ศิษย์พี่เดียวดายในสุสานป่าไผ่ [YAOI] - นิยาย ศิษย์พี่เดียวดายในสุสานป่าไผ่ [YAOI] : Dek-D.com - Writer
×

    ศิษย์พี่เดียวดายในสุสานป่าไผ่ [YAOI]

    ยามสิบเจ็ดเขาขึ้นเป็นเจ้าสำนักเซียนในแดนพิรุณไม่หยุดโปรยเวียนว่ายตายเกิดซ้ำซาก ยามยี่สิบบรรลุเซียนตัดขาดซึ่งโลกิยะ หากแต่ว่ายามยี่สิบแปดกลับเวียนพบเพียงคนผู้นึง...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,043

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.04K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    62
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 มิ.ย. 64 / 07:50 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



    *Trigger Warnings*

    Supernatural,Violence,Blood,Major character death

    .

    .

    .

    เนื้อเรื่องย่อ

    สุสานป่าไผ่เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นที่ตั้งของสำนักหยู่หลิน สำนักผู้สืบทอดตำแหน่งปรมาจารย์หยู่มาอย่างช้านาน เพียงเพราะจำใจต้องสถิตเพียงป่าไผ่ปราบมารร้ายที่หลุดรอดออกมาบ่อยครั้ง ดังนั้นแล้วจึงกล่าวได้ว่าเหล่าศิษย์ของหยู่หลินนั้นต่างพรั่งพร้อมไปด้วยประสบการณ์การปราบมารในทุกชั่วขณะ 

    ท่ามกลางทิวไผ่สูงเสียดบังฟ้า ฝนสายนึงตกลงมาอย่างแผ่วเบาบ้างแรงบ้างกระนั้นก็ยังคงตกลงมาตราบเท่าที่จันทรายังคงอวดโฉม สุรายันยังคงทอแสง

    หากแต่ว่าเรื่องราวของชวนพิสดารที่สุดของสำนักหยู่หลินหาใช่มีเพียงแต่ อาณาเขตที่ฝนพรำตลอดกาลหรือพักหลังศิษย์ในสำนักมีเพียงสามคน 

    หากแต่เป็นเจ้าสำนักผู้นั้น ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นเซียนซือที่ควรค่าแก่การเคารพที่สุดผู้นั้น ตายสามสิบครั้ง ฟื้นสามสิบครั้ง......

    ============

    การกลับมาพบกันอีกของศิษย์พี่และศิษย์น้อง ชวนน่าอึดอัดใจเล็กน้อยเมื่อ 'หนิงอวี่ 'เองเป็นคนที่อุ้มเด็กน้อย 'จู่ซิ่นซือ' ส่งมอบให้ผู้อื่นเลี้ยงแทนตน ส่วนตัวเองก็เก็บตัวฝีกฝนอยู่ในหยู่หลินตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อสิบสามปีผ่านพ้นไปแล้วการประจันหน้ากันของคนสองคนต่างเต็มไปด้วยคำพูดที่ไม่กล้ากล่าว ทว่าก็มีเพียงผู้อาวุโสกว่าเท่านั้นที่แสร้งหมางเมินอีกฝ่าย

    "ศิษย์พี่"เจ้าเด็กนั่นร้องเรียกเขาเสียงแผ่วเบา หวนให้นึกถึงสมัยที่ยังเป็นเจ้าก้อนแป้งน้ำมูกไหลคอยให้หนิงอวี่ตามเช็ดล้าง

    "...."เป็นหนิงอวี่เองที่ไร้การตอบรับ ท่าทางสง่างามของเขาเองก็ดูขึงขังขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มอายุน้อยกว่าราวๆสี่ถึงห้าปีกำลังตามตื้อให้เขาพูดด้วยอีกสักครั้งในรอบสิบกว่าปี นับเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจมากเสียทีเดียว

    "ท่านไม่คิดจะพูดอันใดกับข้าหน่อยหรือ จะด่าจะว่าข้าก็ได้แม้ว่าท่านจะไม่เคยด่าข้าแม้แต่คำเดียว หรือจะทุบตีข้า เกลีัยดชังข้าอย่างไรก็ตาม แต่ได้โปรดอย่าทำเหมือนท่านลืมข้าไปแล้วเลย ฮึก..."ภาพของชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆน้ำตาคลอเบ้าเริ่มปรากฏต่อหน้าเขา ทำเอาคนมองทำอันใดไม่ถูก ไม่ใช่ว่าโตแล้วจะร่ำไห้ไม่ได้ แต่เจ้าจะร้องทำอันใดเล่า

    "...."เห็นว่าหนิงอวี่ไม่ตอบอันใดต่อเหมือนเคยทำเพียงสีหน้าอึกอักอยู่ภายใต้หมวกไม้ไผ่สาน ผ้าแพรขาวปิดบังใบหน้าหล่อเหลาไว้เสียเกินครึ่ง จู่ซิ่นซือยิ่งกักกันน้ำบ่อน้อยภายหลังดวงตาใสแจ๋วของไม่ไหว ความน้อยอกน้อยใจจุกอยู่เต็มอก แปรปรากฏเป็นธารน้ำสายยาวอาบแก้มแทน เสียงสะอึกสะอื้นเหมือนวันวานทำเอาศิษย์พี่ที่เย็นชาของเขาสะดุ้งเฮือกเพราะตกใจคาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะยังเป็นเจ้าแม่บ่อน้ำตาเหมือนเดิมไปแปรเปลี่ยน

    ภาพของจู่ซิ่นซือที่ร่ำไห้สะอึกสะอื้นอยู่เบื้องหน้าเจ้าสำนักหยู่ต่างถูกจับตามองโดยเหล่าศิษย์สำนักอื่น พร้อมคำครหาที่ว่าเจ้าสำนักหยู่หลิน ผู้ที่ทั่วสามภพต่างยกย่องเชิดชูให้ความเคารพว่าเป็นเซียนกระบี่วรรษาผ่านเลื่องลือนาม ยามนี้กลับทำให้ศิษย์เอกของตงหลิ่งผู้เก่งกาจผู้นั้นร่ำไห้ได้จะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาบเพียงใดกัน? แม้กระทั่งเสียงกระซิบกระซาบคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆนาๆก็หาได้ทำให้เซียนบุรุษภายใต้หมวกไม้ไผ่สานนั่นอารมณ์ร้อนขึ้น

    ทว่าภายในใจหนิงอวี่ลอบกุมขมับ สถานการณ์นี้ส่งผลใหญ่หลวงต่อภาพลักษณ์เซียนชุดขาวน่าเลื่อมใสของหนิงอวี่นักดังนั้นแล้วเจ้าของร่างสูงโปร่งที่คุมทับด้วยอาภรณ์สีเทาสว่างคะนึงว่าการมุ่งจะเดินจากไปน่าจะเหมาะสมกว่าการตกเป็นคำครหาอันรู้ไม่จริงของผู้อื่น ทว่าหันหลังออกไปได้เพียงก้าวก็ต้องหยุดลงเนื่องด้วยมิอาจไปต่อได้ราวกับถูกตรึงตะปูไว้จากทางด้านหลังเสียอย่างงั้น

    หนิงอวี่รีบเอี้ยวตัวกลับมามองก็พบว่า ศิษย์น้องผู้นั้นก็หาได้หยุดคร่ำครวญไม่ ท่วงท่าอากัปกิริยาของเขายังเป็นเช่นหากแต่เมื่อเลื่อนสายตาลงต่ำก็ทำเอาแทบหนิงอวี่เกือบจะล้มจับด้วยความขุ่นเคือง

    ที่แท้เป็นศิษย์ผู้น้องนี่ที่เหยียบชายอาภรณ์เขาไว้อย่างโจ่งแจ้ง ส่วนเจ้าตัวก็ร้องไห้ดั่งโดนเขาด่าว่า 'นี่ เจ้าหนู เจ้ามันช่างอ่อนแอไม่มีค่าพอที่จะพูดกับข้าแม้แต่คำเดียว จะร้องไห้ก็ร้องไปข้าไม่ไยดีเจ้าหรอก' เสียอย่างงั้น

    ทำเอาหนิงอวี่ผู้สงบเสงี่ยมผู้นั้นเส้นเลือดปูดขึ้นเหนือขมับนับว่าจู่ซิ่นซือไม่ธรรมดาเชียวที่ทำเซียนผู้ตัดขาดจากรัก โลภ โกรธ หลง คิ้วกระตุกได้ถึงเพียงนี้

    ============

    ตัวละครหลัก:

    หนิงอวี่ 

    ผู้คนต่างสรรเสิญเขาว่าเป็นเซียนผู้น่าเลื่อมใสท่านนึง ยามนั้นเข้ามรรคาด้วยกระบี่กวัดแกว่ง ตัดขาดจากเรื่องราวคาวโลกีย์โดยสิ้นเชิง

    'หากเพื่อโลกาและมวลมนุษย์แล้ว ข้ายินดีที่จะต้องปราบมารร้าย เวียนว่ายตายเกิด ในหยู่หลินตราบเท่าที่ฟ้าดินสลาย'

    "ไม้ได้กลายเป็นเรือแล้วศิษย์น้อง ศิษย์พี่เจ็ดของเจ้าวันนี้ก็แปรเป็นเจ้าสำนักแล้ว เจ้าคาดหวังให้ข้ายังเป็นคนเดิมหรืออย่างไร?"

     

    จู่ซิ่นซือ

    ยามนั้นซือฝูเก็บเด็กเล็กมาจากในป่าไผ่ ทั้งร้องไห้กระโจงงอแงน่ารำคาญ พอโตขึ้นหน่อยก็กลายเป็นถูกศิษย์พี่ขับไล่จากสำนักให้ไปอยู่กับคนอื่น

    'หากเพื่อจะได้อยู่เคียงท่านแล้ว ต่อให้ข้าหลุดเซียน ก็จะยอมเป็นมารเพื่ออยู่ข้างท่านตลอดกาล'

    "ต่อให้ท่านจะหมางเมินข้าถึงเพียงใด สิ่งเดียวที่ข้าปราถนาก็ยังคงเป็นอ้อมกอดของท่านที่เคยเคยได้รับครั้นยังเยาว์"

     


    ===================

                   สวัสดีค่ะ! พบกันอีกแล้วนะคะตอนนี้นิยายเรื่องนี้เริ่มแต่งใหม่ทั้งหมด มีการเปลี่ยนแปลงชื่อตัวละครเล็กๆน้อย สำหรับท่านนักเก่าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

                   ตอนนี้ไรท์อัพอยู่สองที่นะคะ สามารถไปติดตามความคืบหน้าได้ที่แทก #ศิษย์พี่เดียวดายในสุสานป่าไผ่ หรือจะเป็นแอคทวิตไรท์ก็ดั้ย!
                   
                   หากมีข้อผิดพลาดประการณ์ใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติชมกันได้เรื่อยๆ คุยกันชิลๆเลยยยยยยยยยยย

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น