แค่รักเธอ - แค่รักเธอ นิยาย แค่รักเธอ : Dek-D.com - Writer

    แค่รักเธอ

    ความรักกับการรอคอย... ความรักของหญิงสาวคนหนึ่งที่มอบให้ชายคนหนึ่งด้วยหัวใจ ได้แต่รอคอยการกลับมาของเขา...

    ผู้เข้าชมรวม

    497

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    497

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.พ. 47 / 21:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      แสงไฟยามค่ำคืนที่ดูเงียบเหงายามปลายฤดูหนาว สาดส่องกระทบพื้นถนนที่บางเบาจากรถราและผู้คน…

          ฉัน… จิทามายะ  ซูนาโกะ… เด็กสาววัยสิบเจ็ดปี… นั่งมองผ่านกระจกใสออกไปนอกรถ… ทว่าสายตาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่สรรพสิ่งข้างทางเลยแม้แต่น้อย… ความคิดของฉันล่องลอยออกไปไกลกว่านั้น…

          …อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันวาเลนไทน์แล้วสินะ… ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้อยู่กับบ้านเงียบๆ…

          และแล้วภาพของใครบางคนก็ผุดขึ้นในความคิดของฉันเช่นเคย ราวกับเป็นเงาตามตัวตลอดเวลา…     …ทาคุมิ  นาโอรุ… เด็กหนุ่มผิวเข้ม สวมแว่นสายตา ผู้ซึ่งฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาคนนี้จะเข้ามาอยู่ข้างในใจ อยู่ในห้วงความทรงจำที่ชัดเจนของฉันตั้งแต่วันเวลาแรกที่พบ…

          ฉันรู้จักกับนาโอรุได้ปีกว่า… ตลอดเวลาที่ได้รู้จักกัน นาโอรุได้เข้ามาอยู่ในใจของฉันทีละน้อยๆ จนฉันแทบไม่รู้ตัว… ความผูกพันก่อเกิดขึ้นมากมาย… แม้ตลอดเวลาฉันจะพยายามบอกกับตัวเองว่าระหว่างฉันกับนาโอรุเป็นเพียงเพื่อน เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น… แม้ว่าใครๆจะถามหลายครั้งหลายครานักว่าฉันคิดยังไงกับเขา ฉันก็ตอบได้เพียงว่าเขาเป็นเพื่อนชายที่พิเศษกว่าเพื่อนคนอื่นก็เท่านั้น… แต่แล้วยิ่งนานวัน ฉันก็ยิ่งรับรู้หัวใจตัวเอง… และไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ใจบอกได้เลย

          …นาโอะจังจะจำวันวาเลนไทน์ปีที่แล้วได้บ้างมั้ยนะ…

          ความรู้สึกต่างๆที่อยู่ในใจ พร้อมจะบีบคั้นให้ฉันน้ำตาไหลออกมาได้เสมอ… ทว่าบางคราภาพใบหน้าและรอยยิ้มอันอบอุ่นของนาโอรุนั้นก็กลับทำให้ฉันรู้สึกดี… เผลอยิ้มกับตัวเองคนเดียวได้เช่นกัน…
          …ไม่ได้…เราจะร้องไห้ออกมาตอนนี้ไม่ได้นะ…
      ----------------------------------------------


          ยามสาย… แสงแดดอันแรงกล้าสาดทอกระทบมวลสรรพสิ่งโดยรอบดูราวอบอุ่นทว่าเยือกเย็น…
          กลุ่มเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวหลากสีสัน นั่งสนทนากันที่โต๊ะหินอ่อนข้างๆตึกมุมหนึ่ง… ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
          “จะวาเลนไทน์แล้วสินะ… อามิจังจะทำอะไรให้คารุคุงเหรอจ๊ะ?” ฉันเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงใส… หากมีใครรู้ไม่ว่าฉันรู้สึกร้าวลึกข้างในใจ…
          “คิดว่าจะซื้อโคมไฟแขวนน่ะจ้ะ ซื้อแบบที่เป็นแฮนด์เมดน่ะ… แล้วอามิจังก็จะห่อเอง คารุคุงคงจะชอบ” เด็กสาวร่างสูง ผมสั้นกล่าวยิ้มอย่างมีความสุข…
          “ซื้อของแต่ละปีนี่ก็…หวานเชียวนะ ปีที่แล้วก็ซื้อเทียนนี่นา…” เสียงหนึ่งดังขึ้น กล่าวกับอามิ…

          …เทียนเหรอ… สะกิดใจเราไม่น้อยเลยนะ…

          “แล้วซูนะจังล่ะ?… จะทำอะไรให้นาโอรุ…” เมงูมิที่นั่งเงียบอยู่ เอ่ยถามฉันด้วยความอยากรู้…
          ฉันซึ่งนั่งยิ้มอยู่ในทีแรก ค่อยๆคลายยิ้มลงโดยไม่รู้ตัว  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มค่อนข้างเศร้า… ยิ้มปลอบใจตัวเอง
          “เค้าอยู่ไกล… อย่างมากก็คงได้แค่ส่งอีการ์ดหรือเขียนนิยายส่งไปให้น่ะ…” น้ำเสียงของฉันบางเบาเหลือเกิน… ราวกับมันจะจางหายไปในสายลมหนาว…
          “เรื่องของซูนะจังกับนาโอรุนี่ ดูจะยากลำบากเหลือเกินนะ เดี๋ยวคนโน้นกลับ เดี๋ยวคนนี้ไป … ฉันยังสงสัยอีกเลยว่า แล้วหลังจากที่เจอกันปีนี้เมื่อนายนั่นกลับมา แต่พอเธอไป หลังจากนั้นจะทำยังไง…จะเจอกันยังไง… เหอะๆ” ไทโยโกะกล่าวบ้าง โดยไม่รู้ว่าคำพูดนั้นสะเทือนใจฉันไม่น้อย
          “อืม… ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แต่ที่รู้คือ ฉันไปปีนึง ถ้าโชคดีฉันก็คงจะได้กลับมาเจอกับนาโอะจังอีก…ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันกับเรื่องราวของเราสองคนในอนาคต…” ฉันพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความเศร้าแท้จริงภายในใจ

          “แล้วทำไมถึงรักนาโอรุได้ล่ะ?” เพื่อนอีกคนในกลุ่มถามฉันต่ออีก…
          “อืมมมม… ก็… ตอนแรกก็ไม่ได้คิดไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกนะ พอเวลาผ่านมาก็รู้สึกว่าเค้าไม่เหมือนใครคนอื่น มีอะไรคล้ายๆกัน เค้าพิเศษ คนแบบเค้าหาได้ไม่ง่ายเลย  เค้าเป็นคนดี มีน้ำใจ และเค้าก็เข้าใจฉันมากกว่าใคร เป็นคนที่ฉันยอมเปิดเผยตัวตนมากที่สุด และเค้าก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความหมายกว่าแต่ก่อน รู้สึกว่ามีคนห่วงใย เทคแคร์ฉัน แม้ว่าเค้าอาจจะไม่ได้รักฉันเหมือนที่ฉันรักเค้าตอนนี้ก็ตาม…  แต่เค้าก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันโดยไม่รู้ตัวจริงๆ… และทุกครั้งที่ได้เจอกันอีก ฉันก็รู้หัวใจตัวเองว่าห่วงเค้า รักเค้า…” ฉันเงียบไปพักหนึ่ง พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองให้นิ่งที่สุด… เหมือนว่าน้ำตามันจะท่วมท้นอยู่ในใจจนหลั่งไหลออกมาแผ่ไปทั่วทั้งร่าง… แต่ไม่อาจปลดปล่อยออกมาจากดวงตาได้ตรงนี้… ทำไม่ได้…

          เพื่อนๆทั้งสี่คนนั่งนิ่งเงียบ จ้องมองฉัน อย่างรอฟังต่อ…
          “ยิ่งตอนที่รู้ว่าเค้าจะไปอเมริกา ใจก็ยิ่งบีบคั้นบอกว่ารักเค้า บอกว่าทรมานไม่อยากให้เค้าห่างไปไกล… และอยากจะบอกความในใจออกไป แต่ก็ไม่กล้า… เพราะกลัวเวลาที่จะต้องเจอหน้ากัน ไม่กล้าเผชิญหน้า… รอจนกว่าเค้าจะไปถึงจะบอก… บางเวลาเหมือนฉันพอจะนิ่งเฉย ทำใจได้บ้าง คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง… แต่แล้วพอโทรศัพท์ไปหา แค่ได้ยินเสียงเค้าก็แทบร้องไห้ ไม่รู้ว่าทำไม… รู้แค่ว่าห่วงเค้าแทบทุกวินาทีเลยแหละ ตอนที่เค้าจะเดินทางไปอเมริกาน่ะ” ฉันยิ้มกับเพื่อนๆอย่างเศร้าๆ   ไทโยโกะยิ้มให้ฉันอย่างเห็นใจ  ขณะที่อามิมีสีหน้าเข้าใจอย่างชัดเจน แต่ก็แค่เข้าใจในรักที่ฉันมี… แต่คงไม่มีใครรู้ถึงน้ำตาที่มันพาลจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ… ไม่มี…
          “นี่เป็นรักแรกของซูนาโกะจังเลยซี่…” อามิกล่าวแซวฉัน ฉันยิ้มจางๆ
          “อือ… คิดว่าน่าจะใช่ เมื่อก่อนเคยแค่ชอบคนบางคน ตอนนั้นก็คิดว่ารัก แต่ไม่นานก็ลืมได้ เลยคิดว่าคงไม่ใช่ความรัก… แต่คราวนี้มันไม่ใช่… มันต่างกันจริงๆ… รักแรก… รู้แล้วจริงๆว่ารักเป็นยังไง… สำหรับใครจะคิดยังไงเกี่ยวกับนาโอะจังฉันไม่สนใจ ฉันรู้แต่ว่าสำหรับฉัน นาโอะจังน่ารักเสมอ…”
          “ไปอยู่เมืองนอกแล้ว เธอจะยังรอเค้ามั้ย?” ไทโยโกะถาม
          “เหอะๆ … ไม่… ไม่รู้สิ… ฉันไม่รู้ว่าเค้าเองจะเป็นยังไง ถึงตอนนั้นเค้าจะรู้สึกยังไงกับฉันบ้าง… เป็นเรื่องของอนาคตน่ะ… ส่วนฉันก็ไม่ชอบนิสัยของคนฝรั่ง ฉันอาจจะไม่แต่งงานก็ได้ชีวิตนี้…”
          “อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ… บางทีอาจจะเจอฝรั่งหล่อๆแถวโน้นโดนใจเธอก็ได้นะ… หรือไม่ก็ นาโอรุก็อาจจะรอเธอนะ ซูนะจัง …นาโอรุจะรอนักเรียนแพทย์บ้างไม่ได้หรือไง…” เมงูมิกล่าวปลอบใจฉัน…
          “ฉันคิดว่าฉันคงไม่เจอใครเหมือนเค้าแล้วล่ะ คนหล่อคนน่ารักน่ะคงมีเยอะ มองแล้วรู้สึกดีๆน่ะมีถมไป… แต่ใครคนที่จะพิเศษเหมือนเค้า จนทำให้ฉันรักได้แบบนี้… อาจจะไม่มีอีกแล้ว…”ฉันบอกกับเพื่อนจากความรู้สึก และอะไรๆที่ฉันมองมาตลอด พยายามเปิดใจมาตลอด… แต่ก็ไม่เคยมองเห็นใครคนไหนที่จะแทนที่นาโอรุได้…
          “มองโลกแคบเกินไปรึเปล่า…” เมงูมิกล่าว ก่อนที่ไทโยโกะจะแทรกต่อ ไม่ทันให้ใครได้พูดอะไร…
          “เราว่าเราต้องได้แต่งงานเป็นคนสุดท้ายแน่เลย… ดูซิ ทุกๆคนมีคนที่ชอบหมดแล้ว…” ไทโยโกะกล่าวรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองยังโดดเดี่ยว ไม่มีคนพิเศษ… ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดี… จากที่ได้คุยกันและได้อ่านไดอารี่ของเธอ… ฉันเองก็เคยเป็นแบบนั้น
          “ไม่หรอก ไทโยจังน่ะน่ารักจะตาย ฉันว่าไทโยจังสวยนะ ฉันต่างหาก ต่อไปก็ไปไกล ไม่ได้เจอใครเลย เจอแต่ฝรั่ง… และเราก็ไม่ใช่คนมีเสน่ห์… ที่สำคัญคือฉันมีนาโอะจังอยู่ในใจตลอด” พูดไปพูดมาก็ไม่เคยพ้นเรื่องนาโอรุไปได้สักที… ก็เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันจริงๆนี่นา…
          “แย่แล้ว  นี่เรากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย… ติวหนังสือกันดีกว่ามั้ง” ฉันเปลี่ยนเรื่องพูดทันที
          “ก็ใครเริ่มก่อนล่ะจ๊ะ…?” อามิกล่าวค่อนขอด ขำอย่างอารมณ์ดี
          “อ๊ะ… โอเคฉันผิดเองแหละ ยอมรับก็ได้… แต่เอาเป็นว่าเรามาติวฟิสิกส์กันดีกว่านะ เหอะๆ”
      -------------------------------------


          …ฉันนั่งพิมพ์ข้อความบางอย่างอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์…
          ถ้อยความที่ปรากฏบนจอ เป็นถ้อยความที่เรียบเรียงเป็นนิยายซึ่งฉันเตรียมจะส่งให้นาโอรุได้อ่าน เนื่องในเทศกาลวาเลนไทน์ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้… ฉันทำเหมือนกับปีที่แล้ว เพราะไม่รู้จะให้อะไรเขาได้นอกจากนี้จริงๆ… นาโอรุอาจจะเบื่อที่จะอ่าน… แต่ฉันก็ทำได้แค่นี้…

          ชั่ววูบหนึ่ง ถ้อยความในจดหมายและการ์ดวาเลนไทน์ที่นาโอรุเขียนและฝากเพื่อนมาให้กับฉันเมื่อวาเลนไทน์ที่แล้วก็ชัดเจนขึ้นในความทรงจำ… นาโอรุให้ฉันด้วยมิตรภาพเช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆของเขา… ของขวัญที่เขาซื้อให้นั้นก็ในฐานะที่ฉันพิเศษกว่าคนอื่น.. แต่ฉันก็รู้ว่าสำหรับเขา ฉันยังเป็นเพียงคนพิเศษ… ไม่ใช่คนรัก… ฉันรู้และบอกกับตัวเองเสมอ… หากแต่สิ่งที่เขาทำให้ในวันวาเลนไทน์คราวก่อน ก็ทำให้วันวาเลนไทน์เหงาๆของฉันกลายเป็นวันวาเลนไทน์ที่สดใส งดงาม และอบอุ่นเท่าที่เคยผ่านมา… อย่างน้อยก็รู้ว่ามีคนๆหนึ่งที่มีความรู้สึกพิเศษๆให้นี่นะ….
          แต่ตอนนี้ความรู้สึกมากมายกลับทับทวีอยู่ในใจ จนไม่อาจเก็บเอาไว้ได้… น้ำตาไหลออกมาบนใบหน้าฉันเพราะคิดถึงเขาเหลือเกิน… แม้อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะกลับมา แต่พอเขากลับมาก็ได้เจอกันไม่นาน ฉันก็จะต้องไป… อยากอยู่กับเขานานๆ… อยากอยู่ไปตลอด… แต่เป็นไปไม่ได้… และฉันคงไม่อาจเหนี่ยวรั้งใจเขาให้อยู่กับฉันได้เลย… ฉันรู้ตัวมาตลอด…
          ความคิดฟุ้งซ่านพาลเอาน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย…
          เสียงหวีดหวิวของสายลมข้างนอกยามปลายฤดูหนาวเช่นนี้ชวนให้ความเหงาเข้าแทรกซึมเกาะกินหัวใจได้ทุกเมื่อที่ไร้คนเคียงข้าง… อากาศภายนอกคงจะเย็นพอควร… แต่ก็คงไม่เท่ากับที่ที่นาโอรุอยู่ตอนนี้… คงจะหนาวเย็นมากกว่านี้หลายเท่า…
      -----------------------------------------


          “ซูนะจัง! รอนานมั้ย?” เสียงทุ้มอันอบอุ่นดังขึ้นจากทางด้านหลังฉัน… หัวใจของฉันเต้นเร็วจนควบคุมไม่ได้ รู้สึกงกๆเงิ่นๆทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาชั่วขณะ…
          ฉันหันไปตามเสียงนั้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่อวลไปด้วยความรัก ความคิดถึง ความจริงใจ และ ความรู้สึกทั้งหมดที่มี
          …ทาคุมิ  นาโอรุ … ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงนี้ตรงหน้าฉันแล้ว… ไออุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนฉันแทบจะละลายได้ทุกเมื่อ…

          …เวลานี้ที่เรารอคอยมาถึงแล้ว…จริงหรือ…?…

          “นาโอะจัง…” ฉันเอ่ยชื่อเขาออกไปแล้วชะงักไว้เพียงนั้น พูดอะไรไม่ถูก… อยากบอกว่ารักเขามากแค่ไหน… อยากบอกเขาว่ารอวันนี้มาตลอด… อยากบอกอะไรที่กึกก้องอยู่ข้างในใจมากมายออกไป… แต่เขาก็คงรับรู้มันอยู่แล้ว… และถ้าฉันบอกออกไปอีก มันก็อาจไม่มีค่าอะไร…
          …รอยยิ้มกับแววตาของนาโอรุช่างมีค่ากับฉันเหลือเกิน… เป็นปีแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้…
          “ดีใจจังที่ได้เจอซูนะจังอีก…” นาโอรุยิ้ม… คำพูดของเขาเพียงแค่นี้ก็มีความหมายสำหรับจิตใจฉันตอนนี้มากแล้ว
          เวลานี้ฉันแทบไม่รู้ว่าเราสองคนอยู่ที่ไหน… และเรานัดเจอกันได้อย่างไร… แล้วทำไมฉันแทบจำวันก่อนๆที่ผ่านมาไม่ได้เลย… เหมือนมันล่วงมาเร็วมาก เร็วเกินไป…
          …เวลานี้เหมือนมีแค่เราสองคน ไม่มีใครอื่น…
          น้ำตาค่อยๆรื้นขึ้นที่ขอบตาของฉันอย่างไม่ทันรู้ตัว…
          คราวนี้คงกลั้นไว้ไม่อยู่… แต่คงไม่ผิดที่จะปล่อยให้มันไหลรินออกมา… เพราะฉันเคยบอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นนอกจากคนที่ฉันรัก…
          “นาโอะจัง… รู้… รู้มั้ยว่าเราดีใจ… ดีใจมากที่สุด ที่การรอคอยสิ้นสุดลงสักที” น้ำตาไหลพรากออกมา… ฉันต้องพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้สั่น พยายามยิ้มออกไปทั้งน้ำตา
          ยิ้ม…ให้รู้ว่าฉันมีความสุขมากแค่ไหนที่มีวันนี้…
          รอยยิ้มจางไปจากใบหน้านาโอรุ เหลือแต่แววตาห่วงหาอาทรภายใต้แว่นตาคู่นั้นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนฉันรู้สึกได้ถึงความห่วงใยนั้น
          “ถึงแม้วันนี้เราจะยัง… ยังไม่… ไม่ได้รักกัน… แต่เราก็… ก็ดีใจที่มีวันนี้” ฉันพูดไปสะอื้นไปราวกับคนพูดติดอ่าง
          ไม่ทันที่จะตั้งตัว มืออุ่นๆข้างหนึ่งของนาโอรุ ก็สัมผัสเบาๆบนแก้มที่เปรอะด้วยคราบน้ำตาของฉัน แววตาคู่นั้นมีรอยร้าวอยู่ลึกๆ
          
          …อยากหยุดเวลานี้ไว้นานๆจังเลย…

          “ไม่เอาสิ… ซูนะจังต้องไม่ร้องไห้นะ” น้ำเสียงนั้นอบอุ่นและแฝงด้วยความห่วงใยเช่นเคย
          “มัน…  มันห้ามไม่ได้… จริงๆนะ…” ฉันกล่าวเสียงสั่น

          …มันห้ามไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว… ตั้งแต่ที่เผลอใจไปรักเธอแล้ว นาโอะจัง…

          “อยากอยู่แบบนี้นานๆจัง  อยากอยู่กับนาโอะจังสองคนแบบนี้ไปนานๆ” ฉันค่อยๆพริ้มตาลงทั้งๆที่น้ำตายังไม่หยุดไหล เอามือของฉันจับมือของนาโอรุที่ปาดน้ำตาฉันนั้น แนบที่แก้มนิ่ง…
          “ซูนะจัง…” นาโอรุเอ่ยชื่อฉันด้วยอารมณ์บางอย่าง… อาจจะไม่เข้าใจ…อาจจะสงสัย…หรืออาจจะสงสาร…ฉันไม่รู้… รู้แต่ว่าฉันหลับตาอยู่ และสัมผัสจากมือนาโอรุช่างอบอุ่นเหลือคณา
          “เราขอแค่วันนี้ได้มั้ย?… ถึงนาโอะจังจะไม่ได้รักเราก็ตาม แต่เราขอแค่วันนี้ เวลานี้ อยากเก็บเอาไว้ในความทรงจำเสี้ยวหนึ่ง… ให้ได้รึเปล่า?” ฉันพูดทั้งที่หลับตา… บางทีอาจจะดีกว่าที่ต้องเผชิญกับสายตาของนาโอรุ… กลัว…กลัวสายตาเย็นชาจากนาโอรุเหลือเกิน…
          “ได้สิ… ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็ซูนะจังเป็นคนที่พิเศษยิ่งกว่าเพื่อนนี่นา…” น้ำเสียงนั้นยังคงมีแววห่วงใย… แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้ว…

          ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น น้ำตาไม่จางหายไปสักที…. ดวงตาคู่นั้นมองมาเศร้าๆ…
          ฉันคลายมือของนาโอรุออก ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงของนาโอรุ ซบหน้าลงบนแผ่นอกนั้น… เวลานี้ไม่มีใครจริงๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีแค่เราสองคน… ทำแบบนี้แค่ครั้งเดียวคงไม่ผิดอะไร… ขอแค่มีไออุ่นนี้เก็บไว้ในความทรงจำก็พอ…
          น้ำตามากมาย พากันหลั่งไหลท่วมท้นดวงตาของฉัน… นาโอรุโอบกอดฉันเบาๆ… ผิดกับฉันที่โอบร่างของเขาไว้แน่น กลัวร่างนั้นจะหลุดลอยหายไป…
          “นาโอะจัง…  สัญญานะว่าจะไม่ทิ้งเรา  แม้ว่านาโอะจังจะไม่รักเราแบบที่เรารักนาโอะจัง… แต่อย่าทิ้งเพื่อนคนนี้ไปนะ…” ไออุ่นในอ้อมกอดนาโอรุนั้นอบอุ่นที่สุดในเวลานี้
          “อืม…สัญญา… เราจะไม่ทิ้งซูนะจัง… จะไม่มีวัน” น้ำเสียงนั้นหนักแน่นด้วยความหมาย… ทว่าสั่นเครือ… เขาคงรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยที่ฉันอ่อนแอขนาดนี้…
          “วันหลังถ้าเรามาหา  นาโอะจังต้องต้อนรับด้วยนะ” น้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย   จนเสื้อของนาโอรุเปียกชื้น แต่เขาก็ยินดีให้ฉันอยู่ในอ้อมกอดอย่างนั้นนิ่ง
          “แน่นอน… ซูนะจังไม่ต้องกลัวหรอก เราสัญญา…”

          …ถ้าหลับไปตรงนี้ ในอ้อมกอดของนาโอรุแบบนี้ แล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก ก็คงมีความสุขที่สุดแล้ว…

          ฉันบอกกับตัวเองว่านั่นเป็นเพียงความคิดที่งี่เง่าวูบหนึ่งของฉันเท่านั้น…
          
          “อยากอยู่แบบนี้นานๆจังเลย … เรามีความสุขที่สุดเลย” ฉันพูดไปทั้งที่ยังร้องไห้
          “ถ้ามีความสุข…  ก็อย่าร้องไห้   แล้วเงยหน้าขึ้นมา   ยิ้มให้เราหน่อยสิ” นาโอรุบอกเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ฉันอยากจดจำเอาไว้ไปเนิ่นนาน
          ฉันพยายามหยุดร้องไห้ ก่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มทั้งน้ำตาให้นาโอรุ… นาโอรุยิ้มตอบด้วยแววตาแสนอ่อนโยน ก่อนเอามือข้างหนึ่งเกลี่ยเส้นผมที่ระใบหน้าฉันออก…
          “ซูนะจังยิ้มแล้วน่ารักมากนะ รู้ตัวรึเปล่า…”
          ฉันได้แต่ยิ้มเงียบๆ ก่อนจะซบหน้าลงบนแผ่นอกนั้นต่อ
          
      …น่ารักแล้วทำไมไม่รักนะ…

          “นาโอะจัง…  เราอยากบอกอีกครั้งว่า เรารักนาโอะจังมากที่สุด  รักมากเท่าที่ผู้หญิงคนนึงจะรักผู้ชายคนนึงได้   รักมากเกินกว่าที่จะพูดให้นาโอะจังได้เข้าใจ… แต่รู้เอาไว้ว่ารักก็แล้วกันนะ…”  ฉันหลับตาซบอยู่ในอ้อมกอดนั้นนิ่ง

          ความรักของผู้หญิงหัวใจอ่อนไหวแบบฉัน… อยากให้เขารู้เหลือเกินว่ามันมากมายแค่ไหน… แต่ผู้ชายจะเข้าใจผู้หญิงได้รึเปล่านะ… โดยเฉพาะผู้หญิงแบบฉัน…
          
          จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในที่มืด…มืดมาก… เคว้งคว้างและว่างเปล่า… ไร้ร่างของนาโอะจังอยู่… มีฉันเพียงลำพัง…  แสงสว่างจุดเล็กๆจากทางด้านหนึ่งค่อยๆขยายวงกว้างขึ้นๆเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ

          …ฉันสะดุ้งตื่นขึ้น พบตัวเองนอนอยู่บนเตียงคุ้นเคย ซุกตัวในผ้าห่มผืนสีฟ้าลายการ์ตูน… รอบตัวปราศจากใคร…
          …ความสับสนต่างๆเวียนวนอยู่ในความรู้สึก และห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนที่จะเข้าใจได้ถึงความเป็นตัวตนของฉัน และ วันเวลาปัจจุบันได้ ก็กินเวลาชั่วครู่…

          …วันนี้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547  นี่เอง…

          … ยังรัก และ รอ ทาคุมิ นาโอรุ เหมือนเดิม…

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×