ผมถามระหว่างที่สูดกลิ่นหอมตรงซอกคอของพี่ชายตัวเองก่อนดูดตรงไหปลาร้าจนมันเป็นรอยแดง
"นะ...แน่นอน"
ฮันโซที่ตอนนี้กำลังนั่งคร่อมบนตักของผมเริ่มหายใจแรงขึ้น มือที่กำลังจิกบ่าผมอยู่ทำให้เดาไม่ยากว่าเขากำลังเขินและอาการแบบนี้ของเขานั่นแหละที่กำลังยั้วผมอยู่
เรือนผมสีเขียวถูกคนบนตักขย้ำเพื่อระบายอารมณ์ ผมจุมพิตเบาๆบนริมฝีปากสีชมพูสวยก่อนเปลี่ยนจุดสนใจไปที่ตุ้มใตบนหน้าอก เขาต้องครางออกมาแน่ๆถ้าผมทำแบบนี้...
ก๊อกๆๆ
ให้มันได้อย่างงี้สิ!
"เลิกเล่นกันในนั้นแล้วมาฝึกได้แล้วฮันโซ"
"...."
ทั่งผมและเขาหยุดกระทันหันกับเสียงของบุคคลที่สามที่เราทั้งคู่รู้จักดี
"ครับ ท่านพ่อ"
ฮันโซขานรับเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นแล้วกระชับกิโมโนที่ถูกปลดออกให้เรียบร้อยเพื่อปิดรอยของผมแล้วเดินออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเป็นคนละคนกับที่บอกรักผมเมื่อกี้ ไม่สบอารมณ์เอาซะเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ถูกขัดจังหวะ หรือเรื่องที่เราไม่สามารถบอกใครต่อใครได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราที่เคยมีอะไรกันหลายครั้ง
ฮันโซจำเป็นต้องแบกรับหน้าที่ผู้นำตระกูลในอนาคตเขาจึงต้องฝึกเป็นประจำ สีหน้าที่เงียบขรึมน่าเคารพของเขาเป็นที่พอใจของท่านพ่อไม่น้อย ก็แอบอิจฉาเขานะแต่ถ้าให้ฝึกทั้งวันแบบนั้นผมขอบายดีกว่า
"...."
เดี๋ยวนะ...พึ่งนึกขึ้นไปผมทำรอยจูบบนไหปลาร้าของฮันโซไว้นี่หว่า...
ช่างเถอะเดี๋ยวแถๆว่ายุงกัดก็คงได้
.
.
.
-Hanzo-
"รอยนี้มาจากไหน?"
"...."
อันที่จริงการเปลือยท่อนบนฝึกดาบคงเป็นเรื่องปกติเวลาที่เหงื่อออกมากๆแต่เพราะไอ้เด็กกระโปกดันทำรอยประทับนี่ไว้บนไหปลาร้า จะให้โกหกว่ายุงกัดคงแย่กว่าเดิม
การดึงกิโมโนที่กำลังจะหลุดขึ้นมาปิดรอยนี่บ่อยจนผิดสังเกต มันสดุดตาอาจารย์ที่ฝึกเกินไป สุดท้ายเรื่องนี้ก็ถึงหูท่านพ่อ....โดนหนักแน่
เพี้ยะ!!
หน้าผมสบัดตามแรงตบของท่านพ่อ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือก้มหัวให้เขาแล้วขอโทษเสียงหนักแน่น
"เป็นข้าเองที่แอบออกไปเถลไถลตอนกลางคืน ข้าขอโทษ"
ถึงท่านพ่อจะเข้มงวดแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นอีกอย่างผมก็ลูกชายเขา
"อย่าให้มีอีก ทำตัวให้สมที่จะอยู่ในตระกูลนี้หน่อยเจ้าต้องเป็นผู้นำนะ"
ผมพยักหน้ารับ อาจจะโดนน้อยกว่าที่คิดไว้แต่ก็เจ็บ
.
.
.
"ทำไมวันนี้ท่านถึงฝึกนานกว่าทุกวันล่ะ?"
"...."
เกนจิที่รออยู่ในห้องของผมเองเริ่มบ่นที่ผมมาช้ากว่าทุกวัน และผมเลือกที่จะไม่ตอบแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนล้า
"เมินข้าทำไม?"
"ข้าเหนื่อย และข้ารู้จุดประสงค์ที่เจ้าอยู่ในห้องข้าดี ไปไกลๆ"
น้องชายที่แสนจะวุ้นวายเขามาคร่อมบนร่างผมที่นอนหลับตา ปอยผมสีดำถูกจับขึ้นไปดม ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้าอย่างหาเรื่อง
"ท่านทำให้ข้าอยากแล้วจากไปเฉยๆแย่มากเลยนะ:'("
น้ำเสียงออดอ้อนของเขาทำให้ผมเริ่มใจอ้อนอีกแล้ว
"...."
"....หน้าท่านพี่..."
เขาลูบตรงแก้มที่พึ่งโดนท่านพ่อตบมา และนั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเรื่องระหว่างเรามันเริ่มแดงขึ้นมาแล้ว และถ้ายังทำต่อไปคงไม่ดีแน่
"ข้าฝึก ก็ต้องมีเจ็บตัวบ้าง ออกไปได้แล้วเกนจิ"
ผมเลือกที่จะไม่บอกเกนจิเรื่องที่โดนท่านพ่อตบมาเพราะไม่อยากให้เขากังวล
"ทำไมล่ะ เมื่อกี้ใจอ่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?"
เกนจิเริ่มชักสีหน้าใส่ผม และผมเองก็เริ่มอารมณ์เสียเพราะพึ่งรู้ตัวว่าเสียรู้หมอนี่มาตั้งหลายครั้งอีกอย่างฝึกก็หนักเหนื่อยก็เหนื่อยยังต้องมาเถียงอะไรไร้สาระกับเด็กไม่รู้จักโตอีก ไม่โอเคกับอะไรแบบนี้เอาซะเลย=_=*
"เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เจ้าน่าจะรู้ว่าเรื่องที่เราทำอยู่มันผิด"
"เรารู้กันตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก"
อะไรล่ะนั่น ตอนนั้นเขาเข้ามาในห้องผมเองไม่ใช้รึไง? เกนจิเป็นคนเริ่มทั้งหมดผมและเขารู้ว่ามันผิด อันที่จริง...ผมผิดเองที่ยอมตามใจหมอนี่ และผมมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่ๆ
"งั้นก็ไปซะสิ"
"ครั้งนี้มันจะต่างจากทุกครั้งยังไงกัน?"
"เพราะครั้งนี้ข้าจะไม่ตามใจเจ้าไง"
จากที่เคยชักสีหน้าเขาก็แสดงอาการกังวลออกมาทันทีซึ้งมันก็ทำให้รู้สึกผิดขึ้นมา ไม่ได้สิ ไม่งั้นเจ้านี่ก็ได้ใจใหญ่
"ไปซะ"
ผมพูดเสียงเรียบ เพื่อไล่เขา
"ท่านพี่ แค่จูบก็ได้นะ"
"..."
ผมเขยิบขึ้นไปจุมพิตที่ปากของเกนจิเบาๆ แล้วทิ้งตัวนอนเหมือนเดิม
"แค่นี้ไม่พอหรอก"
ริมฝีปากนุ่มนิ้มนั้นเริ่มโจมตีอีกครั้งลิ้นร้อนรุกล้ำเขามาในโพลงปากอย่างหนักหน่วงจนผมต้องผลักออกเพราะถ้าปล่อยไอ้เด็กนี่ทำตามใจ มันได้ทำมากกว่าจูบแน่
"ขอร้องล่ะ"
"...ให้ตายสิเกนจิ"
ผมขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าก่อนจะปล่อยให้เขาจูบตามที่เจ้าตัวต้องการ เกนจิดูดริมฝีปากล่างของผมจนเกิดเสียงแล้วใช้ลิ้นร้อนนั่นเข้ามาเกี่ยวลิ้นของผม
"อึก...อือ..."
เสียงครางในลำคอของผมเริ่มดังขึ้น มือของเขาสัมผัสกับหัวใจผมที่เต้นรัวก่อนจะเริ่มปลดเสี้อผ้า=_=^ นี่มันเกินกับที่ตกลงไว้ ผมผลักเขาออกไม่ว่าเข้าจะเต็มใจหรือไม่ มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่...
"พอแล้ว"
"หึ..."
คนที่อยู่ด้านบนเลียคราบน้ำลายที่เลอะขอบปากผมแล้วยิ้มให้
"ข้ารักท่านนะ"
เขาจูบลงบนขมับขวาแล้วถอยออกไปแถมปิดไฟให้ด้วย
"รู้แล้วล่ะน่า..."
ผมพึมพำแล้วหลับตาก่อนจะพล่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
.
.
.
.
"ท่านพี่เอาแต่ทำงานอีกแล้วนะ"
"ข้าจะดีใจถ้าเจ้าไม่มากวน มีอะไร?"
ภาระหน้าที่ทั่งหมดตกเป็นของผมเมื่อท่านพ่อตาย ถึงจะคิดว่าตัวเองพร้อมมาแต่แรกแต่พอทำจริงๆมันยากกว่าที่คิดมาก ต้องค่อยแก้ปัญหาที่ใหญ่จนบางครั้งก็ปวดหัวไปกับมัน ทำให้สองสามวันนี้ไม่ได้เจอเกนจิเลย ถึงหมอนี่จะมาหาแต่ผมก็ไล่ออกไปทุกครั้ง ซึ่งผมหมายถึงครั้งนี้ด้วย=_=^
"อันที่จริงก็พยายามหาเหตุผลที่จะมาตั่งนานแล้ว ตอนนี้หาได้แล้ว"
เหมือนว่าง=_=* ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
"วันหลังไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ ว่ามาสิ"
ผมตอบโดยไม่มองหน้าหน้าเกนจิและเสียงเขาเริ่มทำเสียสมาธิแล้วด้วย
"ไอติมแท่ง"
พอได้ยินเหตุผลที่เขามาก็แทบอยากโขกหัวตัวเองลงกับโต๊ะแต่ก็ทำได้แค่หันไปมองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์=_=*
"เพื่อ?"
"ท่านไม่ได้กินมันมานานแล้วนะ เอาซักหน่อยสิ"
เกนจิยิ้มร่าแล้วพูดแบบนั้น ซึ่งมันก็จริง ผมไม่ได้กินมันมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอยากิน ยังไงซะหมอนี่ก็เอามาให้แล้วกินซักหน่อยก็ไม่เสียหาย ไอติมแท่งสีชมพูหวานถูกคว้ามาอยู่ในมือ ผมเริ่มดูดมันเพื่อให้ปากตัวเองได้ปรับสภาพกับความเย็นก่อนจะหันไปมองงานที่ยังอยู่บนโต๊ะ...เชี่ย! ย้อย ส่วนที่ย้อยลงมาถูกเลียขึ้นไปเพราะผมกลัวว่ามันจะเลอะมือ สายตาที่มองไปที่งานกลับมาสนใจอีกหนึ่งชีวิตยังคงยืนจ้องอยู่ไม่ไปไหนจนผมอดสงสัยไม่ได้
"มีอะไรอีก?"
"เปล่า แค่อยากมองท่านพี่:)"
"เจ้าทำข้าเสียสมาธิ"
ไอ้รอยยิ้มนี่มันเริ่มแปลกๆแฮะ ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ว่าอะไรหมอนี่ไม่ได้เพราะเขายังไม่ได้ปริปากซักคำ ผมเริ่มกัดตรงหัวเพราะอยากจะกินให้หมดไวๆซักที
"เดี๋ยว...ทำไมรีบกัดจังล่ะ?"
"หืม?"
ผมมองไอติมนี่ก่อนจะหันไปมองเกนจิที่ทำหน้าผิดหวังอย่างมาก แล้วคำว่า'อ๋อ'ตัวใหญ่ก็ลอยมาฟาดหน้าผม
"เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ"
"ก็ใช้ แต่ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรท่านแล้วนี่"
"ถ้าเอามือถือออกมาถ่ายคลิปเก็บไว้ดูได้เจ้าจะทำไหมล่ะ?"
"ได้เหรอ?"
"=_=***"
ว่าแล้วเชียว ไอ้หมอนี่ทำตัวอย่างกะโรคจิต เป็นจุดด่างพร้อยของตระกูลจริงๆ ผมกัดไอติมนี่แล้วกินมันจนหมดในไม่กี่นาที จากนั้นส่งไม้คืนให้เขาเพื่อฝากทิ้งเพราะไม่อยากมีขยะชื้นๆอยู่ในถังขยะข้างโต๊ะทำงาน
"เลิกทำนิสัยแบบนี้ซะ หาแฟนซักคนแล้วก็----"
ยังพูดไม่ทันจบเกนจิก็เอาไม้ที่ผมพึ่งคืนมาคาบเล่นพลางยิ้มให้....จูบทางอ้อมแล้วก็รอยยิ้มนั่นทำผมประหม่า ไม่ได้สิ!ทำหน้าขรึมไว้อย่ายิ้มเชียว!
"-///-"
"หูแดงน่ะ:)"
"งะ...เงียบซะ!"
"ฮ่าๆๆๆ"
ผมดึงไม้ไอติมออกจากปากเขาแล้วโยนมันทิ้งถังขยะข้างโต๊ะทำงานแทนเพราะดูเหมือนมันจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไปแล้ว
"หาแฟนแล้วเลิกทำแบบนี้ซักที!"
"แต่ข้าต้องการท่านพี่นี่"
"ถ้าเจ้าคิดว่าจะทำให้ข้าใจอ่อนแล้วยอมมีอะไรด้วยอีกล่ะก็ ฝันเอาเถอะ!"
"ก็ทำได้ตั้งหลายครั้งไม่ใช่เหรอ?"
อยู่ๆใบหน้าก็ร้อนผ่าว...บ้าเอ้ย!
"ออกไปเลย=///="
"หูท่านแดงอีกแล้ว"
"เงียบน่า ทั้งเจ้าและข้าควรจะลืมเรื่องระหว่างเราก่อนหน้านี้ไปซะ ตอนนั้นมันแค่อารมณ์ชั่ววูบไม่มีอะไรทั่งนั้น"
ผมปั้นหน้าขรึมและพูดน้ำเสียงจริงจังเผื่อหมอนี่จะยอมฟังบ้าง
"เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ร้อนแรงดีนะ"
"หุบปากซะ เลิกคิดกับข้าในทางแบบนั้นซักที!"
"แต่ข้ารักท่านพี่นี่นา ข้าแค่ต้องการท่านก็เท่านั้น"
"อย่าลืมล่ะว่าเราเป็นพี่น้องกัน"
ผมพูดเสียงแข็งและหวังว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่พูด
"...."
สิ่งที่ตอบกลับมาคือสีหน้าที่กังวลของน้องชาย
"ไปซะ"
"ท่านพี่...ข้ารักท่าน"
เขาพูดพลางกุมมือผมแน่นสีหน้าของเขาบ่งบอกได้ดีว่ารู้สึกแย่แค่ไหนที่ผมออกปากไล่
"ข้าก็รักเจ้า เกนจิ"
ผมหลบใบหน้าที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆเพราะรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
"เพราะเจ้าเป็นน้องชายข้า"
"...."
เกนจิเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนถอยออกไป เขาหันหลังให้แล้วถอนหายใจ
"ที่บอกว่ารักข้า...ท่านคงหมายถึงในฐานะน้องชายมาตลอดเลยสินะ..."
เสียงเขาเริ่มสั่น แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังจะร้องไห้ ไม่เอาน่าหมอนี่ก็แค่ได้ใจจนเกินไปแล้วก็รับไม่ได้แกทำถูกแล้วน่า ผมพยายามยัดความคิดแบบนั้นเข้าในหัว
"ข้าหวังมาตลอดว่าท่านจะรักข้าบ้าง สุดท้ายท่านก็แค่สงสารข้าสินะ"
"เกนจิ..."
ผมลุกขึ้นแล้วจับแขนของเขา อยากจะบอกว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่จริงแต่ก็ทำไม่ได้ จะให้ความหวังเขาไม่ได้ ดวงตาแดงกำที่แสดงถึงความเจ็บปวดกำลังมองมาที่ผมก่อนที่คนตรงหน้าจะเข้ามาสวมกอด
"โกหก...เพื่อข้าทีสิ"
ร่างที่สั่นเทากอดแน่นขึ้น ผมได้แต่ลูบหลังเขาอย่างปลอบโยน
"อยากให้ข้าพูดอะไรล่ะ?"
"บอกสิว่าท่านเป็นของข้า"
"..."
ผมเริ่มลำบาก ถ้าพูดออกไปมันจะให้ความหวังเขาอีกรึเปล่าแต่เกนจิที่เป็นแบบนี้เองก็ทำให้ผมรู้สึกแย่เหมือนกัน...
"..."
"ข้าเป็นของเจ้าเกนจิ"
.
.
.
.
.
สองเดือนหลังจากนั้นเกนจิไม่ได้เข้ามายุ่งกับผมเลย เห็นว่าควงผู้หญิงด้วยซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้วสำหรับเขา
"..."
แย่ชะมัด...ทั้งๆที่เป็นคนพูดเองว่าให้หมอนั่นหาแฟนแท้ๆ แต่รู้สึกแย่ชะมัด ผมพยายามสบัดความคิดนั่นออกจากหัวอย่างน้อยๆในตอนนี้ทุกๆอย่างในธุรกิจก็ปกติดีคงเป็นเพราะเกนจิไม่ได้มากวน นั่นทำให้ผมว่างขึ้นมา
"..."
ฝึกธนูก็ไม่เลว ผมหยิบดาบแล้วตรงไปที่สนามฝึกธนูในบ้าน การพกอาวุธไปไหนมาไหนติดเป็นนิสัยของไปซะแล้ว
--------
ธนูดอกแรก ที่ยิงออกไปทำผมหงุดหงิดไม่น้อย
พลาด... อาจเป็นเพราะไม่ได้ฝึกประจำ ผมพยายามมีสมาธิกับธนูดอกนี้มากขึ้นกว่าเดิม
"....."
ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ตรงเป้า เอาใหม่... เริ่มจับทางได้แล้ว
"ท่านพี่?"
"...."
พลาด...แต่ก็ดีขึ้น
"มีอะไร?"
ผมลดธนูลงแล้วหันไปหาเกนจิ ว่าแต่ไอ้หมอนี่มาสนามฝึกทำไมกัน=_=
"นึกว่าจะอยู่แค่ในห้องทำงานซะอีก"
"แปลกนะที่เจ้าอยู่ที่นี่"
"ก็ไปหาที่ห้องทำงานแล้วไม่อยู่"
"...."
เมื่อรู้ว่าเขามาหาผม ผมก็เริ่มเล็งธนูดอกใหม่เป็นการบอกกลายๆว่ากำลังยุ่ง
"หันมาคุยกันก่อนไม่ได้รึไง?"
"...."
เข้าเป้าแล้ว! ให้มันได้อย่างนี้สินึกว่าฝีมือการยิงธนูจะตกซะอีก! ผมดีใจได้ไม่นานก็ต้องหันกลับไปให้ความสนใจกับคนที่เรียกร้องอยู่
"ว่ามาสิ"
ธนูในมืือถูกวางลงตามคำขอของเขา ผมนั่งลงบนพื้นอย่างรู้งานเขายิ้มอย่างพอใจก่อนจะนั่งลงข้างๆผม
"ข้าควงผู้หญิงในแบบที่ท่านต้องการแล้ว"
รู้สึกเหมือนโดนมีดแทงแฮะ รู้แล้วเฟ้ย! บอกเพื่อ!?ถึงจะคิดแบบนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมรู้ว่าสาเหตุที่ผมหงุดหงิดเป็นเพราะอะไร ใช่ ผมกำลังหึงและผมไม่ควรจะแสดงท่าทีแบบที่คิดออกไป ได้แต่ตบบ่าแล้วยิ้มให้เขา
"ดีแล้วนี่"
"...."
เกนจิชักสีหน้า อะไรของหมอนี่
"คนล่าสุดเลิกไปสองสัปดาห์ที่แล้ว"
คนล่าสุด? เขาไม่ได้คบแค่คนเดียวหรอกเหรอ=_=ร้ายนักนะ!
"...."
"....สองเดือนมานี้ท่านคงมีความสุขที่ข้าไม่ไปรบกวนสินะ"
น้ำเสียงประชดประชัด....รู้สึกเหมือนผมไปทำอะไรที่ร้ายแรงมากๆต่อเขา
ก็คงจะเป็นแบบนั้น
"ข้า..."
"ท่านพี่ ยอมโกหกเพื่อให้ข้าไปพ้นๆหน้า คงเกลียดข้ามากสินะ"
"ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น"
"นั่นแปลว่าท่านไม่ได้เกลียดข้า?"
"แน่นอนข้าไม่ได้เกลียด--"
ริมฝีปากอุ่นทาบลงมาก่อนผมพูดจบ และเมื่อเห็นผมไม่ได้ผลักออกเขาก็ถอยแล้วยิ้มให้
"ไม่ขัดขืน?"
เกนจิค่อยๆดันผมลงไปนอนกับพื้นพลางคลานมาคร่อมร่างผมไว้
"..."
ผมควรจะห้ามเขา แต่ถึงจะคิดแบบนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป มันยากที่จะยอมรับแต่ผมรักเขาไปแล้ว ไม่ใช่ในฐานะพี่น้องและไม่อยากให้เขาหยุดแค่นี้ผมดันตัวเองให้ขึ้นไปประกบริมฝีปากจูบสั้นๆบนริมฝีปากเขา นั่นก็มากพอที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของคนตรงหน้าแล้ว เกนจินิ่งไปก่อนจะยิ้มออกมา
"ข้าทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว :)"
ริมฝีปากนุ่มรุกไม่รอให้ตั่งตัว ผมยอมให้เขาทำอย่างที่ต้องการ ลิ้นร้อนตวัดในปากผมซักพักก่อนจะเร่งจังหวะจูบให้เร้าร้อนขึ้น
"อือ..."
ริมฝีปากล่างถูกงับเบาๆเขาผละออก ก่อนจะปลดกิโมโนผมเหลือไว้เพียงส่วนของกางเกง ร่างของผมอยู่บนตักเขาอย่างรู้งาน มือหนาของเกนจิขย่ำสะโพกอย่างหื่นกระหาย
"อะ...อึก...เกนจิ"
ผมเริ่มครางออกมาเมื่อคนตรงหน้าเริ่มใช่ลิ้นเล่นกับตุ่มใตบนหน้าอก นัยตาสีน้ำตาลตวัดขึ้นมามองผมเมื่อผมเรียกชื่อเขา นั่นยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นไม่ชอบตอนที่เขามองหน้าผมในสภาพนี้เลย=\\\=
"ทำตรงนี้...เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก..."
"ท่านทอดทิ้งข้ามาสองเดือนกว่าๆเชียวนะ:("
♪♩♩
โทรศัพท์....
ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบมือถือใกล้ๆแต่กลับถูกแย่งไปซะอย่างนั้น
"นั่น...อาจเป็นเรื่องสำคัญก็ได้"
"สัญญาสิถ้าคุยเสร็จจะไม่หนีข้าไปทำงาน"
"...."
ผมไม่ตอบแต่พยายามจะเอามือถือกลับมา เกนจิเองก็พยายามเอามันออกห่างจากผมพลางกอดผมไว้ ได้ใจใหญ่แล้วนะ=_=*
"ก็ได้ ข้าสัญญา"
เขายิ้มอย่างพอใจ เมื่อยอมเขาแล้วมือถือก็กลับมาอยู่ในมือผม หุ้นส่วนเบอร์หนึ่งเลยนี่หว่า
ผมลุกขึ้นเพื่อที่จะไปคุยที่อื่นแต่ถูกรั่งเอาไว้
"เรื่องธุรกิจของท่านข้าไม่สนใจหรอกคุยตรงนี้เลยก็ได้น่า"
นั่นสินะ ต่อให้หมอนี่ได้ยินเขาก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว ผมกดรับสายเมื่อคิดแบบนั้น
[คุณชิมาดะ มีเรื่องสำคัญนิดหน่อยน่ะ]
"ยอดเงินก็ปกติดีนี่ เกิดอะไรขึ้น?"
[ คุณยังไม่มีคู่หมั้นใช่ไหม?]
เขาเข้าเรื่องโดยไม่พูดพล่ำทำเพลง
"ผมไม่ได้คิดเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานไว้เลย"
[ผมคิดว่ามันจะเป็นผลประโยชน์ต่อเราทั่งคู่ถ้า คุณแต่งงานกับลูกสาวผมนะ]
เกนจิที่ทีแรกไม่สนใจก็เริ่มหันมาจ้องผมเขม็งเพราะเราอยู่ใกล้กันเขาจึงได้ยินเสียงจากปลายสายด้วย แต่ที่หุ้นส่วนคนนี้พูดมันก็จริงเพราะเขาเองก็เป็นคนมีฐานะพอๆกับตระกูลชิมาดะ ถ้าแต่งงานกันคงจะดีไม่น้อย
"ได้แน่นอน"
"ท่านพี่---"
ผมเอามือปิดปากเกนจิไว้เมื่อเขาเริ่มส่งเสียง จากนั้นเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากเพื่อบอกให้เขาเงียบ
"ผมต้องรู้จักกับเจ้าสาวก่อนรึเปล่า?"
[จะพาไปเจอบ่อยๆ อึกหนึ่งเดือนจะจัดงานแต่ง แบบนี้ดีรึเปล่า?]
"เอาสิ"
สายถูกตัดลง แล้วแรงกดดันอย่างมหาศาลก็แพร่ออกมาจากคนที่อยู่ใกล้ๆ ผมจึงหันไปหาเกนจิที่ทำหน้าเคืองสุดๆ
"อะไร?"
"ท่านพี่กำลังจะแต่งงาน"
"ใช่"
"ทำไม?"
"มันดีต่อตระกูลชิมาดะและหุ่นส่วนข้า"
"แต่มันไม่ดีกับข้า"
งี่เง่าชะมัด...ผมรู้ว่าเกนจิต้องการอะไรรู้ว่าเขากำลังหึง และผมบอกจนปากเปียกปากแฉะไปแล้วว่าทำไมทั่งผมและเขาถึงไม่ควรทำอะไรแบบนี้อีกอย่าง เขาไม่มีสิทธิ์หึงด้วยซ้ำ
แต่ผมก็ผิดเหมือนกันที่ไปยั่วเขา ไม่สิ ผมผิดเองทั้งหมดนั่นแหละ
"ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้"
"ฮันโซ--"
"ข้าว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเราเจอกันน้อยลง"
ผมสวมกิโมโนที่ถูกถอดออกลวกๆ เก็บดาบและธนูที่พกติดตัวมาแล้วเดินหนี ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ห้องทำงานเป็นที่ ที่ผมสามารถออกห่างจากเกนจิมากที่สุดและผมกำลังจะไปที่นั้น
หมับ!!
ไอ้เด็กหัวมาริโมะรั้งแขนผมไว้ในขณะที่เดินผ่านห้องโถง
"ปล่อย"
"ท่านเห็นแก่ตระกูลมากกว่าข้างั้นเหรอ!?"
"เพราะเห็นแก่เจ้าไงข้าถึงได้ตามใจและเพราะข้าตามใจเจ้า เราถึงได้เป็นแบบนี้ ขอโทษก็แล้วกัน"
"ถ้าข้าไม่ให้อภัยล่ะ? ท่านยอมแม้กระทั่งแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักเพียงแค่เพราะธุรกิจ!?"
น้ำเสียงที่ก้าวร้าวและเขาที่บีบมือผมแน่นขึ้นกำลังยั้วโมโหไม่น้อยแต่ผมก็พยายามใช้เหตุผลเข้าสู้
"ซักวันข้าก็ต้องแต่งงานไม่ว่าจะกับใคร เจ้าก็ด้วย"
เขาเริ่มชักสีหน้าใส่ผมทำตัวเป็นเด็กๆไปได้
"ข้าไม่ต้องการใครนอกจากท่าน"
"แล้วถ้าข้าพูดว่าข้าไม่ต้องการเจ้าล่ะ?"
ผมเริ่มใช้วิธีเด็ดขาดกับเขาและนั่นทำให้ผมได้เห็นเกนจิโมโหจัดเป็นครั้งแรก
"งั้นถ้าข้าบอกคนอื่นไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องของเราล่ะ?"
"..."
ผมหน้าชาขึ้นมากับสิ่งที่เขาพูดเพราะไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่องนี้มาขู่ร่างกายของผมรู้สึกเหมือนโดนแช่แข็งไปชั่วขณะเกนจิยิ้มออกมาเมื่อเห็นผมที่เป็นแบบนี้
"มันก็เดือดร้อนเจ้าด้วยไม่ใช่รึไง"
"ข้าอยากบอกเรื่องของเรามาตั่งนานแล้วล่ะ อยากให้ทุกๆคนรู้ไปเลยว่าท่านเป็นของข้า"
"ข้าไม่ได้เป็นของเจ้า"
"เย็นชาจังนะ ครางรับข้าตั้งหลายทีแต่กลับไม่รู้สึกอะไรกับข้าเลย"
เขายิ้มเยาะพลางจับปอยผมสีดำขลับตรงข้างแก้ม และคำพูดของเขาก็ทำให้ผมอารมณ์เสียขึ้นมา มือทั่งสองข้างกำหมัดแน่นผมยังคงพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองกับคำพูดไม่คิดหน้าคิดหลังของเขา
"เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ดีว่าข้ารู้สึกอะไร"
"ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ท่านน่ะจะน่ารักเป็นพิเศษเมื่อข้าทำรุนแรงด้วย:)"
"....!!"
ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงทันที ดาบในมือถูกชักออกมาแล้วจ่อไปที่คอของเขา เป็นการบ่งบอกให้เขา หุบ ปากได้แล้ว
"ทำซะสิ ข้าขอตายดีกว่าถ้าจะให้ยืนมองท่านแต่งงานกับคนอื่น"
"อย่ามาท้าข้านะ!"
"เอาเลยสิ!"
.
.
.
.
"นี่ข้า....ทำอะไรลงไป..."
ร่างของเกนจิแน่นิ่งกับพื้นในห้องโถง เขาตายแล้ว ผมฆ่าเขาไปแล้ว....
ความคิดเห็น