ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - MERMAID OF DIAMOND SEA -

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ll ตัวละครหลัก (เพิ่มเรื่อยๆ)

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 57







    กิลเบิรต์ และ อารีญา


    - บทนำ -





     
    กลิ่นของเกลือจากทะเลที่แรงขึ้น ทำให้ข้าครางบิดตัวไปมาซุกทรายขาว มือของข้าลูบขยำเม็ดทรายละเอียดไปมาอย่างเพลิดเพลิน ริมฝีปากแดงกำลังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเพราะมันช่างเป็นเช้าที่แสนสงบสุขดังเหมือนทุกวัน ยิ่งพ่วงด้วยแสงแดดอุ่นๆที่สาดกระทบกับผิวกายของตนยามที่ยังคงมีความเหนียวและกลิ่นเค็มจางๆจากน้ำทะเลเ ก็ยิ่งทำให้ข้าไม่อยากที่จะลืมตา ขยับตัวหรือพุ่งลงทะเล

     

    แม้ว่าข้าจะชอบทะเลมากแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้จริงๆว่าการที่ขึ้นมาบนผืนดินแล้วมานอนกลิ้งไปมาอยู่บนชายหาดที่เต็มไปด้วยทรายละเอียดนุ่มนิ่มก็ไม่ต่างไปกับการพักผ่อนชั้นเลิศ เรียกได้ว่าทุกคืนข้าจะหาที่หลับโดยการไปเกยชายฝั่งทะเลสะอาดที่ลับตาคนหน่อยก็ว่าได้ ทั้งที่จริงแล้วข้าจะขดตัวหลับในกลางมหาสมุทรก็มิใช่ปัญหาใหญ่

     

    แต่บางทีการขึ้นมารับไออุ่นจากแสงอาทิตยิ์ก็ทำให้รู้สึกดีไปอีกแบบ ข้าครางออกมาเบาๆก่อนจะค่อยๆกระพริบตาไปมาให้คุ้นชินกับแสงจ้า แพขนตาของข้าหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อแสงแดดนั้นทำข้าแสบตาจนข้าต้องเอามือของตนมาบังแดดก่อนจะมองรอบข้าง สังเกตว่าตอนนี้ตนเองอยู่ตรงไหนในสามดินแดน

     

    ทรอยหรือ ก็มิน่าใช่ ทางทรอยอากาศน่าจะชื้นกว่าและหาดทรายก็ไม่น่าจะนุ่มเนียนเท่านี้ แถมเสียงที่ข้าได้ยินมาลางๆเหมือนเสียงของเหล่าโลหะกระทบกันไปมาบ้างล่ะ เสียงกองเชียร์อีกบ้างล่ะ นั่นก็เป็นการตัดทรอยออกไปจากสารบบความคิดของข้าไปโดยพลัน เพราะนครทรอยนั้นเน้นไปทางการค้าและการเลี้ยงสัตว์ แต่นี่ข้ากลับไม่ได้ยินเสียงพวกแพะ แกะ หรือหมูหมากาไก่ที่ไหนร้องออกมาสักนิด ได้ยินแต่เสียงกีบม้ากระทบกับพื้นสาก

     

    จะนครมอริชก็ไม่ใช่อีก ทางนั้นน่าจะหนาวกว่านี้ และข้าก็ยังจำได้ลางๆว่าเมื่อคืนข้าแหงนมองท้องฟ้า ซึ่งท้องฟ้าทางชายหาดนี้ปรากฎดวงดาวมากมายก็จริง แต่ก็ยังไม่เท่ากับที่นครมอริช แต่จะวัดจากความทรงจำของข้าอย่างเดียวก็ไม่ได้อีกนั่นล่ะ ถึงข้าจะได้ชื่อว่าเป็นเงือกที่อายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่ใครๆก็พลาดกันได้ ข้ากวาดสายตาสีน้ำทะเลปนเทามองรอบด้านก่อนจะสะดุดกับโขดหินที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแถบชายหาดนัก มันตั้งอยู่ในผืนน้ำทะเลที่มีคลื่นสงบพัดซัดมาอยู่เป็นเลาๆ  และยิ่งมีลายสลักเป็นภาษาของพวกขุนนางชั้นสูง มันก็ทำให้ข้ามั่นใจได้

     

    ว่าที่นี่คือ นครแฮชธอร์นครผู้เป็นถิ่นกำเนิดให้กับเหล่าวีรบุรุษ ผู้กล้ามากมาย ยอดนักรบส่วนใหญ่เกิดจากนครแห่งนี้ ด้วยสภาพอากาศที่ออกไปทางแห้ง ผู้คนจำเป็นทนทานกับอากาศ รวมถึงสิ่งขึ้นชื่ออีกอย่างของนครแฮชธอร์คือพวกแร่ จึงไม่แปลกที่คนมากมายจะรู้วิธีการตีแร่



    สำหรับนครอื่นงานตีแร่นั้นเป็นงานของพวกผู้ชาย และมิใช่ว่าทุกบุรุษเพศจะเลือกงานทางด้านนี้ แต่สำหรับที่นครแร่แห่งนี้นั้น ประชากรทุกคนมีความรู้ทางด้านนี้ไม่มากก็น้อยรวมถึงประสบการณ์ตีแร่ก็มีติดตัวกันทุกคนไม่แบ่งเพศว่าเป็นชายหรือหญิง เรียกว่าฝึกปรือกำลังกายกันมาตั้งแต่เด็กนั่นเอง




     

    และเพราะความเป็นยอดฝีมือทางด้านกายภาพและความรู้ทางด้านแร่ นครแฮชธอร์จึงได้ชื่อขานอีกนามว่า นครทมิฬเพราะมีพลทหารจำนวนมากรวมถึงประสิทธิภาพก็ไม่ได้บกพร่องออกจะเป็นไปทางดีเยี่ยมเลยด้วยซ้ำสำหรับมนุษย์ เล่ากันว่าทหารหนึ่งนายของนครแฮชธอร์เท่ากับทหารสิบนายของนครมนุษย์นครอื่น


     

    ริมฝีปากของข้าเผลอเพยอเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอดีตเก่าๆ ดวงตาสีน้ำทะเลของข้าจับจ้องไปที่โขดหินเก่าที่ดูไม่มีอะไรพิเศษนักสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเงือกอย่างข้าที่มีอายุมามากกว่าร้อยปี บางความทรงจำที่ควรค่าเก็บไว้ เพียงแค่ถูกกระตุ้นไว้ด้วยสิ่งของหรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ระลึกถึงได้ ก็มีค่าเพียงพอที่จะหยุดชะงักไป


     

    อา... นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่ได้มาเยือนนครทมิฬ

     

    นามของข้าคือ กิลเบิรต์ เจ้าชายลำดับที่หนึ่งแห่งนครแฮชธอร์
     

    จงรับความพ่ายแพ้ของเจ้าซะเจ้าเงือก แล้วเราจะฆ่าเจ้าให้ตายสบายที่สุด










    มุมนักเขียน .
    เปิดเรื่องแล้วค่าาา นักอ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเดาเนื้อเรื่องไม่ถูก
    อย่าว่าแต่นักอ่านเลยค่ะ นักเขียนเองก็ต้องสารภาพว่ายังคิดพล๊อตไปไม่ถึงไหน 5555555
    รู้แต่ว่า ไม่ใช่ดาร์กแฟนตาซีแน่นอนค่ะ เป็นแฟนตาซีแนวเล่าแบบนิทานๆหน่อย ออกแนวอบอุ่น
    และก็แอบเศร้า ตรงเรื่องราวของราชา กิลเบิรต์กับนางเอกของเรา
    ส่วนตัวละครอื่นๆก็จะตามมานะคะ  (:



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×