บับบ้า & ม้าจอมแก่น - นิยาย บับบ้า & ม้าจอมแก่น : Dek-D.com - Writer
×

    บับบ้า & ม้าจอมแก่น

    เมื่อโจรคู่หูสุดเฉิ่ม หวังขโมยสัตว์เลี้ยงจากฟาร์มไปขายแบบชุบมือเปิบ จึงต้องถูก "บับบ้า" สุนัขพันธุ์ callie border ผู้เป็นจ่าฝูง..สั่งสอน

    ผู้เข้าชมรวม

    301

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    301

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  12 ต.ค. 66 / 06:53 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

        ประวัติผู้เขียน

    นายสันติ นิธิพลภัทร 

    ภูมิลำเนา พญาไท กรุงเทพฯ

        สำเร็จการศึกษา

    •  MBA.ธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรม บธ.บ..ม.สุโขทัยธรรมาธิราช (ม.ส.ธ.)
    •  MPA.การปกครองท้องถิ่น รป.บ. ( ม.ส.ธ.)

        อาชีพปัจจุบัน ไกด์อาชีพ

    (ไม่มีประวัติทางคดีอาชญากรรมและการใช้สารเสพติด)

    เจ้าของผลงาน     I  SEE YOU  ฉัน เห็น ผี  //  12 เรื่องเล่าประสบการณ์จริงพบเจอวิญญาณ

     

    ตอนที่ 1 โจรบุก..

    ..บรรยากาศที่เริ่มจะหนาวเย็นช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ถึงแม้ดูเหมือนว่าทุกชีวิตจะมีความสุขดีที่มีพร้อมทั้งข้าวปลาอาหารที่พักและครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น  แต่ทว่าเจ้าม้าสาวกลับกำลังจ้องและจินตนาการไปถึงโลกภายนอกที่น่าจะสวยงามและมีสิ่งท้าท้ายเหมาะสมกับวัยฮอร์โมนพุ่งพล่านของเธอที่กำลังอยากรู้อยากเห็นและพร้อมจะออกไปโลดแล่นยังโลกภายนอกมากกว่าจะมาทนจมปลักอยู่ในคอกในฟาร์มที่มีพื้นที่จำกัดกับกิจวัตรเดิมๆ ซ้ำวนเวียนอย่างไม่มีสิ้นสุด..

    “นี่ชีวิตของฉันคงจะต้องโดนคำสาปให้ต้องเป็นเหมือนพ่อ-แม่ของฉันใช่ไหมหนอ ที่จะต้องทนใช้ชีวิตเพื่อการกินกับนอนและรอเวลาเพื่อจะเข้าหอมีครอบครัวเป็นของตัวเองเหมือนเครื่องจักรในกระบวนการสืบทอดดำรงเผ่าพันธุ์ของเราไปเรื่อยๆ” ม้าสาวพึมพำอย่างหมดอาลัยตายอยาก

    “แล้วเธอคิดว่าเธอจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกหรือ..เทรวี่” ม้าหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันถามด้วยความเป็นห่วงและสงสัยในแนวคิดของม้าสาว

    “ทิม..เธอน่ะไม่รู้อะไรเลย หรือเธอไม่เคยคิดอะไรเลยกันแน่...เธอก็เห็นว่ารูปร่างอันทรงพลัง ปราดเปรียวสมส่วนและแสนจะสง่างามลงตัวมากขนาดนี้ของฉันน่ะ เหมาะสมที่จะมีค่าแค่หน้าที่คล้ายเป็นโรงงานคอยผลิตทายาทเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ให้กับครอบครัวเท่านั้นหรือ..”  ม้าสาวตัดพ้อ..

    “..เธอมองเห็นดาวดวงนั้นไหม..ที่กำลังจ้องมองฉันอย่างสนใจในทุกๆ วันน่ะ” ม้าสาวมองไปบนท้องฟ้าพร้อมกับสะบัดหน้าคล้ายจะมีน้ำมูกน้ำตาไหลซึมออกมาเพราะเริ่มจะอ่อนไหวไปกับความรู้สึกลึกๆ ที่อยู่ในใจของเธอ..

    “มันคือกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับฉันในทุกวัน เพราะทุกครั้งที่ฉันมองเห็นดาวดวงนี้สว่างไสว ฉันก็จะมีพลังและมีความหวังขึ้นมาเสมอๆ..ฉันเฝ้าอธิษฐานว่าสักวันหนึ่ง..ชีวิตของฉันจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เห็นแม้กระทั่งโอกาสก็ตามแต่ฉันก็ยังคงเตรียมความพร้อมที่จะท้าทายกับโอกาสดีๆ จากโลกภายนอกนั้นเสมอ ฉันอยากจะแสดงให้โลกใบนี้ได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของฉันที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพอันซ่อนอยู่ภายในว่ามันล้ำค่าน่าชื่นชมมากแค่ไหน” ม้าสาวพึมพำต่อ..

    “หึ ๆ...!! ที่ปลอดภัยและดีทีสุดแสนเหมาะสมสำหรับพวกเธอก็คือ..ที่นี่ จงอย่าโง่ดิ้นรนเอาตัวเองไปเสี่ยงกับความลำบากข้างนอกจะดีกว่า”  เสียงสุนัขสาวดังขึ้นขัดจังหวะขณะลอบฟังบทสนทนาระหว่างม้าหนุ่มสาวเสมือนเป็นการเตือนให้ผู้อยู่ภายใต้การดูแลของเธอพยายามอย่าทำตัวเพื่อสร้างปัญหาใดๆ..

    “ขอบอกพวกเธอตรงๆ ฉันเคยไปเห็นมาแล้วโลกภายนอกที่แสนศิวิไลซ์ของพวกเธอน่ะ...ที่จริงมันเลวร้ายจนเธอแทบคิดไม่ถึงเชียวล่ะ”  สุนัขสาวพูดต่อเหมือนจะขู่ให้กลัว..

    “พริสซี่..มันอาจเลวร้ายสำหรับเธอ แต่สำหรับฉัน..ฉันอาจจะรู้วิธีรับมือที่ดีกว่า”  ม้าสาวพูดโดยใช้หางและสายตาฟาดไปมา ขณะโชว์ความสามารถงับกินใบไม้ที่อยู่ระดับสูงได้โดยง่ายโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามจนทำให้สุนัขสาวรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยลงไปทันที..

    “ก็ตามใจ..แล้วเธอจะสำนึกในคำเตือนของฉัน” สุนัขสาวหันหน้าไปทิศทางตรงข้ามพร้อมสะบัดหางที่เป็นพวงของเธอแล้วเดินเชิดหน้าไปหาสุนัขแฟนหนุ่มเหมือนต้องการแนวร่วมเพื่อปลอบใจ..

    “บับบ้า..เธอยังจำภาพที่ตลาดสดในชุมชนเมืองได้ใช่ไหมที่รักและร้านขายเนื้อที่มีเนื้อก้อนโตๆ วางอยู่ พร้อมโครงกระดูกของใครบางคน(ตัว)ที่กองสุมกันอยู่อย่างน่าเวทนา”  สุนัขสาวเอ่ยขึ้นถามแฟนหนุ่ม..

    “บรื๋อว์..เธอจะพูดถึงมันทำไม ฉันกำลังจะลืมภาพนั้นอยู่แล้วเชียว” สุนัขหนุ่มเอามือขึ้นมากลบสายตาแสดงออกถึงความกลัวที่ฝังอยู่ในความทรงจำ..

    “กลับเรือน(คอก)กันเถอะพวกเรา..วันนี้แม่รู้สึกง่วงมากเป็นพิเศษและมันก็ใกล้จะหมดแสงตะวันแล้ว”  แม่ของม้าสาวเดินเฉียดกายมาเตือนลูกของเธอ..

    “ใช่แล้ว..แม่ของเธอฉลาดที่สุด ตามแม่เธอไปซ๊ะ..แล้วจะปลอดภัย”  สุนัขสาวเดินเกาะกลุ่มไปห่างๆ กับฝูงม้าคล้ายเป็นผู้คุม..

    “หนูขอใช้เวลาคิดอะไรต่ออีกสักเล็กน้อย...แล้วจะตามไป” ม้าสาวขอเวลาส่วนตัวเพิ่ม..

    “งั้น..ทิม เธอช่วยอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวฉันด้วยนะ”  แม่ม้าขอร้องพร้อมสะบัดหางจากไปแบบงัวเงีย อีกทั้งลูกสาวของเธอก็โตพอที่จะดูแลความปลอดภัยให้กับตัวเองได้แล้วคงไม่น่าจะเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมาได้..

    “บีทเท่น..แกเห็นอะไรไหมเจ้าโง่..เวลาทำงานของเราเริ่มนับถอยหลังแล้วจงรีบขยับแขนขาและก้นอันเทอะทะของแกออกไปเพื่อสำเร็จภาระกิจของวันนี้..ก่อนที่จะหมดเวลา..ไปได้แล้ว..!!”  เสียงของคู่หูหัวขโมยปศุสัตว์ดังขึ้น..

    “เมื่อเช้าแกคงไม่ได้ลืมใส่ยานอนหลับในฟาร์มใช่ไหม” ชายหนุ่มผอมสูงมีจมูกงองุ้มหน้าตาเจ้าเล่ห์กำลังทบทวนแผนการสกปรก..

    “ฉันว่า..ฉันน่าจะใส่เกินปริมาณที่กำหนดด้วยซ้ำโดยเฉพาะในอ่างน้ำดื่มร่วมกันของเจ้าพวกสัตว์เลี้ยงน่ะ ฉันเกรงว่าพวกนั้นพอหลับไปแล้วก็อาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกก็ได้นะ..แวนนี่” คู่หูอ้วนเตี้ยพูดถึงความซุ่มซ่ามของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ..

    “อันนั้นไม่ใช่ธุระของเราที่ต้องไปกังวล..หน้าที่ของเราตอนนี้คือพยายามต้อนเอาพวกที่ยังไม่ยอมเข้านอนพวกนั้นขึ้นรถบรรทุกปศุสัตว์ของเราให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเจ้าม้าเด็กสองตัวนั่น” โจรที่มีร่างกายผอมสูงกล่าวคล้ายออกคำสั่ง..

    “หวังว่าเจ้าของฟาร์มจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของพวกเรานะ” เสียงโจรอ้วนสบถปนหวาดระแวง..

    “ไอ้หมูใจมด...ชนบทห่างไกลขนาดนี้แกยังจะกลัวกล้องวงจรปิดอีกหรือเจ้างั่ง!!...ใครเขาจะมาสนใจกันล่ะแค่ลูกม้าหายไปคู่เดียว ถ้าเราแกล้งเปิดประตูทิ้งไว้เจ้าของก็คงคิดว่าม้าเตลิดเข้าป่าไปเอง..ก็จบเรื่อง และนี่ก็ไม่ใช่งานแรกของพวกเราสักหน่อยอย่าทำเป็นตื่นเต้นไปหน่อยได้ไหม”  เสียงเจ้าผอมจอมวางแผนพยายามบิ้วท์อารมณ์ดิบแบบโจรๆ ให้ชายอ้วนเกิดอาการฮึกเหิม…

    ..เล่าย้อนถึงเหตุการณ์...เมื่อเช้าทั้งสองโจรได้ไปพบปะพูดคุยกับชายหนุ่มเจ้าของฟาร์มโดยอ้างเรื่องจะขอซื้อของเก่าที่ค้างเก็บอยู่ในโกดัง แต่เมื่อสืบรู้ว่าชายหนุ่มอยู่เพียงลำพังคนเดียวกับภาระกิจที่ต้องดูแลฝูงสัตว์หลายชีวิต โจรทั้งคู่จึงได้วางแผนที่จะลักพาตัวม้าวัยรุ่นทรงดีคู่หนึ่งไปหวังลักลอบขายเพื่อทำรายได้แบบชุบมือเปิบ เนื่องจากเพิ่งได้รับคำสั่งซื้อมาจากคนอีกฟากหนึ่งของเมืองที่ห่างไกลและกำลังต้องการหาม้าวัยรุ่นเพื่อไว้ทดแทนม้าแข่งที่กำลังจะถูกปลดระวาง   หลังจากคู่หูโจรใช้เวลาตีสนิทอยู่พักใหญ่ก็สบโอกาสลอบวางยานอนหลับทั้งเจ้าของฟาร์มและฝูงปศุสัตว์ และอยู่เฝ้ารอจนกระทั่งยานอนหลับเริ่มออกฤทธิ์จึงได้เริ่มลงมือปฏิบัติการโจรกรรมฟาร์มปศุสัตว์ทันที..

     “ไปด้วยกันเถอะนะเจ้าม้าทรงดี..นายของแกไม่มีเวลาพอมาเอาใจใส่พวกแกอย่างทั่วถึงหรอกนะ ฉันจะส่งพวกเธอไปสู่แดนศิวิไลซ์เอง..แล้วพวกเธอจะต้องขอบคุณในความกรุณาของฉัน” โจรผอมค่อยๆ จูงเชือกที่คล้องคอม้าทั้งคู่ เพื่อเดินขึ้นรถบรรทุกที่ปูพื้นพร้อมเต็มไปด้วยกองฟาง..

     

    “ฉันว่า..ฉันจะยังไม่คิดอยากไปไหน เพราะฉันคงจะคิดถึงเพื่อนๆ ที่นี่” ม้าหนุ่มพอจะมีสติ

    “เธอกำลังทำฉันลังเล..นะทิม แม้นี่คือโอกาสเดียวของเราที่จะได้ออกไปสู่โลกกว้างที่น่าตื่นตาตื่นใจก็จริง แต่ลึกๆ ในใจฉันก็ยังแอบกลัวกับอนาคตที่ยังมองไม่เห็นอยู่บ้างเหมือนกัน” ม้าสาวสะบัดหัวคล้ายกำลังมึนงงบนทางเลือกระหว่างจะท้าทายความฝันหรือจะยอมจำนนในห้วงของความจริงแบบเรียบง่ายสมถะในฟาร์มว่าอันไหนจะดีกว่ากัน..

     

    “เจ้าอ้วน!!..แทนที่แกจะยืนโง่อยู่เฉยๆ แบบนั้น แกน่าจะช่วยไปจูงเจ้าลาที่โง่น้อยกว่าแกนิดนึงขึ้นไปบนรถก่อนจะได้ไหม..ม้าจะได้ไม่ตื่นกลัวบรรยากาศรถบรรทุกเน่าๆ ของเรา”  โจรผอมร้องสั่งการ..

    “โอเครเลย ..จะรีบทำเดี๋ยวนี้ล่ะ” ผู้ชายอ้วนรับคำแล้วรีบวิ่งไป..

    “ฉันจะขอเจ้าโพนี่ม้าแคระ..ตัวนี้ไปด้วยได้ไหม รู้สึกว่ามันจะชอบฉันนะ” ชายอ้วนต่อรอง..

    “แกจะทำอะไรก็รีบทำเลย..เพราะเดี๋ยวเราต้องขับรถข้ามเขตรัฐเพื่อเอาสินค้าไปส่งกันต่ออีกนะโว้ย”   โจรผอมเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียว..

    ...สุดท้าย ม้าวัยรุ่นทั้งคู่ก็ค่อยๆ อ่อนแรงต่อสู้ขัดขืนเพราะฤทธิ์ยานอนหลับจึงค่อยๆ เดินโซเซขึ้นไปยังท้ายรถบรรทุกในที่สุด..หลังจากเหตุการณ์ทุลักทุเล  สุดท้ายคู่โจรก็ได้ต้อนสัตว์ขึ้นรถไปได้ถึงสี่ตัวประกอบด้วย เจ้าม้าแคระโพนี่ เจ้าลาดองกี้และม้าคู่หนุ่มสาว.. 

    ...ขณะที่รถบรรทุกกำลังจะเคลื่อนทีออกไป ก็ปรากฏมีสุนัขเพศผู้ที่บังเอิญเห็นเหตุการณ์รีบวิ่งเข้ามาตามติดรถบรรทุกที่กำลังเคลื่อนที่ มันจึงเร่งฝีเท้าวิ่งกระโดดขึ้นท้ายรถไปด้วยอีกตัวหนึ่ง..ทิ้งให้สุนัขตัวเมียที่วิ่งตามมาไม่ทันเพราะเริ่มจะหมดแรงวิ่งด้วยฤทธิ์ยานอนหลับจึงต้องผละถอยค่อยๆ วิ่งกลับไปรอฟังข่าวคราวของกลุ่มสัตว์ที่ถูกขโมยไปอยู่ที่ฟาร์ม..

    “มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่” ..บับบ้า..สุนัขหนุ่มสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว..

    “แดนศิวิไลซ์..ๆ” เจ้าม้าสาวเริ่มพึมพำเหมือนคนเมาแล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไป..ตามติดด้วยม้าหนุ่มที่ฟุบตามไปด้วยอีกราย ..สุดท้ายกลุ่มสัตว์ทั้งหมดทุกตัวก็ต่างหลับใหลจากความเหนื่อยล้าและจากฤทธิ์ยานอนหลับนอนกองรวมกันบริเวณท้ายรถบรรทุกปศุสัตว์คันนั้น..

    ..กระทั่งเวลาผ่านไปสู่เช้าของวันใหม่..

    “ฉันหิวน้ำมากๆ เลย” ม้าสาวตื่นขึ้นมาตัวสุดท้ายขณะที่เห็นทุกตัวกำลังนั่งนิ่งเงียบเหมือนกำลังพยายามจดจำเส้นทางเพื่อจะหาทางกลับบ้าน(ฟาร์ม)ไปพบคนที่ตนรักที่ต่างคงกำลังรอฟังข่าวคราวของพวกเขาอยู่..

    “หวังว่าคนใจร้ายตัวเหม็นจะได้ยินความต้องการของเธอนะ..เทรวี่” เสียงม้าหนุ่มพูดขึ้นขณะกำลังยืนยืดคอพยายามมองออกไปเก็บข้อมูลเส้นทางข้างนอกโดยลอดทางช่องหน้าต่าง..

    ..และแล้วสักพักรถคันนั้นก็เริ่มค่อยๆ ลดความเร็วลงเรื่อยๆ จนแทบจะนิ่งสนิทเมื่อเริ่มเข้าสู่บริเวณชุมชนที่มีผู้คนสัญจรกันพลุกพล่าน..และแล้วจู่..ๆ เจ้าสุนัขเหมือนจะคิดอะไรออกจึงรีบกระโดดหลบลงจากรถเพื่อไปซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ..

    “เจ้างั่ง ตื่นได้แล้ว!!..แกไปหาน้ำหาท่ามาบริการให้เจ้าพวกเด็กๆ สี่ขาก่อนที่เราจะต้องขายพวกนั้นให้เป็นแค่เศษเนื้อเพราะขาดน้ำตาย..แกได้ยินไหม” โจรผอมเริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง..

    “ฉันรู้แล้วน่า..” โจรอ้วนปิดประตูรถกระแทกแล้วเดินบิดตัวเล็กน้อย ก่อนจะไปหยิบฉวยได้อ่างน้ำพลาสติกเก่าๆ ภายในปั้มน้ำมันโยนเข้าไปภายในกรงขังสัตว์ของทั้งสี่ตัว ต่อสายยางจากก้อกน้ำเพื่อจ่ายลำเลียงน้ำเข้าไปให้กลุ่มสัตว์ได้ดื่มแก้กระหายและประทังความหิวไปพลาง ส่วนโจรผอมเดินผละไปเพื่อจะไปตามหาใครบางคน..

    “ที่จริงแล้ว พวกแกดูเป็นมิตรกว่าทุกตัวที่พวกฉันเคยขโมยมาเลย..รู้ไหม”  ชายอ้วนมองเข้าไปภายในท้ายรถบรรทุกที่ถูกดัดแปลงให้เป็นคอกสัตว์..

    “โดยเฉพาะเจ้าโพนี่น้อยที่น่ารัก จะคอยสะบัดหางทุกครั้งเมื่อเห็นฉัน”  โจรอ้วนดูมีความสุขที่ได้หยอกเล่นกับเพื่อนสี่ขา..

    “เด็กดีต้องได้รางวัล..ฉันจะเอาเจ้าโพนี่ออกมาเดินอวดโฉมเพื่อหาของกินเล่นและให้คนแถวนี้อิจฉาสักหน่อย”   พูดแล้วชายอ้วนก็เปิดกรงออกหมายจะจูงเจ้าโพนี่น้อยออกมาเดินเล่นคลายเครียด..

    ..แต่..ทันทีที่กรงเปิดออก เจ้าโพนี่น้อยก็กระโจนทะยานออกจากกรงไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับหมูป่า ทำให้ชายอ้วนผู้ซุ่มซ่ามตกใจและต้องวิ่งตามไล่ตะครุบจนลืมปิดกรงท้ายรถบรรทุก ..

    “บ้า..ชิบ..” ชายอ้วนล้มคลุกฝุ่นเพราะไม่สามารถจะวิ่งไล่จับเจ้าโพนี่น้อยได้ทันสักครั้ง..

     

    “ไปเร็ว..พวกเรา”  สุนัขหนุ่มตะเบ็งเห่าสั่งการเพื่อเรียกสติฝูงสัตว์ให้หนีอย่างรวดเร็ว..

    ..และแล้วทุกชีวิตก็วิ่งเกาะกลุ่มหนีหายเข้าไปตั้งหลักยังป่ารกทึบที่ห่างไกลผู้คนทันที..

    “หวังว่าที่นี่คงยังไม่ใช่แดนศิวิไลซ์ที่ฉันเฝ้ารอหรอกนะ เพราะดูทุกอย่างมันขาดแคลนไปทั้งหมด” ม้าสาวเริ่มสบถขณะกำลังหอบเหนื่อย..

    “ฉันคิดว่าเคยมาชุมชนแห่งนี้มาก่อน...เมื่อครั้งมีโรคระบาดเมื่อเดือนก่อน..พี่ชายของเจ้านายเราเคยพาฉันมาพบสัตวแพทย์ที่นี่” สุนัขหนุ่มพูดออกไปหลังจากได้สำรวจพื้นที่โดยรอบโดยหวังจะให้ทั้งฝูงอุ่นใจ..

    “ทิม..เธอเป็นอะไรไป ดูเหมือนเธอจะไม่ตื่นตัวเหมือนก่อนนะ”  ม้าสาวเอ่ยขึ้นหลังจากสังเกตเห็นอาการอ่อนเพลียของม้าหนุ่ม..

    “ฉันปวดท้องมากๆ สงสัยจะท้องเสียเพราะน้ำดื่มในอ่างสกปรกนั่น” ม้าหนุ่มค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งหลังพูดจบ

    “อาการดูไม่ดีเลย” เจ้าลาเริ่มเป็นห่วง..

    “เราคงต้องทำอะไรสักอย่าง..ไม่งั้นทิมอาจไม่รอดได้กลับไปพบกับเพื่อนๆ ที่ฟาร์มอีก ” เจ้าลาสูงวัยกว่าแกว่งหางไปมาอย่างใช้ความคิด..

    “งั้นเราควรแบ่งกันเป็นสองทีม ฉันกับเจ้าลาจะพยายามไปลาดตระเวณเพื่อลองตามหาสัตวแพทย์มารักษาให้ทิม ส่วนเจ้าโพนี่กับม้าสาวอยู่ช่วยกันดูแลทิมอยู่ที่ฐานนี้ไปพลางก่อนจนกว่าพวกฉันจะกลับมา” เจ้าสุนัขหนุ่มพยายามอธิบายแผนการเพื่อรักษาชีวิตสัตว์ในกลุ่ม..

    “ทำไมเธอไม่ไปคนเดียวล่ะ” เจ้าลาเริ่มสงสัย..

    “ทุกอย่างจะต้องมีแผนสำรอง..เสมอ เข้าใจไหมคุณลา”  พูดจบเจ้าตูบก็เดินนำหน้าออกไปโดยมีเจ้าลาเดินตามสุนัขหนุ่มไปแบบยังไม่เข้าใจในแผนสำรองนั้นหมายถึงอะไร..

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น