ซอกเนื้อ เรียมฉงน
นิยายแนวอีโรติคย้อนสมัยรำลึกความเฟื่องฟูของหนังสือปกขาวยุค๕๐ปีก่อน ด้วยสำนวนจีนกำลังภายในและไทยบุราณ
ผู้เข้าชมรวม
426
ผู้เข้าชมเดือนนี้
14
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บางส่วนของ'ซอกเนื้อ เรียมฉงน'…….
มันเองก็คล้ายมิอาจหยั่งรู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด กระทำการใดลงไปบ้าง หากมันรู้สึกตัวเมื่อนอนตัวเปลือยล่อนจ้อนเคียงข้างนางบนเตียง
แต่กลับเป็นมันเพิ่งฉุกคิดคำสอนของบุรุษไร้นาม พลันกล่าวว่า “ข้าแว่วชื่อเสียงของนางผ่านริมฝีปากผู้คนอื่น คล้ายว่าเยี่ยงไรจึงกล่าวขานกันอื้ออึง? ข้าปรารถนารสสัมผัสนั้นด้วยดวงตาแลร่างกาย”
นางแย้มยิ้ม เป็นยิ้มยั่วยวน กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเบาๆหากปลุกเร้าอารมณ์หวั่นไหว “กลับเป็นว่าปรารถนาข้ากระทำต่อเจ้า?”
นางยิ้มหวานหยาดเยิ้ม ปรายตามองมัน สายตานางเหมือนเร่งกระพือไฟราคะในหัวใจมัน
“ข้ากลับปรารถนาเยี่ยงนั้นบ้าง ฟังว่าการเปลี่ยนรสชาติจากที่ชาชินบ้างย่อมกระตุ้นเร้าได้ดี?” มันโป้ปดอย่างยิ่ง แต่กลับสำเร็จอย่างยิ่ง
มันนอนหลับตาพริ้มรับรสสัมผัสของนาง พลันรู้สึกร้อนวูบวาบทั่วทั้งร่างกาย ฤๅนี้คือรังสีอำมหิตสั่นสะท้านขวัญบุรุษทุกนาม?
กระบวนท่าของนางนั้นเล่า...ล้วนพลิกแพลงประการหนึ่ง ลึกล้ำประการหนึ่ง ฟังว่ากระบวนเพลงดาบที่ฝึกปรือกันตลอดวัยหนุ่มมิอาจหยุดต้านขวัญผู้คนให้นิ่งเฉยได้!
เป็นนางตั้งใจจะสะกดความถวิลหาหญิงทั้งมวลของมันไว้ที่นาง ดั่งนี้จึงมิอาจไม่ถั่งโถมกระบวนท่าพลิกแพลงแลดัดแปลงแก่มัน นางใคร่ฝากกระบวนท่านี้ให้มันจดจำรำลึกถึง จวบจนสตรีนางสุดท้ายที่มันได้เสพสุข มันจะมิอาจไม่หวนกระหวัดคิดถึง ชมเชยเสน่หาแห่งเรือนร่างของนางได้
เรือนร่างอวบอัดของนางกอดรัดมันแนบแน่น คล้ายว่างูเหลือมร้ายกำลังบีบรัดเหยื่อให้หมดเรี่ยวแรงก่อนกลืนกิน สติสัมปชัญญะบอกมันอย่างนั้น แต่มันกลับไม่หมดแรง เพียงอ่อนเปลี้ยกึ่งหนึ่ง สะท้านไหวอีกกึ่งหนึ่ง
ร่างเปล่าเปลือยของหยางกุ้ยพลิกตัว อวดเนื้อนวลขาวผ่องบางส่วน ชวนให้หัวใจมันหวั่นไหวนักฃ
--------------------------------
เรือนร่างของนางขาวดุจงาช้าง สูงสง่า ใบหน้าคาดว่านางสูงวัยกว่ามันหลายขวบปี แต่สวยคมด้วยดวงตาที่มองมันอย่างหยาดเยิ้ม ริมฝีปากเผยอแย้มยิ้มยั่วยวน ทรวงอกเหมือนผลส้มโอโตเต็มที่เบียดกันระหว่างซอกแขนสองข้าง หากเอวของนางคอดกิ่วเหมือนแจกันขนาดใหญ่ราคาแพง หากสะโพกผายกว้าง โคนขาอวบเนื้อหนั่น ท่อนขาเรียวยาว ดุจประติมากรชั้นเลิศของโลกบรรจงเสกสรรเรือนร่างแลใบหน้าของนาง ยืนไขว้ขากันเล็กน้อย ผายมือออกเหมือนเชื้อเชิญมัน
“ไอ้ลูกเต่า คลานเร็วไวมาหาแม่ซี” ย่อมเป็นคำสบประมาทเย้ยหยันบุรุษเพศซึ่งไม่ประสีประสา หากเป็นนางคาดเดาผิดอย่างยิ่ง เนื่องด้วยนี่...ซัวะเซี้ยงตอ!
“อีแม่เต่า! ไอ้ลูกเต่าจะเร่งคลานไปซบอีแม่เต่าในบัดดลนี้” ย่อมไม่ใช่คำสบประมาทย้อนกลับ
มันมิอาจไม่ยกย่องเทิดทูนนางได้ หลังจากมันแลเห็นสรีระของนางบางส่วน บุรุษใดทางที่ประเสริฐ ควรสรรเสริญสมบัติที่ธรรมชาติเสกแต่งมอบแปะไว้กลางร่างนางให้ผู้คนคะนึงหา แลบัดนี้มันลืมความปรารถนาชมห้องนอนของนางในพลัน!
นางหัวร่อคิดคัก คงจะพึงพอใจกับคำเรียกขานของมันที่แฝงยกย่อง
เป็นมันก้มตัวลงคลานเข้าไปหานางจริงๆ!
มันเปลื้องเสื้อผ้าด้วย คลานไปด้วย มันครุ่นคิดว่ามิบังควรเร่งสวมเสื้อผ้าเลย แท้จริงแล้วบุรุษกับสตรีในยามนี้อย่างไรเสียก็ต้องถอดเสื้อผ้า
แต่ร่างเปลือยเปล่าขาวนวลเบื้องหน้ามิอาจไม่ทำให้มันกระวนกระวายใจ รีบร้อนคลานปานว่าคนโซพบบ่อน้ำกลางทะเลทรายก็ปาน
มันจะอย่างไรเสียก็เป็นลูกเต่าที่มิอาจไม่ชะแง้มองชื่นชมแม่เต่าของมัน!
มันกระทำอย่างรักษาสัตย์วาจามั่นคง กลับเป็นแชกิมฮวยถึงกับเข่าอ่อน ระทดระทวยทรุดร่างลงบนแคร่ยาว ไอ้ลูกเต่ากลับคลานขึ้นไปคลอเคลีย
ซัวะเซี้ยงตอเกษมสันต์อย่างยิ่ง แชกิมฮวยอิ่มเอมอย่างยิ่ง
มันเป็นลูกเต่าย่อมยังมีอายุยืนยาว การกระทำย่อมยืนยาว กระทำการแม้เชื่องช้าบ้าง หากไม่ถึงกับเงอะเงิ่นน่ารำคาญ
ทั้งเต่าแลเต้ามิอาจพลาดหลุดจากอุ้งมือมันได้เลยในเวลาเดียวกัน!
กลับเป็นว่าแม่เต่าส่งเสียงครวญคราง สุ้มเสียงนั้นบ่งบอกคล้ายดั่งว่าเจ็บน้อยกว่ากึ่ง หากระคนหฤหรรษ์มากกว่ากึ่ง!
----------------------------------------
ท่านจมื่นสุรการศาสตรานั้นเล่า หัวใจก็เต้นระทึกมิแผกกัน แม่คุณเอ๋ย สีไพรเอ๋ย เนื้อตัวเจ้าทั่วทั้งร่างเนียนนุ่มแลแน่นไปทุกส่วน ตลอดทั้งเรียวขาเจ้าสองข้างนี้เล่า มิใช่ขาของแม่หญิงที่เคยเดินบุกฝ่าดงหญ้ารกในสวนมาแต่อ้อนแต่ออกเลย พงหญ้าในเรือกสวนเจ้าคงแหวกฝ่ามานักต่อนัก ยามนี้เจ้าพักนอนให้สบายใจเถิด ขอข้าได้แหวกฝ่ามันเพื่อก้าวเดินบ้างเถอะนะ มันเป็นหญ้าอะไรข้ามิรู้จักดอก แต่มันต้องหาใช่หญ้าแฝกหญ้าคาไม่ ด้วยว่ามันนุ่มมือข้าดุจเส้นไหมกระนั้นเชียว
เอาล่ะ ข้าจะเดินบุกตะลุยขึ้นดอนขึ้นเนินหาได้ย่อท้อไม่ ขอเพียงมีแอ่งน้ำให้ข้าได้พักแสวงหาความรื่นรมย์ ได้จิบกินแก้หิวกระหาย แลให้ข้าได้พักเหน็ดเหนื่อยนอนทอดกายบนผืนลาด ข้านี้เหมือนมีกำลังคึกดุจโคถึกนั่นเทียว แล้วเจ้าล่ะ เจ้าหวั่นหวาดว่าข้าจะเจอะเจอภยันตรายกระนั้นฤๅ จึงได้บิดหน้ามิอาจดูข้าดุ่มเดินรุดหน้าฝ่าด่านแล้วด่านเล่า เนื้อตัวรึก็สั่นระริก ร่างเจ้าก็บิดไปมาราวกับเกลียวเชือกที่เขาควั่นมัดแล้ว ข้าพบดอกปทุมบานดอกใหญ่คู่หนึ่งชูก้านเบียดดอกกันราวกับเป็นแฝด ข้านี้มิอาจนิ่งเฉยผ่านไปโดยไม่ดมดอม แลกระนั้นก็ยังมิหนำใจ ข้าตะโบมจูบลูบคลำ แลกัดแทะเมล็ดที่ทะลักนูนอยู่ด้านบน ข้านี้มิอาจจิกทึ้งดึงออกมาได้ไม่ ข้าจึ่งได้แต่แทะเล็มความหอมหวานของมัน
---------------------------------
สาวเจ้านอนบิดตัวเหมือนปลาช่อนถูกทุบหัวก็มิผิด สองมือขยำเส้นฟางแน่นเหมือนจะยึดมันไว้มิให้ตัวเจ้าลอยละลิ่วไป หากเส้นฟางนั้นเล่ากลับติดมือเจ้ามา มิอาจรั้งร่างเจ้าให้นอนนิ่งได้ แลกระนั้นก็มิอาจยักย้ายตัวได้สะดวกดั่งที่หัวใจปั่นป่วนเจ้าบงการ ด้วยว่าต้นขาของเจ้าโดนใบหน้าอ้ายโชนบดทับไว้ สาวเจ้ารู้สึกเหมือนโดนปลาตอดที่ท่อนขาเมื่อยามลงว่ายน้ำที่ท่า ครานั่นเจ้านึกรำคาญก็เพียงแค่โบกมือปัด หากว่าครานี้มิรู้รำคาญ กลับอยากให้มันตอดไปจนทั่วขาทั้งสองข้าง สาวเจ้ามิได้เอ่ยปากบอก หากอ้ายโชนก็มิได้ว่างเว้น
ใช่แท้เทียวพลับพลึงเอ๋ย ที่คนเฒ่าคนแก่บอกว่าทุกนางงามสรรพเมื่อดับเทียน ร่างกายเจ้ามีส่วนใดบ้างล่ะมิงามบาดหัวใจข้า รัญจวนใจนักล่ะยามที่ข้าจูบเจ้า แลเจ้ารู้สึกกระสันปั่นป่วนเยี่ยงนี้ เออแน่ะ ข้ามัวแต่เชยชมเจ้า จนลืมไปแล้วซีว่าข้าเอ่ยปากจะช่วยเจ้าตำข้าว
ถอดเสื้อผ้าออกก่อนมิดีกว่ารึ เหงื่อจะได้มิเปียกเปื้อน สากในมือข้าก็ถนัดมือดีนักล่ะ ข้าจะตำข้าวเปลือกให้เปลือกมันกะเทาะออก เหลือเป็นเนื้อข้าวสาร ข้ายกสากขึ้นตำแล้วนะ เจ้าประคองครกไว้ให้ดีล่ะข้าปักปลายสากลงกระทุ้งในครกแม่นยำไหมล่ะ
นี่ไงล่ะ ด้วยว่ากระทุ้งลงไปคราใดมิผิดจากก้นครกเลยแม้แต่น้อย กี่ทีต่อกี่ทีแล้วล่ะ เออแน่ะ มีแต่เมล็ดข้าวจะทะลักออกมาริมขอบครก ข้าต้องกระแทกเบียดด้านข้างบ้างแล้วล่ะ เจ้าระวังมือหน่อยนะ จวนได้การแล้วล่ะ ข้าต้องกดปลายสากบดทั่วครก ทั้งขอบข้างรอบๆแล้วยังก้นครกอีกล่ะ
ไอ้หนุ่มโชนมิได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย พละกำลังตำข้าวของมันนั้นมากมายนักล่ะ แลกระนั้นก็ไม่ได้รู้เบื่อหน่าย หากเป็นสาวเจ้าที่เอียงอายกับท่าทางขมีขมันของมัน มือก็จับประคองขอบครกมิให้เคลื่อน หากว่าเจ้าช่วยหมุนครกให้มันตำข้าวได้ทั่วทั้งครก
แล้วการก็ลุล่วง ด้วยว่าเปลือกข้าวสารแตกร่วนกลายเป็นรำข้าว เปลือยเมล็ดข้าวขาวนวลให้เชยชม ไอ้หนุ่มโชนแม้จะแข็งแรงหากก็ต้องรู้จักเหน็ดเหนื่อยบ้างล่ะ มันทิ้งสากด้ามยาว ล้มตัวลงนอนกับพื้น สาวเจ้านั้นเล่าแม้มิต้องออกแรง หากหัวใจเจ้าประหวั่นพรั่นพรึงไปกับท่าทางของมัน แลกริ่งเกรงว่ามันจะตำผิดที่ผิดทาง มิเหนื่อยกาย หากเหนื่อยใจยิ่งนัก สาวเจ้าก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้างมัน ส่งเสียงหอบเบาๆ
หนุ่มสาวทั้งสองนอนพักเหนื่อยได้มินาน ก็ได้ยินเสียงตะโกนแว่วมาจากบนเรือน
“อีพลับพลึง ดึกดื่นแล้วนะโว้ย จะขยันผิดเวล่ำเวลาเสียล่ะเอ็ง ข้าวสารรึก็เต็มกระบุงวางอยู่ในครัวน่ะ เอ็งมิเห็นดอกรึ”
ไอ้โชนอยากอ้าปากหัวร่อให้ลั่นสนั่นทุ่ง แต่สาวเจ้ากระบิดกระบวนเหนียมอาย อดมิได้จะหยิกแขนไอ้หนุ่มแก้ขวย พลางฉวยเสื้อผ้ามาห่มร่างที่เปลือยเปล่า
ผลงานอื่นๆ ของ โกวล้าน และ เอื้อมอนงค์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ โกวล้าน และ เอื้อมอนงค์
ความคิดเห็น