OS > เอ็กโซแฟนตัวร้ายกับยัยแบคฮยอน {Exofan x Baekhyun} - OS > เอ็กโซแฟนตัวร้ายกับยัยแบคฮยอน {Exofan x Baekhyun} นิยาย OS > เอ็กโซแฟนตัวร้ายกับยัยแบคฮยอน {Exofan x Baekhyun} : Dek-D.com - Writer

    OS > เอ็กโซแฟนตัวร้ายกับยัยแบคฮยอน {Exofan x Baekhyun}

    คนเราไม่ได้มีความอดทนและเหตุผลสำหรับทุกเรื่อง ฉันยอมรับว่าฉันโกรธนายแต่ฉันกลับโกรธตัวเองมากกว่าที่ทำให้นายยิ้มไม่ได้ -- เอ็กโซแฟนตัวร้าย

    ผู้เข้าชมรวม

    1,116

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.11K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    14
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 มิ.ย. 57 / 22:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    ONE SHOTเอ็กโซแฟนตัวร้ายกับยัยแบคฮยอน

    {Exofan x Baekhyun}

     

     

     

    กระเทยท้อค

    ดีจ้าาาา แหมๆเห็นชื่อเรื่องและตัวละครแล้วคงจะตกใจกันล่ะสิ อิอิอิ น่ารักใช่มั้ยล่ะ >< คือตอนแรกอ่ะก็กะว่าจะไม่แต่งอะไรในทำนองนี้แล้ว แต่สุดท้ายเราก็อดไม่ได้หลังจากที่ได้เห็นรูปน้องแบคเมื่อวาน กระเทยรู้สึกว่าสงสารน้องแบคมากๆเลยค่ะ รู้สึกเหมือนว่าน้องมันเข้มแข็งไม่ไหวแล้ว คือเราก็ไม่อยากจะโอ๋น้องมันหรอก อยากจะให้มันรู้ตัวเอง แต่ก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของแบคฮยอนอยู่ ดังนั้นช็อตฟิคเรื่องนี้จึงเกินขึ้น

    ปล.เรื่องเป็นเพียงแค่เรื่องในโลกมโนของกระเทยเท่านั้นนะคะ
     

    © themy butter

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

       

       

       



       

       

       

      พฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2557 ลือสนั่น! แบคฮยอน EXO คบ แทยอน SNSD + ภาพจูบสวีทหวานในรถ

        

      ถือว่าเป็นข่าวที่สร้างความช็อคให้กับแฟนคลับอีกระลอก หลังสื่อเกาหลี Dispatch ตีข่าวถึงการสานสัมพันธ์ระหว่างนักร้องร่วมค่าย แบคฮยอน”(Baekhyun) แห่งวงบอยแบนด์ชื่อดัง EXO และนักร้องสาวคนดัง แทยอน”(Taeyeon) แห่งวง Girls’ Generation (SNSD)

       

      มีรายงานว่า ทั้งคู่ได้คบหาเป็นแฟนกันแบบลับๆ มาเป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว ผู้สื่อข่าวยังได้รายงานอีกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เป็นที่สังเกตครั้งแรก ขณะที่วง EXO กำลังฝึกซ้อมการแสดงคอนเสิร์ตแรกของพวกเขา และ แทยอนได้ส่งข้อความให้กำลังใจ แบคฮยอนที่กำลังเหน็ดเหนื่อยกับการฝึกซ้อมตลอดทั้งคืน เพื่อปรับเปลี่ยนท่าเต้นกลุ่มทั้งหมด หลังจากที่ คริส”(Kris) สมาชิกของวง EXO อีกคน เพิ่งจะยื่นฟ้องขอฉีกสัญญากับบริษัท

       

      แทยอนมุ่งหน้าไปที่หอของ แบคฮยอนเพื่อรับเขาไปในที่ๆ ไม่สะดุดตาคน และใช้เวลาเดทกันในรถ สื่อ Dispatch ยังได้กล่าวอีกว่า ทั้งคู่มีการนัดเจอกันอีกหลายครั้ง ทั้งก่อนคอนเสิร์ต และหลังคอนเสิร์ต ในวันที่ 26 และ 28 มิถุนายน 2014 ก่อนที่ Girls’ Generation จะบินไปญี่ปุ่น แน่นอนว่า แบคฮยอนก็เคยไปหา แทยอนที่หอด้วยเช่นกัน

       

      แหล่งข่าววงในได้เปิดเผยว่า แบคฮยอน เลือก แทยอน ให้เป็นผู้หญิงในสเปก เมื่อตอนที่เขาเพิ่งเดบิวต์ แล้วแทยอน ก็เห็นว่ามันน่ารักดีทั้งสองคนมีท่าทีสนใจกันและกัน ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว และเริ่มคบหาเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

      [คลิกที่รูปเพื่อขยายรูปภาพค่ะ]

       

       

       

      แล้วก็เหมือนกับว่าท้องฟ้าทั้งหมดมันพังทลายลงมากองอยู่ตรงหน้าเมื่อได้รู้ข่าว ตอนแรกก็ไม่มีใครคิดจะเชื่อหรอกออกจะดูไปทางตลกเสียด้วยซ้ำไป หมายถึง...ตลกร้ายน่ะ แม้ว่าทุกคนจะพยายามทำใจไม่เชื่ออย่างไร ทว่าหลักฐานมันก็คำคอทุกคนเอาไว้ให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ บ้างก็พยายามอ้างว่าพี่น้องกันทำไมจะไปรับไปส่งกันไม่ได้ แต่ในรูปนั้นมีทันการกระทำหวาบหวามจนยากเกิดกว่าที่จะคิดว่าทั้งสองเป็นเพียงแค่พี่น้อง

       

      นั่นมันคือการเดทพวกเขารู้ดี....

       

      แฟนคลับจำนวนมากต่างก็ใจสลายกันไปเป็นแถบๆ ไม่ทันที่ใจจะหายเจ็บจากการที่สมาชิกออกจากวงไปดี ก็มีข่าวใหม่เข้ามาซ้ำเติมอีกแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนี้ก็คงจะเป็นการทำใจนั่นแหละ...มันยากนี่คือสิ่งที่แฟนคลับอยากจะบอกไปให้ทุกๆฝ่ายรู้ และก็น่าจะรู้อีกสักหน่อยว่าแฟนคลับไม่ใช่อะไรก็ตามที่จะสามารถเหยียบย่ำเท้าซ้ำไปซ้ำมาได้

       

      แบคฮยอนคนทรยศ

       

       

      งั้นมาดูกันซิว่า ทำไมแบคฮยอนถึงต้องถูกเรียกว่า คนทรยศ

       

       

       

      มุมมองของยัยแบคฮยอน

       

       

      You're the reason I still hope

      คุณคือเหตุผลว่าทำไมผมยังคงมีความหวัง 

      You're the reason I still joke

      คุณคือเหตุผลว่าทำไมผมยังคงตลกได้

       

       

      นี่เป็นวันที่ยอดแย่ที่สุดของไอดอลหนุ่มที่หนทางกำลังไปได้สวยอย่าง บยอน แบคฮยอน

      ผมกำลังขลุกตัวอยู่ในหอของผม กินนอนนั่งเขี่ยเท้าไปมาบนเตียงอย่างเบื่อหน่าย ต้องปิดกั้นตัวเองไม่ให้ออกไปไหนและไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นๆได้ถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันจริงหรอ เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงโง่เง่าทำเรื่องแบบนั้นได้ลงทั้งที่ตัวเองยังเป็นแค่นกเล็กหัดบิน! และการไม่พูดอะไรดูเหมือนว่าจะเห็นหนทางเดียวสำหรับผมจริงๆนั่นแหละ เพราะถ้าขืนพูดออกไปก็คงไม่มีใครมาเชื่อและให้ความเห็นใจหรอก

       

       

      ผมเรียกมันว่าความผิดพลาด

       

      และผมต้องลุกขึ้นสู้ให้ได้แม้ว่าตอนนี้ผมจะเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม

       

       

      ผมอ่านมันทุกคอมเม้นต์ รับรู้ถึงความโกรธของพวกเขา ทุกความเกลียดชังที่เขาพิมพ์เป็นตัวหนังสือในโลกโซเชี่ยล หรือแม้กระทั่งใต้รูปของผม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำแม้กระทั่งการกรีดข้อมือตัวเอง ผมก็เห็นมันด้วยตัวเองทั้งหมด ผมไม่โกรธพวกเขาหรอก ผมผิดเองที่ไม่สามารถทำตัวเองให้ดีได้มากเท่าที่พวกเขารักผม ถ้ามันทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นก็ด่าผมมาเถอะ ด่าจนมันเท่ากับความเสียใจทั้งหมดที่เสียไป


       

      ยิ่งทุกคนเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งเป็นกังวล


       

      ผมกังวลว่าพวกเขาจะเลิกกินโอริโอเพราะถ้าหากชีวิตนี้พวกเขาหยุดกินมันไป ชาตินี้ทั้งชาติพวกเขาจะไม่มีอะไรอร่อยๆเอาไว้ทานกันนมนะ ผมกลัวว่าไฟอาจจะคลอกนิ้วของพวกเขาได้ถ้าหลังจากที่เผารูปของผม และผมอยากจะถามเธอที่กรีดแขนคนนั้นว่าเธอได้ไปโรงพยาบาลรึยัง... อยากจะบอกกับเธอว่าผมไม่มีค่ามากขนาดที่เธอจะต้องเสียใจกรีดข้อมือสวยๆของเธอแบบนั้นหรอก มันจะแผลเป็นนะ...และมันคงไม่สวยแน่ๆยามที่เธอต้องยื่นมือไปให้สามีสวมแหวนให้

       

      และที่ผมอยากบอกที่สุดเลยก็คือ...

       
       

      ผมรักพวกคุณทุกคนนะ ไม่ใช่แค่เพราะเป็นไอดอล แต่เพราะผมรักพวกคุณจริงๆ

       

       

      ผมมีหลายอย่างที่อยากจะพูดมันออกไป อยากออกไปข้างนอกเพื่อที่จะดูว่ายังมีแฟนๆรอผมอยู่รึเปล่า หรือว่าเกลียดกันจนไม่อยากเห็นขี้หน้ากันแล้ว แต่ทางบริษัทสั่งห้ามไม่ให้ผมออกไปข้างนอกอีก นอกเสียจากที่ว่าจะมีงานจริงๆ ผมจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่บนเตียงนอนของชานยอลรูมเมทของผม

       

      หอของเราเงียบสะงัดเพราะเมมเบอร์คนอื่นๆดูเหมือนจะมีงาน แต่ทว่าผมนั้นกลับถูกยกเลิกงาน ผมเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันจะต้องเกิดขึ้น มันเป็นกรรมสนองจากการกระทำที่ไม่ถูกต้องของผม สมควรแล้วที่ต้องอยู่คนเดียวในห้องที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาของตัวเอง

       

      แล้วค่ำคืนนี้ผมก็ไม่มั่นใจเลยว่าผมจะผ่านมันไปได้ยังไง

       

       

       

       

       

       

       

       

      นี่เป็นเช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยสดใสนัก

       

      เจ็ดโมงเช้า ผมถูกปลุกขึ้นมาจากเตียงนอนของชานยอลด้วยตัวเจ้าของเตียงเอง ผมงงนิดหน่อยที่มาเจอเขาตอนเช้าตรู่ทั้งๆที่ชานยอลควรจะนอนหลับกับหมอนบีเกิ้ลในบ้านรูเมท ครอบครัวใหญ่ที่แสนน่ารักนั่น แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ทักทายเขา ชานยอลก็หลุบหายออกไปจากห้องนอนเสียก่อนอย่างกับเดินทะลุกำแพงได้

       

      ผมจึงต้องลุกขึ้นจากเตียงนอนล้างหน้าล้างตาอย่างช่วยไม่ได้ที่โดนปลุกตั้งแต่เช้า ผมเดินออกมาจากห้องพร้อมกับบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นกรอบ และดูท่าว่าสมาชิกคนอื่นๆน่าจะกลับมากันนอนกันแล้วเพราะผมสังเกตได้จากรองเท้าที่ถอดทิ้งเอาไว้ระเกะระกะตรงหน้าห้องของเรา

       

      ผมถอนหายใจที่เห็นกองรองเท้ามหึมาอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเดินไปจัดการเรียงรองเท้าให้เข้าคู่เรียงตัวกันตามแนวผนัง เมื่อเสร็จแล้วผมก็ยืนขึ้นแล้วกอดอกเพื่อชมผลงานที่แสนเป็นระเบียบของตัวเอง ผมยังจำช่วงที่เราโปรโมทมาม่ากันได้ ตอนนั้นฐานแฟนคลับของเรายังไม่มีเยอะเท่าปัจจุบัน เมมเบอร์คนที่ขนาดเท้าใกล้เคียงกันก็มักจะแลกร้องเท้ากันใส่เสมอเพราะว่ายังไม่มีแฟนๆส่งของมาซัพเพอร์เยอะเท่าไหร่

       

      ดูสิเมื่อคืนเข้าต้องกลับมาดึกๆดื่นๆแน่นอน แล้วก็น่าจะง่วงจนไม่มีเวลาเก็บรอเท้าเข้าที่เรียบร้อย แต่ไม่เป็นไรนะ แบคฮยอนคนนี้อยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะดูแลร้องเท้าทุกคู่ภายในบ้านเอง ส่วนพวกนายก็ไปพักเถอะ...พวกนายคงกำลังเหนื่อยกันมากแน่ๆ

       

      เหนื่อยเพราะคนแบบผม

       

      “แบคฮยอนกินข้าว” แล้วเสียงทุ้มๆของชานยอลก็เรียกสติของผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเผลอร้องไห้เพราะรองเท้าห้าคู่ตรงหน้าตัวเอง

       

      “จ่ะ พ่อ~” ผมยกหลังมือขึ้นปาดเข้ากับกับหางตาตกๆของตัวเองก่อนจะกลับมาเป็นบีเกิ้ลที่แสนสดใสวิ่งดุกดิกๆเข้าไปในห้องครัวตามเสียงเรียกและกลิ่นหอมอ่อนๆของข้าวหุงสุกใหม่ ผมหย่อนก้นลงนั่งกับเก้าอี้ตัวที่มีอาหารวางอยู่ไม่กี่อย่าง แน่นอนว่ามันต้องอร่อยเพราะคนที่กำลังยืนหันหลังตักข้าวให้ผมนี่ก็คือพ่อครัวที่เก่งที่สุดของเอ็กโซ่ ปาร์ค ชานยอล

       

      “ได้ข่าวว่านายไม่ยอมกินข้าวหรอ” ชานยอลว่าพร้อมกับเดินมาวางถ้วยที่ตักข้าวใส่จนพูนขึ้นมาวางเอาไว้บนโต๊ะตรงหน้าของผม ชานยอลมองมาที่ผมและผมรู้ว่าเขากำลังจับผิดรอยยิ้มของผม

       

      “นายไม่เห็นหรอว่าฉันยังอ้วนเหมือนเดิม” ผมว่าก่อนจะตักซุบถั่วหงอกขึ้นมาซดเสียงดัง แล้วตักข้าวขึ้นมากินคำใหญ่ทั้งๆไม่ได้รู้สึกหิวอะไรมากขนาดนั้น และดูเหมือนว่าชานยอลจะจับความผิดปกตินี้ของผมได้ เขาจึงยกมือมาแตะเข้าที่สันกรามของผมเบาๆ

       

      ผมกลืนข้าวที่เคี้ยวลงคออย่างยากลำบากเมื่อถูกชานยอลจับเท็จได้อย่างจัง ผมรู้ว่าเขารู้ว่าผมกำลังโกหกเขา เพราะใบหน้าของผมมันบอกเขาได้ดีเลยว่าผมซูบลงไปกว่าเมื่อก่อนมาก ซูบเยอะกว่าตอนที่ไดเอทแรกๆอีก

       

      “พี่เมเนบอกฉัน...”

       

      “พี่เมเนคงไม่ได้เห็นฉันตอนกินข้าวแน่ๆเลย ชานยอลนายก็รู้...ฉันไม่เคยหยุดตัวเองเวลาหิวได้” ผมพูดให้ชานยอลหายคลาแคลงใจพร้อมกับจ้วงข้าวเข้าปากคำใหญ่อย่างไม่อาย แล้วชานยอลก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่ผมเหมือนเหนื่อยที่จะพูดเต็มทน ก่อนจะหันหลังให้แล้วจัดการล้างกระทะและถ้วยที่ถูกสะสมตั้งแต่เมื่อวาน

       

      ผมรู้สึกผิดที่ต้องโกหกออกไป แต่มันจะดีกับเราทั้งสองคนหากเราทำเป็นลืมๆเรื่องนี้ไป ผมค่อยๆเคี้ยวข้าวในปากอย่างใจเย็น ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของชานยอลขึ้นมาเช็คอะไรต่อมิอะไรดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างมั้ย

       

      อ่า...และดูเหมือนมันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงๆด้วย บัตรละครเวทีครั้งแรกของผม...ถูกแฟนๆจำนวนมากขอคืนบัตรในรอบที่ผมขึ้นแสดง ผมคิดว่าจำนวนมันคงไม่มากขนาดนั้นหรอก...แค่หวังว่าอาจจะยังเหลือเพียงแค่คนเดียวที่นั่งดูผมก็ยังดี แต่พอผมลองล็อคอินเข้าระบบดูจำนวนที่นั่งของรอบที่ผมแสดงก็ทำเอาผมใจหายมันกระตุกวูบ

       

      พวกเขาคืนมันทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่เพียงคนเดียวที่จะมานั่งดูการแสดงของผม ...ผมหวังเอาไว้กับละครเวทีเรื่องแรกนี้มากผมรู้ตัวดี ตอนที่พี่เมเนเจอร์บอกว่าผมถูกรับเชิญให้เข้าร่วมแสดงนั้น ผมบอกไม่ถูกเลยว่าผมดีใจมากแค่ไหนและตอบตกลงไปเร็วมากแค่ไหน ผมอยากจะแสดงให้แฟนๆได้เห็นภาพลักษณ์ของผมในอีกมุมมองหนึ่งให้เขาดู อยากให้เขาจ้องมองมาตอนที่ผมร้องเพลง

       

       

      แต่ตอนนี้มันสายไป ทุกอย่างมันพังป่นปี้หมดแล้ว..

       

       

       

      ก็สมควรแล้ว

       

      แบคฮยอน นี่คือสิ่งที่นายสมควรได้รับ ตกต่ำจนถึงที่สุด... แฟนๆปกป้องอดีตที่น่าขยะแขยงของนายอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้ และนายก็ทรยศพวกเขาอย่างนั้นน่ะหรอ? คึคึคึ ความคิดเฟ้อฝันของนาย , ฉันเหมือนคนโง่ที่ปกป้องสิ่งทั้งหมดนั่น

       

      นายทำตัวนายเองทั้งนั้น

       

      นายอย่ามาโชว์หน้าของนายในอินกิกาโยหรือที่ไหนก็ตามอีกนะ เพราะฉันไม่อยากจะเห็นนายแม้แต่เสี้ยว

       

       ‘เดทตามที่นายต้องการเถอะ

       

       

       

      พรึ่บ

       

       

      แล้วจู่ๆจอสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยตัวหนังสีสำและสีแดงบางตัวก็หายวับไป เพราะมันถูกแทนที่ด้วยมือใหญ่ๆของชานยอลแทน

       

      “พอแล้ว.. พอ”

       

      “ชานยอลฉันไม่เล่นนะ! นะ นายก็เห็น ...มันกำลังเกิดขึ้น” ผมพยายามแกะมือใหญ่ของชานยอลออกไปจากดวงตาทั้งสองข้างขอตัวเอง แต่มันก็ไม่เป็นผล ชานยอลแรงเยอะกว่าผมมาก และผมเองก็อ่อนแอมากกว่าเขาและเพราะความเสียเปรียบทางด้านร่างกายนี้ ผมเลยถูกชานยอลดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือง่ายๆ

       

      “แล้วนายจะอ่านมันไปทำไม ในเมื่อมันทำให้นายเจ็บ!

       

      ตุบ!!

       

      และจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเหมือนของถูกปาลงพื้น ถ้าให้เดาชานยอลคงคว้าโทรศัพท์ออกไปเพราะโมโห ผมรู้ว่าเขาพยายามที่จะเลี่ยงให้ผมจะเจอข่าวแบบนี้ แต่เพราะผมมันอยากรู้อยากเห็น สิ่งที่ชานยอลคอยหวังดีมันจึงไร้ค่า...ชานยอลนี่ดีเกินไปจริงๆ เขาพยายามปกป้องเมมเบอร์เลวๆอย่างผมที่เกือบทำวงของเราพังลง

      ชานยอลควรจะตีผม ตีให้ผมหลาบจำ

       
       

      “ฮึก ก็มันสมควรแล้วนี่! ส..สมควรแล้ว”

       

      “แบคฮยอน”

       

      “ฉันมันคนทรยศ ฉันทำทุกอย่างพัง!!” น่าแปลก ทั้งๆที่ผมหลับตาอยู่แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวผมกำลังร้องไห้อยู่ได้ล่ะ ก้อนใหญ่ๆที่กระจุกตัวกันอยู่ที่ลำคอของผมนี่คืออะไรกัน ทำไมมันถึงทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่กลืนน้ำลายลงคอ

       

      “...”

       

      “...”

       

      “พวกเรารู้ดีกว่านายไม่ใช่คนประเภทนั้น”

       

      “มะ ไม่... ถ้าฉันเชื่อคำเตือนของ พะ พวกนาย ฮึก..ฉันฉุดพวกเราให้ล้มลงมาด้วยกัน” ผมส่ายหน้าไปมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกจากหางตาที่ปิดลงแล้ว มันทะลักทลายออกมาเหมือนกับกำแพงความเข้มแข็งของผมที่มันล้มครืนลงมาไม่เป็นท่า

       

      “ถึงเราจะล้ม แต่เราจะไม่ทิ้งให้นายอยู่คนเดียวหรอกนะ” ชานยอลกระซิบคำพูดเหล่านั้นที่ข้างหูผมอย่างแผ่วเบา มือใหญ่ๆของเขาค่อยๆละออกมาจากดวงตาทั้งสองคู่ของผมก่อนจะพยายามเช็ดน้ำตาให้กับคนโง่ๆแบบผม อย่างน้อยๆ...ผมก็อยากให้เขาโทษผมบ้าง ชานยอลใจกว้างกับคนนิสัยไม่ได้แบบผมได้ยังไง 

       

      มันจะให้ผมเคยตัวถ้าเขายังใจดีกับผมแบบนี้ 

       

      “...”

       

      “เราจะสู้มันไปด้วยกันแบคฮยอน พวกเราอยู่ข้างๆนายเสมอ”

       
       

      “ฮึก...แต่ ฉะฉัน... พี่ซูโฮ คง...”

       
       

      “อย่าทำเหมือนกับว่าคนทั้งโลกเกลียดนายแบบนั้นสิ แบคฮยอน”

       

       

      ผมกลืนน้ำลายเหนียวลงคอด้วยความยากลำบาก ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองคนใจดีที่ยืนอยู่ข้างๆผมไม่ห่าง ชานยอลยิ้มใจดีให้กับผม ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่เปรอะไปทั่วแก้มของผมอย่างอ่อนโยน ชานยอลคอยทำแบบนี้เสมอเวลาที่ผมร้องไห้ ลูบหัวผมไปมาเหมือนกับปลอบเด็ก เขาจับมือผมเอาไว้แล้วบีบมันนิดๆพร้อมกับบอกว่าฉันอยู่ตรงนี้ ฉันอยู่กับนายตรงนี้ เราจะก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันนะ

       

      เขาสัญญามันกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

       

       

      “ขะ ขอโทษ..”

       

      “ถ้าอยากขอโทษก็กินข้าวให้หมด แล้วกลับมายิ้มอีกครั้ง”

       

       "อืม"
       

       

      "พวกเราคิดถึงเสียงหัวเราะของนายมากนะแบคฮยอน" 

       

       

       

       

       

       

      พอฝนหยุดตกแล้วท้องฟ้ามันจะสดใสขึ้น

       

      ผมพยายามบอกตัวเองแบบนี้นับสิบครั้งขณะนั่นรถเพื่อเดินทางไปเป็น MC ในรายการอินกิกาโย ผมพยายามฝึกฉีกยิ้มให้ตัวเองดูสดใสทั้งๆที่แรงใจของผมมันอ่อนล้า ภายในรถตู้เงียบกริบทั้งๆที่ปกติแล้วมันมักจะมีเสียคุยกันจ้องแจ้กอยู่เสมอ พี่ซูโอที่นั่งอยู่ข้างๆผมนิ่งเงียบจนผมไม่กล้าพูดออกไปแม้กระทั่งคำขอโทษ บรรยากาศระหว่างเรามันน่าอึกอัดเสียจนหายใจแทบไม่ออก

       

      รถของพวกเราค่อยๆจอดลงเงียบๆ พี่ซูโฮที่นั่งอยู่ใกล้ประตูเปิดบานประตูเลื่อนออกก่อนจะเป็นคนลงไปจากรถเป็นคนแรก ต่อจากนั้นก็เป็ยพี่เมเนที่ลงจากรถ และก็เป็นผมที่ต้องลงจากรถ ผมกำมือที่มีกำลังใจของชานยอลอยู่เต็มเปี่ยมก่อนจะซุกมันเอาไว้กับกระเป๋าเสื้อแขนยาว ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกมาจากรถ

       

      ทันทีที่ผมลงมา แฟนๆที่มารอก็ทำแค่ถ่ายรูปผมเงียบๆ ผมมองเห็นนัยน์ตาที่สั่นระริกของเขา สัมผัสได้ถึงความเสียใจที่เขาส่งมันออกมาผ่านเสียงกดชัตเตอร์ ผมพยายามยกมุมปากขึ้นให้เหมือนยิ้มแล้วเดินเข้าไปในตึก ผมก้มหัวให้แฟนๆคนแล้วคนเล่า อยากจะตะโกนคำขอโทษออกไปให้ดังจนทุกคนรับรู้ว่าผมรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง แต่ผมก็ไม่ได้ทำอย่างที่คิดเพราะผมไม่มีมีสิทธิ์ที่จะทำให้พวกเขาเชื่อได้อีกแล้ว

       
       
       

      คนทรยศ!!!

        

      “ไสหัวของนายออกไป!!!

       

        

      เป็นอีกครั้งที่ผมพยายามปั้นยิ้มออกมาเพื่อทำให้ตัวเองนั้นดูเข้มแข็งขึ้น ผมคอยบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามันจะต้องไม่เป็นอะไรต้องยืนต่อไปบนเวทีนี้ให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมเคยรักมันมากแค่ไหนในวันนี้ก็ต้องยืนหยัดที่จะลุกขึ้นให้ได้ ผมพยายามขุดคำพูดของชานยอลขึ้นมาปลอบตัวเองทั้งๆที่ผมรู้สึกอยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่ตรงนี้ตั้งแต่ที่แฟนๆตะโกนคำพูดบาดใจพวกนั้นใส่ผม

       

      เวลาที่น่าปวดใจนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

       

      เมื่อครั้งที่ผมหันไปสบตาเข้ากับพี่ซูโฮโดยบังเอิญ ผมรู้สึกว่าตัวเองสะอึกจนไหล่ขยับเกร็ง กลัวว่าพี่ชายคนนี้จะโกรธผมไปด้วยอีกคนเพราะเราแทบไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่ออกหอมา ผมค่อยๆสูดลมหายใจเข้าปอด นับหนึ่งถึงสามก่อนจะกล่าวปิดรายการตามสคริป ผมเดินเข้าไปหลังสเตจโดยมีพี่กวางฮีเดินมาโอบไหล่เอาไว้เบาๆก่อนที่ผมจะเดินแยกหลบออกไปอีกทาง

       

       

      พอเดินหลบมาได้รอยยิ้มที่ถูกปั้นขึ้นมามันก็ถูกหุบลงฉับ ผมแอบมองกลับไปที่สเตจอีกครั้งและตอนนี้มันเป็นสเตจของคนที่ได้รับรางวัลไป ซึ่งที่ตรงนั้นผมเองก็เคยไปยืนในฐานะศิลปินที่ได้รับรางวัลเช่นกัน ไฟดวงเล็กๆสีขาวที่โปกสะบัดไปตามจังหวะเพลงของพี่ๆวงบีสท์ทำให้ผมนั้นคิดไปถึงกาแล็คซี่โอเชี่ยนของตัวเองในวันคัมแบค โชว์เคสของพวกเราสิบสองคน คิดถึงคำพูดของจื่อเทาที่มักจะวนเวียนอยู่รอบๆตัวของผม

       
       

      พี่แบคฮยอน... ผมรักทุกคนจังเลย

       

      จื่อเทากระซิบมันข้างๆหูของผมตอนที่เรานั่งอยู่ข้างๆกัน ผมยิ้มก่อนจะมองกาแล็กซี่ด้วยเล็กๆที่อยู่ข้างหน้าพวกเราด้วยความภาคภูมิใจ

        

      นายหมายถึงใครกัน เด็กน้อย ผมกระซิบถามเขากลับ

       
       

      ก็พวกเราทุกคนในที่นี้ไง

        

      จื่อเทาตอบเหวี่ยงเสียงกลับมา เขาดูหัวเสียที่ผมขัดเขาด้วยคำถามแบบนั้น จื่อเทาทำหน้าบูดบึ้งใส่ผม ส่วนผมก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาเกาคางเขาเล่นเพื่อให้เด็กน้อยได้หายงอน ผมไม่ได้ตอบจื่อเทาว่าผมรู้สึกยังไงกับประโยคที่เขาพูดขึ้น


                 แต่เมื่อในวันนี้มันได้เกิดเรื่องขึ้นมามากมาย จนเราต่างก้รู้สึกน้อยใจกันและกัน ผมถึงคิดได้ว่าผมควรจะพูดมันออกมา ไม่ว่าในวันนี้พวกเขาจะโกรธผมจนไม่คิดจะกลับมาให้อภัยกันอีกแล้วก็ตาม แต่ผมคิดว่าพวกเขาจำเป็นที่จะต้องรู้ว่า...

       

       

      ผมรักทุกคนนะ

       

       

       

       

       

      มุมมองของเอ็กโซ่แฟนตัวร้าย

       

       

       

       

      Cause you know this I'll always be there

      เพราะคุณรู้ว่า ฉันจะยังคงอยู่ที่นี่เสมอ

      Maybe that's why you don't care

      บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่แคร์


      I love you to death
      ฉันรักคุณแทบตาย

       

       

      B

       

       

       

       

       

      สวัสดีเอ็กโซแฟนตัวร้ายทุกคน

       

      แล้วก็ต้องสวัสดียัยแบคฮยอนอีกคนนึงด้วย ถึงแม้ว่ายัยนั่นจะไม่ได้เข้ามาอ่านก็ตาม

       

       

      ถ้าถามว่าฉันเป็นใคร ฉันก็คงจะตอบได้โดยไม่ต้องคิดเลยว่า ฉันคือเอ็กโซแฟนตัวร้ายเหมือนๆกับยัยตัวร้ายทุกๆคนทั่วมุมโลก ที่ในบางเวลาก็แสนจะเข้มแข็ง แต่ในบางเวลาฉันก็คิดว่ายัยตัวร้ายแบบเรานั้นแสนเปราะบางต่อโลกมายานี้เหลือเกิน

       

      ฉันคิดว่าฉันกำลังยืนอยู่ในสงครามด้วยซ้ำ

       

      ฉันเป็นเหยื่อให้กับข่าวสารและสื่อต่างๆนับครั้งไม่ทั้น โดนมันผลักให้ล้มลง ในขณะเดียวกันนั้นก็โดนฉุดให้ลุกขึ้นยืนเพื่อรับแรงกระแทกต่อไปอีก โอ้...พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วฉันก็ได้กลับมาคิดว่าทำไมฉันถึงยังคงทนอยู่ได้ มีใครในทีนี่แคร์ฉันบ้างมั้ย...ซึ่งนั่นก็ไม่มี นั้นแหละฉันถึงสงสัยว่าทำไม ฉันถึงยังอยู่ที่นี่

       

      ฉันเริ่มบ้าเข้าไปขึ้นทุกวัน ฉันคิดว่ามันคงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วหลังจากที่คริสออกไป มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับพวกเรายากเกินจะทำใจ แต่ในทางกลับกัน คนอื่นๆกลับมองว่าเอ็กโซคือตัวทำเงิน พยายามทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาล้มลง ซึ่งมันก็ไม่มีวันนั้นหรอกตราบใดที่เรายังยืนอยู่ตรงนี้ ฉันจะช่วยปกป้องเขากางแขนเล็กๆของฉันขึ้นบังตัวสูงเกือบๆสองเมตรของเขาเอาไว้ แล้วตะโกนออกไปอย่างหาญกล้า อย่าทำอะไรโอปป้าของฉันนะ!’ ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็น แคทนีส เอเวอร์ดีนเลย..

       

      ฉันเข้มแข็งก็เพราะความรัก

       

      แต่เมื่อใดก็ตามที่ความรักของพวกเราถูกทำลายลง เราจะเอากำลังใจที่ไหนมาเข้มแข็ง พวกคุณคือไอดอล และคุณเป็นแค่ไอดอลซึ่งไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉัน ใช่ฉันรู้...แบคฮยอนฉันรู้ดี เพราะไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ซื้ออัลบั้มของนายมากอดเล่น หรือแม้กระทั่งคุยกับรูปของคุณที่ฉันคิดเอาไว้กับผนังทุกคืน ถึงคุณจะไม่ใช่ทุกสิ่งสำหรับฉัน แต่ในตอนนี้ คุณเป็น

       

      ฉันสู้เพื่อคุณได้เพราะคุณบอกว่าคุณรักฉัน

       

      ซึ่งในตอนนี้ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้ว

       

      นายมันลายความเชื่อมั่นของฉันลงไปทั้งหมดภายใต้รูปของนายที่ถูกเปิดเผยออกมาว่านายออกเดทเมื่อสี่เดือนแล้ว โอ้ว..นี่ฉันหลงรักนายจนลืมนับอายุนายไปเลยแบคฮยอน ตอนนี้นายอายุ 35 ปีแล้ว! ทำไมถึงทำให้เราเสียใจได้ขนาดนี้นะบี นายเองก็น่าจะรู้ว่ามีกล้องตามนายไปทั่วทุกที ทำไมถึงไม่ระวังบ้าง ...ระวังว่าหัวใจยัยตัวร้ายอย่างพวกฉันจะตกแตก

       

      “มึง... กูทำใจไม่ได้”

       

      “...”

       

      “ผิดหวังว่ะ ฮึก...ม มันเร็วเกินไปจริงๆ”

       

      “ไม่เอาดิมึง ไม่ร้อง”

       

      “ถะ ถามหน่อยเถอะ กูเคยได้เสี้ยวความรักจากเค้าบางมั้ย”

       

      “...”

       

       

      “อิจฉาว่ะแม่ง... ฮึก ฮื่อออออ”

       

       

      ฉันไม่รู้จะปลอบยัยตัวร้ายพวกนี้ยังไงดี ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากนี้สักเท่าไหร่ ฉันสุดจะกลั้นแล้วบี เราร้องไห้คร่ำครวญกับเป็นเด็กๆในห้องนอน กอดกับยัยตัวร้ายอีกคนที่เหมือนกับว่าเธอกำลังลังเลว่าจะถอนตัวออกจากการเป็นยัยตัวร้ายดีมั้ย ฉันเลยบอกเธอไปว่าในเชื่อใจนายอีกครั้ง ดูสิ โอปป้าเราเท่ห์จะตาย ได้นั่งรถเปิดประทุนหรูๆที่ชาตินี้ทั้งชาติเรายังซื้อไม่ได้ด้วยนะ

       

      เชื่อเถอะ ว่าแม่งโครตประชดเลย

       

      ฉันอยากจะโกรธนายให้ได้ถึงครึ่งที่ฉันเสียใจ อยากจะพิมพ์ด่านายลงในอิเตอร์เน็ตเหมือนคนอื่นๆแต่ก็กลัวนายเข้ามาอ่านแล้วร้องไห้ ฉันเป็นห่วงนาย กลัวว่านายจะไม่มีขนมกินเพราะไม่เห็นนายลงมาจากหอเลย ฉันแอบส่งขนมในนายผ่านชื่อเมมเบอร์คนอื่นเพราะคิดว่าพวกเขาต้องแบ่งให้ไอ้อ้วนแบบนายกินแน่

       

      ฉันผิดหวังในตัวนาย

       

      แต่ฉันกลับเกลียดนายไม่ลง

       

      ฉันคิดว่าเราจะเดินก้าวไปพร้อมๆกันซ่ะอีกบี คิดว่าเมื่อฉันพร้อมฉันจะเป็นคนไล่นายให้ออกเดทเอง เพราะในตอนนั้นฉันเองก็คงจะตั้งท้องแก่แล้วล่ะ ฉันคิดเอาไว้ว่าจะอุ้มลูกไปให้หานายตอนเซ็นแฟนไซต์ ตอนนั้นฉันอาจจะบอกทริคในการเลี้ยงลูกในกับนายได้ ...แต่ทว่าในตอนนี้มันกลับเร็วไปหมด ฉันไม่มีหัวใจเหลือพอที่จะถูกทำลายแล้ว ฉันแพ้เหมือนโจรที่ไร้แผนแหกคุก

       

       “แบคฮยอนคนทรยศ!!!

       

      แล้วฉันก็ตะโกนมันออกไปใส่หน้านายจนได้ ฉันสุดที่จะกลั้นเมื่อเห็นว่านายไม่ออกมาพูดอะไรให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นเลย ฉันจำสีหน้าของนายได้ดีตอนนายได้ยินเสียงเสียงตะโกนของฉันที่ยืนอยู่ข้างล่างนี้ ดวงตาของนายหลุบลงต่ำและพยายามที่จะยิ้มต่อไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือที่ถือแผ่นสคริปกำลังสั่นด้วยความกลัว ฉันสะใจที่ในที่สุดนายก็คงจะรู้แล้วว่าฉันเสียใจกับนายมากแค่ไหน

       

      แต่ก็แค่นั้นแหละ ฉันสะใจได้แค่ตอนที่พูดออกไป แต่เมื่อกลับบ้านมา ฉันก็พบว่าตัวฉันเจ็บปวดใจมากแค่ไหนที่เห็นนายกำลังถูกทำลายเพราะคำพูดของฉัน ฉันร้องไห้ออกมาพร้อมกับเอ่ยขอโทษรูปของนายบนผนัง บอกกับนายว่าฉันจะไม่พูดแบบนั้นออกไปอีกแล้ว

       

       

      บีฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ

       

       

       

       

       

       

       

       

      “เฮ้ย มึงๆนั่นแบคนิ ออกมาแล้วๆ”

       

      “ไหนๆ”

       

      “ข้างหลังชานยอลอ่ะ” ฉันบอกยัยตัวร้ายคนอื่นๆพร้อมกับชี้ไปทางที่แบคฮยอนเดินออกมา แล้วเราทุกคนก็เหมือนตกเข้าสู่โลกส่วนตัว เรากดชัตเตอร์เร็วซ่ะยิ่งกว่ามนุษย์ป้าวิ่งรับของแจกฟรีอีก ฉันกดรัวตั้งแต่เห็นแบคอยอนเดินออกมาจากที่ไกลๆ และฉันจะไม่หยุดกดเพื่อให้ได้รูปแบคฮยอนที่กำลังอ้วนบานอยู่ในรูป ฉันยกกล้องที่น้ำนักรวมๆเกือบสามโลออกมาให้ห่างจากตาก่อนจะกดดูรูปล่าสุดที่ถ่ายไป

       

      แต่แล้วรู้ที่ออกมาก็ทำให้ฉันใจหาย ทั้งๆที่ควรจะมีไอ่อ้วนใส่เสื้อสีดำทำหน้าบานอยู่ในรูปแท้ๆ แต่เท่าที่ถ่ายออกมามันกลับไม่มีคนไหนที่เรียกว่าอ้วนเลย นายทำให้ฉันใจหายนะบี ตอนที่นายบอกว่ากำลังไดเอทอยู่ฉันไม่เห็นว่านายผอมได้เท่านี้เลย

       

      “มึงๆ”

       

      “ฮุ่ย! ยุ่งไรมึงถ่ายอยู่”

       

      “ไอ้อ้วนดูซูบลงป่าว ไม่เห็นยิ้มเลยอ่ะ”

       

      และนี่คือผลที่ตามมาจากคำพูดของฉัน ยัยตัวร้ายทุกคนเองก็คงจะรู้สึกเหมือนกันกับฉัน เราทุกคนต่างก็มีส่วนที่ทำลายรอยยิ้มเขา เราทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่เราจะไม่ปลอบเขาหรอกนะ เราจะไม่บอกเขาอีกแล้วว่ามันจะไม่เป็นไร เพราะเราต่างก็เป็นกันทุกคน เราจะไม่โอ๋เขาอีกต่อไปแล้ว

       

      นี่คือบทเรียนครั้งสำคัญระหว่าเรา

       

      เอ็กโซแฟนตัวร้ายกับยัยแบคฮยอน

       

       

       

       

       

      คอนเสิร์ตกำลังเริ่มขึ้น

       

      พร้อมๆกับบีที่เริ่มเทตัวลงมาจากท้องฟ้า

       

      ไฟสีขาวทุกดวงในฮอลโบกสะบัดไปตามจังหวะอย่างพร้อมเพรียง และฉันคือหนึ่งในดวงไฟดวงเล็กๆเหล่านั้น ฉันไม่คิดว่าฉันจะมาด้วยซ้ำเพราะคิดว่าฉันไม่เข้มแข็งพอที่จะแหกปากเรียกชื่อบีตรงนี้หรอก แต่ทว่าตอนที่ฉันเห็นรอยยิ้มแรกของแบคฮยอนในสัปดาห์ฉันก็รู้สึกว่าการกลับมาโปกไฟดวงเล็กๆดวงนี้มันเริ่มมีความหมาย

       

      นายนำกลับมาบี

       

      รอยยิ้มของพวกเราทุกคน นายเอามันกลับมา

       

      ฉันหวังเพียงแค่ว่าเมมเบอร์ทุกคนที่ยืนอยู่บนเวทีเดียวกับเขาจะช่วยปลอบโยนไอ้อ้วนหางตาตกคนนี้เอาไว้เช่นเดียวกันกับที่ฉันเคยทำมันมาตลอด ฉันต้องของโทษนายด้วยนะซูโฮที่ไอ้อ้วนมันซนแบบนี้ นายเป็นลีเดอร์ที่ดีมากนะอย่าโทษตัวเองเมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับวง แล้วฉันก็เห็นแหละว่ามีอยู่คนนึงที่ทำให้ไอ้อ้วนมันยิ้มออกมาได้ตอนอยู่สนามบินและทุกๆตอนที่ไอ้อ้วนหัวเราะออกมา ขอบคุณนายด้วยเช่นกัน ชานยอล

       

      อ้ะๆ ฉันจะไม่บอกหรอกว่าฉันชอบชานแบค

       

      และฉันจะไม่พูดด้วยว่าฉันฟินไคโด้

       

       

      “แบคฮยอน!

       

      แล้วเขาก็หันมายิ้มให้ตามเสียงเรียกของฉัน ฉันอึ้งไปสามวิ... โอ้แม่เจ้า ฉันไม่เคยโดนเขาดาเมจใกล้แบบนี้มาก่อน วันนี้ฉันไม่มีกล้องมาด้วย ให้ตายเหอะ แบคฮยอนนายนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ พอรู้ว่าฉันไม่พกกล้องมาด้วยนายก็ยิ้มให้เลยนะ ไอ้อ้วน! ไอ้บ้าเอ้ย!! กลับมายิ้มแบบเมื่อกี้ใหม่เลยนะ

       

      “อ้ายๆ เห็นยังแก แบคฮยอนยิ้มให้ฉันแหละ”

       

      กูต่างหาก

       

      “อิมโน”

       

      ฉันด่ายัยตัวร้ายข้างๆก่อนจะหันไปสนใจไอ้อ้วนที่อยู่บนเวทีต่อ ฉันโบกแท่งไฟ และเรียกชื่อของเขาอย่างไม่รู้เบื่อไปพร้อมๆกับเอ็กโซ่แฟนคนอื่นๆ และบางทีฉันก็เผลอเรียกเขาว่าป๋ายเซียนตามแฟนจีนด้วยล่ะ อ่า...ฉันยิ้มมันออกมาได้แล้วหลังจากที่ผ่านวันเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นมา และฉันก็เชื่อว่าเราทุกคนต่างก็โตขึ้นจากเหตุการณ์นี้

       

       

      “สำหรับผมแล้ว แฟนคลับทุกๆคนไม่ได้เป็นอะไรที่บางเบา แฟนคลับทุกๆคนนั้นสำคัญและเป็นกำลังให้กับผม ผมหวังว่าจิตใจของผมจะส่งผ่านไปถึงทุกๆคนด้วยใจจริงครับ ต่อไปผมจะเป็นแบคฮยอนที่ตั้งใจทำงาน ช่วยเฝ้ารอดูผมด้วยนะครับ”

       

       

       

      ถึงเอ็กโซ่แฟนตัวร้ายทุกคน

       

      ฉันคือหนึ่งในยัยตัวร้ายนับหมื่อนับพันคน ฉันผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายมาได้แล้วสามารถสยายปีกขึ้นเหมือนเมฆเช่นมาเลฟิเซ้นต์


                   ในวันนี้ฉันไม่อายเลยที่จะพูดว่าฉันคือ เอ็กโซแฟน และที่ฉันอยากจะบอกกับทุกๆคนก็คือ...ถ้าหากวันนี้คุณยังกลัวที่จะเป็นยัยตัวร้าย ก็ให้หันกลับไปซ่ะ เพราะมันจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าคุณยังฝืนยืนอยู่ตรงนี้ ยังอายที่จะเรียกตัวเองว่าเอ็กโซ่แฟน เพราะการที่คุณได้มาเป็นส่วนหนึ่งในกาแล็กซี่เล็กๆแห่งนี้มันน่าภูมิใจมากกว่าอาย ฉันอยากจะให้คุณรู้สึกภูมิใจว่าในที่สุดเราก็ผ่ามมันมาได้ เราทุกคนได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

       

       

      นับจากนี้นี่คือจุดเริ่มต้น

       

       

      สำหรับยัยแบคฮยอนเองก็ฟังคำพูดของเอ็กโซตัวร้ายอย่างฉันเอาไว้ให้ดีๆเลยนะ เพราะฉันไม่คิดว่าจะพูดมันอีกซ้ำสอง คนเราไม่ได้มีความอดทนและเหตุผลสำหรับทุกเรื่อง ฉันยอมรับว่าฉันโกรธนายแต่ฉันกลับโกรธตัวเองมากกว่าที่ทำให้นายยิ้มไม่ได้ นายคือสิ่งที่มีค่าสำหรับฉันเช่นกัน

      ในวันนี้ถ้าฉันยังฟังเพลงของนายอยู่นั่นแสดงว่าฉันยังคงยืนอยู่ตรงนี้ ยังคงจะรักนายอยู่ตรงนี้ต่อไป ตราบใดที่ฉันไม่กลายเป็นคนดีไปเสียก่อน ตราบใดที่ฉันไม่สามารถเรียกชื่อของนายได้ และตราบใดที่ฉันยังไม่หันหลังให้กับนายเสียก่อน

       

       

      ฉันจะยังคงเป็นเอ็กโซแฟนตัวร้ายของนาย

       

       

      เสมอ.

       

       



       

       [FIN]

       


      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×