ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sight Perception บอดแห่งอมรอันนิรันดร

    ลำดับตอนที่ #1 : Sight 01

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 52
      0
      15 เม.ย. 55

    Sight 01

    ��������� ห้องพยาบาลที่เงียบสงบ

    ��������� “…”

    ผมรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อร่างกายของผมได้อยู่ในห้องที่เคลือบไปด้วยสเตอไรด์หอมถึงจมูกแบบที่สามารถได้กลิ่นๆนี้คละคลุ้งไปทั้งโรงพยาบาล

    ��������� โอ๊ะ!”

    ผมได้ยินเสียงของสาวคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็น นางพยาบาล อุทานออกมาสั้นๆ

    ��������� คุณหมอคะ...********

    ผมฟังทันแค่ช่วงนี้เท่านั้นเอง...

    สติมันช่างเลือนรางเหมือนคนที่ไม่ได้นอนมา 3 วันแต่กลับเพิ่งได้นอนมาเพียง 3 ชั่วโมง

    ��������� อ....

    ผมส่งเสียงออกไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าคุณหมอได้ใช้ไฟฉายส่องมาที่ดวงตาข้างซ้ายของผม...

    แต่ว่ามัน...

    แปลกไปจากปกตินะ...

    ��������� คนไข้มีสติแล้วล่ะ...ติดต่อญาติของเขาให้ด้วย

    ��������� ค่ะ

    ผมนอนเงียบอยู่ตรงนั้นในห้องสีขาวโพลน...

    ผมเห็นเพียงเสื้อสีขาว ผ้าปูสีขาว และผ้าม่านสีขาวที่ลายล้อมอยู่รอบตัว...

    อาการเจ็บจี๊ดที่หัวเริ่มออกอาการเมื่อรู้สึกว่าเลือดภายในร่างกายของผมสูบฉีดเข้าร่างกายในตอนที่ผมต้องการจะลุกจากเตียง ซึ่งมันทำให้ผมหน้ามืดเลยทีเดียว

    และผมก็ลุกขึ้นได้ไม่สำเร็จ...

    ....

    ��������� “!!”

    ��������� หืม? มีอะไรรึเปล่าครับ?

    ��������� ฮึก!!”

    เสียงสะดุ้งเฮือกอย่างน่าตกใจเมื่อ...

    ��������� มีอาการผิดปกติที่ไหนรึเปล่าครับ?”

    ��������� อย่าเข้ามานะ!!!!”

    ��������� คุณครับ?!”

    ��������� อ้ากกกกกกก!!!!!”

    ผมโวยวายและพยายามที่จะดิ้นออกจากเตียงให้ได้ แต่กลับถูกแขนสีดำที่ดำสนิทจากคุณหมอคนนั้นกดผมให้ลงไปนอนกับเตียง

    ��������� "ปล่อยนะ!! อย่าเข้ามา!!!"

    เป็นความหวาดผวาอย่างสุดขีดเมื่อได้เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเหลืองเพียงเสื้อกับนัยน์ตาเท่านั้นที่เป็นสีขาว แต่กับส่วนอื่นๆแล้วมันดำสนิทไม่ต่างกับถูกทาสีมาเลยทีเดียว

    ใช่...มันเป็นลักษณะเหมือนคนทั่วไปก็จริง... แต่มันไม่ใช่....

    เพราะสิ่งที่ผมเห็น...

    มันมีแค่ห้องสีขาวลายตัดดำๆต่างหาก...

    ��������� “…..”

    ��������� หวี่~

    เป็นเสียงของแมลงที่คอยตอมอยู่ตรงใบหน้าของผม...

    ��������� แปะ!

    ��������� โอ๊ย!”

    ผมกลับใช้มือของผมฟาดเข้าที่ใบหน้าของตัวเองแรงจนเกินไป....
    ทั้งๆที่มองไปทั่วทั้งห้องแล้ว แต่กลับเห็นหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่มันผิดปกติไป....

    ��������� “……”

    ผมยื่นมือขึ้นไปจ้องในที่ๆมีแสงไฟส่องลงมา...

    มันน่ากลัวมาก....

    เพราะแม้กระทั่งมือของผมเอง ผมยังเห็นเป็นเพียงระริ้วเศษของสีขาวที่ติดอยู่ตามเนื้อตามตัวของผมเท่านั้นเอง

    นอกจากระริ้วสีขาวและนอกนั้นก็เป็นเพียงแค่สีดำเพียงเท่านั้น...

    และเมื่อผมหันหน้าของผมไปทางด้านข้างที่มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้น ผมก็พบกับใบหน้าของตัวผมเองที่มีเหลือเพียงนัยน์ตาสีขาวรอบๆ และจุดดำตรงกลางเป็นนัยน์ตาดำที่ดำเสียสนิทจนไม่มีแม้แต่เงาที่สะท้อนจากแสงเลยซักนิด...

    ��������� ครืด~

    พี่?!”

    และในขณะที่ผมกำลังจ้องอยู่กับกระจกตรงนั้นนั่นเอง ผมก็ได้ยินเสียงเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งได้เลื่อนวัตถุที่น่าจะเป็น บานประตู’ สีดำๆออกไปด้านข้าง

    ��������� ?...
    ��������� “!!”

    เธอสูดหายใจเข้าเฮือกอย่างตกใจเมื่อนัยน์ตาของเธออยู่ตรงหน้า
    ผมเห็นลักษณะทรงเสื้อและแขนเล็กๆของเธอที่สูงประมาณ 150 ซม. เป็นสีดำทั้งหมด เว้นแต่เพียงกระโปรงลายตัดสีขาวของเธอเท่านั้น

    ��������� คนไข้มีอาการตาฟากฟางประกอบไปด้วยนะครับ...

    ��������� ผะ ผมเหรอ?

    ��������� “….”

    คุณหมอคนนั้นเงียบไป เมื่อผมตอบออกไปเช่นนั้น...

    ก็อาจจะสมควรอยู่หรอก... ก็ในเมื่อ 15 นาทีก่อนหน้านี้ผมยังโวยวายอยู่เลยนี่นา...

    ��������� อะไรกัน...

    สาวผู้นั้นอุทานออกมา...

    เดี๋ยวนะ?

    ตะกี้เธอเรียกผมว่าพี่รึเปล่านะ...

    ��������� พี่เจ็บตรงไหนรึเปล่า?

    ผมเห็นวัตถุที่เป็นเศษเปลือกขาวๆประกอบเหมือนเศษเกลือที่โรยติดอยู่บนอากาศเขามาลูบแถวๆไหล่ของผม...
    ซึ่งถ้าให้เดาล่ะก็คงจะเป็นแขนของเธอที่มีส่วนที่ผิวเป็นสีขาวแท้ๆอยู่เป็นจุดๆ

    ��������� ม ไม่ล่ะ...

    นัยน์ตาสีขาวทั้งสองดวง แต่ไม่มีใบหน้าอยู่ตรงหน้าของผม ซึ่งทำให้พอจะรู้ได้ว่า ใบหน้าของผมกับเธออยู่ห่างกันไม่ถึงฟุต

    ��������� คุณมีอาการผิดปกติตรงไหนรึเปล่า...

    ��������� นอกจากเห็นแค่บางส่วนแล้ว ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ...

    ��������� เห็นแค่บางส่วนงั้นเหรอครับ? ช่วยอธิบายอาการของคุณให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมครับ

    ��������� คือว่า...

    ผมมองห้องพยาบาลแห่งนี้โดยรอบ...

    ��������� ผมเห็นผ้าปูที่นอนขาวๆนี้...ผมเห็นผ้าม่านสีขาวที่ไม่มีที่แขวนอยู่ข้างบน ผมเห็นเตียงสีขาวที่ผมนั่งอยู่ แต่ไม่มีฐานรองอยู่ข้างล่าง ผมเห็นกำแพงสีขาวรอบตัว ผมเห็นประตูห้องน้ำที่ไม่มีลูกบิด และผมก็เห็นลักษณะของกระจกที่ลอยอยู่วัตถุสีดำ....แล้วผมก็เห็น...

    ��������� เดี๋ยวนะครับคุณคนไข้...

    ��������� “…”

    ผมชะงักไปเมื่อคุณหมอได้เอ่ยขัด...

    ผมเห็นเสื้อยาวๆสีขาวของคุณหมอที่กระเป๋าเสื้ออยู่บริเวณท้ายเอวมีขนาดขยายตัวขึ้น ซึ่งถ้าให้เดาในเหตุการณ์นี้ก็จะเป็นไปได้ที่ว่า เขากำลังดึงวัตถุบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเขา...

    ��������� กรุณาช่วยอ่านใบเสร็จใบนี้หน่อยนะครับ...

    ��������� “…”

    สาวน้อยผู้ที่เรียกผมว่า พี่’ ได้รับเศษกระดาษนั้นมาจากมือของคุณหมอแล้วนำมอบมาให้กับผม...

    ��������� ช็อกโกพาร์เฟ่ ราคา 98 บาท...
    ��������� ตัวพิมพ์เป็นสีอะไรครับ....

    ��������� “……….”

    บรรยากาศได้เงียบลงไปในทันที...

    ใช่แล้ว

    ผมพอจะเดาสถานการณ์ของอาการของผมในตอนนี้ได้อย่างดีเลยทีเดียว ว่ามันเกิดผิดปกติอะไรขึ้นกับร่างกายของผม...

    ��������� สีดำ...

    ��������� “….”

    ผมตอบออกไปตามตรง...

    ��������� ซักครู่นะครับ....

    และคุณหมอก็หยิบกระดาษออกมาจากมือของผมโดยขออนุญาตสั้นๆ

    ��������� ขริบ...ขริบ...

    เป็นเสียงที่ได้ยินโดยชัดเจนว่าเป็นเสียงของกระดาษที่ถูกตัด...

    ��������� ช่วยอ่านคำจากรอยตัดให้หน่อยครับ...

    ��������� ....

    ผมเห็นนัยน์ตาของสาวน้อยผู้นั้นหรี่เล็กลงจนทำให้ได้สังเกตรู้ว่าเธอมีอาการค่อนข้างจะเป็นห่วง

    ��������� “L”

    ��������� ใช่แล้วครับ L… ถ้าอย่างนั้นตัว L นี้สีอะไรครับ...

    ��������� สีดำ...

    ��������� สีดำสินะ...

    และจากนั้นคุณหมอก็ลุกไปหยิบวัตถุบางอย่างบนโต๊ะ

    ��������� จ๊อกๆ....

    เป็นเสียงน้ำที่ถูกรินให้ไหลลงซิงค์ (sink)ล้างมือ

    และคุณหมอผู้นั้นก็เอาเศษกระดาษที่ถูกรดด้วยของเหลวบางอย่างมาวางทาบไว้กับบางอย่าง

    ��������� เห็นกระดาษและตัวอักษรที่โดนตัดตรงกลางเป็นสีอะไรครับ...

    ��������� “…”

    เป็นอย่างที่ผมสันนิษฐานไว้เลย...

    มันเป็นอาการที่ผมรับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของผม...

    ��������� กรอบนอกเป็นสีดำ... ตัวอักษรเป็นสีขาว

    ��������� "ถ้าอย่างนั้นทางหมอก็ต้องขอโทษด้วยละกันนะครับ...."
    ��������� "....."
    ��������� "เพราะผมใช้กระดาษใบเสร็จสีขาวที่เพิ่งโดนรดด้วยแอลกอฮอล์จนเป็นสีฟ้าต่างหาก"
    ��������� "..."
    ��������� "และก็.... ผมเปลี่ยนจากกระดาษแข็งสีเขียวเป็นสีขาวที่รองไว้ข้างหลังด้วยนะ"

    ��������� สรุปแล้วคงไม่ใช่ตาฟากฟางธรรมดาแล้วล่ะ...แต่มันมีลักษณะอาการตาบอดสีร่วมไปด้วย

    ��������� ครับ....

    ��������� นอกจากสีขาวแล้ว สีอื่นๆที่คุณเห็นก็จะเป็นสีดำสินะ...

    ��������� ที่เห็นในที่สว่างได้ ก็จะเป็นเสื้อสีขาว ผิวส่วนที่สีขาวจริงๆ แล้วก็เปลือกนอกนัยน์ตาดำที่เป็นสีขาวครับ...

    ��������� ทางเดินในโรงพยาบาล

    ��������� สรุปแล้วพี่ก็มีอาการเหมือนคนตาบอดงั้นเหรอคะ...

    ��������� มันก็ไม่ใช่ว่าบอดซะทีเดียวหรอกนะ

    ��������� พี่ไม่เป็นไรแน่นะ...

    ��������� ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเป็นทางเดินในโรงพยาบาลแล้วล่ะก็ ถ้ามีอะไรอยู่ข้างหน้าก็จะเห็นว่าเป็นอะไรซักอย่างสีดำๆที่ขวางทางอยู่นั่นล่ะ

    ��������� "ตอนเกิดอุบัติเหตุน่ะ หนูตกใจแทบแย่เลยนะ"
    ��������� "อ อุบัติเหตุเหรอ?"
    ��������� "ก็อุบัติเหตุที่ทำให้พี่มาที่โรงพยาบาลนี่ไง"
    ��������� "อุบัติเหตุ....."

    ��������� ตึก....

    และผมก็หยุดเดินในทันทีที่ผมได้นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้

    ��������� มีอะไรเหรอพี่?

    ��������� เดี๋ยวก่อนนะ.....

    ��������� “…”
    ��������� "มันแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อตะกี้แล้วนะ...."
    ��������� "..."

    ��������� พาผมกลับไปหาคุณหมอคนเมื่อตะกี้ที

    ��������� ห้อง MRI (ห้องแสกนสมอง)

    ��������� ความจำเสื่อมด้วยเหรอ...

    ��������� คะ...

    ��������� "ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นเรื่องปัญหาการกระทบกระเทือนทางสมองแล้วล่ะนะ"
    ��������� "....."

    เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวซึ่งมีจุดดำๆปะปนอยู่ตามที่ผมเห็นเช็ดที่บริเวณใต้นัยน์ตาของเธอ

    ��������� ขอโทษด้วยนะ....ที่ไม่ได้บอกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้...
    ��������� "มะ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอกนะ"
    ��������� "..."

    ผมรู้สึกว่าผมได้ทำร้ายความรู้สึกของคนที่น่าจะเป็น น้องสาวของผมไปซะแล้ว...

    ��������� คือว่า...

    ��������� “…”

    ผมที่ยืนจ้องเธออยู่เมื่อตะกี้กำลังจะซักถามไป
    แต่.....

    ��������� ไม่ล่ะ...ไม่มีอะไรหรอก...

    ตอนนี้คงยังไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีสินะ...

    ที่จะถามชื่อของผมเอง

    แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมาอยู่ที่โรงพยาบาล
    หรือแม้กระทั่งชื่อของเธอเช่นกัน...

    ����������'กระวนกระวาย'

    นี่มันเกิดอะไรขึ้น

    โลกที่มีแต่เพียงสีขาว...และสีดำ

    สีขาวเป็นสิ่งที่เป็นอยู่ตรงนั้นจริงๆ...

    แต่สีดำเป็นรูปร่างของใบหน้าที่ประกอบอยู่ในนั้น...

    ��������� 'สับสน'

    ผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครผู้ใดจะยิ้ม จะโกรธ จะสนุก จะดีใจ หรือจะเศร้าใจได้เลย หากเพียงแต่สังเกตที่นัยน์ตาของเขาผู้นั้น...

    ในห้องสีขาวที่ผมเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ยกเว้นเพียงใบหน้า แขน และขาของเขาพวกนั้น...

    ผมเห็นเพียงเสื้อสีขาวบนตัวของคุณหมอ และผมเห็นเพียงรอยตัดของกระโปรงเป็นแนวตั้งแนวนอนที่ทำให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมหลายๆช่อง ซึ่งแต่ละช่องมีขนาดพื้นที่ประมาณ 9 ตร.ซม. (ขนาด 3 x 3 ซม. ต่อช่อง)

    ��������� 'เผชิญกับความจริง'

    ผมพยายามมองสภาพพื้นที่โดยทั่วแล้ว แต่สิ่งที่ผมเห็นนี้มันมีเพียงเท่านี้จริงๆ

    ��������� เชิญเข้ารับการ MRI ได้เลยนะครับ...

    ��������� “….”

    ผมยื่นแขนของผมขึ้นมาดู แล้วจ้องให้อยู่ระนาบระหว่างกำแพงสีขาว กับแขนของตัวเอง จนพบว่าแขนของผมก็เป็นสีดำไม่ต่างกัน หรือแม้แต่ใบหน้าของผมเองในกระจกนั้น

    ��������� คนไข้ครับ?

    ��������� อ๊ะ...

    และผมก็เพิ่งรู้สึกตัวเมื่อคุณหมอกำลังเรียกผมอยู่...

    ��������� ครับ....

    ถ้าเกิดเราตาบอด เราก็จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีดำ และไม่เห็นอะไรที่แตกต่างกันเลยซักนิด

    ��������� 'หยุดคิดชั่วขณะ'

    ในกรณีนี้เราก็ยังคงถือว่าโชคดีสินะ ที่เรายังมองเห็น...ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วๆไปก็เถอะ...

    ����������"นอนลงบนเครื่องได้เลยคะ"
    ��������� "ครับ...."

    และสิ่งที่เห็นในช่วงนั้นก็เป็นห้องสีขาวที่มีแสงไฟส่องจนเห็นเป็นสีขาวนั้น...
    จนเลื่อนลึกลงไปในเครื่อง และพื้นที่โดยรอบก็มืดลงไปจนดำสนิทเมื่อหัวของผมได้เข้าไปในเครื่องแล้ว...

    ����������"......."

    ด้วยเหตุอันใดไม่สามารถตอบได้
    แรงกำลังที่แม้แต่จะขยับหรือลืมตาก็ได้หมดไป

    ตาของผมค่อยๆข่มหลับลงไปอย่างช้าๆ...

    จนมันปิดสนิทไป....

    ������������������������������������������������������...............


    �������������������������������������������� ..................................


    ������������������������������������ ....................................................

    ������������������������������������������������ ไม่เหมือนงั้นเหรอ?

    ��������� “!!”

    ผมสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่รู้สึกคุ้นหูเสียจริง...

    ��������� ไม่เป็นไรแล้วล่ะนะ

    ��������� “….”

    เสียงที่แสนคุ้นหูนี้ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปสู่โสดประสาทของผมจนผมนึกขึ้นมาได้...

    ��������� ธ เธอ...

    เป็นเสียงของสาวน้อยคนนั้นในตอนนั้น....

    ในบรรยากาศที่เหมือนกับผมและเธออยู่ในห้วงของความมืดมิดที่ไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้

    ��������� อย่างที่เธอว่านั่นแหละ... เธอโชคดีแล้วล่ะ

    ��������� “….”

    ผมกลืนน้ำลายดัง เอื้อกเมื่อกำลังรอฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อ...

    มันเป็นเหตุการณ์เดิมอีกครั้งที่เธอได้ปรากฏตัวขึ้นและทำให้ผมไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้...

    เสียงของเธอยังคงเค้าความน่ากลัวไว้ลึกๆ

    มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าเสียงของเธอนั้นไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยเลย

    ��������� เป็นเรื่องโชคดีจริงๆ ที่เธอได้ตื่นขึ้นมา... คิ คิ คิ คิ

    ��������� ธ เธอ...เป็นใคร?”

    ��������� ค คนไข้เป็นอะไรรึเปล่าคะ?

    ��������� คิ คิ คิ คิ คิ คิ

    เสียงหัวเราะที่น่าเกลียดน่ากลัวสั่นคลอนไปถึงกระดูกหูจนขนลุก เมื่อรับรู้ได้ว่าเสียงหัวเราะนี้มันแสนจะน่าเกลียดเสียจริง

    ��������� เธอหมายความว่ายังไง? เธอต้องการอะไร?!”

    ��������� คนไข้คะ??

    ��������� ฮะๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ! ’

    ��������� เธอเป็นใคร?!”

    ด้วยความกลัวที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ผมจึงเริ่มที่จะพยายามดิ้นรนให้ออกจากเครื่อง MRI นี้ให้ได้
    แต่ประกอบกับสิ่งที่ไร้เหตุผล มันดูเหมือนว่าผมแทบจะหมดแรงไปกับความกระวนกระวาย และ ความสับสนที่ผ่านมาแล้วหรือไงกัน

    ��������� ช่วยด้วยคะ! คนไข้เริ่มมีอาการผิดปกติแล้วคะ!”

    ��������� ตื่นขึ้นมาแล้วสินะ....

    ��������� “…”

    เสียงหัวเราะของเธอได้หยุดลงเมื่อเธอหัวเราะอย่างสาแก่ใจแล้ว...

    ผมทำได้เพียงแค่นั่งฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อ

    แต่....

    เธอก็เงียบไป...

    และผมก็สัมผัสได้ถึงมือที่แสนเย็นยะเยือกนั้นอีกครั้ง...

    ��������� หมับ.........

    ��������� “!!”

    ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยื่นมือนั้นมากุมที่มือข้างขวาข้างเดิมของผมอย่างนุ่มนวล...

    ��������� ....
    เหล่านางพยาบาลที่เตรียมจะดึงเตียงออกมาได้นิ่งลงเมื่อผมหยุดเคลื่อนไหว

    อยู่ดีๆเปลือกตากลับเป็นปกติอีกครั้ง...

    และมันทำให้ผมสามารถลืมตาขึ้นมาได้...

    ในบรรยากาศที่เงียบอย่างน่ากลัวนี้

    ผมขนลุกด้วยความระแวงและพยายามมองสิ่งที่อยู่รอบตัว แต่ก็เพียงเห็นทุกอย่างที่มืดดำสนิทรอบกาย...

    การหายใจถี่ขึ้นด้วยความระแวง...

    พยายามจะส่ายสายตามองพื้นที่โดยรอบเพื่อมองหาสิ่งที่พูดกับผม ผู้ที่พูดกับผม หรืออะไรซักอย่างที่พูดกับผม...

    ��������� “……”

    จนผมเริ่มทำใจ และนึกไป ว่ามันเป็นเพียงอาการประสาทหลอนจากการกระทบกระเทือนทางสมองก็เป็นได้

    หรืออาจจะร้ายแรงน้อยกว่านั้น ก็เพียงแค่มีคนกำลังแกล้งผมเล่นอยู่...

    ��������� ตึก...

    และมือข้างขวาของผมก็ตกลงสู่เตียงนอน...

    จึงทำให้ผมรู้ได้ในขณะนั้น...

    มันไม่ใช่อาการประสาทหลอนแล้วล่ะ...

    จนทำให้หัวใจที่เต้นระรัวด้วยทั้งความกลัวความตื่นเต้นลุ้นระทึกจนท้ายเอวเกร็งยึด...

    แล้วในขณะที่ผมมองหันซ้ายหันขวาอย่างระแวงนั้นนั่นเอง ก็ทำให้ได้เห็นการเคลื่อนไหวของบางอย่างที่อยู่เบื้องบน

    …..

    ………….

    …………………..


    �� จนมันเข้ามาชิดเกือบแนบหน้า!!



    ��������� นัยน์ตาแห่งอมร! ’

    ��������� ฮึก!!!!”

    ��������� ปึง!!

    แรงกระแทกของหัวของผมที่กระแทกเข้ากับเครื่อง MRI ที่อยู่ข้างใน

    ��������� อย่าเข้ามา!!! อย่าเข้ามา!!!!!!”

    ��������� คนไข้คะ?!”

    เหล่านางพยาบาลรีบปิดเครื่องแล้วนำตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

    ชายที่ท่าทางเหมือนมีอาการประสาทหลอนนอนดิ้นพล่านอย่างหวาดกลัวเพื่อต้องการจะหนีให้ห่างจากสิ่งที่เขาพบเจอ

    ดวงตาที่ถลนเข้าถลำชิดเกือบแนบหน้า

    สิ่งที่เข้ามาจ้องในห้องที่ปิดตายด้วยดวงตาสยองขวัญคู่นั้นติดตาจนวันตายก็เป็นได้...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×