ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] TAOBAEK .. It's feeling

    ลำดับตอนที่ #6 : {SF} Boy Scout 2

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 57



     

    Boy Scout 2

    (PG-15)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “เอ้าเฮ้ย ตื่นกันได้แล้ว!

     

     

    เสียงกระหน่ำเคาะประตูหน้าที่พักอย่างฮาร์ดคอร์เหมือนพ่อเป็นนักกลองบวกกับเสียงทุ้มๆโหดๆที่ตะโกนเข้ามาปลุกให้โอเซฮุนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในเวลาตีห้าครึ่งก่อนที่คนตัวผอมสูงจะขยับห่อผ้าห่มคลุมกายแล้วค่อยลุกขึ้นนั่งเพราะอากาศบนเขาที่หนาวเย็นสุดจิต หลังจากพอจะปรับตัวได้แล้วก็ใช้ปลายเท้าเขี่ยสะกิดเท้าเพื่อนตัวเล็กที่นอนขดกอดตุ๊กตาหมีหน้านิ่งน่าหมั่นไส้ด้วยความหนาวให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบ้าง

     

     

    “ฮื่ออ..หนาวจริงเว้ย! แล้วจะรีบปลุกไปไหนวะ ฟ้ายังมืดอยู่เลย.....”

     

     

    แบคฮยอนที่เพิ่งขุดตัวเองออกมาจากผ้าห่มลายริลัคคุมะสุดโปรดได้แต่บ่นพึมพำไม่หยุดโดยที่ในอ้อมแขนก็ยังคงมีเจ้าน้องนิ่งหรือก็คือเจ้าหมีหน้านิ่งแบรนด์เดียวกับผ้าห่มที่กระชับติดตัวตั้งแต่เมื่อคืน มือเรียวข้างนึงถูกยกขึ้นมาขยี้ตาก่อนจะปิดปากหาวหวอดๆ

     

    เซฮุนที่เห็นเพื่อนยังคงนั่งบ่นหงุงหงิงอะไรอยู่นั่นก็เกิดอาการหมั่นไส้หรืออะไรสักอย่างจนอดไม่ได้ที่จะยกขันขึ้นมาเคาะหัวเพื่อนสักทีจนมีเสียงร้องโอดครวญตามมา ซึ่งสิ่งที่เซฮุนให้กลับไปก็คือหน้านิ่งๆกับลิ้นที่แลบใส่อย่างสมน้ำหน้า

     

     

    บ่นจังนะอิเตี้ย..

     

    อยากรู้จริงเว้ยว่าถ้ามันรู้ว่าเมื่อกี้ใครมาเคาะปลุกจะทำหน้ายังไง

     

     

    “บ่นมากน่า ไปล้างหน้าแปรงฟันกัน”

     

     

    หัวกลมๆของแบคฮยอนขยับขึ้นลงเมื่อได้ยินเพื่อนตัวผอมชวนไปจัดการกลิ่นปากยามเช้าก่อนจะขยับสไลด์ตัวมาหยิบเอาขันน้ำที่คว่ำอยู่ในกระเป๋าขึ้นมาพร้อมกับแปรงสีฟันยาสีฟันและโฟมล้างหน้า เซฮุนที่ยืนรออยู่ยกมือขึ้นขยี้หัวยุ่งๆของเพื่อนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยวในความน่ารักของเพื่อนแล้วลากคอกันไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องอาบน้ำรวม

     

     

    “อื้อหือ.. เชี่ยเอ๊ยย หนาวหาป๊ามึงเหรอวะ!

     

    “นั่นดิ หน้ากูอย่างติดลบอ่ะตอนนี้ ฮึ่ยย”

     

     

    ทันทีที่ได้สัมผัสกับความเย็นของน้ำที่เจอกับอากาศหนาวๆในตอนเช้ามืดคนตัวเล็กก็หลุดอุทานคำฮาร์ดคอร์ติดปากออกมาแล้วรีบใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดหน้า ส่วนเพื่อนซี้อย่างเซฮุนเองก็อดจะบ่นออกมาด้วยความหนาวไม่ได้ก่อนจะรีบจัดการช่องปากและใบหน้าตัวเองอย่างไวแล้วพากันออกจากห้องอาบน้ำรวมไปฝ่าลมหนาวเข้าที่พักอีกรอบ

     

    ทันทีที่ถึงที่พักเพื่อนๆในห้องก็พากันบอกว่าอาจารย์สั่งให้ไปกินข้าวตอนหกโมงแล้วไปรวมกันที่สนามกลางแจ้งหน้าค่าย ซึ่งพอได้ยินเรื่องของกินแล้วคนตัวเล็กก็ตาวาวขึ้นมาเหมือนลืมไปความหนาวเย็นที่เพิ่งบ่นถึงไปเมื่อครู่ เซฮุนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวกับสิ่งที่ตัวเองเรียกว่าความตะกละของเพื่อน

     

     

    อ้วนแน่มึง

     

     

     

     

     

    ตอนแรกโอเซฮุนบอกไว้ใช่ไหมว่าพยอนแบคฮยอนอ้วนแน่นอน

     

    ตอนนี้.. ขอถอนคำพูดครับ!

     

    แม่งนั่งจ้องงาบผู้ชายจนไม่แตะข้าวแล้วเนี่ย

     

     

    “เซฮุนอ่า.. มึงดูพี่จื่อเทาดิ คนอะไรวะตักข้าวยังหล่ออ่ะ”

     

    “เหรอ แต่กูว่าน่ากลัวอ่ะ”

     

    “มึงมันตาถั่ว”

     

     

    อ้าว อิเตี้ยนี่...... กูพูดความจริงก็ผิดเฮ้ย!?

     

     

    เซฮุนที่นั่งกินข้าวอยู่ดีๆก็โดนแขวะถึงกับอดถีบขาเพื่อนที่นั่งข้างกันไม่ได้ คนตัวเล็กที่โดนถีบก็ใช่ย่อยเล่นกระทืบเท้าเพื่อนกลับไปเต็มที่เหมือนกับตอนได้เล่นเหยียบลูกโป่งครั้งแรกตอนปอสาม เล่นเอาคนอื่นที่เห็นสงครามขาหลังของเพื่อนซี้สองคนต้องพากันอพยพหนีเท้างามๆทั้งสองคู่ไปโต๊ะอื่นทันที ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุสองคนที่เห็นแบบนั้นก็เลยหยุดเล่นกันได้ซะที

     

     

    “หยุดบ้าผู้ชายแล้วกินข้าวซะ ไม่งั้นกลับไปกูจะฟ้องน้าแทยอน”

     

    “มึงอย่า กูไม่ได้บ้าผู้ชาย... กูแค่มองหาคุณค่าที่กูคู่ควรต่างหาก”

     

     

    มือเรียวจ้วงตักข้าวที่เริ่มเย็นเข้าปากทีละคำโดยที่สายตาก็ไม่ละไปจากหน้าหล่อๆของพี่เลี้ยงลูกเสือมาดโหดที่ยังคงความโหดเสมอต้นเสมอปลายแม้จะได้หน้าที่คอยตักข้าวให้ลูกเสือเนตรนารีก็ตาม แต่ในสายตาของแบคฮยอนที่เซฮุนลงความเห็นว่ามันกำลังบ้าผู้ชายคนนี้อยู่ขั้นรุนแรงนั้นกลับไม่ได้มองว่าหวงจื่อเทาเป็นคนโหดเลยสักนิด

     

     

    อะไรกัน ใครบอกโหด? เสียมารยาทที่สุด!

     

    ที่บ้านแบคฮยอนเรียกว่าคนจริงจังต่างหาก

     

    พี่จื่อเทาออกจะใจดี ตักข้าวให้แบคฮยอนเยอะกว่าคนอื่นด้วยนะ

     

     

    ตัวเล็กอย่างกับลูกหมา เอาไปเยอะๆนั่นแหละ

     

     

    ถึงแม้เหตุผลที่ให้มามันจะ..........ไปหน่อยก็เถอะ

     

     

    “เออ คู่ควรจริ๊งง... คนนึงตักข้าวซะแทบล้น อีกคนก็ตะกละนั่งกินซะหมด”

     

                “แน่นอน บ้านกูเรียกว่าเนื้อคู่”

     

               

    เซฮุนที่ได้ยินแบบนั้นก็เกิดอาการคลื่นไส้อยากจะเอาไข่เจียวกับแกงฟักที่เพิ่งกินไปจนเกือบหมดออกมาใส่หน้าเพื่อนซี้ที่นั่งเคี้ยวข้าวอย่างสบายอกสบายใจไปพร้อมกับส่องผู้ชายตักข้าวไปด้วย แต่เพราะความเกรงใจคนอื่นที่ยังคงเพลิดเพลินกับอาหารมื้อเช้าอยู่เซฮุนเลยตัดสินใจเดินเอาถาดอาหารที่กินเกือบหมดไปล้างแทน

     

     

    ทำไมเพื่อนเซฮุนมันแรดจังเลยครับ ตอบที orz

     

     

    หลังจากที่จัดการอาหารมื้อแรกของวันเสร็จแล้วแบคฮยอนก็โดนเซฮุนเพื่อนซี้ลากคอเดินออกไปให้พ้นจากรัศมีของบริเวณตักข้าวทันทีโดยให้เหตุผลที่เจ้าตัวเองก็เถียงไม่ได้เพราะเมื่อสักครู่อาจารย์เพิ่งจะสั่งก่อนกินข้าวว่าถ้ากินข้าวเสร็จให้ไปเปลี่ยนชุดเตรียมลงฐานผจญภัยแล้วไปเจอกันที่ลานกลางแจ้งแปดโมง พอคิดได้ถึงตรงนี้แล้วแบคฮยอนก็แทบอยากจะวิ่งหนีไปตายดาบหน้านอกค่ายซะให้รู้แล้วรู้รอดต่างจากเซฮุนที่ยิ้มอารมณ์ดีดี๊ด๊าอยู่คนเดียวไม่สนใจหน้าเพื่อนเลย

     

     

    ก็โอเซฮุนน่ะชอบฐานผจญภัยเป็นที่สุด

     

    แต่พยอนแบคฮยอนน่ะเหรอ.....

     

    โคตรเกลียด!

     

     

    เหตุผลข้อแรก ร้อน แดดแรง

     

    เหตุผลข้อสอง เลอะ เปียก เหม็น

     

    และเหตุผลข้อสุดท้ายน่ะเหรอ....

     

    เดี๋ยวก็รู้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถึงแม้ว่าคุณหนูตระกูลพยอนนั้นจะตัวเล็กและดูบอบบางกว่าผู้ชายร่างถึกหลายคนในห้องซ้ำยังเกลียดการเล่นอะไรที่ต้องใช้แรงมากๆให้เหงื่อท่วมตัวท่ามกลางแดดที่ส่องกลางหัวแบบนี้แต่คนตัวเล็กก็ยังคงไม่ปริปากบ่นอะไรมากนักเพราะพอได้เจออะไรให้เล่นมากๆแล้วคนตัวเล็กก็รู้สึกสนุกไปกับมันจนลืมเหตุผลที่ตัวเองเกลียดการเข้าฐานผจญภัยไปหมดแล้ว

     

     

    จนกระทั่ง....

     

     

    “ผ.. ผมขอไม่ข้ามได้ไหม”

     

    “ไม่ได้! เพื่อนเขาข้ามกันหมดแล้วจะมาไม่ข้ามคนเดียวได้ไง อายเขาไหมห๊ะ!

     

     

    ไม่อาย

     

    แต่ตอบไม่ได้ เดี๋ยวโดนด่า..................

     

     

    เซฮุนที่ยืนอยู่ในแถวหมู่ตัวเองชะเง้อคอมองเพื่อนตัวเล็กจากฝั่งตรงข้ามแล้วก็ได้แต่ภาวนาให้อาจารย์ใจอ่อนให้มันไม่ต้องข้ามไม้ซุงที่พาดอยู่ปากแอ่งที่ค่อนข้างลึก ถึงแม้ความลึกมันจะไม่มากถึงขนาดตกลงไปแล้วจะตายแถมยังมีพุ่มไม้คอยรองรับอยู่ด้านล่างก็จริงแต่กับคนที่กลัวความสูงเอามากอย่างแบคฮยอนนั้นเซฮุนรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะข้ามมาทางฝั่งนี้ได้

     

     

    “เอ่อ.. เพื่อนผมมันกลัวความสูงอ่ะครับ ให้มันเดินอ้อมมาแทนได้ไหม..”

     

     

                นี่แหละเหตุผลข้อสามที่คุณหนูพยอนเกลียดการเล่นฐานผจญภัย

     

    มันกลัวความสูง

     

    ตอนนั่งรถขามาเซฮุนเลยต้องมานั่งติดหน้าต่างแล้วค่อยดึงมันมานั่งฝั่งทางเดินแทนไง

     

    แล้วกับไอ้ด่านทดสอบความกล้าที่มีแค่ท่อนซุงท่อนเดียวที่ช่วยให้มันไม่ร่วงลงข้างล่างไปน่ะ

     

    เหอะ.. ไม่กลัวก็แปลก...

     

     

    “ไม่ได้ คนอื่นเขาก็ต้องข้ามกันทั้งนั้น เอาชนะความกลัวซะสิ!

     

     

    โธ่.. ถ้ามันเอาชนะได้มันจะมายืนหน้าซีดใส่ทำมะเขืออะไรล่ะ

     

     

    แบคฮยอนที่ได้ยินเสียงครูฝึกที่คุมฐานนี้จากฝั่งตรงข้ามตอบเพื่อนกลับไปแบบนั้นก็ได้แต่คิดหนักเพราะในหัวตอนนี้มีแต่ภาพที่จินตนาการว่าตัวเองก้าวเดินผ่านไอ้ท่อนซุงบ้านี่แล้วดันลื่นร่วงตกไปนอนแอ้งแม้งในแอ่งข้างล่าง แต่อีกใจนึงก็คิดไปด้วยกับคำพูดที่ว่าให้ตัวเองเอาชนะความกลัวซะ

     

     

    เอายังไงดีล่ะพยอนแบคฮยอน...

     

    ไม่ข้ามก็โดนด่า ข้ามแล้วพลาดไปก็เจ็บตัว

     

    แต่กับอีแค่นี้.. คุณหนูตระกูลพยอนต้องทำได้ดิวะ!

     

     

    คิดได้แบบนั้นแล้วขาเรียวก็ยกเท้าก้าวขึ้นเหยียบลงบนท่อนซุงทีละข้างแล้วค่อยๆก้าวเดินผ่านลำต้นมันไปทีละก้าวโดยที่ตาเรียวก็จับจ้องแต่ปลายเท้าตัวเองและพยายามไม่จ้องพื้นด้านล่าง ความภาคภูมิใจเล็กๆเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของคนตัวเล็กที่ก้าวเดินมาจนเกือบสุดทาง ขาเรียวจึงรีบเร่งก้าวเร็วขึ้นเพื่อจะได้พ้นจากความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องนี่ไปเสียที

     

     

    แต่อย่างว่า ถ้ารีบมากไปมันก็พลาดได้

     

     

    “เฮ้ย! แบคฮยอนระวัง!

     

     

    เพราะอาการรีบเร่งที่มากไปบวกกับขาที่สั่นอยู่แล้วทำให้คนตัวเล็กเซจนเกือบจะได้ร่วงตกลงไปนอนแอ้งแม้งแบบที่จินตนาการเอาไว้ในตอนแรก ยิ่งได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตกใจของเพื่อนร่วมห้องทั้งเพศหญิงและเพศที่สามแล้วคนตัวเล็กก็ยิ่งนึกสภาพตอนตัวเองตกลงไปซะเป็นตุเป็นตะ

     

     

    ขาหัก แขนหัก คอหัก หัวแตก เสียโฉม พิการ เดินไม่ได้แน่ ฮรื้อออออออ...

     

    ฮรื้ออออ...

     

    เดี๋ยวนะ

     

    ยังไม่ร่วงนี่หว่า...

     

    แล้ว...ใครช่วยไว้?

     

     

    “อ้าวเฮ้ย รีบเดินมาดิ จะยืนค้างให้มันร่วงไปจริงเหรอวะ!

     

     

    ทันทีที่ได้ยินเสียงโหดพร้อมแทงดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรี๊ดของเพื่อนร่วมห้องที่เงียบลงไปแล้วคนตัวเล็กค่อยๆลืมตาขึ้นดูก่อนจะกระพริบปริบๆ พอเห็นว่าคนที่มาช่วยเป็นใครเท่านั้นแหละคนตัวเล็กก็ถึงกับเอ๋อไปไม่ต่างจากพวกเพื่อนๆที่ยืนมองกันตาค้างเหมือนเจอของแปลก

     

     

    ไม่แปลกได้ไงล่ะ

     

    พี่หวงจื่อเทาช่วยชีวิต(?)พยอนแบคฮยอนเชียวนะ!

     

    ประเด็นฮอตอีกประเด็นของห้องมอสามทับหนึ่งมาอีกแล้ว..........

     

     

    “อ.. เอ่อ....”

     

    “เอ่ออะไร จะร่วงไปอยู่แล้วมาเอ่ออะไร มัวเหม่อใจลอยหรืออะไรอยู่!?

     

     

    แบคฮยอนที่ยังคงช็อกปนงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดกับตัวเองอย่างรวดเร็วก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆทั้งที่ในตาเรียวนั้นมีน้ำใสคลอเบ้าอยู่เหมือนพร้อมจะร่วงมาเมื่อไหร่ก็ได้ เล่นเอาคนที่เพิ่งดุซ้ำไปอย่างจื่อเทาต้องหุบปากอัตโนมัติเพราะรู้สึกถึงจังหวะการเต้นหัวใจที่ถี่รัวมากๆจากชีพจรที่ข้อมือเล็กที่ตัวเองกำอยู่แน่นก่อนจะปล่อยมันออกแล้วเดินไปยืนอยู่ข้างครูฝึกและอาจารย์ที่ประจำฐานอยู่

     

    ตาคมมองตามหลังคนตัวเล็กที่สวมเสื้อสีดำที่ตอนนี้เปื้อนฝุ่นพอสมควรกำลังเดินตามเพื่อนในหมู่ไปฐานต่อไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเลื่อนตาลงมองที่ข้อมือเรียวที่ขึ้นรอยแดงเป็นปื้น พอหันไปถามอาจารย์ที่คุมฐานอยู่ด้วยกันอีกคนแล้วคนตัวสูงก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ดันไปดุซ้ำเติมคนตัวเล็กซะอีก

     

     

    ขอโทษนะไอ้ตัวเล็ก

     

    ก็คนมันเป็นห่วงนี่หว่า

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “มานั่งทำหน้าโหดอะไรแถวนี้คนเดียววะไอ้เทา”

     

    “โหดห่าไร”

     

    “เปล๊า กูก็แค่เรียกตามรุ่นน้อง ฮ่าๆๆๆ”

     

     

    ขายาวๆของพี่เลี้ยงลูกเสือที่ได้ชื่อว่าโหดสุดในชาวแก๊งพี่เลี้ยงลูกเสือยกขึ้นถีบเพื่อนตัวคล้ำพอกันกับตัวเองที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานเป็นชาติจนตัวเองต้องมานั่งตากลมหนาวชมบรรยากาศยามเย็นรอก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจไล่ความล้าที่สะสมมาทั้งวัน พอเริ่มเห็นว่ามีรุ่นน้องเดินมาบ้างแล้วเลยชวนให้เพื่อนไปทำหน้าที่ต่อทั้งที่ตอนนี้ตัวเองก็อยากจะหลับเต็มแก่

     

     

    กลางวันก็คุมลูกเสือเนตรนารีเข้าแถว

     

    ตอนกลางคืนก็ต้องมาทำโทษพวกจัดปาร์ตี้ไฟฉายอีก

     

    ไม่อยากจะบอกเลยว่าโคตรง่วง

     

     

    “เฮ้ยเทา นั่นเด็กมึงนี่”

     

     

    กัมจงหรือคิมจงอินเพื่อนสนิทที่สุดในชาวแก๊งพี่เลี้ยงลูกเสือสะกิดเรียกให้จื่อเทาเงยหน้าที่ดูทั้งง่วงมึนและโหดในเวลาเดียวกันเงยขึ้นมองคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กของตัวเองที่ตอนนี้แต่งตัวด้วยชุดเสื้อแขนยาวลายทางสีเหลืองสลับน้ำตาลกับกางเกงวอร์มสีดำพอดีตัวก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นตบบนหัวเพื่อนโดยไม่หันไปมองดังป้าบจนมีเสียงร้องโหยหวนตามมาข้างหู

     

     

    “เด็กกูที่ไหน อย่ามามั่ว”

     

    “เหรอครับ.. อย่าให้กูเห็นแล้วกันว่ามึงแอบเต๊าะเด็ก”

     

    “เต๊าะเหี้ยไร”

     

    “โธ่ ไม่เต๊าะแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มนี่คือเหี้ยไรไอ้โหด”

     

     

    จื่อเทาที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอยิ้มอะไรแบบที่เพื่อนบอกก็รีบตีหน้านิ่งดุโหดแบบที่รุ่นน้องมักจะกลัวแต่เพื่อนชาวแก๊งพี่เลี้ยงลูกเสือชอบขำกันก่อนจะหันหน้าหนีแล้วแอบมองหาคนตัวเล็กที่เพิ่งเป็นประเด็นสนทนาของเขากับจงอินไปเมื่อครู่ ตาคมแอบเหลือบมองใบหน้าน่ารักที่คอยหันมองมาทางเขาเป็นระยะๆแล้วหันไปคุยอะไรกับเพื่อนตัวขาวที่นั่งข้างกันงุ้งงิ้งๆทั้งๆที่หน้าก็แดงขึ้นอย่างนั้น

     

     

    อะไรกัน ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษสักหน่อย

     

    ก็แค่...... น่ารัก

     

    โอเค ความจริงไม่ใช่ ก็แค่หรอก … ‘โคตรน่ารักเลยต่างหาก

     

     

    แค่ดูจื่อเทาก็รู้แล้วว่าไอ้รุ่นน้องตัวเล็กหน้าใสนี่มันคงจะปลื้มตัวเองอยู่พอสมควร(เอามากๆ)ถึงได้ชอบมาแอบมองแอบแสดงท่าทางเขินอายทั้งที่เขาก็แสดงท่าทางโหดพร้อมแทงใส่ตลอดเพราะต้องคอยรักษามาดเอาไว้ขู่รุ่นน้องคนอื่นๆเลยทำให้คนตัวสูงแสดงอาการรับรู้อะไรไม่ได้มากนักอย่างมากก็ทำได้แค่หันไปมองแล้วเดินหนีซะอย่างนั้นทั้งที่ในใจก็อยากจะแอบไปหยอดให้คนตัวเล็กได้เขินเล่นอยู่เหมือนกัน

     

     

    ก็ถ้าขืนไม่เดินหนีเดี๋ยวแผนแอบหยอดเด็กก็แตกกันพอดีสิ

     

    อ้อ แต่อย่าให้คิมจงอินรู้นะ เดี๋ยวมันเอาไปเผาต่อ อุตส่าห์ปิดแม่งแทบตาย

     

     

    หลังจากที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองได้สักพักอาจารย์หัวหน้าวิชาลูกเสือก็เรียกให้พี่เลี้ยงลูกเสือไปคุมตามแถวลูกเสือที่เพิ่งลุกขึ้นยืนกันเพื่อทำพิธีเปิดการแสดงรอบกองไฟ จื่อเทาเลยเลือกที่จะมายืนคุมอยู่ข้างแถวของแบคฮยอนที่ถึงกับทำตาโตขึ้นเมื่อเห็นหน้าของพี่เลี้ยงลูกเสือมาดโหดก่อนที่แก้มสองข้างนั้นจะแดงขึ้นจนจื่อเทาที่แอบมองอยู่เกือบหลุดหัวเราะออกไป

     

     

    โธ่ เด็กมันเล่นน่ารักขนาดนี้ ใครมันจะทนไม่เต๊าะไหววะ ~

     

     

    พอจบพิธีเปิดการแสดงรอบกองไฟแล้วก็ถึงเวลาของการแสดงของลูกเสือชั้นมอสามเสียที โดยแน่นอนว่าห้องแรกที่จะต้องเปิดประเดิมก็คือห้องมอสามทับหนึ่งที่เป็นห้องแรก จื่อเทาที่ตอนนี้นั่งลงอยู่ข้างแถวของลูกเสือห้องมอสามทับหนึ่งเองก็แอบคาดเดาอยู่ในใจว่าคนตัวเล็กจะได้ทำอะไรหรือจะได้รับหน้าที่อะไรที่เด่นๆรึเปล่า

     

     

    “สวัสดีครับอาจารย์และเพื่อนๆชาวลูกเสือ ในคืนนี้พวกเราลูกเสือเนตรนารีห้องมอสามทับหนึ่งจะมาแสดงละครครับ เรื่องที่เราจะแสดงกันก็มีชื่อเรื่องว่าสโนไวท์สเปเชี่ยลเดอะมิวสิเคิลครับ”

     

     

    อื้อหือ ชื่อแม่ง... กูนึกว่าละครเวที

     

     

    หลังจากที่หัวหน้าห้องมอสามทับหนึ่งกล่าวจบแล้วก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นจนมือหนาต้องยกขึ้นปรบตามมารยาทเหมือนกับคนอื่นๆในขณะที่ตาคมก็แอบเหล่มองคนตัวเล็กที่รีบวิ่งหลบฉากไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่ตัวเองจะได้ออกมาเล่นกับเพื่อนๆเขา

     

    เรื่องราวในนิทานสุดยอดเบสิกที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านการแสดงของนักแสดงจำเป็นอย่างจองซูจองสาวน้อยคนสวยประจำห้องที่รับบทเป็นตัวเอกอย่างสโนไวท์นั้นทำให้ลูกเสือหลายต่อหลายคนเกิดอาการไม่เป็นตัวของตัวเองได้เพราะเสียงหวานๆบวกกับหน้าที่หนุ่มๆพากันลงความเห็นว่าสวยและน่ารักมาก รวมถึงคิมจงอินที่นั่งน้ำลยหกอยู่ข้างจื่อเทาด้วย

     

     

    “โห.. น้องเขาอย่างแจ่มเลยว่ะไอ้เทา”

     

     

    อ้อ แต่ไอ้หน้าโหดนี่คงเป็นกรณียกเว้น

     

    คนบ้าอะไรนั่งน้ำลายหกเพราะเด็กผู้ชายตัวเล็กที่รับบทคนแคระเนี่ย......

     

     

    จงอินที่ไม่ได้รับสัญญาณตอบรับจากเพื่อนหน้าโหดก็รู้สึกตะหงิดๆเลยหันมามองข้างตัวก่อนจะเห็นว่าไอ้หน้าโหดที่ตอนแรกยังบ่นง่วงอยู่นั้นกลับทำหน้ากรุ้มกริ่มเหมือนคนกำลังแอบส่งสายตาม่อสาวอยู่ พอมองปลายทางที่ตาคมจ้องไปนั้นจงอินก็เกิดอาการคันเท้าอยากผลักไอ้เพื่อนชาวแก๊งพี่เลี้ยงลูกเสือให้มันกลิ้งลงไปในกองไฟเป็นเสือย่างซะ

     

     

    นางเอกไม่สน เสือกสนคนแคระ

     

    ไอ้ตัวกินเด็ก -_-

     

     

    “เฮ้ย อะไรของมึงกัมจง!

     

    “ไม่ต้องโหด กูไม่กลัวมึงหรอก... แหมม มองน้องเขาซะตาเยิ้มแล้วมีหน้าบอกกูว่าไม่เต๊าะเด็ก ~

     

    มึงหุบปากแล้วดูไปเหอะ”

     

     

    มือหนายกขึ้นดันหน้าเพื่อนที่ส่งสายตากรุ้มกริ่มล้อเลียนใส่ให้หันกับไปมองการแสดงของน้องมอสามทับหนึ่งต่อก่อนจะเบนสายตากลับไปหาคนตัวเล็กที่กำลังแสดงเป็นหนึ่งในคนแคระทั้งเจ็ดอยู่ ยิ่งได้เห็นตาเรียวเล็กที่ฉายแววสนุกสนานคู่นั้นแล้วจื่อเทาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นคนโง่ไปซะแล้วเพราะตอนนี้คำที่รู้ในหัวมีแค่คำเดียววนไปวนมา...

     

     

    น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก ~

     

     

    “...เร็วแบคฮยอน ฉากเปลี่ยนแล้ว”

     

     

                จื่อเทาที่มัวแต่จมอยู่กับความคิดตัวเองแทบจะปั้นหน้าทำมาดโหดแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าใบหน้าหวานที่ตัวเองแอบมองซะเพลินนั้นเริ่มใกล้เข้ามาเพราะคนตัวเล็กนั้นวิ่งหลบฉากมาพร้อมกับเพื่อนในห้องอีกสองสามคน ถ้าเป็นปกติแล้วจื่อเทาคิดว่าคนตัวเล็กจะต้องมีอาการอะไรสักอย่างเมื่อเห็นหน้าโหดๆของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าเพราะกำลังเพลินกับการแสดงหรืออะไรคนตัวเล็กถึงได้ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกันโดยไม่มีท่าทีอะไรเลยสักนิด แถมยังชวนคุย

     

               

    “พี่จื่อเทา! เห็นที่ผมแสดงเมื่อกี้รึเปล่า”

     

    “อืม ก็เห็น”

     

     

    ก็เห็น อะไร๊..

     

    มันนั่งโคลสอัพหน้าน้องอยู่ตลอดนั่นแหละ คิมจงอินไม่อยากจะบอก

     

     

    “เอ่อ.. แล้วพี่ว่าผม....ผมแสดงน่าเกลียดรึเปล่า?”

     

     

    จื่อเทาที่เห็นท่าทางเหมือนจะประหม่าพอสมควรของคนตัวเล็กก็แทบจะหลุดจากมาดที่สร้างขึ้นมาทันที จงอินที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่แอบขำกับท่าทางของไอ้เพื่อนที่เกือบหลุดมาดโหดเพราะตาใสๆของรุ่นน้องตัวเล็กที่เงยมองหน้าจื่อเทาเหมือนลูกหมาที่ไปทำอะไรมาแล้วมาขอความเห็นจากเจ้าของ

     

     

    เสร็จแน่มึง เจอเด็กโมเอร้ใส่

     

     

    “อ.. เอ่อ ก็ไม่น่าเกลียด”

     

    “จ.. จริงเหรอพี่จื่อเทา พูดจริงใช่ไหมฮะ?”

     

     

    โธ่ ยิ้มขนาดนี้ พี่หาความน่าเกลียดไม่เจอแล้วล่ะน้อง

     

     

    “อืม โกหกไปได้อะไรล่ะ”

     

    “ฮู่ว.. ดีจัง ~

     

     

    เสียงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกของคนตัวเล็กทำให้จื่อเทาที่นั่งมองอยู่หลุดยิ้มออกมาเล็กๆโดยที่คนถูกมองไม่รู้ตัวก่อนจะต้องมองตามหลังคนตัวเล็กที่วิ่งไปแสดงต่อพร้อมเพื่อนๆ แขนยาวยกขึ้นเท้าคางไปด้วยในขณะที่ตาคมก็จ้องมองใบหน้าหวานที่แสดงสีหน้าหลากหลายในบทของคนแคระแสนซนที่จื่อเทาคิดว่ามันเข้ากับคนตัวเล็กดีจริงๆ จงอินที่เห็นแบบนั้นก็อดแซวไปสักทีด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

     

     

    “ยิ้มไม่หุบเลยเหรอวะ”

     

    “เออน่า.. มึงเลิกสนใจกูแล้วดูไปเหอะ”

     

    “โห่...ไอ้เหี้ย ติดเด็กนี่หว่า”

     

     

                จงอินที่เห็นท่าทางของเพื่อนที่ดูเหมือนจิตใจจดจ่ออยู่กับคนแคระที่ใส่เสื้อแขนยาวลายทางสีเหลืองสลับน้ำตาลเหลือเกิน จื่อเทาที่เห็นท่าทางเพื่อนที่คงจะแซวไม่เลิกแน่เลยยอมละสายตาจากคนตัวเล็กแล้วหันมาทำหน้าจริงจังให้กับจงอินก่อนจะค่อยๆกระซิบด้วยโทนเสียงดุเพราะกลัวมีคนได้ยินความลับสุดยอดของตัวเองแล้วเอาไปเม้าท์ว่าพี่เลี้ยงลูกเสือมาดโหดแพ้ทางลูกเสือคุณหนู

     

     

    “เออ กูติดเด็ก พอใจยัง มึงหุบปากแล้วดูไปเงียบๆเหอะ กูจะดูเด็กกู”

     

     

     

     

     

    เสียงโหวกเหวกดังก้องไปทั่วที่พักขนาดไม่ใหญ่นักของทางค่ายจนมันเล็ดลอดออกมาเล็กน้อยเรียกให้พี่เลี้ยงลูกเสือที่กำลังจะกลับไปนอนหลังจากทำหน้าที่ ส่งน้องนอนเสร็จต้องหันไปมอง มือหนายกขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่อเห็นว่าต้นเสียงและแสงนั้นมาจากที่พักหลังไหนก่อนที่ขายาวจะพาคนตัวสูงไปหยุดยืนอยู่หน้าที่พักที่อยู่ใกล้กับที่พักพี่เลี้ยงลูกเสือและอาจารย์ที่สุด

     

     

    รู้ว่าได้ที่สองแล้วดีใจ แต่มันไม่คิดจะให้คนอื่นเขานอนกันบ้างเหรอไงวะ!

     

    เดี๋ยวสั่งกลิ้งแล้วให้นอนดูดาวยกห้องซะ

     

     

    “เฮ้ย เล่นอะไรกันอยู่ได้วะไอ้ลูกเสือห้องนี้ รบกวนคนอื่นเขา!

     

     

    ทันทีที่คิดได้แล้วมือหนาก็ยกขึ้นเคาะประตูรัวและแรงเหมือนกับวิญญาณมือกลองวงร็อคเข้าสิงร่างแล้วตะโกนเสียงโหดพร้อมแทงเข้าไปขู่ด้วยอีกรอบ และก็ได้ผลเพราะเสียงดังๆนั้นก็เริ่มเงียบลงไปเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์ปาร์ตี้ไฟฉายฉลองอีก จื่อเทาเลยจัดการขู่อีกรอบด้วยเสียงแบบเดิมอีกรอบ

     

     

    “เออดี เล่นอีกรอบมึงเจอกลิ้งยกห้องแน่!

     

     

    หลังจากที่คิดว่าคงจะไม่มีอะไรแล้วจื่อเทาเลยตัดสินใจเดินกลับที่พักเพราะเกิดอาการง่วงสะสมรุมเร้าเต็มที่ แต่แสงที่ลอดออกมาแยงตาแว้บๆจากหน้าต่างที่พักหลังเดิมก็เรียกให้จื่อเทาต้องหันกลับไปมอง พอสังเกตก็รู้ว่าเป็นแสงจากไฟฉายกระบอกเดียว คนตัวสูงเลยตัดสินใจว่าจะเรียกคนที่มันเล่นให้ออกมาโดนลงโทษก็พอเพราะคิดว่าคนอื่นคงจะนอนกันหมดแล้ว

     

     

    กูง่วงขนาดนี้ยังไม่ได้นอน

     

    งั้นมึงก็แหกขี้ตาอยู่เป็นเพื่อนกูแล้วกัน

     

     

    “เฮ้ย ใครเล่น! จะเอาเหรอวะ ออกมาข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย!

     

     

    ในตอนแรกจื่อเทาก็คิดว่าจะเล่นให้หนักซะหน่อย

     

    แต่พอเห็นหน้าคนเล่นแล้วก็เกือบจะเงิบอยู่หน้าประตูนั่นแหละ

     

     

    “ผ.. ผมขอโทษนะพี่จื่อเทา ไฟฉายมันพังอ่ะครับ ผมเลยนั่งเช็คอ่า....”

     

     

    คนตัวเล็กกำลังนั่งเปิดปิดไฟฉายอยู่ทั้งที่ในอ้อมแขนก็มีตุ๊กตาหมีหน้านิ่งแบรนด์ดังอยู่

     

                เห็นแบบนี้แล้วจื่อเทาก็ว่าไม่ออกเหมือนกันนะ

     

    โธ่ แต่มันเป็นหน้าที่นะเว้ย

     

    เอาไงดีล่ะหวงจื่อเทา...

     

     

    “พรุ่งนี้เช้าก็เช็คได้ จะมานั่งเปิดๆปิดๆรบกวนคนอื่นเขาทำไม!

     

     

    คิดไม่ออกและ โหดใส่เลยแล้วกัน

     

     

    “ก.. ก็......”

     

    “อยากโดนกลิ้งเหรอไงห๊ะ! อยากกลิ้งก็บอกจะได้จัดให้”

     

    “ฮื้ออ ม.. ไม่เอานะ ผมไม่อยากกลิ้งกับพื้น”

     

     

    หน้าเหมือนลูกหมาอ้อนนั่นมันอะไรกัน

     

    แล้วแขนเล็กๆที่กอดซุกไอ้หมีหน้านิ่งบนตักนั่นมันอะไรกัน

     

    แล้วจะมาส่งสายตาอ้อนทำไมกัน...

     

    เจอแบบนี้ไปใครโหดลงก็คงจะใจร้ายแล้วล่ะ

     

     

    “ง.. งั้นเก็บไฟฉายซะ แล้วนอนเดี๋ยวนี้ นอนเลยนะเว้ย ห้ามตื่นจนกว่าจะเช้า!

     

     

    จื่อเทาที่ตอนนี้แพ้กับลูกอ้อนของแบคฮยอนอย่างราบคาบก็ถึงกับตายซ้ำซ้อนไปอีกเมื่อเห็นท่าวันทยาหัตถ์ของคนตัวเล็กกับรอยยิ้มหวานๆที่มีเพียงแสงจันทร์กับแสงไฟด้านนอกส่องให้เห็น มือหนาตัดสินใจปิดประตูลงซะเสียงดังก่อนจะรีบเดินกลับที่พักที่อยู่ไม่ห่างกันไป

     

     

    ตายตายตาย เสียฟอร์มเพราะเด็กเลยไอ้หวงจื่อเทาเอ๊ย!

     

     

     

     

    คล้อยหลังพี่เลี้ยงลูกเสือจอมโหดไปได้ไม่ถึงห้านาทีบรรดาลูกเสือห้องมอสามทับหนึ่งก็พากันลุกขึ้นนั่งแล้วมาตั้งวงเม้าท์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างออกรส จะยกเว้นก็แต่แบคฮยอนที่กำลังเคลิ้มจะหลับกับเซฮุนที่นอนฟังไอ้วงเม้าท์ที่อยู่ใกล้ที่สุดที่มีคิมมินซอก โดคยองซู คิมจงแดและปาร์คชานยอลกำลังนั่งเม้าท์กันอยู่เพราะขี้เกียจลุกและหมดแรงไปกับการทำกิจกรรมทั้งวันเรียบร้อยแล้ว

     

     

    “มึง กูว่าไอ้พี่โหดแม่งต้องชอบแบคฮยอนแน่เลยว่ะ”

     

    “เฮ้ย ผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ!

     

    “เออ ไม่แปลกหรอกเว้ย พี่ชายกูยังมีแฟนเป็นผู้ชายเลย”

     

    “แต่คนอย่างพี่จื่อเทาเนี่ยนะจะมาชอบคนอย่างแบคฮยอน”

     

    “ทำไมวะ กูว่าแบคฮยอนก็น่ารักออก ตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าก็น่ารักอย่างกับผู้หญิง”

     

    “เออใช่ แถมไอ้พี่โหดมันยังไม่เคยด่ากูมึงใส่แบคฮยอนเลยนะเว้ย อย่างมากก็เก๊กโหดตะคอกใส่แล้วเดินหนี แถมยังชอบมาเดินตรวจแถวอยู่ใกล้ๆห้องเราตลอดเลยด้วย”

     

    “แต่.. ไอ้โหดกับลูกคุณหนูเนี่ยนะ? กูว่าแม่งแฟนตาซีเว่อร์”

     

    “โธ่ ไอ้ง่าวจงแด มึงแม่งไม่โรแมนซ์เลยว่ะ”

     

    “เออ เลิกดูหนังผีแล้วหาหนังรักดูซะมั่งนะมึงน่ะ”

     

     

    และอื่นๆ

     

    นี่แค่ส่วนหนึ่งที่เซฮุนจับใจความได้เท่านั้น เพราะนอกนั้นมันนั่งด่าไอ้ง่าวจงแดกันต่อแล้ว

     

    แต่มันก็น่าคิดนะ

     

    ทำไมชอบมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆแถวลูกเสือห้องมอสามทับหนึ่งจัง

     

    ทำไมไม่เคยด่าไม่เคยพูดกูมึงกับแบคฮยอน

     

    ทำไมชอบทำเหมือนมองแบคฮยอนอยู่บ่อยๆ

     

     

    หึหึหึหึ.. เรื่องนี้ถึงหูน้าแทยอนแน่

     

    เฮ้ย โอเซฮุนเปล่าแกล้งไอ้พี่โหดนะครับ

     

    แค่เมื่อวานเพิ่งโดนมันสั่งสก๊อตจั๊มพ์สองร้อยครั้งไปเฉยๆเอง.....

     

                กูขอโทษนะแบคฮยอนเพื่อนรัก

     

    หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ

     

     

     

     

     

     

     

     

    To Be Continue

     

     

     

                                                                                       

    .. TALK ..

    มาต่อแล้ววว คิดถึงพี่โหดกับน้องแบครึเปล่าเอ่ย?

    ตอนนี้เฉลยแล้วนะว่าตอนที่แล้วไอ้พี่โหดมันจับมือน้องแล้วยิ้มทำไม

    มันจะเต๊าะเด็กค่ะ ถถถถถถถถถถถถถถถถ

    ส่วนเรื่องฉากใสกิ๊งเรื่องนี้ไม่มีนะ แต่เรื่องต่อไปที่กำลังจะแต่งมันมีค่ะ

    ทวิตเตอร์ก็ตามนี้เลยเน้อ { @B_Benz23 } รีดเดอร์เมนชั่นมาทักกันได้นะ > _ <







    :)  Shalunla 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×