Lollipop Girl รักล้นใจยัยหนอน(หนังสือ) - Lollipop Girl รักล้นใจยัยหนอน(หนังสือ) นิยาย Lollipop Girl รักล้นใจยัยหนอน(หนังสือ) : Dek-D.com - Writer

    Lollipop Girl รักล้นใจยัยหนอน(หนังสือ)

    นิยาเรื่องแรก อาจจะดูไม่ค่อยน่าสนสักเท่าไหร่อ่านกันสักนิดนะ(ดองไว้นานกว่าสามชาติแล้ว ฮ่าๆ) see ya!

    ผู้เข้าชมรวม

    189

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    189

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ส.ค. 56 / 17:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     เพราะนักเรียนเริ่มร่อยหรอทั้งโรงเรียนเลยมีนักเรียนแค่ 11 คน เป็นเหตุให้ต้องยุบโรงเรียน ฉัน 'โลลลิป็อบ' ผู้หญิงที่ใส่แว่นหนาเตอะ หน้ามันแผล็บ ผิวพรรณดำคล้ำไม่น่ามอง จำต้องย้ายจากที่นี่โดยไม่มีข้อแม้ 'แล้วฉันจะไปเรียนที่ไหนกันเล่าหากโรงเรียนแห่งนี้เป็นอันต้องยุบ' แต่แล้วฉันก็ได้รับความเห็นใจโดยน้าของฉันที่อยู่กรุงเทพฯ ท่านจะรับฉันไปอยู่ด้วยเพราะท่านอยู่คนเดียวแล้วบ้านมันไม่มีคนดูแล

    เรื่องราวจะเป็นเช่นไรโปรดติดตาม...    
       

    }
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      intro...
                 โอ๊ย นี่มันเรียกว่าโรงเรียนได้อยู่อีกหรอเนี่ยนักเรียนทั้งโรงเรียนมีแค่ 'สิบเอ็ดคน'โอ๊ยอยากจะบ้าตาย น่าอนาถใจซะจริงๆ เด็กต่างจังหวัดก็อย่างนี้แหละน้าไม่มีโอกาสดีๆ เหมือนเด็กที่อยู่ในเมืองใหญ่อย่างแบงคอกซิตี้ เฮ้อ
      -_-^=3 บ่นไปก็เท่านั้นแหละมันไม่ได้ทำให้อะไรๆ มันดีขึ้นมาแถมยังเปลืองพลังงานความคิดโดยใช่เหตุอีกด้วย

      “กลับมาแล้วค่า” ฉันตะโกนเมื่อกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านแม่ที่อยู่ในครัวจึงหันมาหาฉันตามเสียง

      “อ้าวกลับมาแล้วหรอลูก เป็นไงบ้างเรื่องโรงเรียนน่ะ” แม่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

      “ก็คงต้องหาที่เรียนเองดูน่ะค่ะ ถ้าหนูหาไม่ได้ทางโรงเรียนเขามีโรงเรียนเตรียมไว้ให้แล้วค่ะแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะยังไงหนูก็มีที่เรียนอยู่แล้วล่ะค่ะ” ฉันบอกแม่ด้วยน้ำเสียงไม่คิดมาก

      “อ้อ วันนี้แม่ลองโทรไปปรึกษาน้าอิงแล้ว น้าอิงบอกว่าอยากจะให้หนูไปเรียนที่กรุงเทพฯ น่ะจ๊ะ น้าเขาจะได้มีเพื่อน อยู่บ้านคนเดียวคงจะเหงาน่ะ แล้วหนูล่ะว่าไงลูก” แม่บอกรายละเอียดเรื่องที่ว่าจะโทรไปปรึกษาน้าอิงตามที่เคยพูดไว้กับฉันเรื่องย้ายโรงเรียนเนี่ยแหละ แล้วถามความเห็นฉันว่าฉันจะว่ายังไง

      “หนูว่าก็ดีนะแม่ แต่แม่จะไม่เหงาแย่หรอที่ไม่มีหนูอยูด้วยน่ะ” ฉันพูดพลางออดอ้อนแม่แล้วสวมกอดแม่จากด้านหลังแล้วเอาหน้าซุกกับแผ่นหลังของแม่อย่างที่เคยทำ

      “นี่ๆ หยุดเอาหน้ามาซุกไซ้แม่เหมือนแมวน้อยขี้อ้อนได้แล้ว แม่จั๊กจี๋นะ” แม่บอกฉันพร้อมกลั้นหัวเราะ

      “คิกๆๆ เมื่อไหร่แม่จะเลิกบ้าจี้ซะทีนา”

      “เราก็เลิกแกล้งแม่ซะทีสิ เอาล่ะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาทำครัวเตรียมสำรับอาหารช่วยแม่เร็ว” แม่บอกเป็นเชิงไล่ฉันกลายๆ แหะ

      “ค่าๆ”

       

      หลังจากที่ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วฉันก็ลงมาช่วยแม่เตรียวอาหารเย็น จริงๆ แล้วฉันก็ทำอาหารเก่งนะแต่ขี้เกียจจะทำ ไม่อยากจะบอกเลยฉันทำอาหารอร่อยมากนะรับรองว่าใครกินก้ต้องติดใจในเสน่ห์ปลายจวักของฉันอย่างแน่นอน

      เมื่อเตรียมอาหารเย็นเสร็จก็ได้เวลารับประทานอาหารสักทีเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองหิวมากฉันกินตั้งสองจานพูนๆ แนะ จนคุณพ่อออกปากแซวยกใหญ่ว่าฉันกินแยอะแล้วจะอ้วนเป็นหมู แต่คุณพ่อก็รู้ดีอยู่แล้วว่าฉันน่ะผอมมาก

      “เรื่องที่เราจะไปเรียนที่กรุงเทพกับน้าอิงตกลงว่าจะเอายังไง จะไปหรือเปล่าลูก” คุณพ่อถามฉันเอาดื้อๆ จนฉีนที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงักค้างไว้แล้วตอบพ่อกลับไปอย่างมั่นใจ

      “หนูว่าก็ดีนะพ่อ อย่างน้อยก็ดีกว่าที่นี่อ่ะ” พูดจบก็ยัดข้าวเข้าปากต่อ

      “อืม งั้นก็แล้วแต่ลูกแล้วกันนะ แต่พ่ออยากจะเตือนเราหน่อยนะว่ากรุงเทพฯมันอันครายกว่าที่ลูกคิดเยอะนะลูกจะไปไหนมาไหนก็ระวังตัวด้วย”

      “หนูรู้ค่ะพ่อ”

      “แล้วอีกเรื่องก็คือ...”

      “...”

      “เรื่องการมีแฟนน่ะลูกจะคบใครต้องระวังนะลูก ดูให้ดีอย่าตัดสินใครที่ภายนอกเพราะบางครั้งเขาคนนั้นอาจจะดีกว่าคนที่ลูกเห็นว่าดีก็ได้”

      “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกค่ะพ่อหน้าตาอย่างลูกสาวพ่อคนนี้เนี่ยนะจะมีแฟนกับเขา ฮ่าๆ คงอีกนานอ่ะพ่อ” ฉันพูดแกมตลกเพื่อเรียกรอยยิ้มจากพ่อ

      “ก็ไม่แน่นะ เพราะพ่อหน้าตาดีลูกอาจจะได้เชื้อพ่อมาเยอะกว่าแม่ก็ได้นะลูก อุว่ะฮ่าๆ” ^O^

      -_-+++” และนี่คือสายตาของแม่ที่มองพ่อพูดประโยคเมื่อกี้

      การกินข้าวมื้อนี้เป็นมื้อที่อบอุ่นและมีความสุขที่สุดเลยล่ะพ่อกับแม่ก็พูดแหย่กันหยอกล้อกันบ้าง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×