I don't know love - นิยาย I don't know love : Dek-D.com - Writer
×

    I don't know love

    ถ้าหากวันหนึ่งฉันล้มลง นายจะเป็นคนแรกหริอคนสุดท้าย...ที่จะนั่งลงข้างๆฉัน โดยที่ไม่ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    47

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    47

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 ต.ค. 57 / 11:08 น.
    e-receipt e-receipt
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

                       ท้องฟ้าในยามเย็นยังคงทอแสงเหลืองอร่ามอยู่บนปลายขอบฟ้า  และในอีกไม่ช้าก็คงจะสูญหายไปพร้อมกับความมืดมิด...  สายลมยังคงโชยพัดใบหญ้าให้ปลิวไสวอย่างเงียบสงบ  ราวกับว่ากำลังเฝ้ารอคอยใครซักคนอยู่    ณ   ที่ใดที่หนึ่งของช่วงชีวิต...

                       “ โนอา พรุ่งนี้ฉัน...จะย้ายไปอยู่กับแม่ ฉันหมายถึงกับครอบครัวใหม่ของเธอด้วย ” หญิงสาวเจ้าของดวงตากลมโตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางหลุบตาให้ต่ำลง

                       “ ก็ดีแล้วนี่....” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ

                       “ก็ดี...อย่างนั้นเหรอ นายพูดได้แค่นี้เนี่ยนะ” เธอจ้องหน้าเขาอย่างผิดหวัง “นี่นายจะ...”

                       “ ฉันส่งแค่นี้นะ  พอดีมีธุระต่อนิดหน่อยกลับเองได้ใช่ ไหมชายหนุ่มพูดขัดขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ

                       “ โอเค...ได้สิ เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว  ขอบคุณมากนะที่อุตส่าห์มาส่ง

      หญิงสาวยืนมองรถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันหรูแล่นออกไปจนสุดสายตา  ก่อนที่จะพาร่างเล็กๆของเธอเดินไปตามถนนฟุตบาตข้างทาง  ร่างกายบอบบางเริ่มสั่นเทาเพราะอากาศที่หนาวขึ้นเรื่อยๆ  ดวงตากลมโตคู่สวยเหม่อมองไปบนท้องฟ้าอันมืดมิดที่ถูกประดับไว้ด้วยหมู่ดาวนับล้านๆดวง ราวกับว่ากำลังแข่งกันอวดแสงแพรวพราวบนฟากฟ้า

                        “ เฮ้! เดี๋ยวก่อน” ร่างบางหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนจากทางด้านหลัง เรียวปากสีชมพูอ่อนยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าขาวใส หญิงสาวปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนที่จะหันหลังไปมองเจ้าของเสียงตะโกนเมื่อกี้นี้

                        “ มีอะไร” เธอพูดเสียงเรียบ “ นายจะห้ามไม่ให้ฉันไปใช่ไหมล่ะ”

                   “ เปล่า...” ชายหนุ่มยิ้มบางๆ หากแต่ว่ามันกลับสามารถกรีดลึกลงไปข้างในหัวใจของหญิงสาว เธอยิ้มเยาะให้กับความคิดของตัวเองที่ว่า เขาจะห้ามเธอไว้ และจะไม่มีวันยอมให้เธอจากไปง่ายดายเช่นนี้ อย่างน้อย...ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง “ ฉันก็แค่อยากให้เราจากกันโดยเหลือความทรงจำดีๆเอาไว้ ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ ฉันว่ามันคงไม่ดีแน่ ทั้งกับตัวเธอเองและกับฉัน...”   

                    “ หึ...ความทรงจำดีๆอย่างงั้นเหรอ” หญิงสาวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม เธอพยายามมองหาความจริงใจในแววตาคู่นั้น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า “ โนอา ถ้านายยังเป็นเพื่อนของฉันจริงอย่างที่พูดไว้ล่ะก็ นายน่าจะรู้ว่าเวลานี้ฉันต้องการอะไร...นายมันไม่มีหัวใจ”

                    “ไม่เอาน่าฮันนาห์ มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลยนะ...เธอไม่ใช่คนไร้เหตุผลนี่”

                    “ตอนนี้ ฉันดูไร้เหตุผลสำหรับนายมากเลยใช่ไหม”

                    “ ฮันนาห์...นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาทะเลาะกันนะ” ชายหนุ่มวางมือทั้งสองข้างไว้บนไหล่ของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา “ ตอนนี้เธอคือเพื่อนของฉัน จะพรุ่งนี้หรืออีกห้าสิบปีข้างหน้า สำหรับฉันเธอก็ยังคงเป็นเพื่อนของฉันอยู่เหมือนเดิม...”

                     “ถ้านายเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนจริงๆ นายก็ห้ามฉันไว้สิ...เผื่อบางทีฉันอาจจะอยู่ต่อก็ได้” เธอเอามือทั้งสองข้างของเขาออกจากไหล่ช้าๆ “ แค่นายพูดว่าไม่ต้องการให้ฉันไป...” เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอันว่างเปล่าของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับหลบตาเธอ และหันหลังกลับ

                     “ โชคดีนะ...” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งให้หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของเขาไปจนสุดสายตา

                       “ ฉันพูดถึงขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกเหรอ โนอา นายมันโง่มาก โง่ที่สุด...”                 

                    ประตูรั้วไม้ที่ทาทับด้วยสีฟ้าอ่อนถูกผลักให้เปิดออกอย่างเบามือ ทำให้สามารถมองเห็นบ้านหลังเล็กๆได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ฉันค่อยๆพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินขึ้นไปตามบันไดที่พาดไปยังชั้นที่สองของตัวบ้าน ที่นี่เคยเป็นสถานที่แห่งความสุขที่สุดสำหรับฉัน เพราะมันเป็นบ้านที่พ่อของฉันรักมาก ท่านได้จากฉันไปเมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่กับฉันมันแค่เมื่อวาน ความทรงจำอันเจ็บปวดเหล่านั้นมันช่างสดใหม่ ราวกับเพิ่งออกมาจากเตาอบร้อนๆ ส่วนแม่ของฉัน เธอทิ้งเราไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันแทบไม่มีความทรงจำอะไรที่เกี่ยวกับเธอเลย จำได้แค่ว่าเธอคือแม่ที่ให้กำเนิดฉันมา หลังจากที่เธอรู้ข่าวว่าพ่อเสีย เธอพยายามขอให้ฉันไปอยู่ด้วย แต่ฉันไม่เคยตอบตกลงเพราะฉันคิดว่ายังมีโนอาที่คอยอยู่เคียงข้างฉันมาตลอด จนมาถึงวันนี้ วันที่ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าฉันคิดถูกรึเปล่า ฉันลองรับปากแม่ว่าจะไปอยู่ด้วย ความจริงไม่ได้คิดว่าจะไปอย่างที่รับปากไว้ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าคงตัดสินใจถูกแล้วล่ะ

                ~ ...Every  night  in  my  dreams  I  see  you... ~

                       เสียงเพลงจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ  ฉันรีบควานหาโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายใบเล็ก  ก่อนที่จะกดรับสายเมื่อมองเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ

                         “ ว่าไงคะ...”

                          ( ฮันนาห์ พรุ่งนี้แม่คงไม่ว่างไปรับลูกด้วยตัวเองนะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะแม่จะให้โซเฟียไปรับลูกแทนแม่ )

                         “โซเฟีย...ใครกันคะ”

                         ( อ้อ ลืมบอกไป เธอกำลังจะกลายเป็นพี่สาวของลูก เมื่อลูกเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้)

                        “ ค่ะ เข้าใจแล้ว...ครอบครัวของแม่จะรู้สึกอึดอัดใจรึเปล่าคะที่หนูจะเข้าไปอยู่ด้วย”

                         ( อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ เราดีใจมากนะ ที่ลูกยอมตกลงมาอยู่กับเรา)

                        “ค่ะ หนูก็หวังให้เป็นแบบนั้นจริงๆ”

                        ( แล้วฮันนาห์ล่ะลูก จะอึดอัดใจรึเปล่าถ้าย้ายเข้ามาอยู่กับเรา แม่เข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้มันทำใจยอมรับได้ลำบาก และแม่เองก็ไม่ได้เลี้ยงลูกมาตั้งแต่เล็ก ฮันนาห์อาจจะโกรธหรืออาจจะเกลียดแม่ มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่แม่อยากให้ฮันนาห์รู้ว่า ที่แม่ทำมาทั้งหมดมันล้วนมีเหตุผล”

                        “ ค่ะหนูจะพยายามเข้าใจ” ฉันถอนหายใจเบาๆ เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศในการสนทนามันเริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าไม่มีใครชอบความอึดอัดแบบนี้รวมทั้งตัวฉันเองด้วย ดังนั้นฉันจึงคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการจบบทสนทนาไว้เพียงแค่นี้ “ ฝันดีค่ะ...”

                     สายถูกตัดทิ้งไปแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่ม พลางกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง รู้สึกไม่อยากละสายตาไปที่ไหน โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้นอนอยู่ที่นี่... ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้งและเขียนข้อความบางอย่าง ลังเลใจอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจกดส่งข้อความไป

                  ...พรุ่งนี้เช้าแปดโมงตรงมาหาฉันที่บ้านนะ ฉันอยากเจอนายอีกสักครั้ง โนอา...

                  ฉันค่อยๆลากกระเป๋าใบโตเดินออกจากบ้าน หลังจากที่จัดการล็อคประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว  ฉันยังคงยืนนิ่ง มองบ้านหลังเล็กๆตรงหน้า หยดน้ำใสๆค่อยๆไหลอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่รู้ตัว ความเจ็บปวดที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในถูกขับให้ไหลออกมาพร้อมๆกับหยาดน้ำตา มือน้อยๆค่อยๆยกขึ้นปาดน้ำตาทุกหยดบนใบหน้าขาวใส ก่อนที่จะเดินออกจากประตูรั้วสีฟ้าอ่อน และปิดมันลงไปพร้อมๆกับความทรงจำที่ดีที่สุด... แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงสู่ผืนแผ่นดิน บรรยากาศรอบข้างถูกเนรมิตรให้กลายเป็นสีเหลืองอ่อน ฉันยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เข็มของมันบ่งบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมง สิบห้านาที ดวงตากลมโตกวาดสายตามองมองไปรอบข้าง แต่กลับพบเพียงถนนที่ว่างเปล่า ฉันถอนหายใจเบาๆด้วยความท้อใจ

                  ไม่นานรถจากัวร์คันหรูก็แล่นมาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านที่ถูกล้องรอบด้วยรั้วไม้สีฟ้าอ่อน ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมๆกับการปรากฏตัวของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงที่ถูกดัดให้หยิกลอนตัดกับใบหน้าสวยคมที่แลดูมีเสน่ห์ชวนมอง เธอคลี่ยิ้มบางๆให้ พร้อมกับเดินตรงเข้ามาและหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน

                   “ เด็กน้อย เธอรู้จักเด็กสาวที่ชื่อฮันนาห์รึเปล่าจ๊ะ ” เธอพูดเสียงหวาน

                   “ ค่ะ...นั่นฉันเอง”

                   “ วิเศษณ์ไปเลย ฉันชื่อโซเฟีย เป็นว่าที่พี่สาวคนใหม่ของเธอ ยินดีที่ได้รู้จัก”

                   “ ค่ะคุณโซเฟีย ฉัน...ฮันนาห์ค่ะ” ฉันก้มหัวให้เธอเล็กน้อยเพื่อแสดงความอ่อนน้อม

                   “ นี่ อย่าเรียกแบบนั้นสิ ต้องเรียกว่า พี่โซเฟียถึงจะถูก ตอนนี้ฉันเป็นพี่สาวของเธอนะ” เธอพูดเสียงดุ “ ฉันเคยใฝ่ฝันว่าอยากจะมีน้องสาวสักคน แต่ตอนนี้ฉันมีแล้ว หน้าตาน่ารักซะด้วย ”

                   “ ขอบคุณค่ะคุณเอ่อ...พี่โซเฟีย นั่นคือครั้งแรกที่มีคนชมว่าฉันน่ารัก ปกติชมว่าฉันหน้าปลวก ” เธอหัวเราะเบาๆพลางเอามือรูปหัวฉันเล่นอย่างเอ็นดู

                   “ ไม่จริงหรอก เธอน่ะน่ารักจะตาย แค่แต่งเติมอีกนิด รับรองว่าสวยใสจนใครก็ต้องเหลียวมอง ” มือเรียวยาวยกขึ้นกอดอก พลางทำท่าทางครุ่นคิด “ พี่ชอบดวงตาของเธอ สีแปลกมากเลยมันดูมีเสน่ห์ เธอคงเป็นลูกครึ่งสินะ ”

                  “ ค่ะ...พ่อของฉันเป็นชาวอเมริกัน ” ฉันยิ้มบางๆให้เธอ

                  “ อ้อ...มิน่าล่ะ สีของมันถึงได้ดูคล้ายกับน้ำทะเล แล้ว...เราจะไปกันได้รึยังจ๊ะ”

                  “ เอ่อ คือ...รออีกสักพักได้ไหมคะ” พี่โซเฟียพยักหน้าให้แทนคำตอบ ก่อนที่จะเดินไปเปิดกระโปรงรถ เราช่วยกันยกกระเป๋าขึ้นไปวางไว้ และเดินเข้าไปนั่งรออยู่ในรถ ฉันยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาเป็นระยะๆ น่าแปลกที่สำหรับฉันเวลามันช่างเดินช้าเหลือเกิน  มือเรียวยาวจับกันไว้แน่น ดวงตาทั้งสองข้างทอดยาวออกไปตามเส้นถนน ในขณะที่หัวใจกำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงมหาสมุทรที่ลึกที่สุด และราวกับว่ามันกำลังถูกกดอัดด้วยแรงดันมหาศาลจากน้ำ...เวลาล่วงเลยไปนาทีแล้วนาทีเล่า ฉันทำได้แค่นั่งบีบมือที่สั่นเทาของตัวเองไว้และพยายามปิดกั้นความรู้สึกที่มันกำลังคุกรุ่นในหัวใจ นี่ฉันมัวนั่งรออะไรอยู่นะ นั่งรอความผิดหวังที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนั้นรึไง...ฉันนี่มันโง่จริงๆ

                  “ พี่คะ เรา...ไปกันเถอะค่ะ” ฉันตัดสินใจหยุดการรอไว้เพียงเท่านั้น  พี่โซเฟียค่อยๆออกรถไปเรื่อยๆ ยิ่งขับออกไปไกลมากเท่าไหร่ หัวใจของฉัน ก็ยิ่งหล่นวูบลงไปเท่านั้น

                  “ เธออยากร้องไห้รึเปล่า...ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกนะ” พี่โซเฟียพูดขึ้นในขณะที่สายตาทอดยาวไปสุดปลายถนน “ ถ้ามีอะไรอยากจะบอกพี่ก็ได้นะ ต่อจากนี้ไปเราไม่ใช่คนอื่นแล้ว ”

                  “ ไม่จำเป็นหรอกค่ะ...ฉันไม่ร้องไห้ง่ายๆหรอก คุณพ่อสอนเรื่องความเข้มแข็งกับฉันเสมอ ตอนอายุสิบขวบ ท่านเคยทิ้งฉันไว้ที่บ้านคนเดียวเป็นอาทิตย์ ท่านบอกว่าถ้าฉันร้องไห้แม้แต่นิด ท่านจะไม่กลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกตลอดชีวิต ในตอนนั้นฉันกลัวว่าท่านจะจากไปจริงๆ ฉันจึงพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะไม่ร้องไห้ และท่านก็กลับมา...ดังนั้นฉันจึงคิดเสมอว่าการร้องไห้มันไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดมันไม่ได้ทำให้ใครคนนั้นหันหลังกลับมามีแต่จะทำให้เชายิ่งถอยห่างออกไป...ยังไงก็ขอบคุณพี่มากนะคะ ฉันไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งฉันจะมีพี่สาวที่แสนดีแบบนี้...”

                  “ พี่ก็ดีใจนะที่ได้เธอมาเป็นน้องสาว ” พี่โซเฟียยิ้มอย่างอบอุ่น “ นี่เราจะซึ้งกันมากเกินไปแล้วนะ พี่ไม่เคยพูดอะไรหวานๆแบบนี้เลย มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้เธอว่าไหม” เราสองคนหัวเราะเบาๆอย่างมีความสุข ท่ามกลางถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์มากมายจนรู้สึกแออัด 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น