ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พรมลิขิต (ครบค่ะ)
เมื่อยามอัสดงเริ่มก้าวย่างเข้ามา แสงสุดท้ายของวันก็ค่อยๆลิบลี้ลง เป็นสัญญาณให้เหล่านกน้อยรู้ว่ารัตติกาลกำลังจะกลืนกินดวงสุริยันลงทุกที หมู่มวลวิหคต่างพากันโผบินกลับเข้ารัง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่ในการดำรงชีวิตอยู่กลางภูเขาเวิ้งว้างที่มีแต่หิมะปกคลุมทั่วหนแห่ง
ดวงตากลมโตเฝ้ามองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์เดินลุยหิมะอยู่เพียงลำพัง โดยไม่หวั่นกับสภาพอากาศอันหนาวเย็นเลยสักนิด
ฉิงเทียนพึมพำเบาๆ มองแบบสงสัยใครรู้ ร่างบางลุกขึ้นยืนเดินออกจากเนินหินที่หลบซ่อนตัว พอจะหันหลังกลับฉิงเทียนดันผงะก้าวถอยอย่างรวดเร็ว
คมดาบยาวสีงาช้างล่อแสงอัสดง จ่อประชิดตรงลำคอระหงแบบไม่ให้ตั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาดังรูปแกะสลักประดับไว้ด้วยความเย็นชาเหมือนเหมันต์ฤดู นัยต์ตาคมปลาบวาววับสีทองสบตาร่างบางนิ่งๆ เรือนผมที่ถูกปล่อยยาวจรดพื้นมีสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะยามเช้าของแรกวสัน
ผู้ชายคนนี้ดูงดงามยังกับเทพเจ้าลงมาจุติ ทั้งสีผม สีดวงตา ชวนให้น่าสะพรึงเสียเหลือเกิน ฉิงเทียนเม้มปากแน่น ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็รับรู้ได้จากสัญชาติญาณภายในตัว ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
( ไป๋หู เจ้าทำอะไร )
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น อยู่ๆชายแปลกหน้าอีกคนก็ปรากฏกายขึ้นข้างกายชายหนุ่มที่ชื่อไป๋หู
ต่อค่ะ
สายลมโชยพัดผ่านวูบไหว แมกไม้ปลิวลู่เอนตามแรงลมเกิดเสียงคล้ายหยาดน้ำฝนโปรยปรายเป็นระยะ ดังก้องไปทั่วตำหนักที่ใครบางคนกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา
เปลือกตาบางกระพริบถี่ๆกับเสียงรบกวนจากธรรมชาติ เฟิงหลิงลืมตาตื่นขึ้น นิ่วหน้าเล็กน้อย เมื่อรู้สึกหนักอึ้งบริเวณศีรษะ
' เกิดอะไรขึ้น... '
คนร่างเล็กยันตัวเองลุกจากที่นอนแสนนุ่ม แล้วนวดขมับเบาๆ เฟิงหลิงมองไปรอบข้างใบหน้าสวยส่งยิ้มแห้งแล้ง
ให้บรรยากาศโดยรอบ
' อยากเอาหัวโขกพื้นตาย '
เทียนในห้องสี่ห้าเล่มส่องแสงเหลืองสว่างรำไรตามมุมต่างๆ ผ้าม่านเนื้อดีปักลายก้อนเมฆสีครามอ่อนประปราย
ดูละมุมตา ทั้งโต็ะไม้ตัวใหญ่ เก้าอี้มันเงาวับมีผ้าฟูนุ่มลองก้น แจกันใบใหญ่โครตๆลายวิจิตร และตั่งที่ถูกปูด้วยผ้าขนสัตว์สีขาวอย่างดีนี่อีก
' วอนสวรรค์.. เขาคงไม่ได้ข้ามภพมาหรอกใช่ไหม?? '
เฟิงหลิงส่ายหัวระอากับชะตากรรมที่เล่นตลกขบขัน พลางแง้มผ้าม่านออกนิดๆเพื่อดูลาดราว ตอนนี้ท้องฟ้ากว้างไร้เมฆหมอกกลับกลายเป็นสีดำเรียบร้อย มีนายทหารเดินเตร็ดแตร่บ้างบางจุด พอจะลุกยืน..กายบางก็เซแทดๆ
อาการมึนหัวยังครอบครองก้อนสมองเขาอย่างเหนียวแน่น
" ให้ตายเถอะ "
เฟิงหลิงนั่งลงที่เดิม พยายามคิดทบทวนเรื่องราว ลำดับเหุตการณ์ต่างๆ
ร่างเล็กได้พบ จุนกวาง ชายแก่ในคราบชายหนุ่มชุดสีทองหรูเลิศ พร้อมคำพูดแปลกประหลาด...
ฝันถึงคนที่ชื่อ ฉิงเทียนกับไป๋หูบ่อยครั้ง..
ซึ่งสองคนนี้ต้องเกี่ยวข้องกันแหงแซะ...
แล้วตัวเขา..ไปเกี่ยวอะไรด้วยละ..??
ตึก ตึก ตึก..
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเริ่มใกล้เข้ามาทีละนิด แสดงว่าต้องมีคนกำลังมาที่นี้..
เฟิงหลิงตบหน้ารัวๆเพื่อเรียกสติตัวเอง สูดหายใจลึกๆจนไซนัสเกือบกำเริบ แล้วย่องเดินไปที่ฉากกั้นลายนกยูงลำแพสุดแสนอลังการ
" เฟิงหลิงง ข้าเอาชารสดีมาให้เจ้าด้วยน้าา "
เสียงนุ้มทะเล้นแสนคุ้นหูดังขึ้น เจ้าของชื่อแสยะยิ้มตอบรับ พนันร้อยให้ล้าน ไอ้หมอนั้นต้องเป็นจุนกวางชัวร์ป้าบ!!
ต่อค่ะ
ผลั้ว!! อุก! เพล้ง!!
เฟิงหลิงกระโดดมาดักตรงหน้าร่างสูงผู้มีบุคคลิกสว่างวาบด้วยชุดสีทองอร่ามทั้งตัว
ตอนแรกจุนกวางเองก็ตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นว่าคนร่างเล็กที่หลับไม่ได้สติมาเป็นวันๆกลับยืนจังก้าอยู่หน้าฉากกั้นชายหนุ่มชุดสีทองปล่อยถาดน้ำชาจากห้องครัวร่วงตกแตกดังสนั่น เมื่อหมัดหนักๆที่ไม่เข้ากับเรียวแขนเสลาชกหน้าเขาสุดแรงเกิด เฟิงหลิงดีดตัวขึ้นโน้มคอจุนกวางลงให้พอเหมาะแล้วตีด้วยเข่าที่ใบหน้าออร่าเจ้าชายแม่นเหมือนจับวาง
ร่างบางล้มลงกองที่พื้นพรมแบบหมดเรี่ยวแรง หายใจหอบแฮก รู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมคู่หวานเหลือบดูจุนกวางนอนตัวงอเหมือนกุ้ง ร้องครางโอดโอยทั้งๆที่เลือดกำเดากลบเต็มปากและจมูก
ความผิดเริ่มเกาะติดจิตใจทีละน้อย รู้งี้น่าจะทำให้สลบไปเลยทีเดียว จะได้ไม่ต้องมานอนครางน่าอนาถสายตาคนมองแบบนี้
ต่อค่ะ
เฟิงหลิงค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้นทีละนิด รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่เคยมีหายสาปสูญไปเฉยๆแบบไม่รู้เนื่อรู้ตัว ร่างเล็กกัดฟันกรอดเพื่อระงับอาการปวดหัวตุบๆ แขนขาวสั่นเล็กน้อยเมื่อต้องรองรับน้ำหนักจากร่างกายตนเอง
จุนกวางไม่สามารถแกล้งนอนทนมองคนตัวบางทรมาณได้อีกต่อไป ร่างสูงลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางปกติไร้การเจ็บปวดแบบที่แสดงให้เห็นแม้บนใบหน้าหล่อเหลาจะมีคราบเลือดสีแดงสดติดอยู่ก็ตามที เสียงทุ้มนุ่มที่ปราศจากความร่าเริงเอ่ยเบาๆดังพูดกับดินฟ้าอากาศ
"อวี่ผู่เยว่... "
ฟืบ!!
ฉับพลันก็มีร่างๆหนึ่งโผล่มาจากอากาศที่ว่างเปล่า ดวงตากลมถลนเบิกกว้าง เฟิงหลิงชักรู้ว่าน้ำลายเหนียวๆในคอชั่งฝืดชวนให้กลืนไม่ลงยังไงชอบกล
" นี่เหรอ พี่สะใภ้ข้า "
เสียงหวานพูดเนิบนาบ ร่างสูงระหงย่อตัวลงนิดหน่อยมองคนตัวเล็กด้วยแววตาพราวระยับ
เฟิงหลิงแทบลืมลมหายใจเมื่อได้พินิจใบหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่ชัดๆ คนคนนี้ช่างดูงดงามอย่างไม่มีที่ติ ดวงตาคู่สวยสีรัตติกาลดำสนิทเหมือนท้องฟ้ายามที่ไร้เมฆหมอกในคืนเดือนดับ ผิวกายขาวเนียนละเอียดผุดผ่องจนแม้กระทั่งผู้หญิงยังต้องอาย จมูกโด่งเชิดรั้นรับกับริมฝีปากบางรูปกระจับสีชมพูธรรมชาติ เส้มไหมสีเงินหยวงล้อมกรอบใบหน้างามยาวจรดบั้นเอวคอด
ชายหนุ่มหน้าสวยฉีกยิ้มหวานหยดย้อยพร้อมเหล่มองจุนกวางแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาสนใจร่างบางตรงหน้าต่อ
เฟิงหลิงมีความรู้สึกตะหงิดๆกับรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งนั้น...
" ยินดีมากที่ได้พบกันสักที แต่ข้าว่า...... "
น้ำเสียงหวานแสร้งลากยาวอย่างมีเล่ห์นัย เพียงพริบตาเดียวดวงตาคู่งามก็เปลี่ยนเป็นสีมรกตเข้มวาววับ
" ท่านควรจะหลับต่อไปดีกว่านะ "
ฟุบ!!
จุนกวางรีบดีดตัวพุ่งรับศีรษะทุยไม่ให้กระแทกพื้นได้ทันเวลา ร่างสูงสง่าโอบอุ้มเฟิงหลิงที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างถะนุถนอม ก่อนจะบรรจงจุมพิตตรงหน้าผากมนช้าๆ
" พี่สะใภ้ข้ามีวรยุทธ์ด้วยใช่ไหม "
ผู่เยว่พูดตัดบท ใบหน้างามพยายามชะเง้อคอมองคนตัวบางด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จุนกวางไม่ตอบคำถามแต่ดันถามกลับ ขายาวในชุดสีทองอร่ามเดินไปวางร่างโปร่งบางไว้บนตั่ง มือหนาปัดปอยผมออกจากใบหน้าซีดเซียวเพื่อไม่ให้เกะกะคนนอนหลับ
" ประมาณสองวันแหละ ข้าเอายาเสริมกำลังธาตุไฟติดตัวมาด้วย "
" น่าแปลกจริง ทั้งๆที่ธาตุไฟเฟิงหลิงเริ่มแตกตัวแล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังไม่เสียชีวิต... "
ฮ่องเต้หนุ่มกุมมือคนตัวเล็กไว้แน่น ผินใบหน้าหล่อถามผู่เยว่ด้วยท่าทีจริงจัง
" การจะย้อนเวลามาได้ ถ้าตบะไม่แกร่งพอธาตุไฟที่วิ่งวนอยู่ในกายหยาบอาจแตกช่าน จนทำให้คนผู้นั้นเสียชีวิตลงกลางทาง... กรณีของพี่สะใภ้นั้น มีท่านคอยช่วยประคองอยู่อีกแรง แถมมีจิตของผู้ใดสักคนที่เจือจางแทบจับไม่ได้ติดตามมาด้วย "
ผู่เยว่แย้มยิ้มลี้ลับประสานสายตากับจุนกวาง ทำเอาฮ่องเต้หนุ่มขมวดคิ้วมุ่น
จิตแฝงงั้นเหรอ....
ต่อค่ะ
(นี่ท่าน !ข้าเอาขนมจากเมืองติ่วโจวมาฝากด้วยนาา )
ฉิงเทียนพูดอย่างร่าเริงและทรุดตัวลงนั่งที่พื้นหญ้าสีเขียวขจี สายลมเย็นๆพัดผ่านจนเกิดเสียงใบไม้เสียดสีกัน เป็นดังทำนองเพลงรื่นรมณ์ ให้ชวนรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่มาที่นี้
คนอารมณ์ดีสาละวนอยู่กับตะกร้าใส่ขนมหวานหลากหลายชนิดจนไม่ทันสังเกตเห็น
(เจ้ามาหาข้าอีกแล้วหรือ)
ฉิงเทียนยิ้มรับคำทักทายจนตาหยีพลางยื่นขนมลูกกลมๆที่โรยเมล็ดงาให้กับเพื่อนเขาได้ลองชิมดู
ร่างบางรีบชักมือหนีทันที เรียวแขนเสลาแกล้งจับสายคาดเอวเล่นแก้อาการเขินเก้อ..
บรุ้ววว!! บรุ้วววว!!!
จิ้งจอกนับสิบตัวต่างหอนเห่าต่อกันเป็นทอดๆ ทั้งที่ดวงตะวันยังไม่ทันลับขอบฟ้าซะด้วยซ้ำ ฉิงเทียนหันไปมองในป่าทึบอย่างตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างแล้วถลันลุกขึ้นยืนโดยเร็ว
เงาของสัตว์สี่เท้าเลือนลางจำนวนมากเริ่มเคลื่อนขยับเข้ามาใกล้ทั้งสองคนขึ้นเรื่อยๆรวมถึงเสียงขู่กรรโชกที่ดังรายล้อมรอบตัวพวกเขา
ร่างสูงสง่าที่แสนคุ้นตาของบุรุษหนุ่มรูปงามมองมาทางเหม่ยฮวานิ่งๆ
( คนรักข้า ไม่ใช่ปักษาสวรรค์ของท่านอีกต่อไป ในภพนี้และภพอื่นๆท่านจะไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ เหม่ยฮวา )
น้ำเสียงวิงวอนตัดพ้อดังอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้ ร่างบางพยายามมองหาเจ้าของเสียงทุ้มแสนเศร้าที่ชวนใจหายนั้น
คนตัวเล็กร้องตะโกนจนสุดเสียง น้ำตาใสเริ่มเอ่อคลอนัยน์ตาโศกทีละเล็กทีละน้อย
ทำไม..เราถึงรู้สึกเจ็บปวดเเบบนี้..
ฮึก!! เฟิงหลิงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง มือทั้งสองข้างยกมาปิดใบหน้าหวานที่เต้มไปด้วยหยดน้ำตาพลางส่ายหน้าเร็วๆ
ดั่งส่วนลึกในจิตใจกรีดร้อง ความเจ้บปวดถาโถมใส่จนเจ้าตัวแทบรับไม่ไหว เหมือนขาดที่พึงสุดท้ายโดยไม่ทันรู้ตัว ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายบีบรัดด้วยความร้าวราน หยดน้ำตามากมายไหลพรั่งพรูราวกับเขื่อนแตก
เสียงนั้นยังคงดังเรื่อยๆ เฟิงหลิงรู้สึกถึงสายสัมพันบางอย่างคล้ายคืบคลานเชื่อมติดกันทีละเล็กทีละน้อย..
คนตัวเล็กนั่งกอดเข่า ซุกหน้าเข้าหาวงแขนพร่ำเรียกชื่อใครบางคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังอยากให้มีเสียงตอบกลับมาเช่นเคย น้ำเสียงโทนเดิมที่มักจะเรียกหาเขาด้วยความรักหมดหัวใจ..
สัมผัสอ่อนโยนแนบค้างบริเวณแก้มใส..
เนิ่นนาน..คล้ายชั่วกัลป์ชั่วกัน...ความอบอุ่นแฝงไว้ด้วยไอสเน่ห์หาช่วยชโลมร่างกายและจิตใจที่เกือบจะแหลกสลายให้มีแรงขึ้นมาอีกครั้ง เฟิงหลิงหลับตาพริ้มทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล ยินดีรับสัมผัสอ่อนละมุนที่โหยหามาตลอด
สุข..สุขเหลือเกิน...
เฮือก!!!
เฟิงหลิงสะดุ้งตื่นจากนินทราอย่างมึนๆ ปลายนิ้วคลำจับที่ใบหน้าก็พบถึงสาเหตุของความเปียกชื่น
นี่เราร้องไห้หรอ...
ชุดน้ำชาถูกยกมาไว้ตรงหัวโต็ะ ผมหันไปมองเรียวแขนเสลาที่ขาวผุดผ่อง ก่อนจะขยับหนีอย่างเนียนๆ
คิ้วเรียวดังคันศรเลิกขึ้นนิดหน่อย ใบหน้างดงามปานถล่มเมืองแสร้งเขยืบมาใกล้ ขนตายาวเรียงสวยรับกับดวงตากลมสุกใสเป็นประกาย กลิ่นกายหอมละมุนโชยมาอ่อนๆจนผมได้กลิ่น..คล้าย..อือ..ดอกไม้..ใช้ดอกไม้..
ผมรีบยกมือมาคั่นกลางระหว่างชายหนุ่มร่างโปร่งระหงกับตัวเองทันที
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ริมฝีปากบางสวยฉีกยิ้มกว้าง
นี่ผมยังไม่ตื่นจากฝันบ้าๆอีกเรอะ..
สังเกตตั้งแต่เจอกันตอนแรกแล้วละครับ ชายหนุ่มหน้ามนคนนี้เรียกผมว่าพี่สะใภ้ไม่หยุดปากเลย มันงงอ่ะ ผมไปเป็นสะใภ้ใครตอนไหนวะเนี่ย ตื่นมาอยู่ผิดที่ผิดทางประสาทก็จะกินแล้ว เจอคนหายตัวได้ก็เข้าขั้นบ้าละ สรุปผมผิดปกติหรือพวกเขาที่สมองกระทบกระเทือนกันแน่
พรวด! แค่กๆๆๆๆ
ผู่เยว่รีบขยับหลบรัศมีน้ำชาที่พุ่งพรวดออกจากปากผมทันที ชุดผ้าเนื้อดีสีครีมสดตัดกับผิวที่ขาวราวหยก ผ้าผืนเล็กที่คาดว่านะจะเป็นผ้าเช็ดปากถูกยื่นมาให้
ผมรับมาเช็ดปากลวกๆ เมื่อหันไปอีกทีคนร่างโปร่งสวยก็มองผมด้วยสายตาพราวระยิบระยับ ที่ชวนให้ขนลุกแปลกๆ
นิ้วเรียวจิ้มจมูกผมเบาๆจนผมนิ่วหน้า
ยิ่งผู่เยว่พูดผมยิ่งงง ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกเหนือจากนั้น มือขาวเพียงคลี่พัดน้อยๆและโบกเพื่อไล่ความร้อน
" ที่ท่านต้องจำ..หนึ่ง.. อย่าหลุดประโยคผมเผิมอะไรนั้นเด็ดขาด ต้องแทนตัวว่าข้าเท่านั้น สองเรื่องราวต่างๆข้ากับองค์ฮ่องเต้จะจัดการเองท่านแค่ต้องแสดงให้เหมือนก็พอ และสาม.... สามวันนี่ข้าคือคนที่แนะนำสถานที่ในวังแห่งนี้ให้ท่านได้รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร..
ท้ายประโยคน้ำเสียงหวานกลับลากยาวอย่างสนุกสนาน ดวงตาคู่งามเหลือบมองผมเล็กน้อยพร้อมกับพัดอันเล็กที่หุบลงดังฉับ เปรียบเหมือนเสียงสั่งประหารนักโทษคดีร้ายแรง...
เล่นเอาซะผมขนลุกซู่ทั้งร่างเลย....
ดวงตากลมโตเฝ้ามองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์เดินลุยหิมะอยู่เพียงลำพัง โดยไม่หวั่นกับสภาพอากาศอันหนาวเย็นเลยสักนิด
( ใครกัน... )
ฉิงเทียนพึมพำเบาๆ มองแบบสงสัยใครรู้ ร่างบางลุกขึ้นยืนเดินออกจากเนินหินที่หลบซ่อนตัว พอจะหันหลังกลับฉิงเทียนดันผงะก้าวถอยอย่างรวดเร็ว
คมดาบยาวสีงาช้างล่อแสงอัสดง จ่อประชิดตรงลำคอระหงแบบไม่ให้ตั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาดังรูปแกะสลักประดับไว้ด้วยความเย็นชาเหมือนเหมันต์ฤดู นัยต์ตาคมปลาบวาววับสีทองสบตาร่างบางนิ่งๆ เรือนผมที่ถูกปล่อยยาวจรดพื้นมีสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะยามเช้าของแรกวสัน
ผู้ชายคนนี้ดูงดงามยังกับเทพเจ้าลงมาจุติ ทั้งสีผม สีดวงตา ชวนให้น่าสะพรึงเสียเหลือเกิน ฉิงเทียนเม้มปากแน่น ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็รับรู้ได้จากสัญชาติญาณภายในตัว ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
( ไป๋หู เจ้าทำอะไร )
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น อยู่ๆชายแปลกหน้าอีกคนก็ปรากฏกายขึ้นข้างกายชายหนุ่มที่ชื่อไป๋หู
ต่อค่ะ
สายลมโชยพัดผ่านวูบไหว แมกไม้ปลิวลู่เอนตามแรงลมเกิดเสียงคล้ายหยาดน้ำฝนโปรยปรายเป็นระยะ ดังก้องไปทั่วตำหนักที่ใครบางคนกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา
เปลือกตาบางกระพริบถี่ๆกับเสียงรบกวนจากธรรมชาติ เฟิงหลิงลืมตาตื่นขึ้น นิ่วหน้าเล็กน้อย เมื่อรู้สึกหนักอึ้งบริเวณศีรษะ
' เกิดอะไรขึ้น... '
คนร่างเล็กยันตัวเองลุกจากที่นอนแสนนุ่ม แล้วนวดขมับเบาๆ เฟิงหลิงมองไปรอบข้างใบหน้าสวยส่งยิ้มแห้งแล้ง
ให้บรรยากาศโดยรอบ
' อยากเอาหัวโขกพื้นตาย '
เทียนในห้องสี่ห้าเล่มส่องแสงเหลืองสว่างรำไรตามมุมต่างๆ ผ้าม่านเนื้อดีปักลายก้อนเมฆสีครามอ่อนประปราย
ดูละมุมตา ทั้งโต็ะไม้ตัวใหญ่ เก้าอี้มันเงาวับมีผ้าฟูนุ่มลองก้น แจกันใบใหญ่โครตๆลายวิจิตร และตั่งที่ถูกปูด้วยผ้าขนสัตว์สีขาวอย่างดีนี่อีก
' วอนสวรรค์.. เขาคงไม่ได้ข้ามภพมาหรอกใช่ไหม?? '
เฟิงหลิงส่ายหัวระอากับชะตากรรมที่เล่นตลกขบขัน พลางแง้มผ้าม่านออกนิดๆเพื่อดูลาดราว ตอนนี้ท้องฟ้ากว้างไร้เมฆหมอกกลับกลายเป็นสีดำเรียบร้อย มีนายทหารเดินเตร็ดแตร่บ้างบางจุด พอจะลุกยืน..กายบางก็เซแทดๆ
อาการมึนหัวยังครอบครองก้อนสมองเขาอย่างเหนียวแน่น
" ให้ตายเถอะ "
เฟิงหลิงนั่งลงที่เดิม พยายามคิดทบทวนเรื่องราว ลำดับเหุตการณ์ต่างๆ
ร่างเล็กได้พบ จุนกวาง ชายแก่ในคราบชายหนุ่มชุดสีทองหรูเลิศ พร้อมคำพูดแปลกประหลาด...
ฝันถึงคนที่ชื่อ ฉิงเทียนกับไป๋หูบ่อยครั้ง..
ซึ่งสองคนนี้ต้องเกี่ยวข้องกันแหงแซะ...
แล้วตัวเขา..ไปเกี่ยวอะไรด้วยละ..??
ตึก ตึก ตึก..
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเริ่มใกล้เข้ามาทีละนิด แสดงว่าต้องมีคนกำลังมาที่นี้..
เฟิงหลิงตบหน้ารัวๆเพื่อเรียกสติตัวเอง สูดหายใจลึกๆจนไซนัสเกือบกำเริบ แล้วย่องเดินไปที่ฉากกั้นลายนกยูงลำแพสุดแสนอลังการ
" เฟิงหลิงง ข้าเอาชารสดีมาให้เจ้าด้วยน้าา "
เสียงนุ้มทะเล้นแสนคุ้นหูดังขึ้น เจ้าของชื่อแสยะยิ้มตอบรับ พนันร้อยให้ล้าน ไอ้หมอนั้นต้องเป็นจุนกวางชัวร์ป้าบ!!
ต่อค่ะ
" เฟิง..เฮ้ย! "
ผลั้ว!! อุก! เพล้ง!!
เฟิงหลิงกระโดดมาดักตรงหน้าร่างสูงผู้มีบุคคลิกสว่างวาบด้วยชุดสีทองอร่ามทั้งตัว
ตอนแรกจุนกวางเองก็ตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นว่าคนร่างเล็กที่หลับไม่ได้สติมาเป็นวันๆกลับยืนจังก้าอยู่หน้าฉากกั้นชายหนุ่มชุดสีทองปล่อยถาดน้ำชาจากห้องครัวร่วงตกแตกดังสนั่น เมื่อหมัดหนักๆที่ไม่เข้ากับเรียวแขนเสลาชกหน้าเขาสุดแรงเกิด เฟิงหลิงดีดตัวขึ้นโน้มคอจุนกวางลงให้พอเหมาะแล้วตีด้วยเข่าที่ใบหน้าออร่าเจ้าชายแม่นเหมือนจับวาง
ร่างบางล้มลงกองที่พื้นพรมแบบหมดเรี่ยวแรง หายใจหอบแฮก รู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมคู่หวานเหลือบดูจุนกวางนอนตัวงอเหมือนกุ้ง ร้องครางโอดโอยทั้งๆที่เลือดกำเดากลบเต็มปากและจมูก
ความผิดเริ่มเกาะติดจิตใจทีละน้อย รู้งี้น่าจะทำให้สลบไปเลยทีเดียว จะได้ไม่ต้องมานอนครางน่าอนาถสายตาคนมองแบบนี้
ต่อค่ะ
เฟิงหลิงค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้นทีละนิด รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่เคยมีหายสาปสูญไปเฉยๆแบบไม่รู้เนื่อรู้ตัว ร่างเล็กกัดฟันกรอดเพื่อระงับอาการปวดหัวตุบๆ แขนขาวสั่นเล็กน้อยเมื่อต้องรองรับน้ำหนักจากร่างกายตนเอง
จุนกวางไม่สามารถแกล้งนอนทนมองคนตัวบางทรมาณได้อีกต่อไป ร่างสูงลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางปกติไร้การเจ็บปวดแบบที่แสดงให้เห็นแม้บนใบหน้าหล่อเหลาจะมีคราบเลือดสีแดงสดติดอยู่ก็ตามที เสียงทุ้มนุ่มที่ปราศจากความร่าเริงเอ่ยเบาๆดังพูดกับดินฟ้าอากาศ
"อวี่ผู่เยว่... "
ฟืบ!!
ฉับพลันก็มีร่างๆหนึ่งโผล่มาจากอากาศที่ว่างเปล่า ดวงตากลมถลนเบิกกว้าง เฟิงหลิงชักรู้ว่าน้ำลายเหนียวๆในคอชั่งฝืดชวนให้กลืนไม่ลงยังไงชอบกล
" นี่เหรอ พี่สะใภ้ข้า "
เสียงหวานพูดเนิบนาบ ร่างสูงระหงย่อตัวลงนิดหน่อยมองคนตัวเล็กด้วยแววตาพราวระยับ
เฟิงหลิงแทบลืมลมหายใจเมื่อได้พินิจใบหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่ชัดๆ คนคนนี้ช่างดูงดงามอย่างไม่มีที่ติ ดวงตาคู่สวยสีรัตติกาลดำสนิทเหมือนท้องฟ้ายามที่ไร้เมฆหมอกในคืนเดือนดับ ผิวกายขาวเนียนละเอียดผุดผ่องจนแม้กระทั่งผู้หญิงยังต้องอาย จมูกโด่งเชิดรั้นรับกับริมฝีปากบางรูปกระจับสีชมพูธรรมชาติ เส้มไหมสีเงินหยวงล้อมกรอบใบหน้างามยาวจรดบั้นเอวคอด
ชายหนุ่มหน้าสวยฉีกยิ้มหวานหยดย้อยพร้อมเหล่มองจุนกวางแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาสนใจร่างบางตรงหน้าต่อ
เฟิงหลิงมีความรู้สึกตะหงิดๆกับรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งนั้น...
" ยินดีมากที่ได้พบกันสักที แต่ข้าว่า...... "
น้ำเสียงหวานแสร้งลากยาวอย่างมีเล่ห์นัย เพียงพริบตาเดียวดวงตาคู่งามก็เปลี่ยนเป็นสีมรกตเข้มวาววับ
" ท่านควรจะหลับต่อไปดีกว่านะ "
ฟุบ!!
จุนกวางรีบดีดตัวพุ่งรับศีรษะทุยไม่ให้กระแทกพื้นได้ทันเวลา ร่างสูงสง่าโอบอุ้มเฟิงหลิงที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างถะนุถนอม ก่อนจะบรรจงจุมพิตตรงหน้าผากมนช้าๆ
" พี่สะใภ้ข้ามีวรยุทธ์ด้วยใช่ไหม "
ผู่เยว่พูดตัดบท ใบหน้างามพยายามชะเง้อคอมองคนตัวบางด้วยความอยากรู้อยากเห็น
" น้องเล็ก เมื่อไรเฟิงหลิงถึงจะฟื้น "
จุนกวางไม่ตอบคำถามแต่ดันถามกลับ ขายาวในชุดสีทองอร่ามเดินไปวางร่างโปร่งบางไว้บนตั่ง มือหนาปัดปอยผมออกจากใบหน้าซีดเซียวเพื่อไม่ให้เกะกะคนนอนหลับ
" ประมาณสองวันแหละ ข้าเอายาเสริมกำลังธาตุไฟติดตัวมาด้วย "
ผู่เยว่สะบีดมือคราหนึ่ง ชุดน้ำชาที่เคยตกแตกกระจายเกลื่อนพื้นก็เริ่มรวมตัวกลับคืนสภาพเดิมอีกครั้ง ร่างระหงหยิบเม็ดยาสีขาวนวลออกจากถุงผ้าใบเล็กและหย่อนมันลงในถวยน้ำชาสีใส
" น่าแปลกจริง ทั้งๆที่ธาตุไฟเฟิงหลิงเริ่มแตกตัวแล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังไม่เสียชีวิต... "
ฮ่องเต้หนุ่มกุมมือคนตัวเล็กไว้แน่น ผินใบหน้าหล่อถามผู่เยว่ด้วยท่าทีจริงจัง
" ข้าว่า.. เรื่องนี้คงมีคนบางคนแอบแฝงกายคอยหนุนอยู่ เบื่องหลังแน่ๆ "
ดวงตาเรียวฉายแววเจ้าเลห์แสนกล ร่างระหงยกมือขึ้นสองขางถูเข้าด้วยกันอย่างนึกสนุก
" การจะย้อนเวลามาได้ ถ้าตบะไม่แกร่งพอธาตุไฟที่วิ่งวนอยู่ในกายหยาบอาจแตกช่าน จนทำให้คนผู้นั้นเสียชีวิตลงกลางทาง... กรณีของพี่สะใภ้นั้น มีท่านคอยช่วยประคองอยู่อีกแรง แถมมีจิตของผู้ใดสักคนที่เจือจางแทบจับไม่ได้ติดตามมาด้วย "
ผู่เยว่แย้มยิ้มลี้ลับประสานสายตากับจุนกวาง ทำเอาฮ่องเต้หนุ่มขมวดคิ้วมุ่น
จิตแฝงงั้นเหรอ....
ต่อค่ะ
(นี่ท่าน !ข้าเอาขนมจากเมืองติ่วโจวมาฝากด้วยนาา )
ฉิงเทียนพูดอย่างร่าเริงและทรุดตัวลงนั่งที่พื้นหญ้าสีเขียวขจี สายลมเย็นๆพัดผ่านจนเกิดเสียงใบไม้เสียดสีกัน เป็นดังทำนองเพลงรื่นรมณ์ ให้ชวนรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่มาที่นี้
คนอารมณ์ดีสาละวนอยู่กับตะกร้าใส่ขนมหวานหลากหลายชนิดจนไม่ทันสังเกตเห็น
(เจ้ามาหาข้าอีกแล้วหรือ)
น้ำเสียงนุ่มมาพร้อมกับการปรากฎตัวของร่างสูง ดวงตาเรียวสีเขียวอ่อนทอแววอ่อนโยนทุกครั้งที่ได้พบกับชายหนุ่มร่างเล็กหน้าหวานคนนี้
( ท่านลองชิมไหม )
ฉิงเทียนยิ้มรับคำทักทายจนตาหยีพลางยื่นขนมลูกกลมๆที่โรยเมล็ดงาให้กับเพื่อนเขาได้ลองชิมดู
( เหม่ยฮวา! ท่านควรลองกินหน่อยนะ ไม่ใช่เอาแต่ยิ้มท่าเดียว!! )
ร่างบางจ่อขนมเเทบชิดริมฝีปากอิ่ม เหม่ยฮวาหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นฉิงเทียนหน้านิ่วคิ้วขมวดที่เขาไม่ยอมกินขนมนั้น
ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าหามือเล็กที่ถือขนมรอ เขาอ้าปากเล็กน้อยงับเอาขนมหวานใส่ปากเคี่ยวตุ้ยๆๆ ลักยิ้มทั้งสองข้างบุ่มลงที่ข้างแก้มขาวเมื่อเจ้าตัวทั้งกำลังกินและยิ้มในเวลาเดียวกัน...
ร่างเล็กตัวแข็งทื่อ...เมื่อตะกี้ก็เท่ากับว่าเขาเป็นฝ่ายป้อนขนมเหม่ยฮวาจากมือเองนะสิ
ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าหามือเล็กที่ถือขนมรอ เขาอ้าปากเล็กน้อยงับเอาขนมหวานใส่ปากเคี่ยวตุ้ยๆๆ ลักยิ้มทั้งสองข้างบุ่มลงที่ข้างแก้มขาวเมื่อเจ้าตัวทั้งกำลังกินและยิ้มในเวลาเดียวกัน...
ร่างเล็กตัวแข็งทื่อ...เมื่อตะกี้ก็เท่ากับว่าเขาเป็นฝ่ายป้อนขนมเหม่ยฮวาจากมือเองนะสิ
( เอ่อ..อะ อะ..อร่อยไหม.. )
ร่างบางรีบชักมือหนีทันที เรียวแขนเสลาแกล้งจับสายคาดเอวเล่นแก้อาการเขินเก้อ..
บรุ้ววว!! บรุ้วววว!!!
จิ้งจอกนับสิบตัวต่างหอนเห่าต่อกันเป็นทอดๆ ทั้งที่ดวงตะวันยังไม่ทันลับขอบฟ้าซะด้วยซ้ำ ฉิงเทียนหันไปมองในป่าทึบอย่างตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างแล้วถลันลุกขึ้นยืนโดยเร็ว
เงาของสัตว์สี่เท้าเลือนลางจำนวนมากเริ่มเคลื่อนขยับเข้ามาใกล้ทั้งสองคนขึ้นเรื่อยๆรวมถึงเสียงขู่กรรโชกที่ดังรายล้อมรอบตัวพวกเขา
ร่างสูงสง่าที่แสนคุ้นตาของบุรุษหนุ่มรูปงามมองมาทางเหม่ยฮวานิ่งๆ
( คนรักข้า ไม่ใช่ปักษาสวรรค์ของท่านอีกต่อไป ในภพนี้และภพอื่นๆท่านจะไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ เหม่ยฮวา )
น้ำเสียงเย็นชาเรียบรื่นเอ่ยบอก เส้นผมยาวสีขาวบริสุทธิ์ปลิวลู่สายลม
ไป่หูก้าวเดินมายืนเคียงข้างคนตัวเล็ก เอื้อมมือโอบกอดกระชับเอวบางเข้าหาตนแบบแนบแน่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของให้อดีตเทพชั้นสูงได้รับรู้...
ไป่หูก้าวเดินมายืนเคียงข้างคนตัวเล็ก เอื้อมมือโอบกอดกระชับเอวบางเข้าหาตนแบบแนบแน่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของให้อดีตเทพชั้นสูงได้รับรู้...
ต่อค่ะ
ม่านหมอกหนาทึบปกคลุมจนทั่วล้อมรอบกาย มันลอยเคว้งอ้อยอิ้งจนน่าพิศวง เฟิงหลิงเดินหลงอยุ่ในนี้เป็นชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ไอหมอกขุ่นมัวที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งทางเดินและสรรพสิ่งรบกาย
ม่านหมอกหนาทึบปกคลุมจนทั่วล้อมรอบกาย มันลอยเคว้งอ้อยอิ้งจนน่าพิศวง เฟิงหลิงเดินหลงอยุ่ในนี้เป็นชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ไอหมอกขุ่นมัวที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งทางเดินและสรรพสิ่งรบกาย
' ฟื้นเถิดคนดี...ข้าใจจะขาดแล้ว...'
น้ำเสียงวิงวอนตัดพ้อดังอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้ ร่างบางพยายามมองหาเจ้าของเสียงทุ้มแสนเศร้าที่ชวนใจหายนั้น
' อย่าลงโทษข้า.. เจ้าสัญญากับข้าไม่ใช่หรือ..'
" ท่าน!!.."
คนตัวเล็กร้องตะโกนจนสุดเสียง น้ำตาใสเริ่มเอ่อคลอนัยน์ตาโศกทีละเล็กทีละน้อย
ทำไม..เราถึงรู้สึกเจ็บปวดเเบบนี้..
' ทิ้งข้า เจ้าจะทิ้งข้า..'
ฮึก!! เฟิงหลิงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง มือทั้งสองข้างยกมาปิดใบหน้าหวานที่เต้มไปด้วยหยดน้ำตาพลางส่ายหน้าเร็วๆ
' เจ้าทิ้งข้า...'
" ไม่!!ฮือ..ไม่อยากทิ้ง ฮึก!! ข้าไม่อยากทิ้งเจ้า.."
ดั่งส่วนลึกในจิตใจกรีดร้อง ความเจ้บปวดถาโถมใส่จนเจ้าตัวแทบรับไม่ไหว เหมือนขาดที่พึงสุดท้ายโดยไม่ทันรู้ตัว ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายบีบรัดด้วยความร้าวราน หยดน้ำตามากมายไหลพรั่งพรูราวกับเขื่อนแตก
' ขาดเจ้า..ข้าจะมีชีวิตเพื่ออะไร.. '
เสียงนั้นยังคงดังเรื่อยๆ เฟิงหลิงรู้สึกถึงสายสัมพันบางอย่างคล้ายคืบคลานเชื่อมติดกันทีละเล็กทีละน้อย..
" ไป๋หู..ฮึก....ไป๋..หู.. "
คนตัวเล็กนั่งกอดเข่า ซุกหน้าเข้าหาวงแขนพร่ำเรียกชื่อใครบางคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังอยากให้มีเสียงตอบกลับมาเช่นเคย น้ำเสียงโทนเดิมที่มักจะเรียกหาเขาด้วยความรักหมดหัวใจ..
' คนดี..ข้ารอเจ้า รอเพียงเจ้า.. '
สัมผัสอ่อนโยนแนบค้างบริเวณแก้มใส..
เนิ่นนาน..คล้ายชั่วกัลป์ชั่วกัน...ความอบอุ่นแฝงไว้ด้วยไอสเน่ห์หาช่วยชโลมร่างกายและจิตใจที่เกือบจะแหลกสลายให้มีแรงขึ้นมาอีกครั้ง เฟิงหลิงหลับตาพริ้มทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล ยินดีรับสัมผัสอ่อนละมุนที่โหยหามาตลอด
' หวนคืน มาหาข้า.. '
สุข..สุขเหลือเกิน...
' ดวงใจ กลับมาหาข้า...'
เฮือก!!!
เฟิงหลิงสะดุ้งตื่นจากนินทราอย่างมึนๆ ปลายนิ้วคลำจับที่ใบหน้าก็พบถึงสาเหตุของความเปียกชื่น
นี่เราร้องไห้หรอ...
" พี่สะใภ้ดื่มชาเสียก่อนนะ "
ชุดน้ำชาถูกยกมาไว้ตรงหัวโต็ะ ผมหันไปมองเรียวแขนเสลาที่ขาวผุดผ่อง ก่อนจะขยับหนีอย่างเนียนๆ
" ท่านกลัวข้า.."
คิ้วเรียวดังคันศรเลิกขึ้นนิดหน่อย ใบหน้างดงามปานถล่มเมืองแสร้งเขยืบมาใกล้ ขนตายาวเรียงสวยรับกับดวงตากลมสุกใสเป็นประกาย กลิ่นกายหอมละมุนโชยมาอ่อนๆจนผมได้กลิ่น..คล้าย..อือ..ดอกไม้..ใช้ดอกไม้..
" เอ่อ...ท่าน..ถอย.. "
ผมรีบยกมือมาคั่นกลางระหว่างชายหนุ่มร่างโปร่งระหงกับตัวเองทันที
" คิกๆๆ พี่สะใภ้ชั่งตลกจริงแท้ "
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ริมฝีปากบางสวยฉีกยิ้มกว้าง
" ข้าชื่ออวี่ผู่เยว่ เป็นพระอนุชาคนสุดท้องของฮ่องเต้อวี่จุนกวาง "
" ... "
นี่ผมยังไม่ตื่นจากฝันบ้าๆอีกเรอะ..
" ส่วนพี่สะใภ้..ท่าน.. "
" คือ..เดี๋ยวๆๆๆเมื่อกี้คุณเรียกผมว่าไงนะ"
สังเกตตั้งแต่เจอกันตอนแรกแล้วละครับ ชายหนุ่มหน้ามนคนนี้เรียกผมว่าพี่สะใภ้ไม่หยุดปากเลย มันงงอ่ะ ผมไปเป็นสะใภ้ใครตอนไหนวะเนี่ย ตื่นมาอยู่ผิดที่ผิดทางประสาทก็จะกินแล้ว เจอคนหายตัวได้ก็เข้าขั้นบ้าละ สรุปผมผิดปกติหรือพวกเขาที่สมองกระทบกระเทือนกันแน่
" พี่สะใภ้ไง..ท่านแต่งกับท่านพี่ซุนชิวมาตั้งแปดปีเชียวนะ "
พรวด! แค่กๆๆๆๆ
ผู่เยว่รีบขยับหลบรัศมีน้ำชาที่พุ่งพรวดออกจากปากผมทันที ชุดผ้าเนื้อดีสีครีมสดตัดกับผิวที่ขาวราวหยก ผ้าผืนเล็กที่คาดว่านะจะเป็นผ้าเช็ดปากถูกยื่นมาให้
" ขอบคุณ.. "
ผมรับมาเช็ดปากลวกๆ เมื่อหันไปอีกทีคนร่างโปร่งสวยก็มองผมด้วยสายตาพราวระยิบระยับ ที่ชวนให้ขนลุกแปลกๆ
" ท่านจำไม่ได้หรอกหรือ จริงสิ มันผ่านไปตั้งสามร้อยกว่าปีแนะ น่าเสียใจแทนท่านพี่นะ เขาจำท่านไว้ตลอดเวลามิเคยลืม แต่ท่านกลับลืมเลือนได้ง่ายดาย สวรรค์ช่างโหดร้าย !"
" หะ สามร้อยกว่าปี ใครลืม..ใครจำอะไร "
" เฮ้อ...บางทีข้าก็สงสัยว่าท่านพี่มอบใจให้ท่านได้เช่นไร.. "
นิ้วเรียวจิ้มจมูกผมเบาๆจนผมนิ่วหน้า
" ..... "
" เอาละ เรื่องอื่นใดนอกจากนี้ข้าจะไม่ขอยุ่ง ทุกเรื่องที่ท่านสงสัย...จะได้คำตอบเมื่อได้พบกับท่านพี่รอง เพราะถ้าข้าบอกหมด ความสนุกแบบนานทีปีหนคงหมดไปแน่ๆ ข้าว่าท่านควรใช่เวลาสี่วันที่เหลือเพื่อเตรียมตัวดีกว่านะ! "
" เตรียมตัวทำไม "
ยิ่งผู่เยว่พูดผมยิ่งงง ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกเหนือจากนั้น มือขาวเพียงคลี่พัดน้อยๆและโบกเพื่อไล่ความร้อน
" ที่ท่านต้องจำ..หนึ่ง.. อย่าหลุดประโยคผมเผิมอะไรนั้นเด็ดขาด ต้องแทนตัวว่าข้าเท่านั้น สองเรื่องราวต่างๆข้ากับองค์ฮ่องเต้จะจัดการเองท่านแค่ต้องแสดงให้เหมือนก็พอ และสาม.... สามวันนี่ข้าคือคนที่แนะนำสถานที่ในวังแห่งนี้ให้ท่านได้รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร..
ท้ายประโยคน้ำเสียงหวานกลับลากยาวอย่างสนุกสนาน ดวงตาคู่งามเหลือบมองผมเล็กน้อยพร้อมกับพัดอันเล็กที่หุบลงดังฉับ เปรียบเหมือนเสียงสั่งประหารนักโทษคดีร้ายแรง...
เล่นเอาซะผมขนลุกซู่ทั้งร่างเลย....
แก้ตัวอักษรค่ะ งือออมาอัพซะเท่ เย้ๆๆ มีใครรอหมูม้วนอยุ่ไหมน้า(แกยังกล้าถามหาคนอ่านอีกนะ-*-) เด่วมะรืนมาต่อให้นะค่ะ คิดถึงทุกคนซู้ดๆ จุฟๆ
ขอโทษด้วยนะค่ะที่หายหน้าไปนานนนเกิน 😶😶😶🐷🐷🐷
ขอโทษด้วยนะค่ะที่หายหน้าไปนานนนเกิน 😶😶😶🐷🐷🐷
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น