Genji x Hanzo yaoi fic - Genji x Hanzo yaoi fic นิยาย Genji x Hanzo yaoi fic : Dek-D.com - Writer

Genji x Hanzo yaoi fic

ท่านเห็นภาระหน้าที่ดีกว่าข้างั้นเหรอ? ทำไมล่ะ ข้าน่ะรักท่านมากกว่าใครทั่งนั้น ทำไมถึงได้ทอดทิ้งข้าล่ะ....

ผู้เข้าชมรวม

2,969

ผู้เข้าชมเดือนนี้

1

ผู้เข้าชมรวม


2.96K

ความคิดเห็น


6

คนติดตาม


16
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ค. 62 / 17:56 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
อยู่ๆก็อยากแต่งคู่นี้ขึ้นมาก เรื่องนี้ฮันโซเป็นเคะนะคะ เตือนแล้วเด้ออ~ 
ตอนนี้ทั่งฮันโซและเกนจิยังหนุ่มๆอยู่นะคะ เกนจิยังคงเป็นมนุษย์และฮันโซเป็นผู้นำตระกูลชิมาดะ

เราไม่ใช่เจ้าของรูปนะคะ 
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

    "วันนี้ท่านพี่ไม่ฝึกเหรอ?"
    ผมถามฮันโซ พี่ชายผมเมื่อเห็นเขาเดินกุมไหล่ตัวเองกลับมาที่ห้องนอนในเวลาฝึกและเมื่อได้ยินที่ผมถามเขาก็ขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย
    "ทำไมไม่มาฝึกกับข้าล่ะจะได้รู้ว่าเป็นไง"
    พูดจบก็ดึงกิโมโนลงมาเล็กน้อยให้เห็นรอยฟกช้ำบนไหล่ซ้ายที่ลากยาวจนถึงอก น่าจะโดนฟาดด้วยดาบไม้แต่ทำไมถึงได้โดนหนักขนาดนี้? 
    "ท่านแค่สิบห้าเองนะ"
    "ข้าแข่งแกร่งไม่พอที่จะรับการโจมตีนั่น"
    เขาพูดพลางกระชับกิโมโนให้เหมือนเดิม ก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองไป ผมไม่ได้เป็นคนที่เมตตากรุณาถึงขนาดที่เห็นคนเจ็บแล้วเป็นห่วงแต่ไอ้คนที่เจ็บมันดันเป็นพี่ชายผม แถมเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปหายามารักษาด้วย นั่นคือสาเหตุที่ผมตามเขาเข้าไปในห้อง
    "ไม่ทายาก่อนเหรอ?"
    "ไม่ต้อง"
    "ถ้าขี้เกียจ ข้าไปขอมาให้ก็ได้นะ"
    ผมถามอย่างเป็นห่วง 
    "ยุ่งน่า ระดับข้าน่ะไม่ต้องการของแบบนั้น"
    ร่างของฮันโซค่อยๆหย่อนตัวลงนอน เขาพยายามไม่ใช้แขนซ้าย คงเป็นเพราะเจ็บไหล่ ผมล่ะเบื่อกับท่าทีหยิ่งยโสของเขาจริงๆ =_=;
    "แต่--"
    "ข้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าข้าอ่อนหัด"
    "แต่ท่านพึ่งบอกข้านะ"
    "ก็ไม่คิดว่าเจ้าใส่ใจนี่"
    เป็นเหตุผลแบบนี้เองหรอกเหรอ ผมคิดว่าเขาจะไว้ใจผมอะไรแบบนี้ซะอีก-3-
    หมับ
    ผัวะ!!
    ผมตบไหล่ซ้ายเขาซึ่งมันเป็นจุดที่เขามีแผลช่ำ เลยโดนต่อยเข้าให้ หมัดหนักชิบx_x
    "ทำบ้าอะไรเนี้ยออกไปเลย!"
    "เจ็บแฮะ..."
    ฮันโซที่เริ่มโวยวายเงียบกระทันหันสีหน้าของเขาแสดงถึงความตื่นตระหนกเล็กน้อย
    "ละ...เลือดกำเดาo_O"
    เมื่อแตะๆตรงรูจมูกตัวเองดูก็พบว่าผมเลือดกำเดาไหลอย่างที่เขาบอกและนั่นคือสิ่งที่ต้องการ ผมใช้ชายเสื้ออุดเลือดกำเดาไว้ก่อน
    "ถ้าไม่อยากบอกคนอื่นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจัดการเอง^ ^b"
    "..."
    .
    .
    .
    "แปลกแฮะ แผลฟกช้ำให้เอาน้ำแข็งประคบหรอกเหรอ?"
    ผมพูดหลังจากที่ได้ผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งกับกะละมังกลับมา แทนที่จะเป็นยา
    "...."
    ฮันโซไม่คุยกับผมเลย เย็นชาชะมัด=_=^ ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ผมก็นั่งลงบนเตียง เตียงเดียวกับที่เขานอนอยู่พลางใช้ชายเสื้อเช็ดเลือดกำเดาตัวเองลวกๆเพราะมันยังไม่หยุดไหล ผมวางกะละมังน้ำแข็งลงบนโต๊ะข้างเตียง
    "ลุกขึ้นสิ"
    "...ขอบคุณ"
    ท่านพี่ที่เงียบมาตั้งนานพูดขึ้น ถึงจะดูไม่เต็มใจแต่เขาก็พูดมันนั่นก็ทำผมยิ้มออก คงเป็นเพราะไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้จากเขาเท่าไหร่ คุยกันเดือนละครั้งได้มั้งตั้งแต่เขาโตขึ้นเขาก็เริ่มห่างผมไปทุกที แอบคิดนะว่าพี่ชายตัวเองไว้ผมยาวแบบนี้แล้วดูสวยแปลกๆ(?) ไม่อยากติอะไรด้วย ฮะๆเดี๋ยวจะโดนต่อยเอา
    "ยิ้มอะไร?"
    ตาขวางๆแบบนั้นก็สมเป็นเขาดี
    "เปล่า"
    ผมปฏิเสธแบบปัดๆพลางใช้ชายเสื้อเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลไม่หยุด 
    ฮันโซลากสังขารตัวเองให้ลุกขึ้นตามที่ผมบอกแถมปลดกิโมโนลงอย่างรู้งานเผยให้เห็นมัดกล้ามที่เกิดจากการฝึก...และรอยฟกช้ำอีกหลายที่
    "ข้าทำเอง"
    เขาเอื้อมมือมาเอาผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งในกะละมังแต่ผมได้มันไปก่อน
    "ข้าทำให้เอง"
    "ไม่ได้เป็นอัมพาตนะ"
    ผมเช็ดเลือดกำเดาตัวเองเพราะมันไหลอีกแล้ว 
    "ข้าอยากทำน่ะ"
    "อีกอย่างกลิ่นเหงื่อข้า..."
    "นะ ท่านพี่"
    เขามองผมนิ่งๆก่อนจะถอนหายใจ 
    "...ตามใจ ถ้าไม่ชอบกลิ่นเหงื่อข้าก็อย่ามาบ่นแล้วกัน"
    อะไรล่ะนั่น....นี่เขากลัวผมเหม็นกลิ่นเหงื่อ? เกรงใจผมด้วยเหรอเนี้ย
    "ได้กลิ่นตั่งนานแล้วน่า"
    ผมพูดยิ้มๆพลางประคบน้ำแข็งตรงไหล่ซ้ายเขา ก่อนจะรู้สึกแฉะๆตรงจมูก ฮันโซหยิบทิชชู่ใกล้ๆมาม้วนๆแล้วอุดจมูกผมไว้ แต่เดี๋ยวนะ...
    "หายใจทางปากไปก่อนละกัน"
    "ท่านมีชิชชู่ในห้องนอนด้วยเหรอ?"
    "...."
    หูเขาเริ่มแดงแต่พยายามปั่นหน้าขรึมทั่งอย่างนั้น เอาจริงดิ
    "ฮึ..."
    ผมหลุดขำออกมา ถึงจะรู้ว่ามันเสียมารยาทโพดๆ อย่างน้อยฮันโซผู้เงียบขรึมก็ยังมีกีฬาในร่มก่อนนอน ฮ่าๆๆ
    "มีอะไรน่าขำรึไง!?=\\\\="
    เขาฟิลขาดแล้วเริ่มโวยวายใส่ผม
    "ผู้ชายทุกคนก็มีไม่ต้องอายหรอก ข้าก็ทำน่า"
    "...."
    เขาเงียบเมื่อผมพูดแบบนั้น ที่ผมยอมพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นเพราะอยากลดระยะห่างระหว่างเราลงบ้าง อยากให้เขาเลิกวางท่าต่อหน้าผมบ้างก็ดี ฮันโซเอามือข้างนึงปิดหน้าอย่างเขินๆนั่นทำให้ผมรู้ตัวว่าผมไม่ควรจะแซวเขาแล้วแต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ยังแอบอมยิ้มอยู่ แผลฟกช้ำอื่นๆบนร่างการถูกดูแลอย่างดี ในตอนนี้ที่ต่างคนต่างเงียบ ทำให้ได้มีโอกาสสังเกตใบหน้าสวยที่กำลังหูแดงและผมที่ปล่อยยาวจนถึงกลางหลัง เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นมาทันทีเมื่อผมได้เห็นว่าเขาไม่ใช่ก้อนหินที่เอาแต่ขรึมตลอดเวลา.....งดงามจริงๆ
    "สวยดี"
    "อะไร?"
    "ท่านน่ะ"
    เขาชักสีหน้าใส่แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร ผมเอาทิชชู่ออกจากจมูกตัวเองแล้วทิ้งมันลงถังขยะใกล้ๆเพราะคิดว่าเลือดน่าจะหยุดแล้ว
    "ข้าเป็นผู้ชายเกนจิ แล้วก็เลิกจ้องได้แล้ว--"
    "...."
    ฮันโชชะงักเมื่อมืออีกข้างที่ว่างอยู่จับปอยผมเขามาดม มันคงดูน่าขนลุกแต่ถ้าเขาเห็นว่าผมเป็นน้องชาย เขาก็ต้องด่าว่าหรือเตือนผมบ้าง....แต่ฮันโซไม่ได้ทำแบบนั้น
    "กลิ่นเหงื่อก็ไม่เลวร้ายนะ"
    เขากำลังอายและนั่นมันดูเหมือนว่าพี่ชายสุดสวยคนนี้กำลัง'ให้ท่า'ผมอยู่:)
    "...."
    "ข้าชอบ..."
    ผมวางผ้าขนหนูลงในกะละมังและหันมาหาเขาที่มองผมด้วยสีหน้าอึ่งๆสายตาของฮันโซก้มต่ำไปที่เป้ากางเกงผม และผมรู้ตัวดีว่าเกิดอะไรขึ้น เกนจิตัวน้อยเริ่มแข็งตัวใต้เป้ากางเกง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะคิดเรื่องนั้นกับพี่ชายตัวเอง 
    "...เป็นบ้าอะไร?"
    ตอนนี้ฮันโซควรต่อยผมเรียกสติซักสองสามหมัดแล้วเตะก้นผมออกจากห้องไป แต่ถ้าเขาไม่ทำผมก็จะไม่หยุดแล้ว
    "เป็นเพราะท่าน"
    "...."
    "ขอโทษนะท่านพี่"
    ผมครองริมฝีปากของคนตรงหน้า และคงเป็นโชคของผมเพราะฮันโซไม่ได้ผลักผมออก และมันจะไม่หยุดแค่จูบแน่
    .
    .
    .
    .
    ไม่กี่ปีต่อมา

    "ท่านรักข้ารึเปล่า ท่านพี่?'
    ผมถามระหว่างที่สูดกลิ่นหอมตรงซอกคอของพี่ชายตัวเองก่อนดูดตรงไหปลาร้าจนมันเป็นรอยแดง
    "นะ...แน่นอน"
    ฮันโซที่ตอนนี้กำลังนั่งคร่อมบนตักของผมเริ่มหายใจแรงขึ้น มือที่กำลังจิกบ่าผมอยู่ทำให้เดาไม่ยากว่าเขากำลังเขินและอาการแบบนี้ของเขานั่นแหละที่กำลังยั้วผมอยู่ 
    เรือนผมสีเขียวถูกคนบนตักขย้ำเพื่อระบายอารมณ์ ผมจุมพิตเบาๆบนริมฝีปากสีชมพูสวยก่อนเปลี่ยนจุดสนใจไปที่ตุ้มใตบนหน้าอก เขาต้องครางออกมาแน่ๆถ้าผมทำแบบนี้...
    ก๊อกๆๆ
    ให้มันได้อย่างงี้สิ!
    "เลิกเล่นกันในนั้นแล้วมาฝึกได้แล้วฮันโซ"
    "...."
    ทั่งผมและเขาหยุดกระทันหันกับเสียงของบุคคลที่สามที่เราทั้งคู่รู้จักดี 
    "ครับ ท่านพ่อ"
    ฮันโซขานรับเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นแล้วกระชับกิโมโนที่ถูกปลดออกให้เรียบร้อยเพื่อปิดรอยของผมแล้วเดินออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเป็นคนละคนกับที่บอกรักผมเมื่อกี้ ไม่สบอารมณ์เอาซะเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ถูกขัดจังหวะ หรือเรื่องที่เราไม่สามารถบอกใครต่อใครได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราที่เคยมีอะไรกันหลายครั้ง 
    ฮันโซจำเป็นต้องแบกรับหน้าที่ผู้นำตระกูลในอนาคตเขาจึงต้องฝึกเป็นประจำ สีหน้าที่เงียบขรึมน่าเคารพของเขาเป็นที่พอใจของท่านพ่อไม่น้อย ก็แอบอิจฉาเขานะแต่ถ้าให้ฝึกทั้งวันแบบนั้นผมขอบายดีกว่า 
    "...."
    เดี๋ยวนะ...พึ่งนึกขึ้นไปผมทำรอยจูบบนไหปลาร้าของฮันโซไว้นี่หว่า...
    ช่างเถอะเดี๋ยวแถๆว่ายุงกัดก็คงได้
    .
    .
    .
    -Hanzo-
    "รอยนี้มาจากไหน?"
    "...."
    อันที่จริงการเปลือยท่อนบนฝึกดาบคงเป็นเรื่องปกติเวลาที่เหงื่อออกมากๆแต่เพราะไอ้เด็กกระโปกดันทำรอยประทับนี่ไว้บนไหปลาร้า จะให้โกหกว่ายุงกัดคงแย่กว่าเดิม
    การดึงกิโมโนที่กำลังจะหลุดขึ้นมาปิดรอยนี่บ่อยจนผิดสังเกต มันสดุดตาอาจารย์ที่ฝึกเกินไป สุดท้ายเรื่องนี้ก็ถึงหูท่านพ่อ....โดนหนักแน่
    เพี้ยะ!!
    หน้าผมสบัดตามแรงตบของท่านพ่อ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือก้มหัวให้เขาแล้วขอโทษเสียงหนักแน่น
    "เป็นข้าเองที่แอบออกไปเถลไถลตอนกลางคืน ข้าขอโทษ"
    ถึงท่านพ่อจะเข้มงวดแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นอีกอย่างผมก็ลูกชายเขา 
    "อย่าให้มีอีก ทำตัวให้สมที่จะอยู่ในตระกูลนี้หน่อยเจ้าต้องเป็นผู้นำนะ"
    ผมพยักหน้ารับ อาจจะโดนน้อยกว่าที่คิดไว้แต่ก็เจ็บ
    .
    .
    .
    "ทำไมวันนี้ท่านถึงฝึกนานกว่าทุกวันล่ะ?"
    "...."
    เกนจิที่รออยู่ในห้องของผมเองเริ่มบ่นที่ผมมาช้ากว่าทุกวัน และผมเลือกที่จะไม่ตอบแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนล้า 
    "เมินข้าทำไม?"
    "ข้าเหนื่อย และข้ารู้จุดประสงค์ที่เจ้าอยู่ในห้องข้าดี ไปไกลๆ"
    น้องชายที่แสนจะวุ้นวายเขามาคร่อมบนร่างผมที่นอนหลับตา ปอยผมสีดำถูกจับขึ้นไปดม ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้าอย่างหาเรื่อง
    "ท่านทำให้ข้าอยากแล้วจากไปเฉยๆแย่มากเลยนะ:'("
    น้ำเสียงออดอ้อนของเขาทำให้ผมเริ่มใจอ้อนอีกแล้ว
    "...."
    "....หน้าท่านพี่..."
    เขาลูบตรงแก้มที่พึ่งโดนท่านพ่อตบมา และนั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเรื่องระหว่างเรามันเริ่มแดงขึ้นมาแล้ว และถ้ายังทำต่อไปคงไม่ดีแน่
    "ข้าฝึก ก็ต้องมีเจ็บตัวบ้าง ออกไปได้แล้วเกนจิ"
    ผมเลือกที่จะไม่บอกเกนจิเรื่องที่โดนท่านพ่อตบมาเพราะไม่อยากให้เขากังวล
    "ทำไมล่ะ เมื่อกี้ใจอ่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?"
    เกนจิเริ่มชักสีหน้าใส่ผม และผมเองก็เริ่มอารมณ์เสียเพราะพึ่งรู้ตัวว่าเสียรู้หมอนี่มาตั้งหลายครั้งอีกอย่างฝึกก็หนักเหนื่อยก็เหนื่อยยังต้องมาเถียงอะไรไร้สาระกับเด็กไม่รู้จักโตอีก ไม่โอเคกับอะไรแบบนี้เอาซะเลย=_=*
    "เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เจ้าน่าจะรู้ว่าเรื่องที่เราทำอยู่มันผิด"
    "เรารู้กันตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก"
    อะไรล่ะนั่น ตอนนั้นเขาเข้ามาในห้องผมเองไม่ใช้รึไง? เกนจิเป็นคนเริ่มทั้งหมดผมและเขารู้ว่ามันผิด อันที่จริง...ผมผิดเองที่ยอมตามใจหมอนี่ และผมมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่ๆ
    "งั้นก็ไปซะสิ"
    "ครั้งนี้มันจะต่างจากทุกครั้งยังไงกัน?"
    "เพราะครั้งนี้ข้าจะไม่ตามใจเจ้าไง"
    จากที่เคยชักสีหน้าเขาก็แสดงอาการกังวลออกมาทันทีซึ้งมันก็ทำให้รู้สึกผิดขึ้นมา ไม่ได้สิ ไม่งั้นเจ้านี่ก็ได้ใจใหญ่
    "ไปซะ"
    ผมพูดเสียงเรียบ เพื่อไล่เขา
    "ท่านพี่ แค่จูบก็ได้นะ"
    "..."
    ผมเขยิบขึ้นไปจุมพิตที่ปากของเกนจิเบาๆ แล้วทิ้งตัวนอนเหมือนเดิม
    "แค่นี้ไม่พอหรอก"
    ริมฝีปากนุ่มนิ้มนั้นเริ่มโจมตีอีกครั้งลิ้นร้อนรุกล้ำเขามาในโพลงปากอย่างหนักหน่วงจนผมต้องผลักออกเพราะถ้าปล่อยไอ้เด็กนี่ทำตามใจ มันได้ทำมากกว่าจูบแน่
    "ขอร้องล่ะ"
    "...ให้ตายสิเกนจิ"
    ผมขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าก่อนจะปล่อยให้เขาจูบตามที่เจ้าตัวต้องการ เกนจิดูดริมฝีปากล่างของผมจนเกิดเสียงแล้วใช้ลิ้นร้อนนั่นเข้ามาเกี่ยวลิ้นของผม
    "อึก...อือ..."
    เสียงครางในลำคอของผมเริ่มดังขึ้น มือของเขาสัมผัสกับหัวใจผมที่เต้นรัวก่อนจะเริ่มปลดเสี้อผ้า=_=^ นี่มันเกินกับที่ตกลงไว้ ผมผลักเขาออกไม่ว่าเข้าจะเต็มใจหรือไม่ มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่...
    "พอแล้ว"
    "หึ..."
    คนที่อยู่ด้านบนเลียคราบน้ำลายที่เลอะขอบปากผมแล้วยิ้มให้
    "ข้ารักท่านนะ"
    เขาจูบลงบนขมับขวาแล้วถอยออกไปแถมปิดไฟให้ด้วย 
    "รู้แล้วล่ะน่า..."
    ผมพึมพำแล้วหลับตาก่อนจะพล่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน  
    .
    .
    .
    .
    "ท่านพี่เอาแต่ทำงานอีกแล้วนะ"
    "ข้าจะดีใจถ้าเจ้าไม่มากวน มีอะไร?"
    ภาระหน้าที่ทั่งหมดตกเป็นของผมเมื่อท่านพ่อตาย ถึงจะคิดว่าตัวเองพร้อมมาแต่แรกแต่พอทำจริงๆมันยากกว่าที่คิดมาก ต้องค่อยแก้ปัญหาที่ใหญ่จนบางครั้งก็ปวดหัวไปกับมัน ทำให้สองสามวันนี้ไม่ได้เจอเกนจิเลย ถึงหมอนี่จะมาหาแต่ผมก็ไล่ออกไปทุกครั้ง ซึ่งผมหมายถึงครั้งนี้ด้วย=_=^
    "อันที่จริงก็พยายามหาเหตุผลที่จะมาตั่งนานแล้ว ตอนนี้หาได้แล้ว"
    เหมือนว่าง=_=* ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
    "วันหลังไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ ว่ามาสิ"
    ผมตอบโดยไม่มองหน้าหน้าเกนจิและเสียงเขาเริ่มทำเสียสมาธิแล้วด้วย 
    "ไอติมแท่ง"
    พอได้ยินเหตุผลที่เขามาก็แทบอยากโขกหัวตัวเองลงกับโต๊ะแต่ก็ทำได้แค่หันไปมองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์=_=*
    "เพื่อ?"
    "ท่านไม่ได้กินมันมานานแล้วนะ เอาซักหน่อยสิ"
    เกนจิยิ้มร่าแล้วพูดแบบนั้น ซึ่งมันก็จริง ผมไม่ได้กินมันมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอยากิน ยังไงซะหมอนี่ก็เอามาให้แล้วกินซักหน่อยก็ไม่เสียหาย ไอติมแท่งสีชมพูหวานถูกคว้ามาอยู่ในมือ ผมเริ่มดูดมันเพื่อให้ปากตัวเองได้ปรับสภาพกับความเย็นก่อนจะหันไปมองงานที่ยังอยู่บนโต๊ะ...เชี่ย! ย้อย ส่วนที่ย้อยลงมาถูกเลียขึ้นไปเพราะผมกลัวว่ามันจะเลอะมือ สายตาที่มองไปที่งานกลับมาสนใจอีกหนึ่งชีวิตยังคงยืนจ้องอยู่ไม่ไปไหนจนผมอดสงสัยไม่ได้
    "มีอะไรอีก?"
    "เปล่า แค่อยากมองท่านพี่:)"
    "เจ้าทำข้าเสียสมาธิ"
    ไอ้รอยยิ้มนี่มันเริ่มแปลกๆแฮะ ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ว่าอะไรหมอนี่ไม่ได้เพราะเขายังไม่ได้ปริปากซักคำ ผมเริ่มกัดตรงหัวเพราะอยากจะกินให้หมดไวๆซักที
    "เดี๋ยว...ทำไมรีบกัดจังล่ะ?"
    "หืม?"
    ผมมองไอติมนี่ก่อนจะหันไปมองเกนจิที่ทำหน้าผิดหวังอย่างมาก แล้วคำว่า'อ๋อ'ตัวใหญ่ก็ลอยมาฟาดหน้าผม  
    "เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ"
    "ก็ใช้ แต่ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรท่านแล้วนี่"
    "ถ้าเอามือถือออกมาถ่ายคลิปเก็บไว้ดูได้เจ้าจะทำไหมล่ะ?"
    "ได้เหรอ?"
    "=_=***"
    ว่าแล้วเชียว ไอ้หมอนี่ทำตัวอย่างกะโรคจิต เป็นจุดด่างพร้อยของตระกูลจริงๆ ผมกัดไอติมนี่แล้วกินมันจนหมดในไม่กี่นาที จากนั้นส่งไม้คืนให้เขาเพื่อฝากทิ้งเพราะไม่อยากมีขยะชื้นๆอยู่ในถังขยะข้างโต๊ะทำงาน
    "เลิกทำนิสัยแบบนี้ซะ หาแฟนซักคนแล้วก็----"
    ยังพูดไม่ทันจบเกนจิก็เอาไม้ที่ผมพึ่งคืนมาคาบเล่นพลางยิ้มให้....จูบทางอ้อมแล้วก็รอยยิ้มนั่นทำผมประหม่า ไม่ได้สิ!ทำหน้าขรึมไว้อย่ายิ้มเชียว!
    "-///-"
    "หูแดงน่ะ:)"
    "งะ...เงียบซะ!"
    "ฮ่าๆๆๆ"
    ผมดึงไม้ไอติมออกจากปากเขาแล้วโยนมันทิ้งถังขยะข้างโต๊ะทำงานแทนเพราะดูเหมือนมันจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไปแล้ว
    "หาแฟนแล้วเลิกทำแบบนี้ซักที!"
    "แต่ข้าต้องการท่านพี่นี่"
    "ถ้าเจ้าคิดว่าจะทำให้ข้าใจอ่อนแล้วยอมมีอะไรด้วยอีกล่ะก็ ฝันเอาเถอะ!"
    "ก็ทำได้ตั้งหลายครั้งไม่ใช่เหรอ?"
    อยู่ๆใบหน้าก็ร้อนผ่าว...บ้าเอ้ย!
    "ออกไปเลย=///="
    "หูท่านแดงอีกแล้ว"
    "เงียบน่า ทั้งเจ้าและข้าควรจะลืมเรื่องระหว่างเราก่อนหน้านี้ไปซะ ตอนนั้นมันแค่อารมณ์ชั่ววูบไม่มีอะไรทั่งนั้น"
    ผมปั้นหน้าขรึมและพูดน้ำเสียงจริงจังเผื่อหมอนี่จะยอมฟังบ้าง
    "เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ร้อนแรงดีนะ"
    "หุบปากซะ เลิกคิดกับข้าในทางแบบนั้นซักที!"
    "แต่ข้ารักท่านพี่นี่นา ข้าแค่ต้องการท่านก็เท่านั้น"
    "อย่าลืมล่ะว่าเราเป็นพี่น้องกัน"
    ผมพูดเสียงแข็งและหวังว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่พูด
    "...."
    สิ่งที่ตอบกลับมาคือสีหน้าที่กังวลของน้องชาย
    "ไปซะ"
    "ท่านพี่...ข้ารักท่าน"
    เขาพูดพลางกุมมือผมแน่นสีหน้าของเขาบ่งบอกได้ดีว่ารู้สึกแย่แค่ไหนที่ผมออกปากไล่
    "ข้าก็รักเจ้า เกนจิ"
    ผมหลบใบหน้าที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆเพราะรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
    "เพราะเจ้าเป็นน้องชายข้า"
    "...."
    เกนจิเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนถอยออกไป เขาหันหลังให้แล้วถอนหายใจ 
    "ที่บอกว่ารักข้า...ท่านคงหมายถึงในฐานะน้องชายมาตลอดเลยสินะ..."
    เสียงเขาเริ่มสั่น แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังจะร้องไห้ ไม่เอาน่าหมอนี่ก็แค่ได้ใจจนเกินไปแล้วก็รับไม่ได้แกทำถูกแล้วน่า ผมพยายามยัดความคิดแบบนั้นเข้าในหัว
    "ข้าหวังมาตลอดว่าท่านจะรักข้าบ้าง สุดท้ายท่านก็แค่สงสารข้าสินะ"
    "เกนจิ..."
    ผมลุกขึ้นแล้วจับแขนของเขา อยากจะบอกว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่จริงแต่ก็ทำไม่ได้ จะให้ความหวังเขาไม่ได้ ดวงตาแดงกำที่แสดงถึงความเจ็บปวดกำลังมองมาที่ผมก่อนที่คนตรงหน้าจะเข้ามาสวมกอด
    "โกหก...เพื่อข้าทีสิ"
    ร่างที่สั่นเทากอดแน่นขึ้น ผมได้แต่ลูบหลังเขาอย่างปลอบโยน
    "อยากให้ข้าพูดอะไรล่ะ?"
    "บอกสิว่าท่านเป็นของข้า"
    "..."
    ผมเริ่มลำบาก ถ้าพูดออกไปมันจะให้ความหวังเขาอีกรึเปล่าแต่เกนจิที่เป็นแบบนี้เองก็ทำให้ผมรู้สึกแย่เหมือนกัน...
    "..."
    "ข้าเป็นของเจ้าเกนจิ"
    .
    .
    .
    .
    .
    สองเดือนหลังจากนั้นเกนจิไม่ได้เข้ามายุ่งกับผมเลย เห็นว่าควงผู้หญิงด้วยซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้วสำหรับเขา
    "..."
    แย่ชะมัด...ทั้งๆที่เป็นคนพูดเองว่าให้หมอนั่นหาแฟนแท้ๆ แต่รู้สึกแย่ชะมัด ผมพยายามสบัดความคิดนั่นออกจากหัวอย่างน้อยๆในตอนนี้ทุกๆอย่างในธุรกิจก็ปกติดีคงเป็นเพราะเกนจิไม่ได้มากวน นั่นทำให้ผมว่างขึ้นมา 
    "..."
    ฝึกธนูก็ไม่เลว ผมหยิบดาบแล้วตรงไปที่สนามฝึกธนูในบ้าน การพกอาวุธไปไหนมาไหนติดเป็นนิสัยของไปซะแล้ว
    --------
    ธนูดอกแรก ที่ยิงออกไปทำผมหงุดหงิดไม่น้อย 
    พลาด... อาจเป็นเพราะไม่ได้ฝึกประจำ ผมพยายามมีสมาธิกับธนูดอกนี้มากขึ้นกว่าเดิม
    "....."
    ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ตรงเป้า เอาใหม่... เริ่มจับทางได้แล้ว
    "ท่านพี่?"
    "...."
    พลาด...แต่ก็ดีขึ้น
    "มีอะไร?"
    ผมลดธนูลงแล้วหันไปหาเกนจิ ว่าแต่ไอ้หมอนี่มาสนามฝึกทำไมกัน=_=
    "นึกว่าจะอยู่แค่ในห้องทำงานซะอีก"
    "แปลกนะที่เจ้าอยู่ที่นี่"
    "ก็ไปหาที่ห้องทำงานแล้วไม่อยู่"
    "...."
    เมื่อรู้ว่าเขามาหาผม ผมก็เริ่มเล็งธนูดอกใหม่เป็นการบอกกลายๆว่ากำลังยุ่ง
    "หันมาคุยกันก่อนไม่ได้รึไง?"
    "...."
    เข้าเป้าแล้ว! ให้มันได้อย่างนี้สินึกว่าฝีมือการยิงธนูจะตกซะอีก! ผมดีใจได้ไม่นานก็ต้องหันกลับไปให้ความสนใจกับคนที่เรียกร้องอยู่
    "ว่ามาสิ"
    ธนูในมืือถูกวางลงตามคำขอของเขา ผมนั่งลงบนพื้นอย่างรู้งานเขายิ้มอย่างพอใจก่อนจะนั่งลงข้างๆผม
    "ข้าควงผู้หญิงในแบบที่ท่านต้องการแล้ว"
    รู้สึกเหมือนโดนมีดแทงแฮะ รู้แล้วเฟ้ย! บอกเพื่อ!?ถึงจะคิดแบบนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมรู้ว่าสาเหตุที่ผมหงุดหงิดเป็นเพราะอะไร ใช่ ผมกำลังหึงและผมไม่ควรจะแสดงท่าทีแบบที่คิดออกไป ได้แต่ตบบ่าแล้วยิ้มให้เขา
    "ดีแล้วนี่"
    "...."
    เกนจิชักสีหน้า อะไรของหมอนี่
    "คนล่าสุดเลิกไปสองสัปดาห์ที่แล้ว"
    คนล่าสุด? เขาไม่ได้คบแค่คนเดียวหรอกเหรอ=_=ร้ายนักนะ! 
    "...."
    "....สองเดือนมานี้ท่านคงมีความสุขที่ข้าไม่ไปรบกวนสินะ"
    น้ำเสียงประชดประชัด....รู้สึกเหมือนผมไปทำอะไรที่ร้ายแรงมากๆต่อเขา 
    ก็คงจะเป็นแบบนั้น
    "ข้า..."
    "ท่านพี่ ยอมโกหกเพื่อให้ข้าไปพ้นๆหน้า คงเกลียดข้ามากสินะ"
    "ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น"
    "นั่นแปลว่าท่านไม่ได้เกลียดข้า?"
    "แน่นอนข้าไม่ได้เกลียด--"
    ริมฝีปากอุ่นทาบลงมาก่อนผมพูดจบ และเมื่อเห็นผมไม่ได้ผลักออกเขาก็ถอยแล้วยิ้มให้
    "ไม่ขัดขืน?"
    เกนจิค่อยๆดันผมลงไปนอนกับพื้นพลางคลานมาคร่อมร่างผมไว้
    "..."
    ผมควรจะห้ามเขา แต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป มันยากที่จะยอมรับแต่ผมรักเขาไปแล้ว ไม่ใช่ในฐานะพี่น้องและไม่อยากให้เขาหยุดแค่นี้ผมดันตัวเองให้ขึ้นไปประกบริมฝีปากจูบสั้นๆบนริมฝีปากเขา นั่นก็มากพอที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของคนตรงหน้าแล้ว เกนจินิ่งไปก่อนจะยิ้มออกมา
    "ข้าทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว :)"
    ริมฝีปากนุ่มรุกไม่รอให้ตั่งตัว ผมยอมให้เขาทำอย่างที่ต้องการ ลิ้นร้อนตวัดในปากผมซักพักก่อนจะเร่งจังหวะจูบให้เร้าร้อนขึ้น
    "อือ..."
    ริมฝีปากล่างถูกงับเบาๆเขาผละออก ก่อนจะปลดกิโมโนผมเหลือไว้เพียงส่วนของกางเกง ร่างของผมอยู่บนตักเขาอย่างรู้งาน มือหนาของเกนจิขย่ำสะโพกอย่างหื่นกระหาย 
    "อะ...อึก...เกนจิ"
    ผมเริ่มครางออกมาเมื่อคนตรงหน้าเริ่มใช่ลิ้นเล่นกับตุ่มใตบนหน้าอก นัยตาสีน้ำตาลตวัดขึ้นมามองผมเมื่อผมเรียกชื่อเขา นั่นยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นไม่ชอบตอนที่เขามองหน้าผมในสภาพนี้เลย=\\\=
    "ทำตรงนี้...เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก..."
    "ท่านทอดทิ้งข้ามาสองเดือนกว่าๆเชียวนะ:("
    ♪♩♩
    โทรศัพท์.... 
    ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือใกล้ๆแต่กลับถูกแย่งไปซะอย่างนั้น
    "นั่น...อาจเป็นเรื่องสำคัญก็ได้"
    "สัญญาสิถ้าคุยเสร็จจะไม่หนีข้าไปทำงาน"
    "...."
    ผมไม่ตอบแต่พยายามจะเอามือถือกลับมา เกนจิเองก็พยายามเอามันออกห่างจากผมพลางกอดผมไว้ ได้ใจใหญ่แล้วนะ=_=*
    "ก็ได้ ข้าสัญญา"
    เขายิ้มอย่างพอใจ เมื่อยอมเขาแล้วมือถือก็กลับมาอยู่ในมือผม หุ้นส่วนเบอร์หนึ่งเลยนี่หว่า
    ผมลุกขึ้นเพื่อที่จะไปคุยที่อื่นแต่ถูกรั่งเอาไว้
    "เรื่องธุรกิจของท่านข้าไม่สนใจหรอกคุยตรงนี้เลยก็ได้น่า"
    นั่นสินะ ต่อให้หมอนี่ได้ยินเขาก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว ผมกดรับสายเมื่อคิดแบบนั้น
    [คุณชิมาดะ มีเรื่องสำคัญนิดหน่อยน่ะ]
    "ยอดเงินก็ปกติดีนี่ เกิดอะไรขึ้น?"
    [ คุณยังไม่มีคู่หมั้นใช่ไหม?]
    เขาเข้าเรื่องโดยไม่พูดพล่ำทำเพลง
    "ผมไม่ได้คิดเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานไว้เลย"
    [ผมคิดว่ามันจะเป็นผลประโยชน์ต่อเราทั่งคู่ถ้า คุณแต่งงานกับลูกสาวผมนะ]
    เกนจิที่ทีแรกไม่สนใจก็เริ่มหันมาจ้องผมเขม็งเพราะเราอยู่ใกล้กันเขาจึงได้ยินเสียงจากปลายสายด้วย แต่ที่หุ้นส่วนคนนี้พูดมันก็จริงเพราะเขาเองก็เป็นคนมีฐานะพอๆกับตระกูลชิมาดะ ถ้าแต่งงานกันคงจะดีไม่น้อย
    "ได้แน่นอน"
    "ท่านพี่---"
    ผมเอามือปิดปากเกนจิไว้เมื่อเขาเริ่มส่งเสียง จากนั้นเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากเพื่อบอกให้เขาเงียบ
    "ผมต้องรู้จักกับเจ้าสาวก่อนรึเปล่า?"
    [จะพาไปเจอบ่อยๆ อึกหนึ่งเดือนจะจัดงานแต่ง แบบนี้ดีรึเปล่า?]
    "เอาสิ"
    สายถูกตัดลง แล้วแรงกดดันอย่างมหาศาลก็แพร่ออกมาจากคนที่อยู่ใกล้ๆ ผมจึงหันไปหาเกนจิที่ทำหน้าเคืองสุดๆ
    "อะไร?"
    "ท่านพี่กำลังจะแต่งงาน"
    "ใช่"
    "ทำไม?"
    "มันดีต่อตระกูลชิมาดะและหุ่นส่วนข้า"
    "แต่มันไม่ดีกับข้า"
    งี่เง่าชะมัด...ผมรู้ว่าเกนจิต้องการอะไรรู้ว่าเขากำลังหึง และผมบอกจนปากเปียกปากแฉะไปแล้วว่าทำไมทั่งผมและเขาถึงไม่ควรทำอะไรแบบนี้อีกอย่าง เขาไม่มีสิทธิ์หึงด้วยซ้ำ
    แต่ผมก็ผิดเหมือนกันที่ไปยั่วเขา ไม่สิ ผมผิดเองทั้งหมดนั่นแหละ
    "ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้"
    "ฮันโซ--"
    "ข้าว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเราเจอกันน้อยลง"
    ผมสวมกิโมโนที่ถูกถอดออกลวกๆ เก็บดาบและธนูที่พกติดตัวมาแล้วเดินหนี ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ห้องทำงานเป็นที่ ที่ผมสามารถออกห่างจากเกนจิมากที่สุดและผมกำลังจะไปที่นั้น 
    หมับ!!
    ไอ้เด็กหัวมาริโมะรั้งแขนผมไว้ในขณะที่เดินผ่านห้องโถง
    "ปล่อย"
    "ท่านเห็นแก่ตระกูลมากกว่าข้างั้นเหรอ!?"
    "เพราะเห็นแก่เจ้าไงข้าถึงได้ตามใจและเพราะข้าตามใจเจ้า เราถึงได้เป็นแบบนี้ ขอโทษก็แล้วกัน"
    "ถ้าข้าไม่ให้อภัยล่ะ? ท่านยอมแม้กระทั่งแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักเพียงแค่เพราะธุรกิจ!?"
    น้ำเสียงที่ก้าวร้าวและเขาที่บีบมือผมแน่นขึ้นกำลังยั้วโมโหไม่น้อยแต่ผมก็พยายามใช้เหตุผลเข้าสู้
    "ซักวันข้าก็ต้องแต่งงานไม่ว่าจะกับใคร เจ้าก็ด้วย"
    เขาเริ่มชักสีหน้าใส่ผมทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ 
    "ข้าไม่ต้องการใครนอกจากท่าน"
    "แล้วถ้าข้าพูดว่าข้าไม่ต้องการเจ้าล่ะ?"
    ผมเริ่มใช้วิธีเด็ดขาดกับเขาและนั่นทำให้ผมได้เห็นเกนจิโมโหจัดเป็นครั้งแรก
    "งั้นถ้าข้าบอกคนอื่นไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องของเราล่ะ?"
    "..."
    ผมหน้าชาขึ้นมากับสิ่งที่เขาพูดเพราะไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่องนี้มาขู่ร่างกายของผมรู้สึกเหมือนโดนแช่แข็งไปชั่วขณะเกนจิยิ้มออกมาเมื่อเห็นผมที่เป็นแบบนี้
    "มันก็เดือดร้อนเจ้าด้วยไม่ใช่รึไง"
    "ข้าอยากบอกเรื่องของเรามาตั่งนานแล้วล่ะ อยากให้ทุกๆคนรู้ไปเลยว่าท่านเป็นของข้า"
    "ข้าไม่ได้เป็นของเจ้า"
    "เย็นชาจังนะ ครางรับข้าตั้งหลายทีแต่กลับไม่รู้สึกอะไรกับข้าเลย"
    เขายิ้มเยาะพลางจับปอยผมสีดำขลับตรงข้างแก้ม และคำพูดของเขาก็ทำให้ผมอารมณ์เสียขึ้นมา มือทั่งสองข้างกำหมัดแน่นผมยังคงพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองกับคำพูดไม่คิดหน้าคิดหลังของเขา
    "เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ดีว่าข้ารู้สึกอะไร"
    "ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ท่านน่ะจะน่ารักเป็นพิเศษเมื่อข้าทำรุนแรงด้วย:)"
    "....!!"
    ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงทันที ดาบในมือถูกชักออกมาแล้วจ่อไปที่คอของเขา เป็นการบ่งบอกให้เขา หุบ ปากได้แล้ว
    "ทำซะสิ ข้าขอตายดีกว่าถ้าจะให้ยืนมองท่านแต่งงานกับคนอื่น"
    "อย่ามาท้าข้านะ!"
    "เอาเลยสิ!"
    .
    .
    .
    .
    "นี่ข้า....ทำอะไรลงไป..."
    ร่างของเกนจิแน่นิ่งกับพื้นในห้องโถง เขาตายแล้ว ผมฆ่าเขาไปแล้ว....

    https://writer.dek-d.com/sasipaparbam/writer/view.php?id=1857671


    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    6 ความคิดเห็น

    ×