คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 พบกันอีกครั้ง
..: มีนา :..
“สายแล้วววววว สายตั้งแต่วันแรกแบบนี้ ฤกษ์ดีไปหน่อยมั๊ยน้าเรา”
ร่างบางร้องลั่นพลางขยับวิ่งไปตามทางเดินที่รายรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำให้บรรยากาศในยามเช้าดูสดชื่นมากขึ้นแต่คงไม่ใช่เวลาสำหรับจะมาดื่มด่ำไปกับธรรมชาติ หากว่าเธอสาย ก็เท่ากับเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีเอาเสียเลย
มีนาสูดลมหายใจลึกเข้าปอดแล้วเพิ่มความเร็วมากขึ้น สายตาสอดส่องมองหาป้ายอาคารเรียนตึก 35 แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจอเสียที เจ้าตัวเลยได้แต่บ่นให้ตัวเองฟัง
“วันนี้คงต้องสายจริงๆล่ะมั้ง แค่ตึกคณะยังหาไม่เจอเลย”
ร่างบางในชุดนักศึกษาหยุดวิ่งแล้วยืนหอบหายใจ พลันสายตาไปสะดุดเข้ากับหนังสือของใครบางคนซึ่งนอนฟุบหลับอยู่บริเวณม้าหินใต้ต้นไม้ข้างบ่อน้ำภายในมหาวิทยาลัย ...หนังสือแบบเดียวกับที่เจ้าตัวกอดเอาไว้แนบอก มีนาไม่ลังเลเลยที่จะวิ่งเข้าไปหาเขา เจ้าตัวก้มลงดูเวลาในนาฬิกาข้อมือแล้วคิดไปว่า บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะนอนเพลินจนลืมเวลาขึ้นเรียน... ล่ะมั้ง
“คุณคะ นี่มันถึงเวลาเรียนแล้วนะ”
มีนาเอ่ยเรียกแล้วแอบมองหนังสือเล่มนั้นให้ชัดๆเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมาหน้าแตกภายหลัง ก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบนักศึกษาที่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นขึ้นมาคุยกับเธอ
“คุณตื่นได้แล้ว” หลับลึกอะไรจะปานนั้นคะพ่อคุณ
“คุณคะ! คุณ คุณ!”
หลายคุณแล้วนะคะ ... คนตั้งใจปลุกแอบบ่นในใจเมื่ออีกฝ่ายยังคงนอนนิ่ง จนกระทั่งตัดสินใจจะเอื้อมมือไปแตะแขนคนขี้เซาเพื่อให้เขารู้สึกตัว แต่เพียงแค่ยื่นมือออกไปร่างสูงกลับเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะแล้วขยับถอยออกห่างแทบจะทันที นัยน์ตาเรียวฉายประกายหงุดหงิดชัดเจน จนร่างบางผงะถอยหลังด้วยอาการตกใจไม่แพ้กัน
ใบหน้าคุ้นตาไม่ได้ร่องรอยของความง่วงให้เห็น บางทีเขาอาจจะไม่ได้หลับเลยตั้งแต่ต้น หากแต่เพียงฟุบหน้าลงเพื่อหลบหนีความวุ่นวายรอบตัว หรือไม่ก็หลบหนีจากคนจุ้นจ้านที่จะมาคอยปลุกเขาให้เข้าเรียน
“Anata !? …ah~ suimimasen” คุณ !?... เอ่อ ขอโทษที่รบกวน
ร่างบางผงกศีรษะขอโทษจนกลายเป็นเครื่องหมายแทนตัวเธอสำหรับเขาไปเสียแล้ว เจอหน้ากันเมื่อไหร่เป็นต้องผงกหัวให้ทุกทีไป เคนโซนิ่งมองเส้นผมสีดำสนิทที่พริ้มไปมาตามแรงสะบัดศีรษะก้มลงของมีนาแล้วเอ่ยถาม
“nani?” มีอะไร
คิ้วเรียวยาวเลิกขึ้นอย่างคนต้องการคำตอบ ใบหน้าของเขาแลดูเหมือนคนญี่ปุ่นทั่วไป เหมือนกับดารานักแสดงที่เธอเห็นในโทรทัศน์ ผิวติดจะไม่ขาวมาก ไม่เหมือนคิมหันต์ที่ขาวเสียจนผู้หญิงหลายคนอิจฉา
“~ ano... …”
คนถูกถามได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง มีนาพยายามคิดหาคำศัพท์เพื่อบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้มันใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว แต่จนแล้วจนรอดศัพท์คำนั้นก็ยังคงไม่แล่นเข้ามาในหัวเธอเสียที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเองที่อุตส่าห์ได้รับความเมตตาจากอรุโณทัย อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นซึ่งอยู่ใกล้บ้านมาสอนให้ถึงที่ด้วยความเอ็นดูสองย่าหลาน
“เวรกรรม ทำไมภาษาญี่ปุ่นมันถึงไม่เข้ามาในหัวฉันบ้างเลยนะ” ร่างบางบ่นอุบ ในขณะที่อีกฝ่ายเองก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เคนโซไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบ เขาเหมือนจะสนใจเมฆครึ้มดำบนท้องฟ้ามากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าลึกๆแล้วเขาสนใจอะไรบ้าง บางทีเขาอาจจะสนใจฟังประโยคที่เธอพูดเมื่อกี้แล้วแอบนึกหัวใจเราะในใจก็เป็นได้
“เอ่อ... โอ๊ย อยากจะบ้า เขาฟังภาษาไทยไม่ออกเลยเหรอไงน้า”แม่นักศึกษาเข้าใหม่เอามือกุมขมับก่อนเงยหน้ามองอีกฝ่าย ในใจก็นึกตำหนิอีกฝ่ายไปว่า อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนในประเทศไทยทั้งที ทำไมไม่หัดซึมซับภาษาไทยไปบ้าง แต่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เข็มนาฬิกาในข้อมือของเธอก็ส่งเสียงเตือนเสียก่อนว่าได้เวลาเข้าเรียนแล้ว
“ yabai!!” แย่ล่ะสิ!!
คำสบถของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มีนาพยายามจะสวมวิญญาณเป็นอะไรสักอย่างที่สามารถสื่อสารด้วยการทำทาทางประกอบโดยไม่ต้องอาศัยคำพูด นิ้วเรียวชี้ที่หนังสือเรียนก่อนจะชี้ให้เขาดูนาฬิกาที่ข้อมือ แต่ชายหนุ่มแปลกหน้าซึ่งอาจจะกลายมาเป็นเพื่อนกันในสักวันก็ยังคงเฉย
มีนาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจจะวิ่งหาตึกเรียนแต่ยังไม่วายอยากพาเคนโซไปด้วย แต่เพียงแค่เธอเอื้อมมือเข้าไปหวังจะคว้าข้อมือเขาเอาไว้ร่างสูงก็รีบเบี่ยงตัวหลบเสียจนแทบจะล้มลงไปกับพื้น สีหน้าของเคนโซดูเหมือนจะไม่พอใจกับการกระทำของเธอมากมายเสียจนเจ้าตัวชะงักหยุดยืนนิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องแสดงท่าทางรังเกียจเธอมากขนาดนั้น
ฉันรู้สึกแย่มากเลยนะเคนโซ ฉันนึกว่าเคนโซคงจะรังเกียจฉัน... คงจะไม่ชอบฉันเอามากๆ ใครจะรู้ล่ะว่า วันนั้นฉันถูกผู้ชายหน้านิ่งแกล้ง ใครจะไปคิดว่าเคนโซจะแกล้งฉัน จริงไหม...
เคนโซมองหน้าของมีนาชั่วครู่ คนตัวสูงกว่ามากหยิบหนังสือเรียนบนโต๊ะมาถือไว้ แล้วเอามือข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินนำหน้าออกไป เพื่อเรียกสติให้นักศึกษาใหม่วิ่งตามไปห่างๆ
“เพื่อนคนแรกที่เจอก็เป็นแบบนี้ไปซะแล้ว บ้าชะมัดเลยน้า”
คนเดินตามลากเสียงยานคาง ถึงแม้ว่าเคนโซจะเดินนำหน้าไปไกลพอสมควรแต่เขาก็ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดชัดเจน
“ถ้าต้องอยู่คนเดียว หรือว่าเจอคนอย่างเขา มีหวังฉันคงเฉาตายแน่ๆเลย ... เฮ้อ คิมหันต์ก็คงพึ่งไม่ได้หรอก ไม่มีทางหรอกน่า”
มีนาถอนหายใจยาว พลางละสายตาจากแผ่นกว้างของชายหนุ่มซึ่งเดินนำหน้าแล้วมองไปยังซุ้มที่เอาเถาวัลย์มาพันรอบล้อเกวียนเพื่อให้นักศึกษานั่งอ่านหนังสือ สายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาทางเธอเช่นกัน ใครบางคนที่พูดจาร้ายกาจราวกับว่าจะกรีดแทงให้ลงไปถึงหัวใจ
ก็ไหนบอกว่าเราไม่รู้จักกันไง แล้วมามองหน้าคนไม่รู้จักกันทำไม...
ร่างบางเบือนหน้าหนีแล้วเดินตามเพื่อนใหม่ซึ่งเธอทึกทักไปฝ่ายเดียวเข้าไปในตึกคณะของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าคนมองตามหลังจะรู้สึกยังไงที่ถูกเมินใส่เป็นครั้งแรก
“นึกว่าตัวเองเป็นใครกัน นึกว่าฉันอยากมองเธอนักรึไง!”
คนเจ้าอารมณ์สบถลั่นจนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องหันมาถามด้วยอาการสงสัย
“เป็นไรอีกล่ะ ใครไปทำอะไรให้ไม่พอใจรึไง”
คนถูกถามตวัดหางตามามองเพื่อนร่วมคณะ ก่อนจะเอ่ยคำตอบแบบสั้นๆได้ใจความแล้วรีบวิ่งขึ้นตึกเรียนเพราะไม่อยากมานั่งตอบคำถามของใคร เขาไม่เคยสนใจคนรอบข้าง ไม่ว่าเพื่อน อาจารย์หรือแม้แต่พ่อของตัวเอง
“เออ”
ความคิดเห็น