ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เสียงหัวใจ ( ครบค่ะ )
แสงแดดยามเย็นสีส้มแสดส่องลอดผ่านหมู่แมกไม้ที่ปลูกขึ้นตามทางเพื่อให้ร่มเงาแก่เหล่าเชื้อพระวงศ์ในสวนกว้างขว้างแห่งนี้ ผมทรุดตัวลงนั่งตรงศาลากลางด้วยความเหมื่อย หลังจากผู่เยว่ได้ให้ไต่มู่เด้กชายตัวเล็กที่เป็นข้ารับใช้คนสนิทมาคอยแนะนำบอกสอนแทนเจ้าตัวที่หายตัวไปตั้งแต่เช้ามืดโดยไม่บอกไม่กล่าว
ทิ้งผมไว้เฉย...
" ไต่มู่ แล้วตำหนักท้ายสุดที่อยู่ในสวนรกๆนั้นคือตำหนักอะไรเหรอ "
ผมถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อตอนเดินชมวังหลวงและตำหนักต่างๆพอเป็นพิธีจนครบเรียบร้อย เด็กชายตัวน้อยที่เห็นผมชะเง้อคอมองดูทางสายเล็กคล้ายๆตรอกด้านหลังก็รีบพาผมออกมาทันที
หึๆแต่ไม่รอดสายตาผมหรอก ก็คนมันสงสัยนี่ครับ ผมว่าผมเห็นหลังคาสีทึบๆโผล่พ้นยอดไม้อยู่น้า และไหนจะทหารที่เดินป้วนเปี้ยนเตร็ดเตร่นั้นอีก
มันต้องมีอะไร 'บางอย่าง' ซ่อนในนั้นแน่นอน
" ข้าน้อย..คือ ท่านเฟิงหลิงอย่าได้ไปยุ่งดีกว่าขอรับ หากท่านอ๋องรู้เข้าผมเกรงว่า.. "
ไต่มู่ส่ายหน้าพลืดประกอบคำพูด ดวงตากลมๆเหล่มองซ้ายขวาตลอด เหมือนกลัวว่าถ้าเกิดดันมีคนมาได้ยินเข้าแล้วผมอาจจะซวย 'หนัก' กว่าเก่าก็ได้
อะไรกัน! ยิ่งปิดมันยิ่งอยากรู้นะเนี่ย!
อะไรกัน! ยิ่งปิดมันยิ่งอยากรู้นะเนี่ย!
" อ๋อง? อ๋องไหนอีกวะ "
ผมขมุบขมิบปากเบาๆ แมร่ง!!แค่ชื่อพวกขันทีผมยังจำไม่หมดเลย ขุนพลฝ่ายซ้ายขวาหนังหน้าก้ยังไม่เคยพบเคยเห็น ยังมีไอ้อ๋องบ้านี่อีกเรอะ! แล้วที่ไม่ให้ผมรู้....
หรือตำหนักดำนั้นจะเป็นตำหนักเย็นแบบในหนังซีรี่ห์ที่ผมชอบดู!! พวกขังหญิงสาวทั้งหลายแหล่ไว้ให้ตายอย่างเดี่ยวดาย! ทุกข์ทรมาน!แสนสาหัจ!
มันต้องใช้แน่..!
" ท่านเฟิงหลิงอย่าทำหน้ามุ่ยสิขอรับ หากองค์ฮ่องเต้.. "
" หยุด หยูดดดดพูดเลย แค่ได้ยินชื่อตาแก่จุนกวางข้าก็อยากจะขอไปลาตายสักสิบหน! หยุดเลยไต่มู "
" ทะ ท่านเรียกองค์ฮ่องเต้ว่าตาแก่... "
เด็กชายตัวน้อยที่คาดว่าอายุคงประมานสิบห้าสิบหกปีเบิกตากว้าง ใบหน้าจิ่มลิ่มมีสีซีดเผือดไปถนัดตา
" ใช่! ทำไมหรอ คิดแล้วข้ายังหมั่นไส้ไม่หาย แหม ปลอมตัวได้แนบเนียนนัก! "
" เจ้าหมั่นไส้ข้านั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง..น้องชายข้า.. "
น้ำเสียงโทนอบอุ่นสบายรูหูดังขึ้นด้านหลัง ไต่มู่ที่เห็นเจ้าของเสียงก่อนรีบคุกเข่า ก้มหน้าลงกับพื้นแสดงความเครพนอบน้อมทันที
" ขอให้ฮ่องเต้อวี่จุนกวางมีอายุยื่นนานนับพันปีหมื่นปีพะยะค่ะ! "
" มิต้องๆข้าไม่ได้มากพิธีเช่นนั้น "
ผมโคลงศีรษะเซงๆพลางกอดอกนั่งหน้าเชิดมองดูร่างสูงที่อยู่ในชุดสีทองอร่ามเต็มยสอย่างหมั้นไส้
" เฟิงหลิงทำไมเจ้าถึงทำหน้ายู่ซะละ ไต่มู่ไปจัดเตรียมอาหารให้ข้าทีสิ เผื่อน้องข้าจะหิวเสียแล้ว "
" พะยะค่ะ!! "
ไตมู่รับคำแข็งขัน ขาสั้นๆรีบกุลิกุจอวิ่งไปทางตำหนักล่วงเมฆ(ตำหนักที่ผมอาศัยอยู่)โดยเร็ว
" ดูเหมือนเจ้ามีเรื่องที่อยากถามข้า ใช่หรือไม่ "
" หึ ท่านรู้ดีนิ ใช่..ข้ามีเรื่องหลายเรื่องที่ต้องการรู้เดี่ยวนี้! ตอนนี้!! "
ผมมองตาขวาง ขึ้นเสียงใส่เขาแบบไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนแกมเอ็นดูให้จุดขึ้นที่ริมฝีปากสีชมพู
" เฟิงหลิงใจเย็นก่อนเถิด ข้าเรื่องข้องใจอยากถามไถ่เจ้าเช่นกัน "
" ถามข้า เรื่องอันใด? "
จุนกวางถอนหายใจน้อยๆ สายลมเอื่อยที่พัดผ่านพัดเอากลุ่มเส้นผมสีดำสลวยปลิวลู่ลม
" เจ้าจำเรื่องราวในอดีตได้ ทั้งหมดใช่ไหม "
ผมยกยิ้มหยัน รู้สึกเจ็บใจในความโง่เขลาของตนจนเผลอแม้มปากแน่น
" คำตอบคือ...ไม่หมด ข้าสับสน...รู้แค่ว่าฉิงเทียนนั้นน่าจะเป็นตัวข้าเมื่อชาติที่แล้ว ข้าลองพยายามนึกดู...ข้าและฉิงเทียนนั้นมีส่วนเกี่ยวคล้ายกันหลายเรื่อง... "
" ..... "
" ภาพความทรงจำ.. ข้าจำได้เพียงบางฉากเท่านั้น บ้างครั้งมันมาตอนข้าหลับ หรือกำลังนั่งเล่น เอาแน่เอานอนไม่ได้... "
"เจ้ารู้สึกอย่างไรตอนภาพพวกนั้นไหลเข้าสู่สมองของเจ้า "
จุนกวางมองผมอย่างเป็นห่วง ร่างหนาขยับมานั้งชิดจนฝ่ามือเขาสัมผัสเข้าที่ปลายนิ้วผมเบาๆ
" มันปวดหัวอยากอาเจียน เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบขยำสมองข้า.. ข้า... "
" เอาเถอะ ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องรีบร้อนหรอก ยังไงเสียซุนชิวก็ต้องทำให้เจ้าจำเขาให้ได้.... "
มือหนาขยี้ศีรษะผมเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองผมพร้อมรอยยิ้มนุ่มนวลที่ชวนให้รู้สึกสบายใจทุกครั้ง ผมเอียงหน้าน้อยๆก่อนจะถามออกไปด้วยความสงสัย มันตงิดในใจมานานละกับชื่อๆนี้
" ซุนชิวนี่คือ... "
" อวี่ซุนชิวเป็นน้องชายแท้ๆของข้า ดำรงตำแหน่งซุนชินอ๋อง ผู้คอยดูแลควบคุมความพร้อมในเมืองและเหล่าทหารหาญทั้งกองทัพ "
" ข้าขอแบบรวบรัดดีกว่า คือข้ายังงงๆอยู่ "
" หึๆๆ เจ้านี่ชั้ง.... ถ้าให้พูดรวบรัดตัดความ ซุนชิวคือไป๋หู..คนรักคนเดียวของเจ้าเมื่อชาติก่อนไงละ อวี่เฟิงหลิง "
จุนกวางยิ้มยั่วเย้าเมื่อเห็นผมอ้าปากเหวอกับคำพูดของเขา รู้สึกได้เลยว่าหน้าตนเองตอนนี้ต้องแดงมากแน่ๆ หัวใจเต้นระรัวดังตึกตักจนน่ากลัวว่ามันอาจหยุดเต้นในวินาทีใดวินาทีหนึ่งเลยก็ได้...
ถ้าได้พบกัน...ผมมีสิทธ์ช็อคตายคาที่เลยนะ!!
ซุนชิวคือไป๋หู...
ไป๋หูคือซุนชิว...
เวรละตรุ!!
ผมจะเข้าหน้าเขาติดไหมเนี่ยยยย
ต่อคะ
" ข้าไม่ต้องไปไม่ได้หรือ นะจุนกวางน้า"
" เฟิงหลิงเจ้าอย่าดื้อสิ อีกไม่ถึงหนึ่งก้านธูปงานฉลองก็จะเริ่มแล้วนะ"
" เฟิงหลิงเจ้าอย่าดื้อสิ อีกไม่ถึงหนึ่งก้านธูปงานฉลองก็จะเริ่มแล้วนะ"
" ข้าไม่อยากไปนิ มีแต่พวกตาแก่หัวงอกน่าเบื่อออก! "
ผมยืนกอดเสาที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามประหนึ่งมันคือที่พึงสุดท้าย ส่วนจุนกวางก็อยู่ในชุดสีทองโบราณเช่นเดิม อลังการงานสร้างด้วยเครื่องแต่งกายล้านแปดระยิบระยับจนแสบตา ชายหนุ่มถอนหายใจหน่ายๆก่อนจะสั่งการด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดที่ทำเอาผมขนลุกสู้
" ถ้าเจ้าไม่ไป งั้นข้าเรียกซุนชินอ๋องมาหาเจ้าด้วยตัวเองเลยดีกว่าไหม "
" มะ ไม่ๆ อย่านะ! "
" มะ ไม่ๆ อย่านะ! "
ผมผวาเฮือกรีบปรี่เข้ากอดหมับตรงต้นแขนร่างสูงอย่างรวดเร็ว
" ท่านอย่าทำร้ายข้าสิ ข้าไม่พร้อมมันผิดรึ! "
" เจ้ากลัวสิ่งใด... ในเขตวังหลวงแห่งนี้มิมีสิ่งอันตรายมาย่างกรายเจ้าได้แน่นอน "
" เจ้ากลัวสิ่งใด... ในเขตวังหลวงแห่งนี้มิมีสิ่งอันตรายมาย่างกรายเจ้าได้แน่นอน "
น้ำเสียงนุ่มเอ่ยปลอบประโลม ผมเบ้หน้าสยดสยอง คิดถึงตอนที่ได้เจอกับไป๋หูแรกๆเมื่อชาติก่อนแล้วความกล้ามันหดหายไปหมดเหมือนไม่เคยมีมาด้วยซ้ำ!
" ข้าไม่ได้กลัว แค่อายต่างหาก! "
จุนกวางหัวเราะน้อยๆที่เห็นผมหน้าแดงแจ่เป็นลูกตำลึงสุก
" อาเฟิง อย่าได้เขินอายเลยพวกข้ารอคอยเจ้าไม่รู้ตั้งกี่ร้อยปี รอทั้งที่ไร้ความหวัง.. "
ผมช้อนดวงตากลมมองหน้าจุนกวางตาละห้อยปีศาจเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่โดนผู้คนสาปแช่งมานับทศวรรต เพราะพวกเขาไม่ใช่เหรอที่ให้แหล่งพักแรมและช่วยผมตอนเป็นฉิงเทียน เพราะไป่หูคนรักผมไม่ใช่เหรอที่ปกป้องผมจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต....
" เจ้าไม่อยากรู้แน่ว่าตอนเจ้าจากไปไป่หูเป็นเช่นไร เจ้าจะใจร้าย..ทิ้งให้เขารอเจ้าอีกรึ"
" ข้าไปก็ได้ "
" ข้าไปก็ได้ "
จุนกวางหยิกแก้มผมเบาๆ มือหนาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าให้อย่างเอาใจใส่ไม่ว่าตอนไหนกี่ภพกี่ชาติผู้ชายคนนี้ก็เป้นแรงใจให้ผมเสมอ
ผมฉีกยิ้มกว้างให้เขาและพูดด้วยเสียงหนักแน่นต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ
ผมฉีกยิ้มกว้างให้เขาและพูดด้วยเสียงหนักแน่นต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ
" ไปหาอวี่ซุนอ๋องกันเถิด "
ผมเดินเคียงคู่จุนกวางเข้ามาที่วังหลวงชั้นในสุด ด้านหลังพวกเรามีเหล่าทหาร นางกำนัลเดินตามกันเป็นขบวนอย่างกับกำลังทำพิธีแห่นาคเข้าโบสถ์ กงกงหัวงอกหยุดยืนอยู่หน้าประตูลายฉลุบานใหญ่แล้วตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบๆดังลั่น
" องค์จักพรรค์อวี่จุกวาง และ ท่านอนุชาคนเล็กอวี่เฟิงหลิงเสด็จจจจ "
จุนกวางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อทำลายโลกก้มลงจนริมฝีปากแทบชิดใบหูขาว
" ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก อาเฟิง "
" .... "
ผมแค่นยิ้มตอบจุนกวางเจื่อยๆ ฝ่ามือรู้สึกเย็นเฉียบพิกลจนมีแต่เหงื่อไหลทั่วไปหมด ภายในห้องโถ่งที่หรูหราโอ่อ่าถูกตกแต่งด้วยพรมขนสัตว์สีแดงสดผืนยาวที่ถอดจนสุดบัลลังทองขนาดใหญ่ บนโต้ะตัวเตี้ยขัดมันเงาวับ มีอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายเป็นระเบียบทั้งสองข้างดูน่าทาน ผมกลืนน้ำเหนียวๆลงคอเมื่อเห็นสายตาทุกคนเพ่งเล็งมายังพวกผมที่กำลังเดินไปตามทาง
โครตตื่นเต้นอ่ะ
ตึกตัก..ตึกตัก...
ผมตัวชาวาบ ร่างสูงที่ดูแสนคุ้นเคยอยู่ในอาภรสีดำสนิทเรียบหรูปักลายมังกรเหินฟ้าสีทองสวย เส้นผมสีขาวดุจหิมะยาวสลวยทิ้งตัวลงเบื้องล่างใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพชั้นสูงยิ่งกว่ามนุษย์ใดในใต้หล้าหันมาจ้องผมนิ่งงันเหมือนไม่อยากเชื่อสายตา ดวงตาสีเขียวหม่นคู่งามที่มักดูเย็นชาจนน่าเกรงกลัวเสมอฉายแวววูบไหวเห็นได้ชัด
ไป๋หู..
" ขอองค์ฮ่องเต้อายุยืนนับหมื่นๆปีพะยะค่ะ!!"
เสียงเหล่าขุนนางอวยพรจุนกวางดังแซ่ซ่องทั้งห้องโถง แต่ชายหนุ่มบนบัลลังแค่โบกมือเบาๆคล้ายไม่ใส่ใจ
"ท่านเฟิงหลิง เชิญนั่งถัดจากอวี่ซุนอ๋องเลยพะยะค่ะ "
" อ่อ อืมขอบคุณ "
ผมหันไปพูดกับไต่มู่ที่ยืนด้านข้าง เด็กชายตัวน้อยยิ้มรับคำขอบคุณ มือบางแตะลงที่ไหล่ผมเบาๆเป็นเชิงบอกให้นั่งเสียที
ผมก้มหน้าก้มตาทรุดตัวลงบนเบาะนุ่มข้างโต็ะของซุนชิว มือมันสั่นจนน่ากลัวว่าชายหนุ่มจะจับสังเกตได้ ขอบตาร้อนผ่าวๆ พยายามฝืนกลืนก้อนสะอื้นลงคอไม่ให้มีเสียงลอดออกมา
เวลาเนิ่นนานนับสามกว่าปีที่ไม่ได้เจอกัน...
มันทำเอาผมดีใจ ตื่นเต้นรวมถึงเศร้าใจแทบบ้าเมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ชายคนรักที่ผมไม่อาจฝืนความเจ็บปวดกลั้นใจรอเขากลับมาได้..ทั้งที่คิดจะไปตายในอ้อมกอดอีกฝ่ายแท้ๆ
ผมนี่ไม่รักษาสัญญาเลยเนอะ..
กี่วัน กี่เดือน กี่ปี กี่ทศวรรษที่เขาต้องรอผมกัน..
รอมนุษย์ธรรมดาอย่างผม..
ปาดเหงื่อนิยายที่แต่งในสต็อกเริ่มจิหมดแย้ว อาจจะมีปัญหาเรื่องขนาดตัวหนังสือนะค่ะ หมูม้วนอัพในโทรศัพมันเลยยากนิดนุง😣
ขอเม้นท์ให้กำลังจัยแก่นักเขียนฝึกหัดคนนี้ด้วยน้าค่ะ💓🐷🐷
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น