ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตาแก่มหัตภัย ( ครบค่ะ )
ตุบ! ตับ!! พลัก! ผลั้ว!!
เสียงชกต่อยดังขึ้นภายในซอยแคบๆแห่งหนึ่งตรงย่านปลอดผู้คน โดยมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นสองถึงสามคนยกพวกรุม
กระถืบหนุ่มหน้อยร่างบางที่กำลังสู้เพียงลำพัง
ดวงตากวางสีนิลมองสบอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้แม้ตัวเองจะเสียเปรียบอยู่ก็ตาม การปล่อยหมัด ถ่วงท่าการเตะ และความเร็วระดับหาตัวจับได้ยาก แสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เรียนการต่อสู้มานานแค่ไหน
ตาแก่วัยชราภาพที่เป็นตัวต้นเหตุในเรื่องทั้งหมดนั่งแหมะบนพื้นเปื้อนฝุ่นอย่างน่าสังเวศ หัวหงอกจนแทบไร้เส้นผมมีแค่หมวกสีตุ่นใบเก่าคลุมปิดไว้
ดวงตาฟ่าฝางชมเหตุการณ์ตรงหน้าแบบไม่ละสายตา ใบหน้าหมองคล้ำเหี่ยวย่นเกินวัยแอบยกยิ้มบางอย่างยินดี เมื่อผลสุดท้าย...คนที่ตนตามหามานานแสนนานก็ติดบ่วงเข้าจนได้
พลั้ก!! ตุบ!
ขาเรียวหมุนตัวเตะประเคนส้นเท้าใส่ก้านคอผู้ชายอีกคนเข้าตรงๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ พวกวัยรุ่นทั้งหมดก็ถูกอัดจนเละลงไปนอนกองกับพื้นร้องครางโอดโอ้ยกันเป็นแถว
ชายแก่รีบปรับสีหน้าให้อ่อนระโหยโรยแรง พลางค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนจนหนุ่มน้อยหน้าหวานรีบปรี่มาช่วยพยุงแทบไม่ทัน
" ลุงครับ ลุงไหวหรือเปล่า "
" ข้า...เอ้ย! ลุงไม่เป็นไรหรอก.. "
เด็กหนุ่มร่างบางจับแขนคุณลุงผู้น่าสงสาร??? โดยเกรงว่าลุงจะล้มผับไปซะก่อน ใบหน้าหวานมีสีหน้าฉงนเมื่อชายแก่สะดุ้งน้อยๆตอนเขาถูกตัว
" เจ้ามีนามว่าอะไรละ พ่อหนุ่ม "
เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม แล้วเบี่ยงกายหนีมือร่างบางแบบเนียนๆ
" ผมชื่อซูเฟิงหลิงครับ "
" เฟิงหลิง..งั้นหรือ "
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคุณลุงทำเอาเฟิงหลิงรู้สึกเสียววาบในใจแปลกๆ ร่างบางพยายามไม่คิดอะไร มองโลกในแง่ดีว่ามุมปากคุณลุงอาจจะเบี่ยวก็ได้
" ลุงชื่อ อวี่จุนกวางนะ "
ชายแก่แนะนำตัว
" คุณลุงจุนกวางมาทำอะไรที่นี้เหรอครับ "
ร่างบางถามอย่างข้องใจ เพราะในย่ายเปลี่ยวอันตรายแบบนี้ ชาวบ้านเขาก็รู้กันทั่วว่ามันเสี่ยงต่อการถูกปล้นจี้แค่ไหน ถ้าเป็นไปได้..เฟิงหลิงนั้นไม่ค่อยอยากเดินผ่านเลยสักนิด แต่ดันบังเอิญเห็นชายแก่โดนดักฉุดกระเป๋าเสียก่อน ด้วยความสงสารเฟิงหลิงเลยกระโจนเข้าไปช่วยแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
ลุงจุนกวางกระแอมไอนิดๆ ก่อนจะเหลือบมองเฟิงหลิงที่จ้องหน้าเขาอย่างสงสัย
" ลุงมาตามหาสิ่งสำคัญ "
" คุณลุงทำอะไรหายละครับ "
จุนกวางหัวเราะขมขื่มกับคำถามนั้น
" ลุงทำบางสิ่งหาย เพราะลุงเองที่ไม่ยอมดูแลให้ดี
น้องชายลุง..ถึงได้จมอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด
ความสูญเสียมาถึงทุกวันนี้ "
เฟิงหลิงฉีกยิ้ม เอื้อมมือมาจับมือจุนกวางไว้และบีบเบาๆ
" อย่าโทษตัวเองเลยครับ โชคชะตามันเป็นตัว
กำหนดทุกอย่างไว้เอง "
" หึ "
ตาแก่หยุดฝีเท้าเดิน ผินใบหน้ามามองเฟิงหลิงเต็มสายตา สายลมเอื้อยพัดผ่าน เรือนผมสีดำดุจแพรไหมบนศีรษะเฟิงหลิงปลิวสยายตามแรงลม เสียงที่เคยแหบแห้งทวีความน่าเกรงขามขึ้นเท่าตัว
" ข้าจะฝืน โชคชะตาแห่งฟ้า ด้วยอำนาจทั้งหมดที่ข้ามี "
" ...... "
ต่อค่ะ
ร่างบางขนลุกสุดตัว เมื่อสรรพนามการพูดคุยแปรเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง จุนกวางจึงหัวเราะกลบเกลื่อน และแสร้งโบกมือไปมา เมื่อเห็นเฟิงหลิงมีสีหน้าตกตะลึง
" ข้า.. คือลุงต้องขอโทษเฟิงหลิงทีนะ
คนแก่มักชอบเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื้อย
ออกนอกเรื่องตลอดเลย "
" งั้นคุณลุงนั่งพักก่อนสิครับ "
เฟิงหลิงยิ้มเจื่อน คอยประคองชายแก่ให้นั่งพักที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆสวนสาธารณะกว้าง ในยามดึกไร้ผู้คนในเวลาแบบนี้ทำให้สวนร่มรื่นดูน่ากลัวขึ้นทันตา
" ชื่อเฟิงหลิง แปลว่ากระดิ่งลมใช่ไหม "
จุนกวางถามร่างบางด้วยความสงสัย
" ครับ ทีแรกผมเกิดในประเทศไทย แต่คนดูแล
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นคนเชื้อสายจีน
แกเลยตั้งชื่อผมว่า เฟิงหลิง "
เฟิงหลิงตอบน้ำเสียงสบายๆ จุนกวางเลิกคิ้วขึ้นกับข้อมูลใหม่ของคนตรงหน้า เฟิงหลิงจึงอธิบายเพิ่มเติม
" มีคนมาทิ้งผมไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กพร้า
แล้วผู้ใหญ่ใจบุญขอผมมาเลี้ยง
ผมถึงได้มาอยู่ที่จีนครับ "
เสียงหวานเล่าเจื้อยแจ้วตามอารมณ์แบบไม่ปิดบัง เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนให้แต่งแต้มบนใบหน้าเหี่ยวๆของจุนกวาง
" ผมชอบมวยไทยมาก ตอนเรียนมหาลัย
ผมก็อยู่ชมรมมวย หมั่นฝึกฝนเป็นประจำ
ทำให้พอป้องกันตัว ตอบโต้คนอื่นเขาได้บ้าง "
" มวยไทย? ที่พ่อหนุ่มใช้สู้กับวัยรุ่นพวกนั้นหรือเปล่า "
" ครับ "
เฟิงหลิงก้มหน้าลงขณะที่ยังพูดถึงเรื่องราวชีวิตตัวเองให้คนข้างกายได้ฟัง
ความรู้สึกมันบอก ว่าชายแก่คนนี้ไว้ใจได้ บรรยากาศแสนคุ้นเคยที่เขานึกไม่ออกว่ามาจากไหนปรากฎขึ้น เมื่อได้อยู่ใกล้ๆชายแก่แปลกหน้าผู้นี้
" ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด
แม้จะมีคนใจบุญช่วยส่งเสียให้เรียนจบมหาลัย
แต่... "
" ..... "
ปลายเท้าเฟิงหลิงเขี่ยเม็ดทรายเล่นเรื่อยเปื้อย จุนกวางสังเกตเห็นความอ้างว้าง โดดเดี่ยว ฉายชัดในนัยน์ตากวางคู่สวย
ต่อค่ะ
ต่อค่ะ
" คนใจดีที่คอยหยิบยื่นโอกาศ
ให้ผม...ดันประสบอุบัติเหตุตาย.. "
ให้ผม...ดันประสบอุบัติเหตุตาย.. "
หยดน้ำตาเม็ดใสไหลลงมาตามแก้มขาว เสียงหวานเริ่มสั่นเครือ จุนกวางเอื้อมมือรั้งศีรษะทุยมาซบตรงบ่า พลางคอยลูบหัวปลอบประโลม
" ไม่เป็นไร ชู่ว... "
" ผม..ฮึกก ยังไม่..ได้ตอบ..
แทน ฮึก..บุญคุณ..ด้วย..ซ้ำ "
" ผม..ฮึกก ยังไม่..ได้ตอบ..
แทน ฮึก..บุญคุณ..ด้วย..ซ้ำ "
ใบหน้าเฟิงหลิงเต็มไปด้วยม่านน้ำตา มือบางกำหมัดเข้าหากันจนแน่น...
ดวงจันทร์กลมโตเปล่งแสงสีนวลผ่องเด่นหรากลางผืนฟ้ารัตติกาลอันมืดมืด คอยส่องแสงนำพาทุกชีวิตบนพื้นโลกให้มีหนทางเลือกเดินต่อไป ภาพบุคคลสองคนนั่งที่ม้าหินอ่อนตรงสนามหญ้าสะท้อนเป็นเงาดูลึกลับ
เฟิงหลิงปาดน้ำตาป้อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆดังฝืดฟาด
ส่งผลต่อปลายจมูกจนเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำแลดูน่ารัก หลังจากผ่านการร้องไห้ระบายอารมณ์พักใหญ่ ร่างบางก็รู้สึกได้ถึงความเงียบผิดปกติของจุนกวาง
" เฮ้ย!!! "
เฟิงหลิงตะโกนก้อง มองร่างนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน ริมฝีปากบางอ้าออกเป็นรูปตัวโอน้อยๆ
คุณลุงที่คอยนั่งปลอบเขาข้างกาย หายวับไปแล้ว เหลือเพียงชายหนุ่มร่างสูงโปร่งไว้ผมยาวสีดำจรดเอวสวมชุดสีทองอลังการเลียบแบบพวกฮ่องเต้สมัยก่อนมาแทนที่
" หยุดร้องไห้เร็วจังนะเจ้า "
เสียงขี้เล่นซุกซนดังขึ้น ใบหน้าหล่อดูใจดียกยิ้มบางกับท่าทางน่าชังจากเฟิงหลิง
" ข้าคือจุนกวางไง จำ
ไม่ได้หรอกหรือ "
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉาบแววขบขัน เฟิงหลิงสำรวจอีกฝ่ายหัวจรดเท้าอย่างอึ้งๆ พอจะโกยหนีจากเหตุการณ์แปลกประหลาดขาเขาก็ดันไม่ขยับซะนี่
'เกิดอะไรขึ้นกันแน่'
คนตัวเล็กอุทานในใจ ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วๆเมื่อเห็นร่างบางตื่นกลัวเขาแบบไม่เก็บอาการ
" เจ้ากลัวข้า?? "
คิ้วเรียวเลิกขึ้น จุนกวางระบายยิ้มอ่อนโยนที่ใบหน้าริมฝีปากแดงระเรื่อกระซิบข้างหูเฟิงหลิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง
" ยามใด..หิมะร้างลา..
ข้าขอเป็น เช่นแสงสว่าง อยู่เคียงกาย..
ปลอบประโลมใจเจ้า ยามขุ่นมัว..
เก๋อฉิงเทียน.. "
แก้ตัวอักษรให้ค่ะ
อ่านกันได้หรือยังเอ่ย ต้องขอบคุณที่บอกด้วยน้าา เพราะหมูม้วนไม่รู้จริงๆ😢😢😢😢
อ่านกันได้หรือยังเอ่ย ต้องขอบคุณที่บอกด้วยน้าา เพราะหมูม้วนไม่รู้จริงๆ😢😢😢😢
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น