ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Just only Love เพียงรักเดียวที่หัวใจปราถนา

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 พบกันอีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 51





    ..: มีนา :..



    สายแล้วววววว สายตั้งแต่วันแรกแบบนี้ ฤกษ์ดีไปหน่อยมั๊ยน้าเรา

     

                ร่างบางร้องลั่นพลางขยับวิ่งไปตามทางเดินที่รายรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำให้บรรยากาศในยามเช้าดูสดชื่นมากขึ้นแต่คงไม่ใช่เวลาสำหรับจะมาดื่มด่ำไปกับธรรมชาติ หากว่าเธอสาย ก็เท่ากับเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีเอาเสียเลย

     

                มีนาสูดลมหายใจลึกเข้าปอดแล้วเพิ่มความเร็วมากขึ้น สายตาสอดส่องมองหาป้ายอาคารเรียนตึก 35 แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจอเสียที เจ้าตัวเลยได้แต่บ่นให้ตัวเองฟัง

     

                วันนี้คงต้องสายจริงๆล่ะมั้ง แค่ตึกคณะยังหาไม่เจอเลย

     

                ร่างบางในชุดนักศึกษาหยุดวิ่งแล้วยืนหอบหายใจ พลันสายตาไปสะดุดเข้ากับหนังสือของใครบางคนซึ่งนอนฟุบหลับอยู่บริเวณม้าหินใต้ต้นไม้ข้างบ่อน้ำภายในมหาวิทยาลัย ...หนังสือแบบเดียวกับที่เจ้าตัวกอดเอาไว้แนบอก  มีนาไม่ลังเลเลยที่จะวิ่งเข้าไปหาเขา เจ้าตัวก้มลงดูเวลาในนาฬิกาข้อมือแล้วคิดไปว่า บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะนอนเพลินจนลืมเวลาขึ้นเรียน... ล่ะมั้ง  

     

                คุณคะ นี่มันถึงเวลาเรียนแล้วนะ

               

    มีนาเอ่ยเรียกแล้วแอบมองหนังสือเล่มนั้นให้ชัดๆเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมาหน้าแตกภายหลัง ก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบนักศึกษาที่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นขึ้นมาคุยกับเธอ

     

    คุณตื่นได้แล้ว  หลับลึกอะไรจะปานนั้นคะพ่อคุณ

     

                คุณคะ! คุณ  คุณ!”

     

                หลายคุณแล้วนะคะ ... คนตั้งใจปลุกแอบบ่นในใจเมื่ออีกฝ่ายยังคงนอนนิ่ง จนกระทั่งตัดสินใจจะเอื้อมมือไปแตะแขนคนขี้เซาเพื่อให้เขารู้สึกตัว แต่เพียงแค่ยื่นมือออกไปร่างสูงกลับเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะแล้วขยับถอยออกห่างแทบจะทันที นัยน์ตาเรียวฉายประกายหงุดหงิดชัดเจน จนร่างบางผงะถอยหลังด้วยอาการตกใจไม่แพ้กัน

     

                ใบหน้าคุ้นตาไม่ได้ร่องรอยของความง่วงให้เห็น บางทีเขาอาจจะไม่ได้หลับเลยตั้งแต่ต้น หากแต่เพียงฟุบหน้าลงเพื่อหลบหนีความวุ่นวายรอบตัว หรือไม่ก็หลบหนีจากคนจุ้นจ้านที่จะมาคอยปลุกเขาให้เข้าเรียน

     

                “Anata !? …ah~  suimimasen” คุณ !?...   เอ่อ ขอโทษที่รบกวน

     

                ร่างบางผงกศีรษะขอโทษจนกลายเป็นเครื่องหมายแทนตัวเธอสำหรับเขาไปเสียแล้ว เจอหน้ากันเมื่อไหร่เป็นต้องผงกหัวให้ทุกทีไป เคนโซนิ่งมองเส้นผมสีดำสนิทที่พริ้มไปมาตามแรงสะบัดศีรษะก้มลงของมีนาแล้วเอ่ยถาม

     

                “nani?” มีอะไร 

     

    คิ้วเรียวยาวเลิกขึ้นอย่างคนต้องการคำตอบ ใบหน้าของเขาแลดูเหมือนคนญี่ปุ่นทั่วไป เหมือนกับดารานักแสดงที่เธอเห็นในโทรทัศน์ ผิวติดจะไม่ขาวมาก ไม่เหมือนคิมหันต์ที่ขาวเสียจนผู้หญิงหลายคนอิจฉา

     

                ~ ano... …”

     

                คนถูกถามได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง มีนาพยายามคิดหาคำศัพท์เพื่อบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้มันใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว แต่จนแล้วจนรอดศัพท์คำนั้นก็ยังคงไม่แล่นเข้ามาในหัวเธอเสียที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเองที่อุตส่าห์ได้รับความเมตตาจากอรุโณทัย อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นซึ่งอยู่ใกล้บ้านมาสอนให้ถึงที่ด้วยความเอ็นดูสองย่าหลาน

               

                เวรกรรม ทำไมภาษาญี่ปุ่นมันถึงไม่เข้ามาในหัวฉันบ้างเลยนะร่างบางบ่นอุบ ในขณะที่อีกฝ่ายเองก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เคนโซไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบ เขาเหมือนจะสนใจเมฆครึ้มดำบนท้องฟ้ามากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าลึกๆแล้วเขาสนใจอะไรบ้าง บางทีเขาอาจจะสนใจฟังประโยคที่เธอพูดเมื่อกี้แล้วแอบนึกหัวใจเราะในใจก็เป็นได้

     

                เอ่อ... โอ๊ย อยากจะบ้า เขาฟังภาษาไทยไม่ออกเลยเหรอไงน้าแม่นักศึกษาเข้าใหม่เอามือกุมขมับก่อนเงยหน้ามองอีกฝ่าย  ในใจก็นึกตำหนิอีกฝ่ายไปว่า อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนในประเทศไทยทั้งที ทำไมไม่หัดซึมซับภาษาไทยไปบ้าง  แต่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เข็มนาฬิกาในข้อมือของเธอก็ส่งเสียงเตือนเสียก่อนว่าได้เวลาเข้าเรียนแล้ว

     

    yabai!!  แย่ล่ะสิ!!

     

    คำสบถของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มีนาพยายามจะสวมวิญญาณเป็นอะไรสักอย่างที่สามารถสื่อสารด้วยการทำทาทางประกอบโดยไม่ต้องอาศัยคำพูด นิ้วเรียวชี้ที่หนังสือเรียนก่อนจะชี้ให้เขาดูนาฬิกาที่ข้อมือ แต่ชายหนุ่มแปลกหน้าซึ่งอาจจะกลายมาเป็นเพื่อนกันในสักวันก็ยังคงเฉย

     

    มีนาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจจะวิ่งหาตึกเรียนแต่ยังไม่วายอยากพาเคนโซไปด้วย แต่เพียงแค่เธอเอื้อมมือเข้าไปหวังจะคว้าข้อมือเขาเอาไว้ร่างสูงก็รีบเบี่ยงตัวหลบเสียจนแทบจะล้มลงไปกับพื้น สีหน้าของเคนโซดูเหมือนจะไม่พอใจกับการกระทำของเธอมากมายเสียจนเจ้าตัวชะงักหยุดยืนนิ่ง  ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องแสดงท่าทางรังเกียจเธอมากขนาดนั้น

     

    ฉันรู้สึกแย่มากเลยนะเคนโซ ฉันนึกว่าเคนโซคงจะรังเกียจฉัน... คงจะไม่ชอบฉันเอามากๆ ใครจะรู้ล่ะว่า วันนั้นฉันถูกผู้ชายหน้านิ่งแกล้ง ใครจะไปคิดว่าเคนโซจะแกล้งฉัน จริงไหม...

     

    เคนโซมองหน้าของมีนาชั่วครู่  คนตัวสูงกว่ามากหยิบหนังสือเรียนบนโต๊ะมาถือไว้ แล้วเอามือข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินนำหน้าออกไป เพื่อเรียกสติให้นักศึกษาใหม่วิ่งตามไปห่างๆ

     

    เพื่อนคนแรกที่เจอก็เป็นแบบนี้ไปซะแล้ว บ้าชะมัดเลยน้า

     

    คนเดินตามลากเสียงยานคาง ถึงแม้ว่าเคนโซจะเดินนำหน้าไปไกลพอสมควรแต่เขาก็ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดชัดเจน

     

    ถ้าต้องอยู่คนเดียว หรือว่าเจอคนอย่างเขา มีหวังฉันคงเฉาตายแน่ๆเลย ... เฮ้อ คิมหันต์ก็คงพึ่งไม่ได้หรอก ไม่มีทางหรอกน่า

     

    มีนาถอนหายใจยาว พลางละสายตาจากแผ่นกว้างของชายหนุ่มซึ่งเดินนำหน้าแล้วมองไปยังซุ้มที่เอาเถาวัลย์มาพันรอบล้อเกวียนเพื่อให้นักศึกษานั่งอ่านหนังสือ  สายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาทางเธอเช่นกัน  ใครบางคนที่พูดจาร้ายกาจราวกับว่าจะกรีดแทงให้ลงไปถึงหัวใจ

     

    ก็ไหนบอกว่าเราไม่รู้จักกันไง แล้วมามองหน้าคนไม่รู้จักกันทำไม...

     

    ร่างบางเบือนหน้าหนีแล้วเดินตามเพื่อนใหม่ซึ่งเธอทึกทักไปฝ่ายเดียวเข้าไปในตึกคณะของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าคนมองตามหลังจะรู้สึกยังไงที่ถูกเมินใส่เป็นครั้งแรก 

    นึกว่าตัวเองเป็นใครกัน นึกว่าฉันอยากมองเธอนักรึไง!”

     

    คนเจ้าอารมณ์สบถลั่นจนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องหันมาถามด้วยอาการสงสัย

     

    เป็นไรอีกล่ะ ใครไปทำอะไรให้ไม่พอใจรึไง

     

    คนถูกถามตวัดหางตามามองเพื่อนร่วมคณะ ก่อนจะเอ่ยคำตอบแบบสั้นๆได้ใจความแล้วรีบวิ่งขึ้นตึกเรียนเพราะไม่อยากมานั่งตอบคำถามของใคร เขาไม่เคยสนใจคนรอบข้าง ไม่ว่าเพื่อน อาจารย์หรือแม้แต่พ่อของตัวเอง

     

    เออ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×