ครับ รอสักครู่นะพี่ พอดีตอนนี้ผมอยู่หน้างาน” หลังตัดสายผู้จัดการหนุ่มก็หันมาพูดกับปัถยา “พอดีพี่วัชระตามพี่ไปพบ รุ้งรอพี่อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่มา” ก้องภพหมายถึงผู้จัดการโครงการของที่ปรึกษา

              “ได้ค่ะพี่โจ้ เดี๋ยวรุ้งเดินดูแถวๆ นี้รอค่ะ”

              “พี่ว่าให้ตรีเป็นคนพารุ้งดูโซนต่อไปดีกว่า เผื่อพี่ไปนาน กลัวรุ้งจะหลงทาง”

    ด้วยหญิงสาวเพิ่งมาทำงานวันแรก ยังไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ภายในไซต์งาน อีกอย่างภายในโครงการยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไรและค่อนข้างซับซ้อน ผู้เป็นลูกพี่จึงกลัวว่าลูกน้องคนใหม่อาจจะหลงทางได้จึงได้เสนอไปแบบนั้น บวกกับโซนต่อไปที่เขาจะพาปัถยาไปดูนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของชวกรพอดี ซึ่งน่าจะให้ข้อมูลกับพนักงานคนใหม่ได้เป็นอย่างดี

              “ไม่เป็นไรค่ะพี่โจ้ รุ้งเดินดูคนเดียวได้” ปัถยารีบปฏิเสธทันควัน เมื่อภาพใบหน้านิ่งๆ ของชวกรลอยเข้ามาในหัว ขืนให้เขาเป็นคนพาเธอเดินดูหน้างานคงอึดอัดน่าดู แค่คิดก็สยองแล้ว

              “งั้นเดี๋ยวพี่มานะ”

              “ค่ะ”

    เมื่อก้องภพเดินลับตาไปปัถยาก็เดินดูหน้างานต่อ ดูช่างทำงานไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปนานพอสมควรก็ยังไม่มีวี่แววว่าผู้จัดการหนุ่มจะมาสักที เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่เลยคิดจะกลับขึ้นไปรอบนออฟฟิศ จึงหันหลังกลับไปยังทางที่เดินเข้ามา แต่ทางออกดันมีแยกย่อยอีกหลายทางจนไม่รู้จะไปทางไหนดี เมื่อจำทางเข้ามาไม่ได้หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินไปตามทางด้านขวา เดินไปได้สักพักก็พบว่าเป็นทางตัน จึงย้อนกลับมาทางเดิมและเลือกเดินไปทางซ้ายแทน แต่อุปสรรคการหาทางออกของหญิงสาวยังไม่หมด เมื่อเดินไปได้สักพักก็เจอทางแยกอีก หญิงสาวเดินวนหาทางออกอยู่นานแต่ก็ยังหาทางออกไม่เจอ จะโทร.ให้คนมาช่วยก็ยังไม่มีเบอร์เพื่อนร่วมงานสักคน

    เมื่อไม่สามารถพึ่งใครได้ในตอนนี้ก็ต้องช่วยตัวเองต่อไป คนหลงทางตั้งสติแล้วเลือกเดินไปยังทางเดินด้านหน้า ขณะกำลังจะเลี้ยวไปตามทางเดินด้านขวา หญิงสาวก็ชนเข้ากับร่างหนึ่งอย่างจัง ด้วยร่างที่ชนนั้นสูงใหญ่กว่าเธอพอสมควร ส่งผลให้ร่างบอบบางของปัถยาล้มลงไปกองกับพื้น ขณะที่คู่กรณียังยืนนิ่งไม่ไหวติงจากแรงปะทะเลยสักนิด

              “โอ๊ย” เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวอุทานออกมาเมื่อก้นงามกระแทกกับพื้นซีเมนต์เข้าอย่างจัง รู้สึกร้าวระบมไปทั่วทั้งก้น

              “เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยซะเปล่า กลับไม่ระวังเอาซะเลย” เสียงเรียบๆ ของชวกรทำให้คนเจ็บถึงกับชะงักและเงยหน้ามองที่มาของเสียง แล้วก็ยิ้มแหยๆ ส่งให้โฟร์แมนหน้ายักษ์ตรงหน้า

              “ทางมันมืดน่ะค่ะ รุ้งเลยมองไม่ค่อยเห็น ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เดินชนนายช่าง” ปัถยากล่าวขอโทษขอโพย ด้วยทางเดินที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จึงทำให้มองเห็นไม่ชัด พูดจบหญิงสาวก็พยุงตัวเองลุกขึ้นแล้วปัดเศษฝุ่นตามเนื้อตัวออก

              “ช่างมันเถอะ ผมไม่เป็นไร ว่าแต่คุณเถอะเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชวกรถามไถ่พลางมองสำรวจตามร่างกายของหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอล้มก้นกระแทกพื้นย่างแรง

              “ไม่เป็นอะไรค่ะ” คนเจ็บจงใจพูดปด ‘ใครจะไปกล้าบอกเล่าว่าเจ็บก้น’ หญิงสาวคิดต่อในใจ

              “งั้นก็ตามผมมา” พูดจบชายหนุ่มก็เดินนำหญิงสาวออกไป

    ก่อนหน้านี้ชวกรคุมงานอยู่ที่โซนซี แล้วก้องภพก็โทร.ตามให้เขาพาเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่เดินดูหน้างาน เพราะวันนี้ผู้ออกแบบเข้ามาคุยเรื่องแบบ คงจะคุยกันยาว เกรงว่าปัถยาจะรอนานและอาจจะหลงทางได้ เพราะรูปแบบการแบ่งห้องของโซนบีนั้นไม่ได้เป็นระเบียบเหมือนอย่างโซนอื่นๆ ถ้าคนไม่คุ้นเคยอาจจะหลงทางได้

    เมื่อออกมาจากโซนบีได้ โฟร์แมนหนุ่มก็พาเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาวเดินดูพื้นที่โซนซี พร้อมอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ฟัง และยังแนะนำให้รู้จักกับหัวหน้าช่าง ด้านปัถยาเองก็ตั้งใจฟังที่เขาเล่าพร้อมทั้งจดข้อมูลทั้งหมดลงในสมุดบันทึก นอกจากนี้ยังลอบมองเสี้ยวหน้าคนหน้ายักษ์เป็นระยะๆ ใบหน้าของเขาคมเข้ม คิ้วดกดำ นัยน์ตาสีนิลเต็มไปด้วยประกายความมุ่งมั่น ทุกท่วงท่าของเขาช่างสะกดสายตาของเธอเสียเหลือเกิน หากเขาจะยิ้มสักนิด คงจะน่ามองไม่เบา ขนาดตีหน้ายักษ์ยังหล่อเข้มได้ขนาดนี้ ถ้ายิ้มออกมาสาวๆ ในไซต์ ไม่ใจละลายกันเลยเหรอ ปัถยาคิด แต่แล้วก็ต้องรีบสลัดความคิดเมื่อครู่ทิ้งไป ก่อนจะก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ เธอคงบ้าไปแล้วแน่ๆ อยู่ดีๆ ก็ไปวิจารณ์หน้าตาเขาแบบนั้น ซึ่งไม่ใช่วิสัยของเธอเลยสักนิด

    หลังพาปัถยาดูหน้างานครบทุกโซนแล้ว ชวกรก็พาหญิงสาวกลับขึ้นออฟฟิศ จากนั้นกวีซึ่งเป็นโฟร์แมนงานระบบไฟฟ้าและเป็นผู้ดูแลงานด้านความปลอดภัยแทนเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนเก่าที่ลาออกไป ได้เอาเอกสารกองโตที่หญิงสาวต้องทำมาให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยคนใหม่ได้ศึกษา

    ปัถยาใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายศึกษาเอกสารระบบงานที่คนเก่าทำไว้ กว่าจะอ่านเอกสารหมดก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับกันแล้วปัถยาจึงขอตัวกลับบ้าง หลังกล่าวลาเพื่อนร่วมงานเซฟตีสาวก็สะพายเป้คู่กายออกจากออฟฟิศไป

     

    เมื่อเดินลงบันไดมาถึงหน้าโครงการหญิงสาวก็ต้องชะงักกึก เมื่อพบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตายืนดักอยู่ด้านหน้าโครงการ



    [1] จป. ย่อมาจาก เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน  (Safety Officer) เป็นตำแหน่งที่กฎหมายบังคับให้สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินจำเป็นต้องมี โดยจป.มีหน้าที่แนะนำ กำกับดูแลให้พนักงานในสถานประกอบการได้รับความปลอดภัยในการทำงาน และสำรวจตรวจสอบความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากเครื่องจักร อุปกรณ์และเครื่องมือ ตลอดจนสภาพแวดล้อมในการทำงาน และเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขสภาพแวดล้อมในสถานประกอบการให้ได้มาตรฐานตามกฎกระทรวงกำหนด


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×