ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปราถนารักข้ามภพ (Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #3 : พรมลิขิต (ครบค่ะ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 435
      1
      28 เม.ย. 59

         เมื่อยามอัสดงเริ่มก้าวย่างเข้ามา  แสงสุดท้ายของวันก็ค่อยๆลิบลี้ลง  เป็นสัญญาณให้เหล่านกน้อยรู้ว่ารัตติกาลกำลังจะกลืนกินดวงสุริยันลงทุกที  หมู่มวลวิหคต่างพากันโผบินกลับเข้ารัง  เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่ในการดำรงชีวิตอยู่กลางภูเขาเวิ้งว้างที่มีแต่หิมะปกคลุมทั่วหนแห่ง
         ดวงตากลมโตเฝ้ามองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์เดินลุยหิมะอยู่เพียงลำพัง  โดยไม่หวั่นกับสภาพอากาศอันหนาวเย็นเลยสักนิด


     
       ( ใครกัน... )


         ฉิงเทียนพึมพำเบาๆ  มองแบบสงสัยใครรู้ ร่างบางลุกขึ้นยืนเดินออกจากเนินหินที่หลบซ่อนตัว  พอจะหันหลังกลับฉิงเทียนดันผงะก้าวถอยอย่างรวดเร็ว
         คมดาบยาวสีงาช้างล่อแสงอัสดง  จ่อประชิดตรงลำคอระหงแบบไม่ให้ตั้งตัว   ใบหน้าหล่อเหลาดังรูปแกะสลักประดับไว้ด้วยความเย็นชาเหมือนเหมันต์ฤดู  นัยต์ตาคมปลาบวาววับสีทองสบตาร่างบางนิ่งๆ  เรือนผมที่ถูกปล่อยยาวจรดพื้นมีสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะยามเช้าของแรกวสัน
        ผู้ชายคนนี้ดูงดงามยังกับเทพเจ้าลงมาจุติ  ทั้งสีผม สีดวงตา  ชวนให้น่าสะพรึงเสียเหลือเกิน  ฉิงเทียนเม้มปากแน่น  ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็รับรู้ได้จากสัญชาติญาณภายในตัว  ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน


    ( ไป๋หู  เจ้าทำอะไร )

         เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น  อยู่ๆชายแปลกหน้าอีกคนก็ปรากฏกายขึ้นข้างกายชายหนุ่มที่ชื่อไป๋หู

      ต่อค่ะ



          สายลมโชยพัดผ่านวูบไหว  แมกไม้ปลิวลู่เอนตามแรงลมเกิดเสียงคล้ายหยาดน้ำฝนโปรยปรายเป็นระยะ   ดังก้องไปทั่วตำหนักที่ใครบางคนกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา
         เปลือกตาบางกระพริบถี่ๆกับเสียงรบกวนจากธรรมชาติ  เฟิงหลิงลืมตาตื่นขึ้น  นิ่วหน้าเล็กน้อย  เมื่อรู้สึกหนักอึ้งบริเวณศีรษะ


         ' เกิดอะไรขึ้น... '

         คนร่างเล็กยันตัวเองลุกจากที่นอนแสนนุ่ม  แล้วนวดขมับเบาๆ  เฟิงหลิงมองไปรอบข้างใบหน้าสวยส่งยิ้มแห้งแล้ง
    ให้บรรยากาศโดยรอบ
     
         ' อยากเอาหัวโขกพื้นตาย '

         เทียนในห้องสี่ห้าเล่มส่องแสงเหลืองสว่างรำไรตามมุมต่างๆ  ผ้าม่านเนื้อดีปักลายก้อนเมฆสีครามอ่อนประปราย
    ดูละมุมตา  ทั้งโต็ะไม้ตัวใหญ่ เก้าอี้มันเงาวับมีผ้าฟูนุ่มลองก้น  แจกันใบใหญ่โครตๆลายวิจิตร  และตั่งที่ถูกปูด้วยผ้าขนสัตว์สีขาวอย่างดีนี่อีก

         ' วอนสวรรค์..  เขาคงไม่ได้ข้ามภพมาหรอกใช่ไหม?? '

          เฟิงหลิงส่ายหัวระอากับชะตากรรมที่เล่นตลกขบขัน  พลางแง้มผ้าม่านออกนิดๆเพื่อดูลาดราว  ตอนนี้ท้องฟ้ากว้างไร้เมฆหมอกกลับกลายเป็นสีดำเรียบร้อย  มีนายทหารเดินเตร็ดแตร่บ้างบางจุด    พอจะลุกยืน..กายบางก็เซแทดๆ 
    อาการมึนหัวยังครอบครองก้อนสมองเขาอย่างเหนียวแน่น


    " ให้ตายเถอะ "


          เฟิงหลิงนั่งลงที่เดิม  พยายามคิดทบทวนเรื่องราว  ลำดับเหุตการณ์ต่างๆ
         ร่างเล็กได้พบ จุนกวาง   ชายแก่ในคราบชายหนุ่มชุดสีทองหรูเลิศ  พร้อมคำพูดแปลกประหลาด...
         ฝันถึงคนที่ชื่อ ฉิงเทียนกับไป๋หูบ่อยครั้ง..
         ซึ่งสองคนนี้ต้องเกี่ยวข้องกันแหงแซะ...

         แล้วตัวเขา..ไปเกี่ยวอะไรด้วยละ..??


        ตึก  ตึก  ตึก..

        เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเริ่มใกล้เข้ามาทีละนิด  แสดงว่าต้องมีคนกำลังมาที่นี้..  
        เฟิงหลิงตบหน้ารัวๆเพื่อเรียกสติตัวเอง  สูดหายใจลึกๆจนไซนัสเกือบกำเริบ  แล้วย่องเดินไปที่ฉากกั้นลายนกยูงลำแพสุดแสนอลังการ

     

    " เฟิงหลิงง  ข้าเอาชารสดีมาให้เจ้าด้วยน้าา "

       
         เสียงนุ้มทะเล้นแสนคุ้นหูดังขึ้น  เจ้าของชื่อแสยะยิ้มตอบรับ  พนันร้อยให้ล้าน  ไอ้หมอนั้นต้องเป็นจุนกวางชัวร์ป้าบ!!
     


        ต่อค่ะ
    " เฟิง..เฮ้ย! "


         ผลั้ว!!   อุก! เพล้ง!!

        เฟิงหลิงกระโดดมาดักตรงหน้าร่างสูงผู้มีบุคคลิกสว่างวาบด้วยชุดสีทองอร่ามทั้งตัว  
         ตอนแรกจุนกวางเองก็ตกใจไม่น้อย  เมื่อเห็นว่าคนร่างเล็กที่หลับไม่ได้สติมาเป็นวันๆกลับยืนจังก้าอยู่หน้าฉากกั้นชายหนุ่มชุดสีทองปล่อยถาดน้ำชาจากห้องครัวร่วงตกแตกดังสนั่น  เมื่อหมัดหนักๆที่ไม่เข้ากับเรียวแขนเสลาชกหน้าเขาสุดแรงเกิด    เฟิงหลิงดีดตัวขึ้นโน้มคอจุนกวางลงให้พอเหมาะแล้วตีด้วยเข่าที่ใบหน้าออร่าเจ้าชายแม่นเหมือนจับวาง  
         ร่างบางล้มลงกองที่พื้นพรมแบบหมดเรี่ยวแรง  หายใจหอบแฮก  รู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก  ดวงตากลมคู่หวานเหลือบดูจุนกวางนอนตัวงอเหมือนกุ้ง  ร้องครางโอดโอยทั้งๆที่เลือดกำเดากลบเต็มปากและจมูก
         ความผิดเริ่มเกาะติดจิตใจทีละน้อย  รู้งี้น่าจะทำให้สลบไปเลยทีเดียว  จะได้ไม่ต้องมานอนครางน่าอนาถสายตาคนมองแบบนี้
         
          ต่อค่ะ    
        เฟิงหลิงค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้นทีละนิด  รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่เคยมีหายสาปสูญไปเฉยๆแบบไม่รู้เนื่อรู้ตัว  ร่างเล็กกัดฟันกรอดเพื่อระงับอาการปวดหัวตุบๆ  แขนขาวสั่นเล็กน้อยเมื่อต้องรองรับน้ำหนักจากร่างกายตนเอง
         จุนกวางไม่สามารถแกล้งนอนทนมองคนตัวบางทรมาณได้อีกต่อไป  ร่างสูงลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางปกติไร้การเจ็บปวดแบบที่แสดงให้เห็นแม้บนใบหน้าหล่อเหลาจะมีคราบเลือดสีแดงสดติดอยู่ก็ตามที  เสียงทุ้มนุ่มที่ปราศจากความร่าเริงเอ่ยเบาๆดังพูดกับดินฟ้าอากาศ
     

    "อวี่ผู่เยว่... "
      
       ฟืบ!!

         ฉับพลันก็มีร่างๆหนึ่งโผล่มาจากอากาศที่ว่างเปล่า ดวงตากลมถลนเบิกกว้าง  เฟิงหลิงชักรู้ว่าน้ำลายเหนียวๆในคอชั่งฝืดชวนให้กลืนไม่ลงยังไงชอบกล


    " นี่เหรอ  พี่สะใภ้ข้า "


          เสียงหวานพูดเนิบนาบ  ร่างสูงระหงย่อตัวลงนิดหน่อยมองคนตัวเล็กด้วยแววตาพราวระยับ
          เฟิงหลิงแทบลืมลมหายใจเมื่อได้พินิจใบหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่ชัดๆ  คนคนนี้ช่างดูงดงามอย่างไม่มีที่ติ  ดวงตาคู่สวยสีรัตติกาลดำสนิทเหมือนท้องฟ้ายามที่ไร้เมฆหมอกในคืนเดือนดับ  ผิวกายขาวเนียนละเอียดผุดผ่องจนแม้กระทั่งผู้หญิงยังต้องอาย  จมูกโด่งเชิดรั้นรับกับริมฝีปากบางรูปกระจับสีชมพูธรรมชาติ  เส้มไหมสีเงินหยวงล้อมกรอบใบหน้างามยาวจรดบั้นเอวคอด
          ชายหนุ่มหน้าสวยฉีกยิ้มหวานหยดย้อยพร้อมเหล่มองจุนกวางแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาสนใจร่างบางตรงหน้าต่อ

         เฟิงหลิงมีความรู้สึกตะหงิดๆกับรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งนั้น...

    " ยินดีมากที่ได้พบกันสักที  แต่ข้าว่า...... "


          น้ำเสียงหวานแสร้งลากยาวอย่างมีเล่ห์นัย  เพียงพริบตาเดียวดวงตาคู่งามก็เปลี่ยนเป็นสีมรกตเข้มวาววับ


    "  ท่านควรจะหลับต่อไปดีกว่านะ "

       ฟุบ!!

         จุนกวางรีบดีดตัวพุ่งรับศีรษะทุยไม่ให้กระแทกพื้นได้ทันเวลา   ร่างสูงสง่าโอบอุ้มเฟิงหลิงที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างถะนุถนอม  ก่อนจะบรรจงจุมพิตตรงหน้าผากมนช้าๆ

     

    " พี่สะใภ้ข้ามีวรยุทธ์ด้วยใช่ไหม "
     

         ผู่เยว่พูดตัดบท  ใบหน้างามพยายามชะเง้อคอมองคนตัวบางด้วยความอยากรู้อยากเห็น
     
    " น้องเล็ก  เมื่อไรเฟิงหลิงถึงจะฟื้น "

        จุนกวางไม่ตอบคำถามแต่ดันถามกลับ  ขายาวในชุดสีทองอร่ามเดินไปวางร่างโปร่งบางไว้บนตั่ง มือหนาปัดปอยผมออกจากใบหน้าซีดเซียวเพื่อไม่ให้เกะกะคนนอนหลับ


    " ประมาณสองวันแหละ  ข้าเอายาเสริมกำลังธาตุไฟติดตัวมาด้วย "
     
        ผู่เยว่สะบีดมือคราหนึ่ง  ชุดน้ำชาที่เคยตกแตกกระจายเกลื่อนพื้นก็เริ่มรวมตัวกลับคืนสภาพเดิมอีกครั้ง  ร่างระหงหยิบเม็ดยาสีขาวนวลออกจากถุงผ้าใบเล็กและหย่อนมันลงในถวยน้ำชาสีใส


    " น่าแปลกจริง  ทั้งๆที่ธาตุไฟเฟิงหลิงเริ่มแตกตัวแล้ว  แต่ทำไมเขาถึงยังไม่เสียชีวิต... "
     

         ฮ่องเต้หนุ่มกุมมือคนตัวเล็กไว้แน่น  ผินใบหน้าหล่อถามผู่เยว่ด้วยท่าทีจริงจัง
     
    " ข้าว่า.. เรื่องนี้คงมีคนบางคนแอบแฝงกายคอยหนุนอยู่  เบื่องหลังแน่ๆ "
     
        ดวงตาเรียวฉายแววเจ้าเลห์แสนกล  ร่างระหงยกมือขึ้นสองขางถูเข้าด้วยกันอย่างนึกสนุก
     

    " การจะย้อนเวลามาได้  ถ้าตบะไม่แกร่งพอธาตุไฟที่วิ่งวนอยู่ในกายหยาบอาจแตกช่าน  จนทำให้คนผู้นั้นเสียชีวิตลงกลางทาง...  กรณีของพี่สะใภ้นั้น มีท่านคอยช่วยประคองอยู่อีกแรง  แถมมีจิตของผู้ใดสักคนที่เจือจางแทบจับไม่ได้ติดตามมาด้วย "
     

         ผู่เยว่แย้มยิ้มลี้ลับประสานสายตากับจุนกวาง  ทำเอาฮ่องเต้หนุ่มขมวดคิ้วมุ่น
         จิตแฝงงั้นเหรอ....



    ต่อค่ะ

    (นี่ท่าน !ข้าเอาขนมจากเมืองติ่วโจวมาฝากด้วยนาา )
     

         ฉิงเทียนพูดอย่างร่าเริงและทรุดตัวลงนั่งที่พื้นหญ้าสีเขียวขจี สายลมเย็นๆพัดผ่านจนเกิดเสียงใบไม้เสียดสีกัน   เป็นดังทำนองเพลงรื่นรมณ์ ให้ชวนรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่มาที่นี้
    คนอารมณ์ดีสาละวนอยู่กับตะกร้าใส่ขนมหวานหลากหลายชนิดจนไม่ทันสังเกตเห็น

    (เจ้ามาหาข้าอีกแล้วหรือ)
     
         น้ำเสียงนุ่มมาพร้อมกับการปรากฎตัวของร่างสูง  ดวงตาเรียวสีเขียวอ่อนทอแววอ่อนโยนทุกครั้งที่ได้พบกับชายหนุ่มร่างเล็กหน้าหวานคนนี้
     
    ( ท่านลองชิมไหม )
     
     
         ฉิงเทียนยิ้มรับคำทักทายจนตาหยีพลางยื่นขนมลูกกลมๆที่โรยเมล็ดงาให้กับเพื่อนเขาได้ลองชิมดู

     
    ( เหม่ยฮวา!  ท่านควรลองกินหน่อยนะ ไม่ใช่เอาแต่ยิ้มท่าเดียว!! )
     
             ร่างบางจ่อขนมเเทบชิดริมฝีปากอิ่ม  เหม่ยฮวาหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นฉิงเทียนหน้านิ่วคิ้วขมวดที่เขาไม่ยอมกินขนมนั้น
            ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าหามือเล็กที่ถือขนมรอ   เขาอ้าปากเล็กน้อยงับเอาขนมหวานใส่ปากเคี่ยวตุ้ยๆๆ  ลักยิ้มทั้งสองข้างบุ่มลงที่ข้างแก้มขาวเมื่อเจ้าตัวทั้งกำลังกินและยิ้มในเวลาเดียวกัน...
         ร่างเล็กตัวแข็งทื่อ...เมื่อตะกี้ก็เท่ากับว่าเขาเป็นฝ่ายป้อนขนมเหม่ยฮวาจากมือเองนะสิ

     
    ( เอ่อ..อะ  อะ..อร่อยไหม.. )
     

         ร่างบางรีบชักมือหนีทันที  เรียวแขนเสลาแกล้งจับสายคาดเอวเล่นแก้อาการเขินเก้อ..

        บรุ้ววว!! บรุ้วววว!!!
        
        จิ้งจอกนับสิบตัวต่างหอนเห่าต่อกันเป็นทอดๆ ทั้งที่ดวงตะวันยังไม่ทันลับขอบฟ้าซะด้วยซ้ำ  ฉิงเทียนหันไปมองในป่าทึบอย่างตกใจ  ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างแล้วถลันลุกขึ้นยืนโดยเร็ว  
         เงาของสัตว์สี่เท้าเลือนลางจำนวนมากเริ่มเคลื่อนขยับเข้ามาใกล้ทั้งสองคนขึ้นเรื่อยๆรวมถึงเสียงขู่กรรโชกที่ดังรายล้อมรอบตัวพวกเขา
         ร่างสูงสง่าที่แสนคุ้นตาของบุรุษหนุ่มรูปงามมองมาทางเหม่ยฮวานิ่งๆ

    ( คนรักข้า  ไม่ใช่ปักษาสวรรค์ของท่านอีกต่อไป ในภพนี้และภพอื่นๆท่านจะไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ เหม่ยฮวา )
     
        น้ำเสียงเย็นชาเรียบรื่นเอ่ยบอก เส้นผมยาวสีขาวบริสุทธิ์ปลิวลู่สายลม  
         ไป่หูก้าวเดินมายืนเคียงข้างคนตัวเล็ก  เอื้อมมือโอบกอดกระชับเอวบางเข้าหาตนแบบแนบแน่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของให้อดีตเทพชั้นสูงได้รับรู้...


     
     
         ต่อค่ะ

            ม่านหมอกหนาทึบปกคลุมจนทั่วล้อมรอบกาย มันลอยเคว้งอ้อยอิ้งจนน่าพิศวง เฟิงหลิงเดินหลงอยุ่ในนี้เป็นชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ไอหมอกขุ่นมัวที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งทางเดินและสรรพสิ่งรบกาย

     
         ' ฟื้นเถิดคนดี...ข้าใจจะขาดแล้ว...'
     

          น้ำเสียงวิงวอนตัดพ้อดังอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้ ร่างบางพยายามมองหาเจ้าของเสียงทุ้มแสนเศร้าที่ชวนใจหายนั้น

     
    ' อย่าลงโทษข้า.. เจ้าสัญญากับข้าไม่ใช่หรือ..'

     
     
    " ท่าน!!.."

         คนตัวเล็กร้องตะโกนจนสุดเสียง น้ำตาใสเริ่มเอ่อคลอนัยน์ตาโศกทีละเล็กทีละน้อย

        ทำไม..เราถึงรู้สึกเจ็บปวดเเบบนี้..


     
    ' ทิ้งข้า เจ้าจะทิ้งข้า..'

         ฮึก!! เฟิงหลิงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง มือทั้งสองข้างยกมาปิดใบหน้าหวานที่เต้มไปด้วยหยดน้ำตาพลางส่ายหน้าเร็วๆ

     
    ' เจ้าทิ้งข้า...'

     
     
    " ไม่!!ฮือ..ไม่อยากทิ้ง ฮึก!! ข้าไม่อยากทิ้งเจ้า.."
     

         ดั่งส่วนลึกในจิตใจกรีดร้อง ความเจ้บปวดถาโถมใส่จนเจ้าตัวแทบรับไม่ไหว เหมือนขาดที่พึงสุดท้ายโดยไม่ทันรู้ตัว  ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายบีบรัดด้วยความร้าวราน หยดน้ำตามากมายไหลพรั่งพรูราวกับเขื่อนแตก

     
    ' ขาดเจ้า..ข้าจะมีชีวิตเพื่ออะไร.. '
     

         เสียงนั้นยังคงดังเรื่อยๆ เฟิงหลิงรู้สึกถึงสายสัมพันบางอย่างคล้ายคืบคลานเชื่อมติดกันทีละเล็กทีละน้อย..

     
    " ไป๋หู..ฮึก....ไป๋..หู.. "

        คนตัวเล็กนั่งกอดเข่า ซุกหน้าเข้าหาวงแขนพร่ำเรียกชื่อใครบางคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังอยากให้มีเสียงตอบกลับมาเช่นเคย น้ำเสียงโทนเดิมที่มักจะเรียกหาเขาด้วยความรักหมดหัวใจ..

     
    ' คนดี..ข้ารอเจ้า รอเพียงเจ้า.. '
     

        สัมผัสอ่อนโยนแนบค้างบริเวณแก้มใส..
    เนิ่นนาน..คล้ายชั่วกัลป์ชั่วกัน...ความอบอุ่นแฝงไว้ด้วยไอสเน่ห์หาช่วยชโลมร่างกายและจิตใจที่เกือบจะแหลกสลายให้มีแรงขึ้นมาอีกครั้ง เฟิงหลิงหลับตาพริ้มทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล ยินดีรับสัมผัสอ่อนละมุนที่โหยหามาตลอด

     
    ' หวนคืน มาหาข้า.. '


        สุข..สุขเหลือเกิน...

     
        ' ดวงใจ กลับมาหาข้า...'


          เฮือก!!!  

         เฟิงหลิงสะดุ้งตื่นจากนินทราอย่างมึนๆ ปลายนิ้วคลำจับที่ใบหน้าก็พบถึงสาเหตุของความเปียกชื่น


        นี่เราร้องไห้หรอ...

     
     " พี่สะใภ้ดื่มชาเสียก่อนนะ "
     

         ชุดน้ำชาถูกยกมาไว้ตรงหัวโต็ะ ผมหันไปมองเรียวแขนเสลาที่ขาวผุดผ่อง ก่อนจะขยับหนีอย่างเนียนๆ

     
    " ท่านกลัวข้า.."
     

        คิ้วเรียวดังคันศรเลิกขึ้นนิดหน่อย ใบหน้างดงามปานถล่มเมืองแสร้งเขยืบมาใกล้ ขนตายาวเรียงสวยรับกับดวงตากลมสุกใสเป็นประกาย กลิ่นกายหอมละมุนโชยมาอ่อนๆจนผมได้กลิ่น..คล้าย..อือ..ดอกไม้..ใช้ดอกไม้..
     
    " เอ่อ...ท่าน..ถอย.. "
     

         ผมรีบยกมือมาคั่นกลางระหว่างชายหนุ่มร่างโปร่งระหงกับตัวเองทันที

     
    " คิกๆๆ พี่สะใภ้ชั่งตลกจริงแท้  "
     

        ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ริมฝีปากบางสวยฉีกยิ้มกว้าง

     
    " ข้าชื่ออวี่ผู่เยว่ เป็นพระอนุชาคนสุดท้องของฮ่องเต้อวี่จุนกวาง "

     
     
    " ... "
     
         นี่ผมยังไม่ตื่นจากฝันบ้าๆอีกเรอะ..


     
    " ส่วนพี่สะใภ้..ท่าน.. "

     
    " คือ..เดี๋ยวๆๆๆเมื่อกี้คุณเรียกผมว่าไงนะ"


        สังเกตตั้งแต่เจอกันตอนแรกแล้วละครับ ชายหนุ่มหน้ามนคนนี้เรียกผมว่าพี่สะใภ้ไม่หยุดปากเลย มันงงอ่ะ ผมไปเป็นสะใภ้ใครตอนไหนวะเนี่ย ตื่นมาอยู่ผิดที่ผิดทางประสาทก็จะกินแล้ว  เจอคนหายตัวได้ก็เข้าขั้นบ้าละ สรุปผมผิดปกติหรือพวกเขาที่สมองกระทบกระเทือนกันแน่

     
    " พี่สะใภ้ไง..ท่านแต่งกับท่านพี่ซุนชิวมาตั้งแปดปีเชียวนะ "


        พรวด!  แค่กๆๆๆๆ


         ผู่เยว่รีบขยับหลบรัศมีน้ำชาที่พุ่งพรวดออกจากปากผมทันที  ชุดผ้าเนื้อดีสีครีมสดตัดกับผิวที่ขาวราวหยก ผ้าผืนเล็กที่คาดว่านะจะเป็นผ้าเช็ดปากถูกยื่นมาให้

     
     " ขอบคุณ.. "


        ผมรับมาเช็ดปากลวกๆ เมื่อหันไปอีกทีคนร่างโปร่งสวยก็มองผมด้วยสายตาพราวระยิบระยับ ที่ชวนให้ขนลุกแปลกๆ

     
     " ท่านจำไม่ได้หรอกหรือ จริงสิ มันผ่านไปตั้งสามร้อยกว่าปีแนะ น่าเสียใจแทนท่านพี่นะ เขาจำท่านไว้ตลอดเวลามิเคยลืม แต่ท่านกลับลืมเลือนได้ง่ายดาย สวรรค์ช่างโหดร้าย !"

     
     
    " หะ สามร้อยกว่าปี ใครลืม..ใครจำอะไร "
     
     
    " เฮ้อ...บางทีข้าก็สงสัยว่าท่านพี่มอบใจให้ท่านได้เช่นไร.. "
     

       
          นิ้วเรียวจิ้มจมูกผมเบาๆจนผมนิ่วหน้า


     
    " ..... "
     
     
    " เอาละ เรื่องอื่นใดนอกจากนี้ข้าจะไม่ขอยุ่ง ทุกเรื่องที่ท่านสงสัย...จะได้คำตอบเมื่อได้พบกับท่านพี่รอง เพราะถ้าข้าบอกหมด ความสนุกแบบนานทีปีหนคงหมดไปแน่ๆ ข้าว่าท่านควรใช่เวลาสี่วันที่เหลือเพื่อเตรียมตัวดีกว่านะ! "

     
     
    " เตรียมตัวทำไม "
     

         ยิ่งผู่เยว่พูดผมยิ่งงง ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกเหนือจากนั้น มือขาวเพียงคลี่พัดน้อยๆและโบกเพื่อไล่ความร้อน

     " ที่ท่านต้องจำ..หนึ่ง.. อย่าหลุดประโยคผมเผิมอะไรนั้นเด็ดขาด ต้องแทนตัวว่าข้าเท่านั้น สองเรื่องราวต่างๆข้ากับองค์ฮ่องเต้จะจัดการเองท่านแค่ต้องแสดงให้เหมือนก็พอ และสาม.... สามวันนี่ข้าคือคนที่แนะนำสถานที่ในวังแห่งนี้ให้ท่านได้รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร..


         ท้ายประโยคน้ำเสียงหวานกลับลากยาวอย่างสนุกสนาน ดวงตาคู่งามเหลือบมองผมเล็กน้อยพร้อมกับพัดอันเล็กที่หุบลงดังฉับ เปรียบเหมือนเสียงสั่งประหารนักโทษคดีร้ายแรง...

         เล่นเอาซะผมขนลุกซู่ทั้งร่างเลย....

      
        แก้ตัวอักษรค่ะ   งือออมาอัพซะเท่ เย้ๆๆ มีใครรอหมูม้วนอยุ่ไหมน้า(แกยังกล้าถามหาคนอ่านอีกนะ-*-)  เด่วมะรืนมาต่อให้นะค่ะ คิดถึงทุกคนซู้ดๆ จุฟๆ
    ขอโทษด้วยนะค่ะที่หายหน้าไปนานนนเกิน 😶😶😶🐷🐷🐷
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×