คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Sight 01
Sight 01
��������� ห้องพยาบาลที่เงียบสงบ
��������� “
”
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อร่างกายของผมได้อยู่ในห้องที่เคลือบไปด้วยสเตอไรด์หอมถึงจมูกแบบที่สามารถได้กลิ่นๆนี้คละคลุ้งไปทั้งโรงพยาบาล
��������� “โอ๊ะ!”
ผมได้ยินเสียงของสาวคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็น ‘นางพยาบาล’ อุทานออกมาสั้นๆ
��������� “คุณหมอคะ...********”
ผมฟังทันแค่ช่วงนี้เท่านั้นเอง...
สติมันช่างเลือนรางเหมือนคนที่ไม่ได้นอนมา 3 วันแต่กลับเพิ่งได้นอนมาเพียง 3 ชั่วโมง
��������� “อ....”
ผมส่งเสียงออกไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าคุณหมอได้ใช้ไฟฉายส่องมาที่ดวงตาข้างซ้ายของผม...
แต่ว่ามัน...
แปลกไปจากปกตินะ...
��������� “คนไข้มีสติแล้วล่ะ...ติดต่อญาติของเขาให้ด้วย”
��������� “ค่ะ”
ผมนอนเงียบอยู่ตรงนั้นในห้องสีขาวโพลน...
ผมเห็นเพียงเสื้อสีขาว ผ้าปูสีขาว และผ้าม่านสีขาวที่ลายล้อมอยู่รอบตัว...
อาการเจ็บจี๊ดที่หัวเริ่มออกอาการเมื่อรู้สึกว่าเลือดภายในร่างกายของผมสูบฉีดเข้าร่างกายในตอนที่ผมต้องการจะลุกจากเตียง ซึ่งมันทำให้ผมหน้ามืดเลยทีเดียว
และผมก็ลุกขึ้นได้ไม่สำเร็จ...
....
��������� “!!”
��������� “หืม? มีอะไรรึเปล่าครับ?”
��������� “ฮึก!!”
เสียงสะดุ้งเฮือกอย่างน่าตกใจเมื่อ...
��������� “มีอาการผิดปกติที่ไหนรึเปล่าครับ?”
��������� “อย่าเข้ามานะ!!!!”
��������� “คุณครับ?!”
��������� “อ้ากกกกกกก!!!!!”
ผมโวยวายและพยายามที่จะดิ้นออกจากเตียงให้ได้ แต่กลับถูกแขนสีดำที่ดำสนิทจากคุณหมอคนนั้นกดผมให้ลงไปนอนกับเตียง
��������� "ปล่อยนะ!! อย่าเข้ามา!!!"
เป็นความหวาดผวาอย่างสุดขีดเมื่อได้เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเหลืองเพียงเสื้อกับนัยน์ตาเท่านั้นที่เป็นสีขาว แต่กับส่วนอื่นๆแล้วมันดำสนิทไม่ต่างกับถูกทาสีมาเลยทีเดียว
ใช่...มันเป็นลักษณะเหมือนคนทั่วไปก็จริง... แต่มันไม่ใช่....
เพราะสิ่งที่ผมเห็น...
มันมีแค่ห้องสีขาวลายตัดดำๆต่างหาก...
��������� “
..”
��������� หวี่~
เป็นเสียงของแมลงที่คอยตอมอยู่ตรงใบหน้าของผม...
��������� แปะ!
��������� “โอ๊ย!”
ผมกลับใช้มือของผมฟาดเข้าที่ใบหน้าของตัวเองแรงจนเกินไป....
ทั้งๆที่มองไปทั่วทั้งห้องแล้ว แต่กลับเห็นหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่มันผิดปกติไป....
��������� “
”
ผมยื่นมือขึ้นไปจ้องในที่ๆมีแสงไฟส่องลงมา...
มันน่ากลัวมาก....
เพราะแม้กระทั่งมือของผมเอง ผมยังเห็นเป็นเพียงระริ้วเศษของสีขาวที่ติดอยู่ตามเนื้อตามตัวของผมเท่านั้นเอง
นอกจากระริ้วสีขาวและนอกนั้นก็เป็นเพียงแค่สีดำเพียงเท่านั้น...
และเมื่อผมหันหน้าของผมไปทางด้านข้างที่มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้น ผมก็พบกับใบหน้าของตัวผมเองที่มีเหลือเพียงนัยน์ตาสีขาวรอบๆ และจุดดำตรงกลางเป็นนัยน์ตาดำที่ดำเสียสนิทจนไม่มีแม้แต่เงาที่สะท้อนจากแสงเลยซักนิด...
��������� ครืด~
“พี่?!”
และในขณะที่ผมกำลังจ้องอยู่กับกระจกตรงนั้นนั่นเอง ผมก็ได้ยินเสียงเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งได้เลื่อนวัตถุที่น่าจะเป็น ‘บานประตู’ สีดำๆออกไปด้านข้าง
��������� “?...”
��������� “!!”
เธอสูดหายใจเข้าเฮือกอย่างตกใจเมื่อนัยน์ตาของเธออยู่ตรงหน้า
ผมเห็นลักษณะทรงเสื้อและแขนเล็กๆของเธอที่สูงประมาณ 150 ซม. เป็นสีดำทั้งหมด เว้นแต่เพียงกระโปรงลายตัดสีขาวของเธอเท่านั้น
��������� “คนไข้มีอาการตาฟากฟางประกอบไปด้วยนะครับ...”
��������� “ผะ ผมเหรอ?”
��������� “
.”
คุณหมอคนนั้นเงียบไป เมื่อผมตอบออกไปเช่นนั้น...
ก็อาจจะสมควรอยู่หรอก... ก็ในเมื่อ 15 นาทีก่อนหน้านี้ผมยังโวยวายอยู่เลยนี่นา...
��������� “อะไรกัน...”
สาวผู้นั้นอุทานออกมา...
เดี๋ยวนะ?
ตะกี้เธอเรียกผมว่าพี่รึเปล่านะ...
��������� “พี่เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
ผมเห็นวัตถุที่เป็นเศษเปลือกขาวๆประกอบเหมือนเศษเกลือที่โรยติดอยู่บนอากาศเขามาลูบแถวๆไหล่ของผม...
ซึ่งถ้าให้เดาล่ะก็คงจะเป็นแขนของเธอที่มีส่วนที่ผิวเป็นสีขาวแท้ๆอยู่เป็นจุดๆ
��������� “ม ไม่ล่ะ...”
นัยน์ตาสีขาวทั้งสองดวง แต่ไม่มีใบหน้าอยู่ตรงหน้าของผม ซึ่งทำให้พอจะรู้ได้ว่า ใบหน้าของผมกับเธออยู่ห่างกันไม่ถึงฟุต
��������� “คุณมีอาการผิดปกติตรงไหนรึเปล่า...”
��������� “นอกจากเห็นแค่บางส่วนแล้ว ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ...”
��������� “เห็นแค่บางส่วนงั้นเหรอครับ? ช่วยอธิบายอาการของคุณให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมครับ”
��������� “คือว่า...”
ผมมองห้องพยาบาลแห่งนี้โดยรอบ...
��������� “ผมเห็นผ้าปูที่นอนขาวๆนี้...ผมเห็นผ้าม่านสีขาวที่ไม่มีที่แขวนอยู่ข้างบน ผมเห็นเตียงสีขาวที่ผมนั่งอยู่ แต่ไม่มีฐานรองอยู่ข้างล่าง ผมเห็นกำแพงสีขาวรอบตัว ผมเห็นประตูห้องน้ำที่ไม่มีลูกบิด และผมก็เห็นลักษณะของกระจกที่ลอยอยู่วัตถุสีดำ....แล้วผมก็เห็น...”
��������� “เดี๋ยวนะครับคุณคนไข้...”
��������� “
”
ผมชะงักไปเมื่อคุณหมอได้เอ่ยขัด...
ผมเห็นเสื้อยาวๆสีขาวของคุณหมอที่กระเป๋าเสื้ออยู่บริเวณท้ายเอวมีขนาดขยายตัวขึ้น ซึ่งถ้าให้เดาในเหตุการณ์นี้ก็จะเป็นไปได้ที่ว่า เขากำลังดึงวัตถุบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเขา...
��������� “กรุณาช่วยอ่านใบเสร็จใบนี้หน่อยนะครับ...”
��������� “
”
สาวน้อยผู้ที่เรียกผมว่า ‘พี่’ ได้รับเศษกระดาษนั้นมาจากมือของคุณหมอแล้วนำมอบมาให้กับผม...
��������� “ช็อกโกพาร์เฟ่ ราคา 98 บาท...”
��������� “ตัวพิมพ์เป็นสีอะไรครับ....”
��������� “
.”
บรรยากาศได้เงียบลงไปในทันที...
ใช่แล้ว
ผมพอจะเดาสถานการณ์ของอาการของผมในตอนนี้ได้อย่างดีเลยทีเดียว ว่ามันเกิดผิดปกติอะไรขึ้นกับร่างกายของผม...
��������� “สีดำ...”
��������� “
.”
ผมตอบออกไปตามตรง...
��������� “ซักครู่นะครับ....”
และคุณหมอก็หยิบกระดาษออกมาจากมือของผมโดยขออนุญาตสั้นๆ
��������� ขริบ...ขริบ...
เป็นเสียงที่ได้ยินโดยชัดเจนว่าเป็นเสียงของกระดาษที่ถูกตัด...
��������� “ช่วยอ่านคำจากรอยตัดให้หน่อยครับ...”
��������� “....”
ผมเห็นนัยน์ตาของสาวน้อยผู้นั้นหรี่เล็กลงจนทำให้ได้สังเกตรู้ว่าเธอมีอาการค่อนข้างจะเป็นห่วง
��������� “L”
��������� “ใช่แล้วครับ L
ถ้าอย่างนั้นตัว L นี้สีอะไรครับ...”
��������� “สีดำ...”
��������� “สีดำสินะ...”
และจากนั้นคุณหมอก็ลุกไปหยิบวัตถุบางอย่างบนโต๊ะ
��������� จ๊อกๆ....
เป็นเสียงน้ำที่ถูกรินให้ไหลลงซิงค์ (sink)ล้างมือ
และคุณหมอผู้นั้นก็เอาเศษกระดาษที่ถูกรดด้วยของเหลวบางอย่างมาวางทาบไว้กับบางอย่าง
��������� “เห็นกระดาษและตัวอักษรที่โดนตัดตรงกลางเป็นสีอะไรครับ...”
��������� “
”
เป็นอย่างที่ผมสันนิษฐานไว้เลย...
มันเป็นอาการที่ผมรับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของผม...
��������� “กรอบนอกเป็นสีดำ... ตัวอักษรเป็นสีขาว”
��������� "ถ้าอย่างนั้นทางหมอก็ต้องขอโทษด้วยละกันนะครับ...."
��������� "....."
��������� "เพราะผมใช้กระดาษใบเสร็จสีขาวที่เพิ่งโดนรดด้วยแอลกอฮอล์จนเป็นสีฟ้าต่างหาก"
��������� "..."
��������� "และก็.... ผมเปลี่ยนจากกระดาษแข็งสีเขียวเป็นสีขาวที่รองไว้ข้างหลังด้วยนะ"
��������� “สรุปแล้วคงไม่ใช่ตาฟากฟางธรรมดาแล้วล่ะ...แต่มันมีลักษณะอาการตาบอดสีร่วมไปด้วย”
��������� “ครับ....”
��������� “นอกจากสีขาวแล้ว สีอื่นๆที่คุณเห็นก็จะเป็นสีดำสินะ...”
��������� “ที่เห็นในที่สว่างได้ ก็จะเป็นเสื้อสีขาว ผิวส่วนที่สีขาวจริงๆ แล้วก็เปลือกนอกนัยน์ตาดำที่เป็นสีขาวครับ...”
��������� ทางเดินในโรงพยาบาล
��������� “สรุปแล้วพี่ก็มีอาการเหมือนคนตาบอดงั้นเหรอคะ...”
��������� “มันก็ไม่ใช่ว่าบอดซะทีเดียวหรอกนะ”
��������� “พี่ไม่เป็นไรแน่นะ...”
��������� “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเป็นทางเดินในโรงพยาบาลแล้วล่ะก็ ถ้ามีอะไรอยู่ข้างหน้าก็จะเห็นว่าเป็นอะไรซักอย่างสีดำๆที่ขวางทางอยู่นั่นล่ะ”
��������� "ตอนเกิดอุบัติเหตุน่ะ หนูตกใจแทบแย่เลยนะ"
��������� "อ อุบัติเหตุเหรอ?"
��������� "ก็อุบัติเหตุที่ทำให้พี่มาที่โรงพยาบาลนี่ไง"
��������� "อุบัติเหตุ....."
��������� ตึก....
และผมก็หยุดเดินในทันทีที่ผมได้นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้
��������� “มีอะไรเหรอพี่?”
��������� “เดี๋ยวก่อนนะ.....”
��������� “
”
��������� "มันแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อตะกี้แล้วนะ...."
��������� "..."
��������� “พาผมกลับไปหาคุณหมอคนเมื่อตะกี้ที”
��������� ห้อง MRI (ห้องแสกนสมอง)
��������� “ความจำเสื่อมด้วยเหรอ...”
��������� “คะ...”
��������� "ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นเรื่องปัญหาการกระทบกระเทือนทางสมองแล้วล่ะนะ"
��������� "....."
เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวซึ่งมีจุดดำๆปะปนอยู่ตามที่ผมเห็นเช็ดที่บริเวณใต้นัยน์ตาของเธอ
��������� “ขอโทษด้วยนะ....ที่ไม่ได้บอกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้...”
��������� "มะ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอกนะ"
��������� "..."
ผมรู้สึกว่าผมได้ทำร้ายความรู้สึกของคนที่น่าจะเป็น ‘น้องสาว’ ของผมไปซะแล้ว...
��������� “คือว่า...”
��������� “
”
ผมที่ยืนจ้องเธออยู่เมื่อตะกี้กำลังจะซักถามไป
แต่.....
��������� “ไม่ล่ะ...ไม่มีอะไรหรอก...”
ตอนนี้คงยังไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีสินะ...
ที่จะถามชื่อของผมเอง
แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมาอยู่ที่โรงพยาบาล
หรือแม้กระทั่งชื่อของเธอเช่นกัน...
����������'กระวนกระวาย'
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
โลกที่มีแต่เพียงสีขาว...และสีดำ
สีขาวเป็นสิ่งที่เป็นอยู่ตรงนั้นจริงๆ...
แต่สีดำเป็นรูปร่างของใบหน้าที่ประกอบอยู่ในนั้น...
��������� 'สับสน'
ผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครผู้ใดจะยิ้ม จะโกรธ จะสนุก จะดีใจ หรือจะเศร้าใจได้เลย หากเพียงแต่สังเกตที่นัยน์ตาของเขาผู้นั้น...
ในห้องสีขาวที่ผมเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ยกเว้นเพียงใบหน้า แขน และขาของเขาพวกนั้น...
ผมเห็นเพียงเสื้อสีขาวบนตัวของคุณหมอ และผมเห็นเพียงรอยตัดของกระโปรงเป็นแนวตั้งแนวนอนที่ทำให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมหลายๆช่อง ซึ่งแต่ละช่องมีขนาดพื้นที่ประมาณ 9 ตร.ซม. (ขนาด 3 x 3 ซม. ต่อช่อง)
��������� 'เผชิญกับความจริง'
ผมพยายามมองสภาพพื้นที่โดยทั่วแล้ว แต่สิ่งที่ผมเห็นนี้มันมีเพียงเท่านี้จริงๆ
��������� “เชิญเข้ารับการ MRI ได้เลยนะครับ...”
��������� “
.”
ผมยื่นแขนของผมขึ้นมาดู แล้วจ้องให้อยู่ระนาบระหว่างกำแพงสีขาว กับแขนของตัวเอง จนพบว่าแขนของผมก็เป็นสีดำไม่ต่างกัน หรือแม้แต่ใบหน้าของผมเองในกระจกนั้น
��������� “คนไข้ครับ?”
��������� “อ๊ะ...”
และผมก็เพิ่งรู้สึกตัวเมื่อคุณหมอกำลังเรียกผมอยู่...
��������� “ครับ....”
ถ้าเกิดเราตาบอด เราก็จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีดำ และไม่เห็นอะไรที่แตกต่างกันเลยซักนิด
�
‘ในกรณีนี้เราก็ยังคงถือว่าโชคดีสินะ ที่เรายังมองเห็น...ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วๆไปก็เถอะ...’
����������"นอนลงบนเครื่องได้เลยคะ"
��������� "ครับ...."
และสิ่งที่เห็นในช่วงนั้นก็เป็นห้องสีขาวที่มีแสงไฟส่องจนเห็นเป็นสีขาวนั้น...
จนเลื่อนลึกลงไปในเครื่อง และพื้นที่โดยรอบก็มืดลงไปจนดำสนิทเมื่อหัวของผมได้เข้าไปในเครื่องแล้ว...
����������"......."
ด้วยเหตุอันใดไม่สามารถตอบได้
แรงกำลังที่แม้แต่จะขยับหรือลืมตาก็ได้หมดไป
ตาของผมค่อยๆข่มหลับลงไปอย่างช้าๆ...
จนมันปิดสนิทไป....
������������������������������������������������������...............
�������������������������������������������� ..................................
������������������������������������ ....................................................
������������������������������������������������ ‘ ไม่เหมือนงั้นเหรอ? ’
��������� “!!”
ผมสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่รู้สึกคุ้นหูเสียจริง...
��������� ‘ ไม่เป็นไรแล้วล่ะนะ ’
��������� “
.”
เสียงที่แสนคุ้นหูนี้ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปสู่โสดประสาทของผมจนผมนึกขึ้นมาได้...
��������� “ธ เธอ...”
เป็นเสียงของสาวน้อยคนนั้นในตอนนั้น....
ในบรรยากาศที่เหมือนกับผมและเธออยู่ในห้วงของความมืดมิดที่ไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้
��������� ‘ อย่างที่เธอว่านั่นแหละ... เธอโชคดีแล้วล่ะ ’
��������� “
.”
ผมกลืนน้ำลายดัง ‘เอื้อก’ เมื่อกำลังรอฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อ...
มันเป็นเหตุการณ์เดิมอีกครั้งที่เธอได้ปรากฏตัวขึ้นและทำให้ผมไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้...
เสียงของเธอยังคงเค้าความน่ากลัวไว้ลึกๆ
มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าเสียงของเธอนั้นไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยเลย
��������� ‘ เป็นเรื่องโชคดีจริงๆ ที่เธอได้ตื่นขึ้นมา... คิ คิ คิ คิ ’
��������� “ธ เธอ...เป็นใคร?”
��������� “ค คนไข้เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
��������� ‘ คิ คิ คิ คิ คิ คิ ’
เสียงหัวเราะที่น่าเกลียดน่ากลัวสั่นคลอนไปถึงกระดูกหูจนขนลุก เมื่อรับรู้ได้ว่าเสียงหัวเราะนี้มันแสนจะน่าเกลียดเสียจริง
��������� “เธอหมายความว่ายังไง? เธอต้องการอะไร?!”
��������� “คนไข้คะ??”
��������� ‘ ฮะๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ! ’
��������� “เธอเป็นใคร?!”
ด้วยความกลัวที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ผมจึงเริ่มที่จะพยายามดิ้นรนให้ออกจากเครื่อง MRI นี้ให้ได้
แต่ประกอบกับสิ่งที่ไร้เหตุผล มันดูเหมือนว่าผมแทบจะหมดแรงไปกับความกระวนกระวาย และ ความสับสนที่ผ่านมาแล้วหรือไงกัน
��������� “ช่วยด้วยคะ! คนไข้เริ่มมีอาการผิดปกติแล้วคะ!”
��������� ‘ ตื่นขึ้นมาแล้วสินะ.... ’
��������� “
”
เสียงหัวเราะของเธอได้หยุดลงเมื่อเธอหัวเราะอย่างสาแก่ใจแล้ว...
ผมทำได้เพียงแค่นั่งฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อ
แต่....
เธอก็เงียบไป...
และผมก็สัมผัสได้ถึงมือที่แสนเย็นยะเยือกนั้นอีกครั้ง...
��������� หมับ.........
��������� “!!”
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยื่นมือนั้นมากุมที่มือข้างขวาข้างเดิมของผมอย่างนุ่มนวล...
��������� “....”
เหล่านางพยาบาลที่เตรียมจะดึงเตียงออกมาได้นิ่งลงเมื่อผมหยุดเคลื่อนไหว
อยู่ดีๆเปลือกตากลับเป็นปกติอีกครั้ง...
และมันทำให้ผมสามารถลืมตาขึ้นมาได้...
ในบรรยากาศที่เงียบอย่างน่ากลัวนี้
ผมขนลุกด้วยความระแวงและพยายามมองสิ่งที่อยู่รอบตัว แต่ก็เพียงเห็นทุกอย่างที่มืดดำสนิทรอบกาย...
การหายใจถี่ขึ้นด้วยความระแวง...
พยายามจะส่ายสายตามองพื้นที่โดยรอบเพื่อมองหาสิ่งที่พูดกับผม ผู้ที่พูดกับผม หรืออะไรซักอย่างที่พูดกับผม...
��������� “
”
จนผมเริ่มทำใจ และนึกไป ว่ามันเป็นเพียงอาการประสาทหลอนจากการกระทบกระเทือนทางสมองก็เป็นได้
หรืออาจจะร้ายแรงน้อยกว่านั้น ก็เพียงแค่มีคนกำลังแกล้งผมเล่นอยู่...
��������� ตึก...
และมือข้างขวาของผมก็ตกลงสู่เตียงนอน...
จึงทำให้ผมรู้ได้ในขณะนั้น...
‘มันไม่ใช่อาการประสาทหลอนแล้วล่ะ...’
จนทำให้หัวใจที่เต้นระรัวด้วยทั้งความกลัวความตื่นเต้นลุ้นระทึกจนท้ายเอวเกร็งยึด...
แล้วในขณะที่ผมมองหันซ้ายหันขวาอย่างระแวงนั้นนั่นเอง ก็ทำให้ได้เห็นการเคลื่อนไหวของบางอย่างที่อยู่เบื้องบน
..
.
..
�� จนมันเข้ามาชิดเกือบแนบหน้า!!
�
��������� ‘ นัยน์ตาแห่งอมร! ’
��������� “ฮึก!!!!”
��������� ปึง!!
แรงกระแทกของหัวของผมที่กระแทกเข้ากับเครื่อง MRI ที่อยู่ข้างใน
��������� “อย่าเข้ามา!!! อย่าเข้ามา!!!!!!”
��������� “คนไข้คะ?!”
เหล่านางพยาบาลรีบปิดเครื่องแล้วนำตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
ชายที่ท่าทางเหมือนมีอาการประสาทหลอนนอนดิ้นพล่านอย่างหวาดกลัวเพื่อต้องการจะหนีให้ห่างจากสิ่งที่เขาพบเจอ
ดวงตาที่ถลนเข้าถลำชิดเกือบแนบหน้า
สิ่งที่เข้ามาจ้องในห้องที่ปิดตายด้วยดวงตาสยองขวัญคู่นั้นติดตาจนวันตายก็เป็นได้...
ความคิดเห็น