คิดเล่นๆ
ท่านคิดว่าเงิน7หมื่นล้าน......
ผู้เข้าชมรวม
374
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ท่านคิดว่าเงิน7หมื่นล้าน นับนานเท่าไหร่จึงจะหมด
เปลี่ยนบรรยากาศเครียดๆ มาหาเรื่องเบาสมองกันมั่งดีกว่า
เพราะหลายคนอาจเครียดจากอาการ"
อิจฉาตาร้อน"ลูกบังเกิดเกล้าของ"ตระกูลชินวัตร"ที่ฟาดเงินสดๆ
ไปถึง73,000ล้านบาท
จากการขายหุ้นชินคอร์ป"แบบปลอดภาษี"ให้กับกองทุนเทมาเซคของรัฐบาลสิงคโปร์
ทีนี้ลองลืมเรื่องเงื่อนงำต่างๆ ของการขายหุ้นยกลอต
ไม่ว่าจะเป็นเจตนาในการขาย เลี่ยงภาษีหรือ
เปล่า ซุกหุ้นรอบสองหรือไม่...
แล้วหันมาจินตนาการกันเล่นๆ ว่า เงิน"73,000ล้านบาท"นั้น
มันหน้าตาเป็นยังไง มหาศาลขนาดไหน
และใช้กี่ชาติถึงจะหมด???
พูดง่ายๆ ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยมีเงินเยอะๆ อยู่ในมือมาก่อน
สิ่งแรกที่ทุกคนน่าจะทำคือ"นั่งนับเงิน"
มีสถิติที่น่าสนใจจาก"พนักงานธนาคาร"ที่ X วชาญการนับแบงก์บอกว่า...
เงิน1ล้านบาท ใช้เวลานับ4นาที!!!
หมายความว่าในจำนวนนี้ ประกอบไปด้วยแบงก์พัน10ปึก ปึกละ100ใบ
หรือเท่ากับ1แสนบาท
และจะต้องนับซ้ำถึง"สองครั้ง"
"ครั้งแรก"...จะให้พนักงานใช้มือนับก่อน
เพื่อเป็นการตรวจหาแบงก์ปลอมไปในตัวด้วย การนับด้วยมือ
นั้นจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ3นาที
ซึ่งก็แล้วแต่ความสามารถเฉพาะบุคคลว่าจะนับเร็วนับช้า
"ครั้งที่สอง"จะนำไปนับด้วยเครื่อง ซึ่งจะใช้เวลา1นาที รวมเบ็ดเสร็จ
ก็ใช้เวลา4นาทีต่อการนับเงิน1
ล้านบาท
นั่นก็แปลว่า ถ้านั่งนับเงิน73,000ล้านบาท
จะต้องใช้เวลามากถึง293,200นาที หรือ4,886.67ชั่วโมง
หรือ203.61วัน หรือ6.79เดือน
คิดง่ายๆ ก็ตกประมาณ"ครึ่งปี"นั่นแหละ!!!
กรณีนี้อยู่บนเงื่อนไขที่ว่าใช้คนเพียง"คนเดียว"นับตลอด24ชั่วโมง
ไม่มีการลุกไปไหนเลย ไม่ต้องกินข้าว
กินปลา หรือแม้แต่ลุกไปเข้าห้องน้ำกันเลย
ทีนี้ลองมาวัดน้ำหนัก เปรียบเทียบความกว้าง
ความยาวของแบงก์จำนวน73,000ล้านบาทกันดูมั่ง
เคยรู้มาก่อนหรือไม่ว่า เฉพาะ"แบงก์พัน"รวมกัน1ล้านบาท
มีน้ำหนักอยู่ประมาณ0.4กิโลกรัม
ถ้า73,000ล้านบาท ก็จะมีน้ำหนักมากถึง29,320กิโลกรัม
หรือ29.32ตัน เลยทีเดียว!
หากจะทดลองขนย้ายเงินที่มีน้ำหนักมากถึง29.32ตัน
อาจจะต้องใช้บริการรถสิบล้อ28ตันจากค่าย ส.
เทียนทอง ของ"ป๋าเหนาะ"เผื่อจะได้ส่วนลดค่าขนส่งลงมาได้บ้าง
แต่ครั้นขนเงินกลับมากองไว้ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว
แน่ใจหรือว่าจะมีที่เก็บ???
เพราะหากนำแบงก์พันมาต่อกันเป็นขบวน
จะเท่ากับความยาวถึง"11,874.6กิโลเมตร"เลยทีเดียว
เทียบเท่ากับขบวนรถไฟที่วิ่งเหนือสุดแดนสยามที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ยันใต้สุดดินแดนด้ามขวานที่
อ.เบตง จ.ยะลา ที่มีระยะทางรวม1,640กิโลเมตร ได้ถึง7.2เที่ยว!
แล้วถ้าอยากรู้ว่าเงินก้อนมหึมานั้นจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนแล้วละก็
ให้ลองคำนวณดูจากข้อมูลของแบงก์ชาติ
ที่ระบุขนาดของธนบัตรใบละ1,000นั้น มีขนาด7.2 x16.2
เซนติเมตร
หากนำเงิน73,000ล้านบาท
มาวางต่อกันก็จะกินพื้นที่ถึง85,497.12ตารางกิโลเมตร
สามารถวางทับจังหวัดที่มีเนื้อที่มากที่สุดของประเทศคือ"จ.นครราชสีมา"ที่มีเนื้อที่มากถึง20,493.964
ตารางกิโลเมตร ได้ถึง4เท่า!!!
หรือพูดง่ายๆเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น
ก็คือเงินจำนวนที่ว่านั้นเกือบจะปูทับภาคกลางของประเทศไทยได้
เกือบหมด
ถ้าเทียบกับตัวเลขประมาณ90,100ตารางกิโลเมตร ก็กินพื้นที่ถึง22จังหวัด
ลองมาจินตนาการต่อว่า เงินก้อนนี้สามารถเอาไปลงทุนทำอะไรได้บ้าง???
ถ้าวิธีที่ง่ายที่สุดคือเอาเงินฝากแบงก์กินดอกเบี้ย
"สองพี่น้อง"ตระกูลชินวัตร
ก็จะได้ดอกเบี้ยจากการฝากเพียงแค่3เดือนในอัตราร้อยละ3.25หลังหักภาษี
แล้วอีก15%เป็นเงินถึง506.23ล้านบาท
นั่นหมายความว่าจะมีเงินช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่ฮ่องกงเพลินๆ
เดือนละ168.74ล้านบาท หรือ5.62
ล้านบาทต่อวัน
ตกชั่วโมงละ234,365บาท หรือนาทีละ3,906บาท หรือวินาทีละ65บาท
ถ้าสมมติเราเชื่อตามที่"ทักษิณ"บอก
ว่าเขาไม่คิดจะเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนทำธุรกิจอะไรอีกแล้ว
กี่ชาติมันถึงจะใช้กันหมดเนี่ย???
ลองมาสมมติกันอีกที...หากนับอายุเฉลี่ยของคนไทยแล้วก็อยู่ที่ประมาณ72ปี
หรือ26,280วัน
ขณะนี้"หนุ่มโอ๊ค"พานทองแท้ ชินวัตร อายุ27ปี
แปลว่าเขาจะยังเหลือเวลาใช้เงินอีก45ปี หรือ16,425
วัน
เฉพาะในดีลนี้"หนุ่มโอ๊ค"ได้เงินไปถึง22.58หมื่นล้านบาท
คิดง่ายๆ ก็จะได้ใช้"เศษเงิน"ถึงวันละ1.37ล้านบาท
หรือชั่วโมงละ57,280บาท หรือ954บาทต่อนาที
หรือวินาทีละ15บาท
นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ยที่"หนุ่มโอ๊ค"จะได้ต่างหากด้วยนะพ่อเจ้าประคุณรุนช่อง
เห็นหรือยังว่ามันมหาศาลขนาดไหน!!!
มิน่าล่ะ"ทักษิณ"ถึงได้มั่นอกมั่นใจนักว่าพวกที่จ้องขัดขาเป็นพวก"อิจฉาตาร้อน"
ผลงานอื่นๆ ของ ~aIrI~ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ~aIrI~
ความคิดเห็น