Genji x Hanzo yaoi fic - Genji x Hanzo yaoi fic นิยาย Genji x Hanzo yaoi fic : Dek-D.com - Writer

    Genji x Hanzo yaoi fic

    ท่านเห็นภาระหน้าที่ดีกว่าข้างั้นเหรอ? ทำไมล่ะ ข้าน่ะรักท่านมากกว่าใครทั่งนั้น ทำไมถึงได้ทอดทิ้งข้าล่ะ....

    ผู้เข้าชมรวม

    3,403

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    17

    ผู้เข้าชมรวม


    3.4K

    ความคิดเห็น


    16

    คนติดตาม


    15
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ค. 62 / 17:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    อยู่ๆก็อยากแต่งคู่นี้ขึ้นมาก เรื่องนี้ฮันโซเป็นเคะนะคะ เตือนแล้วเด้ออ~ 
    ตอนนี้ทั่งฮันโซและเกนจิยังหนุ่มๆอยู่นะคะ เกนจิยังคงเป็นมนุษย์และฮันโซเป็นผู้นำตระกูลชิมาดะ

    เราไม่ใช่เจ้าของรูปนะคะ 
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      "วันนี้ท่านพี่ไม่ฝึกเหรอ?"
      ผมถามฮันโซ พี่ชายผมเมื่อเห็นเขาเดินกุมไหล่ตัวเองกลับมาที่ห้องนอนในเวลาฝึกและเมื่อได้ยินที่ผมถามเขาก็ขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย
      "ทำไมไม่มาฝึกกับข้าล่ะจะได้รู้ว่าเป็นไง"
      พูดจบก็ดึงกิโมโนลงมาเล็กน้อยให้เห็นรอยฟกช้ำบนไหล่ซ้ายที่ลากยาวจนถึงอก น่าจะโดนฟาดด้วยดาบไม้แต่ทำไมถึงได้โดนหนักขนาดนี้? 
      "ท่านแค่สิบห้าเองนะ"
      "ข้าแข่งแกร่งไม่พอที่จะรับการโจมตีนั่น"
      เขาพูดพลางกระชับกิโมโนให้เหมือนเดิม ก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองไป ผมไม่ได้เป็นคนที่เมตตากรุณาถึงขนาดที่เห็นคนเจ็บแล้วเป็นห่วงแต่ไอ้คนที่เจ็บมันดันเป็นพี่ชายผม แถมเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปหายามารักษาด้วย นั่นคือสาเหตุที่ผมตามเขาเข้าไปในห้อง
      "ไม่ทายาก่อนเหรอ?"
      "ไม่ต้อง"
      "ถ้าขี้เกียจ ข้าไปขอมาให้ก็ได้นะ"
      ผมถามอย่างเป็นห่วง 
      "ยุ่งน่า ระดับข้าน่ะไม่ต้องการของแบบนั้น"
      ร่างของฮันโซค่อยๆหย่อนตัวลงนอน เขาพยายามไม่ใช้แขนซ้าย คงเป็นเพราะเจ็บไหล่ ผมล่ะเบื่อกับท่าทีหยิ่งยโสของเขาจริงๆ =_=;
      "แต่--"
      "ข้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าข้าอ่อนหัด"
      "แต่ท่านพึ่งบอกข้านะ"
      "ก็ไม่คิดว่าเจ้าใส่ใจนี่"
      เป็นเหตุผลแบบนี้เองหรอกเหรอ ผมคิดว่าเขาจะไว้ใจผมอะไรแบบนี้ซะอีก-3-
      หมับ
      ผัวะ!!
      ผมตบไหล่ซ้ายเขาซึ่งมันเป็นจุดที่เขามีแผลช่ำ เลยโดนต่อยเข้าให้ หมัดหนักชิบx_x
      "ทำบ้าอะไรเนี้ยออกไปเลย!"
      "เจ็บแฮะ..."
      ฮันโซที่เริ่มโวยวายเงียบกระทันหันสีหน้าของเขาแสดงถึงความตื่นตระหนกเล็กน้อย
      "ละ...เลือดกำเดาo_O"
      เมื่อแตะๆตรงรูจมูกตัวเองดูก็พบว่าผมเลือดกำเดาไหลอย่างที่เขาบอกและนั่นคือสิ่งที่ต้องการ ผมใช้ชายเสื้ออุดเลือดกำเดาไว้ก่อน
      "ถ้าไม่อยากบอกคนอื่นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจัดการเอง^ ^b"
      "..."
      .
      .
      .
      "แปลกแฮะ แผลฟกช้ำให้เอาน้ำแข็งประคบหรอกเหรอ?"
      ผมพูดหลังจากที่ได้ผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งกับกะละมังกลับมา แทนที่จะเป็นยา
      "...."
      ฮันโซไม่คุยกับผมเลย เย็นชาชะมัด=_=^ ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ผมก็นั่งลงบนเตียง เตียงเดียวกับที่เขานอนอยู่พลางใช้ชายเสื้อเช็ดเลือดกำเดาตัวเองลวกๆเพราะมันยังไม่หยุดไหล ผมวางกะละมังน้ำแข็งลงบนโต๊ะข้างเตียง
      "ลุกขึ้นสิ"
      "...ขอบคุณ"
      ท่านพี่ที่เงียบมาตั้งนานพูดขึ้น ถึงจะดูไม่เต็มใจแต่เขาก็พูดมันนั่นก็ทำผมยิ้มออก คงเป็นเพราะไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้จากเขาเท่าไหร่ คุยกันเดือนละครั้งได้มั้งตั้งแต่เขาโตขึ้นเขาก็เริ่มห่างผมไปทุกที แอบคิดนะว่าพี่ชายตัวเองไว้ผมยาวแบบนี้แล้วดูสวยแปลกๆ(?) ไม่อยากติอะไรด้วย ฮะๆเดี๋ยวจะโดนต่อยเอา
      "ยิ้มอะไร?"
      ตาขวางๆแบบนั้นก็สมเป็นเขาดี
      "เปล่า"
      ผมปฏิเสธแบบปัดๆพลางใช้ชายเสื้อเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลไม่หยุด 
      ฮันโซลากสังขารตัวเองให้ลุกขึ้นตามที่ผมบอกแถมปลดกิโมโนลงอย่างรู้งานเผยให้เห็นมัดกล้ามที่เกิดจากการฝึก...และรอยฟกช้ำอีกหลายที่
      "ข้าทำเอง"
      เขาเอื้อมมือมาเอาผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งในกะละมังแต่ผมได้มันไปก่อน
      "ข้าทำให้เอง"
      "ไม่ได้เป็นอัมพาตนะ"
      ผมเช็ดเลือดกำเดาตัวเองเพราะมันไหลอีกแล้ว 
      "ข้าอยากทำน่ะ"
      "อีกอย่างกลิ่นเหงื่อข้า..."
      "นะ ท่านพี่"
      เขามองผมนิ่งๆก่อนจะถอนหายใจ 
      "...ตามใจ ถ้าไม่ชอบกลิ่นเหงื่อข้าก็อย่ามาบ่นแล้วกัน"
      อะไรล่ะนั่น....นี่เขากลัวผมเหม็นกลิ่นเหงื่อ? เกรงใจผมด้วยเหรอเนี้ย
      "ได้กลิ่นตั่งนานแล้วน่า"
      ผมพูดยิ้มๆพลางประคบน้ำแข็งตรงไหล่ซ้ายเขา ก่อนจะรู้สึกแฉะๆตรงจมูก ฮันโซหยิบทิชชู่ใกล้ๆมาม้วนๆแล้วอุดจมูกผมไว้ แต่เดี๋ยวนะ...
      "หายใจทางปากไปก่อนละกัน"
      "ท่านมีชิชชู่ในห้องนอนด้วยเหรอ?"
      "...."
      หูเขาเริ่มแดงแต่พยายามปั่นหน้าขรึมทั่งอย่างนั้น เอาจริงดิ
      "ฮึ..."
      ผมหลุดขำออกมา ถึงจะรู้ว่ามันเสียมารยาทโพดๆ อย่างน้อยฮันโซผู้เงียบขรึมก็ยังมีกีฬาในร่มก่อนนอน ฮ่าๆๆ
      "มีอะไรน่าขำรึไง!?=\\\\="
      เขาฟิลขาดแล้วเริ่มโวยวายใส่ผม
      "ผู้ชายทุกคนก็มีไม่ต้องอายหรอก ข้าก็ทำน่า"
      "...."
      เขาเงียบเมื่อผมพูดแบบนั้น ที่ผมยอมพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นเพราะอยากลดระยะห่างระหว่างเราลงบ้าง อยากให้เขาเลิกวางท่าต่อหน้าผมบ้างก็ดี ฮันโซเอามือข้างนึงปิดหน้าอย่างเขินๆนั่นทำให้ผมรู้ตัวว่าผมไม่ควรจะแซวเขาแล้วแต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ยังแอบอมยิ้มอยู่ แผลฟกช้ำอื่นๆบนร่างการถูกดูแลอย่างดี ในตอนนี้ที่ต่างคนต่างเงียบ ทำให้ได้มีโอกาสสังเกตใบหน้าสวยที่กำลังหูแดงและผมที่ปล่อยยาวจนถึงกลางหลัง เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นมาทันทีเมื่อผมได้เห็นว่าเขาไม่ใช่ก้อนหินที่เอาแต่ขรึมตลอดเวลา.....งดงามจริงๆ
      "สวยดี"
      "อะไร?"
      "ท่านน่ะ"
      เขาชักสีหน้าใส่แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร ผมเอาทิชชู่ออกจากจมูกตัวเองแล้วทิ้งมันลงถังขยะใกล้ๆเพราะคิดว่าเลือดน่าจะหยุดแล้ว
      "ข้าเป็นผู้ชายเกนจิ แล้วก็เลิกจ้องได้แล้ว--"
      "...."
      ฮันโชชะงักเมื่อมืออีกข้างที่ว่างอยู่จับปอยผมเขามาดม มันคงดูน่าขนลุกแต่ถ้าเขาเห็นว่าผมเป็นน้องชาย เขาก็ต้องด่าว่าหรือเตือนผมบ้าง....แต่ฮันโซไม่ได้ทำแบบนั้น
      "กลิ่นเหงื่อก็ไม่เลวร้ายนะ"
      เขากำลังอายและนั่นมันดูเหมือนว่าพี่ชายสุดสวยคนนี้กำลัง'ให้ท่า'ผมอยู่:)
      "...."
      "ข้าชอบ..."
      ผมวางผ้าขนหนูลงในกะละมังและหันมาหาเขาที่มองผมด้วยสีหน้าอึ่งๆสายตาของฮันโซก้มต่ำไปที่เป้ากางเกงผม และผมรู้ตัวดีว่าเกิดอะไรขึ้น เกนจิตัวน้อยเริ่มแข็งตัวใต้เป้ากางเกง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะคิดเรื่องนั้นกับพี่ชายตัวเอง 
      "...เป็นบ้าอะไร?"
      ตอนนี้ฮันโซควรต่อยผมเรียกสติซักสองสามหมัดแล้วเตะก้นผมออกจากห้องไป แต่ถ้าเขาไม่ทำผมก็จะไม่หยุดแล้ว
      "เป็นเพราะท่าน"
      "...."
      "ขอโทษนะท่านพี่"
      ผมครองริมฝีปากของคนตรงหน้า และคงเป็นโชคของผมเพราะฮันโซไม่ได้ผลักผมออก และมันจะไม่หยุดแค่จูบแน่
      .
      .
      .
      .
      ไม่กี่ปีต่อมา

      "ท่านรักข้ารึเปล่า ท่านพี่?'
      ผมถามระหว่างที่สูดกลิ่นหอมตรงซอกคอของพี่ชายตัวเองก่อนดูดตรงไหปลาร้าจนมันเป็นรอยแดง
      "นะ...แน่นอน"
      ฮันโซที่ตอนนี้กำลังนั่งคร่อมบนตักของผมเริ่มหายใจแรงขึ้น มือที่กำลังจิกบ่าผมอยู่ทำให้เดาไม่ยากว่าเขากำลังเขินและอาการแบบนี้ของเขานั่นแหละที่กำลังยั้วผมอยู่ 
      เรือนผมสีเขียวถูกคนบนตักขย้ำเพื่อระบายอารมณ์ ผมจุมพิตเบาๆบนริมฝีปากสีชมพูสวยก่อนเปลี่ยนจุดสนใจไปที่ตุ้มใตบนหน้าอก เขาต้องครางออกมาแน่ๆถ้าผมทำแบบนี้...
      ก๊อกๆๆ
      ให้มันได้อย่างงี้สิ!
      "เลิกเล่นกันในนั้นแล้วมาฝึกได้แล้วฮันโซ"
      "...."
      ทั่งผมและเขาหยุดกระทันหันกับเสียงของบุคคลที่สามที่เราทั้งคู่รู้จักดี 
      "ครับ ท่านพ่อ"
      ฮันโซขานรับเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นแล้วกระชับกิโมโนที่ถูกปลดออกให้เรียบร้อยเพื่อปิดรอยของผมแล้วเดินออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเป็นคนละคนกับที่บอกรักผมเมื่อกี้ ไม่สบอารมณ์เอาซะเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ถูกขัดจังหวะ หรือเรื่องที่เราไม่สามารถบอกใครต่อใครได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราที่เคยมีอะไรกันหลายครั้ง 
      ฮันโซจำเป็นต้องแบกรับหน้าที่ผู้นำตระกูลในอนาคตเขาจึงต้องฝึกเป็นประจำ สีหน้าที่เงียบขรึมน่าเคารพของเขาเป็นที่พอใจของท่านพ่อไม่น้อย ก็แอบอิจฉาเขานะแต่ถ้าให้ฝึกทั้งวันแบบนั้นผมขอบายดีกว่า 
      "...."
      เดี๋ยวนะ...พึ่งนึกขึ้นไปผมทำรอยจูบบนไหปลาร้าของฮันโซไว้นี่หว่า...
      ช่างเถอะเดี๋ยวแถๆว่ายุงกัดก็คงได้
      .
      .
      .
      -Hanzo-
      "รอยนี้มาจากไหน?"
      "...."
      อันที่จริงการเปลือยท่อนบนฝึกดาบคงเป็นเรื่องปกติเวลาที่เหงื่อออกมากๆแต่เพราะไอ้เด็กกระโปกดันทำรอยประทับนี่ไว้บนไหปลาร้า จะให้โกหกว่ายุงกัดคงแย่กว่าเดิม
      การดึงกิโมโนที่กำลังจะหลุดขึ้นมาปิดรอยนี่บ่อยจนผิดสังเกต มันสดุดตาอาจารย์ที่ฝึกเกินไป สุดท้ายเรื่องนี้ก็ถึงหูท่านพ่อ....โดนหนักแน่
      เพี้ยะ!!
      หน้าผมสบัดตามแรงตบของท่านพ่อ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือก้มหัวให้เขาแล้วขอโทษเสียงหนักแน่น
      "เป็นข้าเองที่แอบออกไปเถลไถลตอนกลางคืน ข้าขอโทษ"
      ถึงท่านพ่อจะเข้มงวดแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นอีกอย่างผมก็ลูกชายเขา 
      "อย่าให้มีอีก ทำตัวให้สมที่จะอยู่ในตระกูลนี้หน่อยเจ้าต้องเป็นผู้นำนะ"
      ผมพยักหน้ารับ อาจจะโดนน้อยกว่าที่คิดไว้แต่ก็เจ็บ
      .
      .
      .
      "ทำไมวันนี้ท่านถึงฝึกนานกว่าทุกวันล่ะ?"
      "...."
      เกนจิที่รออยู่ในห้องของผมเองเริ่มบ่นที่ผมมาช้ากว่าทุกวัน และผมเลือกที่จะไม่ตอบแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนล้า 
      "เมินข้าทำไม?"
      "ข้าเหนื่อย และข้ารู้จุดประสงค์ที่เจ้าอยู่ในห้องข้าดี ไปไกลๆ"
      น้องชายที่แสนจะวุ้นวายเขามาคร่อมบนร่างผมที่นอนหลับตา ปอยผมสีดำถูกจับขึ้นไปดม ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้าอย่างหาเรื่อง
      "ท่านทำให้ข้าอยากแล้วจากไปเฉยๆแย่มากเลยนะ:'("
      น้ำเสียงออดอ้อนของเขาทำให้ผมเริ่มใจอ้อนอีกแล้ว
      "...."
      "....หน้าท่านพี่..."
      เขาลูบตรงแก้มที่พึ่งโดนท่านพ่อตบมา และนั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเรื่องระหว่างเรามันเริ่มแดงขึ้นมาแล้ว และถ้ายังทำต่อไปคงไม่ดีแน่
      "ข้าฝึก ก็ต้องมีเจ็บตัวบ้าง ออกไปได้แล้วเกนจิ"
      ผมเลือกที่จะไม่บอกเกนจิเรื่องที่โดนท่านพ่อตบมาเพราะไม่อยากให้เขากังวล
      "ทำไมล่ะ เมื่อกี้ใจอ่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?"
      เกนจิเริ่มชักสีหน้าใส่ผม และผมเองก็เริ่มอารมณ์เสียเพราะพึ่งรู้ตัวว่าเสียรู้หมอนี่มาตั้งหลายครั้งอีกอย่างฝึกก็หนักเหนื่อยก็เหนื่อยยังต้องมาเถียงอะไรไร้สาระกับเด็กไม่รู้จักโตอีก ไม่โอเคกับอะไรแบบนี้เอาซะเลย=_=*
      "เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เจ้าน่าจะรู้ว่าเรื่องที่เราทำอยู่มันผิด"
      "เรารู้กันตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก"
      อะไรล่ะนั่น ตอนนั้นเขาเข้ามาในห้องผมเองไม่ใช้รึไง? เกนจิเป็นคนเริ่มทั้งหมดผมและเขารู้ว่ามันผิด อันที่จริง...ผมผิดเองที่ยอมตามใจหมอนี่ และผมมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่ๆ
      "งั้นก็ไปซะสิ"
      "ครั้งนี้มันจะต่างจากทุกครั้งยังไงกัน?"
      "เพราะครั้งนี้ข้าจะไม่ตามใจเจ้าไง"
      จากที่เคยชักสีหน้าเขาก็แสดงอาการกังวลออกมาทันทีซึ้งมันก็ทำให้รู้สึกผิดขึ้นมา ไม่ได้สิ ไม่งั้นเจ้านี่ก็ได้ใจใหญ่
      "ไปซะ"
      ผมพูดเสียงเรียบ เพื่อไล่เขา
      "ท่านพี่ แค่จูบก็ได้นะ"
      "..."
      ผมเขยิบขึ้นไปจุมพิตที่ปากของเกนจิเบาๆ แล้วทิ้งตัวนอนเหมือนเดิม
      "แค่นี้ไม่พอหรอก"
      ริมฝีปากนุ่มนิ้มนั้นเริ่มโจมตีอีกครั้งลิ้นร้อนรุกล้ำเขามาในโพลงปากอย่างหนักหน่วงจนผมต้องผลักออกเพราะถ้าปล่อยไอ้เด็กนี่ทำตามใจ มันได้ทำมากกว่าจูบแน่
      "ขอร้องล่ะ"
      "...ให้ตายสิเกนจิ"
      ผมขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าก่อนจะปล่อยให้เขาจูบตามที่เจ้าตัวต้องการ เกนจิดูดริมฝีปากล่างของผมจนเกิดเสียงแล้วใช้ลิ้นร้อนนั่นเข้ามาเกี่ยวลิ้นของผม
      "อึก...อือ..."
      เสียงครางในลำคอของผมเริ่มดังขึ้น มือของเขาสัมผัสกับหัวใจผมที่เต้นรัวก่อนจะเริ่มปลดเสี้อผ้า=_=^ นี่มันเกินกับที่ตกลงไว้ ผมผลักเขาออกไม่ว่าเข้าจะเต็มใจหรือไม่ มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่...
      "พอแล้ว"
      "หึ..."
      คนที่อยู่ด้านบนเลียคราบน้ำลายที่เลอะขอบปากผมแล้วยิ้มให้
      "ข้ารักท่านนะ"
      เขาจูบลงบนขมับขวาแล้วถอยออกไปแถมปิดไฟให้ด้วย 
      "รู้แล้วล่ะน่า..."
      ผมพึมพำแล้วหลับตาก่อนจะพล่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน  
      .
      .
      .
      .
      "ท่านพี่เอาแต่ทำงานอีกแล้วนะ"
      "ข้าจะดีใจถ้าเจ้าไม่มากวน มีอะไร?"
      ภาระหน้าที่ทั่งหมดตกเป็นของผมเมื่อท่านพ่อตาย ถึงจะคิดว่าตัวเองพร้อมมาแต่แรกแต่พอทำจริงๆมันยากกว่าที่คิดมาก ต้องค่อยแก้ปัญหาที่ใหญ่จนบางครั้งก็ปวดหัวไปกับมัน ทำให้สองสามวันนี้ไม่ได้เจอเกนจิเลย ถึงหมอนี่จะมาหาแต่ผมก็ไล่ออกไปทุกครั้ง ซึ่งผมหมายถึงครั้งนี้ด้วย=_=^
      "อันที่จริงก็พยายามหาเหตุผลที่จะมาตั่งนานแล้ว ตอนนี้หาได้แล้ว"
      เหมือนว่าง=_=* ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
      "วันหลังไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ ว่ามาสิ"
      ผมตอบโดยไม่มองหน้าหน้าเกนจิและเสียงเขาเริ่มทำเสียสมาธิแล้วด้วย 
      "ไอติมแท่ง"
      พอได้ยินเหตุผลที่เขามาก็แทบอยากโขกหัวตัวเองลงกับโต๊ะแต่ก็ทำได้แค่หันไปมองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์=_=*
      "เพื่อ?"
      "ท่านไม่ได้กินมันมานานแล้วนะ เอาซักหน่อยสิ"
      เกนจิยิ้มร่าแล้วพูดแบบนั้น ซึ่งมันก็จริง ผมไม่ได้กินมันมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอยากิน ยังไงซะหมอนี่ก็เอามาให้แล้วกินซักหน่อยก็ไม่เสียหาย ไอติมแท่งสีชมพูหวานถูกคว้ามาอยู่ในมือ ผมเริ่มดูดมันเพื่อให้ปากตัวเองได้ปรับสภาพกับความเย็นก่อนจะหันไปมองงานที่ยังอยู่บนโต๊ะ...เชี่ย! ย้อย ส่วนที่ย้อยลงมาถูกเลียขึ้นไปเพราะผมกลัวว่ามันจะเลอะมือ สายตาที่มองไปที่งานกลับมาสนใจอีกหนึ่งชีวิตยังคงยืนจ้องอยู่ไม่ไปไหนจนผมอดสงสัยไม่ได้
      "มีอะไรอีก?"
      "เปล่า แค่อยากมองท่านพี่:)"
      "เจ้าทำข้าเสียสมาธิ"
      ไอ้รอยยิ้มนี่มันเริ่มแปลกๆแฮะ ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ว่าอะไรหมอนี่ไม่ได้เพราะเขายังไม่ได้ปริปากซักคำ ผมเริ่มกัดตรงหัวเพราะอยากจะกินให้หมดไวๆซักที
      "เดี๋ยว...ทำไมรีบกัดจังล่ะ?"
      "หืม?"
      ผมมองไอติมนี่ก่อนจะหันไปมองเกนจิที่ทำหน้าผิดหวังอย่างมาก แล้วคำว่า'อ๋อ'ตัวใหญ่ก็ลอยมาฟาดหน้าผม  
      "เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ"
      "ก็ใช้ แต่ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรท่านแล้วนี่"
      "ถ้าเอามือถือออกมาถ่ายคลิปเก็บไว้ดูได้เจ้าจะทำไหมล่ะ?"
      "ได้เหรอ?"
      "=_=***"
      ว่าแล้วเชียว ไอ้หมอนี่ทำตัวอย่างกะโรคจิต เป็นจุดด่างพร้อยของตระกูลจริงๆ ผมกัดไอติมนี่แล้วกินมันจนหมดในไม่กี่นาที จากนั้นส่งไม้คืนให้เขาเพื่อฝากทิ้งเพราะไม่อยากมีขยะชื้นๆอยู่ในถังขยะข้างโต๊ะทำงาน
      "เลิกทำนิสัยแบบนี้ซะ หาแฟนซักคนแล้วก็----"
      ยังพูดไม่ทันจบเกนจิก็เอาไม้ที่ผมพึ่งคืนมาคาบเล่นพลางยิ้มให้....จูบทางอ้อมแล้วก็รอยยิ้มนั่นทำผมประหม่า ไม่ได้สิ!ทำหน้าขรึมไว้อย่ายิ้มเชียว!
      "-///-"
      "หูแดงน่ะ:)"
      "งะ...เงียบซะ!"
      "ฮ่าๆๆๆ"
      ผมดึงไม้ไอติมออกจากปากเขาแล้วโยนมันทิ้งถังขยะข้างโต๊ะทำงานแทนเพราะดูเหมือนมันจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไปแล้ว
      "หาแฟนแล้วเลิกทำแบบนี้ซักที!"
      "แต่ข้าต้องการท่านพี่นี่"
      "ถ้าเจ้าคิดว่าจะทำให้ข้าใจอ่อนแล้วยอมมีอะไรด้วยอีกล่ะก็ ฝันเอาเถอะ!"
      "ก็ทำได้ตั้งหลายครั้งไม่ใช่เหรอ?"
      อยู่ๆใบหน้าก็ร้อนผ่าว...บ้าเอ้ย!
      "ออกไปเลย=///="
      "หูท่านแดงอีกแล้ว"
      "เงียบน่า ทั้งเจ้าและข้าควรจะลืมเรื่องระหว่างเราก่อนหน้านี้ไปซะ ตอนนั้นมันแค่อารมณ์ชั่ววูบไม่มีอะไรทั่งนั้น"
      ผมปั้นหน้าขรึมและพูดน้ำเสียงจริงจังเผื่อหมอนี่จะยอมฟังบ้าง
      "เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ร้อนแรงดีนะ"
      "หุบปากซะ เลิกคิดกับข้าในทางแบบนั้นซักที!"
      "แต่ข้ารักท่านพี่นี่นา ข้าแค่ต้องการท่านก็เท่านั้น"
      "อย่าลืมล่ะว่าเราเป็นพี่น้องกัน"
      ผมพูดเสียงแข็งและหวังว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่พูด
      "...."
      สิ่งที่ตอบกลับมาคือสีหน้าที่กังวลของน้องชาย
      "ไปซะ"
      "ท่านพี่...ข้ารักท่าน"
      เขาพูดพลางกุมมือผมแน่นสีหน้าของเขาบ่งบอกได้ดีว่ารู้สึกแย่แค่ไหนที่ผมออกปากไล่
      "ข้าก็รักเจ้า เกนจิ"
      ผมหลบใบหน้าที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆเพราะรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
      "เพราะเจ้าเป็นน้องชายข้า"
      "...."
      เกนจิเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนถอยออกไป เขาหันหลังให้แล้วถอนหายใจ 
      "ที่บอกว่ารักข้า...ท่านคงหมายถึงในฐานะน้องชายมาตลอดเลยสินะ..."
      เสียงเขาเริ่มสั่น แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังจะร้องไห้ ไม่เอาน่าหมอนี่ก็แค่ได้ใจจนเกินไปแล้วก็รับไม่ได้แกทำถูกแล้วน่า ผมพยายามยัดความคิดแบบนั้นเข้าในหัว
      "ข้าหวังมาตลอดว่าท่านจะรักข้าบ้าง สุดท้ายท่านก็แค่สงสารข้าสินะ"
      "เกนจิ..."
      ผมลุกขึ้นแล้วจับแขนของเขา อยากจะบอกว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่จริงแต่ก็ทำไม่ได้ จะให้ความหวังเขาไม่ได้ ดวงตาแดงกำที่แสดงถึงความเจ็บปวดกำลังมองมาที่ผมก่อนที่คนตรงหน้าจะเข้ามาสวมกอด
      "โกหก...เพื่อข้าทีสิ"
      ร่างที่สั่นเทากอดแน่นขึ้น ผมได้แต่ลูบหลังเขาอย่างปลอบโยน
      "อยากให้ข้าพูดอะไรล่ะ?"
      "บอกสิว่าท่านเป็นของข้า"
      "..."
      ผมเริ่มลำบาก ถ้าพูดออกไปมันจะให้ความหวังเขาอีกรึเปล่าแต่เกนจิที่เป็นแบบนี้เองก็ทำให้ผมรู้สึกแย่เหมือนกัน...
      "..."
      "ข้าเป็นของเจ้าเกนจิ"
      .
      .
      .
      .
      .
      สองเดือนหลังจากนั้นเกนจิไม่ได้เข้ามายุ่งกับผมเลย เห็นว่าควงผู้หญิงด้วยซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้วสำหรับเขา
      "..."
      แย่ชะมัด...ทั้งๆที่เป็นคนพูดเองว่าให้หมอนั่นหาแฟนแท้ๆ แต่รู้สึกแย่ชะมัด ผมพยายามสบัดความคิดนั่นออกจากหัวอย่างน้อยๆในตอนนี้ทุกๆอย่างในธุรกิจก็ปกติดีคงเป็นเพราะเกนจิไม่ได้มากวน นั่นทำให้ผมว่างขึ้นมา 
      "..."
      ฝึกธนูก็ไม่เลว ผมหยิบดาบแล้วตรงไปที่สนามฝึกธนูในบ้าน การพกอาวุธไปไหนมาไหนติดเป็นนิสัยของไปซะแล้ว
      --------
      ธนูดอกแรก ที่ยิงออกไปทำผมหงุดหงิดไม่น้อย 
      พลาด... อาจเป็นเพราะไม่ได้ฝึกประจำ ผมพยายามมีสมาธิกับธนูดอกนี้มากขึ้นกว่าเดิม
      "....."
      ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ตรงเป้า เอาใหม่... เริ่มจับทางได้แล้ว
      "ท่านพี่?"
      "...."
      พลาด...แต่ก็ดีขึ้น
      "มีอะไร?"
      ผมลดธนูลงแล้วหันไปหาเกนจิ ว่าแต่ไอ้หมอนี่มาสนามฝึกทำไมกัน=_=
      "นึกว่าจะอยู่แค่ในห้องทำงานซะอีก"
      "แปลกนะที่เจ้าอยู่ที่นี่"
      "ก็ไปหาที่ห้องทำงานแล้วไม่อยู่"
      "...."
      เมื่อรู้ว่าเขามาหาผม ผมก็เริ่มเล็งธนูดอกใหม่เป็นการบอกกลายๆว่ากำลังยุ่ง
      "หันมาคุยกันก่อนไม่ได้รึไง?"
      "...."
      เข้าเป้าแล้ว! ให้มันได้อย่างนี้สินึกว่าฝีมือการยิงธนูจะตกซะอีก! ผมดีใจได้ไม่นานก็ต้องหันกลับไปให้ความสนใจกับคนที่เรียกร้องอยู่
      "ว่ามาสิ"
      ธนูในมืือถูกวางลงตามคำขอของเขา ผมนั่งลงบนพื้นอย่างรู้งานเขายิ้มอย่างพอใจก่อนจะนั่งลงข้างๆผม
      "ข้าควงผู้หญิงในแบบที่ท่านต้องการแล้ว"
      รู้สึกเหมือนโดนมีดแทงแฮะ รู้แล้วเฟ้ย! บอกเพื่อ!?ถึงจะคิดแบบนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมรู้ว่าสาเหตุที่ผมหงุดหงิดเป็นเพราะอะไร ใช่ ผมกำลังหึงและผมไม่ควรจะแสดงท่าทีแบบที่คิดออกไป ได้แต่ตบบ่าแล้วยิ้มให้เขา
      "ดีแล้วนี่"
      "...."
      เกนจิชักสีหน้า อะไรของหมอนี่
      "คนล่าสุดเลิกไปสองสัปดาห์ที่แล้ว"
      คนล่าสุด? เขาไม่ได้คบแค่คนเดียวหรอกเหรอ=_=ร้ายนักนะ! 
      "...."
      "....สองเดือนมานี้ท่านคงมีความสุขที่ข้าไม่ไปรบกวนสินะ"
      น้ำเสียงประชดประชัด....รู้สึกเหมือนผมไปทำอะไรที่ร้ายแรงมากๆต่อเขา 
      ก็คงจะเป็นแบบนั้น
      "ข้า..."
      "ท่านพี่ ยอมโกหกเพื่อให้ข้าไปพ้นๆหน้า คงเกลียดข้ามากสินะ"
      "ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น"
      "นั่นแปลว่าท่านไม่ได้เกลียดข้า?"
      "แน่นอนข้าไม่ได้เกลียด--"
      ริมฝีปากอุ่นทาบลงมาก่อนผมพูดจบ และเมื่อเห็นผมไม่ได้ผลักออกเขาก็ถอยแล้วยิ้มให้
      "ไม่ขัดขืน?"
      เกนจิค่อยๆดันผมลงไปนอนกับพื้นพลางคลานมาคร่อมร่างผมไว้
      "..."
      ผมควรจะห้ามเขา แต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป มันยากที่จะยอมรับแต่ผมรักเขาไปแล้ว ไม่ใช่ในฐานะพี่น้องและไม่อยากให้เขาหยุดแค่นี้ผมดันตัวเองให้ขึ้นไปประกบริมฝีปากจูบสั้นๆบนริมฝีปากเขา นั่นก็มากพอที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของคนตรงหน้าแล้ว เกนจินิ่งไปก่อนจะยิ้มออกมา
      "ข้าทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว :)"
      ริมฝีปากนุ่มรุกไม่รอให้ตั่งตัว ผมยอมให้เขาทำอย่างที่ต้องการ ลิ้นร้อนตวัดในปากผมซักพักก่อนจะเร่งจังหวะจูบให้เร้าร้อนขึ้น
      "อือ..."
      ริมฝีปากล่างถูกงับเบาๆเขาผละออก ก่อนจะปลดกิโมโนผมเหลือไว้เพียงส่วนของกางเกง ร่างของผมอยู่บนตักเขาอย่างรู้งาน มือหนาของเกนจิขย่ำสะโพกอย่างหื่นกระหาย 
      "อะ...อึก...เกนจิ"
      ผมเริ่มครางออกมาเมื่อคนตรงหน้าเริ่มใช่ลิ้นเล่นกับตุ่มใตบนหน้าอก นัยตาสีน้ำตาลตวัดขึ้นมามองผมเมื่อผมเรียกชื่อเขา นั่นยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นไม่ชอบตอนที่เขามองหน้าผมในสภาพนี้เลย=\\\=
      "ทำตรงนี้...เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก..."
      "ท่านทอดทิ้งข้ามาสองเดือนกว่าๆเชียวนะ:("
      ♪♩♩
      โทรศัพท์.... 
      ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือใกล้ๆแต่กลับถูกแย่งไปซะอย่างนั้น
      "นั่น...อาจเป็นเรื่องสำคัญก็ได้"
      "สัญญาสิถ้าคุยเสร็จจะไม่หนีข้าไปทำงาน"
      "...."
      ผมไม่ตอบแต่พยายามจะเอามือถือกลับมา เกนจิเองก็พยายามเอามันออกห่างจากผมพลางกอดผมไว้ ได้ใจใหญ่แล้วนะ=_=*
      "ก็ได้ ข้าสัญญา"
      เขายิ้มอย่างพอใจ เมื่อยอมเขาแล้วมือถือก็กลับมาอยู่ในมือผม หุ้นส่วนเบอร์หนึ่งเลยนี่หว่า
      ผมลุกขึ้นเพื่อที่จะไปคุยที่อื่นแต่ถูกรั่งเอาไว้
      "เรื่องธุรกิจของท่านข้าไม่สนใจหรอกคุยตรงนี้เลยก็ได้น่า"
      นั่นสินะ ต่อให้หมอนี่ได้ยินเขาก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว ผมกดรับสายเมื่อคิดแบบนั้น
      [คุณชิมาดะ มีเรื่องสำคัญนิดหน่อยน่ะ]
      "ยอดเงินก็ปกติดีนี่ เกิดอะไรขึ้น?"
      [ คุณยังไม่มีคู่หมั้นใช่ไหม?]
      เขาเข้าเรื่องโดยไม่พูดพล่ำทำเพลง
      "ผมไม่ได้คิดเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานไว้เลย"
      [ผมคิดว่ามันจะเป็นผลประโยชน์ต่อเราทั่งคู่ถ้า คุณแต่งงานกับลูกสาวผมนะ]
      เกนจิที่ทีแรกไม่สนใจก็เริ่มหันมาจ้องผมเขม็งเพราะเราอยู่ใกล้กันเขาจึงได้ยินเสียงจากปลายสายด้วย แต่ที่หุ้นส่วนคนนี้พูดมันก็จริงเพราะเขาเองก็เป็นคนมีฐานะพอๆกับตระกูลชิมาดะ ถ้าแต่งงานกันคงจะดีไม่น้อย
      "ได้แน่นอน"
      "ท่านพี่---"
      ผมเอามือปิดปากเกนจิไว้เมื่อเขาเริ่มส่งเสียง จากนั้นเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากเพื่อบอกให้เขาเงียบ
      "ผมต้องรู้จักกับเจ้าสาวก่อนรึเปล่า?"
      [จะพาไปเจอบ่อยๆ อึกหนึ่งเดือนจะจัดงานแต่ง แบบนี้ดีรึเปล่า?]
      "เอาสิ"
      สายถูกตัดลง แล้วแรงกดดันอย่างมหาศาลก็แพร่ออกมาจากคนที่อยู่ใกล้ๆ ผมจึงหันไปหาเกนจิที่ทำหน้าเคืองสุดๆ
      "อะไร?"
      "ท่านพี่กำลังจะแต่งงาน"
      "ใช่"
      "ทำไม?"
      "มันดีต่อตระกูลชิมาดะและหุ่นส่วนข้า"
      "แต่มันไม่ดีกับข้า"
      งี่เง่าชะมัด...ผมรู้ว่าเกนจิต้องการอะไรรู้ว่าเขากำลังหึง และผมบอกจนปากเปียกปากแฉะไปแล้วว่าทำไมทั่งผมและเขาถึงไม่ควรทำอะไรแบบนี้อีกอย่าง เขาไม่มีสิทธิ์หึงด้วยซ้ำ
      แต่ผมก็ผิดเหมือนกันที่ไปยั่วเขา ไม่สิ ผมผิดเองทั้งหมดนั่นแหละ
      "ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้"
      "ฮันโซ--"
      "ข้าว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเราเจอกันน้อยลง"
      ผมสวมกิโมโนที่ถูกถอดออกลวกๆ เก็บดาบและธนูที่พกติดตัวมาแล้วเดินหนี ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ห้องทำงานเป็นที่ ที่ผมสามารถออกห่างจากเกนจิมากที่สุดและผมกำลังจะไปที่นั้น 
      หมับ!!
      ไอ้เด็กหัวมาริโมะรั้งแขนผมไว้ในขณะที่เดินผ่านห้องโถง
      "ปล่อย"
      "ท่านเห็นแก่ตระกูลมากกว่าข้างั้นเหรอ!?"
      "เพราะเห็นแก่เจ้าไงข้าถึงได้ตามใจและเพราะข้าตามใจเจ้า เราถึงได้เป็นแบบนี้ ขอโทษก็แล้วกัน"
      "ถ้าข้าไม่ให้อภัยล่ะ? ท่านยอมแม้กระทั่งแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักเพียงแค่เพราะธุรกิจ!?"
      น้ำเสียงที่ก้าวร้าวและเขาที่บีบมือผมแน่นขึ้นกำลังยั้วโมโหไม่น้อยแต่ผมก็พยายามใช้เหตุผลเข้าสู้
      "ซักวันข้าก็ต้องแต่งงานไม่ว่าจะกับใคร เจ้าก็ด้วย"
      เขาเริ่มชักสีหน้าใส่ผมทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ 
      "ข้าไม่ต้องการใครนอกจากท่าน"
      "แล้วถ้าข้าพูดว่าข้าไม่ต้องการเจ้าล่ะ?"
      ผมเริ่มใช้วิธีเด็ดขาดกับเขาและนั่นทำให้ผมได้เห็นเกนจิโมโหจัดเป็นครั้งแรก
      "งั้นถ้าข้าบอกคนอื่นไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องของเราล่ะ?"
      "..."
      ผมหน้าชาขึ้นมากับสิ่งที่เขาพูดเพราะไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่องนี้มาขู่ร่างกายของผมรู้สึกเหมือนโดนแช่แข็งไปชั่วขณะเกนจิยิ้มออกมาเมื่อเห็นผมที่เป็นแบบนี้
      "มันก็เดือดร้อนเจ้าด้วยไม่ใช่รึไง"
      "ข้าอยากบอกเรื่องของเรามาตั่งนานแล้วล่ะ อยากให้ทุกๆคนรู้ไปเลยว่าท่านเป็นของข้า"
      "ข้าไม่ได้เป็นของเจ้า"
      "เย็นชาจังนะ ครางรับข้าตั้งหลายทีแต่กลับไม่รู้สึกอะไรกับข้าเลย"
      เขายิ้มเยาะพลางจับปอยผมสีดำขลับตรงข้างแก้ม และคำพูดของเขาก็ทำให้ผมอารมณ์เสียขึ้นมา มือทั่งสองข้างกำหมัดแน่นผมยังคงพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองกับคำพูดไม่คิดหน้าคิดหลังของเขา
      "เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ดีว่าข้ารู้สึกอะไร"
      "ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ท่านน่ะจะน่ารักเป็นพิเศษเมื่อข้าทำรุนแรงด้วย:)"
      "....!!"
      ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงทันที ดาบในมือถูกชักออกมาแล้วจ่อไปที่คอของเขา เป็นการบ่งบอกให้เขา หุบ ปากได้แล้ว
      "ทำซะสิ ข้าขอตายดีกว่าถ้าจะให้ยืนมองท่านแต่งงานกับคนอื่น"
      "อย่ามาท้าข้านะ!"
      "เอาเลยสิ!"
      .
      .
      .
      .
      "นี่ข้า....ทำอะไรลงไป..."
      ร่างของเกนจิแน่นิ่งกับพื้นในห้องโถง เขาตายแล้ว ผมฆ่าเขาไปแล้ว....

      https://writer.dek-d.com/sasipaparbam/writer/view.php?id=1857671


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×