คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 ครอบครัวใหม่กับพี่ชายต่างสายเลือด
..: คิมหันต์ :..
มีนาหอบหิ้วสังขารตัวเองรวมไปถึงข้าวของพะรุงพะรังเต็มมือเดินลัดเลาะเข้ามาในสวนหลังบ้านซึ่งถูกประดับตกแต่งไว้ด้วยแมกไม้นานาพรรณ ทำให้คนครัวประจำคฤหาสน์หลังใหญ่ออกอาการตกใจอยู่ไม่น้อยที่คุณหนูคนใหม่ของบ้านผลักประตูไม้เขามาด้วยสภาพไม่ต่างอะไรไปจากลูกหมาตกน้ำ
“คุณมีน! ตายแล้วทำไมถึงตัวเปียกฝนแบบนี้ล่ะคะ ตายแล้วๆ ถ้าคุณแม่ของคุณรู้ ป้าโดนบ่นแน่ๆเลย”
ร่างอวบอัดสูงอายุลุกลี้ลุกลนวิ่งเข้ามาช่วยถือข้าวของก่อนจะรีบขยับเดินไปรินชาร้อนใส่แก้วกระเบื้องสีเขียวอ่อนแล้วส่งให้หญิงสาวรุ่นราวคราวลูกที่นั่งหอบหายใจอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะเตรียมอาหาร ผิวหน้านวลเนียนขึ้นสีระเรื่อเพราะออกแรงวิ่งมากจนเกินไป เธอหันมามองทางแม่ครัวร่างหนาพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
“อยู่ที่นี่แม่เคยบ่นป้ายิ้มด้วยเหรอคะ มีนไม่เคยเห็นแม่บ่นใครเลย”
มีนาเพิ่งจะย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของคฤหาสน์หลังนี้ เปลี่ยนสถานะจากเด็กสาวบ้านนอกกลายมาเป็นคุณหนูของบ้านหลังใหญ่ ในฐานะลูกสาวของมัณฑนา ภรรยาอีกคนของเจ้าบ้าน เธอเป็นที่รักของทุกคนเพราะอุปนิสัยน่ารัก อ่อนโยน หากแต่คงต้องเว้นไว้เสียคนที่ไม่ได้คิดแบบนั้น...
มัณฑนาแต่งงานเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ได้ปีกว่าแล้ว แต่มีนากลับเพิ่งเข้ามาอยู่ได้เพียงแค่อาทิตย์เดียว เพราะก่อนหน้านี้เธอต้องอาศัยอยู่กับย่าจันทร์ เพื่อดูแลหญิงชราร่างกายอ่อนแอและต้องสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักไป ทำให้มีนาเลือกจะอยู่กับยายมากกว่าผู้เป็นแม่ แม้จะรู้ว่ามัณฑนาต้องการให้เธอมาอยู่ด้วยก็ตาม กระทั่งย่าจันทร์เสียไป สองแม่ลูกถึงได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
“ไม่หรอกค่ะ ป้าขู่คุณมีนไปอย่างนั้นแหล่ะ คุณมีนจะได้ไม่ไปตากฝนอีก” คนพูดขยับยิ้มเอ็นดูแล้วเตรียมจัดแจงของว่างไว้รอเสิร์ฟให้มีนาเมื่อเธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
“แล้วนี่แม่กลับมาเหรอยังคะป้ายิ้ม อื้อ ป้ายิ้มอย่าบอกแม่นะว่ามีนออกไปซื้อของเองคนเดียว มีนไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
คนพูดวางแก้วชาลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบถุงสองสามใบขึ้นมาเหลือไว้เฉพาะถุงที่ใส่ของกินเอาไว้ให้แม่ครัวใหญ่เป็นคนจัดการ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวพ้นห้องครัว สายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับชามข้าวต้มกุ้งซึ่งวางทิ้งไว้บนโต๊ะเตรียมเครื่องปรุง
“ป้ายิ้มคะ นี่ข้าวต้มใครเหรอ น่ากินมาก มีนขอได้มั๊ย”
ร่างบางลูบท้องตัวเองพลางทำน้ำเสียงออดอ้อน แต่แม่ครัวใหญ่กลับไม่ยอมยกให้ง่ายๆ ทั้งยังทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจเสียอีก หญิงร่างหนาส่ายศีรษะไปมาแล้วเดินมาหยิบข้ามต้มกุ้งนั้นเทลงใส่ถังขยะ ท่ามกลางแววตาอาลัยอาวรณ์ของมีนา
“กินไม่ได้ค่ะคุณมีน ตั้งแต่เช้าแล้ว ป่านนี้อาจจะเสียแล้วก็ได้ สงสัยส้มมันคงลืมเก็บไปล้าง”
“อ้าว... เหรอคะ น่าเสียดาย” มีนาย่นจมูกเมื่อเห็นกุ้งตัวโตนอนนิ่งอยู่ในถุงขยะสีดำ
“ก็คุณคิมหันต์ไม่ยอมทานตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วค่ะ นี่ป้าก็ว่าจะเอาโจ๊กไปให้ เมื่อวานเธอคงมีเรื่องมา” แม่ครัวว่า พลางเดินเอาชามใบนั้นไปวางใส่ไว้ในกะละมังเพื่อรอให้คนล้างซึ่งแอบหนีออกไปซื้อส้มตำหน้าปากซอยกลับมาจัดการ
“มีเรื่องเหรอคะ”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นโบว์ยุ่งๆ เมื่อนึกถึงสมาชิกอีกคนของบ้าน คิมหันต์เป็นลูกชายคนเดียวของเอกสิทธิ์ เจ้าของบ้านหลังนี้กับภรรยาคนก่อนที่เสียไปเพราะอุบัติเหตุ ชายหนุ่มเป็นผู้ชายใบหน้าสวย ผิวขาวติดซีดเพราะไม่ชอบออกแดด แต่กลับไม่ได้ดูคล้ายคนขี้โรคเพราะรูปร่างของเขาแลดูสมส่วน
“เดี๋ยวป้าเอาโจ๊กของคุณคิมหันต์ไปให้มีนที่ห้องนะคะ เดี๋ยวมีนจะทำให้เขายอมทานเอง”
ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจถึงแม้ว่าลึกๆแล้วความเป็นไปได้ที่เธอจะเกลี้ยกล่อมเขาได้สำเร็จเป็น 0 ก็ตาม เฮ้อ... ทำไมชอบทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวจังน้า เป็นพวกมาโซคิสรึเปล่าเนี่ย มี นาลอบถอนหายใจคนเดียวแล้ววิ่งอ้อมไปขึ้นบันไดด้านหลังบ้านที่เชื่อมต่อกับระเบียงห้องนอนของเธอ ขืนให้วิ่งเข้าไปในตัวบ้านคงนานกว่าจะเดินไปถึงห้อง จนตอนนี้มีนาเริ่มเข้าใจแล้วว่า ใหญ่โตเสียจนไม่น่าอยู่ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...
“ป้าก็ได้แต่หวังว่าคุณคิมหันต์จะยอมใจอ่อนเสียที”
ภายในห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้ด้วยโทนสีทึบ ท่ามกลางแสงสว่างจากภายนอกที่สว่างเข้ามาเพียงน้อยนิด ร่างสูงยืนทอดสายตามองออกไปผ่านหน้าต่างกระจกบานยาวจรดพื้นสู่ม่านสายฝนซึ่งยังคงโปรยปรายลงไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุดลงง่ายๆ ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวแต่เจ้าตัวก็ยังคงไม่ยอมขวนขวายหาผ้าห่มมาปิดบังเรือนร่างท่อนบนที่เปล่าเปลือย เขายังคงยืนนิ่งมองหยาดน้ำฝนที่ตกกระทบลงบนผิวน้ำในสวน มองใบไม้สีเขียวอ่อนแก่สลับกันเริงรื่นไปกับความชุ่มช่ำที่ได้รับในวันฝนโปรยปราย
“คุณ
คนถูกเรียกตวัดสายตามองไปยังประตูห้องนอน ก่อนที่มันจะถูกผลักออกอย่างถือวิสาสะ มีนาขยับยิ้มกว้างจนลักยิ้มที่แก้มซ้ายบุ๋มลึกลงไปอวดเขี้ยวสวยซึ่งใครหลายคนอิจฉาในความน่ารักที่พระเจ้าประทานมาให้ หากแต่รอยยิ้มนี้กลับไม่สามารถละลายน้ำแข็งในใจของชายหนุ่มตรงหน้าได้เลย
“ใครใช้ให้เธอเสนอหน้าเข้ามา!”
ร่างสูงตวาดลั่น จนคนถูกหาว่าเสนอหน้าได้แต่นึกหมันไส้ในใจ
“เฮ้อ... ปากร้ายจังเลยน้า”ร่างบางลากเสียงแล้วขยับยิ้มให้ เธอคงเป็นคนเดียวในบ้านที่ไม่เคยสะทกสะท้านกับคำพูดร้ายกาจของเขา
“หัดพูดจาเพราะๆบางสิ ทั้งที่คุณออกจะน่ารักขนาดนี้แท้ๆเลยน้า...”
มีนาพูดพลางหยิบรูปภาพสมัยเด็กๆของเขาซึ่งวางอยู่บนชั้นวางของข้างเตียงนอนขึ้นมาดูแล้ววางชามใส่โจ๊กไว้แทนที่ รอยยิ้มของเด็กชายคิมหันต์ดูยังไงก็ไม่น่าจะกลายมาเป็นนายคิมหันต์คนนี้ได้เลย ทั้งเจ้าอารมณ์ ขี้โวยวาย โมร้าย ปากจัดแล้วไหนจะอกตัญญูเป็นที่หนึ่งอีก
“เลิกแส่เรื่องชาวบ้านซะที ฉันจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้แล้วกระชากกรอบรูปออกจากมือของอีกฝ่ายก่อนจะเหวี่ยงลงบนเตียงนอนอย่างไม่คิดใส่ใจไยดี ความใกล้ทำให้มีนาได้เห็นใบหน้าของเขาชัดมากขึ้น มุมปากมีรอยช้ำ และมีรอยแผลเป็นเล็กๆที่ข้างแก้มด้านซ้าย
“มองหน้าฉันทำไม!”
คิมหันต์ถามน้ำเสียงกร้าวเมื่อถูกดวงตากลมโตจ้องมอง จะมีสักครั้งไหมนะที่เขาจะพูดดีๆกับเธอบ้าง ทั้งที่เธอออกจะดีกับเขาขนาดนี้ แทบจะเอาไมตรีจิตไปจ่อคออยู่แล้ว ไม่คิดจะรับบ้างหรือไง
“คุณไปมีเรื่องมาอีกแล้วเหรอ”
มีนาเอ่ยถามออกไป ร่างบางขยับถอยออกห่างก่อนจะหยิบชามข้าวต้มมาถือเอาไว้ แล้วยื่นส่งให้ชายหนุ่มร่างสูงที่เอาแต่ทำหน้าจะกินเลือดกินเนื้อเธอ แต่จนแล้วจนรอดก็ได้แต่ถือเอาไว้อย่างนั้น เพราะคนตัวใหญ่กว่าไม่มีทีท่าว่าจะรับ
รู้อะไรมั๊ยคิมหันต์ ไม่ว่าคุณจะร้ายกาจกับฉันแค่ไหน ฉันก็ไม่เคยคิดจะโกรธคุณเลย ฉันคิดเสมอว่าเพราะคุณหวาดกลัวว่าจะถูกแย่งความรักจากพ่อคุณไป เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ แม้ว่าหลายต่อหลายครั้งฉันจะไม่เข้าใจก็ตาม
“คุณไม่ตอบคำถามฉันก็ไม่เป็นไรนะ แต่คุณต้องกินโจ๊กนี่ให้หมด ไม่งั้นคุณคงไม่มีเรี่ยวแรงมาสู่รบปรบมือกับลูกแม่เลี้ยงอย่างฉันแน่ๆ”
ถึงจะดูเหมือนถ้อยคำเยาะเย้ยจากศัตรูแต่ร่างบางตรงหน้าเขากลับขยับยิ้มกว้างให้ รอยยิ้มไร้เดียงสาที่โผล่เข้ามาในชีวิตเขาเมื่อ 5 วันก่อนหน้านี้ เข้ามาจุ้นจ้านไปเสียทุกเรื่อง เข้ามาวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น
“พูดมากน่า ตัวเล็กๆอย่างเธอแค่ฉันเหวี่ยงนิดเดียวก็คงไปตกไกลถึงชายแดนแล้วมั้ง”
ร่างสูงเดินถอยออกห่างก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียง ถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวมีอาการคล้ายจะมีไข้ เขาคงไม่ยอมนั่งนิ่งจนกว่าจะไล่ตัวจุ้นจ้านออกไปจากอาณาเขตส่วนตัวของเขาได้สำเร็จ
มีนาลอบมองเขาจากมุมที่เธอยืนอยู่ แรกๆเจ้าตัวยอมรับว่าเธอไม้คุ้นเลยที่ต้องมาเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนแล้วเดินร่อนไปร่อนมาทั่วห้อง แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องชินตาเสียแล้ว ไม่น่าเลยน้าฉัน เป็นผู้หญิงแท้ๆมาชินตากับเรื่องแบบนี้ได้ไง ...
“พรุ่งนี้มหา’ลัยก็เปิดแล้ว มหา’ลัยใหม่กับเพื่อนใหม่”
ร่างบางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอนฝั่งตรงข้ามกับเขา พลางนึกถึงเรื่องราวในรั้วมหาวิทยาลัยที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น กับเพื่อนใหม่ที่เธอไม่เคยรู้จัก แต่กลับต้องมาใช้เวลาที่เหลืออีก 1 ปีร่วมกัน
“จะมีใครรู้มั๊ยนะว่าฉันมาจากบ้านนอก ทุกวันบางครั้งฉันยังเห็นคนจูงวัวไปกินหญ้าเลยด้วยซ้ำ แต่ที่นี่คงไม่มีหรอก...”
คนเจ้าอารมณ์เหลือบมอบหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องกับเขาสองต่อสอง อายุของเขาและเธอเท่ากัน แต่มีนากลับดูเด็กกว่าอายุ เธอเหมือนจะเพิ่งอายุ 16 ทั้งที่ตอนนี้ก็ย่างเข้าอายุ 21 ปีแล้ว อาจจะเพราะแก้มป่องๆนั่นล่ะมั้งที่ทำให้เธอดูไร้เดียงสาน่ารักน่าเอ็นดู แต่นั่นไม่ใช่เขาแน่ ให้ตายแล้วเกิดใหม่ไปอีกสักร้อยครั้ง เขาก็จะไม่มีวันรู้สึกแบบนั้นกับลูกสาวของผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเอกสิทธิ์ ...ไม่มีทาง
“พูดพอรึยัง มหา’ลัยไม่ว่าที่ไหนๆก็เหมือนกันทั้งโลกนั่นแหล่ะ”
คนถูกดักคอหันมามองหน้าคนพูด ...ทำไมน้า ทำไม ผู้ชายคนนี้ถึงไม่น่ารักเอาเสียเลย
“ฉันก็แค่อยากจะพึ่งพาบ้าง ไม่ได้เหรอไง แค่อยากจะให้คุณรู้ว่าที่นั่นฉันไม่รู้จักใคร นอกจากคุณ...”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องคิดว่าเรารู้จักกัน”
น้ำเสียงเย็นชาของพี่ชายต่างสายเลือดทำให้คนฟังนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ นี่เขาเกลียดเธอมากมายขนาดนี้เลยเหรอ...
“อย่าลืมทานโจ๊กซะล่ะ ป้ายิ้มเป็นห่วงคุณมากนะ”
ร่างบางบอกก่อนจะเดินออกไปจากห้อง มีนาอดคิดไม่ได้ว่า คิมหันต์ไม่มีเหตุผล เป็นคนใจแคบ ทั้งที่เธอเองก็ต้องยอมให้แม่ของเธอแบ่งความรักจากพ่อของเธอมาให้เอกสิทธิ์ เหมือนที่ผู้ชายคนนั้นแบ่งเอาความรักจากแม่ของคิมหันต์มาให้แม่ของเธอ แต่ว่า... คนเป็นลูก สมควรจะทำทุกอย่างให้พ่อกับแม่มีความสุขไม่ใช่เหรอ ทั้งที่เธอเองก็ยอมรับเรื่องนี้เพื่อความสุขของแม่ แล้วทำไมเขาจะยอมรับเพื่อความสุขของพ่อบ้างไม่ได้หรือไง
คนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวภายในห้องล้มตัวลงนอน พลางนิ่งมองเพดานห้อง ถ้าเขาหลับตาลงจะต้องพบเจอกับฝันร้าย แต่ถ้าหากลืมตาก็จะต้องพบเจอกับปีศาจที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องจมอยู่กับฝันร้ายมานานนับ 10 ปี ...
ความคิดเห็น