คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 01 : ...เจ้าของคนใหม่ และ เด็กสาวปริศนา...
บทที่ 1 …เจ้าของคนใหม่ และ เด็กสาวปริศนา…
แอ๊ด…
เสียงอี๊ดอ๊าดของประตูไม้เก่าคร่ำครึดังขึ้น กอนจะปรากฏร่างของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้าน้ำทะเล และนัยน์ตาสีแดงเปรวเพลิงอยู่ด้านหลังประตูไม้
เด็กสาวเจ้าของร่างสูงสง่าค่อยๆ เดินเข้ามาด้วยท่าทีเชื่องช้า พลันสายตาคอยสอดส่องสิ่งรอบข้างด้วยท่าทีตื่นกลัว…รอบๆ ของเด็กสาวนั้น กลับไม่ใช่เพียงแค่ร้านไอเทมเวทเก่าซอมซ่อที่มืดและเหม็นอับอย่างที่เด็กสาวได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น แต่เมื่อก้าวเข้ามาสิ่งที่สิ่งที่เด็กสาวได้พบนั้นกลับเป็น…อย่างอื่น…สิ่งที่ทำให้เด็กสาวเผยอริมฝีปากสีชมพูระรื่อออกมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
เด็กสาวเห็น และรู้สึกถึง… สีเขียวชอุ่มของป่าไม้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดินและธรรมชาติ สายลมอุ่นๆ หอบใหญ่ที่พัดมาจนทำให้เรือนผมของเด็กสาวปริวไปตามลม เสียงของสัตว์และแมลงต่างๆ ที่ร้องประสานกันจนเป็นท่วงทำนองอันไพเราะ แสงแดดที่สาดส่องลอดลงมาจากร่มไม้สีเขียวชอุ่ม…มันคือป่า…
นัยน์ตาสีแดงเพลิงมองรอบๆอย่างไม่เชื่อสายตา…ริมฝีปากสีเชอร์รี่ค่อยๆ เปร่งเสียงพึมพำขึ้นมา
“…ป่า…‘สกายบลูโรส’…งั้นเหรอ?...”เด็กสาวค่อยๆ พึมพำอย่างอดไม่ได้…เธอจำได้ว่าเธอเคยเห็นทิวทัศน์แบบนี้เมื่อสองปีก่อน ตอนที่เธอไปทัศนศึกษาที่ป่าสกายบลูโรส…ไม่ผิดแน่ๆ นี่คือป่าสกายบลูโรส…
…
“นี่! นายน่ะ!” เด็กหญิงเจ้าของเรือนผมสีแดงหยักศกยาวถึงกลางหลัง และนัยน์ตาสีทองอร่ามวัยราวๆ แปดขวบพูดขึ้น พลางสายตาจ้องมายังเด็กชายวัยเดียวกัน เจ้าของเรือนผมสีทองและนัยน์ตาสีเขียวเพริดอต พลางกอดอกด้วยท่าทีเอาแต่ใจ
“เห?” เด็กชายเพยอปากเล็กน้อยด้วยท่าทีตกใจ นัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อย ที่จริงเขาเข้ามาเดินป่ากับพ่อแล้วก็…พลัดหลงกัน…ถ้าเป็นเด็กคนอื่นๆ คงร้องไห้ไปแล้ว แต่ไม่รู้อไรดลใจให้เด็กชายก้าวต่อมาเรื่อยๆ…แล้วอยู่ๆ เขาก็เจอคนจนได้มันทำให้เขาตกใจเล็กน้อย…แต่มันคงดีกว่านี้ ถ้าไม่ใช้เด็กหญิงท่าทางอ้อนแอ้นคนนี้นะ
“เธอ…พอจะรู้ทางออกจาก…ป่านี้ไหม?”เด็กหนุ่มถามพลางสายตาสีเพริดอตกำลังสำรวจเด็กสาวอย่างระเอียด เธอเป็นคนที่น่ารักทีเดียวแต่นัยน์ตากลมโตนั้นกลับขมวดหากันเล็กน้อยและฉายแววเอาแต่ใจตลอดเวลา เธอใส่ชุดกระโปรงสีดำ และ ผ้าคลุมลากพื้นสีแดงสง่างามเหมือนราชา…มันดูดีทีเดียว…และยังมีมงกุฎอันเล็กประดับทับทิมอยู่บนเรือนผมสีแดงอีก…
“นั้น…ฉันกำลังถามนายพอดี!” เธอตอบ ทำเอาเด็กชายผมทองถึงกับอึ้งค้างทันที
คน คนแรกที่เขาเจอในระยะทางหลายร้อยเมตร…เป็นเด็กผู้หญิงและกำลังหลงทางเหมือนกับเขาเนี่ยนะ!
…
เรนเซียลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า…น่าแปลก ที่แม้เธอจะเห็นนิมิตแปลกๆ จนหน้าสติแตก…แต่ภายนอกเด็กสาวกลับดูสุขุมเยือกเย็นอย่างไม่น่าเป็นไปได้
…นั้นมันคืออะไรกัน…เด็กสาวคิดแต่เมื่อลืมตาดูรอบๆ
เด็กสาวแทบจะกรี๊ดออกมาทันทีเพราะตอนนี้เธอยู่ที่แห่งหนึ่งสี่งที่เธอเห็นคือ อาวุธมากมายเรียงรายถูกจัดเป็นระเบียบอัดแน่นในห้องทรงกลมทั้งสองชั้นขนานไม่เล็กไม่ใหญ่ หรือไม่ก็เป็นห้องขนานใหญ่ที่บรรจุอาวุธเยอะมากซะจนดูเล็กลง
อาวุธต่างๆ นั้นมีตั้งแต่ อาวุธที่เกิดตั้งแต่ยุคที่ไม่มีเวทมนตร์ จนไปถึงอาวุธที่เหมือนว่าเทคโนโลยีด้านเวทมนต์ตอนนี้ก็ผลิตไม่ได้ เรนเซียถึงกับอึ้งอยู่พักใหญ่
ตอนนี้เด็กสาวยืนอยู่ตรงกลางของห้องและตรงกลางนั้นมีลูกแก้วสีใสขนานใหญ่อยู่หนึ่งลูก…และปืนสีฟ้าสวยงาม…ปืนกระบอกนั้นไม่เหมือนอาวุธอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง…เธอรู้สึกได้ว่าอย่างงั้น…มันเป็นสิ่งที่สวยงามและไม่ได้เอาไว้ฆ่าฟัน…เหมือนอาวุธอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง
“มันมีไว้ปกป้อง…”เด็กสาวพึมพำขึ้นช้าๆ
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังขึ้น ถึงแม้จะเป็นเสียงปรบมือเบาๆ แต่กลับดังสะท้อนทั่วห้องจนดังกึกก้อง พลันเรนเซียจึงรีบหันไปยังที่มาของเสียงทันที
และ…เธอก็พบที่มาของเสียง มันมาจากเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและท่าทางเจ้าเล่ห์ วัยน่าจะสิบแปดหรือสิบเก้าที่ยืนพิงบานประตูอยู่…เด็กหนุ่มคนนั้นมีผมสีน้ำตาลดั่งเปลือกของต้นเนเซลพันปี และนัยน์ตาสีส้มออกแดงเหมือนพระอาทิตย์ยามอัสดง
“ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะ…ไม่ต้องแตะลูกแก้วของเลทิวลา ก็สามารถเห็นนิมิตของบุตรและธิดาแห่งมนตราได้…”เด็กหนุ่มคนนั้นพูดก่อนจะปลายตามองเรนเซียพลางคลี่ยิ้มอย่างสบายๆ
แต่…รอยยิ้มนั้นกลับทำเรนเซียอึดอัดเป็นพิเศษ
“อ่า…เสียมารยาทจริงๆ…ลืมทักทายเลยแฮะ”เด็กหนุ่มพูดพลางยิ้มอย่างสบายๆ พลางเดินตรงมาที่เรนเซียราวกับคนที่รู้จักกันมานานนับปี
“น่ะ…นาย…เป็นใคร?” เรนเซียถามอย่างตะกุกตะกักแต่เหมือนฝ่ายตรงข้ามจะไม่ฟังเลยสักนิดเด็กหนุ่มเพียงยิ้ม รอยยิ้มที่สามารถทำให้คนอึดอัดจนตายได้ก่อนจะค่อยๆ พูด
“ดีใจที่ได้พบกันอีกนะ ‘นาเรีย’ ไม่ใช่สิ…ยินดีที่ได้รู้จักนะ ‘เรนเซีย’ …”
“นะ…นาย…” เรนเซียพูดขึ้นพลางมองรอบๆ ตัวด้วยท่าทีหวาดระแวง เธอรู้สึกอึดอัดและมึนงง…เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วชายหนุ่มตรงหน้าคือใคร? เด็กสองคนที่เธอเห็นที่ป่าสกายบลูโรสเมื่อกี้เป็นตัวอะไรกันแน่? คำถามมากมายผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
“อย่าเพิ่งเครียตไปสิ…เรนเซีย…” เด็กหนุ่มพูด พลางดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะมีเถาวัลสามเส้นผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ชอนชัยทะลุผ่านแผ่นหินขึ้นมาอย่างง่ายดาย พลางบิดตัวไปมาจนกลายเป็นโต๊ะจิบน้ำชายและเก้าอี้สองตัวที่มีลวดลายหรูหรา
“เราจะมานั่งจิบชาเพื่อคุยกันก่อนก็ไม่เสียหาย…” เขาค่อยๆพูดขึ้น นัยน์ตาสีส้มออกแดงดั่งดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้านั้นมองตรงมาที่เรนเซีย ใบหน้าอันหล่อเหลายังคงแต่งแต้มรอยยิ้มอันแสนน่าอึดอัดอยู่ตลอดเวลา “นั่งสิ” เขาพูด
“ที่นี่ที่ไหน?” เรนเซียยังคงถามต่อด้วยท่าทีร้อนรนเธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนที่สัญชาติจะบอกให้เธอพึมพำด้วยท่าทียากลำบาก “จอมเวทสาย ‘เนรีเนีย’ ”
“เธอรู้ด้วยงั้นเหรอ? หึๆ สมกับเป็นเธอจริงๆ ที่จริงการเรียกเถาวัลแบบนี้จะเป็นจอมเวทสายไหนก็เรียกได้ยกเว้นสาย ‘สวอร์น่า’ แต่เธอกลับดูออก อา…ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าสนใจจริงๆ แต่ก็นะ…” เขาพูดก่อนจะเงียบไปอึดใจ “ก็ยังเป็นแค่หมากตัวหนึ่งในกระดานของตำนานครั้งนี้อยู่ดี…”
แม้โทนเสียจะต่ำลงเรื่อยๆ แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของตนไว้อยู่ดี ก่อนเขาจะก้มลงไปจิบน้ำชาเล็กน้อย
“พูดบ้าอะไรของนาย! บอกทางออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” ท้ายที่สุด เรนเซียก็อดไม่ไหวตะคอกใส่เด็กหนุ่มตรงหน้าทันที…ถึงแม้จะเป็นนักเวทสาย ‘เนรีเนีย’ จอมเวทสายที่เป็นได้ยากที่สุด และ ทรงพลังที่สุด จอมเวทซึ่งต้องผ่านการยอมรับจากสัตว์ในตำนานอย่างน้อยสามตัวถึงจะได้เป็นและยังเป็นคนที่สามารถขอยืมพลังจากธรรมชาติได้อีกด้วย
แต่มาคิดๆ ดูแล้ว…อย่าว่าแต่สายเนรีเนียเลย แม้จะเป็นแค่จอมเวทสาย ‘มิวสิกเชี่ยน’ หรือผู้ใช้พลังจากดนตรีก็น่าจะฆ่าเธอที่ซึ่งใช้เวทได้แค่เวทรักษาขั้นสองได้สบายๆอยู่แล้ว…
“รีบร้อนจริงๆเลยน๊า…เรนเซีย ทางออกน่ะเหรออยู่ตรงนั้นไง” เขาพูดพลางชี้ไปยังประตูบานที่เขาพิงตอนแรก แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ประตูทั้งบานกลับถูกเถาวัลสิบกว่าเส้นพันเอาไว้ “แต่สำหรับคนที่ใช้ได้แค่เวทรักษาขั้นสองอย่างเธอ คงจะผ่านเถาวัลที่ฉันสร้างได้ยากล่ะล่ะมั้ง…ยิ่งต้องหาทางออกให้ได้พลางประมือกับจอมเวทเวทผู้เก่งกาจคนนี้ไปพลางด้วย”
“หมายความว่ายังไง?” เรนเซียพูดด้วยท่าทีร้อนรน พลางกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ “ประมือกับจอมเวท?”
“คงไม่ชอบงั้นสินะ งั้นเอาเป็นว่าเปลี่ยนเล่นเกมกันเป็นไง…ฉันจะโอกาสเธอหยิบปืนสีฟ้าที่อยู่บนโต๊ะข้างๆลูกแก้วนั่นขึ้นมา ยิงที่ฉันหนึ่งนัด ถ้าเธอยิงพลาด…ฉันจะเริ่มโจมตีเธอ…แต่ถ้าเธอยิงฉันได้ เวทของฉันจะเสื่อมแล้วเธอก็จะได้เดินออกไปเยี่ยงผู้ชนะไง” เด็กหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นจากโต๊ะน้ำชา พลางเดินมาทางเรนเซีย เรนเซียมองเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างอึ้งๆ แต่เขาเพียงยิ้มอย่าเดิมไม่เปลี่นแปลงเท่านั้น…เป็นคนที่แปลกจริงๆ พูดให้คนอื่นฆ่าตัวเองหน้าตาเฉย
กับดักแน่ๆ เรนเซียคิด เพราะรอบๆ ตัวของเธอนั้นมีอาวุธอยู่มากมาย ทำไมเด็กหนุ่มคนนั้นต้องเจาะจงให้เรนเซียใช้ปืนสีฟ้าที่อยู่ข้างๆ ตัวเธอด้วย?
“ตกลงจะเอายังไงล่ะ…เรนเซีย จะเล่นเกมกับฉันไหม?”
“ทางเลือก” เรนเซียพึมพำก่อนจะตะโกน “ทางเลือกของฉันล่ะ?”
“อืม…น่าเสียดายนะ แต่…มันคงจะไม่มี!” เด็กหนุ่มพูดพลันรอยยิ้มพรางพรายที่ประดับอยู่บนใบหน้าหายไป เหลือเพียงแต่เถาวัลสิบกว่าเส้นที่ผุดขึ้นมาจากผืนดินอย่างรวดเร็วพลางชี้มาทางเรนเซีย
กับดักชัดๆ เรนเซียคิดพลางมองปืนสีฟ้าที่อยู่บนโต๊ะด้วยท่าทีหวาดระแวง แต่เชื่อเถอะ ถึงจะไม่ใช่กับดัก ยังไงเธอก็ต้องใช้ปืนกระบอกนั้นอยู่ดีสินะ …เพราะถ้าเธอกระโจนไปเอาอาวุธอันอื่นมันต้องไม่ทันแหงๆ
“ว่าไงล่ะ เรนเซีย…” สียงจากเด็กหนุ่มปริศนา ยังคงดังก้องราวกับเสียงที่ดังมาจากก้นบึ้งแห่งความคิด “เธอจะเอายังไง…ฉันยังรักษากติกาของเกมนะ ที่บอกว่าจะให้เธอยิงก่อนหนึ่งนัดน่ะ…”
‘หยิบฉันขึ้นมา…’
อยู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในห่วงความคิด มันไม่ใช่เสียงของเด็กหนุ่ม…เพราะมันเป็นอะไรที่นุ่มนวลกว่านั้น… เด็กสาวมองรอบๆ ตัวด้วยอาการหวาดระแวง ก่อนนัยน์ตาสีแดงเพลิงทั้งสองข้างจะค่อยๆ พร่าเบลอลงช้าๆ ก่อนมันจะกลายเป็นสีแดงว่างปล่าว
‘หยิบฉันขึ้นมา…ช่วยฉันจากการโดนผนึก…’ เสียงอันนุ่มนวลยังคงดังต่อไป เด็กสาวค่อยๆ ก้าวเดินไปหยิบปืนกระบอกนั้นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
ใช่แล้วเรนเซีย จงยกอาวุธแห่งตำนานนั่นขึ้นซะ
“เลือกได้แล้วสินะ คิดถูกแล้วล่ะ เรนเซีย…!” เมื่อเรียวนิ้วของเรนเซียเซียสัมผัสเข้ากับปืนสีฟ้าลวดลายประหลาดนั้น อยู่ๆ ก็มีแสงสีฟ้าประหลาดเกิดขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนมันจะดับหายไป
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าเรนเซียได้ยกปืนกระบอกนั้นขึ้นได้อย่างสบายๆ ก่อนจะเล็งไปทางเด็กหนุ่มด้วยท่าทีเชื่องช้า นัยน์ตาสีแดงที่เปร่งประกายนั้นกลับว่างปล่าวราวกับคนที่ซึ่งไร้จิตวิญญาณ
“เห? พลังมากพอที่จะจับอาวุธแห่งตำนานโดยที่ไม่สลบแล้วงั้นเหรอ? บางทีอาจจะเป็นดั่งเช่นที่ ‘ท่านผู้นั้น’ บอกไว้ก็ได้…สงสัยฉันจะปล่อยให้เธอเติบโตในพิภพแห่งนี้นานเกินไป…” เด็กหนุ่ม ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ของตน พลางมองกระบอกปืนที่ชี้มาตรงหน้าอย่างไม่กลัวเกรงก่อนจะค่อยๆขยับริมฝีปากพูดช้า
“นามของฉันคือ ‘ราเอรอส โนรีนนา’ จงจำไว้ เรนเซีย เราต้องได้เจอกันอีกแน่…”
ปัง!!!
ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง และทิ้งไว้เพียงความทรงจำ ที่น่าฉงนให้กับเรนเซีย…
‘อีกไม่นานหรอก…เทพธิดา…’
ทุกๆ อย่างดูมืดมนไปหมด เด็กสาวมองรอบๆ ด้วยท่าทีฉงนสงสัย เมื่อครู่ทุกอย่างดูเกิดขึ้นเร็วมากราวกับความฝัน
…แต่ เธอรู้ว่าทุกอย่างนั้นคือเรื่องจริง…
สายลมหอบหนึ่งพัดมาทางเรนเซียอย่างแผ่วเบาท่ามกลางความมืดที่แสนจะหยั่งถึงนี้ เสียงของสายลมที่ดังวีดหวิวนั้นทำเด็กสาวขนลุกชันขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
‘…จงเดินไปตามสายลมแห่งโชคชะตา…’ เสียงเย็นๆ นั้นดังขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวกระพริบตาถี่ๆ ก่อนที่แววตาอันว่างปล่าวไร้ซึ่งอันจิตวิญญาณ จะกลับมาแววาวสุกใสราวกับทับทิมเหมือนเช่นเดิมอีกครั้ง
“เขาบอกให้เดินตามทิศของสายลมน่ะ…ทำตามประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าสิ…” เสียงอันอ่อนโยนของหญิงสาวดังขึ้นมาจากด้านหลัง เรนเซียรีบหันไปตามต้นเสียงด้วยท่าทีเชื่องช้า แม้จะเป็นในความมืด แต่เรนเซียกลับมองเนเจ้าของเสียงได้อย่างหน้าประหลาด
“คะ? ท่าน…คือใครกันคะ? ที่นี่ที่ไหน?” เด็สาวมองญิงสาวเจ้าของเสียงอันอ้อนโยนพลางขมวดคิ้ว หญิงสาวคนนั้นมีนัยน์ตาน้ำตาลเมือนกับผืนดิน เปร่งประกายอบอุ่น ผิวสีขาวซีดและเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกปล่อยสยาย ล้อมรอบใบหน้ารูปไข่ เธอเป็นคนที่งดงามที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เรนเซีนเคยเห็นเลยทีเดียว
“ข้าชื่อ ‘นาเรีย’ ส่วนที่นี่คือที่ไหน…เจ้าน่าจะรู้ดีนะเรน…แต่ตอนนี้เจ้ายังไม่ถึงเวลามาที่นี่ จงทำตามเสียงในจิตใจของเจ้า…” เธอหัวเราะคิกคัก ก่อนจะตอบ
“นาเรีย เหรอคะ? ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆ ท่านเป็น…อ้าว? ท่านคะ?” ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะพูดจบเด็กสาวก็พบว่า หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนนั้นได้หายไปแล้ว
“ฝัน? ถ้ามันเป็นฝันจริงๆ ฉันก็ควรทำตามเสียงที่ได้ยินสินะ”
…เดินตามสายลมแห่งโชคชะตา…
…
“นี่เธอ…! ตื่นๆ” เสียงใสๆ ฟังดูเอาแต่ใจดังขึ้นข้างหูของเรนเซีย ทำให้เด็กสาวรู้สึกรำคาญไม่น้อย
“เธอๆๆๆ” เสียงนั้นยังคงดังต่อไป “เค้าบอกให้ตื่นไงเล่า!”
“เอ๊ะ!...เอ๋?” นัยน์ตาสีแดงเพลิงของเรนเซียค่อยๆ ลืมขึ้นด้วยท่าทีงัวเงีย ก่อนจะมองมาทางเจ้าของเสียงใสๆที่ตะโกนปลุกเธอมาตั้งแต่เมื่อครู่ ด้วยท่าทีหงุดหงิดไม่น้อย
“เธอ! ไม่เห็นหรือไงว่าคนนอนอยู่!” เมื่อเห็นคนตรงหน้า เรนเซียแหวใส่ทันที พลางมอง ‘เด็กสาว’ ที่อยู่ตรงหน้าชัดๆ เธอเป็นคนที่น่ารักทีเดียว เธอเตี้ยกว่าเรนเซียประมาณสิบกว่าเซนฯ ได้ เธอมีนัยน์ตากลมโตสีฟ้าราวกับท้องนถา และเรือนผมสีชมพูเป็นลอนยาวเหยียดถึงกลางหลังล้อมรอบใบหน้าขาวเนียนรูปใข่
คนอะไร…น่ารักชะมัด
เรนเซียมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ เล็กน้อย เช่นเดียวกับเธอที่เบิกตากว้างมองนัยน์ตาวีแดงเพลิงของเรนเซียด้วยท่าทีงุนงง
“นัยน์ตาสีเพลิง…” เด็กสาวน่ารักคนนั้น พึมพำอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีแปลกประหลาดนัยน์ตาคู่สวยสีฟ้าท้องนภานั้นมองเรนเซียตาไม่กระพริบ โดยฉะเพราะนั้นตาสีแดงเพลงของเรนเซีย
เมื่อกี้คงฝันไปสินะ…เรนเซียคิดพลางกระพริบนัยน์ตาสีแดงเพลิงของตน ก่อนจะหันมาทางเด็กสาวตรงหน้า “เธอคือ…”
“อ้อ! เค้าชื่อ ‘ออรอร่า รานิซซ่า’ ยินดีที่ได้รู้จัก!” เด็กสาวพูดพลางยิ้มแบบเด็กๆ มาให้เรนเซีย
“เอ่อ… ‘เรนเซีย ฟรานนาเซ่’ ” เรนเซียตอบพลางมองรอร่าด้วยท่าทีหวาดระแวงเล็กน้อย “แล้วมีอะไรกับฉันล่ะ เอ่อ…คุณรานิซซ่า ”
“เห? ห่างเหินจังเลย เรียกเค้าว่ารอร่าเฉยๆ ก็ได้น่า เค้าอยากเป็นเพื่อนกับเธอไงล่ะ ไม่ได้เหรอ?” รอร่าพูดด้วยท่าทีออดอ้อน
“เอ่อ…มันก็ได้อยู่นะ…แต่ว่า” เรนเซียพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ
“โอเค! เรน! ปืนเวท…ที่เธอถืออยู่น่ะ” รอร่าเอ่ยแทบจะทันทีที่เรนเซียบอกว่าได้ เรนเซียมองรอร่าด้วยท่าทีงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะพูด
“ปืน…เวท?” เรนเซียพูดพลางมองมาทางรอร่า พลางคิดว่าทำไมวันนี้เธอเจอแต่เรื่องประหลาดๆ นะ?
“อืม ปืน! ที่เธอถือน่ะ เค้าอยากดูอ่ะ” รอร่ายังคงพูดต่อไป
“ไม่มีสักหน่อย…เอ๊ะ?” เรนเซียพูดพลันรู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านทั่วกำมือที่ตนถืออยู่ เรนเซียค่อยๆ ยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้น นัยน์ตาสีเพลิงเบิกกว้างขึ้นทันที สิ่งที่เธอถืออยู่คือปืนกระบอกหนึ่งที่มีสีฟ้าสวยงามระยิบระยัยราวกับอัญมณี เคลือบด้วยวัตถุสีใสราวกับแก้วแต่กลับดูสว่างไสวกว่านั้น และแกะสลักเป็นรวดรายอย่างประณีต
และมันเป็นปืนที่เรนเซียเห็นในฝันเมื่อครู่!
“นั้นไงล่ะ” รอร่าพูดพลางฉวยเอาปืนเวทที่อยู่ในมือเรนเซียออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว
ไม่รู้ว่าเรนเซียตาฝาดหรือเปล่า แต่เธอเห็นแวบๆ ว่าเมื่อนิ้วเรียวของรอร่าสัมผัสกับปืนกระบอกนั้น อยู่ๆ ก็มีแสงสีฟ้าสว่างวาบก่อนจะหายไป
“อย่างงี้นี่เอง เรน! เธอก็เป็นเทพธิดาเหรอ?” รอร่าถามพลางยิ้มอย่างมาเลศนัย
“เทพธิดา? เธอพูดถึงอะไรน่ะ รอร่า…” เรนเซียพูดด้วยท่าทางอึ้งๆ กับปืนที่เธอเห็นในฝันเมื่อกี้ หรือทั้งหมดที่เธอเห็นเมื่อกี้จะเป็นเรื่องจริง? มันยังไงกันแน่นะ?
“อ้อ ยังไม่รู้สินะ…ไม่เป็นไรๆ เธอไปที่นี่นะ แล้วเธอก็จะรู้เอง” รอร่าพูดพลางหาหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋า…มันคือกระดาษปึกใหญ่ ที่โดนเย็บรวมกันไว้ เรนเซียมองกระดาษปึกนั้นพลางขมวดคิ้ว
‘ใบสมัคสอบโรงเรียนอิมมาร์มิเลี่ยนสคูล’
โรงเรียนที่ว่ากันว่า สอบยากยิ่งกว่ายากสินะ แน่นอนว่ามันไม่เคยอยู่ในหัวเรนเซียเลยสักนิด ว่าเธอจะเข้าโรงเรียนนี้ จำได้มีคน คนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่าตยเคยไปสอบ และภาคปฎิบัติคือให้สู้กับมังกรสิบกว่าตัวด้วยซ้ำ และการสอบยังเปลี่ยนไปทุกปีอีกด้วย!
แล้วเธอจะรอดเหรอ?
พูดได้คำเดียว! ฝัน!
“ขอบคุณนะ…เอ่อ คือ…แต่ฉันว่า” เรนเซียพยายามจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองไปอีกที รอร่าได้หายไปแล้ว…
“หายไปไหนนะ…” เรนเซียพึมพำช้าพลางมองหารอร่า พลันไปสะดุดกับคำ คำหนึ่งที่อยู่ในใบสมัคสอบ นั้นทำให้เด็กสาวเบิกต่สีแดงเพลิงกว้างทันที
‘กฎข้อที่ 60 ของผู้ที่จะเข้าสอบสายสวอร์น่า ผู้เข้าสอบสายสวอร์น่า สามารถใช้ปืนเวทได้’
เรนเซียมอง ปืนกระบอกที่อยู่ข้างๆ ตนกับใบสมัคสอบด้วยความงุนงง
พร้อมกับลมหอบใหญ่ที่พัดมาพร้อมกับเสียงที่มากับสายลม แต่เด็กสาวมัวแต่งุนงงจนไม่อาจสังเกต
มันบอกว่า…
…ยินดีต้อนรับ เจ้าของคนใหม่…
-Miracle Legend-
สวัสดีค่ะ วันนี้ไรท์มาอัพร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะคะ! หวังว่าจะชอบกันนะคะ ไรท์ว่าอันนี้เป็นบทที่เขียนยาวที่สุดเท่าที่ไรท์เขียนมาแล้วแฮะ
ว่าแต่…ช่วงนี้ไรท์เบื่อๆแฮะ ใครพอจะมีนิยายสนุกๆ บ้างอ่ะแนะนำหน่อยสิ ><
อ้อ! เม้นต์ & โหวตให้ไรท์ด้วยนะๆ
อ้อ ไรท์ถามอะไรหน่อยสิ อยากรู้อ่ะค่ะ คิดว่าไรท์อายุเท่าไร่กันคะ?
P.S. ไรท์มา แก้คำผิดเล็กน้อย เปลี่ยนขนานตัวอักษร และแก้คำเว้นวรรค นิดหน่อย เมื่อ 27 – 12 - 55
ความคิดเห็น