เชียงใม่-ปาย - เชียงใม่-ปาย นิยาย เชียงใม่-ปาย : Dek-D.com - Writer

    เชียงใม่-ปาย

    การเดินทางไปทางเหนือของพนักงานเงินเดือนในช่วงต้นปี กับเหตุการณ์ที่มีอุปสรรคเล็กน้อย-มาก

    ผู้เข้าชมรวม

    111

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    111

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.ค. 51 / 16:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
        การเดินทางเริ่มขึ้น เมื่อมนุษย์เงินเดือนได้หยุดงานติดต่อกันหลายวัน ช่ายกูเองหยุดตั้งแต่วันที่ 23-1 กูตัดสินใจได้ในที่สุดว่าจะต้องไปที่ไหนหลังจากที่จะไปกับเพื่อนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แต่สุดท้ายก็มาสรุปลงกับน้องที่บริษัท กูตัดสินใจอย่างปัจจุบันทันด่วนว่าจะต้องเดินทางขึ้นเหนือ เพราะคิดว่าหน้าหนาวมันต้องทรมานตัวเองให้สำนึก เจ็บใจที่กรุงเทพหนาวไม่เกินสองวัน เหตุผลหลักๆที่ต้องการขึ้นเหนือเนื่องจากกูซื้อเสื้อหนาวมาเยอะมาก และยังไม่ได้ใช้เลย ทริปนี้ให้น้องมันเป็นคนดำเนินการหาที่พัก และดูเรื่องตั๋วรถ ส่วนกูดูเรื่องว่าไปแน่นะ ไม่เบี้ยวน้องมันแน่นะ  ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าจะไปกันวันไหน ไปวันที่ 23 เดินทางโดยรถไฟ ชั้น2 พัดลม ทีแรกกะจะจองตู้นอน แต่กรรมตู้นอนเต็มซะแล้ว กูก็เลยได้ตู้พัดลมเบาะนั่งปรับได้ (เค้าว่างั้น)และที่พักเป็นที่ซอยวัดอุโมงค์หลังมช.
                            วันศุกร์ที่ 21/12/07 หลังเลิกงานกูก็รับภาระเป็นผู้ไปซื้อตั๋วไม่รู้สมองทำงานอีท่าไหนพอเจอหน้าพนักงานขายตั๋วกลับจองตั๋วเป็นวันที่ 24 ซะงั้น เสียค่าเปลี่ยนตั๋วอีก 40 บาท 

      วันอาทิตย์ที่ 23/1/07  กูร้กแต่เช้าเลย เพราะเสื้อผ้าที่ซักไว้ไม่แห้ง ถุงมือเอย หมวกเอย กางเกงยีนส์เอย และเสื้อเอย ไม่แห้งสักอย่าง เลยจำต้องตัดใจเอาสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากรายการแม้ว่าอยากจะนำพามันมาด้วยก็ตามที แต่มันไม่แห้งง่ะทำไงได้  เกือบตกรถไฟเพราะมันแต่พะว้าพวังกับเสื้อผ้าที่ต้องตากแดด และเก็บลงกระเป๋าในวินาทีสุดท้าย  และก่อนที่จะตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ที่เชียงใหม่ไม่หนาวหรอก พี่ไปมาอาทิตย์ที่แล้วร้อนมาก ประจวบกับขณะนั้นที่กรุงเทพฯร้อนมาก กูจึงเอาเสื้อเสื้อกันหนาวมาเพียงตัวเดียว ที่เหลือคือเสื้อยืดแขนสั้น และ เสื้อแขนกุดเยอะมาก กางเกงขายาว2 และที่เหลือก็กางเกงขาสั้น (มันคิดว่าไปทะเลหรือไง) รถติดมาก เพราะเป็นวันเลือกตั้ง เลยได้อนิสงฆ์ขึ้นรถไฟใต้ดินฟรี มาถึงหัวลำโพง14.20 น. รถไฟออก 14.30 น. ไม่ได้ซื้อเสบียงรัยเลย แต่ดีที่น้องมันซื้อไว้แล้ว
                          14.30 น. รถไฟเริ่มออกจากชานชลา ตื่นเต้นมาก ซึ่งเป็นเพราะกูมิได้ล่วงรู้ถึงอนาคตอันใกล้ที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากที่ตื่นเต้นอยู่สักพักกูกับน้องก็เริ่มหันมาสนใจกับเก้าอี้ ลองพยายามกันอยู่นานมาก จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าเบาะเก้าอี้รุ่นนี้เค้าเน้นปรับเลื่อนที่เบาะนั่ง ส่วนพนักพิงตรงหลังตั้งฉากเชียว คาดว่าผู้ออกแบบคนเป็นทหารเก่า จึงได้ออกแบบมาแบบไม่ลองนั่งดูก่อนเลย เค้าใจไหมว่าตูดน่ะกูมีปัญญาเลื่อนของกูเองได้ แต่ที่ต้องการนะพนักพิงขอแบบเอนได้ไหม มันทรมานใช่หยอกนะ การที่ต้องนั่งหลังตรง 16 ชม. ตลอดการเดินทาง หรือถ้าคุณเลือกที่จะนอน คุณก็ได้นอนแบบหลังตรง อีก 16 ชม.อีกเช่นกัน เลยเป็นการเดินทางที่เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเลือกทรมานด้วยวิธีไหน ดังนั้นสำหับคนที่ชอบความเจ็บปวดหรือทรมานตัวเองขอแนะนำให้มาใช้บริการของการรถไฟ เลือกขบวน 109 พัดลมชั้นสองเบาะนั่งปรับได้ (เค้าว่างั้น) รับรองคุณจะสำเร็จกับความเจ็บปวด  13.30 น. โดยประมาณ รถไฟก็เยื้องย่างมาจนถึงสถานีดอนเมือง ผู้คนก็ทะยอยขึ้นแต่ละโบกี้ตามที่ตั๋วระบุไว้ โบกี้ที่กูนั่งอยู่ก็มีขึ้นมาบ้างประปรายเบาะยังไม่เต็มทุกที่นั่ง และแล้วสายตาของกูที่กำลังเหม่อลอยดูผู้คนที่ทยอยขึ้นมาเรื่อยๆ ก็ได้เผชิญกับสิ่งหนึ่งเข้าอย่างจัง "สุนัข" ตัวพี่แกโตมากพันธุ์อะไรมิทราบได้เพราะกูเกลียดหมา มิได้สนใจจะศึกษาในเรื่องสายพันธุ์ของมันด้วย ถามจริงเถอะเค้าให้เอาสัตว์ขึ้นมาได้ด้วยเหรอว่ะ       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×