ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปราถนารักข้ามภพ (Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #5 : เสียงหัวใจ ( ครบค่ะ )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 305
      0
      1 พ.ค. 59


         แสงแดดยามเย็นสีส้มแสดส่องลอดผ่านหมู่แมกไม้ที่ปลูกขึ้นตามทางเพื่อให้ร่มเงาแก่เหล่าเชื้อพระวงศ์ในสวนกว้างขว้างแห่งนี้ ผมทรุดตัวลงนั่งตรงศาลากลางด้วยความเหมื่อย หลังจากผู่เยว่ได้ให้ไต่มู่เด้กชายตัวเล็กที่เป็นข้ารับใช้คนสนิทมาคอยแนะนำบอกสอนแทนเจ้าตัวที่หายตัวไปตั้งแต่เช้ามืดโดยไม่บอกไม่กล่าว


        ทิ้งผมไว้เฉย...



    " ไต่มู่ แล้วตำหนักท้ายสุดที่อยู่ในสวนรกๆนั้นคือตำหนักอะไรเหรอ "

       
        ผมถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อตอนเดินชมวังหลวงและตำหนักต่างๆพอเป็นพิธีจนครบเรียบร้อย เด็กชายตัวน้อยที่เห็นผมชะเง้อคอมองดูทางสายเล็กคล้ายๆตรอกด้านหลังก็รีบพาผมออกมาทันที
     หึๆแต่ไม่รอดสายตาผมหรอก ก็คนมันสงสัยนี่ครับ ผมว่าผมเห็นหลังคาสีทึบๆโผล่พ้นยอดไม้อยู่น้า และไหนจะทหารที่เดินป้วนเปี้ยนเตร็ดเตร่นั้นอีก
    มันต้องมีอะไร 'บางอย่าง' ซ่อนในนั้นแน่นอน



    " ข้าน้อย..คือ ท่านเฟิงหลิงอย่าได้ไปยุ่งดีกว่าขอรับ หากท่านอ๋องรู้เข้าผมเกรงว่า.. "
     
        ไต่มู่ส่ายหน้าพลืดประกอบคำพูด ดวงตากลมๆเหล่มองซ้ายขวาตลอด เหมือนกลัวว่าถ้าเกิดดันมีคนมาได้ยินเข้าแล้วผมอาจจะซวย 'หนัก' กว่าเก่าก็ได้


        อะไรกัน! ยิ่งปิดมันยิ่งอยากรู้นะเนี่ย!


     
     " อ๋อง? อ๋องไหนอีกวะ "
     

        ผมขมุบขมิบปากเบาๆ แมร่ง!!แค่ชื่อพวกขันทีผมยังจำไม่หมดเลย ขุนพลฝ่ายซ้ายขวาหนังหน้าก้ยังไม่เคยพบเคยเห็น ยังมีไอ้อ๋องบ้านี่อีกเรอะ!  แล้วที่ไม่ให้ผมรู้....
    หรือตำหนักดำนั้นจะเป็นตำหนักเย็นแบบในหนังซีรี่ห์ที่ผมชอบดู!! พวกขังหญิงสาวทั้งหลายแหล่ไว้ให้ตายอย่างเดี่ยวดาย! ทุกข์ทรมาน!แสนสาหัจ!

        มันต้องใช้แน่..!


     
    " ท่านเฟิงหลิงอย่าทำหน้ามุ่ยสิขอรับ หากองค์ฮ่องเต้.. "

     
     
    " หยุด หยูดดดดพูดเลย แค่ได้ยินชื่อตาแก่จุนกวางข้าก็อยากจะขอไปลาตายสักสิบหน! หยุดเลยไต่มู "

     
     
     " ทะ ท่านเรียกองค์ฮ่องเต้ว่าตาแก่... "


        เด็กชายตัวน้อยที่คาดว่าอายุคงประมานสิบห้าสิบหกปีเบิกตากว้าง ใบหน้าจิ่มลิ่มมีสีซีดเผือดไปถนัดตา

     
    " ใช่! ทำไมหรอ คิดแล้วข้ายังหมั่นไส้ไม่หาย แหม ปลอมตัวได้แนบเนียนนัก! "

     
     
    " เจ้าหมั่นไส้ข้านั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง..น้องชายข้า.. "

     

        น้ำเสียงโทนอบอุ่นสบายรูหูดังขึ้นด้านหลัง ไต่มู่ที่เห็นเจ้าของเสียงก่อนรีบคุกเข่า ก้มหน้าลงกับพื้นแสดงความเครพนอบน้อมทันที

     
    " ขอให้ฮ่องเต้อวี่จุนกวางมีอายุยื่นนานนับพันปีหมื่นปีพะยะค่ะ! "

     
     
    " มิต้องๆข้าไม่ได้มากพิธีเช่นนั้น "
     

    ผมโคลงศีรษะเซงๆพลางกอดอกนั่งหน้าเชิดมองดูร่างสูงที่อยู่ในชุดสีทองอร่ามเต็มยสอย่างหมั้นไส้

     
    " เฟิงหลิงทำไมเจ้าถึงทำหน้ายู่ซะละ ไต่มู่ไปจัดเตรียมอาหารให้ข้าทีสิ เผื่อน้องข้าจะหิวเสียแล้ว "

     
     
    " พะยะค่ะ!! "
     

        ไตมู่รับคำแข็งขัน ขาสั้นๆรีบกุลิกุจอวิ่งไปทางตำหนักล่วงเมฆ(ตำหนักที่ผมอาศัยอยู่)โดยเร็ว

     
    " ดูเหมือนเจ้ามีเรื่องที่อยากถามข้า ใช่หรือไม่ "

     
     
    " หึ ท่านรู้ดีนิ ใช่..ข้ามีเรื่องหลายเรื่องที่ต้องการรู้เดี่ยวนี้! ตอนนี้!! "


        ผมมองตาขวาง ขึ้นเสียงใส่เขาแบบไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนแกมเอ็นดูให้จุดขึ้นที่ริมฝีปากสีชมพู

     
    " เฟิงหลิงใจเย็นก่อนเถิด ข้าเรื่องข้องใจอยากถามไถ่เจ้าเช่นกัน  "

     
     
    " ถามข้า เรื่องอันใด? "

        จุนกวางถอนหายใจน้อยๆ  สายลมเอื่อยที่พัดผ่านพัดเอากลุ่มเส้นผมสีดำสลวยปลิวลู่ลม

     
    " เจ้าจำเรื่องราวในอดีตได้ ทั้งหมดใช่ไหม "
     

        ผมยกยิ้มหยัน รู้สึกเจ็บใจในความโง่เขลาของตนจนเผลอแม้มปากแน่น

     
    " คำตอบคือ...ไม่หมด  ข้าสับสน...รู้แค่ว่าฉิงเทียนนั้นน่าจะเป็นตัวข้าเมื่อชาติที่แล้ว ข้าลองพยายามนึกดู...ข้าและฉิงเทียนนั้นมีส่วนเกี่ยวคล้ายกันหลายเรื่อง... "

     
     
    " ..... "
     
     
    " ภาพความทรงจำ.. ข้าจำได้เพียงบางฉากเท่านั้น บ้างครั้งมันมาตอนข้าหลับ หรือกำลังนั่งเล่น เอาแน่เอานอนไม่ได้... "
     

    "เจ้ารู้สึกอย่างไรตอนภาพพวกนั้นไหลเข้าสู่สมองของเจ้า "


        จุนกวางมองผมอย่างเป็นห่วง ร่างหนาขยับมานั้งชิดจนฝ่ามือเขาสัมผัสเข้าที่ปลายนิ้วผมเบาๆ


    " มันปวดหัวอยากอาเจียน เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบขยำสมองข้า.. ข้า... "
     

    " เอาเถอะ ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องรีบร้อนหรอก ยังไงเสียซุนชิวก็ต้องทำให้เจ้าจำเขาให้ได้.... "


       มือหนาขยี้ศีรษะผมเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองผมพร้อมรอยยิ้มนุ่มนวลที่ชวนให้รู้สึกสบายใจทุกครั้ง ผมเอียงหน้าน้อยๆก่อนจะถามออกไปด้วยความสงสัย มันตงิดในใจมานานละกับชื่อๆนี้

     
    " ซุนชิวนี่คือ... "

     
     
    " อวี่ซุนชิวเป็นน้องชายแท้ๆของข้า ดำรงตำแหน่งซุนชินอ๋อง ผู้คอยดูแลควบคุมความพร้อมในเมืองและเหล่าทหารหาญทั้งกองทัพ "

     
     
    " ข้าขอแบบรวบรัดดีกว่า คือข้ายังงงๆอยู่ "
     

    " หึๆๆ เจ้านี่ชั้ง.... ถ้าให้พูดรวบรัดตัดความ ซุนชิวคือไป๋หู..คนรักคนเดียวของเจ้าเมื่อชาติก่อนไงละ  อวี่เฟิงหลิง "


        จุนกวางยิ้มยั่วเย้าเมื่อเห็นผมอ้าปากเหวอกับคำพูดของเขา   รู้สึกได้เลยว่าหน้าตนเองตอนนี้ต้องแดงมากแน่ๆ หัวใจเต้นระรัวดังตึกตักจนน่ากลัวว่ามันอาจหยุดเต้นในวินาทีใดวินาทีหนึ่งเลยก็ได้...


         ถ้าได้พบกัน...ผมมีสิทธ์ช็อคตายคาที่เลยนะ!!


        ซุนชิวคือไป๋หู...

        ไป๋หูคือซุนชิว...

        เวรละตรุ!!


         ผมจะเข้าหน้าเขาติดไหมเนี่ยยยย
        

        ต่อคะ


     
    " ข้าไม่ต้องไปไม่ได้หรือ นะจุนกวางน้า"


    " เฟิงหลิงเจ้าอย่าดื้อสิ อีกไม่ถึงหนึ่งก้านธูปงานฉลองก็จะเริ่มแล้วนะ"

     
    " ข้าไม่อยากไปนิ มีแต่พวกตาแก่หัวงอกน่าเบื่อออก! "

        ผมยืนกอดเสาที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามประหนึ่งมันคือที่พึงสุดท้าย ส่วนจุนกวางก็อยู่ในชุดสีทองโบราณเช่นเดิม  อลังการงานสร้างด้วยเครื่องแต่งกายล้านแปดระยิบระยับจนแสบตา ชายหนุ่มถอนหายใจหน่ายๆก่อนจะสั่งการด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดที่ทำเอาผมขนลุกสู้

     
    " ถ้าเจ้าไม่ไป งั้นข้าเรียกซุนชินอ๋องมาหาเจ้าด้วยตัวเองเลยดีกว่าไหม "

    " มะ ไม่ๆ อย่านะ! "

     

        ผมผวาเฮือกรีบปรี่เข้ากอดหมับตรงต้นแขนร่างสูงอย่างรวดเร็ว

     
    " ท่านอย่าทำร้ายข้าสิ ข้าไม่พร้อมมันผิดรึ! "


    " เจ้ากลัวสิ่งใด... ในเขตวังหลวงแห่งนี้มิมีสิ่งอันตรายมาย่างกรายเจ้าได้แน่นอน "

     

        น้ำเสียงนุ่มเอ่ยปลอบประโลม ผมเบ้หน้าสยดสยอง คิดถึงตอนที่ได้เจอกับไป๋หูแรกๆเมื่อชาติก่อนแล้วความกล้ามันหดหายไปหมดเหมือนไม่เคยมีมาด้วยซ้ำ!

     
    " ข้าไม่ได้กลัว แค่อายต่างหาก! "
     

        จุนกวางหัวเราะน้อยๆที่เห็นผมหน้าแดงแจ่เป็นลูกตำลึงสุก

     
    " อาเฟิง อย่าได้เขินอายเลยพวกข้ารอคอยเจ้าไม่รู้ตั้งกี่ร้อยปี รอทั้งที่ไร้ความหวัง.. "
     

       ผมช้อนดวงตากลมมองหน้าจุนกวางตาละห้อยปีศาจเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่โดนผู้คนสาปแช่งมานับทศวรรต เพราะพวกเขาไม่ใช่เหรอที่ให้แหล่งพักแรมและช่วยผมตอนเป็นฉิงเทียน   เพราะไป่หูคนรักผมไม่ใช่เหรอที่ปกป้องผมจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต....
     
    " เจ้าไม่อยากรู้แน่ว่าตอนเจ้าจากไปไป่หูเป็นเช่นไร เจ้าจะใจร้าย..ทิ้งให้เขารอเจ้าอีกรึ"


    " ข้าไปก็ได้ "

     
        จุนกวางหยิกแก้มผมเบาๆ มือหนาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าให้อย่างเอาใจใส่ไม่ว่าตอนไหนกี่ภพกี่ชาติผู้ชายคนนี้ก็เป้นแรงใจให้ผมเสมอ
    ผมฉีกยิ้มกว้างให้เขาและพูดด้วยเสียงหนักแน่นต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ


    " ไปหาอวี่ซุนอ๋องกันเถิด "

        ผมเดินเคียงคู่จุนกวางเข้ามาที่วังหลวงชั้นในสุด ด้านหลังพวกเรามีเหล่าทหาร นางกำนัลเดินตามกันเป็นขบวนอย่างกับกำลังทำพิธีแห่นาคเข้าโบสถ์ กงกงหัวงอกหยุดยืนอยู่หน้าประตูลายฉลุบานใหญ่แล้วตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบๆดังลั่น

     
    " องค์จักพรรค์อวี่จุกวาง และ ท่านอนุชาคนเล็กอวี่เฟิงหลิงเสด็จจจจ "

         จุนกวางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อทำลายโลกก้มลงจนริมฝีปากแทบชิดใบหูขาว

     
    " ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก อาเฟิง "

     
     
    "  .... "
     

        ผมแค่นยิ้มตอบจุนกวางเจื่อยๆ ฝ่ามือรู้สึกเย็นเฉียบพิกลจนมีแต่เหงื่อไหลทั่วไปหมด  ภายในห้องโถ่งที่หรูหราโอ่อ่าถูกตกแต่งด้วยพรมขนสัตว์สีแดงสดผืนยาวที่ถอดจนสุดบัลลังทองขนาดใหญ่ บนโต้ะตัวเตี้ยขัดมันเงาวับ มีอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายเป็นระเบียบทั้งสองข้างดูน่าทาน  ผมกลืนน้ำเหนียวๆลงคอเมื่อเห็นสายตาทุกคนเพ่งเล็งมายังพวกผมที่กำลังเดินไปตามทาง

        โครตตื่นเต้นอ่ะ


         ตึกตัก..ตึกตัก...


        ผมตัวชาวาบ  ร่างสูงที่ดูแสนคุ้นเคยอยู่ในอาภรสีดำสนิทเรียบหรูปักลายมังกรเหินฟ้าสีทองสวย เส้นผมสีขาวดุจหิมะยาวสลวยทิ้งตัวลงเบื้องล่างใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพชั้นสูงยิ่งกว่ามนุษย์ใดในใต้หล้าหันมาจ้องผมนิ่งงันเหมือนไม่อยากเชื่อสายตา ดวงตาสีเขียวหม่นคู่งามที่มักดูเย็นชาจนน่าเกรงกลัวเสมอฉายแวววูบไหวเห็นได้ชัด

        ไป๋หู..

     
    " ขอองค์ฮ่องเต้อายุยืนนับหมื่นๆปีพะยะค่ะ!!"
     

        เสียงเหล่าขุนนางอวยพรจุนกวางดังแซ่ซ่องทั้งห้องโถง แต่ชายหนุ่มบนบัลลังแค่โบกมือเบาๆคล้ายไม่ใส่ใจ

     
    "ท่านเฟิงหลิง เชิญนั่งถัดจากอวี่ซุนอ๋องเลยพะยะค่ะ "
     
     

    " อ่อ อืมขอบคุณ "
     

       ผมหันไปพูดกับไต่มู่ที่ยืนด้านข้าง เด็กชายตัวน้อยยิ้มรับคำขอบคุณ มือบางแตะลงที่ไหล่ผมเบาๆเป็นเชิงบอกให้นั่งเสียที
    ผมก้มหน้าก้มตาทรุดตัวลงบนเบาะนุ่มข้างโต็ะของซุนชิว มือมันสั่นจนน่ากลัวว่าชายหนุ่มจะจับสังเกตได้ ขอบตาร้อนผ่าวๆ พยายามฝืนกลืนก้อนสะอื้นลงคอไม่ให้มีเสียงลอดออกมา


        เวลาเนิ่นนานนับสามกว่าปีที่ไม่ได้เจอกัน...


        มันทำเอาผมดีใจ ตื่นเต้นรวมถึงเศร้าใจแทบบ้าเมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ชายคนรักที่ผมไม่อาจฝืนความเจ็บปวดกลั้นใจรอเขากลับมาได้..ทั้งที่คิดจะไปตายในอ้อมกอดอีกฝ่ายแท้ๆ


        ผมนี่ไม่รักษาสัญญาเลยเนอะ..


        กี่วัน กี่เดือน กี่ปี กี่ทศวรรษที่เขาต้องรอผมกัน..


        รอมนุษย์ธรรมดาอย่างผม..



       
       
      ปาดเหงื่อนิยายที่แต่งในสต็อกเริ่มจิหมดแย้ว    อาจจะมีปัญหาเรื่องขนาดตัวหนังสือนะค่ะ หมูม้วนอัพในโทรศัพมันเลยยากนิดนุง😣


      ขอเม้นท์ให้กำลังจัยแก่นักเขียนฝึกหัดคนนี้ด้วยน้าค่ะ💓🐷🐷
         
             

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×