วุ่นแทบตาย กว่าหัวใจจะลงตัว - วุ่นแทบตาย กว่าหัวใจจะลงตัว นิยาย วุ่นแทบตาย กว่าหัวใจจะลงตัว : Dek-D.com - Writer

    วุ่นแทบตาย กว่าหัวใจจะลงตัว

    มาร์คยิ้มออกมาอย่างสดใส งั้นขอมัดจำก่อนนะ มัดจำอะไร เขาปล่อยมือเธอข้างหนึ่งแล้วชี้ไปที่แก้มของตัวเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    315

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    315

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ต.ค. 48 / 21:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ต่างๆด้วยค่ะ เป็นกำลังใจได้มากๆเลย

      ส่วนเรื่องนี้ไม่เชิงว่าจะเป็นภาคต่อของหนูแพนกับพี่ภพหรอกค่ะ แต่เป็นอีกคู่ที่เกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกันมากกว่า ส่วนจะเป็นคู่ไหนก็ต้องติดตามอ่านกันเอาเองนะคะ อ้อ อยากจะแนะนำให้อ่านเรื่อง ที่แล้วก่อนนะคะ “เพียงคำๆนั้น” น่ะคะ เพื่อจะได้เข้าใจเนื้อเรื่องง่ายขึ้น อิอิอิ แอบโฆษณาไปในตัว
      ++++++++++++++++++++++++++++++


      วุ่นแทบตาย กว่าหัวใจจะลงตัว



      “เฮ้ย นี่ญาติฉัน มาร์ค” เสียงสดใสของวิทย์ทำให้กลุ่มหญิงสาวชมรมบาสที่นั่งคุยอยู่ที่ริมชายหาดเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสนอกสนใจ “มาร์ค นี่เดียร์ โบว์ ตาล น้ำ แล้วนั่นก็ไอ้เปล” เขาชี้ไปยังหญิงสาวร่างบางที่รวบผมยาวไว้ในหมวกแก๊ปกำลังวิ่งไล่จับปูลมอย่างสนุกสนาน



      มาร์คมองตามร่างนั้นด้วยรอยยิ้ม นี่แม่สาวน้อยหน้าใสนั่นท่าจะไม่กลัวแดดกลัวลมอะไรเลยนะเนี่ย วิ่งเล่นยังกับเด็กไม่เคยมาทะเล เอ๊ะ หรือไม่เคยหว่า



      วิทย์ฝากญาติของเขาไว้กับกลุ่มสาวๆ เมื่อเห็นเพื่อนโบกไม้โบกมือเรียกให้ไปเล่นฟุตบอลชายหาดและมาร์คขอผ่าน



      หนุ่มลูกครึ่งเข้ากับเพื่อนใหม่ได้ไม่ยาก และด้วยความที่เป็นคนมีอัธยาศัยดีบวกกับหน้าตาดี ทำให้สาวๆรู้สึกสนุกกับเขาทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกัน



      “มาร์คมีแฟนหรือยังเนี่ย” โบว์ถาม (ที่จริงทุกคนก็อยากรู้หมดแหละ แต่โบว์กล้าที่สุด)



      “ยังเลยฮะ อย่างผมเนี่ยจะมีใครเอา” เขาแกล้งทำหน้าเศร้าจนคนรอบๆอยากจะทำร้ายร่างกายด้วยความหมั่นไส้ แหม หน้าตายังกะแบรด พิตต์ หุ่นยังกะเบ๊คแฮม น่ารักน่าหยิกยังกะวิล สมิธ ใครไม่เอาก็ตาบอดแล้ว



      “เกย์หรือเปล่าเนี่ย” เสียงใสๆข้างหลังทำเอาชายหนุ่มสะดุ้ง



      เมื่อหันไป มาร์คก็เห็นหญิงสาวที่วิ่งไล่จับปูลมยืนค้ำศรีษะเขาอยู่



      “ไม่ใช่เกย์ครับ อยากลองพิสูจน์มั้ย” เขายั่ว เพราะทุกครั้งที่เขาพูดอะไรทำนองนี้ ผู้หญิงทุกคนมักจะหน้าแดงและเขินกับคำพูดเขา



      “เอาสิ” แต่ไม่ใช่เปรมิกา



      มาร์คอึ้งแล้วก็ยิ้มออกมา แต่ยังจะไม่ทันจะต่อปากต่อคำ ตาลก็ขัดขึ้นมาก่อน “ปากอย่างนี้อีกแล้วนะ”



      “โหพี่ตาล เปลคิดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ โกหกไม่เป็นหรอก” ว่าพลางนั่งลงข้างๆสายชล มือเรียวหยิบมันฝรั่งแผ่นขึ้นมากินอย่างสบายอารมณ์



      “ไม่เป็นไรหรอกฮะ พูดตรงๆ ผมว่าดีออก” มาร์คโปรยรอยยิ้มอีกครั้ง ทำเอาเปรมิกาอยากจะซัดหน้าหล่อๆนั่นสักที



      “เฮ้ย ไอ้เปล มาเตะบอลกัน” โก้ตะโกนโหวกเหวกมายังกลุ่มริมชายหาด “ไอ้แบงค์มันถูกตามตัวไปทำภารกิจด่วน”



      เปรมิการีบลุกขึ้นยืน แล้วก็วิ่งจู๊ดไปทางพี่ๆเพื่อนๆที่เล่นบอลชายหาดกันอยู่



      “ดูร่าเริงดีนะฮะ” มาร์คพูดขึ้นมาลับหลังหญิงสาว



      “มันร่าเริงตลอดแหละมาร์ค ซนเป็นที่หนึ่ง เฮี้ยวก็เป็นที่หนึ่ง ปากเสียก็ที่หนึ่ง แต่บางครั้งมันก็มากแมนเป็นที่หนึ่งเหมือนกัน” สายชลแอบนินทาเพื่อนซี้



      มาร์คไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วขอตัวไปร่วมเล่นฟุตบอลชายหาดกับกลุ่มผู้ชายแทน



      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



      หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการออกกำลังกลางชายหาดกันพอสมควรแล้ว หนุ่มสาวทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปล้างหน้าล้างตาเพื่อเตรียมตัวสนุกกันต่อกับปาร์ตี้บาร์บีคิว เปรมิกาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเหลือบไปเห็นรุ่นพี่หนุ่มสุดหล่อประจำชมรม ประจำคณะ และประจำมหาวิทยาลัยมานั่งอยู่คนเดียวก็อดแปลกใจไม่ได้ ร่างบางเดินตรงไปนั่งข้างๆบนม้าหินหน้าชายหาด



      “พี่ภพ มานั่งถ่ายมิวสิคอะไรตรงนี้”



      ชายหนุ่มสะดุ้ง ความคิดที่กำลังมีอยู่หายวับไปเมื่อเห็นหน้าตาอันสดใสของสาวรุ่นน้อง



      “ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” เขาตอบเลี่ยงๆ หากเปรมิกาไม่สน ถามตรงๆกลับไปทันที



      “เรื่องแพนอ่ะดิ” เรื่องเดียวที่เปรมิกาคิดว่าพิภพจะมีปัญหาด้วยก็คงเป็นเรื่องเพื่อนสาวคนสวยของเธอที่เขาเพียรจีบมาเป็นเวลานาน คิดแล้วก็ขำ ผู้ชายตัวโตที่มีความสามารถทุกด้าน กลับต้องมาแพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง



      พิภพมองหน้ารุ่นน้องแล้วก็ยอมรับออกมาด้วยการพยักหน้าเบาๆ



      “ทำไม มีอะไร” คนเดาถูกทำท่าอยากรู้เต็มที่



      ชายหนุ่มอึกอักอยู่ครู่เล็กๆ แต่เมื่อเห็นแววตาของเปรมิกาที่จ้องเขาอย่างเอาจริงเอาจังก็พูดออกมาเสียงเบา “เปลเจอญาตินายวิทย์แล้วใช่ไหม มาร์คน่ะ” เขาพูดต่อเมื่อเห็นคู่สนทนาพยักหน้า “พี่สงสัยว่าเขาจะชอบแพน”



      “หา!! นายนั่นน่ะหรอมาชอบแพน” หญิงสาวทำตาโต หยุดนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วพูดออกมาด้วยเสียงฉะฉาน “แน่ใจหรอพี่ เปลว่าพี่เข้าใจผิดมากกว่าม้าง นายนั่นก็แค่พูดมาก” เธอพูดเหมือนกับรู้จักเขาดียังไงยังงั้น “ถึงชอบจริงๆ แพนมันก็ไม่สนใจหรอก” มือเล็กๆตบลงไปบนบ่ากว้างอย่างสนิทสนม “เอาเหอะๆ เรื่องแค่นี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เปรมิกาละกัน แต่พี่อ่ะ รีบๆจัดการอะไรหน่อยก็ดีนะ มาให้คนอื่นคอยช่วยอย่างเนี้ย มันจะไม่สนุกเอา” หล่อนแสร้งทำตาขวาง



      “ขอบคุณนะเปล ไว้ถ้างานนี้สำเร็จแล้วพี่จะเลี้ยงข้าว” เขายิ้ม ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ารุ่นน้องจอมเฮี้ยวคนนี้จะช่วยเขายังไง



      “เอาเป็นสองอาทิตย์นะ เปลี่ยนด้วย อาหารญี่ปุ่น อิตาลี เม็กซิโก จีน ฝรั่ง...”



      “เอาเป็นว่าอยากกินอะไรบอก” พิภพตัดบทเมื่อเห็นว่าประโยคของรุ่นน้องดูท่าจะไม่จบลงง่ายๆ



      เปรมิกายิ้มร่า แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว อาหารฟรีๆก็มาอยู่ตรงหน้าตั้งสองอาทิตย์



      มาร์คที่กำลังจะเดินไปที่รถต้องหยุดมองเมื่อเห็นรอยยิ้มจริงใจบนสาวหน้าใสที่ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ เขากำลังจะยิ้มตามหล่อนแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่ข้างๆ!



      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



      พันธิตายกถาดบาร์บีคิวที่เสียบไม้เรียบร้อยแล้วออกมาจากครัว โดยมีมาร์คยกจานผลไม้ตามออกมาติดๆ



      “แพนมาถือผลไม้ดีกว่า อันนั้นมันหนักนะ” หนุ่มผมน้ำตาลอ่อนแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ



      ยังไม่ทันที่พันธิตาจะกล่าวปฏิเสธ มือเรียวของเพื่อนสาวก็ยื่นเข้ามาก่อน



      “แพน ไปช่วยน้ำมันจัดโต๊ะดีกว่า เดี๋ยวทางนี้เราจัดการเอง” เปรมิกา พยักเพยิดไปทางสายชล



      เมื่อพันธิตาเดินงงๆออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว สาวผมสั้นก็หันมาค้อนให้กับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ‘อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่านายจะมาไม้ไหน เฮอะ’ แล้วก็เดินไปยังโต๊ะที่กำลังถูกจัดอยู่ด้านนอกปล่อยให้มาร์คมองตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม



      และจากเหตุการณ์นั้น เปรมิกาก็จะคอยขัดขวางไม่ให้มาร์คได้คุยกับพันธิตาอีกตลอดงาน แต่ที่เธอไม่รู้ตัวคือเธอเริ่มรู้สึกใกล้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้น



      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



      บาร์บีคิวมื้อนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และก่อนที่ทุกอย่างจะจบเหมือนกับปาร์ตี้ริมชายทะเลทั่วไป พิภพก็เริ่มแผนการที่เปรมิกาวางไว้ด้วยการร้องเพลงให้พันธิตา ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังร้องเพลงและเพื่อนเธอกำลังม้วนไปม้วนมาเพราะความเขิน เปรมิกาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังหนุ่มลูกครึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลเพื่อที่จะสังเกตท่าทาง แสงจันทร์ที่อาบลงมาบนศรีษะสะท้อนกับเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนทำให้ดูแปลกตาและสะดุดตามากกว่าเก่า ปากสวยได้รูปกำลังยิ้มไปกับบทเพลงที่เหมือนจะสะกดทุกคนในที่นั้น สายตาคมเหมือนจะมองไปยังคนร้องแลดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ ดูดีชะมัด!



      และดูเหมือนว่ามาร์คจะรู้ตัวว่ามีคนมองอยู่ เขาตวัดสายตามองไปรอบๆแล้วก็สะดุดกับหญิงสาวร่างบางที่ทำท่าแปลกๆ



      เปรมิกา...ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงสนใจผู้หญิงคนนี้เป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะความร่าเริงหรือไม่ก็ความที่เธอเป็นคนตรงๆ ไม่มีจริตมารยาเหมือนผู้หญิงทั่วไป ออกจะแข็งแกร่งเสียมากกว่า แถมตัวเขาเองก็ไม่ชอบที่จะต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้ปกป้อง เขาเลือกที่จะเดินไปด้วยกันดูแลกันและกันมากกว่า เอ๊ะ...นี่หมายความว่าเขาชอบเปรมิกางั้นหรือ? มาร์คสะบัดศรีษะไล่ความคิดนั้นออกไป เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะชอบหญิงห้าวคนนี้ ก็เขาเพิ่งเจอเธอไม่ถึงวันเลยนี่ และดูเหมือนว่าเธอจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เขาหันไปมองพิภพที่กำลังร้องเพลงพร้อมกับทำตาหวานส่งไปหาพันธิตา เขารู้จากคนอื่นๆว่าพิภพชอบพันธิตามานานแล้ว และดูเหมือนสาวเจ้าก็มีใจตรงกันเสียด้วย งานนี้เปรมิกาคงต้องอกหักเป็นแน่แท้ ว่าแล้วมาร์คก็พ่นลมออกจากจมูกด้วยความสงสารสาวน้อยผมยาวคนนั้น



      หากแต่หญิงสาวที่เขานึกถึงกลับแปลความหมายของอาการถอนหายใจนั้นผิด ผิดกันอย่างสิ้นเชิง! เปรมิกาค่อนข้างแน่ใจแล้วว่ามาร์คต้องแอบชอบพันธิตาเป็นแน่แท้ มิเช่นนั้น เขาคงไม่ทำหน้าเศร้าออกมาหรอก ตายล่ะ เธอจะทำยังไงดีเนี่ย ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนเธอตกลงใจกับรุ่นพี่สุดหล่อก่อนเถอะ แล้วค่อยคิดแผนต่อไป เพราะอย่างน้อยถ้าเพื่อนเธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว นายนั่นคงไม่กล้าเข้ามายุ่มย่าม เอ...แต่เขาเป็นฝรั่งนะ อาจจะไม่สนใจเรื่องนั้นก็ได้ อะฮ้า...เพลงจบแล้ว และพิภพกำลังเดินตรงมาทางเธอ เพื่อนเธอน่ะ...ก็แหม ขอนิดนึง เขาออกจะหล่อแล้วก็แสนดีขนาดนี้



      เสียงโห่แซวดังต้อนรับชายหนุ่มตลอดทาง แต่เขาก็ไม่สนใจ เขาเอื้อมมือไปข้างหน้าแล้วย่อตัวลงพลางกระซิบอะไรบางอย่างกับพันธิตา เปรมิกาเห็นเพื่อนเธอพยักหน้าเบาๆแล้วเดินจูงมืออกไปกับว่าที่แฟน จบสักที เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แค่นี้ก็ได้กินข้าวฟรีตั้งสองอาทิตย์



      “เฮ้อ ลุ้นจนตัวโก่งแหน่ะ” สายชลลุกขึ้นบิดขี้เกียจ “เปลลุกเร็ว ไปช่วยเขาเก็บของเหอะ”



      “น้ำ” เปรมิกายังคงนั่งอยู่บนขอนไม้ท่อนเดิม มือบางดึงที่ชายเสื้อของเพื่อนไว้ทำให้สายชลมองกลับมา สบกับดวงตาเศร้าของเพื่อนอย่างจัง “ฉันหวิวๆว่ะ ต่อจากนี้ก็เหลือฉันกะแกอ่ะดิ ฉันกลัวว่ามันจะเปลี่ยนน่ะ ฉันรู้ว่าแพนมันไม่ใช่คนที่มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อน แต่มันก็ต้องเหงาใช่ป่ะ”



      เพื่อนสาวหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ทำเอาเปรมิกาส่งค้อนแทบไม่ทัน “โธ่ นึกว่าเศร้าเรื่องอะไร แกก็น่าจะรู้ว่า แพนมันไม่ใช่คนอย่างนั้น แล้วแกก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน” ว่าแล้วก็ทรุดนั่งลงข้างๆแขนเรียวโอบกอดเพื่อนคนสนิท “แต่ถ้าแกกลัวเหงา แกก็หาไว้ใช้งานเองสักคนดิ”



      “แกจะบ้าหรอ ที่พูดน่ะ แฟนนะเว้ย ไม่ใช่คนใช้ แล้วใช่ว่าฉันไม่อยากมีนะ แต่ยังไม่มีใครตกหลุมที่ฉันขุดไว้สักคน”



      พูดถึงตรงนี้สายชลก็หัวเราะออกมาอีกรอบ



      “แกขำอะไรนักหนาวะ” เปรมิกาเริ่มหงุดหงิด



      “ฉันก็ขำแกอ่ะดิ ปากก็บอกว่าไม่มีคนตกหลุม แล้วไอ้นายโอ๊ตที่มาจีบแกเทอมก่อนล่ะ ออกจะหล่อ แกดันไปทุ่มเขาซะเสียศูนย์เลย ยูโดมหาลัยนะนั่น”



      เปรมิกาส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ “ก็ไม่รู้อ่ะ ไม่ชอบ”



      “แล้วแกชอบแบบไหน เผื่อฉันจะลองหาให้ดู”



      ไม่รู้ว่าพระเจ้าดลใจหรือซาตานมาเข้าสิง คนเดียวที่เปรมิกานึกถึงเวลานี้ก็คือชายหนุ่มลูกครึ่งที่แอบหลงรักเพื่อนเธออยู่ข้างเดียว! แม้ใจจะคิดอย่างนั้น แต่ริมฝีปากบางกลับตอบออกไปว่า “ไม่รู้ว่ะ เนื้อคู่ฉันอาจจะยังไม่เกิด หรือไม่ฉันอาจจะตายด้านก็ได้”



      “ไอ้บ้า พูดออกมาได้ว่าตายด้าน” สายชลลุกขึ้นอีกครั้ง “เลิกคิดเหอะแก ถ้ามันจะมามันก็มา ตอนนี้ไปช่วยเก็บของเหอะ ดูดิ พี่โก้มองมายังกะจะฆ่าเราสองคนแล้วโยนทะเลแล้ว”



      สาวผมยาวหันไปมองก็พบกับสายตาคู่หนึ่งที่มองเธออยู่ก่อนแล้วแถมเป็นดวงตาอิมพอร์ตเสียด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอถึงเลือกที่จะหลบสายตาเขา และเดินไปอีกด้านหนึ่งแทน



      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



      “วางจานไว้ตรงนั้นแหละครับ เดี๋ยวแม่บ้านจะมาทำความสะอาดเอง”



      เปรมิกาหันไปมองต้นเสียงก่อนจะวางกองจานไว้ในอ่าง ไม่ลืมที่จะเปิดน้ำแช่ไว้เพื่อจะทำให้แม่บ้านล้างง่ายขึ้น “โหพี่วิน บ้านพี่มีแม่บ้านด้วยหรอ ไฮโซซะ”



      ระวินหัวเราะเบาๆ “ก็เพิ่งจะมีนี่แหละ จ้างไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ไม่ไหวๆ นายโก้มาทีไร เป็นต้องมาถล่มทุกที” เขาถือกระป๋องน้ำอัดลมยืนพิงโต๊ะกินข้าวด้วยท่าทีสบายๆ



      “มันก็จริง แต่เปลไม่เกี่ยวนา ดูดิ อุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเก็บกวาด ส่วนพี่โก้ นู่นแน่ เมาแอ๋อยู่ริมหาด สาธุ ขอให้คลื่นพัดออกทะเลไปด้วยเถิด” หญิงสาวพนมมือพลางพึมพำเบาๆ



      “แล้วเปลเรียนอยู่คณะอะไรเนี่ย เจอแต่ละทีก็ที่ชมรม” เขาถามหลังจากหัวเราะเบาๆกับคำภาวนาของสาวน้อยตรงหน้า



      “อยู่ศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษน่ะค่ะ แล้วพี่วินล่ะคะ?” หญิงสาวหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือ



      “ก็อยู่วารสารเหมือนไอ้โก้น่ะแหละ คบกันมาตั้งแต่ประถมโน่นแน่ะ” เขากอดอกยิ้มๆ



      “จริงหรอพี่ เปลก็คบกับแพนแล้วก็น้ำมาตั้งแต่ประถมแน่ะ”



      ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีใครมาแตะไหล่เขาจากข้างหลัง “อ้าวมาร์ค ข้างนอกเรียบร้อยแล้วหรอ”



      มาร์คพยักหน้าเบาๆ “ครับ เก็บหมดแล้ว พี่โก้ให้มาตามพี่น่ะครับ”



      “โทษทีนะ ที่ให้ช่วยเก็บ ยังไงพี่ขอตัวก่อนละกัน กู๊ดไนท์นะน้องเปล นายด้วยมาร์ค” เจ้าของบ้านโบกมือเป็นเชิงลาแล้วจึงเดินออกไปหาเพื่อนซี้ที่นอนเมาอยู่หน้าบ้าน



      เมื่อเห็นระวินเดินออกไปแล้ว เปรมิกาก็ทำท่าจะออกไปบ้าง ไม่ไหว ในครัวนี่ร้อนเหลือเกิน ไม่รู้ว่าร้อนอะไรก็เหอะ



      “จะไปนอนแล้วหรอ” ภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆจากผู้ชายตัวโตเป็นต้นเหตุให้ขาที่จะก้าวชะงักกะทันหัน



      “อือ” เธอตอบแผ่วเบา ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน



      หนุ่มลูกครึ่งยืดตัวตรง “เสียใจหรอ”



      หญิงสาวทำหน้างง นี่เขาหมายถึงอะไร “นายพูดเรื่องอะไรน่ะ”



      “ผมเห็นนะ ตอนที่พี่ภพเดินไปกับแพนแล้วน่ะ” เขาเห็นว่าเปรมิกาทำท่าเศร้าๆแล้วสายชลก็เข้ามาปลอบ เธอคงเสียใจเรื่องที่ตัวเองอกหัก



      ดวงตาใสเบิกกว้าง “นายเห็น” เธอถามเสียงสูง อายชะมัด



      มาร์คพยักหน้า ไม่รู้ทำไม พอเห็นเธอเศร้า เขาก็เศร้าไปด้วย ก็นะ เขาชอบเวลาที่เธอยิ้มมากกว่า “ถ้าอยากระบายอะไร ผมว่างเสมอนะ”



      คราวนี้เปรมิกาหรี่ตามองอย่างสงสัย “ไม่เป็นไรอ่ะ ขอบใจนะ แล้วไม่ต้องไปพูดเรื่องนี้กับใครล่ะ” ว่าแล้วเธอก็หมุนตัวไปอีกด้าน นายนี่เป็นอะไรนะ จู่ๆก็มาทำดีด้วย คุยกันแค่สองสามคำ ทำมาเป็นตีซี้ รู้ล่ะ หวังใช้ฉันเป็นสะพานไปหาแพนแน่ๆ  



      ชายหนุ่มคว้าข้อมือบางไว้ได้ก่อนที่เธอจะเดินผ่านไป เจ้าของข้อมือมองกลับมาอย่างเอาเรื่อง “นี่ นายทำอะไรน่ะ”



      “ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาทำหน้าตาขึงขังจนเปรมิกาชักกลัว ปกติเห็นเขาขี้เล่นตลอด มาเจออารมณ์นี้ สาวห้าวก็สาวห้าวเหอะ หนาวได้เหมือนกัน



      หญิงสาวพยายามอยู่นานกว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ “คุยเรื่องอะไร” ถามเสียงตะกุกตะกัก ทำไมใจฉันต้องเต้นแรงด้วยเนี่ย เหล้าเบียร์ก็ไม่ได้ดื่มนี่หว่า



      “เรื่องแพน” เขาตอบเสียงเข้ม รู้สึกสงสารหล่อนขึ้นมาจับใจ ก็ถ้าคนที่เธอชอบมาเป็นแฟนกับเพื่อนสนิทเนี่ย มันก็คงไม่ค่อยจะถูกใจวัยรุ่นสักเท่าไหร่ เขาคิดว่าถ้าเธอได้ระบายอะไรออกมาบ้าง เธออาจจะรู้สึกดีขึ้น



      อาการน้อยใจที่เจ้าตัวไม่ทันได้สังเกต ถูกแสดงออกมาทางแววตา เธออุตส่าห์หลงดีใจที่เขามาเป็นห่วงเป็นใย แต่เอาเข้าจริงแล้ว เขาก็คงจะมาปรึกษาเธอเรื่องพันธิตานั่นแหละ “ไม่คุย” ว่าแล้วเธอก็สะบัดข้อมือให้หลุดออกจากพันธนาการของหนุ่มร่างสูง รู้สึกอิจฉาเพื่อนรักขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ



      เมื่อเป็นอิสระจากเขาแล้ว เปรมิกาก็รีบวิ่งขึ้นไปข้างบนห้อง หนีตัวเองจากความเป็นจริงที่ตัวเองคิด ว่ามาร์คชอบเพื่อนเธออยู่ และเธอก็ไม่มีสิทธิจะไปคิดอะไรกับเขาด้วย



      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



      ดึกมากแล้ว แต่ชายหนุ่มลูกครึ่งยังไม่อาจข่มตาหลับได้ เขาเดินลงมาที่ชายหาดที่ตอนนี้ร้างผู้คน จะมีก็แต่แสงดาวและแสงจันทร์พอให้ความสว่างได้บ้าง ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนผืนทรายไม่ไกลจากที่พักมากนัก เมื่อเหม่อมองไปยังผืนน้ำข้างหน้า ความคิดความรู้สึกที่มีอยู่ก็พร่างพรูออกมาจนเขาไม่สามารถปรับตัวได้ทัน



      แววตาที่เปรมิกามองเขาเมื่อกี้มันเป็นแววตาของคนเป็นทุกข์ชัดๆ การที่เขาเอ่ยถึงพันธิตาในตอนนั้นคงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เขาเคยได้ยินคนพูดมาว่า เวลาอกหัก ให้ระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมาให้หมด แล้วจะสบายใจขึ้น คนๆนั้นคงคิดผิดมหันต์ ดูท่าเปรมิกาต้องการที่จะไม่พูดถึงมันมากกว่า คิดมาถึงตรงนี้เขาก็ถอนหายใจขึ้นมาอีกครั้ง นี่เขาทำให้เธอเจ็บหรือเปล่า



      การมาทะเลที่ญาติผู้พี่ชวนมาครั้งนี้ มาร์คคิดว่าเขาคงจะสนุกกับเพื่อนใหม่และลืมช่วงเวลาเหงากับการที่ครอบครัวอยู่ห่างไกล เขาไม่ได้นึกมาก่อนเลยว่า จะต้องมีเหตุการณ์มาทำให้เขานั่งเศร้า แถมคนต้นเหตุก็ยังเป็นคนที่ไม่เคยพูดดีกับเขาเลยสักครั้ง เขาเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมานั่งแคร์เปรมิกามากขนาดนี้ หรือว่า



      ยังไม่ทันให้คำตอบกับตัวเอง เสียงทุ้มนุ่มก็ปลุกเขาจากความคิดอันอื้ออึง



      “นอนไม่หลับหรอมาร์ค”



      “อ้าวพี่ภพ ครับ นอนไม่หลับ” ทำไมพิภพคนที่เปรมิกาแอบชอบต้องออกมาตอนนี้ด้วยนะ



      “วันนี้ดาวเยอะดีเนอะ” คนมาใหม่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ



      “ครับ” เขาตอบสั้นๆ



      พิภพหันหน้าไปมองญาติของเพื่อนแล้วก็ขมวดคิ้วบางๆ “เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย” ทุกครั้ง มาร์คจะต้องเป็นคนชวนคุย ไม่ใช่มานั่งถามคำตอบคำอย่างนี้ “มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ น้องไอ้วิทย์ก็เหมือนกับน้องพี่ คนกันเองทั้งนั้น”



      มาร์คอยากจะเตะตัวเองสักสามร้อยครั้ง ก็เขาดีอย่างนี้เนี่ยแหละ คนโน้นคนนี้ถึงได้มารุมชอบ “แหมพี่ ไม่มีไรหรอก ว่าแต่พี่เหอะ น่าจะนอนหลับฝันได้แล้วนะ ดูดิ นั่งยิ้มคนเดียวก็เป็น”



      คู่สนทนาหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “มันมีความสุขจนนอนไม่หลับ” ยิ้มออกมาอีกครั้ง



      “พี่ชอบแพนมานานแล้วหรอครับ” มาร์คถามด้วยความอยากรู้ว่าจะมีอะไรมาทำให้ชายคนนี้เปลี่ยนใจได้ไหม เปลี่ยนใจไปหาเปรมิกา ผู้หญิงผมยาวร่าเริงคนนั้น



      “ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลยล่ะ” เขานึกไปถึงวันรับน้อง



      “แล้วพี่ก็ตามจีบมาตลอดเลยหรอฮะ”



      “สามปีไอ้น้อง สามปี” เขาชูนิ้วขึ้นประกอบพร้อมทำท่าภูมิใจเป็นอย่างมาก



      “โห” มาร์คทำตาโต “พี่ทำได้ไงอ่ะ เป็นผมนะ ชิ่งแล้ว อย่าว่าแค่สามเดือนเลย สามอาทิตย์ก็จะตาย”



      “ตอนแรกพี่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่พอคิดดูดีๆ ก็คนนี้แหละเป็นคนที่เราต้องการ แบบเห็นแล้วใช่อ่ะ ถ้าไม่ใช่คนนี้เราก็ไม่เอา จำไว้นะว่ารักแท้ย่อมมีอุปสรรค” เขายิ้มอีกครั้ง



      หนุ่มรุ่นน้องนั่งนิ่ง “คือพี่ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนใจแล้วใช่มั้ยฮะ”



      “อือ” พิภพตอบโดยไม่ต้องคิด



      ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ จนพิภพถามขึ้นมาทั้งๆที่ดวงตายังจับจ้องไปยังแสงไฟที่เห็นลิบๆกลางทะเลกว้าง “แอบชอบใครอยู่หรอ”



      มาร์คสะดุ้งเล็กๆโดยที่คนถามไม่ทันสังเกต “ทำไมถามงี้อ่ะพี่”



      “ก็เดาเอา อาการอย่างนี้พี่ก็เคย” เมื่อเห็นมาร์คยังเงียบอยู่ ผู้เชี่ยวชาญจึงพูดต่อ “คิดยังไงกับเขาก็บอกเขาไปซะ เก็บไว้อย่างนี้ให้ตายก็ไม่มีใครรู้”



      ลูกศิษย์จำเป็นทำท่ายุกยิก ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า เอาวะ พูดก็พูด “ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าชอบเขาหรือเปล่า แต่ถึงผมชอบ มันก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเขาชอบคนอื่นอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันก็เหอะ ผมรู้ว่าเขาชอบผู้ชายคนนั้นมาก ยังไม่พอนะพี่ ผมคิดว่าเขาคงเกลียดผม แล้วจะนับประสาอะไรกับการที่เขาจะมองมาทางผมสักนิด มันเป็นไปไม่ได้ ผมรู้ดี” พอได้โอกาสคนที่นั่งเงียบมานานก็ใส่เป็นชุด ราวกับว่าถ้าเก็บไว้อีกนิด ตัวเองอาจจะอกแตกตายได้



      คนเป็นรุ่นพี่ละสายตาจากธรรมชาติที่แสนสวยงามแล้วมองมายังคนข้างๆที่ดูดีไม่แพ้กัน “แล้วลองหรือยัง ถ้านายเป็นนักกีฬานะ นายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่งแล้ว พี่จะเล่าอะไรให้ฟัง มีอยู่ครั้งนึงนะ ทีมบาสของเราต้องแข่งกับแชมป์ของประเทศ พูดแค่นี้ก็รู้ว่าเราต้องแพ้ แต่แทนที่เราจะปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่เกมกีฬาเกมหนึ่ง เรากลับซ้อมแทบเป็นแทบตาย หวังจะโค่นทีมแชมป์ให้ได้ ถึงผลสุดท้ายเราจะแพ้ แต่ขอบอกไว้นะว่าเราแพ้เขาแค่คะแนนเดียว และไอ้เกมๆนี้แหละ สอนให้เรารู้ว่า ถ้าเราพยายาม สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ อาจจะเป็นไปได้ขึ้นมาสักวัน”



      มาร์คนิ่งไปอีกครั้งกับคำแนะนำ



      พิภพยกมือปิดปาก “เฮ้อ ง่วงแล้ว พี่ว่าพี่ไปนอนก่อนดีกว่า เก็บเอาคำที่พี่พูดไปคิดให้ดีนะ ไม่แน่สิ่งที่เราหวังไว้อาจเป็นจริงขึ้นมาสักวัน” เขาลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินกลับหากยังหันหลังกลับมาหาคนที่ยังไม่ขยับตัว “อ้อ อีกอย่างนะ บางครั้งสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราคิดก็ได้ แล้วก็ขอโทษด้วยที่คิดว่านายเคยชอบแพน รีบเข้านอนล่ะ เดี๋ยวตื่นสายถูกทิ้งไม่รู้ด้วย” เขาโบกมือให้ก่อนจะหายเข้าไปในบ้านพัก



      นั่งมองดวงดาวกับสายลมได้สักพัก ชายหนุ่มก็ตามรุ่นพี่กลับเข้าไปในบ้าน ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ยังหาคำตอบกับสิ่งที่ควรจะทำไม่ได้



      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



      เปรมิการีบผลุบตัวลงเมื่อเห็นร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะตามรุ่นพี่ของตนเข้าไปในที่พัก แล้วนี่เธอมายืนมองเขาอยู่ได้ตั้งนานเพื่ออะไรนะ อันที่จริงเธอก็กะจะออกไปเดินเล่นอยู่ก่อนล่ะ เพราะทำยังไงก็นอนไม่หลับ แถมยิ่งได้ฟังเรื่องจากพันธิตาแล้วยิ่งกระสับกระส่ายเข้าไปใหญ่ แต่เมื่อเดินลงมาชั้นล่างแล้วเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่ตอนนี้เริ่มจะคุ้นตา อยู่ตรงหน้า เธอจึงเลือกที่จะหลบขึ้นมาข้างบนเพราะยังไม่พร้อมจะเจอหน้าเขา ซึ่งมันก็ฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไหร่



      “แกมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” สายชลที่ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำทักเพื่อนสาวที่กำลังทำท่าเหมือนหลบอะไรสักอย่างอยู่



      ดีที่เธอรับรู้ถึงการทำธุระของเพื่อนอยู่แล้ว เปรมิกาจึงไม่ตกใจมากนัก ร่างบางลุกขึ้นยืนเอามือเกาะราวระเบียงไว้ พร้อมสูดกลิ่นอายของทะเลหวังจะกลบเกลื่อน “นอนไม่หลับ”



      คนเพิ่งตื่นขยี้ตาเพื่อปรับแสงทั้งๆที่มันไม่ค่อยจะต่างกันสักเท่าไหร่ “อย่างแกเนี่ยนะ นอนไม่หลับ ฉันก็เห็นแกหลับก่อนเพื่อนทุกที”



      “คราวนี้มันมีเรื่องต้องคิดเว้ย” พูดจบมือเรียวก็แทบจะยกขึ้นมาปิดปากไม่ทัน สายชลยิ่งเก่งๆซะด้วยเรื่องล้วงความลับ แล้วดูสายตาที่มองมาสิ ยังกับหล่อนเป็นเอฟบีไอ แล้วเธอเป็นผู้ต้องหางั้นแหละ



      คราวนี้คนที่ยังงัวเงียอยู่ทำตาโตด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เรื่องอะไรที่แกต้องคิด ไหนบอกมาสิ”



      “ก็เรื่องไร้สาระน่ะ” เปรมิกาบอกปัดๆ



      “แกคิดว่าฉันโง่หรอวะ ฉันน่ะเห็นแกมาตั้งแต่แกใส่คอซองวิ่งไล่เตะพวกผู้ชายที่มาเปิดกระโปงแพนอยู่เลย แกมีอะไรแต่ละทีมันออกมาทางหน้าแกหมดแล้ว ฉันจะบอกให้นะ ว่าแกอ่ะ มีอะไรก็ปิดไม่มิดหรอก แกก็เคยบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าแกเป็นคนตรงๆ มีอะไรก็พูด แล้วที่อย่างนี้มาทำเป็นท่ามาก” สายชลหลอกล่อ



      “เออๆ อยากรู้ก็พูดมาตรงๆก็ได้ ทำเป็นชักแม่น้ำทั้งห้าท้องฟ้าทั้งหกมาพูด” ว่าแล้วก็ลุกไปนั่งบนเก้าอี้หวายมุมระเบียง



      “ว่ามาไอ้น้อง” เพื่อนสาวเดินตามไปนั่งบนเก้าอี้ติดๆกัน



      “มาร์คอ่ะ”



      “เขามาจีบแกหรอ” สายชลขัดจังหวะ



      คนกำลังจะเล่าหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสายตาเคืองๆพลางเอามือตีหน้าผากเพื่อนเบาๆ “ไอ้บ้า ไม่ใช่เว้ย”



      “อ้า แล้วมาร์คทำไมอ่ะ” สายชลลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ



      “ก็กำลังจะเล่า อย่าขัดได้ไหม” เปรมิกาทำเสียงไม่พอใจ



      “ข้ออภัย ข้าน้อยผิดไปแล้ว เชิญท่านเล่าต่อได้”



      “ก็มาร์คอ่ะ แอบชอบแพนอยู่” พูดเสียงเบาๆด้วยความเกรงว่าจะมีใครได้ยิน



      “มาร์คเนี่ยนะ แกรู้ได้ไง”สายชลขยับมานั่งใกล้ยิ่งขึ้น



      “พี่ภพบอก แล้วฉันก็เห็นด้วยว่าเขาแอบมองแพน แล้วเมื่อกี้นะ เขาจะมาคุยกับฉันเรื่องแพนด้วยล่ะ”



      “จริงอ่ะ?” เพื่อนสาวยังไม่อยากเชื่อ



      “ก็จริงอ่ะดิ ฉันเนี่ยเห็นมากับตา” แล้วทำไมเวลาพูดมันต้องเจ็บในใจด้วยเนี่ย



      “ฉันนึกว่าเขาล้อกันเล่นเสียอีก ก็เห็นพี่จี้บอกว่าพี่ภพชอบทำตัวขี้หึงเกินเหตุ พอมาร์ครู้ว่าพี่ภพคิดว่าเขาชอบแพน เขาเองยังขำเลย” สายชลได้ยินมาจากรุ่นพี่ว่าพิภพคิดไปเองว่าหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นมาชอบหญิงสาวที่เขากำลังหมายปองอยู่ มาร์คก็แค่ชวนคุยตามประสาคนอารมณ์ดีก็เท่านั้น



      “ก็เขายังมาบอกฉันอยู่เลยว่าจะคุยด้วยเรื่องแพนอ่ะ” เปรมิกายังยืนยัน แม้ในใจจะรู้สึกโล่งไปครึ่ง



      คนรู้มากทำท่าเปิดปากจะพูด ก่อนจะปิดตามเดิมแล้วหันไปยิ้มทะเล้นใส่เพื่อนสาวที่ยังงงๆกับข้อมูลที่ได้รับ “แล้วแกมานั่งเครียดทำบ้าอะไร มันไม่เห็นเกี่ยวกับแกสักหน่อย”



      “ก็...”



      “ฮั่นแน่ แกแอบชอบมาร์คอ่ะดิ” ไม่พูดเปล่า แต่ชี้หน้าล้อเพื่อนด้วย



      เปรมิกาหน้าร้อนขึ้นมาทันใด เกิดมายังไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน จะอ้าปากค้านก็เหมือนว่าปากมันหนักเหลือเกิน กว่าจะเค้นคำออกมาได้ ทำเอาเหนื่อยพอควร “ไอ้บ้า ฉันเพิ่งเจอเขาวันนี้เองนะเว้ย แถมยังไม่ได้พูดกันสักคำ” เธอหมายถึงพูดกันดีๆ



      “ไม่เห็นเกี่ยว” สายชลยักไหล่ “ชอบก็ชอบ มันไม่เกี่ยวกับเวลาหรอก แกดูพี่ภพดิ เจอแพนแป๊บเดียว หลงซะหัวปักหัวปำ ทั้งๆที่ตอนนั้นแพนมันเละซะ” ก็แหม ไปรับน้องนี่ จะให้สวยตลอดได้ไง



      “มันไม่เหมือนกันสักหน่อย” เสียงใสแย้ง เธอยังไม่อยากยอมรับว่าเธอชอบเขา ริมฝีปากล่างถูกกัดเบาๆ



      “ไม่เหมือนกันตรงไหน มันเหมือนกันชัดๆ”



      “ยังไงก็แล้วแต่ ฉันมั่นใจว่าเขาชอบแพนอ่ะ” เธอยังไม่หยุดหาข้ออ้าง



      สายชลลอบยิ้ม ตอนนี้เธอมั่นใจมากกว่าครึ่งแล้วว่าเพื่อนสาวของเธอชอบหนุ่มลูกครึ่งคนนั้น ก็เจ้าตัวยังไม่ได้ปฏิเสธเลยสักนิด “เขาบอกแกแล้วหรอ”



      เปรมิกานั่งนึก เขาไม่เคยบอกอะไรเธอเลยสักนิด ไอ้เรื่องที่เขาจะพูดเขาก็แค่บอกว่าเรื่องแพน ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น ก็เธอเองไม่ใช่หรอที่ปฏิเสธจะฟัง “ก็ไม่เคยอ่ะ” ตอบอ้อมแอ้ม



      “แกเนี่ยน้า” หญิงสาวส่ายศรีษะเบาๆด้วยความระอา “ก็ลองคุยกับเขาดูก่อนสิ มันอาจจะไม่แย่อย่างที่แกคิดก็ได้”



      “ไม่รู้เว้ย” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นอยากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในห้องพลางล้มตัวลงนอนบนฟูกคิดกับพันธิตา ไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนเลยสักนิด



      “อะไรวะ” สายชลขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะกลับเข้าไปนอนตามเดิม



      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



      ลมทะเลยามเช้ากับหมอกจางๆทำให้หญิงสาวที่นอนไม่หลับมาทั้งคืนกระชับเสื้อแขนยาวที่ใส่อยู่เพื่อกันความหนาว นี่ขนาดเธอตื่นก่อนใครแล้วนะ ดวงอาทิตย์ตรงหน้ายังโผล่มายิ้มแฉ่งให้เธอตั้งแต่ตัวยังอยู่ในบ้านเลย อุตส่าห์จะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นสักหน่อย หมดกัน อารมณ์โรแมนติกหายหมด



      เปรมิกาหันหลังหมายจะกลับบ้าน แต่ก็ชนเข้ากับร่างๆหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นคนที่อยู่ในห้วงความคิดตลอดวันมองเธออยู่



      “ตื่นเช้าจัง” เธอตัดสินใจทักก่อนเมื่อก้าวออกมาตั้งหลักได้แล้ว



      “นอนไม่หลับ” เขาตอบออกมาสั้นๆ และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเก่า นี่อุตส่าห์เสียฟอร์มทักก่อนแล้วนะเนี่ย



      เธอแสร้งหันไปมองผืนน้ำ คิดๆแล้วก็ดีเหมือนกัน ได้มาดูทะเลยามเช้าด้วยกันกับอีตาลูกครึ่งเดาใจยากคนนี้ หัวใจเริ่มเต้นแรงอีกครั้งหลังจากเ^_^่ยวเฉามาทั้งคืน คำพูดของเพื่อนสนิททำให้เธอคิดได้ว่าควรจะพูดกันตรงๆไปเลย ไม่ต้องหนี



      มาร์คเหลือบตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นรอยยิ้มบนมุมปากของเธอแล้วเขาก็โล่งใจ เธอคงจะอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว ถ้าพระเจ้ามีจริง ขอให้ช่วงเวลาหยุดอยู่ตรงนี้นานๆเถอะ แต่เมื่อรู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เขาจึงเลือกจะทำตามสิ่งที่พิภพพูดกับเขาเมื่อคืนก่อน



      “เรื่องเมื่อวาน ผมขอโทษนะ” เขาเริ่ม



      เปรมิกาเงยหน้าขึ้นมองเขา “ขอโทษเรื่องอะไร” เธอต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำอะไรแย่ๆลงไป



      “เรื่องแพน” เขาเอ่ยเรียบๆ



      หญิงสาวพยายามข่มใจไว้  “แล้วจะขอโทษทำไม แล้วจะขอโทษทำไม ไม่เห็นมีอะไรนี่”



      “เปลไม่เศร้าหรอ” เขาถามซื่อๆ แต่ก็ทำให้ขนแขนเธอลุกอย่างไม่ตั้งใจ เขาเรียกชื่อเธอเป็นครั้งแรก พระเจ้าช่วยกล้วยทอด นี่เธอแอบชอบคนที่ไม่เคยแม้กระทั่งเรียกชื่อเธอเนี่ยนะ



      “ก็เศร้าบ้างที่จะเหลือแค่ฉันกับน้ำ แต่เอาจริงๆแล้วก็คงเหมือนเดิมอ่ะ เพราะแพนมันคงเขินถ้าต้องอยู่กับพี่ภพสองคน”



      นี่เธอพูดอะไรกันเนี่ย มาร์คคิดในใจ เขาตั้งใจจะถามว่าเธอเศร้าไหมที่ต้องเห็นคนที่เธอชอบมาเป็นแฟนกับเพื่อนสนิท แต่ที่เธอตอบมันคนละประเด็นเลย



      “แล้วนายล่ะ เศร้าไหม” เธอตัดสินใจจะเปิดอกคุยกับเขาเสียที ไม่ไหวๆ เก็บไว้คนเดียวมันกลุ้ม



      “ทำไมต้องเศร้าด้วยล่ะ” เขาย่นหน้าผากด้วยความไม่เข้าใจ ก็จริงอยู่ที่เขารู้สึกแย่ไปกับเธอด้วย แต่เธอก็ไม่น่าจะรู้นี่นา



      เปรมิกานิ่งคิด พยายามหาคำที่เธอคิดว่าจะทำร้ายเขาน้อยที่สุด แต่ก็ไม่เป็นผล “ก็นายชอบแพนนี่”



      คราวนี้หนุ่มลูกครึ่งเหวอมากกว่าเดิม “ผมเนี่ยนะชอบแพน” เขามองเธออย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด (ก็ไม่เชื่อจริงๆ)



      “ไม่ใช่หรอ” เปรมิกาถึงกับหงอย



      “ไม่ใช่ ผมไม่ได้ชอบแพน ผมชอบ...”ชะงัก ใจเย็นหนุ่มน้อย นี่เขามั่นใจแล้วใช่มั้ยว่าชอบสาวผมยาวตรงหน้า “ทำไมเปลถึงคิดว่าผมชอบแพนล่ะ”



      เอาแล้วไหมล่ะ เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ถึงไม่ใช่แพนก็เหอะ คราวนี้แจ่มแจ้งแดงแจ๋เลย เจ้าตัวพูดเองด้วย “พี่ภพบอก แล้วฉันก็เห็นนายมองแพนด้วย”



      “ผมเนี่ยนะมองแพน” เจ๋ง นี่เธอสามารถทำให้เขาอึ้งเป็นครั้งที่สองของวัน และมันยังไม่แปดโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ “ผมไม่เคยมองเลยนะ” เขาปฏิเสธ



      “พี่ภพบอก” เธอยังมีอีกหนึ่งเหตุผล



      เขาโบกมือเป็นการใหญ่ “อ้อ เขาเพิ่งบอกผมเองว่าเขาเข้าใจผิด เขายังมาขอโทษอยู่เลย และผมก็ยืนยันเลยว่า ผม-ไม่-ได้-ชอบ-แพน” เขาเน้นทีละคำอย่างช้าๆ



      และนั่นก็ทำให้เปรมิกาแอบยิ้มด้วยความยินดี แต่ก็ไม่ยินดีทั้งหมดหรอก ก็เขามีคนที่ชอบอยู่แล้วนี่นา คิดแล้วก็เศร้า นี่เธอต้องอกหักทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยเนี่ยนะ



      “แล้วเปลไม่เสียใจเรื่องพี่ภพหรอ” เขาหยั่งเชิงถาม เตรียมตัวรับมือกับพายุน้ำตาของหญิงสาวข้างกาย



      “เสียใจ เรื่องพี่ภพ ทำไมฉันต้องเสียใจเรื่องพี่ภพด้วยล่ะ” คิ้วเรียวขมวดจนแทบจะชนกัน ก่อนจะทำตาโต “หรือว่านายคิดว่าฉันชอบพี่ภพ?”



      เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เปรมิกาก็ร้องออกมาด้วยความเซ็ง “โธ่เอ้ย นี่นายก็เข้าใจผิดเรื่องฉัน ส่วนฉันก็เข้าใจผิดเรื่องนาย วุ่นวายกันไปใหญ่ จะบอกให้รู้เลยนะ ฉันน่ะไม่มีทางไปชอบคุณพี่ภพหรอก เพอร์เฟคเกินไป”



      มาร์ครู้สึกเหมือนมีใครมาเปิดกุญแจให้เขาได้มองเห็นแสงสว่าง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สายหมอกได้จางลง ทำให้เขาเห็นอะไรๆหลายอย่างได้ชัดขึ้น ถ้าเปรมิกาไม่ได้ชอบใครอยู่ และตัวเขาดูเหมือนจะติดใจเธอเข้าแล้ว อย่างนี้ก็ไม่มีปัญหาสินะ ถ้าเขาจะ “รุก”



      “ไม่เห็นมีใครวุ่นวายเลย จะมีก็แค่ผมกับเปลเท่านั้นแหละ” เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ แววตาดีใจจนปิดไม่มิด



      เปรมิกาออกอาการใบ้กะทันหัน และมาร์คก็ใช้โอกาสนี้ทำคะแนนต่อ “มันหมายความว่าผมกับเปลคิดอะไรเหมือนกันหรือเปล่า” เขาเห็นเธอทำท่าขยับจะพูด แต่ก็ยกมือห้าม “หมายความว่าเปลก็คิดมากเรื่องที่ผมชอบคนอื่น ซึ่งก็หมายความว่าเปลชอบผม” เขาสรุปเอาเองอย่าง่ายดาย และเห็นผิวแก้มของเธอแดงระเรื่อ



      นี่เธอดูง่ายขนาดนี้เลยหรอ ใช่เธอชอบเขา และตอนนี้เขาก็รู้ความรู้สึกเธอแล้ว แล้วเขาล่ะ เขารู้สึกอย่างไร “ถ้าฉันกับนายเหมือนกัน ก็แสดงว่านายก็ชอบฉันงั้นสิ” เธอลอยหน้าลอยตาถาม ทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนไม่เกือบเก็บอาการได้



      “ใช่” เขาตอบอย่างจริงจังพลางเอื้อมมือเธอมากุมไว้หลวมๆ เมื่อเธอไม่ได้ชักกลับหรือแสดงอาการขัดขืน เขาก็ใจชื้นขึ้น



      ได้ยินเขาพูดอย่างนั้น สาวแกร่งอย่างเปรมิกาก็แทบจะทำอะไรไม่ถูก อยากจะละลายบนพื้นทรายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในเมื่อเขาสามารถบอกออกมาตรงๆ ทำไมเธอจะทำมั่งไม่ได้ล่ะ แต่ไม่ได้ ต้องมีเชิงหน่อย “ฉันก็รู้สึกดีๆกับนายนะ” ดวงตาใสมองจ้องไปยังตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่ม “แต่ฉันไม่มั่นใจหรอก เดี๋ยวก่อนสิ”เธอขัดเมื่อเขาทำหน้าไม่พอใจ “ฉันหมายความว่า เราดูกันไปเรื่อยๆดีกว่าไหม ไม่แน่ พอนายรู้จักฉันดีกว่านี้ นายอาจจะไม่ชอบฉันแล้วก็ได้” ความรักนี่ก็แปลกนะ บทจะเข้าใจกันก็เอาง่ายๆอย่างนี้แหละ ก็ดีเหมือนกัน เธอก็ไม่อยากมานั่งเศร้าจมกองน้ำตา



      “ไม่มีทาง” พูดเสียงหนักแน่น



      เปรมิกาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฉันไม่ชอบกับการที่มีคนโทรตามทุกชั่วโมง”



      “ผมก็ไม่โทรบ่อยขนาดนั้นหรอก เปลืองแย่” แค่สองชั่วโมงต่อครั้งเอง ชายหนุ่มคิดในใจ



      “ฉันไม่ชอบให้ใครเดินตามติดตลอดเวลา”



      “ผมก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น” แต่จะติดตามไปทุกที่



      “ฉันไม่ชอบออกไปเที่ยวในวันหยุด อาจจะเป็นดูหนังบ้าง แต่ก็แค่นั้น”



      “แค่ได้อยู่กับเปล จะที่ไหนก็ได้” เขาหมายความอย่างนั้นจริง



      “หนังที่ดูต้องไม่ใช่หนังรัก ฉันชอบบู๊ล้างผลาญมากกว่า”



      “งั้นกลับไปกรุงเทพแล้วไปดูต้มยำกุ้งกันเลยนะ” เขาอ้อน



      “เวลาว่าง ฉันชอบดูบอล เล่นบาส มากกว่าจะมานั่งพับเพียบร้อยพวงมาลัยหรือทำกับข้าว”



      “ผมก็ชอบเล่นกีฬา แล้วทำไมผมต้องอยากได้พวงมาลัยด้วยล่ะไม่ใช่พระนะ เวลาผมหิวผมก็ทำกินเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาทำให้หรอก”



      “ฉันไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งและทำตัวไม่มีเหตุผล”



      “ผมจะอยู่ในโอวาทตลอดครับ” เขายืนยัน



      “ฉันไม่ชอบการนอกใจ ถ้าชอบคนอื่นก็บอกกันตรงๆ ไม่อยากรู้เป็นคนสุดท้าย”



      “ไม่มีการนอกใจและชอบคนอื่นแน่นอน”



      “ให้มันจริงเถอะ” เธอหลิ่วตา



      “จริงๆๆๆๆๆ” เขารีบพยักหน้า “หมดแล้วใช่มั้ย”



      “ยังหรอก แต่คิดไม่ออก ไว้ถ้าคิดออกเมื่อไหร่แล้วจะบอก”



      มาร์คยิ้มออกมาอย่างสดใส “งั้นขอมัดจำก่อนนะ”



      “มัดจำอะไร”



      เขาปล่อยมือเธอข้างหนึ่งแล้วชี้ไปที่แก้มของตัวเอง



      “ไม่อ่ะ” เปรมิการีบส่ายศรีษะ หน้าที่เคบแดงก็กลับมามีสีอีกครั้ง



      “ทำไมอ่ะ” หนุ่มลูกครึ่งไม่พอใจ



      “ฉันยังไม่ตอบตกลงเป็นอะไรกับนาย แถมเพื่อนฉันยังมองอยู่ด้วย ดังนั้นปล่อยมือได้แล้ว” เธอบุ้ยปากไปยังระเบียงห้องวั้นสอง ที่ๆเธอแอบนั่งดูเขาเมื่อวาน



      ชายหนุ่มปล่อยมือบางออกอย่างเสียดาย เมื่อเห็นสายชลยืนยิ้มด้วยความร่าเริง นี่ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนเธออยู่นะ จะ...ฮึ่ม ให้รู้แล้วรู้รอดเลย



      “บ่นอะไร รีบเดินมาสิ หิวแล้วนะ ป่านนี้เขาตื่นกันหมดแล้ว” เปรมิกาที่เดินห่างออกไปแล้วกวักมือเรียก



      “คร้าบๆ” ดูดิ ทำลายบรรยากาศหมดเลย คอยดูนะ ถ้าได้เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ จะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย

      ++++++++++จบค่า+++++++++++++

      ช่วยคอมเมนท์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×