คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : {OS} Sunflower
Sunflower
(PG-15)
Theme song : Sunflower – Super Junior
Put on moisturizing lotion on my two cheeks
Have a good sense of fashion, just like a magazine model
Use your head-take it slow, make it simple and neat
Before I go to the street across where she lives
แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านสีน้ำตาลอ่อนในห้องเข้ามาทำให้ผมต้องลุกขึ้นขยี้ตาตื่นอย่างทุกวัน เมื่อแหงนดูนาฬิกาที่แขวนข้างผนังก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้า เห็นเวลาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหาวออกมาไล่ความง่วงแล้วค่อยเดินหาผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่ที่เดิมอย่างมึนๆแล้วเข้าห้องน้ำไป
หลังอาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวเหมือนปกติก่อนจะเดินมาหยุดที่กระจกหน้าห้องน้ำ หวีขนาดพอดีมือถูกผมจับบังคับให้สางบนผมสีดำสนิทของตัวเองจนกลายเป็นทรงผมหลายต่อหลายทรง ซึ่งผมก็ตัดสินใจหวีให้มันไปเทไปปิดบริเวณคิ้วด้านซ้ายแล้วเปิดโชว์คิ้วข้างขวาเอาไว้
ผมบรรจงละเลงเนื้อครีมสีข้นลงบนแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง ระหว่างทาอยู่ผมก็นั่งนึกถึงหน้าพี่รหัสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่หิ้วเอาเจ้ากระปุกโลชั่นมาฝากหลังจากที่เจ้าตัวไปพักร้อนไกลถึงอเมริกาในช่วงวันหยุดยาว แถมยังได้เสื้อผ้ามาอีกสามสี่ชุดอีกต่างหาก
ความจริงผมก็แค่เคยถามๆไว้ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ดูดีขึ้นบ้างไหม ไม่คิดว่าพี่แกจะเอาจริงขนาดนี้ เล่นเอาผมเกรงใจไม่กล้าขอให้ช่วยอะไรไปอีกนานเลย นี่ยังไม่รวมตุ๊กตาหมีแพนด้าหรือบางทีอาจจะเป็นหมอนข้างหมีแพนด้าแน่ก็ไม่รู้ที่พี่แกหิ้วแถมมาให้โดยให้เหตุผลว่ามันหน้าเหมือนผมอีกนะ
เอาเถอะครับ คุณชายอู๋อี้ฟานเขาบ้านรวย.. ปล่อยเขาไปดีกว่า
ผมตัดสินใจเก็บกระปุกครีมทาหน้าไว้ที่เดิมเมื่อรู้สึกว่าน่าจะทาพอแล้วก่อนเดินมาเลือกชุดที่จะใส่ไปทำงานวันนี้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า เลือกไปเลือกมาก็เหลือสองชุดที่ผมยืนเลือกอยู่นานสองนาน
ชุดแรกเป็นเสื้อกล้ามสีดำทับด้วยเสื้อกันหนาวลายเสือดาวมีฮู้ดกับกางเกงยีนส์สีดำแบบที่ผมชอบ
ส่วนอีกชุดนึงเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวมียี่ห้อกับกางเกงยีนส์เดนิมที่พี่อี้ฟานซื้อมาฝากพร้อมกับบอกว่าถ้าผมใส่จะเท่ห์มาก
และสุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือกชุดที่สองเผื่อว่ามันจะเท่ห์แบบที่พี่อี้ฟานบอกจริงๆ
“ไปทำงานเช้าทุกวันเลยนะพ่อหนุ่ม”
เสียงทักพร้อมกับรอยยิ้มของคุณป้าร้านขายขนมปังข้างคอนโดเป็นสิ่งแรกๆที่ผมมักจะได้ยินในเวลาเช้าอย่างนี้ ผมเลยโค้งรับและยิ้มตอบคุณป้าใจดีไปแล้วเริ่มพูดคุยกับคุณป้าด้วยสำเนียงเกาหลีแปร่งๆซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผม
“ผมมีธุระก่อนไปทำงานนิดหน่อยน่ะครับ แล้วก็ตื่นมาอุดหนุนคุณป้าคนแรกด้วยไงครับ ~”
“แหม.. น่ารักนะพ่อหนุ่ม งั้นป้าแถมให้ชิ้นนึงแล้วกัน”
“ขอบคุณครับคุณป้า แต่ไม่ต้องหรอกนะครับ ผมเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจนะพ่อหนุ่ม เอาไปเผื่อให้สาวก็ได้”
“ให้สาวอะไรกันครับคุณป้า ผมยังไม่มีแฟนซะหน่อย ฮ่าๆๆ”
“อ้าว! ป้าก็นึกว่าที่พ่อหนุ่มมีแฟนแล้ว เห็นซื้อขนมปังแยกสองถุงทุกครั้งป้าก็นึกว่าซื้อไปให้แฟนซะอีกนะเนี่ย”
คุณป้าทำสีหน้าแปลกใจจนผมอดไม่ได้ที่จะขำออกมาน้อยๆแล้วปฏิเสธไป หลังจากจ่ายเงินค่าขนมปังแล้วผมก็โค้งเป็นเชิงลาคุณป้าใจดีเหมือนทุกเช้าแล้วเดินออกจากร้านไป
As I whistle one, two, three (I’m walking along)
Today, again, I long for her
ระยะทางระหว่างที่ทำงานกับคอนโดของผมไม่ค่อยห่างกันมากนักบวกกับการที่ผมติดนิสัยตื่นเช้าตั้งแต่เด็กแล้วทำให้ผมเลือกที่จะเดินไปทำงานมากกว่าจะถอยมอเตอร์ไซค์ลูกรักมาใช้ ระหว่างทางที่เดินไปทำงานผมก็คว้าเอาหูฟังกับไอโฟนขึ้นมาเสียบฟังเพลงข้างนึงไปเพลินๆ
ตอนนี้ผมใกล้ถึงที่หมายแล้ว
แต่ไม่ใช่ที่ทำงานของผมหรอกครับ
ผมฮัมเพลงไปพลางเหลือบตามองคนที่อยู่บนทางเดินเท้าฝั่งตรงข้ามไปพลาง พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อที่ว่าเขาจะได้จับสังเกตไม่ได้ว่าผมกำลังมองเขาที่กำลังปิดปากหาวอยู่ พอเขาเริ่มออกเดินผมก็กระชับสายกระเป๋ากีต้าร์ที่พาดไหล่อยู่ขึ้นแล้วออกเดินไปพร้อมๆกับเขา
ผมเดินไปทำงานพร้อมกับเขาทุกวันโดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวเลย
I don’t know the way to completely get her yet
But I send my heart to her everyday
I am a sun flower bloomed next to her (sunflower, sunflower)
As I hum along (sunflower, sunflower)
“อรุณสวัสดิ์ครับครูแพคฮยอน”
“อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ครับลุงยาม”
“มาเช้าทุกวันเลยนะครับ”
“ไม่หรอกครับ อีกแปบเดียวก็ได้เวลาเปิดโรงเรียนแล้วนี่ครับ”
“ครับ แต่กว่าเด็กๆจะมาเรียนก็สายหน่อยนี่นะครับ ฮ่าๆ”
“ปิดเทอมแบบนี้เด็กๆก็ตื่นสายเป็นปกติแหละครับ ฮ่าๆๆ”
“นั่นสินะครับ... อ้อ! ขนมปังครับครูแพคฮยอน จากเจ้าเดิมเลย”
“ขอบคุณนะครับลุง ใครนะขยันซื้อมาได้ทุกวันเชียว..”
“แต่ก็ชอบใช่ไหมล่ะครับคุณครู ฮ่าๆๆ”
“โธ่ อย่าแซวสิครับ.... ผมไม่คุยด้วยแล้ว ไปเตรียมสอนดีกว่า”
น่ารัก
รอยยิ้มน่ารักๆของครูแพคฮยอนเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดในตอนเช้าแบบนี้ ยิ่งได้เห็นเวลาเขาหยิบขนมปังที่ผมเลือกให้ทุกเช้าเข้าปากแล้วเคี้ยวจนแก้มยุ้ยแบบนั้นผมก็ยิ่งมีความสุข
ผมเดินออกมาจากมุมอับในตัวตึกที่ใช้ซ่อนตัวเวลาเขาเดินมาแล้วโค้งตัวขอบคุณลุงยามที่คอยช่วยผมเอาขนมปังให้เขาทุกวัน ซึ่งลุงยามก็ยิ้มให้แล้วก้มหัวตอบเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่ผมจะเดินขึ้นตัวตึกเพื่อเตรียมตัวสำหรับการทำงานในวันนี้เช่นกัน
ผมทำงานเป็นครูสอนกีต้าร์ในโรงเรียนสอนดนตรีมาได้เกือบสามปีแล้ว ความจริงแล้วผมเป็นคนจีนที่สอบทุนมาเรียนต่อในเกาหลีได้ซึ่งผมก็เลือกที่จะเรียนในด้านดนตรีที่ผมรัก พอเรียนจบมาผมก็ได้สมัครเข้าทำงานในโรงเรียนสอนดนตรีแห่งนี้ ด้วยความสามารถด้านดนตรีที่มีติดตัวทำให้ผมได้งานนี้มา
ส่วนพยอนแบคฮยอนหรือครูแพคฮยอนคือครูสอนร้องเพลงในโรงเรียนนี้ เขาเข้ามาทำงานที่นี่ทีหลังผมเกือบปีเพราะช่วงนั้นครูสอนร้องเพลงคนเก่าขอลาออกทำให้ตำแหน่งว่าง จนกระทั่งในอีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมาคุณมินซอกก็ได้แนะนำให้ผมกับครูคนอื่นๆได้รู้จักกับครูแพคฮยอน ตอนแรกผมก็แค่รู้สึกชอบในความเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมากแถมยังอัธยาศัยดีของเขา
หลังจากนั้นไม่นานผมก็รู้ตัวเองว่าผมไม่ได้แค่ชอบเขา
ผมหลงรักทุกอย่างที่เป็นเขา หลงรักมาได้สองปีแล้ว
แต่ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้เขารู้ตัวดี ผมเลยได้แต่คอยมองเขาอยู่ห่างๆ คอยตามรับตามส่งเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวทุกวันเพียงเพราะอยากเห็นว่าเขาจะเดินทางไปกลับได้อย่างปลอดภัย และผลจากการตามดูเขาทุกวันทำให้ผมรู้ว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยทานอาหารเช้าเพราะเขาขี้เกียจไปเดินหาอะไรทานทุกวัน ผมเลยต้องซื้อขนมปังมาเผื่อเขาทุกวันด้วย
บางคนอาจจะคิดว่ามันลำบากเกินไปไหมกับการทำอะไรแบบนี้ ผมตอบเลยว่าไม่
แค่ได้เห็นเขายิ้มอย่างมีความสุขทุกวันผมก็พอใจแล้ว
I scatter the sound of love budding on the street she walks
Without her knowing.. Ah! I secretly take a look at her
“คิก.. อย่าให้จับได้นะ”
ผมที่กำลังจะเดินไปหยิบปิ๊กกีต้าร์สำรองที่ล็อกเกอร์ถึงกับยิ้มออกเพราะได้ยินเสียงบ่นอย่างน่ารักของครูแพคฮยอนดังมาจากในห้องเก็บของใช้รวมครู ส่วนเหตุผลที่บ่นก็คงเป็นเพราะน้ำขวดนึงที่วางหน้าล็อกเกอร์ของครูแพคฮยอนกับกระดาษโพสต์อิสที่ผมตั้งใจเอาแปะไว้บนขวดน้ำนั่นแหละ
‘ลืมล็อกอีกแล้วนะครับคุณครู ระวังของหาย! ห้ามดื่มน้ำเย็นนะครับ สู้ๆ J’
เพราะผมรู้ว่าคนที่ใช้เสียงมาในแต่ละวันแบบนี้ไม่ควรจะดื่มน้ำร้อนหรือเย็นจนเกินไป ทุกครั้งที่พักจากการสอนผมก็จะไปหาซื้อน้ำมาจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆแล้วเขียนข้อความแนวนี้ลงไปบนกระดาษโพสต์อิสที่ติดไว้ข้างขวดแล้วเอามันไปใส่ไว้ในล็อกเกอร์ของครูแพคฮยอนที่ชอบลืมล็อกบ่อยๆ
ที่ผมทำไปก็เพราะอยากจะเห็นรอยยิ้มของเขาก็แค่นั้นเอง
ถึงแม้ลึกๆก็อยากให้เขารู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เขาได้รับมาตลอดสองปีนั้นเป็นฝีมือของใคร
“อ้าว ครูจื่อเทา มาทำอะไรตรงนี้ครับ”
“อ..เอ่อ ผมมาเอาปิ๊กกีต้าร์สำรองน่ะครับ พอดีมีเด็กลืมเอามา”
“ขยันจังครับ ระวังเหนื่อยนะ ฮ่าๆๆ”
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ แค่นี้เอง... แล้วนี่ครูแพคฮยอนพักแล้วเหรอครับ?”
“ครับ เพิ่งได้พักเมื่อกี้นี้เอง”
“พักแล้วก็ดื่มน้ำเยอะๆนะครับ ... เดี๋ยวผมต้องไปสอนต่อล่ะ”
“ครับผม ~ สู้ๆนะครับคุณครูจื่อเทา!”
ผมยิ้มกว้างให้กับครูแพคฮยอนที่ทำท่าชูสองนิ้วให้กำลังใจผมอย่างน่ารักก่อนจะชูสองนิ้วตอบกลับไปบ้าง ครูแพคฮยอนถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าแอ๊บแบ๊วที่นานๆทีผมจะยอมทำให้ใครดู ผมหยิบปิ๊กกีต้าร์สำรองเดินออกมาก่อนจะหยุดยืนข้างประตูแล้วยิ้มกับตัวเองเหมือนคนบ้า
ไม่ยิ้มได้ยังไงล่ะครับ กำลังใจมาเต็มที่ขนาดนี้
Come over where I am, just a little bit more
So that you can see what kind of person I am
“แพคฮยอน สนิทกับครูจื่อเทาเหรอ?”
“ก็ไม่ถึงกับสนิทหรอก ทำไมเหรอคยองซู?”
ผมที่กำลังเช็คสภาพกีต้าร์ลูกรักก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋าถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อตัวเองในบทสนทนาของครูคยองซูกับครูแพคฮยอนที่ยืนคุยกันอยู่หน้าห้องสอนร้องเพลง ถึงผมจะดีใจที่ครูแพคฮยอนชมผมแต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมผมถึงกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปได้
“ก็ฉันเคยได้ยินครูคนอื่นเล่ากันมาว่าเขาเคยก่อเรื่องทะเลาะวิวาทตอนมอต้นนี่นา”
“เอ๋? ทะเลาะวิวาทเหรอ”
“อื้ม เคยมีคนเห็นในใบประวัติเขาน่ะ”
“อ่าฮะ แล้ว..... ยังไงอ่ะ?”
“โธ่ แพคฮยอน! เคยมีประวัติทะเลาะวิวาท แถมยังมีรอยเจาะหูเต็มไปหมดอีก.. เขาต้องเป็นพวกหัวรุนแรงหรือต้องเคยเป็นนักเลงมาก่อนแน่เลย น่ากลัวชะมัด”
อ๋อ.. ที่แท้ก็เรื่องนี้
สมัยมอต้นผมยังตัวไม่สูงเท่านี้ เป็นแค่เด็กตัวผอมๆแห้งๆคนนึงก็เลยกลายเป็นเป้าหมายในที่ถูกพวกรุ่นพี่แกล้งอยู่บ่อยๆ ทั้งแกล้งให้อับอายหรือทำร้ายร่างกายเล็กๆน้อยๆ ซึ่งผมก็ไม่เคยตอบโต้เพราะคิดว่าพอเบื่อแล้วพวกนั้นก็คงจะพากันเลิกแกล้งผมไปเอง จนวันนึงมันเริ่มมากเกินไปถึงขั้นเรียกไปไถเงินในห้องน้ำ พอผมไม่ให้ก็ทำท่าจะรุมผมสี่ต่อหนึ่ง
นั่นแหละ ผมถึงได้งัดวิชาวูซูที่ป๊าเคยส่งให้ไปเรียนตอนเด็กๆมาได้
ผลที่ตามมาคือผมถูกอาจารย์ปกครองทำทัณฑ์บนข้อหาทะเลาะวิวาทแค่คนเดียวเพราะไอ้สี่คนนั้นมันดันมีพ่อเป็นนายทหารใหญ่ใช้เส้นให้ลูกพ้นข้อกล่าวหาไปได้ พอป๊าผมรู้เรื่องก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังบอกด้วยว่าอย่าใช้วูซูสู้กับพวกนี้อีกเพราะวูซูเป็นของที่ใช้ปกป้องคนอื่นไม่ใช่เอาไว้ทำร้ายคนอื่น
แต่คนอื่นเขาก็ไม่รู้ไงครับว่าที่จริงไอ้ที่เขียนไว้ในใบประวัติมันมีที่มายังไงแน่ แถมช่วงวัยรุ่นผมเห่อเรื่องเจาะหูมากซะจนติดเป็นนิสัยมาถึงตอนนี้ด้วยเลยไม่ค่อยมีคนอยากเข้าใกล้ผมสักเท่าไหร่ ยกเว้นก็แต่พี่อี้ฟาน คุณป้าร้านขายขนมปัง ลุงยาม แล้วก็...ครูแพคฮยอน
แต่ก็ไม่รู้ว่าพอรู้ว่าผมมีประวัติแบบนี้แล้วเขาจะยังกล้าเข้าใกล้ผมอีกไหม
และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาตอบครูคยองซูไปว่ายังไงต่อ เพราะผมเดินหนีไปก่อนที่เขาจะพูดต่อ
She has sat down (sat down)
My love bell has rang (bell has rang)
เพราะวันนี้เด็กที่ต้องมาเรียนสองคนสุดท้ายขอเลื่อนเรียนไปทั้งคู่ผมเลยได้เวลาว่างมาถึงสี่ชั่วโมงเต็มๆ ตอนนี้ก็เพิ่งจะสี่โมงเย็นผมตั้งใจว่าจะนั่งรถประจำทางไปเดินเล่นหาซื้อพวกต่างหูหรือสร้อยคอที่มยองดงก่อนจะกลับห้องซะหน่อย ระหว่างที่รอรถอยู่ผมก็เห็นครูแพคฮยอนยืนอยู่คนละฝั่งของป้ายรถแถมยังทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกเมื่อมองหน้าผม
สายตาแบบนั้นมันทำให้ผมหายใจไม่ออก
โชคยังดีที่รถประจำทางมาซะก่อนที่ผมจะขาดอากาศหายใจตายต่อหน้าเขาซะก่อน ผมรีบก้าวขึ้นรถแล้วจ่ายค่าโดยสารก่อนจะมองหาที่นั่งว่างๆข้างหน้าต่าง
แต่ให้ตายเถอะ ครูแพคฮยอนขึ้นรถมาด้วย?
แถมยังเดินมาทางนี้อีกต่างหาก
“เอ่อ.. ผมนั่งด้วยนะ”
“ห..หา? อ่อ ค..ครับ เชิญครับ”
ครูแพคฮยอนที่ทำหน้าลำบากใจอยู่นิดหน่อยในทีแรกเริ่มยิ้มออกมาแล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างกันกับผม ผมถึงกับกอดคอเจ้ากีต้าร์ลูกรักเพียงเพราะไม่เคยรู้สึกประหม่ากับการอยู่ใกล้ใครขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับครูแพคฮยอนได้อยู่ใกล้กันถ้าไม่นับรวมการพูดคุยทักทายเล็กๆน้อยๆที่โรงเรียนสอนดนตรี
“เอ่อ.. แล้วนี่ครูแพคฮยอนจะไปไหนเหรอครับ?”
“ไม่รู้สิครับ แล้วครูจื่อเทาล่ะ?”
“ผมจะไปมยองดงน่ะครับ ว่าจะไปเดินเล่นหน่อย”
“อืม... งั้นผมคงไปมยองดงเหมือนกันแหละครับ”
เขาจะรู้ตัวไหมนะว่ากำลังทำให้ผมใจเต้นแรงแค่ไหน
The more I look, she is so pretty
(The way to her embrace) I search the way to her embrace
I am her sunflower (bloomed because of her) (sunflower, sunflower)
My heart is nervously excited (sunflower, sunflower)
แค่คำตอบที่ครูแพคฮยอนบอกออกมาก็ทำให้ผมใจเต้นจะตายอยู่แล้ว แต่นี่ผมยิ่งทำตัวไม่ถูกไปใหญ่เมื่อตอนนี้คนที่เดินอยู่ข้างๆผมแล้วคอยชวนให้ผมดูนู่นดูนี่อยู่คือครูแพคฮยอนอีกนั่นแหละ จากที่ตอนแรกคิดว่าจะเดินเล่นให้สบายใจจากเรื่องที่คิดมากอยู่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าผมเดินหิ้วสายกระเป๋ากีต้าร์โดยแทบไม่สนอะไรทั้งนั้น แม้แต่ร้านเครื่องประดับที่ผมชอบแวะดูบ่อยๆก็เถอะ
แต่ผมก็ต้องหยุดเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อกับสายตาที่เหมือนลูกหมาหงอยๆคู่นั้น
“ค..ครูจื่อเทาครับ”
“ครับ? เป็นอะไรรึเปล่าครูแพคฮยอน”
“เอ่อ.. ผมขอจูงมือหน่อยได้ไหม”
แค่เดินด้วยกันก็ใจเต้นจะแย่แล้ว แล้วถ้าจูงมือผมไม่หัวใจวายไปข้างเลยเหรอเนี่ย..
แต่สุดท้ายผมก็ยอมนะครับ ก็ดูเหตุผลของเขาสิ
แล้วดูหน้าที่แดงขึ้นมาหน่อยๆกับเสียงที่หายไปไหนแล้วไม่รู้นั่นสิ
“ผม...กลัวหลง”
เพิ่งเคยเห็นครูแพคฮยอนเขินชัดๆเนี่ยแหละครับ
น่ารักที่สุดเลยเถอะ..
“ย๊า.. ครูจื่อเทาอย่าหัวเราะสิ”
“ขอโทษครับ ฮ่าๆๆ แต่ผมหยุดไม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆ”
ผมได้แต่ขำไม่หยุดกับท่าทางเหมือนจะหงุดหงิดไม่น้อยของครูแพคฮยอนที่ตอนนี้บนหน้ามีซอสสีดำของจาจังมยอนเปื้อนอยู่ คงเป็นเพราะหิวมากเลยทำให้เจ้าตัวรีบกินจนน้ำซอสสีดำเปื้อนหน้าเปื้อนจมูกขนาดนี้ พอผมเห็นแล้วหัวเราะแล้วก็ยิ่งหัวเราะหนักไปอีกเมื่อเขาพยายามจะเช็ดน้ำซอสนั้นออกแต่ก็เช็ดไม่โดนซะทีจนผมอดไม่ไหวหยิบทิชชู่มาช่วยเช็ดแทน
“หมดแล้วล่ะครับ”
“อ..เอ่อ ขอบคุณนะครับ..”
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าระยะห่างระหว่างเราสองคนน้อยลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้เอาอีกทีก็ตอนครูแพคฮยอนพูดเสียงแผ่วเหมือนกับตอนที่ขอให้ผมจูงมือให้ แถมยังมีแก้มที่แดงกว่าตอนนั้นอีกมาเป็นหลักฐานด้วย ผมเลยได้แต่ถอยตัวกลับมาก้มหน้ากินเจ้าบะหมี่ดำที่เหลือจนหมดแทน
“คุณ.. ไม่เหมือนที่คยองซูบอกจริงๆด้วย”
“ครับ...?”
“ผมรู้นะครับว่าคุณได้ยินที่ผมกับคยองซูคุยกัน”
“ก็.. นิดหน่อยน่ะครับ ผมชินแล้วล่ะกับการโดนคนอื่นมองแบบนี้”
“ไม่จริงหรอกครับ เรื่องเจาะหูผมว่ามันเป็นสไตล์ของแต่ละคนนะ ส่วนเรื่องทะเลาะวิวาทผมก็ไม่คิดหรอกว่าคุณจะเป็นคนเริ่มก่อน”
“ฮะๆ ครูแพคฮยอน... คุณเป็นคนที่แปลกจริงๆนะครับ ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ถ้าคุณเป็นคนหัวรุนแรงคุณก็คงไม่มีความอดทนถึงขนาดสอนใครได้หรอกครับ แล้วก็....”
“แล้วก็..?”
“เอ่อ.. ความลับครับ!”
ผมได้แต่เกาหัวอย่างสงสัยกับท่าทางเหมือนปกปิดอะไรอยู่ของครูแพคฮยอนก่อนจะเลิกคิดแล้วหันมาก้มหน้าก้มตาจัดการจาจังมยอนจนหมด พอเราสองคนกินเจ้าบะหมี่ดำนี่หมดก็พากันจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้านไปโดยที่ผมก็ไม่ลืมจูงมือครูแพคฮยอนที่กลัวหลงทางไปด้วย ระหว่างที่เดินดูอะไรกันไปเรื่อยๆครูแพคฮยอนก็พูดขึ้นมาเหมือนเป็นการบ่นกับตัวเองแต่ผมก็ได้ยินมันชัดทุกคำ
“คุณใจดีกับผมขนาดนี้แล้วคุณจะเป็นคนแบบนั้นได้ไงล่ะ...คนโง่”
โอ้... พระเจ้าครับ อย่าให้เขารู้เลยนะว่าตอนนี้ผมใจเต้นแรงแค่ไหน
In order for her to come toward me because of my scent
I sometimes stand in the moonlight, all night long
I stand here as always- so she can stop to greet me
เรามารอรถประจำทางกันตอนเวลาเกือบสองทุ่ม รอไปได้ไม่ถึงห้านาทีรถก็มาถึง ผมให้ครูแพคฮยอนเดินขึ้นก่อนแล้วค่อยเดินตามหลังเพราะดูเหมือนจะติดเป็นนิสัยไปแล้วกับการคอยระวังความปลอดภัยให้เขา ครูแพคฮยอนเลือกนั่งข้างหน้าต่างแล้วชวนให้ผมมานั่งด้วยกันซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ ผมพาเจ้ากีต้าร์ลูกรักวางลงกับพื้นรถแล้วนั่งข้างกันกับเขา
“วันนี้ผมสนุกมากเลย ขอบคุณนะครับครูจื่อเทา”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็เหมือนกัน.. วันนี้ผมมีความสุขมากเลยนะครับ”
ผมตอบไปตามที่คิดโดยไม่เสแสร้ง วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดจริงๆ และดูเหมือนว่าครูแพคฮยอนก็เหมือนกันเพราะเขายิ้มให้ผม ยิ้มเหมือนกับทุกเช้าที่เขายิ้มให้กับถุงขนมปังที่ผมซื้อให้โดยที่เขาไม่รู้ ยิ้มเหมือนกับที่เขายิ้มให้กับเจ้าขวดน้ำกับกระดาษโพสต์อิสที่ผมใส่ไว้ในล็อกเกอร์ทุกวัน
เขายิ้มแบบที่ผมชอบที่สุดให้ผม
“ครูแพคฮยอนครับ ยิ้มแบบนี้บ่อยๆนะ”
“คิก.. ได้สิครับ ครูจื่อเทาก็ต้องยิ้มเป็นเพื่อนผมบ่อยๆด้วย”
“ฮ่าๆๆ ไม่ยืนยันได้ไหมครับ”
เพราะผมไม่ได้อยากเป็นเพื่อนคุณซะหน่อย J
“ยิ้มเถอะ ผมชอบให้คุณยิ้มนะครับ”
แต่ผมก็ยอมเพราะประโยคนี้แท้ๆเลย..
ผมนั่งมองคนที่เผลอหลับไปทั้งๆที่หัวพิงกระจกรถก่อนจะตัดสินใจช้อนหัวเล็กๆนั่นขึ้นมาไว้บนไหล่ตัวเองเพราะกลัวว่าหัวของเขาจะกระแทกกระจกซะก่อน และเหมือนคนที่หลับจะพอใจเมื่อรู้สึกว่านอนสบายมากกว่าเดิมจนอมยิ้มออกมาทั้งที่เขายังนอนอยู่อย่างนั้นจนผมต้องเผลอยิ้มตามไปด้วย
จนเมื่อใกล้ถึงป้ายที่ต้องลงผมถึงปลุกครูแพคฮยอนขึ้นมา เขามีท่าทางงัวเงียจนผมแทบเปลี่ยนใจอยากให้เขานอนต่อถ้าไม่ติดว่าต้องลงแล้ว ผมสะพายเจ้ากีต้าร์ลูกรักขึ้นหลังแล้วให้เขาเดินออกมาก่อนแล้วค่อยเดินตาม พอลงรถมาเราก็ต้องเดินไปอีกหน่อยถึงจะถึงอพาร์ตเม้นท์ที่ครูแพคฮยอนอยู่ผมเลยอาสาขอไปส่งเขา ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมเพราะกลัวผมลำบากแต่พอผมบอกว่าเดินไปทางเดียวกันเขาก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าตกลงทันที เราสองคนก็เดินมาด้วยกันเรื่อยๆจนถึงหน้าอพาร์ตเม้นท์ของเขาที่ผมคุ้นเคยดี
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วก็.... เอ่อ.. ฝันดีนะครับ”
“คิก.. ฝันดีครับครูจื่อเทา”
ผมยืนมองครูแพคฮยอนยิ้มให้อย่างน่ารักแล้วโบกมือให้ จนกระทั่งเขาวิ่งขึ้นอพาร์ตเม้นท์ไปผมถึงได้ยอมเดินกลับคอนโดของตัวเองบ้าง ความจริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาส่งเขาเพราะปกติถ้าผมเลิกสอนก่อนเขาผมก็จะเดินออกมาจากตึกพร้อมกับเขาแต่เป็นที่ฝั่งตรงข้ามเหมือนกับที่ตอนเช้าผมเดินไปทำงานพร้อมเขานั่นแหละ
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าผมมองเขาอยู่ทุกวันก็แค่นั้นเอง
แต่ผมก็จะยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
เผื่อว่าสักวันเขาจะรู้...แล้วหันมามองผมบ้าง
As I whistle one, two, three (I’m walking along)
Today, again, I long for her
I don’t know the way to completely get her yet
But I send my heart to her everyday
I am a sunflower bloomed next to her (sunflower, sunflower)
As I hum along (sunflower, sunflower)
วันนี้ผมก็ยังคงตื่นในเวลาประมาณหกโมงเหมือนเดิม เหมือนว่ามันจะติดเป็นนิสัยไปซะแล้วที่ผมจะต้องตื่นเวลานี้ ผมขยี้ผมไล่ความง่วงแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ พออาบน้ำเสร็จผมก็มาหวีผมจัดทรงผมแล้วมานั่งทาครีมทาโลชั่นบำรุงที่ยังเหลือเต็มกระปุกเหมือนทุกวัน
วันนี้ผมเลือกใส่เสื้อกล้ามสีขาวคอกว้างใส่คู่กันกับเสื้อตัวนอกสีฟ้ากับกางเกงยีนส์สีขาว ส่วนเครื่องประดับผมก็เลือกใส่สร้อยคอเงินกับต่างหูอีกสามอัน ผมยืนเช็คตัวเองในกระจกจนพอใจแล้วก็สะพายกีต้าร์ลูกรักขึ้นบ่าไปทำงาน
ผมเดินถือถุงขนมปังสองถุงแล้วเดินไปตามทางพร้อมกับฮัมเพลงที่ไอโฟนสุ่มมาไปด้วยก่อนจะหยุดยืนรอคนที่ผมซื้อขนมปังให้ที่กำลังเดินลงมาจากบันไดอพาร์ตเม้นท์ฝั่งตรงข้าม พอเขาเดินลงมาถึงข้างล่างผมก็เริ่มออกเดินไปพร้อมๆกับเขา ระหว่างที่เดินผมก็หันมองเขาเป็นระยะๆสลับกับมองทางข้างหน้าไปด้วย แต่เหมือนวันนี้ผมจะรู้สึกแปลกๆเพราะผมรู้สึกเหมือนเขายิ้มให้ผมอยู่
สงสัยจะคิดมากไป
พอช่วงใกล้ถึงตัวตึกผมก็รีบเดินเร็วขึ้นแล้วเอาถุงขนมปังไปฝากให้ลุงยามช่วยเหมือนกับทุกวันซึ่งลุงแกก็ยิ้มรับแล้วพยักหน้าเหมือนเดิม ผมรีบไปซ่อนตัวอยู่ที่เดิมรอดูปฏิกิริยาของครูแพคฮยอนที่กำลังเดินข้ามถนนมา
ครูแพคฮยอนกับลุงยามทักทายกันเหมือนปกติก่อนที่ลุงยามจะยื่นถุงขนมปังให้ครูแพคฮยอน แต่วันนี้มีอะไรที่ผมคิดว่าผิดสังเกตไปหน่อย ครูแพคฮยอนยิ้มแล้วโค้งตัวขอบคุณลุงยามแบบปกติแล้วเดินขึ้นตัวตึกไปโดยที่ไม่แตะต้องขนมปังในถุงเลย ทั้งที่ปกติแล้วเขาจะเดินไปกินไปทุกวัน
จะว่าไม่สบายก็ไม่น่าใช่ เพราะผมจำได้ว่าเวลาไม่สบายเขาจะขอลาหยุดไปเลยไม่ฝืนตัวเอง
หรือว่าเขาจะไม่อยากกินขนมปังแล้วนะ?
She has sat down (sat down)
My love bell has rang (bell has rang)
The more I look, she is so pretty
(The way to her embrace) I search for the way to her embrace
วันนี้ผมรู้สึกว่าขนมปังที่เคยชอบกินอยู่ทุกวันไม่อร่อยเท่าวันอื่นเท่าไหร่จนผมต้องวางมันไว้บนโต๊ะเพราะรู้สึกอิ่มตื้อขึ้นมาเสียเฉยๆ ผมหยิบเจ้ากีต้าร์ลูกรักขึ้นมาดีดเล่นฆ่าเวลาที่ปกติจะเสียไปกับการกินขนมปังและการแอบมองครูแพคฮยอนอยู่ห่างๆจนกว่าครูคยองซูที่สอนคู่กับเขาจะมา แต่วันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากทำแบบนั้นเท่าไหร่
ผมนั่งดีดกีต้าร์เป็นทำนองเพลงเท่าที่จะคิดออก แต่เหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่แปลกจริงๆนั่นแหละเพราะครูแพคฮยอนที่ชอบเตรียมตัวสอนในห้องสอนร้องเพลงตอนเช้ากำลังยืนมองผมอยู่หน้าประตูห้องสอนกีต้าร์ของผมโดยที่ในมือก็ถือถุงขนมปังที่ผมซื้อให้เขาอยู่ด้วย
เฮ้ย.. ถ้าเขาเห็นถุงขนมปังจากร้านเดียวกันเขาก็สงสัยสิวะ
ผมที่เพิ่งนึกออกรีบวางกีต้าร์ลูกรักแล้วหยิบถุงขนมปังที่วางเด่นบนโต๊ะมาซ่อนไว้ข้างหลังตัวเองแต่ก็เหมือนจะไม่มิดเพราะครูแพคฮยอนถึงกับหลุดขำเมื่อเห็นท่าทางของผม
“คิก.. ฮ่าๆๆ ไม่ทันแล้วครับครูจื่อเทา”
“อ่า.. อ...อรุณสวัสดิ์ครับครูแพคฮยอน”
“อรุณสวัสดิ์ครับ... ผมขอนั่งนะ”
“เอ่อ.. ครับ เชิญครับ”
ครูแพคฮยอนเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นห้องข้างกันกับผมจนผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเมื่อวานตอนขึ้นรถประจำทางที่เขาเดินมานั่งข้างๆผม แต่ต่างกันแค่ตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคนในห้องแต่เมื่อวานเราอยู่บนรถประจำทางที่ยังมีคนอยู่บ้าง ยิ่งคิดใจมันก็ยิ่งเต้นแรง แล้วมันยิ่งเต้นแรงไปอีกเมื่อได้ยินครูแพคฮยอนพูดไปพร้อมๆกับอมยิ้มอย่างน่ารัก
“ขอบคุณสำหรับขนมปังนะครับครูจื่อเทา”
“คุณ.. รู้?”
“ตอนแรกก็สงสัยอยู่แล้วน่ะครับ แต่รู้เพราะเมื่อวานนั่นแหละ... ผมจำได้ว่าคอนโดคุณอยู่ติดกับร้านขนมปังร้านนี้ ผมเคยไปซื้อกินอยู่”
จริงสิ เมื่อวานผมบอกกับเขาไปเองนี่นาว่าผมพักอยู่ที่ไหน..
แกพลาดแล้วหวงจื่อเทา
“แถมวิธีพูดของคุณก็เหมือนกับคนที่เขียนโพสต์อิทให้ผมทุกวันด้วย ผมจำได้”
แหงสิครับ ผมเคยพูดแบบเป็นห่วงเป็นใยใครแบบนี้ที่ไหนล่ะ
“ที่สำคัญ.. ผมเห็นคุณที่ฝั่งตรงข้ามทุกเช้าเลยด้วย บางเย็นก็เห็นนะครับ”
“เอ่อ.. คุณเห็น...ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“ก็.. เกือบสองปีแล้วล่ะครับ”
ก็ตั้งแต่ช่วงแรกๆเลยสิเนี่ย
ผมได้แต่เกาท้ายทอยตัวเองแก้เขินเมื่อได้ยินอย่างนั้นก่อนจะวางกีต้าร์ลูกรักในมือลงแล้วหันมาให้ความสนใจกับถุงขนมปังที่ซ่อนอยู่ข้างหลังแทน น่าแปลกที่ตอนนี้มันอร่อยกว่าตอนที่กินเมื่อกี้เยอะเลยทั้งที่รสชาติมันก็ยังเหมือนกับทุกวัน ก่อนที่ผมจะต้องหันไปให้ความสนใจครูแพคฮยอนที่กระตุกชายเสื้อผมเบาๆแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแก้มแดงเรื่อ
“นี่”
“ค...ครับ?”
“วันหลังขนมปังน่ะใส่ถุงเดียวกันก็ได้นะครับ ใช้ถุงเยอะแล้วโลกมันร้อน.....”
ครูแพคฮยอนพูดแล้วหยิบขนมปังในถุงที่วางอยู่ต่อหน้าเขาออกมานั่งก้มหน้ากินเงียบๆ ถึงเขาจะก้มหน้ามากแค่ไหนแต่ผมก็สังเกตเห็นได้ว่าแก้มยุ้ยๆสองข้างที่เคี้ยวขนมปังอยู่นั้นมันกำลังแดงไม่แพ้ผมเหมือนกัน เผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
วันนี้ครูแพคฮยอนของผมก็น่ารักอีกแล้วสิน่า..
I am her sunflower (bloomed because of her) (sunflower, sunflower)
My heart is nervously excited (sunflower, sunflower)
ผมหันมองคนที่เดินด้วยกันข้างๆเป็นระยะก่อนจะกระชับมือที่จับจูงกันอยู่ให้แน่นขึ้นจนได้ยินเสียงหัวเราะหลุดมา ผมยิ้มให้ครูแพคฮยอนแล้วยื่นหูฟังสีขาวให้เขาลองฟังเพลงที่ผมฟังอยู่ด้วย ผมฮัมเพลงที่เราฟังด้วยกันขณะที่เดินช้าๆไปด้วย สักพักนึงผมก็ได้ยินเสียงครูแพคฮยอนร้องตามเพลงออกมาเบาๆแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่มันก็ทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยทีเดียว
“นานึน คือนยอ มลแร...มุลคือรอมี โบเน”
โดยที่เธอไม่รู้ตัว...ผมกำลังแอบมองเธออยู่
ผมรอให้เพลงเล่นไปเรื่อยๆจนถึงท่อนที่รออยู่ก่อนจะร้องตอบกลับไปบ้าง และดูเหมือนว่ามันจะทำให้เขาเขินขึ้นมาได้อีกแล้ว สังเกตได้จากแก้มแดงเรื่อๆสองข้างนั้นแหละครับ
“โบโก โต บวาโด นอมู เยปึน ซารัม..”
ยิ่งผมมองเธอก็ยิ่งน่ารัก..
และสิ่งที่ผมได้ตอบมาคือแรงฟาดที่ไม่เบานักแต่ก็ไม่แรงมากจากครูแพคฮยอนกับหน้าหวานๆนั่นที่แยกเขี้ยวใส่เหมือนจะบอกว่า ‘เขินแล้ว’ ซึ่งผมก็ได้แต่ขำกับท่าทางน่ารักๆอย่างนั้นจนอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกเล็กๆนั้นอย่างหมั่นเขี้ยวแต่ก็ต้องปล่อยออกเมื่อเห็นเขาทำหน้าจริงจังมาให้
“นี่..”
“หืม.. ครับ?”
“อย่าปล่อยมือผมนะ”
ผมถึงกับยิ้มออกมาไม่หุบเมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนไม่มีอะไรแต่ก็แฝงความหมายได้ดี ซึ่งผมก็ให้คำตอบด้วยการกระชับมือเล็กๆนี้แน่นขึ้นเป็นคำตอบให้แทนซึ่งครูแพคฮยอนก็รู้ดีว่าผมต้องการจะสื่ออะไร เพราะผมไม่ใช่คนพูดอะไรหวานๆเท่าไหร่และมักจะเน้นการกระทำมากกว่า
“ไม่ปล่อยแน่นอนครับ”
ขืนขาดเขาไปผมก็แย่สิครับ
เขาน่ะ.. เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ของผมเลยนะ J
END ♥
.. TALK ..
ได้พล็อตมาจากตอนนั่งฟังเพลงนี้ในเช้าวันนึง ส่วนตัวชอบเพลงนี้อยู่แล้วด้วย
กว่าจะแต่งจบก็นั่งเขินไปหลายรอบกับความหมายเพลง 5555555555
ตอนแรกก็นั่งคิดว่าจะให้จื่อเทาเป็นอะไรดี นั่งขุดรูปทั้งโฟลเดอร์ดูเผื่อได้ไอเดีย
สุดท้ายก็ครูจื่อเทามาเพราะรูปพรีเดบิวต์ที่ทำท่าดีดกีต้าร์นั่นแหละคะ - // -
ความคิดเห็น