ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FICTION TWST : Odinary girl in WONDERLAND [ OC/ปิดฟิครีไรท์ ]

    ลำดับตอนที่ #9 : บทนำเพื่อเปิดม่าน : The whisper of chaos (3)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 63




    "จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้ต้องหนีก่อน!"

    -มารี เอเกอร์


    "เสียงกระซิบของความโกลาหล"


    ***


    "เหมือนจะหนีมาได้ไกลแล้ว...แฮ่ก-..." เสียงนั้นดังออกมาจากปากของเจ้าปีศาจตัวน้อยขนสีดำปุยที่หนีออกมาจากหอกระจกได้ไกลโขมากแล้ว มันหันกลับไปมองทางที่มันวิ่งหนีจากมาแต่ก็ไม่มีทีท่าเลยว่าจะมีใครตามมาเลยแม้แต่น้อย

    "ฮิ...ฮิๆ!" เสียงหัวเราะของมันดังขึ้นภายในทางเดินหลักบริเวณรูปปั้นของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด อุ้งเท้าของกริมม์สะเอวขณะที่เปล่งเสียงหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจออกมา ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าการหนีออกมามันจะง่ายถึงขนาดนี้ กระจกตั้งร้อยบานใครมันจะยอมลดตัวไปเช็ดกันเล่า? ปล่อยให้เจ้านั่นกับเอซเช็ดไปเถอะ มันขอไม่ทำด้วยอีกแรงหรอกนะ!

    เพราะว่ามันคือจอมเวทย์อัจริยะที่จะกลายเป็นจอมเวทย์ที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก ของแบบนี้ใครจะอยากไปทำกันเล่า!

    "ฉันขอสิทธิ์ให้เขาด้วยค่ะ"

    ฝีเท้าเล็กๆของมันหยุดวิ่งเมื่อใบหน้าของใครบางคนพาดผ่านเข้ามา น้ำเสียงของคนบางคนดังขึ้น เป็นประโยคที่ดูหนักแน่นมุ่งมั่นเอาจริงแม้มันจะไม่เข้าใจในสิ่งที่มนุษย์คนนั้นเอ่ยเลยซักนิด

    ถึงแบบนั้นพอได้นึกถึงน้ำเสียงที่ดูเต็มไปด้วยความจริงจังเช่นนั้น อะไรบางอย่างก็ทำให้ร่างของมันรู้สึกโหวงเหวงอย่างไร้สาเหตุ

    มันไม่รู้จักความรู้สึกแบบนี้เลย

    "เจ้านั่น..."

    "ม์..."

    เสียงอะไรน่ะ?

    "ชะ-ช้าๆหน่อย จะร่วงแล้ว!? ว้ากก!!!!"

    "ถึงบอกให้โอบคอให้เล่า!!" เสียงตะโกนที่คุ้นหูดังขึ้นมา จากสุดสายตาของกริมม์เริ่มปรากฏร่างเงาเล็กๆของใครบางคนที่กำลังวิ่งตรงมาด้วยความรวดเร็ว "ฉันไม่ยอมเสียเวลาเพื่อคุณคนเดียวหรอกนะจะบอกให้!!"

    "ว้ากก! อะ-โอบก็โอบ!!" ภาพของกลุ่มคนเหล่านั้นเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆภายในสายตาของกริมม์ และแล้วดวงตาสีแสดที่คุ้นเคยก็หันมาสบสายตากับมัน "นั่นไง---เจ้าก้อนขนนั่นอยู่ตรงนั้น!"

    "กริมม์ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!" เสียงตะโกนของมารีดังขึ้นขณะที่เอซยังคงจำใจยอมโอบคอหล่อนด้วยท่าทีฝืนทนพร้อมโอบอุปกรณ์ทำความสะอาดกระจกเอาไว้ในอ้อมแขน ดวงตาสีน้ำข้าวที่ฉายแววโรจน์สบตาสายตากับมันราวกับแววตาของสัตว์นักล่าก็ไม่ปานนัก

    "วิ่งเลย เร็วเข้า!!" เสียงตะโกนจากเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินดังขึ้นด้วยท่าทางรีบร้อน

    "ฟุน๊าาา!!?"

    และเจ้าแมวก็รีบวิ่งอย่างสุดชีวิต จนบางทีมันก็น่าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองพ่นไฟได้

    ***


    "โธ่เอ้ย! วิ่งไปทั่วเลยนะ!" เสียงของเอซดังขึ้นขณะที่ในที่สุดเด็กสาว(ซึ่งเขาคิดว่าเป็นเด็กผู้ชาย)ก็ยอมปล่อยร่างของเขาลงเมื่อจนปัญญากับสิ่งที่กริมม์ทำและกลับมาถืออุปกรณ์ทำความสะอาดกระจกดั่งเดิม

    "แน่จริงก็เข้ามาจับให้ได้เด้!" เสียงของเจ้าแมวดำดังขึ้นขณะที่ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ หางของมันกวัดแกว่งไปมาขณะที่มองเจ้ามนุษย์ทั้งสามที่ไม่อาจทำอะไรมันที่อยู่ด้านบนได้

    "ขี้โกงที่สุด..." มารีพึมพำขณะที่มองขึ้นไปยังแชนเดอร์เรีย

    แชนเดอร์เรีย ใช่คุณคิดไม่ผิดหรอก เจ้าแมวกวนประสาทนี่ขึ้นไปข้างบนแชนเดอร์เรียจริงๆ

    และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเธอทั้งสามคนทำสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างกับทานของเน่าเสียอยู่นี่แหละ

    ถ้าเกิดว่าไม่มีใครอยู่ละก็... เด็กสาวทำสีหน้าหนักอึ้ง ป่านนี้ฉันน่าจะแกว่งแชนเดอร์เรียด้วยลมได้แล้ว ไม่สิ ถึงจะทำได้แต่ก็ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีลมด้วยไหม ไม่อย่างงั้นต้องลำบากแน่ๆ...

    "อึก...ก็อย่ามัวแต่อยู่บนแชนเดอร์เรียสิ!" เสียงร้องของดิวซ์ดังขึ้น "โถ่วเอ้ย...ยังไม่ได้เรียนขี่ไม้กวาดเลยด้วย ต้องหาทางทำอะไรซักอย่างจะได้ขึ้นไปข้างบน...ทางขึ้นไป...อ่ะ! นึกออกแล้ว"

    "คุณดิวซ์มีไอเดียอะไรดีๆแล้วเหรอ?" มารีหันมองไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินที่พยักหน้าหงึกหงักด้วยแววตามั่นอกมั่นใจ ดวงตาสีน้ำข้าวกวาดสายตาประเมิน เด็กหนุ่มคนนี้น่าทางดูซื่อๆแบบนี้จะนึกแผนอะไรดีๆออกอย่างงั้นจริงๆเหรอ หรือว่าเธอควรจะเชื่อใจคนที่นี่อีกซักหนดี ต่อให้จะไม่ได้เป็นไปตามที่หวังไว้ตั้งสองถึงสามรอบแล้วก็เถอะ

    เบนจามิน...เธอคิดถึงเขาจัง ถ้ามีน้องชายอยู่ใกล้ๆคงจะอุ่นใจยิ่งกว่านี้

    "คิดถึงเบนจามินจัง..." เด็กสาวงึมงำในลำคอเสียงเบาจนไม่มีใครสังเกตเลยซักนิด

    ดวงตาสีแสดของเด็กหนุ่มนามว่าเอซหันไปมองดิวซ์ด้วยสีหน้าที่คล้ายจะดูมีความหวังเมื่อได้ยินเสียงที่ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินเข้มและดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมรกต

    "เหมือนจะได้ไอเดียอะไรดีๆ...เฮ้ยๆๆ" น่าเสียดายที่พูดยังไม่ทันขาดคำปากกาเวทมนตร์ก็ถูกชี้มาที่ร่างของเอซ เด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดผู้มีรูปหัวใจสีแดงบนใบหน้าสะดุ้งโหยงแล้วร้องเสียงหลง "ไหงถึงชี้ปากกาเวทมนตร์มาที่ฉันเล่า!?"

    "ก็จะโยนนายไปไง!"

    ห้ะ...!?

    "เดี๋ยวนะครับ" มารีเหงื่อตก ท่าทางของเด็กหนุ่มกำมะลอยกมือทำท่าปางห้ามญาติ "ถ้าทำแบบนั้นไปไม่ใช่ว่าแชนเดอร์เรียจะแย่เอาอย่างงั้นหรอกเหรอคุณดิวซ์"

    เอซรีบผงกหัวตามคำพูดของเด็กสาว

    "ใช่ๆ! แกจะโยนฉันไปแบบนั้นไม่ได้นะเฟ้ย" เขาเอ่ย เด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดทำท่าเป็นรูปกากบาทอย่างเห็นได้ชัด

    "แต่พวกเราไม่มีเวลาแล้วนะครับ" เสียงของดิวซ์เอ่ยด้วยท่าทางจริงจังให้แก่พวกเธอทั้งสองคน "ถ้าไม่รีบทำอะไรซักอย่างพวกเราจะเสียเวลาไปมากกว่าเดิม แบบนี้ไม่ดีแน่!"

    ไม่มีเวลา...นั่นสิ จะว่าไปมันก็จริง ถึงเสี่ยงไปหน่อยก็เถอะ...แต่ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปละก็-

    เด็กสาวทำหน้าครุ่นคิดในเวลาไม่นานก่อนที่สุดท้ายจะเอ่ยออกมา

    "ก็จริงอย่างที่คุณดิวซ์พูดนะ" หล่อนเอ่ย ดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองเอซที่อยู่ไม่ห่างกันก่อนจะผงกเห็นด้วย "ถ้างั้นเอาเลยก็ได้คุณดิวซ์"

    "ได้เลย!" เสียงของเด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินดังขึ้นหลังจากนั้น ปลายปากกาเวทมนตร์จรดชี้มายังเอซที่ท่าทีลุกลี้ลุกรน ฝ่าเท้าของเด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดเริ่มลอยไม่ติดพื้น

    "เฮ้ย นี่จะไม่ถามฉันซักคำเลยเรอะ...เหวอ!?" ร่างของเด็กหนุ่มถูกบังคับให้ลอยตัวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แววตาของเอซก้มมองลงมายังทั้งสองคนที่ทำท่าเป็นกำลังใจให้เขา อย่างน้อยก็ควรจะเป็นห่วงเขาซักคนหน่อยก็ได้เจ้าคนพวกนี้นิ!

    "จับเจ้านั่นให้ได้ล่ะ" เสียงของดิวซ์เอ่ยขึ้นขณะที่ปากกาเวทมนตร์ส่องแสงประกายสีขาวนวลตา ร่างของเอซถูกเล็งไปยังทิศทางของกริมม์ที่ยังอยู่บนแชนเดอร์เรีย "เอาล่ะ เล็งไปที่...ไปเลย!"

    "อ๊ากก!!?"

    เสียงของเจ้าแมวสะดุ้งโหยงยามเมื่อมันเห็นร่างของเอซที่พุ่งเข้ามา

    "ฟุน๊าา!!?"



    โครม!!!

    ฝุ่นควันกระจายไปทั่วขณะที่เด็กสาวปิดตาของตัวเองแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นภายในเวลาถัดมายามเมื่อฝุ่นนั้นกระจายตัวและเบาบางลง เศษแชนเดอร์เรียที่ระยิบระยับนั้นกระจายเละเทะไม่มีชิ้นดี ขณะที่ร่างของเอซหมอบอยู่ข้างๆพร้อมมือที่ถือร่างของกริมม์เอาไว้ ท่าทางเจ้าปีศาจตัวน้อยนั่นจะสลบเพราะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไปแล้วเป็นแน่

    "แค่กๆๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย!" เสียงของเอซดังขึ้นท่ามกลางฝุ่นควันและซากแชนเดอร์เรีย

    "ฟุน๊า..."

    "แค่กๆ---" เสียงของเด็กสาวไอดังค่อกแค่กออกมาระหว่างที่มือปัดไปปัดมาเพื่อไล่ฝุ่นออกไป ดวงตาสีน้ำข้าวหยีตาเมื่อพบว่าฝุ่นยังไม่หายไปดีนัก "ดะ-ได้ผลไหม?"

    "ตายแล้ว ลืมนึกถึงตอนที่ร่วงลงมาเลย!" เด็กสาวขยี้ตาของตัวเองที่น้ำตาปริ่มจากการที่ฝุ่นเข้าตาขณะที่เสียงของดิวซ์ดังขึ้น เธอพยายามจะค่อยๆลืมตาเพื่อมองไปรอบๆ แต่ว่าสุดท้ายก็ต้องกลับมาหลับตาอยู่ดีเพราะทิศทางฝุ่นพัดเข้ามาที่เธอเต็มๆ

    "นี่แกบ้าไปแล้วรึไง!?" เสียงตะโกนของเอซดังขึ้น ตอนนี้มารีเริ่มจะมองเห็นขึ้นมาได้ชัดนิดหน่อยแล้ว ดวงตาสีน้ำข้าวกระพริบถี่ก่อนที่จะค่อยๆเริ่มลืมตาขึ้นแล้วพบว่าสถานการณ์ตรงหน้าหนักเอาเรื่องจนมือเกือบจะปล่อยอุปกรณ์ทำความสะอาดร่วง "ถึงจะจับกริมม์ได้แต่ถ้าอาจารย์ใหญ่รู้ว่าพวกเราทำแชนเดอร์เรียพังล่ะก็...-"

    "ถ้ารู้แล้ว...จะทำยังไงต่อครับ?"

    "อะ...อาจารย์ใหญ่?"

    เสียงดังคุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลังของเด็กสาวอีกครา คราวนี้ใบหน้าของเอซและดิวซ์ซีดเผือดยิ่งกว่าเห็นผี เงาสีดำทาบทับกับตัวเด็กสาวที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ คราวลี่ย์ตีหน้าเคร่งยามเมื่อได้มองเห็นภาพของแชนเดอร์เรียร์ที่พังลงอย่างไม่มีชิ้นดี

    เสียงของอาจารย์ใหญ่ดังขึ้น

    "พวก-เธอ-ทุก-คน-ทำอะไรกันครับ!!!?"

    "ฟุเนี้ยน...ห้องกำลังหมุนอยู่ล่ะ" เสียงนั้นดังออกมาจากปากของกริมม์อย่างแผ่วเบาท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดที่โรยราลง

    "ทำรูปปั้นเสียยังไม่พอเหรอครับถึงได้มาทำแแชนเดอร์เรียพังด้วยด้วยเนี่ย!" เด็กสาวพยายามจะถอยแล้ว แต่มือของคราวลี่ย์จับบ่าของเธอเอาไว้ "นี่คือฟางเส้นสุดท้ายแล้วนะครับ ผมขอไล่พวกเธอออก!"

    " " เอ๋!!!? " "

    ละ-ไล่ออก!? ใบหน้าของเด็กสาวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด มารีหลังงอลงไปทันทีเมื่อย้อนนึกถึงวีรกรรมที่ตัวเองได้ทำลงไปภายในสถานศึกษาแห่งนี้ ไม่ว่าจะเรื่องรูปปั้นก็แล้ว จะเรื่องกริมม์ก็แล้ว ล่าสุดเองก็เผลอเห็นดีเห็นงามไปกับวิธีการที่ไม่น่าจะได้ผลสำเร็จอย่างงดงามอีกต่างหาก

    เธอนี่โคตรจะเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง?

    ดวงตาสีน้ำข้าวจ้องมองใบหน้าของเหล่าเด็กหนุ่มที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างเห็นได้ชัด

    ไม่ได้นะ เด็กพวกนี้จะโดนไล่ออกไม่ได้สิ! ต้องทำอะไรซักอย่าง... มือของเธอกำอุปกรณ์ทำความสะอาดแน่น เจ้าพวกนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่ไม่ใช่รึไง น่าจะมีวิธีอยู่ ถ้ามีปัญหาก็ต้องมีทางออกสิ!

    "อาจารย์ใหญ่ ได้โปรดยกโทษให้ด้วยเถอะครั-"

    "อาจารย์ใหญ่ ฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อซ่อมแชนเดอเรียร์นั่นเอง!" เสียงของเด็กสาวดังขึ้นขณะที่ดิวซ์และเอซมองเธอด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ "ขอแค่อย่าไล่เด็กพวกนี้ออกเถอะนะ!"

    "โฮ่...แล้วเธอคิดว่าจะทำอะไรได้ล่ะครับมารีคุง?" เสียงของอาจารย์ใหญ่เอ่ยขึ้น ดวงแสงสีอำพันสบตากับเธอขณะที่มือของเขาเปลี่ยนมากอดอกแล้วจ้องหน้าเธอแทน "แชนเดอเรียร์ที่พวกเธอพึ่งจะทำพังไปนั่นน่ะมีราคาตั้งหลายล้านมาดอลนะครับ แถมยังเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผู้สร้างอุปกรณ์เวทมนตร์คิดค้นขึ้นเลยนะครับ?"

    "มันน่ะคือแชนเดอเรียร์วิเศษที่ใช้เวทมนตร์เป็นพลังงานดังนั้นจึงไม่มีวันทำให้เทียนไขมอดดับลงได้เลยนะครับ แถมถ้าพูดถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของมันที่อยู่คู่กับโรงเรียนมาตั้งแต่วันก่อตั้งราคาก็ยิ่งกว่าล้านมาดอลที่ผมเคยกล่าวไปอีกนะครับ?"

    เด็กสาวตีหน้าเครียด

    อุปกรณ์เวทมนตร์...หล่นลงมาขนาดนั้นแล้วคงไม่มีทางที่จะหาซื้อใหม่ได้แน่ แถมยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกต่างหาก คิ้วของเธอขมวดเป็นปม ดวงตาสีน้ำข้าวเหลือบมองเศษของแชนเดอเรียร์ที่แตกกระจาย แสงสีสว่างไสวของเศษอะไรบางอย่างที่ถูกฝังอยู่ภายในแกนกลางของแชนเดอเรียร์ที่แตกกระจายระยิบระยับขึ้นมาท่ามกลางเศษกลไกที่เละไม่มีชิ้นดี

    เดี๋ยวสิ บางทีนี่อาจจะ...

    ดวงตาของเธอมองมันแค่ชั่วครู่ด้วยสายตาที่คิดอะไรบางอย่างออก

    เด็กสาวเริ่มเอื้อนเอ่ย

    "...ถ้างั้น มีแหล่งพลังงานไหมครับ?" 

    "แหล่งพลังงานอย่างงั้นหรือครับมารีคุง?" 

    "เวทมนตร์ที่เป็นพลังงานหลักของแชนเดอเรียร์อยู่ในรูปแบบของแข็งใช่รึเปล่า" เธอเอ่ย "ถ้าปัจจัยหลักของแชนเดอเรียร์อยู่ที่แหล่งพลังงานซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องได้นั้น แค่ไปตามหามันแล้วเอามาเปลี่ยนใหม่ก็ได้แล้วใช่ไหม ส่วนกลไกของแชนเดอเรียร์ที่เหลือเองก็น่าจะใช้เวทมนตร์ซ่อมได้ใช่ไหมล่ะ?"

    "นี่นาย..." เสียงพึมพำของเอซดังขึ้นขณะที่ดิวซ์มองเด็กสาวที่หันหลังให้กับพวกเขาเพื่อคุยกับอมนุษย์ร่างสูง ดวงตาสีน้ำข้าวเฝ้ามองอีกฝ่ายที่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งราวกับกำลังใช้ความคิด

    เสียงของคราวลี่ย์ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปาก

    "จะว่าไปมันก็มีวิธีที่จะซ่อมแซมแชนเดอเรียร์แบบนั้นได้จริงๆนั่นแหละครับ" เขาเอ่ย "คริสตัลวิเศษซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของแชนเดอเรียร์ที่ตอนนี้น่าจะอยู่ในเหมืองร้างของคนแคระ ถ้าหากมีคริสตัลที่เป็นของเดิมล่ะก็เรื่องซ่อมแซมก็คงสามารถทำได้แน่ครับ"

    "ถ้างั้นฉันจะไปเอามาเอง" เด็กสาวเอ่ย มือของเธอชี้ไปยังเอซกับดิวซ์ "แล้วทีนี้คุณก็ปล่อยเด็กพวกนะ-"

    "ไม่ได้ครับ" คราวลี่ย์เอ่ยเสียงแข็งชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มยามเมื่อเอ่ยขึ้นอีกครา "ผมคงไม่สามารถปล่อยให้เด็กนักเรียนสองคนกับเจ้าปีศาจอีกหนึ่งตัวก่อเรื่องวุ่นวายไปทั่วแล้วให้คุณรับโทษแค่คนเดียวไม่ได้หรอกนะครับมารีคุง ถ้าพวกเขาไม่รับข้อเสนอในการตามหาคริสตัลวิเศษผมก็คงต้องขอไล่พวกเขาออกครับ" 

    "..." มารีเงียบไป

    เจ้าหมอนี่...

    "ตกลงครับ ผมจะไป ได้โปรดให้ผมไปทีครับ!" เสียงของดิวซ์เอ่ยกับอาจารย์ใหญ่ แถมดวงตาสีน้ำเงินเหลือบเขียวมองเธอด้วยสายตาที่ดูคล้ายจะชื่นชมอย่างไรก็ไม่รู้...สายตาแบบนั้นเธอไม่ชินเอาซะเลย

    "แต่ผมคงฟันธงให้ไม่ได้ว่าอยู่ในเหมืองนะครับ" เสียงของอาจารย์ใหญ่คราวลี่ย์เอ่ยราวกับเป็นการเตือน "เพราะเหมืองพึ่งถูกปิดไป ยังไงก็ฟันธงไม่ได้ครับว่าจะมีรึเปล่า"

    "ถ้าไม่ถูกไล่ออกไม่ว่าอะไรก็ทำได้ทั้งหมดนั่นแหละครับ!"

    คราวลี่ย์มองพวกเธอทั้งสามคนด้วยสายตาประเมิน เมื่อเห็นท่าทางของแต่ละคนที่อยู่ตรงหน้าของตนสุดท้ายก็จึงยอมพยักหน้ารับคำตกลงของอีกฝ่ายโดยที่แลกกับการไม่โดนไล่ออกเสียที

    "พรุ่งนี้เช้าต้องนำคริสตัลวิเศษมาให้ผมแลกกับการไม่โดนไล่ออกนะ" เขาเอ่ยกำชับ

    "ครับ ขอบพระคุณมากครับ!" ดิวซ์โค้งตัวลงให้กับอาจารย์ใหญ่เป็นการขอบคุณ เศษของแชนเดอเรียร์ยังคงแตกกระจายอยู่อย่างงั้น แต่มารีก็คิดว่าเดี๋ยวก็คงมีคนมาจัดการให้เองนั่นแหละ

    เธอมองอุปกรณ์ทำความสะอาดก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจทิ้งมันเอาไว้บนโต๊ะ แล้วก็ปล่อยเอาไว้แบบนั้นเมื่ออาจารย์ใหญ่ไม่ได้ว่าอะไรเธอ

    "อา...ช่วยไม่ได้ล่ะนะ" เสียงของเอซดังขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยล้า "งั้นรีบไปหาคริสตัลวิเศษกลับมากันเถอะ"

    "อื้ม นั่นสินะ---รีบไปแล้วรีบกลับกันเถอะ" เด็กสาวเอ่ยขณะที่ม้วนแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นเพื่อความเตรียมพร้อมโดนไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าเอซกำลังมองเธอนิ่งแทบจะไม่กระพริบตา

    สุดท้ายเด็กสาวก็หันมามองเอซที่ยังคงมองเธอนิ่ง ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหลบสายตาเลยด้วยซ้ำ

    "นี่นายน่ะ" เอซเป็นฝ่ายเอ่ยก่อนขณะที่ยื่นกริมม์ให้เธอไปด้วย "ขอบคุณนะ ที่พูดกับอาจารย์ใหญ่ให้ตะกี้"

    "ผมเองก็ต้องขอบคุณเหมือนกันนะครับ!" เสียงของดิวซ์เอ่ยดังขึ้น "ตะกี้ถ้าไม่มีคุณล่ะก็--"

    เด็กสาวมองสองเด็กหนุ่มด้วยสายตานิ่งๆ

    "ฉันชื่อมารี แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอบคุณด้วยซ้ำ" เธอค่อยๆเอ่ยขณะที่เสียงงัวเงียราวกริมม์กำลังพึ่งได้สติก็ดังขึ้น น่าแปลกที่ว่าพอเห็นสีหน้าของเจ้าแมวนี่ความโกรธเคืองของเธอก็เริ่มจะคลายลงบ้างแล้ว "ไว้จบเรื่องวุ่นวายพวกนี้พวกนายจะขอบคุณฉันซักพันรอบจะไม่ว่าอะไรเลย"

    "พูดเสร็จกันแล้วใช่ไหมครับ?" เสียงคราวลี่ย์เอ่ยตัดบทสนทนาของเอซกับดิวซ์ที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง "พวกเราจะใช้ประตูห้องกระจกเพื่อไปที่เหมืองคนแคระกันเลยนะครับ"

    "ครับ!"

    เด็กสาวพยักหน้าหลังจากคำพูดตกลงของดิวซ์

    "ไปกันเลยอาจารย์ใหญ่"

    ***

    ป่าเงียบงัน -เวลายามค่ำคืน



    "ต่อจากนี้ฝากดูแลพวกเขาด้วยนะครับ" เสียงของคราวลี่ย์เอ่ยขึ้นกำชับเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหายออกไปจากบริเวณเหมืองร้างที่พวกเธอพึ่งจะมาถึงได้ไม่นานนักหลังจากใช้ประตูของหอกระจกเพื่อก้าวเข้ามาสู่ที่นี่

    พอเสร็จกิจธุระมาส่งก็ทิ้งไว้เลยสินะ

    มารีพยักหน้าพลางคิดไปด้วย ร่างของคราวลี่ย์จากไปภายในพริบตาทิ้งไว้เพียงแค่พวกเธอสามคนภายในบริเวณป่าแห่งความเงียบงัน หรืออันที่จริงจะเรียกว่าฉากบ้านของเหล่าคนแคระทั้งเจ็ดกับสโนไวท์ก็ได้ ใช่ ที่นี่คงจะเคยเป็นบ้านของคนแคระทั้งเจ็ดในเรื่องสโนไวท์จริงๆเพราะมันเหมือนมาก

    ถ้าเบนจามินมาเห็นด้วยกันก็คงจะดี เด็กสาวคิดขณะที่กริมม์อยู่ข้างๆเธอ เขาชอบอนิเมชั่นแทบจะทุกเรื่องภายในดิสนี่ย์เลย

    "ที่นี่คือเหมืองคนแคระ...เมื่อก่อนมันเคยเต็มไปด้วยคริสตัลวิเศษล่ะนะ" เสียงของดิวซ์เอ่ยขึ้นกลบความเงียบงันของป่า พวกเธอสามคนหันมองซ้ายขวาที่มีแต่ความรกชันของบริเวณที่ถูกทิ้งร้างมานานแสนนาน

    "รู้สึกเหมือนจะมีอะไรออกมาเลย..." เสียงของกริมม์พึมพำออกมาแบบนั้น เด็กสาวตัดสินใจเป็นคนออกเดินนำหน้าแทนร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองขณะที่เสียงของกริมม์ดังลั่นราวตกใจ "เดี๋ยวสิ นี่เจ้าจะรีบเข้าไปเลยเหรอ!?"

    "อื้ม รออยู่ที่นี่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรนี่น่า" เด็กสาวเอ่ย

    "อย่างน้อยก็เคาะประตูหน่อยเถอะครับ!" มารีขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าของดิวซ์ที่คล้ายทำหน้าจริงจังขึ้นมาอย่างไรชอบกล แต่สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนจากมือที่เตรียมจะผลักประตูกลายมาเป็นเคาะประตูกระท่อมสองสามรอบ รออีกพักหนึ่ง---แล้วจึงเปิดเข้าไป

    "นายนี่นะ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจคำพูดของเจ้าหมอนี่ขนาดนั้นก็ได้" เสียงบ่นของเอซดังขึ้นมาเบาๆพอให้เธอจะได้ยินขณะที่ทั้งสี่คนเดินผ่านเข้ามาภายในกระท่อมของคนแคระทั้งเจ็ด

    ภายในกระท่อมนั้นเต็มไปด้วยหยากไย่และฝุ่น เก้าอี้ขนาดสำหรับเด็กเล็กกระจัดกระจายไปตามพื้นกระท่อมฝุ่นหนาเตอะ หยดหมึกสีดำหกเลอะเทอะกระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ แม้กระทั่งหม้อสีดำเองก็ล้มลงมาจากเตาผิง แต่น่าแปลกที่พวกมันไม่มีร่องรอยของหยากไย่และยังขยับเขยื้อนไปมาอยู่ตามแรงโน้มถ่วง และความมืดสลัวที่แทบจะไม่มีมีแสงสาดทำให้พวกเธอไม่ได้สังเกตเห็นมันเลยด้วยซ้ำ

    "เละเทะอย่างกับโดนโจรขึ้นบ้านเลยแฮะ" เด็กสาวเอ่ยขณะที่ก้มหลบหยากไย่แมงมุม ปล่อยให้ผู้เป็นปีศาจตัวน้อยอย่างกริมม์รับหยากไย่ติดหน้าไปโดยไม่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว 

    "ยะ-ใยแมงมุมติดหน้า!? แค่กๆ" เสียงของมันเอ่ยเช่นนั้น

    "อะไรเนี่ย หยดสีดำๆเต็มพื้นไปหมดเลย" เด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดเผยสีหน้าระแวงออกมาขณะที่เขากวาดสายตามองไปรอบๆเก้าอี้ตัวเล็กๆที่ขนาดราวกับเด็กนั่ง "เก้าอี้พวกนี้มีเยอะจังแฮะ...มีตั้งหนึ่ง...สอง...เจ็ด เจ็ดตัวก่อนแน่ะ ขนาดอย่างกับเก้าอี้เด็กเลย"

    "อาจจะเป็นกระท่อมที่สร้างขึ้นสมัยเหมืองคนแคระยังเต็มไปด้วยแร่ละมั้ง?" ดิวซ์เอ่ยคาดคะเน ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมรกตหรี่ตาลงเมื่อยามที่เพ่งมองไปยังรอยสีดำอย่างที่เอซเคยทำ "แต่...รอยดำๆที่พื้นพวกนี้มันคืออะไรกันน่ะ?"

    "หมึกหรือเปล่า?" มารีเอ่ยขึ้น เธอก้มมองหยดสีดำที่เปล่งประกายแวววาว ความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นภายในลำคอจนรู้สึกชวนคลื่นไส้---เด็กสาวกลืนน้ำลายก่อนที่จะค่อยๆมองไปตามทางรอยหยดหมึกที่นำทางไปสู่ประตูไม้ผุพังที่เปิดอ้าออก ข้างนอกของกระท่อมต่อจากนี้คือเหมืองร้างของคนแคระที่ถูกทิ้งเอาไว้ สถานที่ที่เป็นเป้าหมายหลักของเธอ

    แต่ว่า...ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนข้างหน้าต่อจากนี้จะมีอะไรบางอย่างอยู่กันนะ?

    แปลก...แปลกชะมัด

    "คุณมารี?" ดิวซ์เอ่ยขึ้น เรียกสติของเด็กสาวที่จ่อมจมกับความิดให้กับมาได้อีกครั้ง

    "ไปกันต่อเถอะ" มารีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากลั้นใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอไม่ชอบความรู้สึกนี้ของตัวเองสุดๆไปเลย...คงเพราะมันเหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิด "พวกเราใกล้จะถึงเหมืองกันแล้ว รีบไปเอาคริสตัลวิเศษแล้วรีบกลับกัน"




    "ฟุน๊า...จะเข้าไปจริงดิ?" เสียงร้องครวญครางของกริมม์เอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขาเดินทางมาถึงโพรงไม้ขนาดใหญ่ที่ดูอย่างไรก็เป็นซากของเหมืองร้างที่ถูกทอดทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว

    ดวงตาของมารีมองสำรวจ ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าที่นี่คงเป็นเหมืองในนิทานสโนไวท์ แต่ในโลกใบนี้จุดจบของสโนไวท์และของราชินีผู้ใจร้ายคงไม่เหมือนกันแน่แท้ สตรีขี้อิจฉาคนนั้นได้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดจนชักน่าสงสัยว่าสโนไวท์นั้นจะมีชีวิตเป็นอย่างไรต่อไปในบทละครที่ถูกกลับด้านนี้

    "กลัวรึไง?" เอซเอ่ย ใบหน้านั้นฉีกยิ้มเย้ยหยัน "กระจอกชะมัด"

    เจ้าแมวส่งเสียงตะโกนด้วยท่าทีหงุดหงิดอย่างไม่ยอมรับ

    "หาา!? มะ-ไม่ได้กลัวเสียหน่อย!" มันเอ่ยเช่นนั้น หางของกริมม์ตั้งขึ้นอย่างช่วยเสียมิได้ขณะที่เปลี่ยนจากอยู่บริเวณข้างหลังของมารีกลายมาเป็นด้านหน้าของเธอเสียอย่างงั้น "เดี๋ยวจะเป็นหัวหน้าให้เอง พวกแกแค่ตามมาก็พอ!"

    ดวงตาสีน้ำข้าวของเธอเหลือบไปมองเอซที่หาเรื่องกริมม์ เจ้าเด็กที่อยู่ด้านหลังของเธอมองนกมองฟ้า ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้

    เฮ้อ... เด็กสาวอยากจะถอนหายใจออกมาให้ดังๆซะจริง ขนาดเวลาแบบนี้ยังจะทะเลาะกันอีกรึไงนะ?

    ***

    เหมืองคนแคระ - เวลายามค่ำคืน



    "มืดจังเลยแฮะ" เสียงพึมพำของดิวซ์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝีเท้าที่ก้าวเยื้องเข้าไปภายในเหมืองคนแคระที่เงียบสนิท บัดนี้ความมืดได้เข้าคลืบคลานจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่งใดเข้าเสียแล้ว หากไม่ได้แสงสว่างจากเศษแร่เศษอัญมณีที่หลงเหลืออยู่ช่วยล่ะก็---ป่านนี้พวกเธอคงจะได้ตกที่นั่งลำบากกันเป็นแน่

    "ไม่เห็นจะมีอะไรตรงไหนเลย!" เสียงของกริมม์ดังขึ้น "ก็แค่เหมืองกระจอกๆนี่หว่า!"

    "..." เด็กสาวตีสีหน้าเคร่งเครียด ความรู้สึกขมคอชวนพะอืดพะอมยังคงอยู่ภายในปากของเธอ---เหมือนว่าจะไม่มีใครรับรู้กลิ่นจากหยดหมึกที่ดำที่เป็นเครื่องนำทางพวกเธอมาที่นี่เลยซักคนยกเว้นเพียงเธอ ไม่อย่างงั้นคงจะได้ยินเสียงบ่นจากฝีปากของใครซักคนไม่กริมม์ก็เอซไปแล้ว

    "คุณภารโรงทำหน้าเคร่งเชียว กลัวหรือคร้าบ?" เอซที่ตอนนี้เปลี่ยนขยับมาเดินข้างๆเธอเอ่ยด้วยสีหน้าหยอกเล่น ราวกับรอปฏิกิริยาของเธอตอบโต้

    แต่มารีพยักหน้ายอมรับแทน

    "อ่า ก็...นิดหน่อย" เธอเอ่ยขณะที่ยังคงเดินต่อ มองเอซที่พอเห็นสีลางๆก็รู้ว่าทำหน้าเซ็งเพราะหยอกเธอด้วยวิธีเช่นนี้ไม่ได้ผล

    "คุยกับนายไม่เห็นสนุกเลย" เขาหน้ามุ่ยราวกับไม่ถูกใจ ส่วนเด็กสาวก็ยักไหล่เมินคำพูดของเขาไปโดยตั้งใจ ดวงตาสีน้ำข้าวกวาดตามองภายในความมืดก่อนที่จะเห็นแสงสว่างที่สาดส่องมาจากอะไรซักอย่าง

    เป็นมัน...เจ้าหินแร่บางอย่างที่ราวกับคริสตัล มันอยู่ตรงนั้น บนแท่นหินที่เด่นชัด---แสงสว่างถูกเปล่งออกมาราวกับเกสรชั้นงามที่รอคอยพวกแมลงมาติดกับ

    ดวงตาของเด็กสาวเบิกตากว้าง

    "นั่นไง! ง่ายชะมัด!" เสียงของกริมม์ดังขึ้น มันไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่ามีบางอย่างจับจ้องอยู่ภายในความมืดมิด ไม่ได้สังเกตุเลยด้วยซ้ำว่ามีเศษชิ้นส่วนสีขาวขุ่นใสบางอย่างถูกฉีกกระจายอยู่บนพื้น พวกเศษสีขาวขุ่นเหล่านั้นถูกเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดสีดำเยิ้ม มันเพียงแค่พุ่งเข้าไป---อุ้งเท้าเล็กๆนั่นโอบคริสตัลวิเศษเอาไว้

    เงาดำเริ่มคลืบคลาน

    "เป็นไงล่า ฮิๆ!" มันเอ่ยขณะที่ชูคริสตัลขึ้นให้พวกเธอสามคนเห็นกับตา "ไม่เห็นมีอันตรายตรงไหนเลย"

    เสียงของอะไรซักอย่างเริ่มงึมงำ

    "ถ้างั้นรีบไปแล้วรีบกลับกันเถอะ รีบนำมันไปให้อาจารย์ใหญ่กันครับ!" เสียงของดิวซ์เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นปนโล่งใจที่มันช่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เท่านี้เขาก็จะไม่ได้โดนไล่ออกจากโรงเรียนแสนมีเกียรติแล้วล่ะ!

    "...ใคร?"

    ฝีเท้าของเด็กสาวแข็งค้างราวถูกตรึงให้อยู่กับที่

    มันกำลังโผล่เข้ามา

    มีแค่เธอที่ได้ยิน

    "จบซักที ไม่ลำบากกว่าที่คิดนะเนี่ย" เอซเอ่ย ร่างของเขาเข้าไปใกล้เจ้าคริสตัลวิเศษเม็ดงาม "เจ้านี่น่ะเหรอคริสตัลวิเศษ ก็ดูแตกต่างจากแร่ธรรมดาๆนิดหน่อยแฮะ"

    เด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดละสายตาออกจากมัน ไม่ว่าจะกริมม์ ดิวซ์ หรือเอซก็หันหลังให้เจ้าสิ่งมีชีวิตสีดำราวกับไม่สามารถสังเกตเห็นได้ไปเสียหมด

    มันเริ่มคลืบคลานเข้ามา ทิ้งรอยเคลื่อนไว้เป็นหยดรอยสีดำราวหมึกดำ

    "...ไม่-"

    "ป่ะ งั้นก็กลับกัน...-"

    บางสิ่งบางอย่างกำลังพุ่งออกมาจากมัน

    สัญชาตญาณของเธอตื่นตัวระรัวไม่ต่างจากในตอนนั้นเลยซักนิด

    ในเสี้ยววินาทีที่มือของเธอเอื้อมออกไปโดยอัตโนมัติ...-

    "หลบเร็วเข้า!!" เสียงของเด็กสาวตะโกนดังขึ้น มือของเธอกระชากร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองให้เคลื่อนตัวล้มเข้าหาเธอ มืออีกข้างกระชากเจ้าแมวดำเข้าสู่อ้อมแขนทันทีที่ดวงตาสีน้ำข้าวสบตากับเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนตัวอยู่ในความมืด

    " "เหวอ!?" " "ฟุน๊า!?"

    สวบ!

    อะไรบางอย่างพุ่งโจมตีเฉี่ยวโดนอุ้งมือของกริมม์และร่างของเอซกับดิวซ์ เจ้าแร่คริสตัลวิเศษตกกระทบลงพื้น ปากอ้าของเอซที่กำลังจะเอ่ยถามราวไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กสาวตะโกนชำเหลืองมองกลับไปยังสิ่งที่พึ่งจะเฉี่ยวเขาไปด้วยความเร็วราวไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ ดวงตาสีแสดสบตากับมัน ตามด้วยดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมรกต และสุดท้ายคือดวงตาของกริมม์

    พวกเขาจ้องเข้าไป...มองสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจจะถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดได้ มันเกินกว่าที่จะจินตนาการ เจ้าสิ่งมีชีวิตซากสีดำที่ขวดหมึกแตกกระจายอยู่ด้านบนตัวของเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเคลื่อนกายอย่างเชื่องช้า ตะเกียงแสงสีม่วงแตกกระจายและถูกกลืนกินเข้าไปที่ตัวของมัน เจ้าสิ่งนั้นจ้องมองมาที่พวกเขา ก่อนที่ดวงตาสีดำนั่นจะค่อยๆเลื่อนสายตาขึ้นไปมองที่เด็กสาว

    ความพะอืดพะอมขึ้นสู่ลำคอของเธอชวนคลื่นไส้ทันทีที่สบสายตากับสิ่งมีชีวิตนั่น

    "ไม่ให้..." มันเอ่ย เสียงกรีดร้องเปล่งออกมาจากอะไรซักอย่างบนตัวของมัน เจ้าหมึกสีดำบางาส่วนเคลื่อนกายออกมาจากร่างราวกับโซ่ เป้าหมายคือร่างของพวกเธอทั้งสี่ "ไม่...ให้...เอา...มา!!!"

    "เจ้านั่น...อะไร....น่ะ?" ดิวซ์เบิกตากว้าง ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับไก่ต้มแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีแรงเหลือพอที่จะพูดออกไป

    ณ นาทีจังหวะชีวิต มารีรีบคว้าร่างของกริมม์พาดบ่าเอาไว้บนร่างของเธอ เจ้าแมวนั่นสั่นกลัวด้วยความตกใจพอๆกับสีหน้าของเอซและดิวซ์ที่คล้ายตื่นตะลึง มือซ้ายของเธอช้อนร่างของเอซขึ้น ขณะที่มือขวาของเธอจัดการช้อนร่างของดิวซ์ขึ้นเช่นกัน

    "จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้ต้องหนีก่อน!"

    ฝีเท้าวิ่งออกไปด้วยความรีบร้อน

    ภายในสถานการณ์ที่หัวใจเต้นระรัว ความรู้สึกที่คุ้นเคยขณะขมคอยังคงไม่จางหายไป

    ***

    สาน์สจากไรท์

    : เจ้าบอส...อ่า? หรือไม่ควรจะเรียกว่าบอสดีในเมื่อแทบไม่เหลือโครงของมันตอนบทนำแล้ว(หัวเราะ) ในที่สุดเจ้าบอสบทนำก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วนะคะ ไม่นึกเลยว่ามันจะอีโวลูชั่นได้ถึงขนาดนี้(?) งานของสี่เกลอคงจะต้องยากและลำบากพอควรกว่าเดิมแน่นอนเลยค่ะ!

    ในตอนหน้าคือบทสุดท้าย...แฮ่ม ไม่ใช่ บทสุดท้ายของบทนำแล้วล่ะค่ะ นิยายเรื่องนี้ไม่ได้จบไวขนาดนั้น! ยังมีปมที่ไรท์ยังไม่ได้คลายตั้งเยอะตั้งแยะจะให้จบได้ยังไงกันล่ะ

    สำหรับตอนนี้...ไรท์ก็ไม่มีอะไรจะพูดมากเพราะที่อยากพูดมันไปอยู่ที่ตอนหน้าทั้งนั้นเลย(ยิ้มแห้ง) แต่ว่ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกให้รีดเดอร์ทุกคนรู้ไว้ก่อน หลังจากจบบทนำไรท์จะแต่งตอนพิเศษขึ้นมาหนึ่งตอน เป็นตอนพิเศษที่จะกล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ของตัวละครตัวหนึ่งกับมารีค่ะ(ถือว่าสนองนี้ดไรท์ไปในตัวด้วย)

    แต่ว่าตัวละครที่ว่าเนี่ยยังไม่ได้เลือกหรอกนะคะ(อ้าว) ฉะนั้นรีดเดอร์สามารถเสนอขึ้นมาได้หนึ่งตัวค่ะ(โหวตนั่นแหละนะ) ใครอยากให้แต่งระหว่างมารีกับคนไหนก็บอกมาได้ล่ะกันนะคะ (แต่ว่า ไปรอเสนอเอาที่ตอนคั่นบทนำ ยังไม่ให้เสนอตอนนี้หรอกนะ//หัวเราะชั่วร้าย)

    ปล. จบบทนำตามเนื้อเรื่องก็จะได้ขึ้นบทของริดเดิ้ลซะที ในฐานะคนเมนรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจมากเลยค่ะ(น้ำตาปริ่ม)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×