คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Dream 1 :: เค้าชอบคิบอม แต่คิบอมไม่ชอบเค้า...
Dream 1 เค้าชอบคิบอม แต่คิบอมไม่ชอบเค้า...
ผมกลับมาถึงบ้านแล้วครับ หลังจากแยกกับฮีชอลที่หน้าโรงหนัง ผมคิดมาตลอดทางเลยว่าเสียงที่ผมได้ยินเป็นเสียงของใคร
แล้วผมก็เชื่อตัวเองด้วยว่า ผมไม่ได้หูฝาดแน่นอน
พิสูจน์ได้จากการที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากคนเดิมๆอยู่ในหัวตลอดทางกลับบ้าน ตอนที่ผมทำอะไรเปิ่นๆ และตอนที่มันดังที่สุด ...ก็ตอนที่ผมเหยียบขี้หมานั่นล่ะครับ
เสียงหัวเราะคิกคักๆเปลี่ยนเป็นแบบหลุดโลกทันทีที่ผมเหยียบเผละลงไป มันดังไม่หยุดจนกระทั่งผมเช็ดขี้หมาออกไปจนหมด...
มันเป็นเรื่องธรรมดาครับสำหรับนิสัยเซ่อๆ ซ่าๆ งกๆ เงิ่นๆ ของผม ผมไม่ได้มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนดาราเกาหลีในทีวี ส่วนสูงก็แค่ร้อยเจ็ดสิบแปด สายตาสั้นนิดๆ ไม่ชอบแสงสีของชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นๆ วันๆหมกมุ่นอยู่กับหนังสือตำราเรียน ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรักเหมือนคนอื่นเขาหรอกครับ
แต่ผมก็ชอบนะ มันเป็นชีวิตในแบบของผม ผมไม่สนว่าคนอื่นจะมองผมยังไง และไม่แคร์ด้วย จะว่าผมอ่อนแอ ไม่ใช่หรอกครับ ผมแค่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับคนรอบข้างมากเท่านั้นเอง
เพื่อน... ผมก็มีแค่ฮีชอลเท่านั้นที่เป็นเพื่อนสนิท คนอื่นๆในห้องนับครั้งได้ที่เข้ามาคุยกับผม พูดกันตามตรง เวลาอาจารย์ขานชื่อคิมคิบอม แทบจะไม่มีใครรู้จักเลยละครับ เหอะๆๆ
ฐานะทางบ้าน ครอบครัวผมมีฐานะปานกลางเหมือนคนทั่วไป ดีมากๆก็ตรงที่ครอบครัวผมอบอุ่น ผมมีพี่ชายอีกคน แต่เขาอยู่อเมริกากับพ่อครับ
‘บ่นอะไรของเค้านะ’
ส..เสียงหวานๆนั่นอีกแล้วครับ
“ค..คุณเป็นใครครับ ออกมาเถอะครับ”
... เงียบครับ ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ผมเรียก...
“คุณบอกผมมาเถอะครับ” ผมนั่งลงกับเตียง ใครกำลังเล่นตลกกับผมกัน
มีคำพูดของใครบางคนดังมาในหัวผม ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
‘อยากรู้เหรอ ก็ได้ ถ้าตัวเองอยากรู้ เค้าก็จะบอกให้’
Our Dream เศษหนึ่งส่วนสองของฝัน เป็นรักของผม
ที่นี่ที่ไหนครับ...
มีแต่ควันสีขาวลอยเคว้งคว้างไปหมด
“ให้เป็นที่ไหนดีล่ะ บ้านเค้าดีมั้ย อ๊ะ ไม่ดีๆ เอาเป็นห้องตัวเองดีกว่าเนอะ”
แล้วภาพโดยรอบก็เปลี่ยนเป็นห้องนอนผมเหมือนเดิม ทุกอย่างอยู่ที่เดิม แต่...
แต่ที่นี่คือความฝัน... ครับ ฝัน แต่เหมือนจริงมากเลย
“จ๊ะเอ๋!”
“เฮ้ย!!!”
ผมตกใจจนผงะล้มลง เมื่อจู่ใบหน้าเล็กๆของใครบางคนก็โผล่แว๊บขึ้นตรงหน้า
“อ๊า ตัวเองเป็นอะไรมั๊ย เค้าไม่ได้ตั้งใจนะ”
คนที่เมื่อกี้โผล่พรวดมารีบเข้ามาประคอง ผมเลยได้เห็นหน้าเค้าชัดๆเต็มๆตา...
...ดวงตากลมโต...
...จมูกโด่งรั้น...
...ริมฝีปากเรียวบาง...
...เรียวหน้าได้รูป...
...ผิวขาวราวหิมะ...
...รอยยิ้มหวานสดใส...
กลิ่นหวานหอมติดจมูก...
คนที่ผมฝันเห็นในตอนนั้น...
“เจ็บมั๊ยอ่า เค้าไม่ได้ตั้งใจนะ แหะๆๆ” เค้าพูดแล้วหัวเราะแห้งๆเหมือนเวลาเด็กทำผิดแล้วแก้ตัว
“ค...คุณเป็นใครครับ?” ผมถามแล้วถอยห่างออกจากเค้า เค้าตีหน้าบึ้งแล้วกอดอกเชิดๆงอนๆ
“ตัวเองรังเกียจเค้าเหรอ เค้าไม่ใช่คนไม่ดีนะ เค้าน่ารัก ใครๆก็บอกว่าเค้าเป็นคนดี อย่ามาหนีเค้านะ”
เขาอายุเท่าไหร่กันแน่ครับ... ท่าทางเหมือนเด็กแปดขวบ แต่ผมยังไม่สนใจ ผมต้องรู้ให้ได้ครับว่าเค้าเป็นใคร
ผมรวบรวมความกล้าแล้วถามเค้าอีกครั้ง
“ค..คุณเป็นใคร???”
“โอ๊ย! ถามอยู่ได้ จะรู้ไปทำไม ฮะ! เค้าหน้าเหมือนแม่นายนักหรือไง! เค้าชื่อทงเฮ ลีทงเฮ พอใจรึยัง อย่าถามมากนะ เค้าไม่ชอบ! ฮึ่ย หงุดหงิดๆๆๆ”
เค้า... เอ่อ ทงเฮ ทงเฮเค้าอารมณ์เสียใหญ่เลยครับ เค้ากระแทกก้นลงกับเตียงผมอีกฝั่งแล้วเชิดหน้าไปอีกทาง
ทำไมอารมณ์ของเค้ามันขึ้นๆลงๆ แปรปรวนง่ายอย่างนี้ครับ
แล้วผม... ผมต้องง้อเค้ารึเปล่าครับ เหมือนผู้ใหญ่ที่ต้องง้อเด็กๆอะไรทำนองนั้นน่ะครับ
...ผมควรจะทำยังไงกับเค้าดีครับเนี่ย
อา ผมต้องง้อเค้าเหรอครับ เอ่อ แต่ผมไม่เคยง้อใครนะครับ ผมทำไม่เป็นหรอก แต่ถ้าผมเอาขนมให้เค้ากิน แล้วเค้าจะหายโกรธผมหรือเปล่าครับ เหมือนเด็กๆไงครับ เด็กน้อยชอบขนม
“กินมั้ยครับ” ผมยื่นช็อคโกพายที่วางไว้ข้างๆเตียงไปให้เค้าครับ มันเป็นขนมที่ผมชอบ ทุกๆส่วนของบ้านเลยมีเก็บเอาไว้
“เชอะ” เค้าหันมามองแล้วสะบัดหน้าไปอีกทาง เอ่อ เค้าน่ารักจังเลยครับ แม้แต่ตอนงอนก็ยังน่ารัก
“คือ... ผมไม่เคยง้อใครหรอกนะครับ แต่ผมขอโทษจริงๆนะครับที่ทำให้คุณโกรธแล้วยังง้อไม่ได้เรื่องอีก ขอโทษจริงๆนะครับ” ผมขอโทษขอโพย ก็ผมทำให้ทงเฮไม่พอใจ แบบนี้ก็สมควรแล้วสินะครับ อีกอย่าง เค้าก็ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร เราก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้
“เชอะ ตัวเองห้ามทำท่าขยะแขยงเค้าอีกนะ เค้าไม่ชอบรู้ป่าว ไม่เคยมีใครไม่ชอบเค้านะ แล้วเค้าก็อยากให้คิบอมชอบเค้าด้วย”
ทงเฮพูดเจื้อยแจ้วเลยครับ เค้ายื่นมือมาขอขนมไปกินอย่างมีความสุข ถ้าเค้าอารมณ์ดีแล้ว ผมก็คงจะถามเค้าได้แล้วสินะครับ
“ครับ ผมจะไม่ทำอีก”
“ดีๆๆ ทงเฮชอบคนพูดง่ายๆ ไม่ทำให้เค้าอารมณ์เสีย” ทงเฮยิ้มกว้างเลยครับ ผมก็เลยนั่งลงบนเตียงข้างๆเค้า ผมไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรเค้าเลยนะครับ แต่ที่ถอยห่างออกมาในตอนแรกเพราะผมยังตกใจกับเค้าอยู่ ก็เท่านั้นเอง
“ทงเฮ คุณใช่คนที่พูดกับผมตอนอยู่ในโรงหนังรึเปล่าครับ” ผมถามสิ่งที่ค้างคาใจ
“อ๋อ ใช่สิ เค้าพูดเองแหละ” ทงเฮตอบสบายๆแล้วควานหาช็อคโกพายรอบๆห้อง
“คุณทำแบบนั้นได้ยังไงครับ แล้วก็เข้ามาในฝันของผมอีก คุณ.. มีพลังจิตเหรอครับ” บนฐานวิทยาศาสตร์แล้วนั้น สิ่งที่พอจะทำใจให้เชื่อได้คือพลังจิตที่พิสูจน์ได้แต่ไร้หลักฐานเพียงเท่านั้นจริงๆนะครับ
“หา พลังจิตเนี่ยนะ บ้าแล้วคิบอม ในโลกของเค้าใครๆก็ทำได้”
“โลก? โลกอะไรครับ”
“โลกแห่งความฝันไง” ทงเฮบอกแล้วยิ้ม คว้าช็อคโกพายที่ผมกินได้ทั้งเดือนมาวางกองๆบนเตียงแล้วเริ่มกิน
“เค้าอ่านะ ไม่ใช่มนุษย์ เอ่อ แต่มีร่างกายเป็นมนุษย์ เอ่อ แง๊ ตัวเองถามอะไรยากจัง ก็คือว่า เค้าอ่ะนะ เป็นโอเนย์รอส สิ่งที่มีชีวิตอยู่แค่บนความหลับใหลของมนุษย์ พวกเค้ามีอำนาจนะ พวกเค้าสามารถทำอะไรก็ได้ในฝัน ได้ทั้งนั้นเลย”
ทงเฮอธิบายไปเรื่อยๆ ผมตั้งใจฟังอย่างดีเลยครับ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ ผมจึงต้องรู้ให้แน่ชัดว่า ที่เค้ามาพบกับผม จุดประสงค์นั้นคืออะไรกันแน่ เพราะเรื่องที่เค้าเล่ามา ฟังๆไปมันก็เหมือนนิทานหลอกเด็กนะครับ
“แต่เค้าก็มีตัวตนอยู่แค่ในฝันเท่านั้นแหละ ในความเป็นจริง เค้าไม่มีร่างกาย ไม่มีลมหายใจ” ทงเฮพูดอย่างเริงร่า ผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติของคนแบบเดียวกับทงเฮนะครับ เพราะทงเฮดูจะไม่ค่อยอยากเป็นมนุษย์เท่าไหร่หรอกครับ มนุษย์มีกรอบความคิดความต้องการมากมาย แต่เด็กซนๆแบบเค้า ผมว่าในฝันนี่แหละครับ ที่เค้าจะมีความสุขที่สุด
ผมชอบรอยยิ้มของทงเฮนะครับ ผมว่ามันสดใส และสวยที่สุดเวลาที่อยู่บนหน้าของเขา
“เอ่อ แล้วถ้าคุณไม่มีตัวตนในโลกของผม ทำไมผมถึงได้ยินเสียงคุณล่ะครับ” ผมยังจำตอนที่เสียงเค้าดังในหัวผมได้ครับ
“อ๋อ แบบนั้นที่จริงห้ามทำ เป็นอำนาจในจิตของเค้าน่ะ ส่วนใหญ่จะมีที่ทำแบบนั้นเพราะเรื่องจำเป็น เค้าก็จำเป็นนะ ตอนนั้นหนังกำลังไคลแมกซ์เลยนี่นา มันเลยอดใจไม่อยู่”
เอ่อ.. ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยนะครับนั่น
“แล้วคุณทำแบบนี้กับทุกคนที่คุณต้องการเลยเหรอครับ”
“ก็เปล่านะ ส่วนใหญ่เค้าไปดูมากกว่าว่ามนุษย์พวกนั้นฝันอะไรกัน จะดูเฉพาะคนที่มีแฟนน่ะ เค้าอยากรู้ว่าพวกที่บอกว่าตัวเองมีความรัก กำลังคิดอะไรกันอยู่”
“หืม” แล้วเค้าจะไปอยากรู้ทำไมกันครับเรื่องพวกนี้
“แต่ผมไม่เคยมีความรักนะครับ แล้วทำไมคุณถึงมาเข้าฝันผมล่ะครับ ผมจำได้ว่าผมเห็นคุณ ก่อนที่ผมจะตื่น”
“อ๋อ อันนั้นอ่าเหรอ ก็ลุงคิวปิดเค้าบอกมาน่ะสิ เทพคิวปิดที่เป็นเพื่อนของพ่อน่ะ เค้าไปถามลุงเองแหละว่าคนไหนมีความรักบ้าง เค้าจะได้ไปเข้าฝันถูกไง แล้วลุงเค้าก็บอกว่าที่นี่แหละ คนที่ชื่อคิมคิบอมนี่แหละ”
“ผม.. ผมน่ะเหรอครับ!” ผมน่ะเหรอครับมีความรัก ไม่จริงนะครับ ลุงคิวปิดของทงเฮคงต้องอำเด็กๆอย่างทงเฮแน่เลยครับ
“อื้ม ช่าย เค้าก็เลยรีบมาที่ฝันคิบอมเลย แต่เค้าก็ไม่เห็นใคร เค้าก็เลยนอนเล่นในนั้นแล้วปลุกคิบอมนั่นแหละ” นอนเล่น!? ทงเฮเที่ยวไปนอนเล่นในฝันของคนอื่นน่ะเหรอครับ
“แล้วก็คุณตามผมไปไหนต่อไหนทั้งวันเลยเหรอครับ”
“อื้อ ตอบอีกก็ใช่อีก เมื่อเช้าเค้าขี้เกียจๆก็เลยนอนอยู่ในนั้นอ่า แล้วทีนี้สิ่งที่คิบอมเห็นเค้าก็จะเห็นด้วย เหมือนกับทีวีนั่นแหละ จะมีภาพที่คิบอมมองอยู่ ฮิๆ เค้าเห็นนะ คิบอมจ้องคุณครูคนสวยตาไม่กระพริบเลยอ่า”
“ผมเปล่านะครับ”
ผมรีบปฏิเสธ ผมไม่ได้จ้องอาจารย์นะครับ ผมสนใจตารางเคมีบนกระดานต่างหาก
“แล้วก็มีใครอีกคน ฮีชอลอะไรเนี่ย คิบอมชอบเค้าเหรอ ทำไมต้องไปดูหนังกัน” เสียงหวานๆของเค้ากลายเป็นเสียงฉุนๆเลยล่ะครับ ผมต้องรีบแก้ตัวสินะครับ ไม่งั้นเค้าจะงอนผมอีก
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ได้ชอบเค้า เราเป็นเพื่อนกัน เหมือนทงเฮกับผมไงครับ”
“อะไร!!!” ทงเฮแผดเสียง เค้าโกรธผมอีกแล้วเหรอครับ
“เค้าไม่ใช่เพื่อนคิบอมนะ เค้าชอบคิบอมนะ คิบอมบอกว่าไม่ได้ชอบฮีชอลที่เป็นเพื่อน งั้นถ้าทงเฮเป็นเพื่อน คิบอมก็ไม่ชอบทงเฮด้วยงั้นสิ!” ตัวเล็กพริกขี้หนูจริงๆครับ ทงเฮอาละวาดแล้วทุบเตียงระบายอารมณ์ ร้อนถึงผมต้องปลอบเค้า แล้วผม... จะปลอบเค้ายังไงดีล่ะครับ
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ทงเฮอย่าร้องไห้สิครับ” แย่แล้วครับ ยิ่งปลอบเค้าก็ยิ่งร้อง ผมทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่ยื่นมือไปลูบหัวเค้าเบาๆ
“ฮือๆๆ มีแต่คนชอบทงเฮ ทำไมคิบอมไม่ชอบทงเฮ แง๊ๆๆ ฮึก เค้าชอบคิบอม แต่คิบอมไม่ชอบเค้า เค้าจะเลิกชอบคิบอมแล้ว!!!”
- - - - - -
กว่าจะปรับฟอนต์ได้รากเลือดจริงๆ =_= อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ
แต่งๆไปแล้วมาอ่านตรวจคำผิดรู้สึกหมวยต๊องๆดี ชอบสุดๆ
สรรพนามที่ด๊องแทนตัวจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆเหมือนคนเอาแต่ใจอะไรทำนองนั้นนะคะ ^^
ความคิดเห็น