ลวง ล่า ราตรี
เมื่ออดีตเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานรับสายโทรศัพท์แปลกหน้าในดึกคืนหนึ่งเพียงเพื่อจะปล่อยให้มันดึงเขาเข้าสู่วังวนการไขคดีอุกฉกรรจ์ที่สุดคดีหนึ่งในชีวิต และสุดท้ายชีวิตของเขาเองที่ต้องถูกคุกคาม
ผู้เข้าชมรวม
296
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
01.16 น.
เสียงปืนดังกึกก้องขึ้นในความมืด ก่อนจะสะท้อนออกไปโดยรอบปริมณฑล เสียงที่ดังราวกับฟ้าผ่ากระชากทุกชีวิตในป่าที่กำลังหลับไหลให้หลุดจากห้วงนิทราฉับพลัน กลุ่มนกกระพือปีกบินอย่างแตกตื่นอยู่เหนือยอดไม้ ลิงค่างกลางเถื่อนเพรียกร้องหากันอยู่ขรม ความโกลาหลดำเนินไปชั่วระยะหนึ่งก่อนจะสงบลง แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมป่าทั้งป่าอีกครั้งราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ผมผวาตื่น ตาเบิกโพลงอยู่ในความมืด งุนงงอยู่พักหนึ่งจึงค่อยๆเริ่มใช้สติที่ยังคงสภาพกึ่งตื่นกึ่งภวังค์ไล่เลียงความฝันเมื่อครู่ ผมฝันว่าตนเองได้พบหญิงสาวคนหนึ่ง ในห้วงความฝันนั้นทุกสิ่งดูพร่ามัว ใบหน้าหล่อนรางเลือนเหลือเกิน แม้ว่าผมพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อเบิกตามองหน้าหล่อนให้ชัดๆ แต่ราวกับเปลือกตานั้นได้ทิ้งน้ำหนักมหาศาลกดทับลงมาอยู่ทุกขณะ ผมจำได้รางๆว่าหล่อนขายผลไม้ท้ายรถคันเขียวเข้มและส่งยิ้มจางๆให้ นัยน์ตาคู่นั้นมองอย่างมีความหมาย พลันมีเสียงปืนดังขึ้นแล้วหล่อนก็ล้มลง ผมสะดุ้งตื่น สูดอากาศเข้าลึกเต็มปอด รู้สึกได้ถึงความอับชื้นจากเม็ดเหงื่อที่ซึมซาบกระจายทั่วเสื้อและแผ่นหลัง ผมนั่งนิ่งอยู่นานในความมืด ใบหน้าของหล่อนไม่หวนเข้ามาในความทรงจำอีกแล้ว หากดวงตาคู่นั้นยังติดตาผมอยู่แม้ในยามตื่น ผมบิดตัวเบาๆ เอื้อมมือไปนวดท้ายทอยที่ปวดเนือยๆ พลางไขว่คว้าสะเปะสะปะหาต้นเหตุของความปวดนี้
ฉันทำหมอนหล่นลงไปใต้แคร่ตอนหลับเป็นครั้งที่สี่แล้วนะเนี่ย
พฤติกรรมประหลาดนี้อาจไม่อยู่เหนือคำอธิบายแต่ผมเองยังคงสงสัยว่าการปัดหมอนหล่นจากแคร่ไม้หน้ากว้างสองเมตรเกิดขึ้นได้อย่างไรในช่วงเวลาติดๆกัน
เสียงอีกาตัวหนึ่งที่ดังมาจากยอดไม้ต้นใดสักต้นบริเวณใกล้ๆดึงสติผมให้หลุดออกจากห้วงความคิดอีกครั้ง ยังมีเสียงของสัตว์ชนิดอื่นๆอีกมากมายที่ผมไม่รู้จักดังระงมขึ้นในที่ไกลออกไป ผมก้าวลงจากแคร่ ปรับสายตาให้ชินกับความมืดและค่อยๆสืบเท้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มีของวางระเกะระกะในห้องนี้อยู่ไม่น้อยเลย หากได้ลองกระแทกกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเข้าแล้ว น่ากลัวว่าสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในเวลานี้อาจเป็นการนอนทนปวดโดยไม่มีหยูกยาบรรเทาไปจนกว่าตะวันจะโผล่ซึ่งผมคะเนว่าคงยังอีกหลายชั่วโมง ขณะที่ความอดทนต่อการเคลื่อนไหวอันยืดยาดนี้กำลังจะสิ้นสุดลงมือผมก็แตะขอบหน้าต่างพอดี
เกิดอะไรขึ้นวะ
ฟ้าเบื้องหน้าไม่มีสิ่งใดน่าพิสมัย โดยปกติแล้ว วันนี้ควรจะต้องเป็นวันข้างขึ้นที่มีพระจันทร์ทอแสงสีเงินนุ่มนวลฉาบผืนป่า หากแต่สิ่งที่ผมเห็นในขณะนี้คือความมืดทะมึน สายฟ้าแปลบปลาบอยู่ไกลๆ ทำให้เห็นว่าท้องฟ้าที่เหมือนจะมืดสนิทนี้จริงๆแล้วกำลังถูกปกคลุมด้วยเมฆหนา ไม่ถึงกับต้องใช้ประสาทแยกแยะสักเท่าใดก็พอจะสังเกตได้ว่าแม้แต่เมฆเหล่านั้นเองก็ล้วนเป็นสีดำ ดูท่าหากฝนกระหน่ำลงมาในคืนนี้ดังที่ผมสังหรณ์ใจ ผมอาจได้ขัดห้างฉุกเฉินนอนบนต้นไม้สักต้นนอกรัศมีสองกิโลจากกระท่อมในยามวิกาลเช่นนี้แน่
“จะนอนนี่จริงๆหรือ” เด็กชาวป่าซึ่งถูกจ้างจากในไร่ให้มาช่วยนำทางและหาบของโพล่งถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังจากเราบุกป่าฝ่าดงเข้ามาจนถึงกระท่อมขนาดไม่เล็กนัก
“มีอะไรหรือเปล่า สีหน้าแกดูไม่ค่อยดีเลยนะสมาน” ผมถามกลับทั้งที่ยังไม่ได้ตอบคำถามเขา
“สมานมันกลัว กระท่อมสร้างข้างถ้ำ มันกลัวว่ายามกลางคืนผีแมนจะออกมาทำ” ปะสี ลูกป่ารุ่นราวคราวเดียวกับสมานที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยตอบอย่างร่าเริง พลางเด็ดดอกไม้ป่าขึ้นทัดหูแล้วรำป้อ
ผมคุ้นเคยกับเรื่องผีแมนดีหลังจากที่ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับชาวบ้านปลายแดนแม่ฮ่องสอนมาร่วมสองสัปดาห์ โดยเฉพาะพวกเด็กๆที่มักเล่าทุกเรื่องที่รู้โดยไม่ปิดบัง โดยส่วนตัวแล้วผีชนิดนี้จะมีหรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจด้านใดของผมเลยเพราะไม่ได้เชื่อถือเรื่องผีสางนางไม้เท่าใดนัก แต่สมานนั้นแสดงสีหน้าวิตกอย่างชัดเจน เขาคงจะคิดว่าผมเห็นเรื่องที่เขาเชื่อถือเป็นสิ่งไร้สาระ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผมเองจะไม่เชื่อ ทว่าหากมองในมุมของคนที่นี่ ผมก็เข้าใจความห่วงใยของสมาน เรื่องเล่าหรือตำนานปรัมปรามักจะดูเป็นจริงเป็นจังเสมอเมื่อมีองค์ประกอบปัจจัยปรากฏครบ กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน เรื่องตัวตนของผีแมนที่จับต้องหรือมองเห็นได้นั้นลืมไปได้เลย เพราะไม่มีใครเคยได้เห็น หากการที่ถ้ำถูกค้นพบพร้อมๆกับสมบัติพัสถานทำจากเหล็กและหิน อีกทั้งเรือขุดอีกนับไม่ถ้วน กอปรกับปากคำของผู้เฒ่าผู้แก่ที่คนส่วนใหญ่นับถือก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เรื่องราวนี้แทบจะเป็นจริง
หากสมานกลับหัวเราะออกมาอย่างเห็นขันแล้วตอบว่า
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ผี สมานแค่จะเล่าเรื่องที่พวกอำเภอมาเตือน บอกว่าหน้าฝน ดินตรงกระท่อมเคยไหลลงมาข้างล่างตีนเขาตอนปีกลาย เขายังไม่ได้มาพูดหรือว่าให้รื้อ”
“ไม่เห็นมีใครมาพูดอะไรนี่” ผมตอบไม่เต็มเสียง ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่มาตรวจหมู่บ้านเมื่อวันก่อนเตือนผมแล้วว่าไม่ควรไปสร้างอะไรไว้บริเวณนั้นแม้จะเป็นแค่ที่พักชั่วคราวก็ตาม และแม้จะรับคำเป็นมั่นเหมาะแต่ผมก็ยังแอบขึ้นมาอีกครั้งด้วยหวังว่าจะได้เจอสิ่งที่ตามหา กำหนดเอาไว้ในใจว่าหากครั้งนี้คว้าน้ำเหลวจริงๆ ผมจึงจะยอมให้ชาวบ้านขึ้นมารื้อกระท่อมออกไป
“ถ้าอย่างนั้นสมานกับปะสีจะตัดไม้ไผ่ไปทำห้างให้ห่างกระท่อมสักสองโลแล้วกัน มีอะไรก็วิ่งไปขึ้นห้าง เรื่องเสือสางสัตว์ดุอย่ากลัว ท่องกันมาตั้งแต่ละอ่อนยังไม่เคยเจอ”
“เฮ้ย จะต้องลำบากทำไม ไม่ต้อง ฉันขึ้นมาไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับ ดินมันคงไม่จำเพาะจะมาถล่มเอาช่วงนี้หรอก”
“อย่างไรปะสีกับสมานก็จะไปตัดไม้มาเผื่อไว้ ไม่ได้เอาไปยกห้างก็ใช้ได้อย่างอื่น” ปะสีผู้รำเสร็จเรียบร้อยแล้วขัดจังหวะขึ้นทันควัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเถอะ” ผมจนปัญญา ได้แต่นึกขอบคุณความห่วงใยและความช่างจำนรรจาของเด็กทั้งสองอยู่ในใจ
ท้องฟ้ายังคงมืดมนอนธกาล แสงแปลบปลาบตามมาด้วยเสียงคำรามจากที่ไกลยิ่งทำให้ใจหดหู่ ลมเย็นพัดต้องใบหน้าเบาๆ น่าแปลกที่ยังไม่เคยมีลมชนิดใดทำให้ผมขนลุกได้มากเท่ายามนี้ เสียงสิงสาราสัตว์เมื่อครู่เงียบลงไปนานแล้ว แต่แม้ป่าจะเข้าสู่ความสงบอีกครั้งผมกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ สัญชาตญาณการหวาดระแวงอันตรายของผมทำงานไม่สู้ดีนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากครั้งนี้ผมรู้สึกแน่ใจว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
…………………………………………………………………..
เสียงโทรศัพท์ข้างเตียงดังสนั่นปลุกผมขึ้นมาตอนรุ่งสาง ผมปล่อยให้มันดังอยู่นานจึงค่อยๆเอื้อมมือไปคว้าหู แอบหวังอยู่บ้างว่าสายจะถูกตัดไปก่อนที่มือจะเอื้อมถึงเช่นที่เคยจงใจให้เป็นบ่อยครั้ง แต่น่าเสียดายที่วันนี้ไม่เป็นดังคาด มันดังยาวและเป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเอาเลย ผมยกหูรับและกรอกเสียงลงไป
“อยุทธพูดครับ”
“สวัสดีครับคุณอยุทธ ผมคงไม่ได้โทรมารบกวนเวลานอนคุณใช่ไหมครับ”
ผมมองนาฬิกา ตีห้ายี่สิบนาที คงไม่หรอก
“คุณเป็นใคร”
“ผมชื่อนรเศรษฐ์ ศรียมก ผมเป็นตำรวจครับ” เสียงปลายสายเอ่ยแนะนำตนเองอย่างเนิบช้า “ผมสังกัดสถานีตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน”
จะสังกัดอะไรก็ช่างเถอะ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่สังกัด แต่อยู่ที่โทรมาทำไม
ผมกำลังนั่งนึกว่าสองสามวันที่ผ่านมา ตนเองไปซิ่งรถบนทางด่วนช่วงไหนบ้างหรือเปล่าจึงได้มีตำรวจตามมาเขียนใบสั่งทางโทรศัพท์เช่นนี้ แต่แล้วก็นึกเอะใจ
ปางมะผ้าอย่างงั้นหรือ ตำรวจคนนี้บอกว่าตัวเองอยู่ปางมะผ้านี่นะ แล้วฉันไปนึกถึงทางด่วนทำไมกัน
ผมเพิ่งลงมาจากปางมะผ้าเมื่อต้นสัปดาห์ แล้วอยู่ๆก็มีตำรวจจากที่นั่นโทรเข้าโทรศัพท์ส่วนตัว มันหมายความว่าอย่างไรนี่ ผมชักร้อนๆหนาวๆเสียแล้ว
“เอ้อ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ แล้วไม่ทราบว่าคุณได้เบอร์บ้านของผมมาได้อย่างไรกันนี่” ผมถามอย่างตื่นๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็น พยายามสลัดความง่วงงุนทิ้ง
“ในราชการตำรวจ การหาทางติดต่อบุคคลไม่สู้จะยากเท่าไรหรอกครับ อย่าใส่ใจเลย ผมว่าผมจะรีบเข้าเรื่องและรวบประเด็นให้กระชับมากที่สุด เพื่อที่คุณจะได้ไปล้างหน้าจิบกาแฟให้สร่างง่วงนะครับ”
ดูท่าตำรวจนี่คงไม่ธรรมดาซะแล้ว
ผมแน่ใจว่าตนเองพยายามทำเสียงให้เป็นปกติเช่นในยามตื่นเต็มตาตอนที่เราเริ่มสนทนากัน
“ผมทราบว่าคุณเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานในส่วนกลางและเป็นนักเดินป่าในคราวเดียวกัน ทางเราจึงมีเรื่องจะขอร้องให้คุณช่วย” เขาอารัมภบทต่อสั้นๆและเผยความประสงค์ในตอนท้าย น้ำเสียงเขาแลดูมั่นใจเสียเหลือเกินว่าอย่างไรผมต้องยอมให้ความร่วมมือกับเขาแน่ ถึงตอนนี้ผมเริ่มสังหรณ์ใจว่าเรื่องที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าป่าที่ปางมะผ้าของผมเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนจริงๆ หลังจากนิ่งคิดถึงเรื่องที่เคยไปทำไว้ในป่าคราวนั้นอยู่พักใหญ่ ผมจึงค่อยๆตะล่อมถามกลับไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ปลายสายเริ่มมีเสียงหายใจแรงๆ
“เรื่องที่จะขอให้ช่วยนี่เกี่ยวข้องกับอาชีพเก่าและงานอดิเรกของผมด้วยหรือครับ”
“ถ้าไม่ใช่ผมคงไม่เกริ่นอย่างนั้นหรอกนะ มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในพื้นที่ของผมเมื่อวาน เจ้าทุกข์ร้องกับเจ้าหน้าที่ว่าสามีออกจากบ้านสองวันแต่ไม่กลับมาและขาดการติดต่อ สามวันหลังจากตำรวจท้องที่รับเรื่องก็มีชาวบ้านพบศพศพหนึ่งในสภาพยับเยินอยู่กลางป่า มีการบ่งชัดแล้วว่าเป็นศพของบุคคลที่หายไป รวมระยะเวลานับจากเขาออกจากบ้านจนกระทั่งมีผู้พบศพประมาณห้าวัน จนถึงวันนี้ก็รวมเป็นหกพอดี หากแต่เรายังไม่ทราบชัดว่าเขาตายเมื่อไร ตายมานานเท่าไรและที่สำคัญคืออย่างไร ผมคงไม่พักต้องอธิบายต่อแล้วนะครับว่าทำไมเราถึงมาขอให้คุณช่วย รายละเอียดนั้นผมไม่สะดวกคุยทางโทรศัพท์ วันนี้คุณพอจะมีเวลาว่างบ้างหรือเปล่า ตอนนี้ผมขึ้นมาราชการที่กรุงเทพฯ ถ้าคุณสะดวกผมจะได้………..” เขาพูดเองเออเองโดยไม่คิดจะให้ผมได้พูดแทรกสักคำ
“ผมเกรงว่าผมจะ.....” ผมรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ผมก้าวเข้ามาสู่เส้นทางอาชีพที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมายและเคยไขคดีอุกฉกรรจ์มานับครั้งไม่ถ้วน หากการได้พบประสบการณ์เลวร้ายที่สุดเมื่อต้องตกเป็นเหยื่อเสียเองเป็นสาเหตุให้ผมยุติอาชีพนี้มาได้เกือบสิบปีและหันมาเอาดีด้านการวาดภาพ การพาตนเองเข้าไปในวังวนอาชญากรรมอีกครั้งอาจเป็นเหตุให้ประวัติศาสตร์ของผมกลับมาซ้ำรอยเดิม แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ไกลถึงขนาดนั้น หากอยู่ที่คำพูดของตำรวจคนนี้ต่างหาก สิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้สร้างความแคลงใจให้ผมมากจนเกินจะปักใจเชื่อ เมื่อไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนฟังอยู่เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ผมจึงตัดสินใจจะจบบทสนทนานี้เสียที ผมค่อยๆชิงปฏิเสธอย่างละม่อม แต่ทันใดนั้นเขาก็แทรกขึ้นกลางคันราวกับรู้ทันความคิด
“ผมไม่ได้เตรียมใจมาเพื่อฟังคำปฎิเสธหรอกนะครับ เราคาดหวังอย่างสูงว่าคนเคยทำงานตีแผ่ความจริงอย่างคุณจะไม่ปล่อยให้ความทุกข์ระทมของหญิงแก่ที่เสียสามีต้องดำเนินต่อไปจนวันหล่อนหมดลม”
สำบัดสำนวนดีจริงนะ
น้ำเสียงที่เขาใช้พูดอยู่ในขณะนี้ทำให้ผมนึกสีหน้าเขาไม่ออกจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ผมเองก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่เอาด้วย หลังจากฟังเขาพูดมาทั้งหมด ผมก็แน่ใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ ข้อเท็จจริงที่ผมทราบกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดช่างสวนทางกันลิบลับ
“คุณตำรวจครับ ผมเกรงว่าคุณจะต้องผิดหวังนะครับ เพราะผมคงจะช่วยคุณเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ อย่าเสียเวลาชักแม่น้ำมาจูงใจผมอยู่เลย” ผมบอกเรียบๆ สะกดกลั้นน้ำเสียงไม่ให้สั่น แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาเป็นตำรวจ แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเขาจะไม่ใช่ ถ้าเขาเป็นจริงๆผมคงปฏิเสธคำขอนี้ได้ลำบาก เพราะสมัยทำงานกับตำรวจ ผมเป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำอยู่อย่างเดียว คือทำตามคำสั่ง
โชคดีที่ตอนนี้ความไม่แน่ใจว่าเขาเป็นตำรวจนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“แต่คุณอยุทธครับ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ คุณจะปล่อยให้ผมโทรหาคุณฟรีๆอย่างนั้นรึ” เขารีบร้อนโพล่งออกมาอย่างมีพิรุธ
คิ้วผมขมวดทันทีเมื่อได้ยินเขาพูดประโยคนี้ โทรฟรีงั้นรึ ฉันควรต้องรับผิดชอบการโทรหาฟรีๆครั้งนี้ในส่วนไหนบ้างล่ะนี่ คนคนนี้โทรมาปลุกในเวลาที่ผมควรจะได้นอน แล้วยังมาสาธยายอะไรเสียยืดยาว แถมยังอ้างว่าตนเองเป็นตำรวจ เรื่องโกหกพกลมนี้เบียดเบียนเวลานอนผมมานานเกินพอแล้ว มีอย่างที่ไหนมาตามหาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปทำคดี ทั้งที่ความจริงแม้จ่าแก่ๆกะโหลกกะลายังรู้เลยว่าตำรวจภูธรทุกจังหวัดมีทีมนักวิทยาศาสตร์ในตำแหน่งนี้ประจำอยู่แล้ว ผมมองไปที่หน้าต่าง เห็นแสงอาทิตย์เริ่มจับยอดไม้ระเรื่อๆ ผมแน่ใจแล้วว่าที่เขาพูดว่าตนเองเป็นตำรวจนั้นโกหกทั้งเพ
“ขอโทษนะ คุณโทรมาปลุกผมตอนตีห้ากว่าๆ ทั้งที่คุณเป็นใครผมก็ไม่รู้จัก แล้วยังมาขอให้ผมช่วยคดีอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเป็นคุณบ้างในสถานการณ์แบบนี้ คุณคิดว่าผมควรทำยังไงล่ะนี่ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณไปหาข้อมูลของผมมาจากไหน แต่ถ้ายังคิดจะทำแบบนี้ต่อ ผมแจ้งตำรวจเอาเรื่องคุณแน่” ผมกระแทกหูโทรศัพท์ลงอย่างหัวเสียพร้อมกับล้มตัวลงนอนต่ออย่างอ่อนแรง
ไอ้พวกโรคจิตนี่มันเกลื่อนเมืองจริงนะเดี๋ยวนี้
ผมหลับไม่ลงเสียแล้วตอนนี้ อาจเป็นเพราะตอนเด็กๆผมถูกหัดให้ตื่นนอนอย่างมีวินัย ถ้าตื่นลืมตาขึ้นมาแล้วจะต้องไม่กลับไปนอนต่อเหมือนคนขี้เกียจ หรือบางทีที่ผมหลับต่อไม่ลง อาจเป็นเพราะความคิดที่ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องบ้าๆเมื่อครู่นี้ก็เป็นได้ ผมลุกขึ้นมาบิดร่างกาย เดินออกจากห้องนอนไปเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนในครัวเพื่อชงกาแฟ แล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง คอมพิวเตอร์ตัวเก่าที่รับใช้ผมมานานปียังวางอยู่ที่เดิมของมัน ผมไม่ชอบเลย เวลาที่ยังค้างคาใจกับอะไรสักอย่างแต่ฝืนไม่ยอมหาคำตอบ ทั้งๆที่วิธีไขข้อสงสัยก็แทบจะวางอยู่ตรงหน้า สุดท้ายจนแล้วจนรอด ผมก็มักต้องยอมแพ้ความอยากรู้ของตนเองเสมอ
ผมค่อยๆเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดคอมพิวเตอร์
ผลงานอื่นๆ ของ แม่ ไปไหน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ แม่ ไปไหน
ความคิดเห็น