ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปราถนารักข้ามภพ (Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #2 : ตาแก่มหัตภัย ( ครบค่ะ )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 504
      2
      28 เม.ย. 59

        
        ตุบ! ตับ!! พลัก!  ผลั้ว!!

       เสียงชกต่อยดังขึ้นภายในซอยแคบๆแห่งหนึ่งตรงย่านปลอดผู้คน  โดยมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นสองถึงสามคนยกพวกรุม
    กระถืบหนุ่มหน้อยร่างบางที่กำลังสู้เพียงลำพัง
           ดวงตากวางสีนิลมองสบอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้แม้ตัวเองจะเสียเปรียบอยู่ก็ตาม  การปล่อยหมัด ถ่วงท่าการเตะ และความเร็วระดับหาตัวจับได้ยาก แสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เรียนการต่อสู้มานานแค่ไหน
          ตาแก่วัยชราภาพที่เป็นตัวต้นเหตุในเรื่องทั้งหมดนั่งแหมะบนพื้นเปื้อนฝุ่นอย่างน่าสังเวศ หัวหงอกจนแทบไร้เส้นผมมีแค่หมวกสีตุ่นใบเก่าคลุมปิดไว้
         ดวงตาฟ่าฝางชมเหตุการณ์ตรงหน้าแบบไม่ละสายตา  ใบหน้าหมองคล้ำเหี่ยวย่นเกินวัยแอบยกยิ้มบางอย่างยินดี  เมื่อผลสุดท้าย...คนที่ตนตามหามานานแสนนานก็ติดบ่วงเข้าจนได้

          พลั้ก!!  ตุบ!

          ขาเรียวหมุนตัวเตะประเคนส้นเท้าใส่ก้านคอผู้ชายอีกคนเข้าตรงๆ  ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ  พวกวัยรุ่นทั้งหมดก็ถูกอัดจนเละลงไปนอนกองกับพื้นร้องครางโอดโอ้ยกันเป็นแถว
         ชายแก่รีบปรับสีหน้าให้อ่อนระโหยโรยแรง  พลางค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนจนหนุ่มน้อยหน้าหวานรีบปรี่มาช่วยพยุงแทบไม่ทัน

    " ลุงครับ  ลุงไหวหรือเปล่า "
     
        

    " ข้า...เอ้ย!  ลุงไม่เป็นไรหรอก.. "
     
          เด็กหนุ่มร่างบางจับแขนคุณลุงผู้น่าสงสาร???    โดยเกรงว่าลุงจะล้มผับไปซะก่อน  ใบหน้าหวานมีสีหน้าฉงนเมื่อชายแก่สะดุ้งน้อยๆตอนเขาถูกตัว

    " เจ้ามีนามว่าอะไรละ พ่อหนุ่ม "

         เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม แล้วเบี่ยงกายหนีมือร่างบางแบบเนียนๆ

    " ผมชื่อซูเฟิงหลิงครับ "


    " เฟิงหลิง..งั้นหรือ "
     
         รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคุณลุงทำเอาเฟิงหลิงรู้สึกเสียววาบในใจแปลกๆ  ร่างบางพยายามไม่คิดอะไร  มองโลกในแง่ดีว่ามุมปากคุณลุงอาจจะเบี่ยวก็ได้
     

    " ลุงชื่อ อวี่จุนกวางนะ "
     
     
         ชายแก่แนะนำตัว

     
    " คุณลุงจุนกวางมาทำอะไรที่นี้เหรอครับ "

         ร่างบางถามอย่างข้องใจ  เพราะในย่ายเปลี่ยวอันตรายแบบนี้  ชาวบ้านเขาก็รู้กันทั่วว่ามันเสี่ยงต่อการถูกปล้นจี้แค่ไหน   ถ้าเป็นไปได้..เฟิงหลิงนั้นไม่ค่อยอยากเดินผ่านเลยสักนิด    แต่ดันบังเอิญเห็นชายแก่โดนดักฉุดกระเป๋าเสียก่อน ด้วยความสงสารเฟิงหลิงเลยกระโจนเข้าไปช่วยแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
         ลุงจุนกวางกระแอมไอนิดๆ  ก่อนจะเหลือบมองเฟิงหลิงที่จ้องหน้าเขาอย่างสงสัย


    " ลุงมาตามหาสิ่งสำคัญ "


    " คุณลุงทำอะไรหายละครับ  "

         จุนกวางหัวเราะขมขื่มกับคำถามนั้น 


    " ลุงทำบางสิ่งหาย  เพราะลุงเองที่ไม่ยอมดูแลให้ดี
    น้องชายลุง..ถึงได้จมอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด
    ความสูญเสียมาถึงทุกวันนี้ "


        เฟิงหลิงฉีกยิ้ม  เอื้อมมือมาจับมือจุนกวางไว้และบีบเบาๆ


    " อย่าโทษตัวเองเลยครับ  โชคชะตามันเป็นตัว
    กำหนดทุกอย่างไว้เอง "


    " หึ "

         ตาแก่หยุดฝีเท้าเดิน ผินใบหน้ามามองเฟิงหลิงเต็มสายตา  สายลมเอื้อยพัดผ่าน  เรือนผมสีดำดุจแพรไหมบนศีรษะเฟิงหลิงปลิวสยายตามแรงลม  เสียงที่เคยแหบแห้งทวีความน่าเกรงขามขึ้นเท่าตัว  


    " ข้าจะฝืน  โชคชะตาแห่งฟ้า  ด้วยอำนาจทั้งหมดที่ข้ามี "


    " ...... "


        ต่อค่ะ
     
     
        ร่างบางขนลุกสุดตัว  เมื่อสรรพนามการพูดคุยแปรเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง  จุนกวางจึงหัวเราะกลบเกลื่อน  และแสร้งโบกมือไปมา  เมื่อเห็นเฟิงหลิงมีสีหน้าตกตะลึง


    " ข้า.. คือลุงต้องขอโทษเฟิงหลิงทีนะ
    คนแก่มักชอบเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื้อย
    ออกนอกเรื่องตลอดเลย "


    " งั้นคุณลุงนั่งพักก่อนสิครับ "


        เฟิงหลิงยิ้มเจื่อน  คอยประคองชายแก่ให้นั่งพักที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่   ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆสวนสาธารณะกว้าง   ในยามดึกไร้ผู้คนในเวลาแบบนี้ทำให้สวนร่มรื่นดูน่ากลัวขึ้นทันตา


    " ชื่อเฟิงหลิง  แปลว่ากระดิ่งลมใช่ไหม "


         จุนกวางถามร่างบางด้วยความสงสัย
     

    "  ครับ  ทีแรกผมเกิดในประเทศไทย แต่คนดูแล
    สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นคนเชื้อสายจีน    
    แกเลยตั้งชื่อผมว่า  เฟิงหลิง "


        เฟิงหลิงตอบน้ำเสียงสบายๆ  จุนกวางเลิกคิ้วขึ้นกับข้อมูลใหม่ของคนตรงหน้า   เฟิงหลิงจึงอธิบายเพิ่มเติม


    " มีคนมาทิ้งผมไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กพร้า   
    แล้วผู้ใหญ่ใจบุญขอผมมาเลี้ยง
    ผมถึงได้มาอยู่ที่จีนครับ "


        เสียงหวานเล่าเจื้อยแจ้วตามอารมณ์แบบไม่ปิดบัง  เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนให้แต่งแต้มบนใบหน้าเหี่ยวๆของจุนกวาง


    " ผมชอบมวยไทยมาก  ตอนเรียนมหาลัย
    ผมก็อยู่ชมรมมวย  หมั่นฝึกฝนเป็นประจำ
    ทำให้พอป้องกันตัว ตอบโต้คนอื่นเขาได้บ้าง "
     

    " มวยไทย?  ที่พ่อหนุ่มใช้สู้กับวัยรุ่นพวกนั้นหรือเปล่า "


    " ครับ "

        เฟิงหลิงก้มหน้าลงขณะที่ยังพูดถึงเรื่องราวชีวิตตัวเองให้คนข้างกายได้ฟัง
        ความรู้สึกมันบอก   ว่าชายแก่คนนี้ไว้ใจได้  บรรยากาศแสนคุ้นเคยที่เขานึกไม่ออกว่ามาจากไหนปรากฎขึ้น  เมื่อได้อยู่ใกล้ๆชายแก่แปลกหน้าผู้นี้


    "   ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด
    แม้จะมีคนใจบุญช่วยส่งเสียให้เรียนจบมหาลัย
    แต่... "


    " ..... "

     
         ปลายเท้าเฟิงหลิงเขี่ยเม็ดทรายเล่นเรื่อยเปื้อย  จุนกวางสังเกตเห็นความอ้างว้าง โดดเดี่ยว ฉายชัดในนัยน์ตากวางคู่สวย

       ต่อค่ะ

     
    " คนใจดีที่คอยหยิบยื่นโอกาศ
    ให้ผม...ดันประสบอุบัติเหตุตาย.. "

         หยดน้ำตาเม็ดใสไหลลงมาตามแก้มขาว   เสียงหวานเริ่มสั่นเครือ จุนกวางเอื้อมมือรั้งศีรษะทุยมาซบตรงบ่า  พลางคอยลูบหัวปลอบประโลม
     
    " ไม่เป็นไร ชู่ว... "


    " ผม..ฮึกก ยังไม่..ได้ตอบ..
    แทน ฮึก..บุญคุณ..ด้วย..ซ้ำ "

     

        ใบหน้าเฟิงหลิงเต็มไปด้วยม่านน้ำตา  มือบางกำหมัดเข้าหากันจนแน่น...




         ดวงจันทร์กลมโตเปล่งแสงสีนวลผ่องเด่นหรากลางผืนฟ้ารัตติกาลอันมืดมืด   คอยส่องแสงนำพาทุกชีวิตบนพื้นโลกให้มีหนทางเลือกเดินต่อไป    ภาพบุคคลสองคนนั่งที่ม้าหินอ่อนตรงสนามหญ้าสะท้อนเป็นเงาดูลึกลับ
        เฟิงหลิงปาดน้ำตาป้อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆดังฝืดฟาด
    ส่งผลต่อปลายจมูกจนเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำแลดูน่ารัก  หลังจากผ่านการร้องไห้ระบายอารมณ์พักใหญ่  ร่างบางก็รู้สึกได้ถึงความเงียบผิดปกติของจุนกวาง
     

    " เฮ้ย!!! "

        เฟิงหลิงตะโกนก้อง  มองร่างนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน   ริมฝีปากบางอ้าออกเป็นรูปตัวโอน้อยๆ
        คุณลุงที่คอยนั่งปลอบเขาข้างกาย  หายวับไปแล้ว  เหลือเพียงชายหนุ่มร่างสูงโปร่งไว้ผมยาวสีดำจรดเอวสวมชุดสีทองอลังการเลียบแบบพวกฮ่องเต้สมัยก่อนมาแทนที่


    " หยุดร้องไห้เร็วจังนะเจ้า "

        เสียงขี้เล่นซุกซนดังขึ้น  ใบหน้าหล่อดูใจดียกยิ้มบางกับท่าทางน่าชังจากเฟิงหลิง

    " ข้าคือจุนกวางไง จำ
    ไม่ได้หรอกหรือ "


        ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉาบแววขบขัน  เฟิงหลิงสำรวจอีกฝ่ายหัวจรดเท้าอย่างอึ้งๆ  พอจะโกยหนีจากเหตุการณ์แปลกประหลาดขาเขาก็ดันไม่ขยับซะนี่

         'เกิดอะไรขึ้นกันแน่'

        คนตัวเล็กอุทานในใจ  ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วๆเมื่อเห็นร่างบางตื่นกลัวเขาแบบไม่เก็บอาการ


    " เจ้ากลัวข้า?? "

        คิ้วเรียวเลิกขึ้น  จุนกวางระบายยิ้มอ่อนโยนที่ใบหน้าริมฝีปากแดงระเรื่อกระซิบข้างหูเฟิงหลิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง


    " ยามใด..หิมะร้างลา..
    ข้าขอเป็น  เช่นแสงสว่าง อยู่เคียงกาย..
    ปลอบประโลมใจเจ้า ยามขุ่นมัว..
    เก๋อฉิงเทียน.. "

     
       
        แก้ตัวอักษรให้ค่ะ
        อ่านกันได้หรือยังเอ่ย  ต้องขอบคุณที่บอกด้วยน้าา เพราะหมูม้วนไม่รู้จริงๆ
    😢😢😢😢


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×