การเดินทางเริ่มขึ้น เมื่อมนุษย์เงินเดือนได้หยุดงานติดต่อกันหลายวัน ช่ายกูเองหยุดตั้งแต่วันที่ 23-1 กูตัดสินใจได้ในที่สุดว่าจะต้องไปที่ไหนหลังจากที่จะไปกับเพื่อนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แต่สุดท้ายก็มาสรุปลงกับน้องที่บริษัท กูตัดสินใจอย่างปัจจุบันทันด่วนว่าจะต้องเดินทางขึ้นเหนือ เพราะคิดว่าหน้าหนาวมันต้องทรมานตัวเองให้สำนึก เจ็บใจที่กรุงเทพหนาวไม่เกินสองวัน เหตุผลหลักๆที่ต้องการขึ้นเหนือเนื่องจากกูซื้อเสื้อหนาวมาเยอะมาก และยังไม่ได้ใช้เลย ทริปนี้ให้น้องมันเป็นคนดำเนินการหาที่พัก และดูเรื่องตั๋วรถ ส่วนกูดูเรื่องว่าไปแน่นะ ไม่เบี้ยวน้องมันแน่นะ ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าจะไปกันวันไหน ไปวันที่ 23 เดินทางโดยรถไฟ ชั้น2 พัดลม ทีแรกกะจะจองตู้นอน แต่กรรมตู้นอนเต็มซะแล้ว กูก็เลยได้ตู้พัดลมเบาะนั่งปรับได้ (เค้าว่างั้น)และที่พักเป็นที่ซอยวัดอุโมงค์หลังมช. วันศุกร์ที่ 21/12/07 หลังเลิกงานกูก็รับภาระเป็นผู้ไปซื้อตั๋วไม่รู้สมองทำงานอีท่าไหนพอเจอหน้าพนักงานขายตั๋วกลับจองตั๋วเป็นวันที่ 24 ซะงั้น เสียค่าเปลี่ยนตั๋วอีก 40 บาท
วันอาทิตย์ที่ 23/1/07 กูร้กแต่เช้าเลย เพราะเสื้อผ้าที่ซักไว้ไม่แห้ง ถุงมือเอย หมวกเอย กางเกงยีนส์เอย และเสื้อเอย ไม่แห้งสักอย่าง เลยจำต้องตัดใจเอาสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากรายการแม้ว่าอยากจะนำพามันมาด้วยก็ตามที แต่มันไม่แห้งง่ะทำไงได้ เกือบตกรถไฟเพราะมันแต่พะว้าพวังกับเสื้อผ้าที่ต้องตากแดด และเก็บลงกระเป๋าในวินาทีสุดท้าย และก่อนที่จะตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ที่เชียงใหม่ไม่หนาวหรอก พี่ไปมาอาทิตย์ที่แล้วร้อนมาก ประจวบกับขณะนั้นที่กรุงเทพฯร้อนมาก กูจึงเอาเสื้อเสื้อกันหนาวมาเพียงตัวเดียว ที่เหลือคือเสื้อยืดแขนสั้น และ เสื้อแขนกุดเยอะมาก กางเกงขายาว2 และที่เหลือก็กางเกงขาสั้น (มันคิดว่าไปทะเลหรือไง) รถติดมาก เพราะเป็นวันเลือกตั้ง เลยได้อนิสงฆ์ขึ้นรถไฟใต้ดินฟรี มาถึงหัวลำโพง14.20 น. รถไฟออก 14.30 น. ไม่ได้ซื้อเสบียงรัยเลย แต่ดีที่น้องมันซื้อไว้แล้ว 14.30 น. รถไฟเริ่มออกจากชานชลา ตื่นเต้นมาก ซึ่งเป็นเพราะกูมิได้ล่วงรู้ถึงอนาคตอันใกล้ที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากที่ตื่นเต้นอยู่สักพักกูกับน้องก็เริ่มหันมาสนใจกับเก้าอี้ ลองพยายามกันอยู่นานมาก จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าเบาะเก้าอี้รุ่นนี้เค้าเน้นปรับเลื่อนที่เบาะนั่ง ส่วนพนักพิงตรงหลังตั้งฉากเชียว คาดว่าผู้ออกแบบคนเป็นทหารเก่า จึงได้ออกแบบมาแบบไม่ลองนั่งดูก่อนเลย เค้าใจไหมว่าตูดน่ะกูมีปัญญาเลื่อนของกูเองได้ แต่ที่ต้องการนะพนักพิงขอแบบเอนได้ไหม มันทรมานใช่หยอกนะ การที่ต้องนั่งหลังตรง 16 ชม. ตลอดการเดินทาง หรือถ้าคุณเลือกที่จะนอน คุณก็ได้นอนแบบหลังตรง อีก 16 ชม.อีกเช่นกัน เลยเป็นการเดินทางที่เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเลือกทรมานด้วยวิธีไหน ดังนั้นสำหับคนที่ชอบความเจ็บปวดหรือทรมานตัวเองขอแนะนำให้มาใช้บริการของการรถไฟ เลือกขบวน 109 พัดลมชั้นสองเบาะนั่งปรับได้ (เค้าว่างั้น) รับรองคุณจะสำเร็จกับความเจ็บปวด 13.30 น. โดยประมาณ รถไฟก็เยื้องย่างมาจนถึงสถานีดอนเมือง ผู้คนก็ทะยอยขึ้นแต่ละโบกี้ตามที่ตั๋วระบุไว้ โบกี้ที่กูนั่งอยู่ก็มีขึ้นมาบ้างประปรายเบาะยังไม่เต็มทุกที่นั่ง และแล้วสายตาของกูที่กำลังเหม่อลอยดูผู้คนที่ทยอยขึ้นมาเรื่อยๆ ก็ได้เผชิญกับสิ่งหนึ่งเข้าอย่างจัง "สุนัข" ตัวพี่แกโตมากพันธุ์อะไรมิทราบได้เพราะกูเกลียดหมา มิได้สนใจจะศึกษาในเรื่องสายพันธุ์ของมันด้วย ถามจริงเถอะเค้าให้เอาสัตว์ขึ้นมาได้ด้วยเหรอว่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น