BetweenS (ระหว่าง?)

(สวัสดีครับผม! เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่ผมแต่งขึ้นมานะครับ อาจจะมีการใช้ภาษาถูกบางผิดบางนะครับ มีความคิดเห็นติดชมยังไงก็บอกได้เลยนะครับจะนำปรับปรุงเลยๆ ด่าก็ได้นะแต่อย่าแรงผมเจ็บ5555+)

(นิยายเรื่องนี้ถึงจะติด Tag แอคชั่น แต่ก็ใช้ว่าจะสู้กันทั้งเรื่องนะครับ เรื่องนี้จะสอดแทรกหลายๆแนวเอาไว้อยู่เยอะพอสมควร โดยจะแบ่งให้แอคชั่นสัก 40% เท่านั้น ส่วนคนที่คิดว่าตอนสู้กันจะเป็นเหมือนการต่อสู้ล้างผลาญเหมือนอนิเมะแอคชั่นที่เห็นในปัจจุบัน ก็ต้องบอกอีกที่ว่าการต้อสู้ในเรื่องนี้จะมีขึ้นในช่วงหลังๆนะครับ ช่วงแรกมันจะสเกลหรือขอบเขตพลังจะเล็กๆหน่อย มีแค่นี้แหละครับขอให้อ่านนิยายให้สนุกและเสพสื่อพวกนี้แค่บันเทิงนะครับ)

(NC18+ ไปหาอ่านที่ ธัญวลัย นะเดียวโดนแบนครับ กลัว!)

เรื่องย่อ

ข้ามไม่อ่านก็ได้นะครับสำหรับคนที่ชอบแค่ความบันเทิง แต่สำหรับคนที่ชอบความสมเหตุสมผลสักหน่อย ก็อ่านเถอะครับมันเป็นการปูเนื้อหาของเรื่องนะครับ

 ปี ค.ศ.2022 โลกได้เกิดวิกฤตการณ์ขาดแคลนพลังงานเนื่องจากพลังงานจากธรรมชาติของโลกนั้นใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว แต่นั้นก็ไม่ใช้เหตุผลที่จะทำให้เกิดสงครามโลกขึ้นได้ เพื่อแย่งชิงพลังงานส่วนที่เหลือ หลายประเทศในโลกได้ทำการหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนที่ไม่มีวันหมดแทนที่จะขุดคุ้ยหางานพลังงานจากธรรมชาติที่เหลืออยู่น้อยนิดมาใช้ ถึงอย่างนั้นจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของทุกประเทศแต่การที่จะทำอย่างนั้นโดยไม่ให้มีการเกิดผลกระทบภายในประเทศเลยนั้นไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ เพราะสิ่งที่ต้องใช้นั้นก็ต้องมีทั้งทรัพยากร เงิน และเวลาอย่างมากเลยทำให้การแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้นั้นเป็นไปได้ยากมากๆ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้โลกเข้าสู่การหยุดนิ่งของการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี การแพทย์ เกษตรกรรม การสื่อสาร และด้านอื่นๆทุกๆด้านก็หยุดลงกันตามๆไป หรือแม้กระทั้งการทหารก็หยุดการพัฒนาของอาวุธด้วยเช่นกัน จะมีแค่ประเทศมหาอำนาจไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่แสวงหาพลังงานจากธรรมชาติที่เหลือหลงอยู่ การตึงเครียดของปัญหานี้ก็ได้กินเวลานับ 10 ปี จนประเทศหลายประเทศได้ประกาศปิดประเทศเพราะทุกประเทศได้เริ่มทำการซ่องสุมกำลังของตนเพื่อรับมือการสงครามเย็นที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววัน

ปี ค.ศ.2042 เวลาที่ผ่านไปเวลานับ 20 ปีแผนการที่จะนำพลังหมุนเวียนมาใช้นั้นก็คืบหน้าช้ามากจนทำให้การบริหาร การปกครองภายในประเทศนั้นใกล้จะสูญเสียไปทั้งหมดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงทำให้สงครามเย็นที่เกิดขึ้นมานับเวลา 10 ปีก็ได้จบลงเพราะประเทศมหาอำนาจทั้งหลายได้เริ่มประกาศสงครามครั้งที่ 3 ขึ้นเพื่อที่จะแย่งชิงพลังงานและทรัพยากรของประเทศอื่นๆที่ไม่ใช้พันธมิตรของตน สงครามนั้นได้แบ่งออกเป็นหลายภายและกินเวลานานนับ 50 ปีและดูท่าจะไม่จบลงง่ายๆ

ปี ค.ศ. 2101 ความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้นทำให้ประชากรของโลกจาก 7000 กว่าล้าคนได้หลงเหลือประชากรอยู่แค่ 3000 ล้านคนเท่านั้นและยิ่งนานวันประชากรชายได้ลดลงอย่างหน้าตกใจจึงทำให้ในสงครามนะตอนนั้นมีผู้หญิงที่เข้าสู่รบในสงครามมากกว่าผู้ชายถึง 10 เท่า

สุดท้าย ปี ค.ศ. 2104 สงครามก็ได้จบลงด้วยเหตุผลกองกำลังทหารของทุกประเทศนั้นหมดลงหรือแทบจะมีเหลือและในช่วงเวลาเดียวกัน การใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นพลังงานหลักของประเทศหลายประเทศก็ทำสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย นั้นจึงเป็นสัญญาณการจบของสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่กินเวลานานเกือบ 100 ปี ไม่นานหลังจากจบสงครามหลายประเทศได้รวมกันเป็นประเทศเดียวกันเพื่อลดปัญหาและการขอร่วมใช้พลังจากประเทศที่มีพลังใช้ตนทำให้ในโลกนั้นเหลือประเทศเพียงแค่ 10 ประเทศเท่านั้น โดย 10 ประเทศเหล่านั้นได้ทำสนธิสัญญาจกทองทั้ง 10 เพื่อที่จะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งโลกเพื่อที่จะให้ทุกประเทศทั่วโลกได้ติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่มีกำแพงทางภาษา วัฒนธรรม และความเชื่อ สุดท้ายก็ได้เริ่มยุคใหม่ที่เรียกว่า NE ….